[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก
Part 8# Wayo พี่โซ่โหมดดาร์ก
“เอ่อ...มิ้งแค่มองผิดไปเองต่างหาก พี่โซ่กับเราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะจะมาหอมแก้มกันได้ไง” ก็รู้แหละว่าเหตุผลมันฟังไม่ขึ้นและดูแถหน้าด้านๆ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่เพราะยัยนี่ต้องปากสว่างแน่ๆ
“มองผิดเนี่ยนะ? ถามจริงว่าเราเหมือนคนตาบอดงั้นหรอ?” โอเค ถ้ายัยนี่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถงไม่แถมันต่อละ
“เออ เรายอมรับก็ได้ เมื่อกี้พี่โซ่หอมแก้มเรา”
“หึ ที่แท้แฟนพี่โซ่ก็คือวาเองสินะ” ยัยมิ้งยิ้มหยัน คงจะเจ็บใจน่าดูที่รู้ว่าตัวเองโดนหลอก ตอนนั้นผมบอกยัยนี่ว่าไอ้พี่โซ่มีแฟนแล้ว ถึงแม้จะแก้ตัวไปว่าไอ้พี่มันไม่ใช่แฟนผม แต่ยัยมิ้งก็คงไม่เชื่อ
“ตอนนั้นที่งานเลี้ยงต้อนรับน้องฝึกงาน วาก็คงจะแกล้งเมาตัดหน้าเราสินะ เฮอะ! ดันช้าไปซะได้” ผมขอถอนคำพูดที่เคยดูถูกว่ายัยนี่โง่ก็แล้วกัน ประติดประต่อได้ขนาดนี้ก็แสดงว่ายัยนี่ก็ต้องมีสมองเอาเรื่อง
“เข้าเรื่องมาเลยดีกว่า มิ้งต้องการจะพูดอะไรกับเรากันแน่”
“ก็แค่อยากจะเตือนความจำวา”
“เตือนความจำ?”
“ใช่” ยัยมิ้งยิ้มที่มุมปาก “จำได้มั้ย ตอนที่วาบอกว่าพี่โซ่มีแฟนแล้วเราพูดว่ายังไง”
“...” ผมไม่ตอบอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะจำไม่ได้ คำพูดที่เห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจแบบนั้นใครจะไปลืมได้ล่ะ
“เราบอกว่าพี่โซ่มีแฟนแล้วยังไง มีได้ก็เลิกได้ เราจะแย่งมาให้ดู ยิ่งคู่แข่งเป็นผู้ชายแบบนี้ก็ยิ่งของหมูๆ วาคงจำได้สินะว่าเราพูดแบบนี้” พูดถึงตรงนี้ยัยมิ้งก็ยิ่งแสยะยิ้มกว้าง คงจะมั่นใจในตัวเองเอามากๆ ท่าทางชีวิตนี้พอเล็งผู้ชายคนไหนก็คงจะไม่เคยนกเลยสินะ ก็แหงล่ะ ถึงไม่อยากชมแต่ผมก็ต้องยอมรับว่ายัยนี่สวยจริงๆ
“ถ้ามิ้งอยากแย่งก็แย่งไปเลย” ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะอยากตัดรำคาญ แต่ยัยมิ้งกลับคิดไปอีกอย่างนั่นก็คือ...
“ที่พูดแบบนี้คงจะมั่นใจมากเลยสินะว่าจับพี่โซ่ได้อยู่หมัดแล้ว เฮอะ! อยากหัวเราะเป็นบ้า!”
