เสี่ยครับ
4 – เสี่ยเสียใจ
“ได้ค่ะ อุ้ย”
คุณป้าเจ้าของร้านที่ดูเหมือนเพิ่งเปิดร้านข้าวต้มรอบดึกเงยหน้าขึ้น พอมองเห็นคุณกันต์ธีร์ก็อุทานออกมา ก่อนมองเลยมายังผม
“อ้าว หนูเสือ มาๆ มานั่ง ไม่ได้เจอตั้งนาน!”
เสียงเรียกอย่างคนคุ้นเคยกันเรียกสติผมกลับมา แอบเหลือบเห็นคุณกันต์ธีร์เลิกคิ้วแล้วยิ้มกับชื่อเรียกนั้น ผมสะกดอารมณ์อยากฆ่าคนทั้งมวล ถอดเสื้อสูทพาดแขนไว้แล้วเดินเข้าไปหาพร้อมยิ้มตาหยี แม้ว่าสายตาของคนแถวนั้นพุ่งมาอย่างน่ารำคาญไม่เลิก
“สวัสดีครับคุณป้า พอดีช่วงนี้ผมไม่ว่างเลย แล้วเป็นไงบ้างครับ”
“โอ้ย ก็เรื่อยๆ ตามประสา โธ่ พ่อคุณ ไม่ได้เจอกันแปบเดียวเป็นหนุ่มแล้ว แล้วนี่เพิ่งไปไหนมาล่ะ แต่งซะหล่อเชียว เอาซะป้าล่ะอายร้านตัวเองไปเลย”
“พวกผมว่าจะพากันไป ‘เที่ยว’ ต่อน่ะครับ” คุณกันต์ธีร์ที่ยืนอยู่สบายๆ ตอบแทรกขึ้นมาแทน ก่อนที่จะยกมือไหว้คุณป้าเจ้าของร้านอย่างนอบน้อม “สวัสดีครับ ผมชื่อกันต์ธีร์”
ใบหน้ายิ้มแย้มสุภาพทรงภูมิดูเปล่งเสน่ห์ยากที่จะไม่เผลอเคลิ้ม ผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นพอดียังหันมองแทบคอเคล็ด แต่สำหรับผม นั่นทำให้ต้องขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพร้อมกำมือระงับตนเอง คุณป้าเจ้าของร้านที่ตอนเด็กๆ ผมมาบ่อยๆ ดูลุกลนตื่นเต้น
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องไหว้ แล้วเอ่อ...” คุณป้ามองสลับระหว่างผมกับคุณกันต์ธีร์ เป็นเชิงถามว่าเขาคือใคร
“เป็นผะ-”
“เพื่อนของคุณลุงที่เป็นญาติห่างๆ ครับ” ผมตัดบทก่อนที่เขาจะพูดอะไรโง่ๆ ออกมา โดยไม่ลืมเน้นเสียงคำว่า ลุง ให้ชัดๆ คุณกันต์ธีร์จึงทำหน้าประมาณว่า ‘เพื่อนลุงเลยเหรอ?’ ซึ่งผมอดส่งสายตาทิ่มแทงใส่เขาไม่ได้
เพื่อนลุงยังน้อยไปด้วยซ้ำ ไอ้คุณเสี่ยกันต์ธีร์
“หื้อ ยังเป็นหนุ่มหล่ออยู่เลย”
“พอดูเป็นพี่ชายของ ‘หนูเสือ’ ได้ไหมครับ”
“โอ้ย ทำไมจะไม่ได้ละคะ พอเดินคู่กันแล้วป้านึกว่าดารา”
“งั้นเดี๋ยวผมไปนั่งก่อนนะครับ จะได้ไม่ขวางทางคนอื่น”
ผมตัดบทหน้ายิ้มอีกครั้งพร้อมดึงแขนเสี่ยกันต์ธีร์มาอย่างไม่เกรงใจ ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอน้อยๆ ก่อนร่างสูงใหญ่กว่าจะเดินตามมาแต่โดยดี
