ตอนที่ 3 : ความสงสารเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก ♪♪♪♪
เสียงร้องเพลงหงุงหงิงของคนโปรดทำให้ไทยถอนใจยาว ถ้ามันเพราะสักนิดเขาจะไม่บ่นอะไรเลย แต่นี่ทั้งมั่วเนื้อทั้งเพี้ยนคีย์ เรียกว่าหาความสุนทรีย์ไม่เจอสักประโยค
“มึงจะแหกปากอะไรนักหนาวะ” เมื่อถึงที่สุด ไทยปิดหนังสือหันมาเล่นงานตัวกวนสมาธิแทน
“กูแหกปากที่ไหน” คนโปรดค้อนขวับ “กูร้องของกูเบาๆ “
“แต่กูได้ยิน”
“จะมานั่งเถียงกันทำไม ถ้าไทยรำคาญก็บอกให้คนโปรดหยุดร้องก็สิ้นเรื่อง”
“เนียนนะตะวัน” ไทยหันไปมองเพื่อนที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อย่างรู้ทัน “รำคาญก็บอกเหอะ”
“หึๆ” ตะวันเงยหน้าขึ้นมอง เขาหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ไม่พูดอะไร
“ว่าแต่มีความสุขอะไรของมึงนักหนา กูเห็นเพิ่งหน้าแหกกลับมาไม่ใช่เหรอ” ไทยหมายถึงแผนอ่อยของเพื่อนที่แค่เริ่มต้นก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
“มีสิวะ ทำไมจะไม่มี เดี๋ยวนี้กูคุยไลน์กับพี่รหัสทุกวัน”
“หะ!” ไทยแกล้งยกนิ้วขึ้นแคะหู “มึงพูดอะไรพูดใหม่อีกทีสิกูให้โอกาส อย่าใส่จินตนาการเข้าไปมาก”
“มึงก็งี้ขัดกูตลอด สู้ตะวันก็ไม่ได้ ตะวัน~” คนโปรดยื่นมือออกไปหาเพื่อนราวกับขอกำลังใจ
“เราไม่เกี่ยว เราอ่านหนังสือ” ตะวันดึงหนังสือถอย แกล้งไม่สนใจแต่แอบยิ้ม
“เหอะ กูพูดจริง เมื่อคืนกูไลน์ไป พี่รหัสก็ตอบกู” คนโปรดอุบไว้ว่าเขาส่งไปสี่ข้อความรหัสถึงตอบกลับมา
“ตอบว่า?” ไทยไม่ปล่อยให้เพื่อนอุบเงียบ ตอบจริงหรือเปล่าเถอะ
“ตอบว่า..” คนโปรดลากเสียงก่อนหัวเราะแหะๆ ออกมา “ตอบว่าหยุดส่งได้แล้วพี่จะนอน”
“ไอ้เหี้ย” ไทยสบถออกมาด้วยความสะใจ อยากจะบอกว่ากูว่าแล้ว แต่เกรงใจตะวันเดี๋ยวจะดุว่าเขาทับถมเพื่อนอีก
“เหี้ยอะไรของมึง ออกจะดี มึงต้องโฟกัสไปที่สาระสำคัญ”
“ตรงไหนวะ” ไทยงง ไม่ได้งงข้อความแต่งงเจ้าคนโปรดนี่แหละ ประโยคสั้นๆ ความหมายชัดเจนว่าโดนไล่ แล้วจะให้เขาโฟกัสตรงไหนอีก
“อะแฮ่ม” คนโปรดทำเป็นกระแอมกระไอออกมา ขอเล่นตัวสักนิดก่อนพูดเรื่องสำคัญ “มึงต้องโฟกัสที่คำว่า “พี่” โง้ยกูเขิน” คนโปรดทำหน้ากระมิดกระเมี้ยน นึกจินตนาการน้ำเสียงของรหัสเวลาแทนตัวเองว่าพี่ ว่ามันจะเพราะสักแค่ไหน
“แค่นั้น!!”