“เออ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามสบาย” ผมล่ะรำคาญยัยนี่จริงๆ เลยจะเดินหนีออกไป แต่ก็โดนขวางเอาไว้ทำให้หนีไปไหนไม่ได้
“เรายังพูดไม่จบ”
“ก็แล้วจะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมาสิ” ผมพูดอย่างเบื่อหนายเสียเต็มประดา นี่ถ้าผมกับยัยนี่เป็นเพศเดียวกันป่านนี้ผมลุยแหลกไปแล้ว เกิดเป็นผู้ชายมันเสียเปรียบตรงนี้แหละถ้าจะมีเรื่องกับผู้หญิง
“ตอนนี้พี่โซ่อาจจะแค่กำลังหลงของแปลกอย่างวา หรือว่ากำลังเบื่อผู้หญิงเลยอยากลองกิ๊กกับผู้ชายดู แต่วาก็รู้นี่ว่าผู้ชายมันจะไปมีอะไรสู้ผู้หญิง แล้วอย่างนี้วายังคิดว่าพี่โซ่จะคิดจริงจังกับตัวเองงั้นหรอ อย่ามั่นหน้ามั่นโหนกด้วยความมั่นใจไปหน่อยเลย” ยัยมิ้งพูดพร้อมกับเหยียดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยอย่างสมเพชเวทนา ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครหัวเราะได้สกปรกเท่ากับยัยนี่เลย
“เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย” ผมตอบด้วยใบหน้านิ่งๆ เรื่องที่ยัยมิ้งพูดผมไม่รู้สึกอะไรหรอกเพราะเคยเจอมาหนักยิ่งกว่านี้
“ยังมีอีก เมื่อกี้ที่เราพูดดูเหมือนว่าวาจะยังไม่เข้าใจ ถ้างั้นเราก็จะพูดเอาบุญเพื่อให้วาหายโง่ก็ได้ คนฉลาดอย่างพี่โซ่ก็ต้องเลือกไม่ผิดอยู่แล้วว่าจะเลือกผู้ชายหรือผู้หญิงจริงมั้ย?” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาตรงประตูซะก่อน
“จริงครับ” เท่านั้นแหละผมกับยัยมิ้งก็รีบหันมองไปทางต้นเสียง ซึ่งก็ทำให้พบกับ...
“พี่โซ่” ผมเรียกชื่อไอ้พี่มันเบาบางยิ่งกว่าเสียงกระซิบ ก็ไม่รู้ว่าผมอึ้งที่เห็นไอ้พี่มันยืนอยู่ตรงนี้ หรือว่าอึ้งที่ได้ยินในสิ่งที่ไอ้พี่มันพูด
“พะ...พี่โซ่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ยัยมิ้งก็ดูเหมือนว่าจะอึ้งไม่ต่างกัน นอกจากนั้นใบหน้ายังถอดสีอีกด้วย
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่? อืม...จะตอบยังไงดี เอาเป็นว่าพี่ไม่ได้ไปไหนตั้งแต่แรกน่าจะเป็นคำตอบที่ตรงที่สุดครับ” ไอ้พี่โซ่พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผิดกับยัยมิ้งที่ยิ่งหน้าซีดมากกว่าเดิม
“ถะ...ถ้างั้นก็แสดงว่า...”
“ครับ พี่แอบอยู่หลังประตู”
“ถะ...ถ้างั้นพี่โซ่ก็ได้ยิน”
“แน่นอน ตั้งแต่แรกเลยครับ”
“ตะ...แต่ลุงผอ.เรียกให้พี่โซ่...”
“พี่ไม่ได้รับผิดชอบงานนี้โดยตรง เพราะงั้นผอ.ไม่น่าจะเรียกพบพี่หรอกครับ หรือถ้าจะเรียกจริงๆ ผอ.ก็คงเรียกไปคุยพร้อมไอ้ฟลุคกับพี่จ๋าไปแล้ว”
“อะ...อ๋อ...มิ้งก็ลืมคิดไปเลย” แล้วยัยมิ้งก็หัวเราะแห้งๆ ออกมา ส่วนไอ้พี่โซ่ก็ยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม เพราะงั้นยัยมิ้งเลยคิดว่าพี่โซ่คงไม่ถือโทษโกรธตัวเองล่ะมั้ง
“มิ้งขอโทษนะคะที่โกหก แต่ที่มิ้งทำแบบนี้ก็เพราะสงสารวา พี่โซ่คงจะเข้าใจแล้วก็ไม่โกรธมิ้งนะคะ” เปลี่ยนจากทำผิดเป็นเอาดีเข้าตัวเฉยเลยยัยนี่
“ครับ พี่เข้าใจ” เอาเข้าไป ศีลเสมอกันดี คนหนึ่งก็สัมภเวสีอีกคนก็ผีตายซาก!