ภายในร้านข้าวต้มเป็นร้านสองห้องเพดานสูงที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายปลอดโปร่ง โดยมีพัดลมติดไว้แต่ไม่มีแอร์ รูปภาพรอบๆ เป็นรูปภาพมงคลตามสไตล์คนจีน เช่นรูปปลาคาร์ฟ รูปม้าในกรอบไม้
เพียงเพิ่งเปิดคนก็เริ่มทยอยเข้ามา ถือว่าร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ในแถบนี้ร้านหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนจนถึงตอนนี้
ผมจำไม่ได้แล้วว่ามาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่โดยรวมแล้วร้านไม่ได้เปลี่ยนไปนัก พอได้มาอีกครั้งก็อดนึกถึงความรู้สึกเก่าๆ ครั้งยังเป็นเด็กไม่ได้
“ไม่ยักรู้ว่าเสี่ยกันต์ธีร์เจ้าของธุรกิจร้อยล้านจะรู้จักกินข้าวต้มรอบดึกกับเขาด้วย”
ผมเหน็บแนมเสียงเย็น ใช้นิ้วดึงเนคไทที่ผูกไว้อย่างดีให้ร่นลง แล้วจึงขยี้ผมที่เซทเสยเรียบเนี้ยบให้ดูเซอร์ขึ้น
คุณกันต์ธีร์คล้ายจ้องท่าทางนั้นไม่กะพริบตา ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม่แล้วพูดด้วยท่าทางสบายๆ
“ฉันรู้มาว่าเป็นร้านโปรดเธอ แล้วเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้มากินเท่าไหร่ ดังนั้นสั่งได้ไม่อั้นเลยนะ”
“ทำการบ้านมาดีนะครับ แต่ถ้าเป็นเดทแรก ผมบอกเลยว่าคุณสอบตกแน่ๆ”
คุณกันต์ธีร์ทำตาใสซื่อหน้าตาย ซึ่งพอหน้าเข้มๆ นั่นทำแล้วน่าคว่ำโต๊ะใส่อย่างมาก “ใครกันนะบอกว่าใช้เงินฟาดหัวก็ไม่ได้ พอพามากินอย่างเป็นกันเองก็ไม่ถูกใจ หรือข้าวต้มคุณป้าจะไม่ถูกปาก?”
พอนึกทวนไป เขาเองก็ไม่ได้พูดว่าจะพาไปภัตราคารหรูห้าดาวจริงๆ ผมอดนึกเจ็บใจตัวเองไม่ได้ ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเสี่ยทั่วไปที่ไม่มีลูกล่อลูกชนแล้วใช้เงินเข้าว่าอย่างเดียว
อีกทั้งเขาสืบประวัติผมมาละเอียดขนาดไหนไม่รู้ แต่รู้ถึงขนาดร้านอาหารที่ผมคุ้นเคยและประทับใจมากที่สุด แม้ระยะหลังๆ จะไม่ได้มากินก็ตาม
รสชาติฝีมือคุณป้าเป็นสิ่งที่จะว่าอร่อยกว่าอาหารหลักพันก็เกินไป แต่ในข้าวต้มร้อนๆ ถ้วยหนึ่งนี้กลับทำให้ผมรู้สึกสะดวกใจที่จะกินมากกว่าอาหารสิ่งไหน