“เออสิวะ พี่รหัสพูดกับกูดี้ดี”
“เขาส่งข้อความไหม”
“ตะวัน~”
“ไอ้ขี้ฟ้อง กูไม่ขัดก็ได้” ไทยรีบห้ามขี้เกียจโดนตะวันบ่น
“กูรู้หรอกว่าพี่รหัสคงยังรำคาญกูหน่อยๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ขึ้นกูขึ้นมึงกับกูหรือเปล่าวะ มันก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้คิดไหม”
“เออ กูยอม” ไทยยอมแพ้เมื่อได้ฟังวิธีคิดของเพื่อน
“แล้วกูไม่ได้ส่งข้อความโครมๆ ไปหาให้เขาตกใจนะโว้ย กูก็แค่ทานข้าวยังครับ เหนื่อยไหมครับ พักนี้ฝนตกอย่าลืมพกร่มนะ”
“ถุงยาง?”
“ไอ้...” คนโปรดหยุดเสีย ด่าไปก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเพื่อน สู้เขาทำเป็นไม่ได้ยินยังง่ายกว่า “ถึงบ้านหรือยังครับ อะไรประมาณนั้นแบบส่งห่างๆ กัน ประโยคสั้นๆ จะได้ไม่กวน”
“มึงคิดเอาคนเดียวดิว่าไม่กวน”
“ดีแล้ว” ตะวันรีบบอก เขากังวลอยู่นิดๆ กลัวว่าคนโปรดจะทำให้พี่รหัสโกรธขึ้นมา คำว่ากระทืบยังดังชัดเจนในหัวของตะวัน
“เห็นไหมตะวันบอกว่าดี แปลว่ากูทำถูกต้อง”
“เดี๋ยว!” ตะวันร้องเสียงหลง เมื่อคนโปรดทำท่าว่าจะเข้าใจไปคนละทาง
“เราหมายถึงอย่ากวนพี่เขามากดีแล้ว”
“ก็ใช่ไง” คนโปรดยิ้มแป้น
“มึงอย่าพูดเลยกูว่ามันไม่เข้าใจหรอก” ไทยส่ายหัว ลองคนโปรดเลือกที่จะเชื่อแล้วล่ะก็ อย่าไปอธิบายให้ยาก เสียเวลาเปล่าๆ
“ว่าแต่มึงจะเอาไงต่อ กูเห็นมึงนิ่งๆ มาสองวัน หรือมึงกำลังใช้วิธีไลน์สื่อรักอยู่”
“เปล่า กูกำลังรอ”
“รออะไรวะ” ไทยขมวดคิ้ว หันไปมองตะวันเผื่ออีกฝ่ายจะคิดออก แต่ได้รับการส่ายหัวแทนคำตอบ
“กูรอพร็อพประกอบฉาก”
“พร็อพประกอบฉาก? รอซื้อ รอของมาส่ง หาอยู่ หรืออะไรมึงเอาให้เคลียร์”
“มึงอย่ารู้เลย เดี๋ยวได้เรื่องแล้วกูเล่าให้ฟัง” คนโปรดแกล้งไม่บอกเพื่อน
“คนโปรดจะใช้วิธีไหนอีก” ตะวันถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง เป็นห่วงพี่รหัสว่าจะต้องเจออะไรแผลงๆ อีกไหม
“คราวนี้ไม่เล่าได้ไหมตะวัน ขอถือเคล็ดนิดเผื่อจะสำเร็จ” คนโปรดส่งยิ้มกว้างให้เพื่อน ดวงตาเป็นประกาย แผนนี้เขาใช้เวลาคิดหนึ่งคืนเต็มเล่นเอาอดหลับอดนอน
“บอกใบ้ได้นิดเดียว” ตะวันคลี่ยิ้มก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ คนโปรดก็ยังเป็นคนโปรด ขนาดไม่อยากบอกก็ขอให้ได้แง้มสักนิด อดปากไม่ได้จริงๆ
“ว่ามาสิ”
“เคยได้ยินหรือเปล่า ความสงสารเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก”
“เดี๋ยวๆ คราวที่แล้วมึงก็ใช้มุกนี้แล้วไม่ใช่เหรอวะ” ไทยอดขัดไม่ได้
“ใช่ที่ไหน คราวที่แล้วกูเล่นบทคนอ่อนแอโว้ย คนอ่อนแอกับคนน่าสงสารไม่เหมือนกัน”