“มิ้งคิดอยู่แล้วค่ะว่าพี่โซ่ต้องเข้าใจ ก็มิ้งไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ แถมมิ้งยังช่วยวาให้หายโง่ด้วยซ้ำ ในอนาคตพี่โซ่ก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวแล้วจะจริงจังกับวาได้ยังไง”
“นั่นสินะ จริงอย่างที่มิ้งพูด ใครจะไม่อยากแต่งงานมีครอบครัวล่ะจริงมั้ย” พอได้ยินแบบนี้หัวใจของผมมันก็เจ็บแปลบขึ้นมา ยิ่งพอนึกภาพที่ไอ้พี่โซ่ได้เข้าพิธีแต่งงาน ได้อุ้มลูก และได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ออก
เรื่องนั้นผมรู้...
รู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนั้นสักวัน...
ก็ไอ้พี่มันเป็นผู้ชายแท้ๆ ที่ชอบผู้หญิงนี่นา...
ผมไม่กล้าหันไปมองหรอกนะว่าไอ้พี่โซ่กำลังทำหน้าแบบไหน แต่แค่มองยัยมิ้งที่กำลังยิ้มเยาะผมก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แล้วอย่างนี้ผมยังจะมีหน้าอยู่ที่นี่ได้อีกงั้นหรอ
“ผมขอตัวก่อนแล้วกัน” ผมพูดจบก็รีบเดินออกไป แต่แค่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ไอ้พี่โซ่ก็คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ซะก่อน
“วาจะไปไหน”
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ ปล่อยผม!” แล้วผมก็สะบัดข้อมืออย่างแรง แต่ไม่ว่าจะสะบัดยังไงไอ้พี่โซ่ก็ยังจับข้อมือของผมไม่ยอมปล่อยอยู่ดี
“วาชอบหนีปัญหาตลอดเลยนะ”
“หนีปัญหาบ้าบออะไรของพี่!”
“ทำไมวาถึงชอบหนีโดยที่ไม่รอฟังอะไรจากพี่เลย”
“พี่อย่าพูดเหมือนกับว่ามันเคยเกิดเรื่องอย่างนี้มาก่อนจะได้มั้ย!” ผมไม่เข้าใจว่าไอ้พี่โซ่พูดบ้าอะไร ผมหนีปัญหาที่ไหน แต่ที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของผมต่างหากแล้วผมจะอยู่ต่อไปเพื่อ!
“พี่ขอล่ะครับ อยู่ตรงนี้ อย่าหนีพี่ไปไหนอีก” ไอ้พี่โซ่มองตรงเข้ามาในดวงตาของผม สีหน้า แววตา และคำพูดที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคาในใจทำเอาผมเริ่มลังเล ก่อนที่ในที่สุดผมก็ยอมอยู่นิ่งๆ ตามที่ไอ้พี่มันขอ ไอ้พี่มันจึงได้หันมองไปยังยัยมิ้งที่ดูเหมือนจะกำลังงงๆ ทำอะไรไม่ถูก
“มิ้งบอกว่าคนฉลาดอย่างพี่ไม่มีทางเลือกผิดแน่นอนใช่มั้ย ระหว่างผู้หญิงอย่างมิ้งและผู้ชายอย่างวา แน่นอนว่าพี่ก็ต้องเลือกวาอยู่แล้ว”
“วะ...ว่าไงนะคะ?” ยัยมิ้งถามอย่างแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่าว่าแต่ยัยมิ้งเลย เพราะผมก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน
ไอ้พี่โซ่น่ะหรอจะเลือกคนอย่างผม?
“พี่โซ่...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามออกไป ใบหน้าของไอ้พี่มันก็ก้มลงมาจนริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสโดนกันซะแล้ว
!!!