ในความเป็นจริง ถ้าเขาไม่แกล้งผมแล้วพามาดีๆ ผมอาจจะพอคล้อยตาม แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายแหย่ก่อน ก็อย่าหวังว่าผมจะตามเกม คิดอย่างนั้นผมถึงสวมหน้ากากรอยยิ้มอ่อนบางและใช้เสียงสุภาพเป็นกันเองอีกครั้ง
“จะไม่ถูกปากได้ยังไงล่ะครับ กลัวแต่ลิ้นคนรวยอย่างคุณจะกินไม่ได้มากกว่า ผมล่ะเกรงใจจริงๆ”
“เรายังต้องทำความรู้จักกันอีกเยอะ” คุณกันต์ธีร์หัวเราะหึๆ ในลำคอ “แล้วเธอจะรู้ว่ามีเสี่ยนี่ดียังไง โดยเฉพาะถ้ามีเสี่ยที่หล่อ สปอร์ต ใจดีอย่างเสี่ยกันต์ธีร์”
“ก็อย่าให้ผมผิดหวังแล้วกันครับ”
“แน่นอน”
ไม่นานนักอาหารและเครื่องดื่มก็มา น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เขากินได้โดยคุ้นชินและไม่ดูเก้อกระดาก แถมยังชมเรื่องรสชาติให้ฟังอย่างที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นความจริงใจไม่กี่ครั้งที่เขาพูดออกมา
“อร่อยดีนะ”
“คุณทานได้ผมก็ดีใจ”
ผมรับคำสั้นๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อ รู้ว่าคนตรงหน้าใช้ดวงตาทะลุทะลวงจ้องมองมา ถ้วยข้าวต้มกระเบื้องสีขาวดูธรรมดาไม่มีอะไรมาก แต่เมื่อข้าวร้อนๆ แตะลิ้นและเลื่อนผ่านลำคอ ผมก็ไม่ได้ที่จะระลึกถึงความหลัง ความละมุนลิ้นและไออุ่นเหมือนจะซึมซาบไปถึงหัวใจด้วย
กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้มา...
ในหัวพลันคิดอะไรออก จึงวางช้อนลงทั้งที่ยังกินไปไม่ได้ถึงครึ่ง ก่อนใช้กระดาษเช็ดปาก แล้วดื่มน้ำ คล้ายกับว่ากินเสร็จแล้ว
“...เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ”
“ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่”
“ผมอยากรู้ว่าคุณกันต์ธีร์รู้เรื่องเกี่ยวกับผมแค่ไหน” ผมมองไปรอบๆ ห้อง พึมพำเบาๆ “แทบไม่เปลี่ยนเลย”
“ถ้าเกี่ยวกับที่พามากิน รู้ว่าแต่ก่อนเธอชอบร้านนี้มาก แต่พอย้ายออกไปอยู่คอนโดก็ไม่ค่อยได้มาอีก”
ผมคลี่ยิ้มเศร้าๆ “อยู่ดีๆ ผมคงไม่ได้เลิกมาทานที่ร้านที่ชอบที่สุดเพราะอยู่ไกลออกไปนิดหน่อยหรอกครับ”
“เธอ... มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
รอยยิ้มยั่วและขี้เล่นของคุณกันต์ธีร์หายไป เป็นสีหน้าจริงจังและดูเป็นห่วงมากขึ้น ผมถอนหายใจ วางเงินไว้เท่ากับที่กินแล้วลุกขึ้น
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ มื้อนี้อร่อยมาก”
“เดี๋ยว!”