“กูว่าอันนี้เหมาะ” คนโปรดเลิกคิ้ว เมื่อจู่ๆ ไทยก็เข้าข้างเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เหมาะกับมึงมาก ทุกวันนี้น่าสงสารไม่พอหรือไงวะ เป็นหมาเห่าเครื่องบินอยู่ทุกวัน”
“ไทย!” ตะวันส่งสายตาดุเพื่อน แต่คนโปรดกลับยักคิ้ว ไม่รู้สึกรู้สาสักนิด
“มึงมันไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้เขาให้ส่งหมาทางเครื่องบินได้แล้วโว้ย เชย” เหอะใครว่าหมาได้แต่มองเครื่องบิน หมาโดยสารเครื่องบินก็ได้แล้ว
“กูละเชื่อมึงเลย” ไทยยอมแพ้ไม่เถียงต่อ เถียงไปก็ไม่ชนะ
“กูอวยพรแล้วกัน ขอให้ไม่หายนะ”
“ไทย~” แล้วมวยคู่แอกก็เกิดขึ้น ตะวันได้แต่ส่ายหน้า เห็นทีคงไม่ต้องอ่านหนังสือกันแล้ว เขาปิดหนังสือลง มองการฟัดกันของลูกหมากับหมาโต ไม่ว่ามองอย่างไรเขาก็เห็นเป็นแบบนี้เสมอ คือพอกันทั้งคู่ ว่าแต่ตะวันไม่อยากบอกคนโปรดเลยว่าเขาเองก็อยากอวยพรเหมือนไทยเช่นกัน สำเร็จก็ดี แต่ถ้าไม่แค่ไม่หายนะก็พอ
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
รหัสใช้กระเป๋าเป้บังศีรษะระหว่างวิ่งจากตึกเรียนไปที่รถ ช่างเป็นฤดูที่คาดเดาไม่ได้ นึกอยากจะตกตอนไหนก็ตกลงมา
เขาหันไปหยิบผ้าขนหนูจากกระเป๋ากีฬาที่วางอยู่บนเบาะหลัง โชคดีที่ยังไม่ได้เอาลง ชายหนุ่มเช็ดหน้าและแขน เขาไม่อยากให้ตัวเปียกระหว่างขับรถ จากที่คิดจะแวะไปซื้อของที่ห้างเห็นทีว่าต้องตรงกลับห้องเลย
รหัสขับรถออกจากลานจอด เขาใช้ความเร็วไม่มากนักเพราะฝนตกและยังอยู่ในเขตของมหาลัย สายตามองไปข้างหน้า สะดุดเข้ากับร่างเล็กที่เดินอยู่บนฟุตบาท รหัสขมวดคิ้วรู้สึกคุ้นตากับทรงผมและรูปร่างของคนที่เดินอยู่ เขาชะลอความเร็วลงเพื่อดูให้แน่ใจว่าเป็นใคร
ไอ้เด็กต๊องนี่หว่า ถึงจะเห็นแค่ด้านข้างแต่รหัสจำได้ทันที
มาแล้ว! มาแล้ว! คนโปรดเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ ตั้งแต่เห็นรหัสวิ่งไปที่รถ ลงทุนเดินตากฝนเป็นเด็กน้อยหลงทาง นี่ล่ะพร็อพสุดพิเศษของเขา พี่ฝนจ๋าในที่สุดก็ตกเสียที
คนโปรดได้ยินเสียงชะลอรถ จึงแอบเบือนหน้าไปมองแค่พอเห็น ก่อนทำเหมือนไม่รู้ว่าเป็นรถของอีกฝ่าย เขาเดินกอดกระเป๋าก้มหน้าหงอยๆ เอาสิ! ไม่สงสารก็ให้มันรู้ไป
เสียงล้อรถขับผ่านน้ำดังเบาๆ ก่อนรถซีดานสีดำสนิทจะขับผ่านไป ขาผอมๆ ของคนโปรดชะงัก หน้าตาเหมือนเพิ่งโดนผีหลอกมาหมาดๆ ไอ้พี่รหัสขับผ่านเขา!! รักก็รักอยู่หรอกนะ แต่ใจดำแบบนี้ขอเรียกไอ้สักวันเถอะ ไอ้พี่รหัสใจร้าย! เขาได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ มองตามหลังรถคันที่หวังให้จอดรับด้วยสายตาเหมือนลูกหมาตกน้ำของจริง ฮือ หมดกัน