ด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าไอ้พี่โซ่จะทำแบบนี้ผมเลยเบิกตากว้าง ส่วนยัยมิ้งก็ไม่ต่างกัน ตาโตๆ ด้วยบิ๊กอายเบิกออกกว้างจนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
นานหลายวินาทีกว่าที่ไอ้พี่โซ่จะถอนจูบออกไป แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับว่าผมถูกมนต์สะกดจากจูบยังไงยังงั้น
“ชัดนะครับมิ้งว่าพี่เลือกวา” ไอ้พี่โซ่หันไปหายัยมิ้งที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้
“พะ...พี่โซ่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ก็เมื่อกี้พี่โซ่ยังบอกมิ้งอยู่เลยว่าอยากแต่งงานมีครอบครัว”
“ใช่ พี่พูดอย่างนั้น แต่ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็สามารถแต่งงานกันได้นี่ครับ ส่วนคำว่าครอบครัวมันจำเป็นด้วยหรอว่าต้องมีลูก หลายครอบครัวไม่เห็นมีก็ยังอยู่กันได้จริงมั้ยครับ” ไอ้พี่โซ่ยิ้มบางๆ คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในใจ แต่ก็ตรงข้ามกับยัยมิ้งที่ราวกับว่าหัวใจได้ถูกจุดไฟเผา
“พี่โซ่คิดดีแล้วหรอคะที่หักหน้ามิ้งแบบนี้ การทำให้ผู้หญิงโกรธ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างมิ้งพี่โซ่คิดบ้างมั้ยว่าจะโดนอะไร...มิ้งจะเอาเรื่องนี้ไปแฉให้ทุกคนรู้ว่าพี่โซ่กับวาเป็นคู่เกย์กัน!” ยัยมิ้งประกาศกร้าวพร้อมกับกำหมัดแน่น ผมเชื่อว่ายัยนี่ต้องทำจริงแน่เพราะว่าแค้นพวกผม แต่ถึงอย่างนั้นไอ้พี่โซ่ก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม
ในสถานการณ์แบบนี้ทำไมไอ้พี่มันถึงยังสามารถยิ้มได้!
“ถ้ามิ้งอยากจะเอาเรื่องนี้ไปแฉให้ทุกคนรู้ก็ได้ พี่ไม่ว่า ไม่แคร์ แล้วก็ไม่อาย แต่คนที่อายน่าจะเป็นมิ้งมากกว่านะครับ”
“พี่โซ่หมายความว่าไง” อย่าว่าแต่ยัยมิ้งเลย เพราะผมก็ไม่เข้าใจที่ไอ้พี่มันพูดเช่นกัน
“ก็คนทั้งแผนก เผลอๆ แทบจะทั้งบริษัทรู้กันหมดแล้วว่ามิ้งพยายามให้ท่าพี่แค่ไหน แต่ถ้ามิ้งเอาเรื่องนี้ไปแฉ มันก็เท่ากับว่ามิ้งประกาศความพ่ายแพ้ของตัวเองนะครับ” พอได้ยินแบบนั้นยัยมิ้งก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“ละ...แล้วไง แพ้ก็แพ้สิมิ้งไม่สนหรอก” ถึงจะบอกว่าไม่สน แต่สีหน้าและท่าทางของยัยมิ้งนั้นดูลนลานสุดๆ เลย
“แน่ใจหรอครับว่าไม่สนจริงๆ? สาวมั่นอย่างมิ้งจะทนได้หรอถ้าต้องถูกคนทั้งบริษัทนินทาว่าสู้ผู้ชายไม่ได้ แล้วยิ่งตลอดเวลาที่ผ่านมามิ้งทำตัวให้คนอื่นหมั่นไส้ด้วยแล้ว ลองคิดดูนะครับว่ามิ้งจะถูกเหยียบซ้ำให้จมดินแค่ไหน เพราะงั้นคิดให้ดีๆ นะครับว่ายังจะแฉเรื่องนี้อยู่อีกรึเปล่า” ในขณะที่พูดไอ้พี่โซ่ก็ยังคงยิ้มแย้มเช่นเดิม นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูและเห็นกับตา ผมไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าไอ้พี่มันจะเป็นคนพูด
รู้สึกขนลุกและเย็นวาบขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้วผมไม่เคยเห็นไอ้พี่โซ่โมโหเลยสักครั้ง ปกติใบหน้าของไอ้พี่มันก็จะยิ้มแย้มเป็นเทวดาตลอดเวลา ก็พึ่งรู้นี่แหละว่าถึงจะเข้าสู่โหมดดาร์กไอ้พี่มันก็จะยังคงยิ้ม
ซึ่งนั่นทำให้แว้บหนึ่งผมรู้สึกกลัว...
แต่ก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นความรู้สึกอย่างอื่นก็เข้ามาแทน ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าความรู้สึกนั้นมันเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่ามันทำให้หัวใจของผมที่เหมือนจะตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“หึ! ที่เขาว่ากันว่าผู้ชายส่วนใหญ่มักโง่เป็นควายสงสัยท่าจะจริง ถ้าพี่โซ่จะใฝ่ต่ำขนาดนี้มิ้งก็ไม่อยากดึงขึ้นมาหรอกค่ะ เชิญจมอยู่กับปลักโคลนอย่างที่พี่ต้องการก็แล้วกัน!” ยัยมิ้งพูดจบก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกไปเลย
“เฮ้ออออ” คงจะหมดเรื่องแล้วล่ะมั้ง ที่พูดแรงขนาดนั้นคงเป็นเพราะต้องการประกาศว่าตัวเองไม่ได้แพ้ให้ผม แต่เป็นเพราะตัวเธอเองเป็นฝ่ายไม่เอาไอ้พี่โซ่แล้วต่างหาก
ไอ้โกรธผมก็โกรธอยู่หรอกนะ แต่บางทีชีวิตของคนเรามันก็ต้องรู้จักคำว่า ‘ช่างแม่ง’ บ้าง จะไปเก็บเรื่องทุกอย่างมาใส่ใจมันก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
“วาโอเคมั้ยครับ” ไอ้พี่โซ่ถามผมด้วยความห่วงใยพร้อมกับลูบศีรษะของผมด้วยความแผ่วเบา
“ครับ ขอบคุณมากนะครับที่เข้ามาช่วย”
“มันเป็นเรื่องที่พี่ต้องทำอยู่แล้ว ก็วาเป็นคนสำคัญของพี่...พี่รักวานะครับ” คำพูดที่ไม่คาดฝันว่าจะได้ยินมาก่อนทำเอาหัวใจของผมถึงกับพองโตขึ้นมา เมื่อสบตากับไอ้พี่โซ่ผมก็มองเห็นถึงความจริงใจไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย
“พี่โซ่...” ผมไม่รู้ควรจะตอบอะไร ตอนนี้สมองของผมราวกับว่ามันได้หยุดทำงานไปแล้ว ตรงข้ามกับหัวใจที่มันเต้นแรงขึ้นทุกทีๆ
“เมื่อกี้ที่พี่จูบวาโกรธรึเปล่า” ผมไม่ตอบแต่ก็ส่ายหน้าไปมา “แล้วถ้าพี่ขอจูบอีกครั้งล่ะครับ วาจะยอมแล้วก็จะไม่โกรธพี่ใช่มั้ย”
ผมไม่ตอบอะไรเช่นเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พยักหน้าตอบรับหรือว่าส่ายหน้าปฏิเสธ ไอ้พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นเลยยื่นข้อเสนอออกมา
“เอางี้แล้วกันนะครับ วาก็คิดซะว่าตัวเองไม่ยอม แต่ว่าพี่เป็นคนไม่ดีที่ฉวยโอกาสจูบวาเอาเอง” สิ้นเสียงนั้นไอ้พี่โซ่ก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงมา ก่อนที่ริมฝีปากของเราสองคนจะสัมผัสโดนกัน วินาทีนั้นผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจ ความอ่อนนุ่ม และความอบอุ่นจากอุณหภูมิของร่างกาย รวมไปถึงความรักจากไอ้พี่โซ่...
2BC
เฮลโหลวววว สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ก็จบไปแล้ว ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวตอนนึงเลยล่ะค่ะ ก็จะมีเรื่องราวหลายอย่างทั้งชวนโมโห ชวนงง ชวนสงสัย แล้วก็ชวนให้ฟิน แต่ก็หวังว่าทุกคนจะสนุกแล้วก็ชื่นชอบตอนนี้กันน้า
ว่าแต่ไหนใครเดาอะไรออกบ้างมาเม้ามอยกันหน่อยยย เรื่องราวที่เกี่ยวกับพี่โซ่ได้ถูกเปิดเผยออกมาทีละเล็กละน้อยแล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าจะเฉลยเหมือนที่ทุกคนเดากันรึเปล่า
ส่วนตอนที่ 9 เจอกันวันเสาร์นะคะ แบบว่าพรุ่งนี้ (วันที่10เดือน10) เป็นวันเกิดเราน่ะค่ะ
มีโปรแกรมเดินสายกินกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ต่อกันยาวไปเลยกลัวไม่มีเวลา แหะๆ
แล้วยังไงก็มาเอาใจช่วยพี่โซ่กับน้องวากันด้วยน้า ส่วนน้องมิ้งคนงามคงจะไปแล้วไปลับไม่กลับมาแล้วล่ะค่ะ ก็โดนพี่โซ่พูดใส่ขนาดนั้นนี่เนอะ แอบปากร้ายเหมือนนะเนี่ยพี่โซ่
(9 ต.ค. 61)