ผมเดินออกไปหน้าร้าน ยกมือไหว้คุณป้าที่กำลังยุ่งอยู่ไวๆ ก่อนที่จะรีบสาวเท้า คุณกันต์ธีร์พรวดพราดตามมา แต่ต้องจ่ายเงินก่อนจึงช้าไปก้าวหนึ่ง
ผมก้าวถึงถนนทำท่าจะโบกแท็กซี่ แต่แขนก็ถูกคว้าไปด้วยคนที่ตัวสูงใหญ่กว่า
“พยัคฆ์”
ภายใต้ท้องฟ้าสีดำและหมู่ตึก ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่ามกลางผู้คนมากมายพลุ่งพล่าน คุณกันต์ธีร์ เหมวิวัฒน์ เป็นผู้ชายที่โดดเด่นอยู่ในท้องคลื่นแห่งแสงสีอย่างชัดเจน ยิ่งยามแสดงสีหน้าจริงจังแล้ว ยิ่งทำให้ดวงตาสีฟ้าอมเขียวชัดแจ้งย้อแสงยามค่ำคืน
มือใหญ่แต่มีนิ้วเรียวยาวอย่างผู้ดีกำรอบข้อมือผมไว้ค่อนข้างแน่น เสียงเรียกดุนั้นก็ไม่คล้ายกับจะเป็นบุคลิกที่ผมเคยเจอ
ผมจึงจำต้องหันไปเผชิญหน้าอย่างเสียมิได้
“ว่าไงครับ”
“มาคุยกันก่อน”
เสียงเฉียบขาดไม่ให้ผมมีสิทธิ์ปฏิเสธ ผมเดินตามเขาไปโดยดี เห็นแผ่นหลังและเสี้ยวหน้าเหลี่ยมสันได้รูปกำลังก้าวยาวไปผ่านผู้คนมากมาย ส่วนมือที่กำรอบข้อมือผมได้ผ่อนคลายลงแล้ว แต่รู้ได้ว่าไม่อาจสะบัดหนีได้
“นั่งคุยกันในรถ”
เขาเปิดประตูให้ผม ตัวผมที่อยู่ข้างหน้าก็เข้าไปอย่างว่าง่าย ก่อนอีกฝ่ายจะตามเข้ามา โดยไม่ลืมสั่งให้คนขับรถเฝ้าไว้ ซึ่งบริเวณที่จอดรถนี้ได้ย้ายเข้ามาในที่จอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งดูมีราคา
ผมเหลือบสายตารอบๆ ท่วงท่าระวังตัวมากขึ้น ไหล่ทั้งสองแข็งแกร่งอย่างเห็นไดชัด สีหน้าของคุณกันต์ธีร์ที่ไร้รอยยิ้มทำให้อะดรีนาลีนในตัวผมเพิ่มปริมาณขึ้น เสี่ยมาเฟียไม่ใช่ชื่อเรียกเล่นๆ ของเขาจริงๆ แม้ว่าผมจะรู้ลึกๆ ว่านี่ยังไม่ถึงครึ่งของตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ตาม
“...”
ผมก้มหน้านิ่ง คุณกันต์ธีร์ถอนใจเบาๆ เอื้อมมือมาแตะที่ไหล่ของผม
“มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน แต่อย่าเดินหนีไปอย่างนั้น”
เสียงเขาอ่อนลงหลายส่วน
ก่อนที่มือจะเลื่อนมายังศีรษะ ลูบเบาๆ ปลอบประโลม โดยไม่มีรังสีคุกคามอย่างคราวที่อยู่ในห้องของผม
“โอเคไหม?”
นิ้วชี้เชยคางผมขึ้นให้ประสานสายตากับเขา หัวใจผมคงกระตุกด้วยความหวั่นไหวแล้ว ถ้าผมเป็นผู้หญิง
“...ก็ได้ครับ”
คุณกันต์ธีร์ผละออกไปนั่งข้างๆ เว้นระยะห่างไว้ให้ “เธอเพิ่งกินไปนิดเดียว อยากไปที่ไหนต่อไหม”
“แล้วแต่คุณกันต์ธีร์เถอะครับ”
เจ้าของรถหรูพยักหน้าก่อนจะออกไปสั่งคนขับรถ
ตลอดทางผมนั่งนิ่งเงียบแล้วเอนศีรษะมองหน้าต่าง คุณกันต์ธีร์เองก็ไม่เอ่ยอะไร แต่ผมเห็นจากกระจกที่สะท้อนว่าเขาเหลือบสายตามามองเป็นระยะๆ
คราวนี้เฟอร์รารี่คันเด่นเตะตาเข้าไปจอดในภัตราคารกึ่งบาร์ระดับห้าดาวซึ่งอยู่ด้านหน้าซอย สถานที่ที่ผมคิดว่าคุณกันต์ธีร์จะพามาในตอนแรก
เขาพาผมขึ้นลิฟต์มายังชั้นดาดฟ้าของอาคาร สายลมพัดโชยได้กลิ่นหอมเย็นของบรรยากาศ ในยามค่ำคืนตกแต่งไฟสีส้มและสีเหลืองนวลสวยงาม เวลานี้มีดนตรีสดให้ฟังเคล้าไปเบาๆ และยังมีคนไม่มากนัก
คุณกันต์ธีร์เลือกมุมหนึ่งที่เป็นส่วนตัว พื้นถูกปูด้วยหญ้าเทียม มุมโซฟาสีดำและสีขาวแบบโมเดิร์นรวมถึงเทียนหอมบนโต๊ะกระจกทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”
“ถ้าคุณกันต์ธีร์อยากทานอะไร ผมทานได้หมดครับ”
คุณกันต์ธีร์โคลงศีรษะแล้วสั่งมาประมาณสี่ห้าเมนู ก่อนถามถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ผมซึ่งเป็นผู้จัดการบาร์คุ้นชินกับบรรยากาศอย่างนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องแอลกอฮอล์ผมถือว่าเป็นคนคอทองแดงอย่างหาตัวจับอย่างคนหนึ่ง เวลาลูกค้ามาท้าดื่มหรือเล่นเกม ผมมักจะเป็นคนที่อยู่รั้งท้ายและไม่เคยเมาจนเรื้อนแม้แต่ครั้งเดียว
“Frozen Margarita ครับ”
คุณกันต์ธีร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสั่ง “Negroni”
ว่ากันว่าเครื่องดื่มบ่งบอกตัวตนของคนที่ดื่มได้ Negrori คือหนึ่งในค็อกเทลคลาสสิกที่มีชื่อเสียงชนิดหนึ่งของโลก มีรสชาติที่เข้มข้นและทำให้เมาได้ไม่ยาก มีส่วนผสมคือ Dry gin, Dry vermouth, Campari ผิวส้มและน้ำแข็ง
ส่วนของผม Frozen Margarita ใช้เครื่องดื่มที่มี Tequila เป็นส่วนผสมหลักมาแช่จนเป็นเกล็ดหิมะแล้วใส่ในแก้วค็อกเทล ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายแต่ก็มีฤทธิ์แรง พอเครื่องดื่มและอาหารมาถึง คุณกันต์ธีร์ก็เอ่ยขึ้น
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น”
ผมถอนใจหนักๆ ออกมา สายลมพัดเส้นผมปลิวไป ยิ่งจับใจอารมณ์ในเวลานี้ ลดมือถือที่กดดูอะไรฆ่าเวลาเล่นลง
“ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน” ผมหันมาสบตาคนตรงหน้า “และหวังว่าคุณกันต์ธีร์คงไม่เอาไปบอกใคร”
“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องห่วง”
“ผมเกิดมาโดยมีแม่คนเดียว ส่วนพ่อทิ้งไปผมโดยไม่ไยดีก่อนจะคลอด ช่วงแรกแม่ไม่อาจรับผิดชอบผมได้ จึงยกผมให้ครอบครัวหนึ่งดูแล จนในที่สุดบ้านนั้นก็มีลูก ผมจึงกลับมาอยู่กับแม่ในบ้านเล็กๆ ที่นี่ จำได้ว่าตอนนั้นบางทีก็อดมื้อกินมื้อ ก็ลำบากเหมือนตามข่าวปัญหาสังคมทั่วไป”
“แต่ถึงอย่างนั้น แม่ก็ดิ้นรนทำงานรับจ้างคนเดียวจนผมได้เข้าเรียนหนังสือตามเกณฑ์ ความสุขอย่างหนึ่งของเราคือการได้กินข้าวต้มร้านคุณป้าด้วยกัน ซึ่งแม่ผมจะชอบมาก ไม่เคยเบื่อ แม่ส่งเสียผมเรียนถึงมหาวิทยาลัย จนเมื่อผมอายุ 20”
ผมเว้นวรรค ถึงคุณกันต์ธีร์จะสืบสาวเรื่องราวของผมมาไม่น้อย แต่บางเรื่องก็ใช่ว่าจะสามารถรู้ได้ โดยเฉพาะคนที่มีพื้นเพซับซ้อนและถูกบิดเบือนข้อมูลไปจากความเป็นจริงอย่างผม
“วันหนึ่งที่นั่งกินข้าวต้มด้วยกันเหมือนเคย... จู่ๆ แม่กลับลุกพรวดขึ้นอย่างร้อนรน บอกว่าจะรีบข้ามถนนไปหาคนๆ หนึ่ง ซึ่งผมมารู้ที่หลังว่าคือพ่อซึ่งเดินอยู่ในฝูงชนที่ถนนตรงข้าม”
คิ้วเข้มของคุณกันต์ธีร์ขมวดมุ่น แทบไม่สายตาละไป ตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของผม
“ผมก็อยากห้าม เพราะแม่ดูรีบร้อนอย่างไม่มีสติ แต่แล้ว...”
ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเม้มปากเล็กน้อยและคล้ายกลั้นหายใจตามผม
“มีรถของคนเมาผ่าด่านมา... แล้วชนแม่เข้าจังๆ”
ผมยกมือขึ้นปิดใบหน้าแล้วเอียงศีรษะลง
“แม่ตายคาที่... ต่อหน้าผม”
เสียงผมสั่น บังคับตัวเองให้ไม่มีก้อนสะอื้นออกมาจึงต้องกลืนหนึ่งคำลงคอ ก่อนพูดต่อช้าๆ ด้วยสายตาที่เพ่งนิ่งอยู่กับเปลวเทียนหอมที่ไหววูบ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณป้าเจ้าของร้านเลย แต่เป็นเพราะผมเองไม่อาจทำใจกลับไปได้”
“...”
“คุณกันต์ธีร์ก็ไม่รู้ ผมคงไม่โทษคุณ คิดอีกทีก็คงดีที่ได้เจอคุณป้าแล้วเห็นว่ายังสุขภาพแข็งแรงดี”
“ฉัน...” เจ้าของตาสีฟ้าอมเขียวเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่จะกระดกเครื่องดื่มสีอำพันในมือลงคอ สบตากับผม แล้วว่าด้วยเสียงนุ่มลึก “ขอโทษเธอแล้วกัน”
ผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จะปากเขา แต่คนตรงหน้ามีคุณสมบัติหลายอย่างในการกุมใจคนจริงๆ โดยไม่ศักดิ์แต่จะมีหน้าตาและเงินทอง เขารู้ว่าเวลาไหนควรเอ่ยอะไรถึงแก่คนอื่น
“บอกแล้วว่าผมไม่โทษคุณ” ผมหัวเราะเบาๆ โคลงแก้วค็อกเทลในมือ “ผมไม่ได้ต้องการให้คุณสงสารหรือรู้สึกผิดด้วย ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“ครั้งหน้าจะไม่มีแบบนี้อีก”
“แบบนี้?”
“ฉันเห็นว่าเธอน่าหยอกเลยแกล้งนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะไปสะกิดแผลใจเข้า เอาเป็นว่าครั้งหน้าจะไถ่โทษให้ เธออยากได้อะไร ไปไหน ฉันจะทำให้”
“ในฐานะอะไรล่ะครับ?”
“ไม่ใช่ในฐานะเสี่ยก็ได้ เอาเป็นว่าในฐานะที่ทำเธอเสียความรู้สึกแล้วกัน”
“ผมแปลกใจที่คุณยอมให้ผมมากขนาดนี้”
“ฉันแคร์คนที่ฉันสนใจ”
คำนั้นไม่มีท่าทีกระลิ้มกระเหลี่ย เป็นเพียงคำพูดของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่หนักแน่นอบอุ่น พอมาจากคนตรงหน้าที่นั่งด้วยท่าประสานมือแล้วโน้มตัวมาแล้ว ผมจึงอดไม่ได้ที่จึงหลุบตาลงพึมพำ นิ้วหมุนแก้วไปมาช้าๆ
“อย่าดีกับผมมาก เดี๋ยวผมจะใจอ่อนจนเป็นแมวน้อยซะคืนนี้”
“ฉันไม่เอาเปรียบเธอหรอก”
แสงสี เพลงเศร้าๆ แอลกอฮอล์ อาหารรสเลิศ ลมเย็นอ่อนโชย ฟ้าสีเข้มกระจ่างและทัศนียภาพของเงาตึกสูงโดยรอบ จะมีอะไรเป็นใจกว่านี้อีก เขาเองก็ดูท่าจะเป็นสุภาพบุรุษในค่ำคืนนี้
“แต่จะให้เปิดห้องก็ได้นะ”
อืม เกือบดีแล้ว ไม่ขาดคำจริงๆ
“เจตนาบริสุทธิ์” คุณกันต์ธีร์ยกมือสองข้างขึ้น ว่าหน้าตาเฉยเมื่อผมตวัดสายตามอง “คนเศร้าส่วนมากไม่ควรอยู่คนเดียว”
“หึ ผมอยู่ได้เชื่อสิ” ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะกระดกรวดเดียวหมดแก้ว “ผมเริ่มง่วงแล้ว ขอกลับเลยได้ไหมครับ?”
“ง่วงหรือเมากันแน่?”
“ผมคอแข็งกว่าคุณเยอะ” เหน็บอีกฝ่ายไปเบาๆ ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกครึ่งก็กลับมา “คออาจแข็งกว่า แต่อย่างอื่นคงแข็งไม่เท่า”
“รู้ได้ไงครับ” ผมเย้า ลุกขึ้นแล้วเสยผมที่ปรกหน้าผากไปด้านหลัง ยกเสื้อนอกขึ้นถือพาดบ่า
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ขอผมกลับคนเดียวแล้วกัน มีเรื่องที่ต้องคิด”
“แต่...”
“นะครับ”
“เอางั้นก็ได้” คุณกันต์ธีร์ยอมในที่สุด แต่ก็เดินตามไปส่งถึงที่เรียกแท็กซี่
“กลับดีๆ ล่ะ”
“พูดเหมือนผมดูแลตัวเองไม่ได้อย่างนั้นแหละ” ผมหัวเราะกึกๆ ในท่าทางดูกังวลเกินไปของเขา “ขอบคุณครับ เพื่อนของคุณลุงที่เป็นญาติห่างๆ”
คุณกันต์ธีร์แยกเขี้ยว ต้องยอมรับว่าน่าเอ็นดูไม่น้อย “แก่ไป คราวหน้าบอกว่าเป็นพี่ก็ได้”
“ไม่ไหวมั้ง ยังไงก็ฝันดีนะครับ”
“อือ ฝันดี ถ้าว่างแล้วจะโทรไป”
ผมเข้ามานั่งในแท็กซี่บอกจุดมุ่งหมาย ขณะรถเคลื่อนออกไป ก็พบว่าคุณกันต์ธีร์ก็ยืนดูจนสุดสายตา
พอนั่งรถผ่านมาได้สักพัก ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความไปหาเขา ซึ่งส่งไปไม่ถึงห้าวินาที มือถือที่ถืออยู่ก็สั่นครือเพราะมีสายเข้า
ผมกดตัดสาย ก่อนจะหลุดหัวเราะก๊ากออกมาจนแท็กซี่หันมองด้วยสีหน้าแปลกๆ
“ฮ่าๆๆๆ!”
ผมกดปิดเครื่องชั่วคราว กลั้นหัวเราะจนปวดท้อง ข้อความที่ผมเพิ่งส่งไปคือ
‘Just kidding I don’t even know who my mom is’
‘But don’t forgot your promise xx’
พร้อมแนบรูปหน้าที่อินจัดจนจริงจังของเขา ซึ่งเกรงว่าถ้าทำหน้าอย่างนี้มากๆ ตีนกาคงมาเยือนในเวลาอันใกล้
100%
ไปค่ะรูก อย่ายอมเขา ไม่ต้องบอกว่าเสี่ยวอ้ายทีมใคร 55555
แมทซ์นี้ เสี่ย 2 – พยัคฆ์ 2 ! ขอบคุณที่ยังติดตามกันค่ะ