คนโปรดคอตก ก้มมองรองเท้าชื้นฝน เสื้อนักศึกษาของเขาเปียกลีบติดไปกับตัว กางเกงชุ่มน้ำ เขาถอนใจออกมายาวๆ ไม่เป็นไรน่าคนโปรด แผนนี้ไม่ได้ผลแผนใหม่ก็ยังมี เขาให้กำลังใจตัวเอง
“จะขึ้นมาไหม” คนโปรดสะดุ้ง เขาไม่รู้เลยว่ารถของรหัสถอยกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาหงอยของหมาเหงาสว่างจ้า รอยยิ้มกระจ่างเต็มหน้า ผงกหัวติดๆ กัน
“จะขึ้นหรือจะยืนพยักหน้าเป็นแมวญี่ปุ่นเรียกแขกอยู่แบบนี้”
“ขึ้นครับ” เสียงคนโปรดสดใสราวกับฝนหยุดตกแล้ว ทั้งที่มันกำลังทิ้งตัวหนักขึ้น ร่างผอมวิ่งฝ่าฝนอ้อมด้านหน้ารถมาขึ้นฝั่งข้างคนขับ ท่าทางดีใจของอีกฝ่ายทำให้รหัสนึกไปถึงหมาเวลาที่มันกระดิกหางไปมาเร็วๆ ทำลิ้นห้อยด้วยความดีใจ เหมือนอะไรขนาดนั้น
“มาเดินตากฝนทำไม” รหัสออกรถสายตามองตรงไปข้างหน้า
“ผมไม่ได้เอาร่มมา” คนพูดทำเสียงหงอย
“ไม่ได้เอามาทำไมไม่ไปหลบในอาคาร ฝนหยุดค่อยไป”
“นั่นสิเนอะ” เอากับเจ้าเด็กเปรตสิตอบออกมาได้แถมยิ้มเสียกว้าง เขาก็ดันหันไปมองอีก ต้องรีบหันกลับกลัวจะเผลอไปยิ้มตามเข้า
“จะไปไหน” รหัสต้องเป็นฝ่ายถามเพราะอีกคนดันไม่ถามเขาว่าจะไปทางไหนอย่างไร เอาแต่นั่งหยุกหยิกมองไปรอบๆ รถของเขา มือก็จับตรงโน้นถูตรงนี้ไม่อยู่นิ่ง
“ไปไหนก็ได้”
“อะไรนะ!” จู่ๆ รถก็เบรกจนคนโปรดหน้าคะมำ รีบหยิบเข็มขัดมาคาดทันที
“นี่ถ้าผมตายทำไง ผมเป็นผีเฝ้ารถเลยนะ” เสียงบ่นพึมพำ คนบ่นกำลังคาดเข็มขัดให้วุ่นวาย ทำไมเรื่องง่ายๆ มันถึงดูทำยากนักวะ
“แค่นี้ไม่ตายหรอก”
“เกิดผมพุ่งทะลุกระจกออกไปล่ะ”
“เอาเถอะถ้าตายจริงๆ จะขายรถทิ้งแล้วกัน” คนโปรดอ้าปากค้างก่อนค้อนลมค้อนแล้ง เขาจะสิงคนไม่สิงรถหรอกคอยดู
“ตกลงจะไปไหน จะได้จอดให้ลงถูก”
“ไปไหนก็ได้” คนโปรดตอบคำเดิม แต่รีบยกมือขึ้นห้ามเมื่อเห็นสายตาดุๆ ตวัดตามามอง “ผมหมายถึงพี่ไปไหนก็ไปนั่นแหละครับเดี๋ยวผมหาทางไปต่อเองได้”
“ฉันจะกลับบ้าน”
“อ้าว!”
“อ้าวอะไรไหนบอกที่ไหนก็ได้”
“ไม่ใช่ๆ คนพูดรีบส่ายหน้าปฏิเสธยกใหญ่ “ที่ผมอ้าว ผมอ้าวว่าไม่เรียกว่าพี่แล้วเหรอทำไมเป็นฉันล่ะครับ ฟังห่างเหินชะมัด” เสียงคนพูดงอน แถมยังตวัดตามาค้อนเขา เออดี สนิทกันก็ไม่สนิทดูมันทำ
“พี่จะกลับบ้าน” รหัสเปลี่ยนคำพูดเสีย อะไรบางอย่างทำให้เขาคิดว่าเถียงไปก็ป่วยการ
“น่ารัก” ไอ้เด็กบ้ามีหน้ามายิ้มแฉ่งชมเขาเฉย รหัสแทบอยากจะกลืนน้ำลายตัวเอง
“รู้เหรอว่าฉัน..พี่อยู่ที่ไหน มันอาจจะไกลกว่านายลงตรงนี้นะ”
“หู้ย~ ไม่เป็นไรครับ ไกลระยะทางแต่ใกล้หัวใจ”
“อะไรนะ!!”
“แหนะๆ ได้ยินแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน” คนพูดทำหน้าทะเล้นใส่เขา “ผมก็เล่นมุกเสี่ยวไปอย่างนั้นแหละครับเผื่อขำ” รหัสลอบถอนใจโล่งอก
“เราพักอยู่แถวไหน”
“แถว....” คนโปรดพยายามคิด จะโกหกก็ไม่ดีเผื่ออีกหน่อยเป็นแฟนกัน ฮ่าๆ โว้ยเขิน เขาก็คิดไปได้ งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน
“ผมจะไปบ้านเพื่อนครับ อยู่แถวๆ กม.สี่” เอาวะใกล้เข้าไว้ ขืนบอกกม.สองจะโดนเตะได้
“ใกล้บ้านพี่”
“อ้าว!เหรอครับ บังเอิญจัง” แหมเนียนกว่านี้ก็ตุ๊กตาทองแล้วล่ะคนโปรดเอ๋ย
“อืม บังเอิญ” รหัสขับไปเรื่อยๆ ก่อนเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ชะลอรถเข้าจอดข้างทาง
“ตรงนี้มีกันสาดหลบฝนได้ นายไปแท็กซี่น่าจะดีกว่า แต่ถ้าจะไปรถเมล์เดินไปอีกนิดมีป้าย พี่ไม่ได้กลับบ้าน อยู่คอนโดต้องเลี้ยวซ้ายไป มันจะคนละทางกับนาย”
“หา!!”
“เดินทางปลอดภัย จะไลน์มาบอกก็ได้นะไม่ว่ากัน” รหัสพยายามกลั้นขำ มองหน้าที่ตกใจราวกับเห็นผีของเด็กต๊อง ปากอ้าพะงาบๆ ก่อนทำคอตก หยิบกระเป๋าขึ้นมากอด
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
“อืม”
“เดี๋ยวผมไลน์ไปหา”
“แค่ครั้งเดียวพอ”
“ใจดำ” รหัสได้ยินเสียงพูดอุบอิบอยู่ในคอ พร้อมสายตาค้อนๆ ที่เหลือบมามอง
“อะไรนะ”
“เปล่าครับ ครั้งเดียวก็ครั้งเดียว ผมลงล่ะนะครับ”
“อืม”
“ลงล่ะนะครับ”
“เมื่อไหร่จะลง ข้างหลังบีบแตรแล้ว” คนโปรดหันไปมองค้อนรถข้างหลัง ขออีกสักนาทีก็ไม่ได้
“สวัสดีครับ ขับรถดีๆ”
“อืม” คนโปรดเปิดประตูลงรถแบบแสนเสียดาย ก้นยังแตะได้ไม่ถึงสิบหรือสิบหน้านาทีเลยมั้ง แต่ก็ยังได้นั่งล่ะน่า ไม่เสียแรงที่ทนตากฝนเดินไปเดินมารอ
“ฮัดชิ้ว” ท่าทางหวัดจะถามหาเขาเสียแล้วแต่ไม่เป็นไรยังไงก็คุ้ม คนโปรดแบมือตัวเองออกดู หู้ย ได้ลูบรถเกือบทั้งคันแล้วเมื่อไหร่จะได้ลูบเจ้าของน้อ คนโปรดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนรีบมองซ้ายมองขวา คนจะคิดว่าตูเป็นบ้าไหมเนี่ย
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
ติ๊ง!! รหัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู รูปเด็กประหลาดยิ้มกว้างชูสองนิ้วเต็มสองตา พร้อมกับข้อความ
“ถึงเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“ใครห่วงมันวะ” รหัสส่ายหน้า แต่จู่ๆ ปากเขากลับยกเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนเผลอหัวเราะออกมา ไอ้เด็กต๊องเอ๊ย ประสาทจริงๆ
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin