ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!  (อ่าน 24791 ครั้ง)

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************************




*จริงๆแล้วนิยายนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ผมเขียนไว้ยังไม่จบ*

*ด้วยเหตุผลหลายประการที่ผมหายไปถึง 2 ปี*

*แต่ตอนนี้สะดวกที่จะมาเขียนต่อจนจบ*

*เลยจะขอทำการเรียบเรียงนิยายใหม่ทั้งหมดเผื่อให้อ่านง่ายและเข้าใจง่ายขึ้น*

*ผิดพลาดประการใด กรุณาติชมได้เลยนะครับ*

*ยังไงผมอยากจะขอกำลังใจให้ผมบ้างนะครับคอมเม้นกันเยอะๆนะ*



++++++++++++++++++++++++++++++++++++




สารบัญ

บทนำ
Chapter 01 : บังเอิญ
Chapter 02 : ฝัน!?
Chapter 03 : ยินดีที่รู้จัก
Chapter 04 : เตี้ยโคตรอร่อย (อาร์ม)
Chapter 05 : อร่อยจนลืมเจ็บ
Chapter 06 : พิสูจน์
Chapter 07 : ตัดสินใจ (อาร์ม)
Chapter 08 : จม (อาร์ม)
Chapter 09 : ความกลัว
Chapter 10 : ชั่ววู้บ
Chapter 11 : พูดในใจ (อาร์ม)
Chapter 12 : แน่ใจ
Chapter 13 : สับสน
Chapter 14 : ปล่อย
Chapter 15 : ยอม
Chapter 16 : จีบ (อาร์ม)
Chapter 17 : เปิด
Chapter 18 : เดือนคณะ
Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย (อาร์ม)
Chapter 20 : หัวใจ
Chapter 21 : ตะวันรุ่ง
Chapter 22 : ความเข้าใจ
Chapter 23 : ได้ยินไหม
Chapter 24 : หื่น
Chapter 25 : ติด
Chapter 26 : หวาน
Chapter 27 : อารมณ์
Chapter 28 : โกหก
Chapter 29 : จอง
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2018 20:09:45 โดย keywordz »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:กลับมาแล้วหรอ ดีใจ

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ
"รักใหญ่ไล่รักเล็ก"

 
 
 
*เสียงบ่นของคนตัวเล็ก*

 
"โว๊ยยยย" จะเสียงใครละครับ ก็ต้องตัวละครหลักอย่างผมสิฮะ
 
ผมชื่อ "จิม" ครับ ความสูงที่มีก็แค่ 158 ซม. (เหอะๆ ผู้ชายอะไรเตี้ยชิบหาย) นั้นแหละครับ เป็นความหยาบคายน้อยๆ ของผมที่เดี๋ยวต่อไป คุณๆ จะรู้สึกว่า ไอ้เตี้ยนี้มันปากหมาจริงๆ ไอ้หน้าทุเรศๆ กับผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆ ใส่ความปากหมาและตัวเตี้ย สักวันคงโดนกระทืบตายคาทีแน่ๆ
 
"อย่าให้รู้นะ แม่ง ใครสร้างไอ้ชั้นหนังสือพวกนี้" จะมีใครบ้าทะเลาะกับชั้นหนังสือที่เอื้อมไม่ถึงเหมือนผมบ้างล่ะ ไม่มี๊!

"โว๊ะ" เสียงบ่นหงุดหงิดที่ไอ้บ้าหนังสือที่อยากอ่านดันไปอยู่ชั้นบ่นสุดของชั้นหนังสือในห้องสมุดของมหาลัยที่ผมเรียน





...

...

..


ขนาดบันไดต่อขายังไม่ช่วยกูเลยยยยยย!!!!!

ตอนนี้บอกได้เลย ถ้าให้ผมเลือกมีพลังได้หนึ่งอย่างนะ ผมละอยากทำให้ไอ้หนังสือเล่มนั้นลอยมาหาผมจริงๆ (แต่ทำไม่ได้ไง ตายเกิดใหม่ยังง่ายกว่า)


แต่เหมือนพระเจ้าได้ยินเสียงจู่ๆ หนังสือที่วางอยู่ในที่ผมเอื้อมไม่ถึง จากที่มันนิ่งๆ มันลอยผ่านหัวผมไปแล้ว!!


"เห้ย!!" ไอ้บ้าตัวไหนไม่รู้ แม่งมาหยิบหนังสือที่ผมเลือกไว้แล้วว่าวันนี้จะยืมไปอ่าน...

ทีนี้ พวกคุณจะเข้าใจความหยาบคายของผมมากขึ้น เพราะไอ้การโมโหจนลืมตัวที่ชาร์จมาตั้งแต่การเอื้อมหยิบหนังสือไม่ถึง มันมาระเบิดเอาตอนที่... ไอ้ตัวหาเรื่องข้างหลังที่ปาดหน้าเค้กเอาหนังสือไป มันต้องเจอศอกประทับหน้าซักที


"เชี้ย!" ผมกระแทกศอกไปด้านหลังตัวเองทันที แต่ไอ้ที่คิดไว้ว่า พลังศอกจะไปโดนเบ้าหน้า (ก็คิดว่าคนปกติคงไม่ได้สูงแบบมัน) ก็ไม่คิดว่าที่ศอกไปมันโดนท้องแข็ง ปั๊ก ของมัน และไอ้ที่ไม่คาดคิดกว่านั้น คือ...

ผมเสียสูญจากการทรงตัวบนบันไดต่อขาซะได้…. ไอ้ท่าจบที่มันกำลังจะเกิดต่อไประหว่างที่กองหนังสือหลายๆ อันกำลังลอยอยู่บนอากาศ คุณๆ คงคิดว่า มันคงเหมือนกับในละครซีรี่หลังข่าวทั่วไป ผมตอบเลยครับว่าไม่ใช่ เพราะตอนนี้สภาพ...


หน้าผมไปกระจุกกองยู่ยี้อยู่บนเป้ากางเกงมันที่นอนราบกับพื้นได้ไงงงงงงงง!!!!!!!!!!

 
 

...............
 
“บางทีความเตี้ยก็ไม่ได้มีแต่เรื่องเชี้ยๆเสมอไป”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2018 11:46:51 โดย keywordz »

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 01 : เริ่ม
 

"เชี้ยเอ้ย!!" อับอาย อับอายที่สุดในชีวิต ตอนนั้นไม่รู้ผมคิดห่าอะไร อยากจะมุดหน้าตัวเองไว้ใต้โลก พอเริ่มมีสติถึงได้รีบวิ่งหนีให้หลุดออกมาจาก ฉากที่โคตรจะอุบาทที่สุดในชีวิตผม แน่นอนว่ามันคงไม่ได้แกล้งผมหรอก มันเป็นอุบัติเหตุที่ผมเป็นคนเริ่มเอาศอกไปกระแทกท้องมัน แต่ใครจะไปคิดวะ

ว่ามันเกิดจะเรื่องแบบนั้น





 
 
“เว้ย!!~” อย่าเพิ่งรำคาญกับการโวยวายไม่เข้าเรื่องของผมเลยนะครับ ผมรับไม่ได้จริงๆ ถึงขั้นบีบหัวตัวเองด้วยความโมโห

แม่งงง!~ อย่าให้กูเจออีกนะ เพราะมึงเลย





"เห้ย นายเมื่อกี้ผมขอโทษ" ไหงไอ้สูงนี้ มันวิ่งหน้าหล่อมาขอโทษผม แถมเดินเข้ามาหาผมในท่าที่ประหลาดๆ ชอบกล

ไอ้ที่บอกว่าหน้าหล่อ คือแม่งหน้าคมๆ ผิวขาว แต่หน้าไงก็ช่างแม่งเหอะ แค่นี้ก็ไม่อยากจะมองมันละ
 
"ไรวะ" ทั้งหงุดหงิดทั้งงงไปหมด จู่ๆ มีคนมาขอโทษ มันเลยทำให้ผมเริ่มคิดทบทวน...

"ก็เมื่อกี้ที่ผมทำนายตกใจไง"

มันตอกย้ำการประมวลเหตุการณ์ในสมองส่วน ฟรอนท์ทึ่ม (สุดจะทึ่ม) ของผม ที่ผมต้องทบทวนเพราะว่า ตอนหนีออกมาผมก็ไม่ทันได้สังเกตุใบหน้าคู่กรณี รีบมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าที่ล้มไปทับเป้ากางเกงมันแบบนั้นออก แต่ถ้าคุณลองมาอยู่ในสายตาคนในห้องสมุดตอนนั้นดู ก็คงวิ่งไม่คิดชีวิตมาหลบในห้องน้ำเหมือนผมอยู่แล้ว







ไอ้คนนั้นที่เคยอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ตอนนี้มันเข้ามาตรงอ่างล้างมือที่ข้างๆ ผมแล้ว
 
"อะหนังสือครับ เห็นหยิบไม่ถึงก็อยากจะช่วย"

"แล้ว?" ผมทำหน้าหาเรื่องใส่มันอย่างไม่เกรงกลัว แต่แม่งคนอะไรว่ะแม่งสูงชิบหาย ถ้าต่อยกันจริงๆ ผมน่าจะตายคาห้องน้ำเนี่ยละ (แต่มาเสียเสียฟอร์มที่สร้างไว้คงไม่ได้มั้งงง)
 
"ก็เนี่ยไง ผมเลยเอาหนังสือมาให้ แล้วก็จะขอโทษ" คิดว่าแค่นั้นมันพอหรอวะ
 
"ขอโทษ?"
 
"ก็ขอโทษที่เอ่อ... เรื่องที่ล้ม..." ไม่ทันที่มันจะพูดได้ครบคำผมก็เตรียมง้างหมัดใส่
 
"เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ ผมว่าเรื่องนี้นายผิดนะ" เอ้า ไอ้นี้... ยังจะมากล่าวโทษผมอีก
 
"มึง พูดว่าไงนะ" ...ผมเน้นคำเต็มที่ ด้วยความโมโห
 
"ก็ถ้านายไม่หันศอกมาโดนผม อุบัติเหตุก็คงไม่เกิดหรอก" ...ดูท่า ผมจะผิดจริง ไอ้ใจเย็นก็เกือบแล้วแหละ แต่ไอ้ความโมโหหน้าแดงที่ผมโดนมันกล่าวอุบัติเหตุขึ้นให้ย้อนคิดอีกครั้งมันก็กำเริบมาอีก
 
"แล้วยังไง กูผิดใช่ไหม กูต้องขอโทษ?"

"ก็เปล่า แต่คนอะไรตัวก็เล็ก แรงเยอะชะมัด ดูท่าจะช้ำละมั้งเนี่ย" และมันไม่พูดเปล่า แม่งถกเสื้อนักศึกษาที่ใส่เอาไว้เรียบร้อยขึ้นดูตัวเองหน้ากระจก ไอ้เชี้ยยยย !!! กล้ามหน้าท้อง เอ้ย ไม่ใช่ดิ แถมยังทำเหมือนจะเช็คสภาพใต้กางเกงอีกต่างหาก
 
"มึงจะเปิดให้ดูทำเหี้ยอะไรรรรร!!" รอยแดงขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะแรงเยอะขนาดทำหน้าท้องมันแดงเป็นจั้มๆได้

"ผมก็จะเช็คไง ทั้งศอกนาย ทั้งหนังสือเล่มหนักๆ พวกนั้น" ไอ้บ้าเอ้ย มันวันอะไรของผมเนี่ยยย เจ็บจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ดูแล้วรอยแดงนั้นน่าจะของจริง เพราะหนังสือที่อยู่บนชั้นสุดท้ายของห้องสมุดนั้นก็ออกจะเล่มใหญ่ซะส่วนใหญ่
 


"นี่ หนังสือครับ คนอะไร ขาก็สั้น เตี้ยก็เตี้ย วิ่งก็เร็ว" อะไรวะ ยังจะด่าผมอีก ด่าเสร็จขำในลำคออีก ไอ้ท่าทางหน้าหมั่นไส้นั้น วอนตีนซะแล้ว

"พูดมาก.. ขอบใจแล้วกัน" ผมคิดว่า คำขอบใจของผมครั้งนี้คงเป็นคำขอบใจที่ไร้ความจริงใจที่สุดในชีวิตผมแล้ว
 
ผมรับหนังสือมัน พร้อมเดินออกจากหน้ากระจกอ่างล้างหน้า



"เดี๋ยวดิ แล้วเรื่องที่นายศอกใส่ผมอะ" แหนะ ไม่จบ ไอ้นี้ ไม่ยอมจบ

"เออ แล้วไงอะ เจ็บมาก?"  ในใจก็รู้สึกผิดนะครับ ผมเลยถามมัน
 
“ดูเอา” จบคำมันจัดการเลิกเสื้อขึ้นอีกรอบให้ผมเห็น ... ไรขนตรงหน้าท้อง...ไอ้เชี้ยนี้ ลามกจังวะ เจอกันครั้งแรกก็เปิดให้ดูขนาดนี้แล้ว

.....
 
ผมหันหน้าหนีแล้วพูดว่า
"พอเลยพอ กูไม่อยากดู เอาเป็นว่ากูขอโทษก็ได้" คนส่วนใหญ่เวลาจะช่วยหรืออะไร จะสะกิดเรียกก่อนเสมอ แต่ห่านี้มันลงมือทำเลย แปลกไหมละครับ
 
"ถ้าการขอโทษทำให้ไอ้ที่ปวดๆอยู่หาย ผมว่าโลกนี้ไม่ต้องมีหมอหรอกมั้ง" ต่อปากเก่ง ไอ้สัสนี้ วอนตีนจริงๆ แล้วนะ

"แล้วมึงจะเอาไง จะไม่จบใช่ไหม?" ผมเตรียมง้างหมัดใส่กะจะใช้กำลังให้มันจบๆไปเลย แม่งโครตรจะเสียเวลาไปทำการบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้ชิบหายเลย

พอมันเห็นผมเตรียมจะต่อย มันก็ยกมือเหมือนเป็นการจำนนแล้วพูดว่า

"โอเคๆ เอาเป็นว่าหายกันก็ได้ครับ" เออ มันต้องอย่างนี้ เข้าใจบ้าง รอยที่มึงช้ำกับรอยประทับบนหน้ากูที่ไปซุกเป้ามึงเทียบแล้ว ผมน่ะเสียหายกว่าเห็นๆ แม่งเอ๊ยคิดแล้วยิ่งอยากจะกดตัวเองลงชักโครกในห้องน้ำ
 

เมื่อสุดคำพูดที่ดูเหมือนจะจบประโยค ผมก็เดินออกห่างจากห้องน้ำ... ถ้าผมฟังไม่ผิดพลาดอะไร ถ้าหูผมยังใช้ได้อยู่ดี

ผมน่าจะได้ยินมันพูดว่า...

"เจอคราวหน้า ผมเลี้ยงข้าวขอโทษก็ได้นะครับ!"
 
ผมไม่รู้หรอกนะครับ ว่าไอ้ที่ผมยิ้มเนี่ย ผมยิ้มเพราะไอ้ความคิดบ้าๆ ที่มันกับผมจะได้บังเอิญเจอกันอีกครั้งมันจะมี หรือจะยิ้มเพราะผมคงได้กินของฟรีรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ...

ใครมันจะเจอกันอีกได้ เพราะมหาลัยออกจะกว้างจะตายไป ดูจากรูปร่างหน้าตาผมก็ไม่คุ้น ถึงผมจะเพิ่งเป็นเฟรชชี่มาหมาดๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เหอะ คงไม่ได้อยู่คณะเดียวกับผมหรอก...

แต่ด้วยความที่ห้องสมุดเป็นเหมือนที่สิงสู่ของผมเกือบทุกเช้าจะต้องคืนหนังสือ เกือบทุกเย็นจะมาหาหนังสือไปยืมอ่าน... และแม้บางทียามว่างก็จะมาแอบงีบที่ห้องสมุด...













มันก็ออกจะซวยๆ หน่อยๆ นะครับ ถ้าผมจะบังเอิญมาเจอกับมันอีกครั้งที่เดิม












“ดูดีนะ…”

“ขอบใจ ตื่นเต้นว่ะ” หน้าผมที่กำลังส่องตัวเองหน้ากระจกใส่ชุดสูทเต็มระดับความหล่ออย่างกับเจ้าบ่าวกำลังจะไปแต่งงานลอยมา…...


“พร้อมไหม?”

“พร้อมอะไรวะ?” สีหน้าของผมที่ดูจะงงกับปลายเสียงที่ส่งคำถามมา…พร้อมช้อนแขนมาสวมกอดผมจากด้านหลัง...

“อนาคตจากนี้ไป…” เสียงทุ้มจากร่างสูงใหญ่ แม้จะเห็นร่างกายและชุดที่ใส่ชัดเจน แต่ใบหน้ามัน…


“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”




!!!!






“ม่ายยยยยยยยยยยยย!!!!!!”

“นี่กูฝันหรอเนี่ย” ผมลุกนั่งจากการนอนเพื่อตั้งสติกับตัวเอง…แม่งฝันร้ายชิบหาย

“เชี้ยไรวะ!?” ที่มันต้องตั้งสติๆ ดีๆ เพราะผมมั่นใจมากว่าไอ้หุ่นแบบนั้น ร่างสูงโปร่งแบบนั้น มันคือไอ้คู่กรณีเมื่อตอนเย็นที่ห้องสมุด

ได้ไงวะ ผมไปฝันแบบนั้นได้ไง มันไม่ใช่แล้ว ที่สำคัญจำได้แม่นทุกกริยาในฝัน ถ้าจำไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด ใบหน้าของผมดูจะอิ่มเอมเสียเหลือเกินที่ได้รับคำพูดหวานเยิ้มจากไอ้สูงนั้น

ผมกังวลกับความฝันได้ไม่นานนักหรอก….


ชิบหายแล้ว!! จะเข้าเรียนสาย
ผมรีบทำธุระตัวเองให้เสร็จแล้วรีบเข้ามหาลัยทันที แน่นอนว่าคอนโดที่ผมอยู่ไม่ได้ไกลจากมหาลัยเลย เอาจริงๆก็ข้างๆกันเลยเนี่ยแหละ



พอผมมาถึงมหาลัย.. แน่นอนถึงแม้จะใกล้เข้าสาย แต่วันนี้มันคือวันสุดท้ายที่หนังสือที่ผมยืมไปเมื่อวันก่อนจะครบกำหนดก่อนเที่ยง แน่นอนว่าผมไม่ว่างที่จะแวะมาให้ตอนนั้นเลยต้องแวะตั้งแต่เข้ามหาลัยเนี่ยแหละครับ


ทันทีที่ผมกำลังเปิดประตูห้องสมุด…. “ปึ๊ก!!”
ผมชนกับร่างๆนึงที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร ไอ้คนเมื่อวานนี้เอง
 
“อ้าวเห้ย มาไงว่ะ” ซวยชิบ ซวยเชี้ยๆ ภาพแม่งสะท้อนไปจนภาพในฝันเป็นหน้ามันชัดขึ้นกว่าเดิมอีกทีนี้
 
“ก็ไม่มาไงอะ มาคืนหนังสือ ว่าแต่ เป็นไงบ้าง หายขวัญอ่อนยัง จะได้พาไปเลี้ยงข้าว”

ขวัญอ่อนเชี้ยไร กูไม่ใช่เด็กนะเว้ย แต่เอาเหอะ ไปต่อปากมันมากมีหวังผมได้เข้าเรียนสาย แล้วยังจะโดนอาจารย์ติ้วด่าหูชาแน่

“เออๆ ไว้ก่อนดิวะ เดี๋ยวกูคืนหนังสือก่อนจะรีบไปเรียนแล้ว” ผมไม่พูดอย่างเดียว พร้อมเดินไปยื่นหนังสือคืนกับเซ็นชื่อ…
 
 
 


 
“รชานนท์” ผมก็หันไปตามเสียงที่เรียกชื่อจริงผม ก็พบว่า มันยืนอยู่ข้างๆผม

“อ้าว มึงยังไม่ไปเรียนอีกหรอ…” ทำหน้าตากวนตีนเจ้าเล่ห์แปลกๆ
 
“ชื่อรชานนท์อย่างนี้ ชื่อเล่น ชื่อ นนท์ ใช่ป่ะ ยินดีที่รู้จักนะ”
 
“ห่ะ นนท์ เออๆๆๆ ยินดีที่ได้รู้จัก มึงอะชื่อไร”
 
“ไม่บอกครับ ไปเรียนได้ละ ไหนบอกจะสายแล้วไม่ใช่ไง”

เออว่ะ นี้ผมรีบอยู่นี่หว่า

 
“ก็มึงอะชวนคุย เออ กูไปละ”

พร้อมวิ่งไปเปิดประตู แต่ผมก็สเต็ปเดิมครับ หยุดหน้าประตู
 

“เออ! กูเองก็ไม่ได้ชื่อเล่นว่า นนท์ นะ บาย”

วิ่งสิครับ จะเข้าเรียนไม่ทันเอา ไม่ได้จะสนใจอยากเห็นไอ้นั้นทำหน้าตางงๆ ในห้องสมุดหรอก
 
 
แม่งสุดท้ายก็โผล่มาให้เห็นอีกจนได้ จะซวยอะไรเบอร์นี้วะ แต่ช่างมันเหอะ มันก็แค่บังเอิญแหละวะ ใครมันจะบ้าเจอกันได้หลายๆ รอบ นอกซะจาก ห้องสมุดก็คงเป็นที่สิงสู่ของมันเช่นกัน ถ้าถึงคราวจะเป็นงั้นจริง ก็คงซวยแบบต้องยอมรับชะตากรรมตัวเอง


 
 
 







“ไง ไอ้สั้น เกือบไม่ทันแล้วไงมึง ตื่นสายหรอวะ?” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงผมครับเป็นเสียงของเพื่อนผม มันชื่อ กี้ สนิทกันตอนโดนรับน้องใหม่ๆ มันเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลยทีเดียว

“สั้นพ่อง ว่าแต่ไอ้ดิวอะ ยังไม่มาหรอ?” ผมถามหาเพื่อนอีกคน ที่ตอนนี้ดูท่าว่าจะสายแทนผมแน่ๆ

“แม่งก็ไลน์บอกในกลุ่มเราไง ว่าไม่แน่อาจไม่มา มันไม่ค่อยสบาย” อ้อ โทษนะ ผมไม่ได้เช็คโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า ทุกอย่างมันรีบไปหมด

“เออ มึง วันนี้หอศิลป์ เขาจัดนิทรรศการภาพถ่ายกับจิตรกรรมอะ ไปไหม”

จริงๆ ว่าไปผมก็ไม่ได้อยากอวดเลยนะครับ ว่าผมก็มีเพื่อนหล่อกับเขาเหมือนกัน ไอ้กี้เนี่ย ตัวแม่งสูงใหญ่ เป็นนักฟุตบอลเด็กทุนกีฬา แต่หน้าตาเสือกขาวสะอาดอย่างกับนักศึกษาแพทย์

จริงสิ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลย
 




ผมชื่อ รชานนท์ สาริโกเศษ แน่นอนว่า ชื่อเล่นผมคือ “จิม” ลูกชายคนเดียวของบ้าน เพิ่งจะเป็นเฟรชชี่หมาดๆให้กับคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ ตอนนี้ที่สนใจ คือหนังสือของนักออกแบบชื่อดังอย่าง ยาโยอิ (ชื่ออย่างกับร้านอาหาร แต่ชื่อนี้จริงๆนะ) ผมเป็นคนรักการอ่านมากๆ อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องตรงกับสิ่งที่ผมเรียนผมก็อ่าน ทำให้ผมไปคลุกคลีอยู่ที่ห้องสมุดบ่อยๆ สาระร่างผมแบบนี้ (เตี้ย และอุบาท) แน่นอนว่า ตัวผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนครับ โสด (จีบได้นะจ๊ะ สาวๆ) ความรักที่ผมรู้จักก็คงมีแค่ ความรักที่ได้จากพ่อแม่เท่านั้นแหละครับ

เออว่ะ ความรักจากเพื่อนๆด้วย ทั้งมัธยมและปัจจุบันในมหาลัยนี้...


เพื่อนตัวดีของผมทั้งสองคนตอนนี้หรอครับ รู้จักกันครั้งแรกก็ช่วงปฐมนิเทศ เปิดใจสนิทกันแบบแน่ๆ เลย ก็คงจะตอนรับน้อง จะว่าไป มันทั้งสองคนไม่ค่อยชอบห้องสมุดเท่าไหร่ ไอ้กี้นี้ยิ่งเกียดห้องสมุดอย่างห่าอะไรดี แม่งให้เหตุผลเดียวกันเลยคือ เสียงดังไม่ได้ แต่เหตุผลของไอ้กี้ที่เพิ่มมาคือ มันไม่ถูกกับการอ่านอย่างแรง ส่วนเจ้าดิวที่ป่วยตอนนี้ มันมีอีกเหตุผลที่ไม่ชอบเข้าห้องสมุดคือ เสียเวลาไปเปล่าๆ ขอไปอยู่กับแฟนมันสองต่อสองดีกว่า นั้นจึงทำให้ผมไปไหนมาไหนห้องสมุดคนเดียวอยู่บ่อยๆ



“มึงพึมพำอะไรวะ” ไอ้กี้สงสัย
 

“เปล่าๆ” กูกำลังแนะนำพวกมึงให้ คุณๆเขารู้จักไง ไอ้ห่า เสือกไม่เข้าเรื่อง

 
“สรุปยังไง ไปดูงานกับกูไหม?” ไอ้กี้ถามผมอีกครั้งกับการไปดูงานนิทรรศการ อันที่จริงผมก็อยากไปหรอกครับ แต่เอาตามอารมณ์วันนี้ รู้สึกอยากกลับห้องไปนอนตายคาที่มาก


“รอบนี้ขอบายว่ะ มึง คราวหน้า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์”


พอหลังจากนั้นอาจารย์ติ้วเริ่มสอนเบสิคการวาดภาพเข้ามาสั่งงานเซ็คชั่นห้องเรียนผม ให้วาดรูปทรงเลขาคณิตแรเงาด้วย เสร็จแล้วส่ง เป็นวิชาที่ผมรู้สึกว่าโคตรชิลมาก ผม กี้ ดิวมักจะเป็นคนทำเสร็จคนแรกๆของห้อง ด้วยความที่อยากจะเลิกเรียนไว ใครเสร็จไวก็ได้กลับไว






“มึง กูกลับก่อนนะ โทษทีนะมึง” ผมส่งงานวาดรูปที่ทำเสร็จไปเฟรมสุดท้ายพร้อมโดนบ่นจากอาจารย์มา ก็เริ่มเก็บดินสอEE คัตเตอร์และกระดานวาดรูปใส่กระเป๋าเสร็จเตรียมที่จะกลับคอนโด
 
ประสบการณ์ความเซ็งในวันนี้มันมีเยอะจนผมเก็บอาการไม่อยู่จริงๆ ตื่นก็สาย ลิฟที่หอดันเสียอีก เลยต้องวิ่งลงบันได แค่นั้นไม่พอโดนไอ้ห่านั้นมันถ่วงเวลาผมที่ห้องสมุด ห้องสมุดกับห้องเรียนก็ไกลกัน ต้องรีบวิ่งอีก สรุปเหงื่อไหลแต่เช้า แถมโดนอาจารย์บ่นหูชาตอนส่งงานกับแค่ผมวาดรูปเร็วและวาดเกินคำสั่ง ซวยในซวยอีกที
 

“เออๆ เป็นไรเปล่าวะ เล่าให้ฟังได้นะเว้ย กูเพื่อนมึงนาจาไอ้สั้น” สั้นพ่อง!
 

“พ่องงง เออ จะว่าไป ไอ้กี้ มึงเคยฝันถึงคนที่เพิ่งเคยเจอป่าววะ” ผมตบหัวมันไปทีนึง ก่อนที่จะลองถามในสิ่งที่ผมคิดว่าได้ที่หลังว่า กูไม่น่าเลย
 

“เคยดิ สาวๆ เอ็กๆ ที่กูแซวทั่วๆ ไป บางทีกูก็เอาไปฝันเปียกเหมือนกันว่ะ” เห็นไหมครับ… แม่งจะหาสาระห่าอะไรจากมันได้ ไม่มี๊!
 

“แล้วแต่ มึงเลยจ้า คิดซะว่ากูไม่ได้ถามแล้วกัน เจอกันมึง” พอผมทำทีจะกลับเท่านั้นแหละ
 

“เห่ยย เดี๋ยวดิ เนื้อคู่รึเปล่าที่มึงฝันอ่า จำหน้าได้เปล่าล่ะ” เนื้อคู่พ่องงงงงง แต่หน้าอะจำได้แม่น
 

“สัส มันผู้ชายเว้ย” ผมว่า ผมเสือกพูดอะไรที่ไม่ควรพูดอีกแล้วแน่ๆ
 

“ชิบหายละจิม นี่มึงจะมีผัวรึเนี่ย” ฟวยเอ้ยยยย ให้มึงได้อย่างนี้สิวะ ไอ้มโนเน่าๆ ล่ะที่หนึ่ง
 

“ผัว พ่อมึงอ่ะ กูไม่ใช่เกย์”
 

“คร้าบแม่” แม่พ่องงง โว๊ะ กวนตีนชิบหายไอ้นี้ ไม่รู้ทำไม มีเพื่อนแบบมันเนี่ย เหมือนจะเครียดนะครับ แต่มันก็ทำให้รู้สึกลืมๆ เรื่องเครียดๆ ได้
 

“งั้นกูไปละ คุยกับมึงเนี่ยไม่ได้ห่าอะไรเลย”

“เออ เจอกันมึง เห้ยเดี๋ยว!” อะไรอีกวะ วันนี้ผมจะได้กลับไหมเนี่ยยยยยยย

“คืนนี้ขอให้ฝันถึงเนื้อคู่นะจ๊ะ” นั้นไง สาสสสสสสส นิ้วกลางใส่แม่งไปหนึ่งที ก็คงไม่สทบสะท้านอะไรหรอก

พอผมเปิดประตูเดินออกไป
 




“ปึ๊ก!” ชนใครอีกละวะ วันนี้เป็นวันการเดินชนแห่งชาติรึไง
 
ผมหลับตาบ่นพรึมพรำออกมา “วันนี้กูจะชนคนทั้งวันเลยไหมสัด” แล้วลืมตาค้างป่นงงๆ

จะไม่งงได้ไงหละครับไอ้ห่าคู่กรณีที่เพิ่งพูดถึงไปโผล่หัวมาได้ไง มันต้องเป็นพวกสโตกเกอร์ผมแน่ๆ  เจอผมบ่อยขนาดนี้ มันไม่บังเอิญแล้วแหละ
 

“เออดิ วันนี้นายจะชนผมทั้งวันเลยไหม” ยังจะย้อน มาไงวะเนี่ย กะจะไม่ได้เจออีกแล้วเชียว หรือมันเรียนคณะเดียวกันกับผม ผมอาจจะคิดไปเองที่มันจะมาคอยตามติดผมแบบนี้
 
“นี้สรุปแอบตามกูใช่ไหม?” ต้องลองถามดูหน่อยแล้ว แต่ใครมันจะตอบตรงๆวะ
 
“โธ่ จับได้ซะละ…” เชี้ย…

“ซะที่ไหนล่ะ หลงตัวเองเหมือนกันเนอะ” แล้วก็เดินเข้าไปในห้องดรออิ่ง ปล่อยให้ผมยืนงงๆ มองมันเดินเข้าไปยื่นอะไรให้อาจารย์ไม่รู้…

“เห้ยมึง” เสียงไอ้กี้ที่ตอนนี้มันลุกจากการแลเงาเฟรมสุดท้ายของมันมาสะกิดผม

“ใครวะ?” มันถาม


“ไอ้เชี้ยนี้แหละ”

“...เชี้ยนี้… อ่อ ไอ้ที่มึงบอกว่าฝันถึงอะนะ” ผมรีบอุดปากมันก่อนที่ไอ้เชี้ยสูงนั้นจะได้ยิน ซึ่งแม่งกำลังจะเดินมาละ

“อือ” ผมพยักหน้ารับประโยคของไอ้กี้

“มึง… นี่ร้าย” สุดคำพูดเจ้าเล่ห์ของไอ้กี้ ไอ้สูงมันก็เดินมานี้พอดี
 
“ผมเอาเอกสารมาให้อาจารย์เซ็นเฉยๆ ครับ ไม่คิดว่าจะเจอนายด้วยซ้ำ” มันเดิมาถึงก็แก้ตัวที่ผมกล่าวหามัน แล้วมันก็หันไปพยักหน้าทักทายไอ้กี้

“รู้จักกับไอ้สั้นนี้ด้วยหรอ?” ไอ้กี้ถาม ไอ้เชี้ย… เออ ผมเอาแต่เรียกไอ้เชี้ยนั้นไอ้เชี้ยนี้ ยังไม่รู้จักชื่อมันเลย

แล้วมันยิ้มรับคำถามนั้นทำไม...

“เปล่า แค่บังเอิญเจอกันเฉยๆ อันที่จริงรู้จักเพราะจิมดันมาล้มทับ….” แล้วไอ้การก้มไปดูเป้าตัวเองคืออะไร มึงหยุดดดดดด ผมรีบกระโดดหุบปากมันด้วยมือผมทันที

“เชี้ยกี้ กูไปก่อนนะ กูรีบ” แล้วผมก็รีบดึงไอ้เชี้ยสูง ออกมาจากห้องดรออิ่งก่อนที่ไอ้กี้และคนอื่นๆ ในห้องจะได้ยินวีรกรรมอันน่าอับอายของผม



“มึงอะ จะพูดทำไมวะ กูไม่อยากอายคนไปมากกว่านี้นะเว้ย ยิ่งมึงเอาไปบอกไอ้กี้แบบนั้น กูจะโดนมันล้อเอาชิบหาย ยันลูกบวช มีลูกสองสาม ยันหลานกันพอดี” ผมบ่นมันยาวด้วยความโมโห จนลืมตัวไปว่า ผมเดินลากแขนมันมาด้วยทำไมวะ?

“อ๋อ ก็ไม่รู้… ว่าแต่จะพาไปไหน”

“เห้ย” ผมรีบปล่อยมือออกจากแขนมันทันที

“ไม่มีไรและ กูกลับละ แล้วอย่าเที่ยวเอาเรื่องกูไปเล่าให้คนนู้นคนนี้เขาดิ กูอายนะเว้ย” คิ้วผมจะขมวดรวมกันเป็นสะพานพระรามแปดอยู่แล้วเนี่ย



“เดี๋ยวก่อน หิวแล้ว” มันพูดจบทีนี้ก็เป็นทีมันลากผมนำไปบ้าง อะไรของแม่งวะเนี่ยยยยยย

“เดี๋ยวดิ มึงจะลากกูไปฆ่าหั่นศพไม่ได้นะ กูยังซิงนะเว้ย” ไอ้ประโยคสุดท้ายผมจะบอกมันทำไมวะ (จริงๆ เลย จิม เวลามึงไม่มีสติเงอะงะ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง)
 
“ก็บอกว่าหิวข้าว ไปกินเป็นเพื่อนหน่อย สัญญาไปแล้วไงจำไม่ได้?” เอาเถอะ ถือว่ายังดีที่มันไม่แซวประโยคสุดท้ายของผมแต่ไอ้รอยยิ้มที่หันมาตอบแบบนั้นกูไม่ได้อยากเห็นเลยซักนิด


“ปล่อยแขนกูได้ละ กูเดินเองได้”

“เอ้า โทษทีลืมตัว นึกว่าจูงเด็กเตี้ยๆ อยู่” ไอ้สาสสสสสสสสส

“จะด่ากูแบบนี้ กูไม่ไปด้วยแล้ว สัส” ผมทำทีจะเดินแยกออก ไม่ทันไรมันก็คว้ามือผมไปทันควัน

“โห หยอกนิดเดียวเอง ทำงอนไปได้ ขอโทษก็ได้อะ”


“ถ้าคำขอโทษมันทำให้หายเจ็บใจ ก็ไม่ต้องมีจิตแพทย์หรอก” ผมย้อนคำมัน ผมยังจำได้แม่นที่มันเคยว่าผมไว้

“โอ้โห… เล่นเอาคำผมมาใช้แบบนี้ ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์แล้วนะ” ผมขำในลำคอพร้อมส่ายหน้า

“ปล่อยมือกูได้แล้ว แล้วจะพาไปกินไหนนำไปดิ” แน่ๆ … ไอ้แว๊บก่อนที่มันจะหันไปเดินหน้าต่อ มันยิ้มมุมปากแน่ๆ มึงยิ้มบ่อยไปละไอ้สัส





พอผมเดินมาซักพัก ชิบหายละครับ!



นี่มันไม่ใช่ทางไปโรงอาหารมหาลัยนี่ มันจะพาไปไหนวะเนี่ย
 

“เอ้าเห้ย นี้ไม่ใช่ทางไปห้องอาหารนี้ มึงจะไปไหน” เพราะมันนำผมมานอกตึกแล้ว
 
“ไม่อ่ะ ผมไม่ชอบกินข้าวในตึก คนเยอะเสียงดัง” แล้วมันก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงลานจอดรถของมหาลัย

“มึงมานี้ไมวะ”
 
“หรือมึงมีรถ?”
 
“แล้วจะไปกินข้างนอกเลยหรอ”

“แล้วงี้ไม่นานหรอจะกินที่ไหน”

“เห้ยตอบหน่อยดิวะ” ด้วยความที่ผมสงสัยเลยถามมันไปรัวขนาดนั้น มันดันยิ้มมุมปากเล็กๆ
 
“ถามเยอะจริง สัญญาจะเลี้ยงแล้ว จะงอแงทำไม” งอแง… งอแงเชี้ยไร นี่ผมโง่มากับมันให้มันกวนประสาทผมเล่นทำไมเนี่ยยยยย กวนตีนชิบหาย



แล้วมันก็มาถึงรถคันนึงแล้วเปิดประตูรถเบนซ์ e200 ข้างๆของคนขับ

“เชิญครับ” ยังๆ ยังยิ้มๆ ไม่เลิก หล่อมากมั้ง (เออ มันหล่อจริงๆแหละ ไอ้จิม มึงปฏิเสธข้อนี้ไม่ได้)
 
“เชิญ เชี้ยไร กูไม่ใช่ผู้หญิง ไปๆไปขึ้นรถดิ เสียเวลากู” จริงแล้วผมเห็นรถมันก็ตื่นเต้นนะครับ เพราะไม่เคยนั่งรถหรูๆแบบนี้ อยากลองนั่งสักครั้ง
 


 
พอเข้าไปในรถก็เลยมองนู้นนี้นั้นในรถมัน สวยไม่เบาเลยครับ เบาะก็นุ่มนั่งสบาย หันไปมองเบาะหลังก็แจ่มหน้านอน เอ้ยไม่ใช่ละ มันคงเห็นหน้าผมดูซนๆมั้งครับเลยยิ้มออกมาแล้วขำ
 
“หึหึ เป็นไรสำรวจอะไรรถผมหรอ รถผมสะอาด เท่เหมือนคนขับอยู่แล้ว”

มึงแม่งไม่ค่อยหลงตัวเองเลย ผมทำหน้าแหย่ใส่มัน แล้วก็มองหน้ามัน อืม มันก็หล่อดีนะ คิ้วเข้ม ตาตี๋ จมูกโด่ง ทรงผมเนียบๆ ยิ่งตอนมันนั่งลงบนเบาะคนขับแล้วใส่แว่นกันแดดนี้เท่สัส อย่างกะนักร้องญี่ปุ่น ออร่าพุ่งสุดๆ
 

“มองไรไม่เคยเห็นคนหล่อไง”

เสียงมันพูดขึ้นมาดึงสติความคิดในใจของผม
 

“เห้ย ปะ...เปล่า มองกระจกฝั่งมึงอ่ะ มันสะท้อนแสงมากูแสบตา รีบปิดประตูดิ้”

เนียนไหมล่ะครับ แต่ไอ้นั้นก็ยิ้มอะไรของแม่งก็ไม่รู้
 

“ว่าแต่มึงจะพากูไปไหน ไปไกลไม่ได้นะเว้ย กูมีงานต้องส่งพรุ่งนี้อีกเยอะ”

 
“ครับไม่ไกลหรอก ผมไม่พานายไปฆ่าหั่นศพหรอก เดี๋ยวชาตินี้นายไม่ได้เปิดซิง” นั้นไง คิดว่าจะไม่เล่นผมแล้ววววว จนได้ จนได้
 

“ตีน… รีบออกรถได้ละ”

แล้วก็แบมือ… (จะทำไรวะ)
 
 

“เอาบัตรประชาชนมาดู ชื่อ ที่อยู่หน่อย”
 

“...”

ขอดูเชี้ยไร…นะ!?
 

“แม่สอนว่าหากคนแปลกหน้าขึ้นรถต้องรู้ประวัติเขาก่อน”

แบบนี้ก็มีด้วยหรอวะ?
 

“งั้นกูไปละ”

ผมทำท่าจะออกจากรถ แต่แม่งทำไม่ได้ไง มันดึงแขนผมไว้
 

“จะไปไหน เป็นคนแบบนี้เองหรอ?” แบบนี้?

“แบบนี้อะแบบไหน พูดดีๆ”


“ตกลงทำสัญญากับคนอื่นแล้วก็เบี้ยวแบบนี้อะ” เชี้ยอะไรของมันอีกกกก โอ๊ยยยย


“มึงตกลงของมึงคนเดียวเลยนะ มึงตะโกนมาเอง กูไม่ได้รับคำอะไรมึงเลย”


“จะไม่รับได้ไง มาถึงขนาดนี้แล้ว เท่ากับมาตกลง”


“ตรรกะอะไรของมึง”


“เหอะนา เอามาดู เร็วๆ จะได้รีบไป เสียเวลานะเนี่ย”
 

“งั้นกูบอกเองแล้วกัน กูชื่อรชานนท์ สาริโกเศษ ชื่อเล่นชื่อจิม บ้านอยู่สระบุรี พอใจยัง”

นั้นไงยิ้มมุมปากมาอีกแล้ว แล้วนี่อะไรจะแบมืออีกทำไม
 

“หลักฐาน ขอดูก่อน”
 

“เออๆ แม่งเรื่องเยอะ” ผมหยิบกระเป๋ายื่นบัตรให้แม่งดู ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกก็แค่บัตรประชาชน นี่ถ้าไม่ติดว่าพ่อสอนผมเรื่องสัญญากับใครไว้แล้วต้องทำให้ได้นะ ผมไม่สนใจแล้ว จะยอมแม่งทำไมเนี่ยปๆ


 

“อืม อืม เค พอใจละ” มันก็คงแค่แกล้งผมเล่นแหละครับ เพราะดูแปบๆเท่านั้นเอง ก็ยื่นมาให้ผมแล้ว แต่เสือกยิ้มพอใจห่าอะไรขนาดนั้น
 

“งั้นรอใครเสด็จละพ่อ ออกรถดิ จะได้จบๆสักที” ผมไม่วายจะเร่งมันให้รีบให้ผมพาไปเลี้ยงให้เสร็จๆ จะได้จบๆ
 
“เห้อ ไม่มีคนสอนไงนั่งรถต้องคาดเบลท์ด้วยอะ” ไม่พูดเปล่า ทำท่าจะเอื้อมเบลท์ฝั่งผม ผมไหวตัวทันเลยหยิบมาคาดก่อนเรียบร้อย
 
“ไปได้ละ”

แล้วมันก็ออกรถสักที หมั่นไส้ชิบหายไอ้การยิ้มแบบนั้น แม่งคงหล่อได้เท่ากับการเป็นเดือนของมหาลัยได้เลย… คนห่าอะไรขับรถแล้วโคตร… โว๊ยยยยย ผมสนใจมันทำไมมมมม


ทันทีที่ผมมีสติที่จะไม่สนมัน… ผมก็หันออกไปมองวิวตลอดทาง
 
 
 
 









 

“จิมครับ ตื่นได้แล้วนะครับ ถึงแล้ว”

เสียงมันปลุกผมพร้อมเขย่าไหล่ผมเบาๆ
 

“อืมมม ถึงแล้วหรอ โทษทีเผลอหลับหน่ะ” ผมงวงเงียเมาขี้ตาตัวเองหน่อยๆ ก่อนที่จะพยายามดึงกล้ามเนื้อตามามองรอบๆ มันพาผมมาห้างใกล้ๆ มหาลัย
 

“เผลอหลับไม่ว่าหรอก แต่ดูนี้ดิ”

มันดึงแขนเสื้อให้ดูว่าแขนเสื้อมันเปียก
 
“น้ำลายจิมอ่ะ เต็มแขนเสื้อผมเลย”

ห่ะผมนอนน้ำลายไหลก็ว่าน่าอายแล้ว ประเด็นคือไหงน้ำลายผมไปอยู่แขนมัน… หรือว่าผมเผลอนอนพิงแขนมัน แม่งน่าอายชะมัด
 
“เห้ย กูเอียงไปหามึงหรอกูขอโทษว่ะ”

 
“ปกติไม่เคยนอนน้ำลายไหลเลยนะ ขอโทษจริงๆเดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่”

แล้วผมก็ยกมือจะไหว้มัน แต่มันก็ปรามผมทันที
 
 

“เห้ย ไม่เป็นไร ผมมีเสื้ออีกตัวอยู่หลังเบาะเดี๋ยวเปลี่ยนได้ เห็นหลับอร่อยขนาดนั้นเลยไม่อยากปลุก”
 

“เออขอโทษนะเว้ย”

แล้วมันก็เล่นถอดเสื้อซะต่อหน้าผม
 

“จิมครับ รบกวนหยิบเสื้อข้างหลังเบาะให้ผมที ขอบคุณครับ”
 

“เออๆ”

ครั้งนี้ยอมให้มันและกัน แต่หุ่นมันนี้อย่างกับนายแบบล่ำ ขาวชิบหายเลยยยยยย คนเหี้ยอะไรเนี่ยย ขาวอย่างกับเกลือ แล้วผมไปมองมันทำไมวะ กลับมาๆ (สติเว้ยยยยย)






 
 
 
 
เราเดินเข้าไปกินบาร์บีคิวพลาซ่า ของโปรดผมเลยครับ ชอบน้ำจิ้มที่สุด แต่ที่เดินมานี้ไม่ได้ตกลงกันว่าจะมากินอะไรเพราะมันเดินนำผมมา แต่ก็ถือว่าถูกใจจอมแดกเนื้อติดมันอย่างผมสุดๆ พอผมนั่งเปิดเมนูปุ๊บ

 
"ชุด ครอบครัวเนื้อ 1 ครับ เนื้อติดมัน 5 เบคอน 4 เบคอนพันเห็ดเข็มทองด้วยครับ แล้วก็โค๊กเหยือก"

โหแม่งสั่งเป็นชุด ไม่เปิดเมนูด้วย แถม สั่งได้ตรงแบบที่ผมจะสั่งเลย ถูกใจว่ะ
 
แต่เดี๋ยวนะ มึงแดกหมดไหมเนี่ย อย่าว่าแต่แดกเลยเงินผมมมม!! จะพอไหม
 
“เห้ยๆๆ เดี๋ยวเลยมึง สั่งเยอะงี้แดกหมดหรอวะ”
แล้วผมก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆมันพร้อมกระซิบ “กูไม่มีตังจ่ายนะเว้ยเยอะงี้อ่า”
 

ไอ้หน้ายิ้มหัวเราะในลำคอมาอีกแล้วแถมส่ายหน้าด้วย คราวนี้มันยื่นหน้ามาใกล้ผม ทำให้ผมต้องถอยออกมานั่งท่าปกติ
 

“บอกแล้วไงผมจ่ายเอง สั่งเหอะ วันนี้หิวมาก”

ไหนๆก็ของฟรี ลุยสิครับ
 
“จริงดิ งั้นแต๊งงงงง” การขอบใจของผมกับหน้าเบิกบานยิ้มรับของฟรีจากมัน แต่เอ๊ะ ไอ้ส่ายหน้าแล้วยิ้มมุมปากคืออะไร
 
“เออว่าแต่มึงชื่อไรวะ? นี่กูมาให้คนอื่นมาให้เลี้ยงข้าวทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อเลย” ยิ้มมุมปากอีกละ หล่อตายห่า
 
“ไม่บอก เป็นคนแปลกหน้าต่อไปอะดีและ” กวนตีนละ
 

 จากนั้นเสียงใสจากไหนไม่รู้ก็พุ่งมาที่โต๊ะเรา

“พี่อาร์มมมมม!!”
 
 
 
 

อ่อ… มึงชื่ออาร์มสินะ….


 
-----------------------
 
 
“บางสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ อาจจะเป็นประกายบางอย่างให้เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2018 23:50:03 โดย keywordz »

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
:L2: :pig4:กลับมาแล้วหรอ ดีใจ

กลับมาแล้วครับ ดีใจนะเนี่ยที่ยังมีคนคอยอยู่

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 02 : ฝัน!?


 
 
“พี่อาร์มมมมม” 
 
เสียงผู้หญิงใสๆ คนนึงดังลั่นร้านจนผมต้องหันไปมอง
 
 
“มาไงคะเนี่ย”
 
เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กกว่าผมหน่อยนึง ซึ่งตอนนี้มายืนตรงโต๊ะผมกับไอ้คนแปลกหน้าที่เลี้ยงข้าวผม
 
 
“อ้าว น้องแก้วมาได้ไงคะ”
 
ไอ้คนเลี้ยงข้าวผมที่ตอนนี้ผมรู้ชื่อมันแล้วว่ามันชื่ออาร์ม เอยปากถามคนที่ผมคิดว่าก็คงเป็นน้องสาวมันละมั้ง เพราะหน้าตาคล้ายๆกัน
 
 
“แก้วมากินที่นี้กับเพื่อนเหมือนกันค่ะ”
 
แล้วน้องก็ชี้ๆไปกลุ่มเพื่อนที่รอน้องแก้วหน้าร้านและกำลังยกมือไหว้อาร์มกับผม เราสองคนเลยรับไหว้ตอบ
 
 
“เพิ่งเสร็จกำลังจะเดินออกเห็นพี่อยู่แก้วเลยทัก”
 
 
“ไม่ใช่พี่หมายถึงว่า นี่มันกลางวันอยู่เลย เรามีเรียนไม่ใช่รึวันนี้”
 
 
“หรือว่าเราโดดเรียน พี่จะฟ้องแม่”
 
มาถึงจุดนี้ผมเริ่มชัวร์ว่า สองคนนี้คงเป็นพี่น้องกัน
 
 
“แล้วนี้ใครอะค่ะ พี่ น่ารักจัง”
 
นั้นไง ปากหวานซะด้วย
 
 
“เพื่อนพี่เองค่ะน้องแก้ว ชื่อจิม จิมครับนี่แก้วน้องสาวผมเอง”
 
 
“หวัดดีครับน้องแก้วสุดสวยยย”
 
ฮ่าๆไม่ได้หรอกครับคนสวยตัวเล็กกว่าผม สเป็คเลยหาได้น้อยที่จะเจอคนตัวเล็กกว่ามันต้องยิ้มโปรยเสน่ห์ซะหน่อย
 
“โอ้ย!! เตะขากูไมวะ”
 
แม่งเตะขาผมใต้โต๊ะ
 
 
“นั้นน้องกู”
 
คุยมาสองวันมันเพิ่งจะพูดกู สงสัยแม่งหวงน้องเอามากๆ
 
 
“นี่...ว่าแต่เราเถอะ เรายังไม่ตอบพี่เลย โดดเรียนมาใช่ไหม”
 
“เปล่านะค่ะ วันนี้คาบบ่ายหนูว่างหมดเลย พวกผู้ชายในห้องเรียนรด.กัน อาจารย์ก็เลยปล่อย พี่อาร์มอย่าบอกแม่น้า ว่าแก้วออกมาก่อนเวลาเลิกเรียน น้าค่ะๆ”
 
โอ้โห ลีลาการอ้อนไม่เบา… ไอ้นั้นก็ดูจะแพ้ทางคนอ้อนซะด้วยตอนแรกเห็นดึงหน้าดุๆตอนนี้เริ่มจะผ่อนใบหน้าตึงๆออกมาหน่อย
 
 
“โอเคครับ แล้วนี่อยู่ถึงกี่โมง ให้พี่ไปส่งบ้านไหมหลังเที่ยวกับเพื่อนเสร็จ”
 
 
“ไม่เป็นไรค่ะวันนี้ขอให้พ่อมารับแล้ว เพราะจะอ้อนพ่อซื้อกล้องถ่ายรูป
แหะๆ”
 
รวยกันจริงแหะครอบครัวนี้
 
 
“ไปก่อนนะค่ะ พี่อาร์ม พี่จิม บะบายยย”
 
แล้วน้องแก้วก็ทำหน้ายิ้มโบกมือรัวแทบจะหัก แล้วก็เดินไปกับเพื่อนๆ
 
 
“เป็นไง น้องผมน่ารักอะดิ หน้าตาดีเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยใช่ป่าว”
 
เดี๋ยวนะไอ้ประโยคแรกกูเห็นด้วย แต่ประโยคหลังนี้ มึงหลงตัวเองชัดๆ
 
 
“...”
 
ผมแค่มองหน้ามันแล้วทำหน้าแหย่ๆส่ายหน้าเบาๆ
 
 
“อ่ะ กินเยอะๆนะ”
 
มันคีปเนื้อที่สุกแล้ว มาให้ผมมาเรื่อยๆ
 
 
“เห้ยๆ ไม่กินไง ไม่ต้องหยิบให้ก็ได้ห่า ไม่ใช่ผู้หญิง”
 
“เออน่ะ กินเยอะๆจะได้โตไวๆ”
 
มันหยุดโตแล้วมั้งงงงงง
 
 
“ถ้ามันจะโตมันก็โตตั้งนานแล้วเหอะ”
 
 
“กินๆไป ผมเป็นคนเลี้ยง อย่าขัดขืน”
 
เออ กวนตีนอีกและ ด้วยความขี้เกียดชวนตี ผมก็ใส่เข้าปากตัวเองทุกชิ้นที่มันหยิบมาให้
 
เมื่อกินไปสักพักเราก็จบภาระกิจอาหารกลางวันกันเรียบร้อย โดยที่สุดท้ายมันก็สั่งมาให้ตัวเองกินเพิ่มแถมยังหยิบให้ผมบ้างเป็นบางที ผมนี่อิ่มจนรู้สึกไม่อยากกินอีกไป 1 เดือนเต็ม จากนั้นเราก็เดินย่อยกันสักพักเพื่อละลายความอิ่มในท้องให้บรรเทา อยู่ๆมันก็มีพฤติกรรมแปลกๆ มามุดหลังผมเหมือนจะหลบใคร
 
“ทำไรวะ เห้ย อย่ามาโดนกู”
 
 
“เออ แปบนึงขอหลบคนหน่อย”
 
แล้วมันก็ทำท่าก้มหัวลงมาเพื่อจะหวังให้หัวผมบังหน้าใครสักคน
 
 
ผมก็ไม่รู้ก็หันไปหันมาดูว่ามันหลบใคร ที่โครตพ่อโครตแม่ซวยที่สุดคือ ผมจะหันไปถามมันว่า
(“มึงหลบใคร”) ....ซึ่งก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก
ปลายจมูกโด่งๆของมันมาโดนแก้มผมซะงั้น
 
“เห้ย ทำเชี้ยไรว่ะ”
 
แล้วผมก็ผลักมันออกไป มันเองก็ทำหน้าอึ้ง แหงแหละ ตกใจนี่หว่า
 
 
“ผมไม่ได้ทำไรนะ จิมหันมาโดนเอง ก็เห็นอยู่ว่าหลบคน”
 
ผมหงุดหงิดมาก ใจเต้นรัวหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห
 
 
“ไม่เนียนนะมึง เป็นเกย์ไงวะมาหอมแก้มผู้ชายแบบนี้”
 
ผมกำหมัดแน่นมาก แต่ก็ไม่กล้าออกหมัดออกไป (ก็นะ ตัวแม่งก็ใหญ่กว่า แถมนี่มันในห้าง) เลยเดินออกห่างจากจุดที่มันยืนอย่างรวดเร็ว
 
 
“อ้าวเติ้ล มานี้คนเดียวทำไมไม่บอก ปอยจะได้มาด้วย ไม่อยากเจอกันแล้วหรอ”
 
เสียงผู้หญิงยืนคุยกับมันที่ผมได้ยินทำให้ผมหันไปดูว่ามันคุยกับใคร หรือ มันหลบคนนี้วะ
 
“อ่อเปล่า มากับเพื่อนหนะ นั้นไงอยู่ตรงนั้นอ่ะ เออ ปอยเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ
วันนี้รีบไปเรียนต่อคลาสบ่าย จะไม่ทันแล้ว”
 
แล้วมันก็วิ่งมาหาผม
 
 
แต่เห้ย เมื่อกี้ผู้หญิงเรียกมันว่าเติ้ล แล้วน้องมันเรียกมันว่าอาร์ม สรุปมันชื่ออะไรแน่
 
???
 
 
“เห้ยจิมรอด้วย จะกลับม.ยังไงเดี๋ยวผมไปส่ง”
 
 
“กูกลับเองได้ มึงไปไหนก็ไป”
 
ผมยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่เลยพูดตามอารมณ์ไป
 
 
“โหย เดี๋ยวดิ ก็บอกว่าอุบัติเหตุไง”
 
“เออ กูผิดเองละ ขอโทษ ขอบใจที่เลี้ยงมื้อกลางวัน ไปละ”
 
 
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวผมไปส่ง อย่าดื้อดิ มาด้วยกันก็ต้องกับด้วยกัน งอนเป็นเด็กไปได้”
 
ฟังดูดีขึ้นมาหน่อยนะ แต่รู้สึกว่า ไอ้ที่บอกว่ากูงอนเป็นเด็กนี้ วอนตีนป่าวว่ะ
 
 
“เด็กเชี้ยไร ใครงอน กูไม่ใช่…”
 
 
“เออรู้แล้วว่าไม่ใช่เกย์ ย้ำอยู่นั้นละ”
 
 
“....”
 
มันตัดบทผมดื้อๆ จนรู้สึกตัวผมเองจะพูดไม่ออกแปลกๆ
 
 
“เอางี้ ให้ผมไปส่งถือว่าขอโทษที่เป็นการทำให้เกิดอุบัติเหตุ”
 
 
“เออๆ วุ้ว”
 
ผมทำเสียงหงุดหงิดใส่มันไป ที่ไม่ปฏิเสธส่วนใหญ่เป็นเพราะลึกๆก็คิดว่ามันอาจจะจริงอย่างที่มันพูด เป็นอันว่าเราสองคนก็เดินกลับไปที่จอดรถของมัน
 
ต่อจากนั้นเมื่อมันมาถึงตึกที่ผมต้องเข้าไปเรียน ผมเปิดประตูรถมันและเดินออกไป
 
 
“ขอบใจ”
 
ก่อนจะปิดประตู ซึ่งรู้สึกแว็บๆ เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้ามัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“อากาศเย็นดีจังเนอะอาร์ม”
มองจากตรงนี้เราอยู่บนระเบียงโรงแรมมองออกไปเห็นหาดทรายขาวราวกับแป้งทาตัวและน้ำทะเลที่สีสวยเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบกับคลื่นน้ำทำให้มองดูเหมือนเพรชน้ำงามเลยทีเดียว ด้วยท่าที่อาร์มใช้แขนอันใหญ่โตโอบมาจากข้างหลังผมทำให้รู้สึกอบอุ่นดีพิลึก
 
 
“อยากอยู่แบบนี้นานๆเลยเนอะ จิมว่าไง อยู่แบบนี้ตลอดไปเลยดีไหมครับ ไม่ต้องให้ใครมารับรู้เรื่องของเรา”

เมื่อสิ้นประโยคนั้นอาร์มก็จับผมหันมามองหน้าประชัน
ชิดกันทำให้ผมเห็นนัยตาที่หวานเยิ้มของมัน
ราวกับอยากให้ผมรับรู้ความรู้สึกในใจของมัน
ริมฝีปากของมันเริ่มโน้มตัวลงมาใกล้ปากผม
จนทำให้ผมต้องหลับตา
 
 
“โอ๊ย”

 
“รชานนท์!! หลับในห้องเรียนแบบนี้ อยากโดนทำโทษใช่ไหม”
 
อาจารย์เพิ่งจะเอาชีสตีหัวผมเองนะ จะทำโทษผมอีกหรอครับ สงสารคนตัวเล็กๆอย่างผมเถอะ
 
 
“ขอโทษครับอาจารย์ ผมจะไม่ทำอีกแล้วนะครับอาจารย์ น้าาาา”
 
ขอลองใช้ลูกอ้อนหน่อยละกัน ดูเหมือนจะได้ผมซะด้วย
 
 
“คราวหลังอย่าทำอีกรู้ไหม ดีให้สม่ำเสมอสิเรา”
 
 
มือของอาจารย์ก็มาถูๆทรงผมของผมซะยุ่งเลย
แต่กลับรู้สึกอบอุ่นจัง ความรักของอาจารย์นี้มัน คล้ายกับพ่อแม่เลยนะครับ
ต่างกันแค่เขาไม่ได้เป็นคนทำเราเกิดมาเท่านั้นเอง ผมชอบความรู้สึกแบบนี้ มันรู้สึกปลอดภัย

 
“ขอบคุณครับอาจารย์ ผมสัญญาจะตั้งใจเรียนที่สุดของความพยายามของผมเลยยยย”

 
“โตได้แล้วนะเรา”
 
แล้วอาจารย์ก็เดินไปสอนต่อ พร้อมส่ายหน้า

 
“แหมมึง อ่อยอาจารย์ซะเคลิ้มเป็นแม่ลูกเลยนะ”
 
เสียงไอ้กี้มันแซว

 
“ก็งี้หละ หน้าเด็ก ต้องเล่นสายแบ๋ว ส่วนล่ำแบบมึงแบ๋วไม่ไหวหรอก ฮ่าๆ”
 
ผัวะ! นั้นไงอยู่ดีไม่ว่าดี โดนมันตบกะบาลซะเลย
 
 
ต่อมความงงกับฝันกลางวันเมื่อกี้ผมยังไม่หาย ไอ้เชี้ยมันทุเรสอะไรขนาดนั้น ฝันแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกัน มันไม่ใช่เว้ยยยยย เอาเถอะยังไงก็แค่ฝันร้าย เลิกคิดดีกว่า เอาเวลาไปคิดงานที่จะส่งเป็นการบ้านพรุ่งนี้ดีกว่า ชีวิตมหาลัยนี้โหดสุดๆอย่างที่เขาบอกกัน
ว่า “คิดว่ามัธยมเหนื่อยแล้ว เป็นนิสิตสิยากกว่าเหนื่อยกว่า” กลับห้องไปทำงานเสร็จคงได้หลับตายกันไปข้างนึง
 
 
“แม่งเอ้ยยยย!! กูทำงานไม่ได้เลยว่ะ”
 
เสียงไอ้กี้ในโทรศัพผม มันโทรมาเพราะคิดงานไม่ออก

 
“เป็นห่าอะไรวะ? คิดไม่ออกหรอ”
 
 
“เออดิ มึงช่วยกูหน่อย กูคิดงานไม่ออก”
 
 
“อะไรของมึง โจทย์ก็โคตรง่าย แค่ออกแบบคอมโพสของเส้นเอง”
 
 
“ก็นั้นแหละ กูคิดไม่ออก นี่กูเปิดพี่กูเกิ้ล pinterest ก็คิดไม่ออก”
 
เอาแต่บ่นจะคิดออกสักทีไหมไอ้ห่านี้
 
 
“มึงเปิด pinterest ดูมันถึงได้คิดไม่ออกไง”

งานออกแบบสายพวกผมเนี่ย ยิ่งดูงานเยอะมันยิ่งดีก็จริง แต่มันจะทำให้สมองตันมาก เพราะมันจะเอางานคนนั้นคนนี้มาใช้แล้วก็กลายเป็นก็อปงานคนอื่นเขา จริงๆผมก็ดูงานเยอะนะครับ แต่ก็ไม่ได้หยิบงานพวกนั้นมาใช้ ดูเพื่อรู้เทสและค่านิยมของคนมากกว่า
 
“ช่วยกูหน่อยดิ คิดแนวทางให้กู เดี๋ยวกูเลี้ยงชาบู”
 
เห็นผมเห็นแก้กินอีก (ซึ่งโห รางวัลเป็นชาบูมันก็น่านะ)
 
“เออ ชาบูนะ งั้นเดี๋ยวแปบกูสเก็ตให้แล้วเดี๋ยวส่งไปในไลน์”
 
 
“แต๊งกิ้ว เพื่อนรัก”

 
เอาเถอะยังไงผมก็ช่วยมันออกจะบ่อย แค่คิดแนวทางให้มันไปต่อคงไม่ยากมาก พอผมเริ่มจะคิดงานให้ไอ้กี้… เอออออ ผมเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันแหะ… มันต้องใช้เส้นมาจัดวางกันให้เป็นงานออกแบบ ประเด็นมันอยู่ที่คอนเซ็ปด้วยอะสิ ตอนพรีเซ็นกับอาจารย์จะได้เห็นภาพ
 
 
 
 
นี่เมื่อกลางวันผมทำไมถึงฝันแบบนั้นวะ น่าขนลุก นี่ย้อนไปนึกในฝันตัวผมกำลังถูกอาร์มมันโอบจากด้านหลังตรงระเบียงโรงแรมแถวหาดที่ไหนสักแห่ง ไอ้บ้าเอ้ย ฝันบ้าฝันบออะไรขนาดนั้น แต่ เอ๊ะ สรุปมันชื่ออาร์มหรือชื่อเติ้ลวะ ผมล่ะ สับสน น้องแก้วน้องสาวมันเรียกอาร์ม ส่วนผู้หญิงที่เดินเข้ามาทักมันในห้างก็เรียกมันเติ้ล เจอกันครั้งหน้าจะทักมันว่าไงละทีนี้ เดี๋ยวๆๆๆๆ แล้วผมจะไปอยากเจอมันทำไม แม่งทั้งลักหอมแก้มผม แถมจูบหน้าผากอีก (ถึงจะอุบัติเหตุก็เหอะ) นึกแล้วหงุดหงิด เจอครั้งหน้าจะฟาดให้ยับ โทษฐานขโมยสัมผัสแรกของผมไป เกิดมานอกจากพ่อแม่แล้วก็ไม่เคยมีใครมาหอมแก้ม จูบหน้าผากเลย ผมนี่หัวใจเต้นแรงมาก คงเพราะโมโหสุดๆ นี่คิดไปด้วยหัวใจก็เริ่มเต้นแรงอีกละ
 
 
“ตึ๊ด!!”
 
เสียงไลน์เด้งขึ้นให้ผมหลุดจากความคิดฟุ้งซ่านของผม
 
 
“Kyko : คิดออกไหมมึง”
 
ชิบหายยยยยย มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ลืมคิดงานให้เพื่อนตัวเอง
 
 
“Jimmy : เดี๋ยวดิ เร่งจังวะ ทำเองเลยไป”
 
ถ้ามันรู้ว่าครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาผมไม่ได้คิดงานให้มันเลยแม้แต่น้อย แม่งคงตบหัวผมแน่ๆ

 
“Kyko : เค ไม่เป็นไรมึง กูพอจะได้แนวทางและ มึงไม่ต้องคิดก็ได้ กูขี้เกียดเลี้ยงชาบูมึง”
 
 
“Jimmy : เอ้า ไอ้เวรนี่ เออๆๆ มีไรให้กูช่วยบอก”

 
จะว่าดีก็ดีตรงที่ผมไม่ต้องปวดหัวคิดงานให้มัน แต่แหมอดฟรีชาบูหนึงมื้อเลยให้ตาย
 
 
“Dildo : ไอ้ห่ากี้ มึงให้ไอ้จิมช่วยคิดงานอีกแล้วหรอ?”
 
เพื่อนอีกคนนึงในกลุ่มไลน์ผม มันชื่อ ดิว เรียนห้องเดียวกันอยู่แก๊งเอ่ยกลุ่มเดียวกัน
 
 
“Kyko : เออ ทำไม แต่กูคิดเองได้ละ กูเก่งพอ แล้วมึงอะงานเสร็จยังดิว”
 
 
“dildo : เสร็จแล้วดิ ไม่ได้คิดช้าแบบมึง สาสจิม มึงอย่าไปช่วยแม่ง แค่นี้กูก็สู้งานมึงไม่ไหวละ”

 
(ผมคงเก่งขนาดที่เพื่อนๆในห้องชอบมาชมงานผมตอนพรีเซ็นอยู่เรื่อยจนกลายเป็นว่า มีอะไรสงสัย เพื่อนๆก็มักจะไลน์มาถามผมบ่อยๆ)
 
 
“Jimmy : มึงก็พูดเว่อไปห่า งานกูไม่ได้ดีขนาดนั้น”
 
 
“Kyko : ถุ้ย ทำถ่อมตัว”
 
 
“Kyko : วันนี้กูเจอเด็กนิเทศเด็ดสัส ดิว”
 
“dildo : ห่ากี้ ชวนคุยแต่เรื่องหญิง”
 
 
“dildo : ทำงานไอ้สาดดดด”
 
 
“Kyko : เออๆๆๆ เซ็ง ขวางทางมโนกู”
 
 
“Kyko : กูไปทำงานต่อละ เจอกัน”
 
 
“Jimmy : เออ เจอกันมึง”
 
 
“dildo : เออ”

 
 
 
นี่ถ้ายังคุยกันต่อเรื่องหญิงผมว่าจะคุยด้วยซะหน่อย ไอ้ดิวดันตัดบทแบบนั้นก็เออดีเหมือนกัน ผมจะได้ทำงานของผมให้เสร็จๆ นี่เอางานมานั่งทำบนเตียงก็เริ่มจะง่วงๆละ
รีบทำจะได้นอนดีกว่า
 
 
 
 
 
 
 
 
“จิมครับ ฝันร้ายหรอ”
 
เสียงที่ช่วงนี้ได้ยินบ่อยดังมาอีกแล้ว

 
“เออดิ ฝันโครตแปลก หงุดหงิดชิบ”

“ฝันว่าไรหรอครับ เล่าให้ฟังหน่อยดิครับ”

แต่จะเล่าให้มันฟังก็คงจะไม่ดี เดี๋ยวจะหาว่าผม เก็บเอามันไปฝันอุบาทๆ หาว่าผมชอบมันอีกไม่เอาอะ


“ช่างมันเหอะ กูไม่อยากนึกถึง ว่าแต่มึงเหอะ มาทำไร ทำไมไม่ไปเรียน”


“อ้าวก็คนมันคิดถึงนี่ ทำไมอะ แวะมาหาแฟนก่อนไปเรียนไม่ได้หรอ”

 
“ห่ะ!! ไรนะ อ่อแฟนมึงอยู่คณะเดียวกับกูหรอ”

มันคงจะมีแฟนอยู่คณะเดียวกับผมนะไม่งั้นคงไม่มาหรอก


“ใช่ คณะเดียวกับจิมเลย ฟังไม่ผิดหรอก”

 
“เออ นั้นดิ กูคงคิดมากเองอะ”
 
แล้วผมคิดอะไรอยู่ ออกจากหัวกูไป ไอ้ความคิดอุบาททททททท

 
“คิดไรหรอครับ ว่าแต่เที่ยงนี้ไปกินข้าวไหม เดี๋ยวผมเลี้ยง”
 
นั้นนน เสี่ยอีกแล้ว


“ไม่อะ ชวนแฟนมึงเหอะ”
 
ไอ้ห่านี้ มาหาแฟนแล้วไม่ชวนแฟน มันน่าไหมล่ะ


“ก็ชวนอยู่นี้ไง ไปไหมครับ เตี้ย”


แล้วผมก็เลย…


ตื่น!! อ้าวเห้ย ฝันอีกแล้วหรอ!
 
 
ผมว่าผมเริ่มฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องมันไปแล้วจนถึงต้องเก็บเอามาฝันเลยหรอเนี่ย กี่โมงแล้วนะตอนนี้ ตื่นกลางดึกแบบนี้มีหวังได้กลับไปฝันต่อแน่ๆ

 
ผมเงยดูนาฬิกา “เชี้ย!!” ตี4 งานที่ทำไว้เมื่อคืนยังคาอยู่บนเตียง ไม่ได้เพิ่มจากเมื่อคืนเลย เผลอหลับง่ายชิบหาย แม่งเอ่ยยย จะปั่นงานทันไหมเนี่ย หนังสือที่ต้องไปคืนห้องสมุดวันนี้ก็ยังไม่ได้อ่าน เอางานที่ต้องส่งก่อนดีกว่า ส่วนหนังสือผมเอาไปคืนแล้วค่อยกลับไปยืมใหม่
 
ผมเปิดเพลงเบาๆไประหว่างทำงาน เพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ พอถึงใกล้เวลาที่ผมจะต้องรีบอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนคาบเช้า ไม่ต้องห่วงนะครับ งานผมเสร็จตั้งแต่ 7 โมงเช้าแล้ว มันไวกว่าที่ผมคิดรู้งี้ผมหน้าจะนอนต่อก่อนสักชั่วโมง แต่อย่าเลยเดี๋ยวก็ฝันอุบาทๆอีก นึกแล้วขนลุกชิบหาย
 
 
 
“โหลมึง ตื่นยังวะ”
 
ผมโทรหาไอ้กี้เพื่อจะกระทำแผนบางอย่าง
 
 
“ตื่นนานและ กูกำลังจะออกไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะละเนี่ย มึงอยู่ไหนรีบมา”
 
 
“เห้ยเดี๋ยวดิ ไปห้องสมุดเป็นเพื่อนกูก่อน”
 
 
“ไปไมวะ มึงก็รู้กูไม่ถูกกับหนังสือ ชวนกูไปทำพ่องหรอครับ”
 
 
“เออ กูแค่ไปคืนหนังสือไปเป็นเพื่อนกูหน่อย”
 
 
“เป็นเชี้ยไร ปกติมึงก็ไปคนเดียว”
 
 
“กูไม่อยากเจอไอ้เชี้ยที่กูเล่าให้มึงฟังอะ”
 
 
“ใครวะ...อ่อ ไอ้เชี้ยที่กูบอกว่าจะเป็นเนื้อคู่มึงอะนะ”
 
สัสกี้
 
 
“เออนั้นแหละ มึงอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปหา”
 
 
“เนี่ยกูจะถึงละ แล้วกูช่วยไรมึงได้วะ คืนหนังสือแทนมึงหรอ”
 
 
“ไม่ได้กูต้องเซ็นเอง เอาตัวยักษ์ของมึงอะ มาบังกูหน่อยไอ้ห่าเร็ว”
 
เสือกตัวใหญ่ดีนัก ขอใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อยละกัน
 
 
“ถึงไหนแล้วเนี่ยเร็วดิวะ”
 
“ข้างหลังมึงเนี่ยไอ้ควาย”

แล้วผมก็โดนมันสะกิดหัวไปหนึ่งที
 
 
“เช้ดดดดดดดด หญิงสวยว่ะ แปบนะ” ไอ้เวรเอ้ยยย ยังไม่ทันไร แม่งวิ่งไปหลีสาวและ

 
“เออ เร็วๆ ไอ้หัวงู”
 
ม่อหญิงเก่งชิบหาย ผมนี่ส่ายหน้ารับไม่ไหวกับความเป็นมันเลย
 
 
“เชี้ย!!”

ไอ้ห่านี้แม่งยืนอยู่หน้าห้องสมุดเลย แม่งเอ้ย ผมเสือกอุทานเสียงดังสินะ มันหันโบกไม้โบกมือกลัวผมมองไม่เห็น (สูงขนาดนั้นกูอยู่เชียงใหม่ยังเห็นเลยเหอะ)
 
 
“อ่าว จิมหายไปไหนละนี่ เมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย”

แม่งไม่ฮาเลยครับ ไอ้มุขล้อเลียนคนตัวเตี้ยอย่างผม ทำทีเป็นสูงจนมองไม่เห็นคนเตี้ยๆเนี่ย มันต้องจัดสักดอกและ จะได้รู้กันซะบ้างว่าผมเนี่ยไม่ใช่จะให้เล่นกันง่ายๆ
 
 
 
“อ้าวเห้ย จิม! โหไวจริง”

เสียงที่ผมได้ยินข้างหลังผม เพราะผมแก้เผ็ดมันโดยไม่สนใจมุขมันแล้ววิ่งเข้ามาห้องสมุดเพื่อคืนหนังสือแล้วผมก็เดินออกมาเจอมันหน้าประตู
 
 
“โห ไรอะไม่รับมุขกันบ้างเลย” ทำเป็นงอน นี่คิดว่าคนอย่างผมจะง้อหรอ ไม่มีทาง
 
 
“ไม่ขำด้วยไง เลยไม่รับ”
 
 
“แล้ววันนี้คลาสแรกเรียนไรครับ”
 
ถ้าจะด่ามันว่าเสือกจะแรงไปไหม
 

“รู้ไปไม ไม่มีเรียนอะ แค่เข้ามาส่งงาน วันนี้อาจารย์ไม่อยู่เขาให้เข้ามาส่งงานก่อน 9 โมง”
 
 
“กินข้าวยังครับ”
 
 
“ยัง เดี๋ยวเข้าไปส่งงานก่อนแล้วจะไปกินที่คณะ”
 
 
“ไปด้วย”
 
ชิบหายละ นี่ผมฝันอีกรึเปล่าวะ ชักไม่แน่ใจตัวเองละ ลองตบแก้มตัวเองดู “แป๊ะ”
 
 
“เห้ย จิมทำไร ตบแก้มตัวเองทำไม”
 
 
“ไม่มีไรอะ แค่ทดสอบตัวเองว่าฝันอีกรึเปล่า อยู่ๆมึงโผล่มาหลอกหลอนกูเนี่ย”
 
 
“ดูพูดเข้า ผมไม่ใช่ผีนะครับบบบบ ผีอะไรจะหล่อแมนแฮนซั่ม”

 ถุย!! (ทำได้แค่ในใจนะไม่งั้นเดี๋ยวโดนตีนเบอร์โตของมันแน่ๆ)
 
 
“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้จิมพูดว่าฝันอีก? หมายความว่าจิมฝันถึงผมหรอ ไรว้าาาา”
 
ที่ผมพูดไปมีคำว่าอีกด้วยหรอ เห้ย ไม่นะ ไม่มีไม่ใช่มั้ง บ้าแล้ววววว
 
 
“บ้านมึงดิ ฝันห่าไร เปล่าเว้ย”
 
หันหน้าหนีมันก่อน ยิ่งโกหกคนไม่เก่งด้วยสิ
 
 
(“ขอร้องแหละ อย่าจับโกหกกูได้เลย ขอร้องแหละ แม่งล้อกูสนุกแน่ๆ”)
 
ผมภาวนาในใจตัวเองรัวๆอยู่หลายที
 
 
“โธ่ นึกว่าฝันเหมือนกันซะอีก”
 
 
“ห่ะมึงฝันถึงกูเหมือนกันหรอ”
 
คิดได้อีกที (ไอ้จิมเอ้ยยย ปากมึงก็ไวเกินนน)คิดก่อนพูดบ้างก็ได้ไหมเนี่ยยยยย
 
 
“นั้นไง หลอกไงดีจริงๆ”
 
ที่เจ็บใจเพราะแม่งดันเสร่อ โง่เอง
 
 
“เปล่าเว้ย เอ่อ มึงไม่ชอบแดกข้าวในตึกไม่ใช่ไง ไม่ต้องไปหรอก”
 
ยิ้มเหี้ยอะไรรรรรรรร หล่อตายหละไอ้…
 
 
“ไม่เป็นไร เช้าๆ คนน้อย ผมไม่มีปัญหา”
 
ห่าเอ้ย หนีไม่พ้นสินะ กะแล้วเชียว ฝันถึงแม่งตั้งสองรอบ สังหรณ์ไม่ดีอยู่แล้วเชียว
 
 
“ตรื๊ดดดดดดดด” เสียงสั่นของโทรศัพมัน มีคนโทรเข้ามา
 
 
“อ้าว ไม่รับไงวะ ปลายสายเขาด่าเอาหรอก”
 
ไม่ใช่ไร ถ้าปลายสายมีเรื่องเดือดร้อน เรื่องด่วน คอขาดบาดตายขึ้นมาจะทำไง
 
พอมันล้วงโทรศัพท์มา ดูหน้าจอสักพักก็ทำหน้ากลุ้มๆ แล้วก็ยื่นมาให้ผม

“จิมครับ ช่วยบอกให้ทีสิครับว่าผมไม่อยู่ยังไงก็ได้ นะๆๆๆ”
 
 
“เห้ย ได้ไง โทรศัพท์มึงก็คุยเองดิ”
 
 
“ฮัลโหล เติ้ล” ก็แม่งเล่นรับสายแล้วยัดใส่หูผมงี้ ใครจะปฏิเสธทัน
 
 
“อ่อ ผมไม่ใช่เติ้ลครับ เติ้ล ลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะเรียน มีอะไรรึเปล่าครับ”
 
ผมก็เนียนดีจริงๆ แล้วนั้น ยิ้มอะไร หัวเราะอีก ห่านี่
 
 
“อ้าว ขอโทษทีค่ะ ปอยนึกว่าเติ้ล เพื่อนเติ้ลหรอ”
 
 
“ครับ ไว้เติ้ลกลับมา ผมจะบอกว่าปอยโทรมานะครับ มีอะไรฝากบอกไหมครับ”
ตอแหลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล อยู่ข้างๆผมเนี่ยยยยย
 
 
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะ เอ่อ…..”
 
 
“อ่อ ผมชื่อจิมครับปอย”
 
 
“ขอบคุณมากค่ะ จิม ฝากด้วยน้า ให้เติ้ลโทรกลับหน่อย งั้นปอยไม่รบกวนแล้วค่ะ”
 
 
“ครับ ยินดีครับ”
 
พอวางหูผมก็โยนโทรศัพท์ให้มัน
 
“อะ เขาบอกให้มึงโทรกลับด้วย”
 
 
“ครับ”
 
ผมยืนมองมันพักนึง สำรวจมันดูว่าวันนี้มันดูไม่ร่าเริงเท่าไหร่
 
“ป่ะ กินข้าว กูเลี้ยงเอง”
 
ผมเอ่ย เผื่อมันจะดีขึ้น (อดไม่ได้จริงๆ เห็นคนหมองๆก็อยากช่วย)
 
 
“ไม่ดีกว่า ผมเลี้ยงจิมดีกว่า จิมอุตส่าช่วย”
 
 
“ช่วยไรวะ”
 
 
“ก็คุยโทรศัพท์ไง หรือไงจะเลี้ยงเนี่ย จะเอาไม่เอา”
 
 
“เอา”
 
 
“โห คิดก่อนก็ได้ไหม”
 
ยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้าอีก
 
 
“กูคิดแล้ว แค่คิดไว”
 
 
 
 
 
 
 
“สปาร์เก็ตตี้ขี้เมาที่นึงครับน้าคนสวย แล้วมึงอะเอาไร”
 
 
“แหมมาแต่เช้าเลยนะหนู”
 
น้าสาวคนสวยที่เป็นแม่ครัวทักทายผม
 
 
“อ่อ วันนี้ตื่นเช้าอะครับน้า พอดีรีบมาส่งงานอาจารย์”
 
 
“นี่มีคนเลี้ยงข้าวอีกด้วย ว่าไงมึง เอาอะไร”
 
 
“สเต็กปลาแล้วกันครับ พี่คนสวย”
 
 
“น้องคนนี้ก็หล่อดีนะเนี่ย เรียกพี่ด้วย แหมปากหวาน”
 
อ้าว อยากให้เรียกพี่ก็ไม่บอกผม
 
 
“น้องสองคนยืนคู่กันแบบนี้ก็น่ารักดีนะ”


 
 
 
 
 
.................
 
 
“ความฝันบางอย่างเป็นตัวบอกเสียงลึกๆ ของหัวใจ
หากจำได้ว่า ฝันอะไรควรฟังหัวใจตัวเองดีๆ”




Talk : ผมจะทยอยแก้ไข ทยอยอัพนะครับ พูดคุยกันได้นะครับ ติชม ตักเตือนได้นะครับ
ปล. ผมต้องขออภัยจริงๆที่ห่างหายไปนานขนาดนี้ กลับมาแล้วนะ ให้โอกาสผู้เขียนอีกครั้งนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2017 20:17:25 โดย keywordz »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อาร์ม ชอบจิม แล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อาร์ม ไม่ชอบปอย ก็บอกนางเลยให้ชัดเจนไปเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
อาร์ม ชอบจิม แล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อาร์ม ไม่ชอบปอย ก็บอกนางเลยให้ชัดเจนไปเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

อ๊ากกกกก ได้ใจมากๆ 55555 :katai5:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
«ตอบ #8 เมื่อ27-05-2017 22:08:15 »

กลับมาแล้วเราก็ดีใจดต่อย่าหนีไปอีกนะ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
«ตอบ #9 เมื่อ27-05-2017 22:53:17 »

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-05-2017 22:53:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
«ตอบ #10 เมื่อ27-05-2017 22:54:12 »

น่ารักดี

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
«ตอบ #11 เมื่อ27-05-2017 23:24:17 »

 o13 o13 o13

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Re: รัก 158 ซม. l Chapter 2: ฝัน UP!! (27/05/17)
«ตอบ #12 เมื่อ28-05-2017 02:57:18 »

Chapter 03 : ยินดีที่รู้จัก
 
 
 
 
 
 
“เออ สรุปกูควรเรียกมึงว่าอะไร”
 
มันได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้างง แล้ววางช้อนกับจานลง
 
 
“หมายถึงจะให้จิมเรียกผมว่าไงอะหรอ”
 
 
“เออดิ นี่ใจคอมึงจะเลี้ยงข้าวกู 2 มื้อ ทั้งๆที่กูยังเรียกชื่อมึงไม่ถูกเนี่ยนะ”
 
ผมโวยไปอย่างนั้น แต่แม่งไอ้หัวเราะในลำคอแล้วส่ายหน้าเนี่ยมาอีกแล้ว
 
 
“แล้วอยากเรียกว่าอะไรอะ”
 
กวนตีนได้โล่จริงๆ คำถามมันบวกกับหน้าตานิ่งเฉยแล้วเสียงที่นิ่งปกติ ทำให้ผมรู้สึกว่าแม่งโคตรกวนตีน
 
 
“ไอ้ห่าาาาา”
 
 
“เห้ย ไม่เอาชื่อนี้”
 
 
“กู สบถ ไม่ได้จะเรียกมึง”
 
เดี๋ยวให้ชื่อนี้จริงๆซะหรอก ระหว่างนั้นก็กินข้าวไปมองนั้นนี้ไป สงสัยไม่เคยมากินโรงอาหารคณะผม
 
 
“แล้วยังไง สรุปมึงชื่อเติ้ลหรือชื่ออาร์ม”
 
 
“อยากเรียกไรก็เรียกดิ ได้ทั้งนั้นอะ”
 
เอ้าไอ้นี้ เป็นคนยังไง
 
 
“แล้วทำไมปอยเรียกมึงเติ้ล น้องแก้วเรียกมึงอาร์มวะ”
 
 
“จิมจะเอาแบบสั้นหรือแบบยาว”
 
 
“สั้นๆ ได้ใจความไม่ต้องเยอะ เสียเวลา”
 
 
“จริงๆแล้ว เติ้ลเป็นชื่อที่แม่ตั้งให้”
 
 
“....”
 
 
“แต่น้องแก้วคนเดียวที่เรียกผมว่าอาร์ม”
 
 
“ห่ะ! แล้วทำไมถึงเรียกอาร์มอะ”
 
 
“เออน่ะ จะเรียกเติ้ลหรืออาร์มก็ได้นะ กินๆได้แล้ว อาหารเย็นหมด”
 
“งั้น… เอาเป็นอาร์มละกันจำง่ายๆชื่อโหลดี”
 
 
“....”
 
แม่งนิ่งเงียบมองหน้าผมทำไมวะ… ทำตัวไม่ถูกเลย
 
 
“เอ๊อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ… จิม”
 
 
“เช่นกัน มึง”
 
ยิ้มอะไรวะ ห่านี้รู้สึกจะยิ้มกับผมบ่อยเหลือเกิน
 
 
“จิมครับ…” เสียงทุ้มต่ำพร้อมกับวางช้อน
 
 
“เป็นเพื่อนกับอาร์มได้ไหม”
 
ไอ้ห่านี้ คิดอะไรอยู่เนี่ย ทำหน้าเคร่งเครียดก็นึกว่ามีอะไร
 
 
“นึกว่าเป็นเพื่อนกันแล้วซะอีก สองวันก่อนกูคิดไปเองหรอเนี่ย”
 
ผมพูดไปอย่างนั้น แต่ผลตอบรับกับไม่มีเสียงอะไรทำแต่หน้าอึ้งๆ ก่อนจะก้มหน้ายิ้มออกมา
 
 
“เป็นห่าอะไรของมึง”
 
 
“เปล๊าาาา”
 
ไอ้เสียงสูงนี้มันไม่น่าเชื่อเท่าไหร่เลยนะ
 
 
“เออว่า แต่ไม่โทรหาปอยหรอ ฟังจากเสียงเขาตอนโทรมาดูไม่ดีเท่าไหร่นะ”
 
 
“....”
 
 
“มีไรรึเปล่า ปรึกษากูได้นะ
 
 
“ไม่มีไรหรอก กินข้าวเถอะ”
 
 
“นี่! กูเป็นเพื่อนมึงแล้วนะ ไม่สบายใจอะไรก็ระบายออกมา ไม่งั้นจะมีเพื่อนไว้ทำไม”
 
“โห จิมพูดดีๆกับเขาก็เป็นแหะ นึกว่าจะหยาบคายตลอด”
 
มันด่าหรือมันชมวะนี่
 
 
“นี้ด่าหรือชม จะเล่าไม่เล่า ตามใจนะ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่า”
 
 
“ไม่ไหว”
 
 
“เออ แค่นั้นแหละ”
 
ก็แค่นั้น อ้ำอึ้งอยู่ได้
 
 
“เปล่าไม่ใช่ ไม่ไหวแล้ว ปวดอุด”
 
“ห่ะ!! อะไรอุดๆนะ”
 
 
“ปวดขี้ดิ ไปละเดี๋ยวมาเล่านะ”
 
อ้าว ห่า ปวดขี้ ก็ไปซิเหย จะมาลีลาบิดไปมาทำไม ไอ้อาการอ้ำอึ้งเมื่อกี้ก็คงจะเพราะปวดขี้ใช่ไหม ก็คิดว่าเครียด ไอ้ผมก็เกือบจะเป็นห่วงอยู่แล้วเชียว (ห่วงไปแล้วเหอะ)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เห้ย มึง กูไปห้องสมุดทำไมไม่เจอมึงวะ ไหนบอกให้กูไปด้วย”


หึ เสียงนี้ไอ้เชี้ยกี้ตัวดีที่หนีไปม่อสาวมา


 
“แหมไอ้สัส ห่วงแต่ม่อสาว กูเจอมันเรียบร้อยแล้ว ช่างมันเหอะก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดอะ”
 
 
“อะไรของมึงวะ แล้วทำไมไม่รอกูแดกข้าวพร้อมกัน และนี่ซื้อมาสองอย่าง หิวไง”
 
 
“มะ..ไม่”
 
 
“กูขอแดกสเต็กนะ ขี้เกียดรอสั่ง”
 
 
“ไม่ใช่…”
 
เชี้ยย ไม่ทันแล้ว ไอ้ตัวตะกะ แม่งหยิบสเต็กชิ้นนั้นที่เหลืออยู่เกือบครึ่งเข้าปากรวดเดียว แม่งทำได้ไงวะปากใหญ่ชิบหาย เดี๋ยวดิ ผิดประเด็นแล้วววว มันไม่ใช่ของผมมมม มันเป็นของไอ้อาร์มมมม
 
 
“เหี้ย!!”
 
 
“เห้ย นายทำไรอะ”
 
ไอ้กี้หันขวับเงยไปมองหน้าอาร์ม (ว่าแต่ทำไมเข้าห้องน้ำไวจังวะ) สลับกับมามองจานแล้วมองหน้าผม เหมือนถามเป็นนัยๆว่า จานนี้ของไอ้นี้ใช่ไหม ผมเลยแค่พยักผยักหน้า ปลาเต็มปากแบบนั้นจะทำห่าไรขอดูหน่อยเหอะ
 
 
“เห้ย อาร์ม กูขอโทษว่ะ กูบอกมันช้าไป นี้เพื่อนกูเอง ชื่อกี้ เดี๋ยวกูซื้อจานใหม่ให้นะ”
 
 
“ค๊อก ค๊อก”
 
นั้นไงมึงติดคอเลย แดกของคนอื่นเขาดีนัก
 
 
“ไง สาด ติดคอซะ เอานี้น้ำ” ผมก็ยื่นน้ำให้ไอ้กี้มัน
 

“ไม่เป็นไรหรอกจิม เดี๋ยวผมไปก่อนนะ พอดีธุระเข้าด่วนละ ไว้เจอกันนะ”
 
 
“เห้ย ไมอะ ขอโทษ ไอ้กี้ มึงอะขอโทษมันดิวะ มึงผิดนะเว้ย”
 
ไอ้กี้เตรียมจะยกมือไหว้ แต่ไอ้อาร์มก็เอามือมาห้ามไอ้กี้
 

“เห้ย ไม่เป็นไรจริงๆ อย่าคิดมากดิ ไม่ซีเรียสขนาดนั้น”
 
แล้วมันก็ยิ้มขำๆ
 
“เออ… กูขอโทษ”
 
 
“โอเคๆ ไปก่อนนะ กี้ จิมไปละนะครับ แล้วเจอกัน”
 
ห่าแม่งเกือบดีอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เอามือมาขยี้หัวผมเล่น ใจเต้นไม่ไหว ผมนี่อึ้งหันไปด่าแถบไม่ทัน
 
“ไอ้เชี้ย…”
 
แม่งวิ่งไปละ
 
 
“ง่อวววว ยังไงๆ”
 
เสียงกวนตีนๆ ของไอ้กี้โผล่ขึ้นมาเตรียมจะแซว เดี๋ยวก่อนขอจัดการกับมารยาทเมื่อกี้ก่อน
 
 
“หยุดเลยไอ้สัส มึงแม่ง ไม่เลิกสักทีนะไอ้นิสัยเห็นของแดกแล้วพุ่งเข้าใส่เนี่ย”
 
เดี๋ยวๆ ก่อนบอกคนอื่นเนี่ย ผมเองก็เป็นเหมือนกันนะ แต่ยังพอมีสติอยู่ไม่เหมือนกี้มัน ที่เบรคแตกทุกทีเมื่อเห็นอาหาร


 
“โทษว่ะมึง กูไม่ได้ตั้งใจอะ ก็กูเห็นมึงนั่งคนเดียว ก็คิดว่ามึงแดกคนเดียว เลยจะแกล้งซะหน่อย”
 
“เออ คราวหลังก็ระวังหน่อยละกัน ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป”
 
 
“คร้าบแม่”
 
ยังจะกวนตีนอีก ผมทำท่าจะโบกหัวมัน มันเอามือมากันไว้
 
 
“โอเคๆ กูล้อเล่นๆ กูจะจำไว้เป็นบทเรียน”
 
 
“ว่าแต่ มันเป็นใครวะ ดูท่าทางไม่เบา”
 
 
“ก็นั้นแหละที่เล่าให้ฟัง ที่กูไม่อยากเจออะ”
 
 
“ง่อววว สุดท้ายมึงก็มากินข้าวกับเขาเนี่ยนะ ไม่ใช่แล้วกูว่า ยังไงๆ”
 
 
“ก็แม่งมาขอเป็นเพื่อนกู แค่นั้นแหละ คิดเหี้ยอะไรเยอะแยะ คงเหงาแหละมั้ง”
 
 
“เหงา เชี้ยไร ห่านั้นอยู่ในรายชื่อประกวดเดือนคณะธุรกิจ เพื่อนกูที่อยู่คณะนั้นก็ประกวด กูเลยรู้”
 
 
“เดี๋ยวๆ มันเรียนคณะบริหารธุรกิจหรอ?”
 
 
“เออ ไมวะ”
 
 
ผมบ่นพรึมพรำในลำคอ “ทำไมกูเจอมันแถวคณะบ่อยจังวะ”
 
“ห่ะ มึงว่าไรนะ”
 
 
“อ่อ เปล่าๆๆ”
 
ผมพยายามไม่คิดอะไรให้มากมายเยอะแยะปวดหัว ในเมื่อมันขอเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน คงไม่มีอะไรมากกว่านั้น อีกอย่างถ้าแม่งได้เป็นเดือนคณะ สาวๆก็คงเข้าหากันไม่เว้นวัน ยิ่งถ้าได้เป็นเดือนมหาลัย เหอะๆ ไม่มีทางที่มันจะมาเป็นเพื่อนผมเพราะอย่างนั้นหรอก ไม่มีทาง ก่อนที่ผมจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ ผมหยิบมือถือมานั่งเล่นเกมดีกว่า
 
 
“ไอ้เชี้ยยยยย!!”
 
ผมสบถ ออกมาเมื่อเห็นวันที่
 
 
“ไอ้สัดเป็นไร กูตกใจหมด”
 
 
“อีกสองวันเกิดพี่รหัสกู”
 
 
“ใครวะ พี่รหัสมึง”
 
 
“ก็ไอ้พี่บาสไง”
 
ยังงงอยู่อีก บทจะคิดอะไรนะเพื่อนผมเนี่ย
 
 
“คนที่ตัวสูงพอๆกับมึง ที่ชอบตะโกนเสียงดังๆไง”
 
 
“อ้อ ไอ้พี่บาสขี้แกล้งอะนะ ซื้อแป้งพัฟให้แม่งหมั่นไส้”
 
“พ่อง กูได้โดนพี่เขาแกล้งทั้งเทอมอะดิ”
 
 
“กูก็พูดไป ซื้อไรก็ซื้อ รองเท้า นาฬิกา หูฟัง สร้อย กำไร ง่ายจะตาย”
 
ทีคิดออกนี่ บอกมารัวๆ จนผมนี่ตัดสินใจไม่ทันเลยว่าจะเอาอะไรดี
 
 
“ช่วยได้มาก ไอ้ห่า”
 
 
“แล้วมึงจะไปซื้อที่ไหน กูไปด้วย”
 
 
“ไม่อะ กูไปคนเดียวอะดีละ รอมึงวิ่ง รอมึงเสร็จจากชมรม กูเหงือกแห้งพอดี”
 
 
“โหไรวะ กูก็ต้องซื้อเหมือนกันนะ ใช่ดิกูไม่ใช่ผัวมึงนี่”
 
วอนตีนซะและ
 
 
“ผัวพ่อมึงดิ สัส อย่ากวนตีนดิ กูแค่อยากกลับห้องไวๆ วันนี้แม่กูจะมาห้อง”
 
บ่อยครั้งที่ไอ้กี้มันได้เจอกับแม่ผมตอนที่มันมานั่งเล่นห้องผม มันเลยได้กินอาหารฝีมือแม่ผมจนติดใจลืมไม่ลง
 
 
“ห่ะ! แม่มึงมาหรอ เห้ยยยย กูไปหามึงที่ห้องน้าาา กูคิดถึงกับข้าวแม่มึง”
 
 
“เห็นว่าจะมาแปบเดียว บอกว่าจะเอาพวกของใช้ในครัวมาให้แล้วก็จะกลับ”
 
 
“มึงทำกับข้าวเป็นด้วยหรอว่ะ กูไม่ยักกะรู้”
 
 
“แน่นอนดิ แม่กูทำอาหารอร่อยขนาดนั้น มึงคิดว่ากูจะไม่ได้มาบ้างเลยไง?”
 
 
“ก็ดี สัส ห้องมึงมีห้องครัวแต่ไม่ยักกะทำอะไรแดก เดี๋ยวว่างๆทำให้กูแดกบ้างนะ
 เอาแกงป่าไก่ ยำไข่เยี่ยวม้า ผัดเผ็ดปลาทู ต้มยำปูม้า ผัดฉ่าหอยลาย”
 
 
“พอๆ ไอ้สัส ทำแดกเอาเองเถอะ กูไม่ได้ขยันทำขนาดนั้นไอ้สัด”
 
 
“ปะ มึง ส่งงานกัน จะได้กลับไปนั่งเล่นเกมห้องมึงกัน”
 
มันชวนผมไปส่งงานอาจารย์ตอนเช้าแถมยังจะไปนั่งเล่นเกม xbox ห้องผมอีก นี่ผมยังคิดไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าจะเอาอะไรให้พี่บาสพี่รหัสผมเป็นของขวัญวันอาทิตย์นี้
 
 
 
 
 
 
 
“สัดกี้ มึงขี้โกง ใช้อยู่สกิลเดียว กูก็แพ้ดิ”
 
ผมโวยวายใส่มันที่เอาแต่เล่นเกมแบบโกงๆของมัน
 
 
“ก็ตัวนี้สกิลนี้โหดอะ แพ้แล้วโวยอะไรวะ”
 
 
“เอออออ แน่จริงมึงเลือกตัวอื่นกูไม่แพ้หรอก”
 
 
“มึงไม่ไวเองช่วยไม่ได้ ถ้ากูไม่เลือกมึงก็เลือก”
 
 
“เชี้ย”
 
 
“ด่ากูทำไม มึงชนะนะไอ้สัส”
 
 
“เปล่าลืมดูเวลา ต้องไปซ้อมบอล เชี้ยเอ้ย โค้ชเล่นกูแน่ มึงกูไปก่อนนะ”
 
 
“เออๆ เจอกันมึง”
 
 
“เออ เจอกันงานพี่บาส บาย”
 
 
แล้วมันก็ปิดประตู… เอาสิแล้วผมจะทำไรต่อ เกมก็ไม่ได้ว่าจะอยากเล่นเท่าไหร่ ตอนนี้ 4 โมงกว่าๆ อืมมม ออกไปดูของขวัญให้พี่บาสและกัน ว่าอย่างนั้นผมเลยอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวออกไป
 
 
 
 
 
 
 
เมื่อเท้าเหยียบพื้นเซ็นทรัลลาดพร้าว (ที่ผมมาไกลจากม.แถวปทุมธานีของผมก็เพราะว่าหวังว่ามันคงมีอะไรให้ดูเยอะกว่าแถวถิ่นผม)
 
 
“ซื้ออะไรดีน้า…”
 
ผมพรึมพรำกับตัวเองออกมา เพราะคิดอะไรไม่ออก เดินดูหลายอย่างแล้วก็ไม่รู้ว่า อะไรจะถูกใจพี่บาส พี่บาสก็ดูเป็นคนลุยๆ ชอบใส่รองเท้า converse งั้นไปเดินดูดีกว่า
 
 
“อ้าว จิม มาทำไรครับ”
 
ดวงหนอดวง ขนาดมาไกลถึงนี้ยังจะเจออีก ไอ้อาร์มทักทายผมหน้าร้านconverse เอ่อ… ข้างๆมีผู้หญิงควงแขนมันอยู่ด้วย คงจะแฟนมันละมั้ง… (รู้สึกนอยแปลกๆ)
 
 
“อ้อ กูมาหาซื้อของขวัญให้พี่รหัสอ่ะ”
 
ผมก็ตอบไป พร้อมยิ้มให้สาวสวยข้างๆมัน
 
 
“อ้าว นี่จิมหรอ”
 
ผู้หญิงคนนั้นทัก เอ๊ะ รู้จักผมด้วยแหะ หรืออาร์มมันเล่าเรื่องผมให้เธอฟัง ผมเลยทำหน้างงๆ บวกนึกนิดหน่อย
 
 
“ปอยเอง ที่คุยโทรศัพท์กับจิมเมื่อเช้าอ่ะ”
 
ที่แท้ก็ผู้หญิงที่เสียงมาคุมาคุในโทรศัพเมื่อเช้า แสดงว่าดีกันแล้วสินะ มาเดินควงกันแบบนี้
 
 
“เออ จิมจะไปซื้ออะไรหรอครับ”
 
 
“กะจะดูรองเท้าซักหน่อย ทำไมหรอ?”
 
 
“ว่าแต่ จิมกับเติ้ลเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอคะ ทำไมเติ้ลถึงพูดครับละ
ปกติเห็นคุยกับเพื่อนคนอื่นก็ปกตินี่นา”
 
ผมก็นึกว่ามันเป็นคนพูดจาแบบนี้กับทุกคนซะอีก
 
 
“เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานเลยครับ ปอย ยังไม่ชินน่ะ”
 
อ่อออ นี้มึงจะด่าว่ากูมารยาทไม่ดีใช่มะ เดี๋ยวก่อนเหอะมึง


 
“เอ่อ… ปอยครับ วันนี้เติ้ลส่งปอยขึ้นรถแท็กซี่ได้ไหมครับ
 
 
“อ้าวทำไมละเติ้ล”
 
เสียงเธอดูมาคุเหมือนเมื่อเช้าเลย
 
 
“วันนี้เติ้ลต้องไปรับน้องแก้วจากที่เรียนพิเศษ”


“งั้นกูไปก่อนนะ บะบายนะครับปอย เจอกันมึง” ผมตบแขนมันเป็นการลา ก่อนจะเดินออกไปแต่เสียงที่สองคนผมก็ได้ยินแววๆ อยู่
 
 
“ไหนเติ้ล บอกว่าจะไปส่งปอยกลับบ้านเมื่อกลางวันไง หายโกรธปอยแล้วไม่ใช่หรอ หรือยังโกรธอยู่”


 
“เปล่าๆ….!@#!$@!”
 
แล้วก็พูดอะไรอีก ผมก็ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว เพราะผมเดินเข้ามาดูรองเท้าในร้านเรียบร้อย จะว่าไปรองเท้า converse ล่ะ ดูเหมาะกับพี่บาสเพราะออกจะลุยๆหน่อย ถึงจะขาวสูงก็เหอะ นิสัยไม่ได้เข้ากับรูปร่างเลยพี่รหัสผมอะ
 
ชิบหายละ ไม่รู้ไซต์เท้าพี่เขา เลิกๆๆ จะไลน์ไปถามใครก็ไม่มีใครมีไลน์พี่บาส ไอ้ดิวก็ไม่มี ไอ้กี้ก็ไม่มี อีกถ้าถามตรงๆงั้น มีหวังรู้หมดว่าจะซื้ออะไรให้ เลิกๆ ล้มเลิก รองเท้า converse งั้นไปดูนาฬิกาละกัน คิดได้งั้นผมก็ดิ่งตรงไปที่โซนที่ขายนาฬิกา G-shock (เพราะคงไม่พ้นขาลุยอย่างเฮียแกหรอก)
 

“อันไหนดีว้าาาา”
 
 
“อืมมม อันนั้นก็เท่ดี แต่สูงจังวะ พนักงานอยู่ไหน”
 
นึกขึ้นได้ ผมแม่งชอบคิดดังออกมาอยู่เรื่อย หันไปมองรอบๆ ดูว่ามีใครได้ยินไหมก็โอเคที่ไม่มี
 
 
“เห้อ เห้อ เห้อ”
 
เสียงใครหอบว่ะ หันหลังไป อ้าว ไอ้อาร์ม
 
 
“มาไงว่ะมึง ไหนว่าจะไปรับน้องแก้ว”
 
เห็นมันบอกกับปอยไว้นี่นา
 
 
“ไหนบอกผมว่าไปดู converse หาซะทั่วเลย”
 
ตอบคนละเรื่องกันแล้วเว้ย แล้วมันจะมาตามหาผมทำไมเนี่ย แต่ดูท่าจะจริง เหงื่อนี้เต็มชุดนักศึกษาของมันแนบซะเห็นร่องกล้ามตรงอกชัดเจนเลย ไงละเห็นงั้นผมก็หันไปทางอื่นดิ อยู่ๆแม่งใจก็เต้นแรง เป็นห่าไรวะเนี่ย
 
 
“จิม”
 
 
“...”
 
 
“จิมครับ”
 
 
“หะ ห่ะ”
 
 
“เป็นไรเปล่าทำไมหน้าแดง ไม่สบายหรอ”
 
 
“ปะ เปล่า กูร้อน”
 
 
“เออ ร้อนเหมือนกัน เหนื่อยโครตเลย ตัวก็เล็กหาก็ยาก”
 
อ้าววนมาเรื่องความสูงผมอีก ระหว่างที่คุยกันผมก็เดินไปเดินมาดูนาฬิกาไปเรื่อย กะรอพนักงานมาก็ไม่เห็นมีใครจะสนใจพฤติกรรมผมสักคน เลยกระโดดๆ เอื้อมนาฬิกา สีดำแดงเรือนนั้น
 
 
“เห้ยๆ ทำไรเดี๋ยวของเขาร่วงหมดหรอก”
 
 
“อันนี้ป่ะ”
 
 
“ไม่ใช่ อันนั้น”
 
 
“อันนี้หรอ”
 
 
“กูบอกว่าอีกอัน”
 
 
“อันนี้ใช่ป่ะ”
 
 
“โอ๊ยมึงแกล้งกูใช่ไหมเนี่ย อันนั้นอะอันนั้น”
 
 
ตัวผมลอย!!

แม่งงง อยู่ๆก็อุ้มผมขึ้น ทำเอาผมตกใจดิ้นพลางเลย


“เห้ยทำไรวะ ปล่อยกู”
 
ปล่อยดิวะคนเยอะกูอายยย ขอร้องงง
 
 
“ก็รีบๆหยิบดิอันไหน เร็วๆ”
 
ผมรีบหยิบกลัวใครจะมาเห็นเข้า
 
 
“ได้ละใช่ป่ะอันนี้น่ะ เอามาเดี๋ยวไปถามเคาเตอร์ให้รอนี้นะ เตี้ย”


แล้วมันก็หยิบนาฬิกาผมแล้วก็เดินไปตรงเคาเตอร์ เชี้ยเอ่ยยย เรียกผมเตี้ยอีก เกิดมาเพิ่งเคยโดนผู้ชายอุ้ม… ทั้งโมโห หงุดหงิด ใจเต้นแรงสุดๆ (เป็นอะไรวะเนี่ย)
 
 
“จิมครับ จิม”
 
 
“ห่ะ ไรหรอ”
 
 
“จ่ายตังไง หรือจะเอาอันอื่นหรอ”
 
“เอาอันนี้แหละ ไม่ต้องมาอุ้มกูละ”
 
 
“อะไรยังไม่ได้บอกว่าจะอุ้มเลย”
 
(มึงทำไรไม่เคยขออยู่แล้วนี่ไอ้ห่า)
 
 
“เออๆ ว่าแต่ หายงอนกันแล้วหรอ มึงกับปอยอะ”
 
ผมดึงเรื่องปอยกับมันมาเปลี่ยนความสนใจตัวเอง แล้วก็ได้ผลเพราะมันทำหน้าเซ็งๆ ทันที
 
 
“หายงอนบ้าไรเล่า จะเลิกกันอยู่แล้ว”
 
อ้าวเห้ย… ซวยละ ดันขุดอะไรไม่เป็นเรื่องมาคุย
 
 
“อ้าวหรอ เออ...โทษทีว่ะ กูไม่รู้งั้นกูกลับห้องละ เจอกัน”
 
ผมตบบ่ามันเบาๆให้กำลังใจมัน พร้อมทั้งเตรียมออกตัวจะเดินไปขึ้นรถ
 
“อ้าว จะไม่ฟังหรอที่จะเล่าเมื่อเช้าอะ เดี๋ยวไปส่ง จะได้คุยกันบนรถ”
 
 
“ไม่เป็นไร กูเกรงใจ อีกอย่างมึงไปรับน้องแก้วเหอะ เดี๋ยวน้องเขารอนาน”
 
 
“น้องแก้วเขาให้คนขับรถไปรับแล้ว ผมอ้างปอยไปงั้นล่ะ”
 
ทำหน้าเศร้าเป็นตูดลิงอีก เออ แพ้ทางคนทุกข์ใจด้วยดิ
 
 
“เออๆ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เปลืองค่ารถ”
 
ผมก็อ้างไปงั้นแหละครับ แต่ไม่รู้จะเนียนพอไหม เพราะไอ้ยิ้มมุมปากมันโผล่มาอีกแล้ว แหม เปลี่ยนสีหน้าไวจริงนะพ่อคุณ
 
 
 
 
“ว่าไง ระบายมาได้เลยนะ มีไรจะพูด พูดเท่าที่พูดได้ก็ได้นะ”
 
ผมถามไอ้คนที่อาสาจะขับรถไปส่งผมถึงที่
 
 
“จะว่าไป จิมก็ไม่ได้มีดีแค่เตี้ยเนอะ”
 
อ้าวไอ้นี้ จะให้ระบายอารมณ์ให้ฟัง ดันมากวนตีนอีก
 
 
“อะไรๆก็ว่ากูเตี้ย เออกูมันเตี้ย แล้วไงวะ”
 
ไม่แปลกหรอกครับ ที่ผมจะอารมณ์ขึ้นกับคำว่าเตี้ยง่ายๆ ถึงจะโดนล้อจนชินก็เถอะ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้
 
 
“เห้ยๆ ใจเย็นดิ ไม่ได้ว่าอะไรสะหน่อย น่ารักดี ผมชอบ”
 
เดี๋ยวๆ ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม ไอ้ “น่ารักดี ผมชอบเนี่ย” ไม่ใช่ละ
 
 
“ห่ะ มึงพูดอะไรนะ มึงพูดใหม่ดิ เอาดีๆ”
 
 
 
 
 
“ก็บอกว่าน่ารักดี ผมชอบ”
 
 
 
 
 
 
 
……………..

“การที่ได้พบเจอสิ่งใหม่ คือการทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านั้น”




Talk: เอาแล้วไง จิมเริ่มมีอาการแปลกๆที่ตัวเองไม่เข้าใจแล้ว/// เย้ๆเริ่มมีคนมาเม้นแล้ว รู้สึกมีกำลังใจเขียนต่อ คอมเม้นกันเยอะๆน้า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 04 : เตี้ยโคตรอร่อย
 
 
 
 
 
“ก็น่ารักดี ผมชอบ”
 
ที่ผมพูดงั้น เพราะมันคือมุมมองความจริงจากใจเลยครับ
 
 
ผมชื่อ เติ้ล ครับ สูง 185 เรียนอยู่คณะ บริหารธุรกิจ เป็นลูกผู้ชายคนโต มีน้องสาว อีกคนชื่อ แก้ว เป็นเด็กม.ต้น น่ารักๆ ตามภาษาเด็กกำลังโต ความสูงของผมเนี่ยคงจะได้พ่อมาเต็มๆ (โคตรโชคดี) ที่ไหนละครับ แอบใครที่ไหนก็หลบไม่พ้น เพราะตัวสูงขนาดนี้ ตอนเรียนอยู่มัธยมขนาดผมนั่งหลังสุด แอบอยู่ที่พื้นใต้โต๊ะ อาจารย์ยังเห็นหัวผมเลย อย่างนี้เท่ากับว่าถ้าผมทำอะไรไม่ดี ก็มีแต่คนเห็นสิครับ แต่มีดีก็ตรงที่ทางสะดวกในเรื่องจีบสาว เอาเป็นว่า แค่ผมยิ้มให้สาวที่ผมอยากจะจีบแค่นั้นผมก็เข้าหาเธอง่ายขึ้น แต่อย่าเพิ่งคิดนะครับว่าผมน่ะ “เสือผู้หญิง” ไม่จริงเลย เพราะผมเคยมีแฟน เธอชื่อปอย สวย น่ารัก แม้จะเอาแต่ใจไปนิด แต่ก็ขี้อ้อน เพราะผมเสร็จทุกทีเวลาเจอคนอ้อน ใจอ่อนง่ายเหลือเกิน จนพ่อแม่บ่นอยู่บ่อยๆ ถ้าเข้าไปทำงานบริษัท ต้องเผด็จการมากขึ้น ผมกับปอย เราคบหากันตอนม.6 เทอม2 ใกล้จะปิดเทอม เราเลยเข้ามหาลัยเดียวกัน แต่อยู่คนละคณะนะครับ ปอยอยู่ นิเทศ จะว่าไป… ตอนนี้ผมพูดเรื่องปอยเยอะไปรึเปล่า แต่ก็นะ อย่างที่บอกไปว่า “ผมเคยมีแฟน” ถ้าวันนั้นเธอไม่น่าทำกับผมแบบนั้น ผมคงไม่รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ ถ้าเธอไม่เหยียบย้ำหัวใจผมแบบนั้น ผมคงไม่ได้ยิ้มเพราะเจอไอ้เตี้ยนี้ เพราะมันทำให้โลกของผมเปลี่ยนไปทันที
 
 
 
 
“ปอย…”
 
ผมเห็นเธอ...ชัดเจน ริมฝีปากที่ตกกระทบกับอีกริมฝีกปากหนึ่ง
 
แต่คนๆนั้น ไม่ใช่ผม!!
 
 
“ไอ้สัด...มึงเป็นใครวะ”
 
ผมหน้ามืดสุดขีดกำหมัดแน่นพร้อมกับชกเข้ากับปากที่จูบปากแฟนผมไม่ยั้ง
 
 
“เติ้ล หยุดก่อน เติ้ลหยุด”
 
 
“ไอ้นี้เป็นใคร”
 
ตอนนี้ไอ้บุคคลที่สามมันโดนผมคร่อมลงกับพื้นเลือดเต็มหน้าไปหมด นี่ผมเลือดขึ้นหน้าแล้วนะ รู้สึกเหมือนโดนปอยหลอก โดนไอ้ห่าน่าขโมยของหวงไป
 
 
“นี่มันหมายความว่าไง อธิบายมาปอย”
 
ผมยังไม่หยุดที่จะดึงคอเสื้อมันมาต่อยรัวๆ เชื่อว่าตอนนี้น่าจะสลบไปแล้ว
 
 
“ปอยแค่จะลองใจเติ้ลเฉยๆ”
 
 
!!!!
 
ลองใจ?
 
ลองใจบ้าอะไรกัน
 
 
“ลองใจ?”
 
ผมหันไปมองไอ้คนที่ผมคร่อมอยู่มันสลบไปเรียบร้อย
 
 
“ปอยแค่อยากรู้ว่า เติ้ลยังรักปอยไหม”
 
 
“...”
 
 
“คนนี้เขาเป็นเพื่อนปอย ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เติ้ลคิดนะ”
 
 
“....”
 
 
“ปอยแค่ทดสอบน่ะ”
 
ทดสอบ… ผมนิ่งมาก ผมลุกขึ้นยืน หันหน้าไปทางอื่น พยายามใจเย็น
 
 
“ทดสอบว่าเติ้ลรักปอยไหมงั้นหรอ”
 
 
“ใช่… เพราะพอเข้ามหาลัยมาเติ้ลกับปอยก็ห่างๆกัน ปอยเลยอยากแน่ใจ”
 
 
“....”
 
พอผมเข้าใจทุกอย่างแค่นั้น ผมขอฟังแค่นั้น แล้วผมก็หยิบหนังสือเดินออกมาไม่ฟังอะไรต่อ
 
 
“เติ้ลจะไปไหน”
 
 
“....”
 
 
“เติ้ล!!”
 
 
“เติ้ล ปอยขอโทษ”
 
ทุกอย่างมันหมดเลย… มันเหมือนเธอไม่เชื่อใจผม ผมเจ็บปวดตรงจุดนี้มาก ผมเกียดมากกับการทดสอบแบบนี้… ตอนนี้ผมต้องไปสงบสติอารมณ์ก่อน ค่อยๆคิดทุกอย่าง ว่าควรทำไงต่อ และจุดหมายที่ผมไปคือห้องสมุด (ได้ทั้งคืนหนังสือ และที่เงียบๆในการคิดอะไร ช่วยไม่ได้ยังกลับบ้านไม่ได้นี่ ผมมีเรียนบ่ายอีก)
 
 
 
 
 
 
ปกติแล้วผมไม่เคยมาห้องสมุดหรอกครับ ถ้าอาจารย์ไม่ให้ไปค้นอะไรเพิ่มก็จะไม่เข้า แล้วหนังสือที่ผมยืมมาก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับการตลาดที่อาจารย์ให้ไปหาข้อมูลเพิ่มวันนี้ก็ต้องเอาไปคืน ผมเลยคิดว่ามันคงเหมาะจะเป็นที่สงบสติอารมณ์ ผมมองภาพตัวเองในหัวย้อนไปว่า ทำไม ทำไมเธอถึงคิดทดสอบผม ทั้งๆที่ผมก็ โทรคุยกับเธอเกือบทุกวัน ถึงแม้จะเว้นช่วงนานไปหน่อย ทำไงได้ละครับ ผมต้องเข้าบริษัทกับพ่อ ไหนจะการบ้าน ไหนจะเช็คเอกสาร เข้ามหาลัยมาก็วุ่นอยู่กับการประกวดดาวเดือน ที่ผมไม่ได้อยากเป็นเท่าไหร่เลยวุ่นวายโคตร ถึงงั้นผมก็ยังโทรหา พาเธอไปกินข้าว เดินเล่น ทำไมเธอถึงไม่ไว้ใจผม แล้วยังมาเล่นกับหัวใจผมซะยับ เหมือนเอามีดมากรีดตรงอกแล้วบอกว่า ฉันรักคุณนะ แบบนี้แม่งโคตรเจ็บ คิดแล้วก็เริ่มจะโมโหอีกแล้วนี่ผมมาสงบสติอารมณ์นะเนี่ยย
 
 
(“โว้ยยยยยยยย”)
 
ผมจิกหัวตัวเองโวยวายในใจ
 
 
“...”
 
 
“...”
 
ไอ้เตี้ยนั้นมันทำอะไรของมันวะ
 
 
“หึ”
 
ผมขำในลำคอ เพราะเห็นผู้ชายตัวโคตรเล็ก โคตรเตี้ย โคตรแคระ หน้าตาบู่บี้ เหมือนจะหงุดหงิด แต่ก็เหมือนจะสงสัย กระโดดไปมาอยู่ในซอกชั้นวางหนังสือตรงข้ามผม
 
 
 
ผมมองผ่านช่องว่างที่ไม่มีหนังสือวางในชั้นส่องใบหน้าของมัน หน้าตาก็พอใช้ได้ถ้าไม่ติดว่าเตี้ย คงมีสาวๆมาชอบเยอะน่าดู ปากเล็ก จมูกนิด ตาโต ผิวสีน้ำผึ้ง ก็เหมือนคนทั่วๆไปเนี่ยละครับ แต่เวลาแสดงสีหน้าอารมณ์ต่างๆ ทำเอาผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
 
 
นี้ขนาดกระโดด ผมยังไม่เห็นมันจะเอื้อมมือถึงชั้นหนังสือที่มันจะเอาสักที ไปช่วยสักหน่อยละกัน
 
 
“อ้าว”
 
ผมตกใจที่พอผมเดินอ้อมจะเข้าซอกชั้นวางหนังสือที่มันอยู่ มันก็หายไปแล้ว ละสายตาไปแปบเดียวเอง สงสัยคงไปหาอะไรมาต่อขา
 
 
นั้นไง มันไปเอาบันไดเล็กๆ สำหรับคนหยิบไม่ถึง ทำให้ผมอดขำไม่ได้กลัวมันจะได้ยิน เลยไปแอบอีกซอกถัดไปเพื่อมองมัน หน้าตารูปร่าง ท่าทางก็โครตผู้ชาย แต่ความเตี้ยมันนี่ แข่งกับผู้หญิงได้เลย
 
 
พอผมกลับมามองตัวเองผมนี่โคตรสูง ไหนขอลองไปยืนใกล้ๆดูหน่อยละกัน อยากรู้จะเท่าระดับไหนของผม แล้วผมก็เดินไปทำเป็นจะหาหนังสือข้างๆมัน เชื่อใหมครับ มันสูงถึงแค่อกส่วนล่างเกือบจะถึงท้องผมอยู่แล้ว ผมนี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
 
 
นั้นเป็นวันแรกที่ผมเห็นเขาคนนั้น ไอ้เตี้ยคนที่อยู่ๆ ทำให้ผมเลิกคิดเรื่องปอยไปสนิท แบบที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งจะไปมีเรื่องมา คนบ้าอะไรทำให้ผมมองไม่เบื่อเลย บ่อยครั้งที่เวลามันหยิบหนังสือไม่ถึงแล้วเดินไปหาบันไดมาต่อขา (ฮ่าๆ มันฮามากจริงนะครับ ไอ้เตี้ยเอ้ย) ผมก็แกล้งไปหยิบหนังสือมันมาไว้ชั้นล่างก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึง แล้วทำหน้างงๆ แบบ (โอ๊ยย ไม่ไหวและมันจะฮาอะไรขนาดนี้) คนอะไรแสดงสีหน้าชัดเจนเกินจริง
 
 
 
 
 



 
 
 
หลังจากวันนั้น ทำให้ผมรู้สึกอยากมองทุกวัน ว่าวันต่อๆไป มันจะมีท่าทางยังไง มันเลยกลายเป็นว่าผมต้องมาแอบดูท่าทางมันที่เข้ามาห้องสมุดทุกเช้า วันไหนที่มันอารมณ์ดีๆ จะเดินท่าทางติ๊งต๊องเข้ามา ไอ้เตี้ยนี้ดูเป็นคนโลกส่วนตัวเยอะ ไม่สนใจคนรอบข้างจะมองมันว่ายังไง เพราะบางวัน มันใส่หูฟังแล้วก็เต้นแร้งเต้นกาอยู่คนเดียว
 
 
(เออ...ไอ้เตี้ยนี้ขยันเข้าห้องสมุดดีเหมือนกันแหะ สงสัยจะชอบอ่านหนังสือ)
 
 
ความเป็นไอ้เตี้ยนี้มันเป็นเหตุผลทำให้ผมอยากรู้จักมันจนเกิดเรื่องที่ผมดันไปจูบหน้าผากมัน (อุบัติเหตุ) แต่ให้ตายเหอะ ผู้ชายอะไร ผมหอมชะมัด หน้าผากก็นิ่ม ทำเอาผมนิ่งสำรวจตัวเองไปพักนึงว่า ทำไมผมไม่รู้สึกต่อต้านผู้ชายคนนี้เลย ไอ้เตี้ยนี้ไม่ใช่เล่นๆละ มันทำให้ผมอยากรู้จักมันมากขึ้น จนในที่สุดเราก็ได้เป็นเพื่อนกัน…. นั้นทำให้วันนี้ผมได้มีโอกาสได้ไปส่งจิมถึงที่ แต่ก่อนหน้าผมจะเจอจิม ผมกับปอยเราได้นัดเจอเพื่อปรับความเข้าใจกัน
 
 
“ปอย ขอโทษนะ”
 
สีหน้าของคนรู้สึกผิดที่เหยียบย้ำหัวใจผม
 
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
 
 
“เรายังเหมือนเดิมกันอยู่ไหมคะเติ้ล”
 
 
“...”
 
 
“เติ้ล ยังรักปอยอยู่ไหม”
 
 
“รักสิ แต่เติ้ลว่าเราไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนกันหรอกนะ”
 
เธอหน้าเศร้าลงไปอีก ให้ตาย ผมชักจะใจอ่อนแล้วนะ ผมควรเข้มแข็งสิ
 
 
“ทำไมล่ะ เติ้ลก็รักปอยไม่ใช่หรอ”
 
 
“แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วปอย หลังจากที่เติ้ลได้อยู่กับตัวเอง เติ้ลได้มีเวลาคิดอะไรหายอย่าง”
 
 
“....”
 
 
“ปอยรู้ไหม ปอยทำแบบนั้นก็เติ้ล เติ้ลรู้สึกว่าปอยไม่เชื่อใจเติ้ลสักนิด”
 
 
“...”
 
 
“เติ้ลว่า เป็นเพื่อนกันเหมือนตอนม.6อะดีแล้วเนอะ”
 
 
“...”
 
เธอเหมือนจะร้องไห้
 
 
“อย่างน้อยเติ้ลก็ให้อภัยปอยอะเนอะ ไปเดินเล่นกันดีกว่า”
 
รอยยิ้มนั้นช่างดูปวดร้าวอะไรขนาดนั้น ผมชักจะหวั่นไหวแล้ว
 
 
“แล้วปอยว่าไง เราเป็นเพื่อนกันได้ไหมครับ”
 
 
“ก็ถ้าเติ้ลให้ปอยเป็นแบบเดิมไม่ได้ มันก็คือสิทธิ์ของเติ้ล เพราะปอยสมควรได้รับมัน”
 
 
“อย่าคิดงั้นสิครับคนดี เติ้ลแค่รู้สึกสบายใจกว่าถ้าเราจะเป็นเพื่อนกัน”
 
 
“ไปเดินเล่นกันเถอะ เดี๋ยวปอยก็จะกลับบ้านแล้ว”
 
ผมชักชวนเธอลุกออกจากร้านอาหาร เพื่อจะได้ผ่อนคลาย ซึ่งมันก็จริง เพราะไอ้เตี้ยนั้นที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ให้ผมเห็น ทำให้วันนี้มันเป็นหมอรักษาแผลให้ผมโดยที่มันไม่รู้ตัวอีกครั้ง...
 
 
 
 
“ก็น่ารักดีผมชอบ”
 
นั้นคือประโยคที่ผมบอกมันไปที่ตอนนี้กำลังขับรถไปส่งจิม
 
 
“ห่ะ?”
 
 
“น่ารักไง เลยอยากเป็นเพื่อนด้วย”
 
มันคงจะคิดว่าผมชอบมันแน่ ผมยังไม่ควรมั่นใจตัวเองขนาดนั้นว่าผมชอบมัน
 
“อ้อ เออออ”
 
จิมตอบผมแค่นั้นแล้วหันไปทางหน้าต่างฝั่งตัวเอง
 
“แล้วไป...”
 
เสียงพรึมพรำของจิม ที่ผมได้ยินไม่ถนัด นี่สงสัยมันต้องรู้แล้วว่าผมเขาหามันเพราะอะไร
 
 
“ห่ะ จิมว่าไงนะครับ”
 
 
“อ่อ ไม่มีไร หิวข้าวยัง”
 
ให้ตายดิ ตอบว่าไงดีวะเนี่ย เพิ่งกินมาเมื่อกี้กับปอยด้วย แต่ถามมาแบบนี้แสดงว่าจะชวนกินข้าวแน่เลย โอกาสมาถึงแล้วนะ
 
 
“นิดหน่อยนะ ทำไมหรอจะเลี้ยงหรอ”
 


“ตรึ๊ดดดดดด”
 
เสียงโทรศัพท์ของจิมสั่น แล้วมันก็หยิบออกมาจากกระเป๋า ให้ตาย แค่แม่โรมาทำไมต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนั้น อย่ายิ้มแบบนั้นดิวะะะะะ
 
 
“ฮัลโหลครับแม่ อยู่ไหนแล้วครับ”
 
เสียงคุยกับแม่คนละเสียงกับผมเลย ออดอ้อนอะไรขนาดนั้น โอ้ย ให้ตายยยย ถ้าผมเจอเสียงแบบนี้เข้าใส่ผม ผมจะรอดไหมมมมมม
 
 
“โหแม่ อ่า อุตส่าหิ้วท้องงง หนูคิดว่าจะได้กินของอร่อยแล้วเชียว”
 
โอ๊ยยยยย “หนู” ไอ้สรรพนามน่ารักเบอร์นั้นมันช่างเหมาะกับไอ้เตี้ยนี้มากๆ
 
 
“โอเคครับแม่ เดี๋ยวหนูทำกินเองก็ได้ ขอบคุณครับแม่ ขับรถดีๆนะครับ”
 
พอจิมวางหูมันก็หันมามองผมที่กำลังขำในลำคออยู่
 
 
“ขำเชี้ยไร”
 
 
“เปล่าๆ คุยกับแม่น่ารักดี”
 
 
“เออ ตอนแรกคิดว่าแม่จะทำกับข้าวมาให้กิน แต่ผิดคาดว่ะ กูต้องทำกินเอง”
 
 
“หื้ม… ทำเป็นด้วยหรอ”
 
 
“เออ ทำเป็นดิ จะกินไม่กิน พูดงี้ไม่ต้องกินแม่ง”
 
จิมชวนผมกินข้าว… แค่ชวนกินข้าวเนี่ยนะ ทำไมผมต้องดีใจด้วย ไอ้บ้าอาร์มมึงอย่ายิ้ม มึงอย่ายิ้ม เดี๋ยวจิมรู้ตัว
 
 
“ยิ้มอะไร สรุปจะเอาไง”
 
นั้นไง
 
 
“จิมชวนผมดินเนอร์หรอ”
 
ขอกวนซักหน่อย อยากเห็นสีหน้าแบบนั้นอีก
 
 
“ดินนงดินเนอร์อะไร ห่า เออๆๆ ว่าไงล่ะ”
 
พอใจเลยครับ สีหน้าประชดประชัน แม่งโคตรเลย
 
 
“โอเคครับ อาร์มรบกวนด้วยนะมื้อนี้”
 
เอาวะ ถึงจะกินมาแล้วก็เถอะ นี่เขาอุตส่าชวนทั้งทีจะปฏิเสธลงได้ไง
 
 
“แล้วจิมจะทำไรกินหรอ”
 
 
“อืม….”
 
ไอ้ใบหน้านึกแบบจริงจังแบบนี้ คนอะไรวะแสดงสีหน้าได้ชัดขนาดนั้น
 
 
“กระเพาเนื้อ ไข่ดาวและกันง่ายๆ”
ไอ้เตี้ยนี้… เรื่องกินมันไม่ขัดใจผมเลยสักนิด ตั้งแต่บาร์บีคิวที่มันทำท่าทางให้ผมรู้ว่า ของโปรดมันชัวร์ๆ แล้วกระเพาเนื้อก็ของโปรดผม แหม มันจะบังเอิญไปหน่อยไหม
 
 
“โห อาหารสิ้นคิด”
 
 
“ถ้างั้นก็ไปหากินเอาเองแล้วกัน กูไม่ทำให้แดกและ”
 
ฮ่าาาาาาๆๆๆ กววนตีนนิดกวนตีนหน่อย ก็โวยวายและ
 
 
“โอ๋ๆ ขอโทษครับบบบ กินครับกิน อร่อยอยู่แล้วเนอะ”
 
ลองเชิงออดอ้อนบ้างสิ จะเป็นยังไง
 
 
“เชี้ยไร ขับรถดีๆนู้น เดี๋ยวรถก็ชนหรอก”
 
สาบานได้!! ก่อนไอ้เตี้ยหันหน้าหนีผม ผมเห็นหน้ามันแดง… หูก็แดง เขินหรอ หรือโมโห น่าจะโมโหมากกว่า
 
 
“ใครจะกล้าชน ตุ๊กตาหน้ารถน่ารักขนาดนี้ไม่มีทางอยู่ละ”
 
แล้วผมพูดอะไรออกไปปปปปปปปปปปปปปปปป
 
 
“มึง… อาร์ม เลิกพูดแบบนี้เหอะ กูขนลุกว่ะ”
 
เวลาผู้ชายคนนี้เรียกผมว่า “อาร์ม” มันทำให้ผมรู้สึกใจเต้นมาก เพราะอะไรรู้ไหมครับ ชื่ออาร์ม ที่มีเฉพาะคนๆเดียวที่ผมให้เรียก นั้นก็คือ น้องแก้ว น้องสาวผม ตอนเด็กๆ ผมเคยสัญญากับน้องว่า ผมจะใช้แขนทั้งสองข้างของผมเพื่อดูแลและปกป้องน้องผม ผมเลยให้น้องผมเรียกผมว่าอาร์ม แม้จะเป็นชื่อที่โหลมากอย่างที่ไอ้เตี้ยเคยบอก แต่มันก็เป็นรหัสลับในความหมายของมัน ถึงอย่างนั้นผมกลับยอมให้ไอ้เตี้ยนี้เรียกผมว่าอาร์มได้อย่างเต็มใจ ถึงได้บอกว่า ไอ้เตี้ยนี้ ไม่ใช่เล่นๆแล้ว
 
 
“ขนลุก? ขนลุกนี้ ชอบ หรือ รังเกียจ”
 
 
“ไม่ทั้งสองละ ไม่รู้เว้ยย ขอเหอะ”
 
คงไม่สบอารมณ์สินะ ที่ผมเล่นหวานๆมากไป เอาเถอะก็พอเข้าใจ มันออกจะแมนซะขนาดนั้น พูดจาห่ามๆซะขนาดนั้น คงไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่มันบอกอยู่แล้วละ ถึงหุ่นและหน้าตาจะให้ก็เหอะ
 
 
“จะเก็บไปคิดดู”
 
เมื่อผมพูดจบ จิมก็ไม่ตอบอะไรผมอีก หันไปมองออกนอกหน้าต่างฝั่งนั้นตลอดทาง จนใกล้ถึงคอนโดถึงจะเปิดปากบอกทางผมว่าให้เลี้ยวไปไหนไปทางไหนบ้างจนมาถึงที่จอดรถใต้คอนโด จิมทำท่าจะเอื้อมไปหยิบถุงในของขวัญของพี่รหัสของตัวเอง แต่นั้นแหละที่ทำให้ผมขำไอ้แขนสั้นนั้นเป็นปัญหาของมันจริงๆ
 
 
“มา ผมหยิบให้”
 
ผมอาสาจะหยิบถุงให้จิม
 
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงไปเปิดประตูหยิบเอง”
 
เท่านั้น จิมก็ลงไป ผมเลยจะถือโอกาสหยิบให้เลย จังหวะมันช่างพอเหมาะที่มันเอื้อมเข้ามาหยิบพอดี ทำให้ผมจับมือมันไปเต็มๆ เนี่ยยยยย แค่จับมือนะ… มือนิ่มมากกกก แค่ได้สัมผัส ผมก็เหมือนคนโดนช้อดแล้ว แถมไอ้สายตาโจมตีมาทางผมนั้น ดาเมจแรงมาก จนผมแทบจะหันหนีไม่ทัน กลัวมันเห็นผมหน้าแดง
 
 
“กูบอกกูหยิบเองไง ห่านี่”
 
จิมมันด่าผม แต่เชื่อไหม ผมไม่ได้ฟังอะไรเลย ไอ้บ้านี้แม่งทำผมลืมเรื่องเครียดได้ตลอด ผมนั่งทบทวนตัวเองในรถอยู่พักนึงให้สงบจิตสงบใจ
 
 
 
 
(ไอ้อาร์ม มึงชอบผู้หญิง มึงชอบผู้หญิง)
 
 
 
 
 
………………………..
 
 
 
“เสียงหัวใจมันจะบอกว่าใครคือ ตัวจริง”






Talk : เอาแล้ววววว พาร์ทนี้เป็นพาร์ทของอาร์มจริงๆ จริงๆแล้วให้เข้าใจว่าพระเอกเราชื่อ อาร์มแล้วกันเนอะ /// คนเขียนเป็นไข้ แต่ก็ยังนั่งเขียนต่อไป โก้!!

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
พอเห็นชื่อเรื่องปุ้บ ต้องกดเข้ามาปั้บเลย
เราเคยคบกะผู้ชายสูง158ซม. มาเหมือนกัน กระทัดรัดมาก เหมือนมีลูก ฮืออออ คือเราสูง166ซม.ไง 55555555
มาต่อไวๆนะคะ รออยุ่ๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 05 : อร่อยจนลืมเจ็บ
 
 
“อาร์ม มัวทำไรของมึงอยู่วะ”
 
มัวนั่งทำบ้าอะไรอยู่ในรถนิ่งๆของมันก็ไม่รู้ หรือมันจะวางแผนแต๊ะอั๋งผมแน่เลย เมื่อกี้ก็หลอกจับมือผมไปทีนึงละ ทำบ้าอะไรของมันวะ อย่าเชียวนะเว้ย ฟ้าผ่านะ
 
 
แล้วมันก็สะดุ้งรีบออกมาจากรถเดินมาฝั่งผม
 
“มา อันนี้ผมถือให้”
 
 
“ไม่ต้อง แค่นี้เองกูถือได้”
 
 
“กระเป๋าสะพายไม่หนักไง มาผมช่วยถือ”
 
ไอ้ห่านี้รั้นจริงๆ อะๆ อยากช่วยก็ตามใจ
 
 
“อะ ตามใจ รีบๆ เหอะ เดี๋ยวกลับบ้านดึก”
 
 
“โห ไม่ต้องห่วงหรอก ผมกลับดึกได้ พ่อแม่ไม่หวง”
 
หน้าเก็กๆ ยิ้มมุมปากของมันคืออะไรไม่ทราบ
 
 
“เออๆ”
 
 
 
 
 
 
 
“แล้วนี่จิมต้องทำอะไรบ้างหรอ เดี๋ยวอาร์มช่วย”
 
หลังจากที่ผม… เชื้อเชิญมันมาถึงห้องของตัวเอง (นี่ก็แค่เพื่อนเปล่าวะ นี่ผมทำไมรู้สึกเกร็งๆ ทำตัวไม่ถูก)
 
 
“เอ่อ…. มึงไม่ต้องทำไรหรอก เอาของวางเค้าเตอร์นี้แหละ แล้วไปนั่งโซฟาไป เดี๋ยวกูทำเอง เป็นแขกอะนั่งนิ่งๆไป”
 
แล้วมันก็ผยักหน้ารับคำก่อนจะวางของแล้วเดินไปนั่งโซฟา
 
 
“เออ ห้องกูรกหน่อยนะ ไม่ค่อยมีเวลาเก็บอะ”
 
 
“งั้นผมเก็บให้เอาไหม?”
 
เออนะ บอกว่าให้อยู่เฉยๆ
 
 
“จะบ้าไง ไม่ต้องนี้ห้องกู กูทำเอง นั่งนิ่งๆไป หรือถ้าเบื่อจะเล่น xbox ก็ได้นะ”
 
 
“ได้ไง แม่ผมสอนไว้ อยู่บ้านใครอย่านิ่งดูดาย ทำความชิบหายให้บ้านเขาเล่น”
 
ฮ่าาาาาา ผมนี้หลุดขำ กับมุขมันออกมา แล้วก็ส่ายหน้าบอกบุญไม่รับมุข หน้าแบบนั้นดันมาเล่นมุขห่าอะไรแบบนี้ โคตรเลย
 
“หึ งั้นมึงยิ่งต้องอยู่เฉยๆเลย”
 
“เหอะนะ ให้ผมช่วยเหอะ อะไรก็ได้”
 
 
“งั้นมานี้ มาตำพริกให้กูดีกว่ามา ไม่ต้องเก็บของห้องกูหรอกเดี๋ยวกูหาของไม่เจอ”
 
 
“โห ไม่เอาอะงานผู้หญิง มาตำเติมอะไรไม่เอา ขอหั่นเนื้อดีกว่า”
 
มีเลือกอีกไอ้ห่านี้
 
 
“เออๆ อะมีด ระวังด้วยล่ะ มีดมันคม
 
 
“ห่วงผมด้วย?”
 
 
“เปล่าอะ กูห่วงกูจะได้แดกเนื้อติดเลือดมึงมากกว่า”
 
 
“โหไรว้า”
 
หน้างอนไม่เข้ากับหน้ามันเลย ให้ตาย แต่ทำไมผมต้องยิ้มด้วยวะ
 
 
 
 
 
“โอ๊ย!”
 
คิดว่ามันโดนมีดบาดนิ้วแล้วจะมีฉากผมเอาพาสเตอร์ปิดแผลมันงั้นสิ ผิดละครับ เสียงผมเองที่ร้องออกมา พริกแม่งกระเด็นเข้าตาเฉยเลย แสบสุดๆ
 
“เห้ยเป็นไร”
 
“พริกเข้าตา”
 
ผมตอบมันระหว่างที่วิ่งเข้าห้องน้ำไปเปิดฝักบัวล้างตา
 
 
“แสบชิบ”
 
 
“ไหนดูหน่อย”
 
ไม่พูดเปล่ามือไม้ค่อยๆ แตะเปลืองตาผมเบาๆ แม่งโคตรจะอ่อนโยน แต่เห้ย! หน้าใกล้แบบนี้ กูไม่ไหวนะไอเชี้ย ก้มมาใกล้ไปเปล่าวะเนี่ย (ทำไมใจผมต้องเต้นแรงขนาดนี้) มีคนมาดูหน้าใกล้ๆ มันก็เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย
 
 
“ตาแดงเลย ไปพักก่อนและกัน เดี๋ยวผมทำต่อเอง”
 
ผมเดินไปนั่งพักที่โซฟาตามที่มันบอก (ไม่บอกก็ทำอยู่แล้วละ) ไอ้หน้าใกล้ๆเมื่อกี้ ทำผมหน้าแดงไหมนะ
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวหายแสบกูทำต่อเอง”
 
 
“อวดเก่งนะ… ไอ้เตี้ย”
 
มีด่าๆ เดี๋ยวจะโดน
 
 
“เออ กูเตี้ย เพราะกูเตี้ยเนี่ยละ เลยไม่ค่อยอยากตำพริก แม่งกระเด็นเข้าตาง่ายชิบหาย”
 
 
“รู้ตัวก็ดี”
 
คนอะไรวะ ยิ้มเก่งชิบหาย
 
 
“จิม พริกกระเทียมเยอะไปเปล่า”


 
“ไม่เยอะหรอก หรือมึงไม่กินเผ็ด เอาออกก็ได้นะ”
 
 
“เปล่า กินได้”
 
 
พอผมเริ่มหายๆแสบตาก็มาเริ่มทำกับข้าวต่อ… กะทะ กะทะอยู่ไหน ไหนแม่บอกเอามาให้แล้ว ผมเปิดเกือบทุกตู้ที่ผมเอื้อมถึง… ก็ไม่เจอ แม่ลืมแน่ๆ เพื่อความแน่ใจ ผมลองกระโดดเปิดตู้อีกชั้นที่เอื้อมไม่ค่อยถึง… นั้นไง แม่นี้นะ ชอบแกล้งเรื่องความเตี้ยของผมจริงๆ
 
 
“อาร์ม”
 
 
“ครับ”
 
แล้วผมแค่ชี้กะทะที่วางอยู่ในตู้ชั้นบนสุดให้มันเห็น เท่านั้นแหละมันคงเข้าใจว่าให้มันหยิบให้เลยเดินมาหาผม
 
“เห้ยๆ เดี๋ยวมึงจะทำไร”
 
 
“อ้าว นึกว่าจะให้อุ้ม เห็นจะหยิบของไม่ใช่หรอ”
 
จะบ้าไงงงงงง แค่มันหยิบเองไม่ง่ายกว่าไงวะ
 
 
“มึงจะบ้าหรอ มึงอะหยิบ มันไม่ง่ายกว่าหรอวะ?”
 
 
“ก็ไม่ต่างกันนะ จะหยิบเองหรืออุ้มให้จิมหยิบ ตัวเบาอย่างกับหมอน”
 
 
“เออๆ หยิบมา”
 
ทำไมผมต้องรู้สึกทำตัวไม่ถูกยังไงไม่รู้เนี่ย
 
 
“อาร์ม มึงหั่นเนื้อผิดละ ใหญ่ขนาดนี้ ใครจะกิน”
 
ต้องเปลี่ยนเรื่อง แต่อันที่จริง แม่งชิ้นใหญ่มาก อย่างกับจะเอาไปย่างกินอย่างนั้นละ


 
“มานี้กูหันเอง เอามีดมา”
 
ผมก็จับมีดที่อยู่ที่มือมันหวังจะแย่งออก


 
“เห้ย ไม่ต้องบอกมา เดี๋ยวหั่นให้ เดี๋ยวมีดบาดมืออีก”
 
 
“ไม่เป็นไร กูหั่นเองไวกว่า”
 
มันขัดใจจริงๆนะครับ ไม่งั้นงานเสร็จไปแล้ว
 
 
“โอ๊ย!!”
 
เชี้ย… มีดบาดตอนแย่งมีดกับมัน
 
 
“โว๊ะ ขอโทษๆ ไหนดูดิ”
 
นิดเดียวแหละที่แน่ๆ เลือดออกมาเยอะอยู่ แต่ไอ้มือที่จับมือผมไปดูเนี่ย ห่าเอ้ย
 
 
“เอออ ไม่เป็นไรมากหรอก”
 
ผมดึงมือออกเพราะผมเกร็งไปหมด
 
 
“ไม่เป็นบ้าอะไร บอกละว่าไม่ต้อง ดื้อจังวะ”
 
เวลามันดุเนี่ย หน้าตาโคตรจริงจังน่ากลัวชิบ
 
 
“เอามือมานี้”
 
แม่งไม่พูดเปล่าดึงมือข้างที่ผมโดนบาดไปด้วย (จะพูดทำไมถ้ามึงจะดึงไปไม่ฟังกันก่อน)
 
 
“ทำอะไรระวังหน่อยสิวะ เจ็บตัวจนได้”
 
 
“เออ ไม่เป็นไรหรอก ไกลหัวใจ ขอบใจก็แล้วกัน มาๆจะหั่นใช่ป่ะ เดี๋ยวบอก”
 
เล่นเอาซะผมไม่กล้าโวยวายเลย



“เออ แค่นั้นแหละ บอกมาเดี๋ยวหั่นให้อย่าดื้อนัก”
 
กูว่ามึงขู่กูมากเกินพอแล้วนะ



“กลัวแล้วครับ พ่อ ยิ่งกว่าพ่อกูอีก”
 
นั้นไง หันหน้าดุมาใส่ผมอีกและ แล้วใครจะไปกล้าสู้วะ ไอ้หน้าดุจริงจังแบบนั้น ผมก็ตัวหดดิ
 
 
“เออๆ ขอโทษๆ ว่าแต่เรื่องปอยเป็นไงยังไม่เล่าให้ฟังเลยนะ”
 
ต้องเปลี่ยนเรื่องแล้วหละก่อนที่… แม่งหันหน้าดุมาอีกแล้วอะไรว่ะ กูผิดอะไรนักเนี่ยยยยยย
 
 
“โอ๊ย มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ กูกลัว”
 
แล้วแม่งก็หลุดขำออกมา (ที่ผ่านมามึงแกล้งกูสินะ)


 
“หน้าจิมเวลากลัวนี้ ตลกดีเนอะ”
 
 
“เชี้ย กวนตีนกูหรอ หั่นเนื้อไปก่อนที่นิ้วมึงจะด้วน”
 
จัดมันสักนิ้วดีไหม ผัดกระเพาสูตรใหม่ ใส่นิ้วไอ้อาร์ม คงอร่อยดีพิลึก
 
 
“โทษๆ ล้อเล่นนิดหน่อยเอง เรื่องปอยน่ะไม่มีไรมากหรอก ก็แค่เขาจูบกับผู้ชายอื่น ผมจับได้ เลยมาขอโทษ ขอคืนดี แค่นั้นแหละ”
 
 
“อ่อ งี้เอง แล้วเย็นนี้ก็เลยดีกันแล้วใช่ป่ะ?”
 
 
“ไม่หรอก ผมขอกลับไปเป็นเพื่อนดีกว่า”
 
 
“กลับไปเป็นเพื่อน? อาร์มกับปอยเคยเป็นเพื่อนกันหรอ”
 
“ใช่ เรียนมัธยมเดียวกับตอนม.ปลาย ลองคบกันก็...อืม… ม.6 ก่อนปิดเทอมพักนึง”
 
 
“แล้วฝ่ายนั้นยอมไหม?”
 
 
“ไม่ยอมก็ต้องยอมแหละ อีกอย่างความรู้สึกอาร์มไม่เหมือนเดิมละ”
 
 
“ทำไมวะ อย่าบอกนะ...” ผมยังไม่ทันพูดจบ “ใช่ หัวใจผมไม่ใช่ของเขาแล้ว”
 
เหยดดดดด แล้วนี้ผมต้องเข้าใจว่า มันน่าสงสาร หรือมันร้ายกันแน่ พอเสียใจก็หวั่นไหวกับคนอื่นซะง่ายเกิน ผู้หญิงคนนั้นจะต้องสวยมากแน่ๆ ถึงขนาดทำให้ไอ้อาร์มหวั่นไหวได้ง่ายๆ แต่ไอ้หน้าเศร้าๆนั้นแม่งโคตรทำให้ผมอ่อนใจเลย
 
 
“เออ ช่างมันเหอะ มาทำกับข้าวกินดีกว่า”
 
ผมตบบ่ามันก่อนจะเดินไปตั้งเตา
 
 
“แม่กูเคยบอกนะ ว่าถ้ากินของอร่อยจะทำให้ลืมเจ็บได้ กับข้าวมื้อนี้กูจะทำให้สุดฝีมือเพื่อมึงเลย”
 
 
จะยิ้มเหี้ยไรอะไรขนาดนั้นนนน
 
 
“ขอบใจนะ”
 
 
“ขอบใจทำไมวะ?”
 
 
“ก็ขอบใจที่เป็นเพื่อนอาร์ม ขอบใจที่ทำกับข้าวให้กิน ได้เจอจิมอะไรก็ดีขึ้น”
 
เสียงทุ้มต่ำ โทนจริงจังไปทางซึ้ง ทำเอาผมนิ่งไปพักนึง...ได้สติผมถึงจะเริ่มทำกับข้าวต่อ
 
 
 
 
 
 
 
 
“หูย หอมอ่ะ ชิมได้ป่ะ”
 
 
“เอาดิ”
 
แล้วมันก็หยิบช้อมาตักชิมเนื้อหนึ่งชิ้น ทำหน้าตาพอใจอยู่พอสมควร
 
 
“เป็นไง อร่อยไหม?”
 
 
“โคตรๆอะ ต่อไปอาร์มว่าอาร์มต้องฝากท้องกับจิมบ่อยๆแล้วละ”
 
 
“กูไม่ได้ขยันทำขนาดนั้น”
 
 
“ปะ เอาไปวางที่โต๊ะ เดี๋ยวกูตักข้าวตามไป”
 
 
“โอเคคคคค”
 
แม่งร่าเริงอะไรขนาดนั้น ที่แม่ผมบอกนี้คือเรื่องจริงใช่ไหม
 
 
“เออ มึง ดึกขนาดนี้ พ่อแม่ไม่ว่าหรอกลับบ้านดึก”
 
ผมถามมันระหว่างกินข้าวดูหนังไปด้วย
 
 
“ไม่หรอก โทรบอกเขาตอนไปส่งปอยแล้วว่าจะกลับดึกหน่อย”
 
วางแผนมาอยู่แล้วใช่ไหม? ไอ้นี้
 
 
“ถ้าดึกมาก มึงนอนนี้ก็ได้นะเว้ย ขับรถดึกๆ อันตราย”
 
ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะครับ แค่ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ที่บ้านมันจะโทษเป็นความผิดผมเอาอะดิ ไม่หรอก ผมก็คงโทษตัวเองด้วยล่ะ
 
 
“ไม่รบกวนหรอกครับ ขอบคุณนะ”
 
 
 
 
 
พอกินข้าวเสร็จ ผมกับมันก็นั่งดูหนังกันต่อให้จบ แต่เอาเหอะ ใช้คำว่าผมกับมันคงไม่ถูกอะ เพราะพอหนังจบ มันก็หลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมเลยลุกไปอาบน้ำ
 
 
“หึ แล้วบอกกูว่าไม่นอน”
 
ผมคิดดังขึ้นมาอีกละ ก็นะ เห็นบอกว่าจะไม่รบกวน สุดท้ายมันก็เหยียดตัวนอนโซฟาผมอยู่ดี ผมเลยไปหยิบผ้าห่มอีกผืนในตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องนอนมาห่มให้มัน
 
หน้าตอนหลับมัน… จะว่าไงดีอะ ขนตายาวสัด ปากมันก็นะเป็นกระจับซะ ถึงคิ้วจะไม่เข้มเท่าผมแต่ก็ถือว่าเข้มอยู่ อิจฉาว่ะ ผมโคตรอิจฉาความสูง ความขาวของมันเลย ทำไมคนอย่างมันแม่งถึงได้สูงขนาดนี้ ขนาดที่ยืดขาแล้วขาตกขอบโซฟา เชี้ยยยย แล้วผมจะพิจารณาหน้ามันอะไรนานแบบนี้ ไปนอน ไปนอน ก่อนไปผมจ้องมันซักพักก่อนคำพูดในหัวผมที่ชอบคิดดังออกมาเป็นเสียงเบาๆ….
 
 
 
 
 
 
“ฝันดีนะมึง”


……………….
 
 
 
“ความเจ็บปวดเป็นเพียงก้อนหินที่เราบีบมันไว้
หากเราเลือกที่จะปล่อยมันไปแล้วเลือกสิ่งใหม่ๆให้ใจสงบแทน”






Talk : ตื่นมาอัพแต่หัววันหายป่วยแล้วเย้// เอาจริงๆ จิมเป็นคนทำกับข้าวเก่งพอๆกับแม่เลยนะ เดี๋ยวต่อไปอาร์มจะติดรสมือจิมแน่ๆ// จิมเริ่มมีอาการแปลกๆกับอาร์มละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2017 10:59:45 โดย keywordz »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อาร์ม จิม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เตี้ยหวั่นไหวละใช่มั้ย  o18

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 06 : พิสูจน์
 
 
 
“เห็นหลับอร่อยเลยไม่อยากกวน ขอบคุณนะครับ อาหารอร่อยจนลืมเศร้าเลย”
 
ตัวหนังสือที่โคตรจะหวัดบนโพสอิทข้างนาฬิกาตั้งโต๊ะข้างเตียงนอนผม… (นี่ผมกำลังยิ้มอยู่หรอ) เป็นเช้าวันเสาร์ที่โคตรจะหงุดหงิดก็ข้างห้องเล่นทะเลาะกันเสียงดังแต่เช้า แต่ไม่รู้ทำไมหันมาเจอโพสอิทใบนี้ คิ้วที่ขมวดเกร็งอยู่มันผ่อนคลายลง
 
วันเกิดพี่รหัสผมก็พรุ่งนี้ละ… แอบลุ้นชิบหายว่าของขวัญที่ซื้อมาพี่แกจะถูกใจรึเปล่า ที่มากไปกว่านั้นคือลุ้นว่าจะโดนแกล้งอะไรอีกไหม พี่แกไม่รู้เป็นอะไรแกล้งผมได้แกล้งผมดี ใจจริงก็แอบไม่อยากไป แต่ลองไม่ไปดิ มีหวังโดนโทรจิกตายยันบ้านแตก
 
 
 
 
“เหี้ย!”
 
คำหยาบที่ผมสบถออกมาเพราะตอนผมเดินออกมาห้องรับแขกที่เคยมีแต่เศษกระดาษปากกาดินสอไม้บรรทัดกรรไกรวางระเกะระกะตามพื้น ไอ้อาร์มมันเก็บห้องให้ผมอย่างโล่ง โอ้โห เก็บเรียบร้อยขนาดนี้ (นี่มึงคิดจะมีบุญคุณกับกูสินะ)
 
 
กะจะโทรไปด่าซะหน่อย ลืมไปแม่งไม่มีเบอร์โทรศัพท์มัน ไอ้ห่านี้อย่าให้เจอนะ ไม่ได้จะขอแค่เบอร์ แต่จะขอด่าให้หูชาเลย สาระแนทำเกินหน้าที่แขกผู้มาเยือน
 
“ตรึ๊ดดดดด”
 
ใครไลน์มาแต่เช้า
 
 
“Kyko : ไอ้ดิว เย็นนี้ว่างไหม”
 
 
“Dildo : ทำไมวะ?”
 
 
“Kyko : ไปฟิวเป็นเพื่อนกูหน่อย กูจะไปซื้อของขวัญให้ไอ้พี่บาส”
 
 
“Dildo : ป่วยเปล่า อยู่ๆมาชวนกู ปกติมึงจะชวนจิม”
 
 
“Kyko : ไม่เอาอะ กูงอนมันอยู่ เมื่อวันศุกร์ไม่ยอมให้กูไปด้วย”

 
แหม ไอ้ห่า มาไม้ไหน นี่จะให้ผมรู้ตัวใช่ไหมว่ามันงอนผมอยู่ จะว่าไปถ้าแม่งไม่เสือกมาแชทในไลน์กลุ่ม มันผมก็จะไม่รู้หรอกว่าแม่งงอน ปัญญาอ่อนชิบหาย
 
 
“Jimmy : ควายกี้ งอนทำพ่อง กูแค่ง่วง”
 
“Jimmy : รอมึงซ้อมบอล มันก็ดึกไปเปล่าวะ”
 
 
“Jimmy : ใกล้เวลาห้างปิดกูก็ได้เดินแปบเดียวอะดิ”
 
 
“Kyko : เห็นไหม ดิว แม่งทิ้งเพื่อน”
 
 
“Dildo : 5555 มึงก็เกินไปจิม แล้วไมมึงไม่ไปซื้อกับมันวันนี้”
 
 
“Jimmy : กูกลัวลืม แล้วกูก็ไม่อยากให้พวกมึงรู้ว่ากูจะซื้ออะไรให้พี่เขา”
 
 
“Kyko : ความลับมากกกกกก แค่พี่รหัสต้องอินขนาดนั้นไหม”
 
 
“Jimmy : เรื่องของกู”
 
 
“Jimmy : แล้วไปกี่โมง เดี๋ยวกูไปด้วย”
 
 
“Kyko : เย้ มึงจะไปด้วยแน่นะ นึกว่าจะเป็นไอ้คนทิ้งเพื่อนไปอีกละ”
 
 
“Jimmy : พ่อง”
 
 
“Dildo : ทะเลาะอย่างกับผัวเมีย”
 
 
“Jimmy : สัส ดิว”

 
ผมโยนโทรศัพท์ลงเตียงเลย หมดอารมณ์จะคุย ไปอาบน้ำดีกว่า
 
 
 
 
 
“ตรึ๊ดดดดด ตรึ๊ดดดดดด”
 
 
“ใครโทรมาวะ คนกำลังอาบน้ำ”
 
เสียงเพลงที่ผมเปิดในโทรศัพถูกหยุดด้วยการโทรเข้ามาของใครบางคน
 
 
“เชี้ยกี้ โทรมาทำไม กูกำลังอาบน้ำ”
 
 
“แล้วมึงจะเอาไง จะไปไหม”
 
“ไปดิ เจอที่ไหน กี่โมง ไอ้ดิวอะไปเปล่า เดี๋ยวกูจะได้โบกหัวแม่งซะหน่อย”
 
 
“เจอหน้ามอ บ่าย 3 วันนี้โค้ชไม่อยู่กูจะโดดซ้อม”
 
 
“เออ เจอกัน เห้ยเดี๋ยว มึงยังไม่ตอบกูเลย ไอ้ดิวไปเปล่า”
 
 
“ไปดิ ทำไมวะ”
 
 
“กูจะเอาตีนยันหน้าแม่ง”
 
 
“ทำไมวะ มันทำไรให้มึง”
 
 
“เปล่า กูหมั่นไส้เฉยๆ”
 
 
“จ้าาา แม่คนก้านยาว ตีนยาวเหลือเกินนะ จะยันหน้าเขาถึงรึเปล่าเถอะ ไอ้แคระ”

 
ถ้ามันใช่คำว่า พ่อ ผมจะหงุดหงิดน้อยกว่านี้
 
 
“สัสกี้ เดี๋ยวมึงจะโดนอีกตัว”
 
 
“เหอะๆ กลัวมากๆเลยจ้าาา กลัวแล้วๆ”
 
 
“สัส วางสายไป กูจะอาบน้ำ เดี๋ยวโทรศัพท์กูเปียก”
 
“เออ เจอกัน”
 
 
“เออ”

 
 
 
นี่ถ้าผมสูงเพื่อนมันคงไม่มองว่าผมเป็นตัวเมียหรอกมั้ง (เดี๋ยวสิ มึงไม่ใช่สัตว์ไหม) พอผมเตี้ยแม่งถึงได้ล้อกันแบบนี้ออกบ่อย แต่ไม่เคยชินเลย ออกไปทางหงุดหงิดด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพื่อนแต่อยู่ๆมาพูดแบบนี้กับผม ผมคงเอาเก้าอี้ต่อขาเตะก้านคอพวกปากดีพวกนี้ไปแล้ว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้มึง กูไปละ อิ่มชิบหาย”
 
 
ผมลาเพื่อนๆ หลังจากที่เราไปเที่ยวห้างกัน โอ้โห พากันกินอย่างเดียวจากนั่งกินบาร์บีคิว (แม่งจู่ๆ ก็นึกถึงมื้อที่กินกับไอ้อาร์มเฉย) แล้วไปกินบิงซูกันต่อที่ร้าน holly coffee คิดว่าพอแล้วใช่ไหมครับ แม่งพาไปซื้อโดนนัทคริบปี้ครีมกับไก่ hotstar ไปเดินกินระหว่างเลือกซื้อของขวัญ ตอนแรกแม่งจะซื้อนาฬิกาเหมือนผม ผมเบรคมันทันก่อนที่มันจะเข้าโซน (ภาพที่ไอ้อาร์มมันอุ้มผมหยิบนาฬิกาแม่งตีขึ้นสมองทันที) พอซื้อของเสร็จ ซึ่งสรุปไอ้กี้ซื้อเสื้อ H&M ให้พี่แก ส่วนดิมันขอถอนตัวไปตอนจะเดินดูนาฬิกาละสงสัยมีนัดกับหญิง ระหว่างทางผมนี้โคตรจุก ดีอย่างที่ไอ้กี้แม่งเป็นนักกีฬากินไปเท่าไหร่ แม่งก็ออกกำลังกายผอมอยู่ดี ส่วนผมหรอสงสัยพยาธิในท้องเยอะมั้ง กินไปเท่าไหร่ไม่เคยอ้วน โคตรจะรู้สึกดี กินเท่าไหร่ก็ได้ แถมไม่ต้องออกกำลังกาย โคตรฟิน พอถึงห้องหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน แต่กว่าผมจะได้นอนเล่นไปถึงตี 2 นั่งดูเฟส ดูไอจีสาวๆเพลินจนลืมง่วงไปเลย พอตื่นมาอีกทีก็เที่ยง (นี่จะนอนเป็นผีเฝ้าคอนโดเลยไงวะ) ผมเริ่มโทรหากี้เตรียมนัดแนะที่จะเจอกับมัน
 
 
“ฮัลโหลค่ะ”
 
ไอ้สาดดดดดดดดดดดดด แม่งล่อหญิงอีกแล้ว เปิดเทอมแรก แม่งได้สาวไปกี่คนแล้ววะเนี่ย
 
 
“เอ่อ… ขอสายกี้ครับ”
 
 
“สักครู่นะคะพอดีกี้หลับอยู่เดี๋ยวเราปลุกให้”
 
 
“ครับขอบคุณครับ”
 
 
“กี้คะ มีคนโทรมาหาค่ะ”

 
เสียงผู้หญิงโคตรใส สงสัยน่ารักน่าดู ชักอยากเห็นหน้า
 
 
“หื้ม….อืม...ใครหรอ ฮัลโหลครับ”
 
เสียงสะลึมสะลือของแม่งหน้าถีบมาก
 
 
“เหี้ย!! คนที่เท่าไหร่แล้ว ตื่น! พี่บาสนัดกี่โมง”
 
 
“โห พี่เขานัด 6 โมงเย็น มึงโทรมาทำไมตอนนี้”
 
อ้าวเวร อีกตั้ง 6 ชั่วโมง
 
 
“อ้าวหรอ แล้วมึงจะไปพร้อมกูเปล่า”
 
 
“เออ เดี๋ยวใกล้เวลากูไปหาที่ห้อง แค่นี้นะ กูจะนอน”
 
 
แล้วแม่งก็วางสายไป อิจฉาคนแบบพวกแม่ง หาสาวมาครองโคตรง่าย เสียดายเป็นผมนะ ถ้าผมจีบสาวติด ผมจะไม่เที่ยวไปจีบทิ้งจีบขวางแบบไอ้ห่ากี้หรอก ถ้าผมหน้าตาดีได้ครึ่งของมัน ตัวสูงได้เท่ามัน ผมจะไม่ปล่อยสาวที่ผมสนใจไปง่ายๆแน่ ไอ้อาร์มก็คงจะเป็นเหมือนกันล่ะมั้ง ถึงได้หวั่นไหวกับหญิงอื่นง่ายขนาดแค่แฟนทำพลาดครั้งนึง มันก็ไปละ แต่เห้ย ถ้าผมเป็นไอ้อาร์มจะอภัยผู้หญิงที่เที่ยวไปจูบกับผู้ชายอื่นได้รึเปล่านะ เออว่ะ มันก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น (เอาอีกแล้ว ผมคิดเรื่องมันอีกแล้ว เชี้ยเอ้ยยย ไม่พ้นวันหยุดมึงก็อยู่ในหัวกูเนอะ) พอขโมยความคิดตัวเองกลับคืนมาได้ ผมก็ดิ่งลงไปข้างล่างหาของกินในมื้อแรกของวัน
 
 
“อ้าว ปอย อยู่แถวนี้เหมือนกันหรอครับ”
 
 
ผมเจอปอยในซอยที่ผมอยู่
 
 
“อ้าว จิม ใช่คะ ปอยอยู่หอซอยถัดไป นั้นอะ”
 
ปอยชี้ๆๆๆ ให้เห็นหอที่เธออยู่ ไม่ใกล้ไกลจากผมเท่าไหร่
 
 
“ทานด้วยกันไหมคะ ปอยมีเรื่องอยากคุยพอดีเลย”
 
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่ออาร์ม
 
 
“ยินดีครับ”
 
 
ให้ผมปฏิเสธผู้หญิงมันคงเป็นไปไม่ได้ ...เห้ออออ ผมขอไม่เดินข้างเธอได้ไหม ความสูงผมกับเธอ มันคนละระดับกันเลย จะมีใครเตี้ยกว่าผู้หญิงก็ผมเนี่ยละ โอ๊ย เพลียตัวเอง
 
 
เรานั่งร้านอาหารแถวๆนั้น พนักงานก็มาพร้อมกับเมนูอาหาร ผมสั่งผัดคะน้าหมูกรอบ ส่วนปอยก็สั่งไข่เจียวหมูสับ (อืม...กินง่ายดีแหะ)


“จิมเป็นไงบ้างคะ”
 
เธอเกลิ่นถามขึ้นมา


 
“ก็เรื่อยๆครับช่วงนี้อ่านหนังสือสอบ เครียดบ้าง สนุกบ้าง แต่งานเยอะ”


 
“แล้ว… จิมได้เจอเติ้ลบ้างไหม”
 
แหมถ้าจะตรงประเด็นขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามสาระทุกข์สุขดิบผมหรอกครับ ปอย


 
อย่าเพิ่งสับสนนะครับว่าทำไมปอยเรียกอาร์มว่าเติ้ล เพราะไอ้อาร์มจริงๆแล้วมันก็ชื่อ เติ้ล แหละครับ ไม่รู้ทำไมถึงให้ผมเรียกมันว่าอาร์ม ทั้งๆที่ มีแต่น้องแก้วที่เรียกชื่อนี้
 
 
“ก็เจอเมื่อวันศุกร์ตอนเจอปอยนั้นแหละครับ”
“อ่อ”
 
“ส่วนใหญ่ ผม กับ อาร์...เติ้ล จะเจอกันที่มอมากกว่า เพราะผมไม่มีเบอร์โทรมัน เลยไม่ได้ชวนไปนู้นไปนี้เท่าไหร่”


เกือบจะสับสนเรียกชื่อผิดละ
 
 
“เอาเบอร์จากปอยไหม เผื่อไว้จิมมีธุระจะคุยกับเติ้ล"
 
 
“ผมว่าไม่เป็นไรดีกว่าครับปอย ไว้ผมขอจากเจ้าตัวมันเองดีกว่า ไงก็เจอกันที่มอ”
 
ผมก็พอจะรู้ว่าเรื่องอะไร แต่ผมขอทำเป็นไม่รู้ดีกว่า
 
 
“แย่ยังไงหรอ มีปอยสวยๆน่ารักๆทั้งคน ไม่แย่หรอก เชื่อผมสิ”
 
 
“ไม่ได้หรอก เติ้ลกับปอย ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว มันเป็นความผิดปอยเอง”
 
เห้ยแล้วนั้นร้องไห้ทำไม
 
 
“ปอยเป็นไรครับ ร้องไห้ทำไม”
 
เวรกำคนอื่นเขาจะมองว่าผมทำผู้หญิงร้องไห้ไหมเนี่ย
 
 
“ปอยแค่อยากพิสูจน์ว่า เติ้ลรักปอยรึเปล่า ปอยจูบผู้ชายให้เขาเห็นแต่ปอยไม่คิดว่ามันจะถึงขนาดนี้”
 
โอเค เข้าใจเลยครับว่าทำไมอาร์มถึงตัดใจง่ายขนาดนั้น ใครมันจะไปชอบที่จะโดนพิสูจน์ความรักด้วยวิธีแบบนี้ นี้มันเข้าข่ายไม่เชื่อใจกันชัดๆ
 
 
“ปอย ใจเย็นๆก่อนนะครับ เติ้ลเขาอาจจะกำลังคิดอยู่ รอให้เขาเย็นลงก่อน
แล้วค่อยไปคุยกับเขาเผื่อจะดีขึ้นนะ”
 
ผมก็คงทำได้แค่ปลอบใจเขา เพราะเอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
 
 
“ไม่มีทางหรอก... เติ้ลเขาเป็นคนเลือกอะไรแล้ว เขาจะไม่สนอะไรทั้งนั้นแหละ”
 
ร้องไห้ไม่หยุดเลยแหะเอาไงดี
 
 
“งั้นเดี๋ยวจิมลองช่วยพูดให้ไหม”
 
ได้ผล… มันได้ผล เธอเบาลงเยอะเลย แต่ผมจะช่วยพูดยังไงได้วะ
 
 
“จะช่วยจริงๆหรอ จิมจะช่วยยังไง”
 
 
“ก็ไม่รู้สิครับ เดี๋ยวจะลองดูให้นะ ตอนนี้เรามากินข้าวให้อร่อยกันดีกว่า วันข้างหน้าจะเป็นยังไงค่อยว่ากันเนอะ”
 
แม่งหลังจากพูดแบบนั้นไป ใจผมก็รู้สึกโหว่งๆ แปลกๆ
 
“โชคดีจังเลยที่เจอจิม ไม่งั้นปอยรู้สึกแย่แน่เลย ขอบคุณนะคะ”
 
 
“ไม่เป็นไรครับ มามื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
 
ว่าแล้วผมจะไปพูดช่วยเขายังไงดีล่ะเนี่ย ไอ้อาร์มมันก็เพิ่งเคยพูดไปว่าไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม แถมเน้นตรงคำว่า “หัวใจของมันไม่ได้เป็นของปอยแล้ว” หวังว่า ปอยคงไม่ได้หวังอะไรจากผมมากนักนะ
 
 
“ตรึ๊ดดดดดด ตรึ๊ดดดดด”
 
เชี้ยกี้ โทรมาทำไมอีก
 
 
“โหลว่าไงมึง”
 
 
“กูอยู่หน้าห้องมึงเนี่ย อยู่ไหนวะเคาะตั้งนานแล้ว มาเปิดประตูดิ้”
 
 
“กูออกมากินข้าว แปบ เดี๋ยวกูไป”
 
มาไม่บอกไม่กล่าว แล้วยังจะเร่งกันอีกเดี๋ยวปั้ดฟาดด้วยรองเท้า
 
 
“เร็วๆเลย กูปวดขี้”
 
อ้าว ชิบหายละ เดี๋ยวมาขี้แตกหน้าห้องผมทำไง
 
 
“เออๆ แปบ เดี๋ยวกูรีบไปเลย”
 
 
“ปอยครับเดี๋ยวจิมกลับห้องก่อนนะครับ พอดีเพื่อนมีธุระด่วน”
 
พอดีกับที่ผมกำลังจะจ่ายตัง
 
 
“โชคดีนะคะจิม”
 
 
“เช่นกันครับปอย”
 
ผมรีบออกตัวพุ่งไปหาไอ้กี้
 
 
 
 
 
“มึงนี้นะ จะมาก็ไม่โทรมาบอกก่อนวะ อย่ามาขี้แตกหน้าห้องล่ะ เอ้า เข้าไป”
 
ผมบ่นพร้อมไขประตูให้มันรีบเข้าไปเข้าห้องน้ำ
 
 
“แต๊งกิ้ว อู้ยยยยย”
 
ผมส่ายหน้ากับเสียงสั่นๆของมัน ฟังแล้วขนลุกตาม
 
 
“เออ มึง ตอนกูโทรไปหามึงอะ ฟังเหมือนมึงอยู่กับใคร เอ่อ… ปอย ใครวะ”
 
ขนาดขี้อยู่ยังจะสาระแนทุกเรื่องไปสิ
 
 
“อ่อ ไม่มีไรหรอก”
 
 
“สาสสส มีความลับกับเพื่อนหรอ”
 
 
“ลับพ่อง แค่แฟนเก่าไอ้เชี้ยเติ้ล ไอ้คนที่มึงไปแดกสเต็กปลามันอะ”
 
 
“อ่อออ แล้วไง แปบๆ… อื้ดดดด”
 
ไอ้เชี้ย มีเอฟเฟคเสียงเบ่งมาให้ฟังอีก
 
 
“เออ แล้วไงวะ มึงไปรู้จักแฟนเก่ามันได้ไง”
 
 
“เปล่ารู้จัก เคยเจอกัน แล้วเมื่อกี้บังเอิญเจอเลยคุยกันนิดหน่อย”
 
 
“อ้อ แล้วไปนึกว่ามึงจะซิ่วเมียคนอื่น”
 
 
“ซิ่ว พ่อ ซิ่ว แม่มึงดิ รีบขี้ให้เสร็จ ไอ้ห่าราก”
 
 
“ว่าแต่มึงทำไมรีบมาหากูจังวะ นี่มันเพิ่งบ่าย 2”
 
 
“พอดีกูสับรางว่ะ เลยหนีมาอยู่กับมึง เนี่ยข้าวก็ไม่ได้แดก ทำให้แดกหน่อยดิอะไรก็ได้”
 
เนี่ยนะ ไอ้พวกหน้าตาดีส่วนสูงเป๊ะ แม่งมีสาวไม่เว้นแต่ละวันจนตัวเองสับรางแทบไม่ได้
 
 
“พ่อง กูไม่ใช่คนใช้ หาแดกเอาเองไป”
 
 
“นะมึงนะ กูแสบท้องแล้ว ทำให้กูกินหน่อย ไข่เจียวก็ได้”
 
โว๊ะ ยิ่งเป็นคนแพ้คำขอร้องอยู่ ทำให้หน่อยก็ได้ไข่เจียวก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่
 
 
“เอาไข่กี่ฟอง”
 
 
“อืม… 5 ฟองได้ปะ เดี๋ยวกูจ่ายตังค่าไข่”
 
 
“พ่อง 5 ฟอง คนหรือควายแดก”
 

“คนเนี่ยล่ะ บ่นจังงง”
 
 
“เออๆ ไม่ต้องจ่ายหรอกตังอะ”
 
แล้วแม่งยังขี้ไม่เสร็จอีกหรอวะ
 
 
“กูอาบน้ำห้องมึงเลยนะ พอดีกูรีบ เลยเปลี่ยนเสื้อผ้ามาอย่างเดียว”
 
 
“เออ”
 
แม่งคงรีบหนีหญิงจนไม่มีเวลาอาบน้ำทำห่าอะไร ขอให้แม่งสักวันโดนเข้ากับตัวเองบ้างเหอะ จะว่าไปพอผมทำกับข้าว ไอ้ภาพเมื่อคืนวันศุกร์แม่งโผล่มากระแทกสมองผมอีกแล้ว ทั้งเจ็บตา ทั้งมีดบาด พาสเตอร์ที่แม่งแปะให้ยังไม่เอาออกเลย
 
 
“ยิ้มเหี้ยไร”
 
ไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เล่นซะภาพที่นึกอยู่ระเบิดตู้มหายไปอย่างไร้ทิศทาง
 
 
“ไอ้เหี้ยกี้ แก้ผ้าหาพ่อมึงหรอ”
 
 
“เอ้า ก็กูจะเอาผ้าเช็ดตัวกู”
 
แม่งออกมาแบบไม่เหลือชิ้นส่วนอะไรปิดบังร่างกายมันเลยสักชิ้น
 
 
“เชี้ย บอกกูก็ได้กูหยิบให้”
 
แล้วมันก็เดินเข้าห้องนอนผมไปหยิบผ้าเช็ดตัวของมันที่เอาไว้ห้องผม มันมาบ่อยครับ บ่อยจนเกือบจะเป็นรูมเมทผมได้เลย
 
 
“ก็กูให้มึงทำกับข้าวให้กู กูใช้มึงอีกกูก็เกรงใจปะ ผ้าเช็ดตัวกูอยู่ไหนวะ”
 
เสียงมันตะโกนผ่านประตูห้องนอนผมมา
 
 
“อยู่ในตู้ไงฝั่งซ้ายอะ”
 
 
“ไหนวะ กูเจอแต่ของมึง มาหยิบดิ๊”
 
 
“พ่อง เอาของกูไปก่อนก็ได้”
 
เรื่องไรจะเข้าไปเห็นไอ้ดกดำนั้น เห็นแล้วจะอ้วก
 
 
“กลิ่นหอมว่ะ”
 
มันเดินมาดู ไข่เจียวที่ถูกเทลงไปในกะทะที่ฟูเกือบจะล้นกะทะ ก็แม่งเล่นเอา 5 ฟอง ผมก็ดันบ้าจี้ใส่เข้าไปทีเดียว
 
 
“เออ รีบไปอาบน้ำ รีบมาแดก สัส นี้แค่มึงกับกูอาบน้ำด้วยกันตอนรับน้องใช้ว่ามึงจะมาแก้ผ้าล่อนจ้อนในห้องกูได้นะ”
 
 
“เออ โทษทีว่ะ กูชินจากที่สนามอะ ปกติพวกนักบอลแม่งก็อาบกันไม่อายห่าอะไรอยู่ละ”
 
“หึ”
 
ผมส่ายหน้าขำในลำคอกับวิถีนักฟุตบอลของมัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“อะ แดกซะ”
 
ผมเชื้อเชิญไอ้เพื่อนมหากาฟหน้าด้านมหาประลัยให้กินข้าว
 
 
“หูย น่ากินว่ะ ขอบใจนะเพื่อนเลิฟ”
 
มันไม่ได้มาแค่คำพูด แม่งโถมเข้ามาจะจูบแก้มผม จากมุมนี้แม่งโคตรจะอ้วกเลย
 
 
“หยุดเลย ไอ้กี้ ไม่ต้องมาขอบใจกู เชี้ยยยยย เดี๋ยวกูเตะไข่ยับ”
 
แล้วมันก็ลงไปนั่งกับโต๊ะเพื่อที่จะเริ่มกินข้าวได้สักที
 
 
“กูก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเพื่อนกูทำกับข้าวเก่ง ขนาดไข่เจียวยังอร่อยเลย”
 
มันแน่นอนอยู่แล้วครับ แม่ผมทำกับข้าวเก่ง ผมที่ตัวติดอยู่กับแม่ในครัวก็ต้องได้อะไรมาบ้าง
 
 
“กูว่าไม่ต้องเรียนหรอกออกบงออกแบบอะ ทำกับข้าวขายดีกว่า เชื่อกูรวย อย่างน้อยๆก็มีกูและเป็นลูกค้าประจำ”
 
 
“หรอออออ มีมึงเป็นลูกค้าประจำ ถุ้ย กูได้เจ๊งพอดี แค่ข้าวไข่เจียวจานเดียวก็ล่อไปละ 5 ฟอง”
 
แล้วมันก็ขำน้อยๆ ก่อนจะเคี้ยวข้าวเต็มปาก
 
 
“เออ มึงถ้ามีผู้หญิงที่มึงรักพิสูจน์ความรักด้วยการจูบผู้ชาย เพื่อจะดูว่ามึงยังรักเขาอยู่ไหม มึงจะรู้สึกยังไงวะ”
 
 
“โกรธ”
 
 
“แค่นั้นหรอ”
 
 
“ต่อย”
 
 
“ต่อยผู้หญิงเลยหรอวะ”
 
 
“บ้านมึงดิ ต่อยผู้ชายที่จูบแฟนกูดิ”
 
 
“แล้วมึงจะให้อภัยเขาไหม?”
 
 
“กูว่าก็ไม่แน่นะ ต้องดูก่อนว่ากูรักเขาขนาดขาดไม่ได้รึเปล่า”
 
 
“ทำไมวะ”
 
 
“ก็แหม มึงเป็นเพื่อนกูมาพักนึงแล้วนะ มึงน่าจะรู้ว่ากูเป็นคนยังไง”
 
(แล้วยังไงล่ะเห้ย)
 
 
“เห็นกูเล่นๆกับผู้หญิงไปวันๆงี้ จริงๆกูก็อยากจะหยุดอยู่กับใครสักคนนะ ถ้าเจอคนที่ใช่กูก็พร้อมจะหยุด”
 
(ผมเงียบฟังมันดูมีสาระ)
 
 
“แต่ถ้าเป็นแค่คนที่ใช่ทำแบบนั้นกับกู กูก็เทว่ะ ก็มันยังไม่ใช่คนที่กูรักนี่”
 
“ว่าแต่… มึงถามกูทำไม”
 
 
“เปล่า กูแค่อยากรู้ว่า คนที่ชอบสับร่างอย่างมึงเจอแบบนั้นบ้างจะเป็นยังไง”
 
 
“เจ็บดิวะ กูก็คน”
 
 
“แล้วทำไมมึงยัง พาสาวมานอนไม่เว้นแต่ละวันเลยวะ”
 
 
“อ่าววว ไอ้นี้ เขาเสนอมาเอง กูก็ต้องสนอง ไม่งั้นเสียน้ำใจแย่”
 
ตรรกะเชี้ยอะไรของแม่ง
 
 
“คนไม่เคยมีแฟนอย่างมึง ไม่เข้าใจหรอก”
 
……………
………….
……..
จุก!
 
จะไปเข้าใจได้ไงล่ะ
 
 
 
ที่เริ่มรู้สึกแปลกๆในใจ
 
 
 
ก็...
 
 
 
 
เพิ่งจะรู้สึก…
 
 
 
 
 
 
กับอาร์มเป็นครั้งแรก...
 
 
 
---------------------------
 
 
“การพิสูจน์ความรักก็เหมือนกับข้อสอบที่เราไม่ได้อ่าน ถึงจะเรียนรู้มันมาบ้างแต่ก็ไม่รู้หรอกว่าข้อสอบจะออกรักหรือเลิก”
 
 
 
 
Talk : พาร์ทนี้แม้อาร์มจะไม่โผล่มาเป็นตัวเป็นตน แต่ก็ออกมาเป็นภาพให้จิมเห็นอยู่บ่อยเลย 555/// คนเขียนแอบคิดว่า ถ้ากี้กับจิม จะได้กันมันก็จะดูดิบๆหน่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2017 02:48:37 โดย keywordz »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รออีก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทฤษฎีพิสูจน์รักแบบปอย ไม่น่าจะมีแฟนคนไหนยอมรับได้
มันเหมือนไม่เชื่อใจ ดูถูกน้ำใจ มันถึงเนื้อถึงตัวเกินไป
มีแต่แฟนกันที่ทำแบบนี้ ปอยเปลืองตัวเกินไปป่ะ
มีวิธีอื่นอีกเยอะนะ

จิม ก็แค่เห็นน้ำตาปอยก็รน ไปรับอาสาช่วยพูดเฉยเลย
เขาไม่เลิกร้องไห้ บอกก็แล้ว ก็ปลีกตัวก็ได้
ถ้าตอนหลังเกิดเป็นแฟนกับอาร์ม โดนปอยใส่ยับแน่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ เมื่อนั้นฝันว่า

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ


Chapter 07 : ตัดสินใจ
 

 
 
 
 
 
 
หลังจากวันเสาร์ที่ผมเฝ้ามองไอ้เตี้ยที่นอนหลับอย่างอร่อย (คนอะไรวะ หลับได้น่าอิจฉามากกกกก) มันทำให้ผมหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลยหลังจากกลับมาบ้าน เสียงที่ดังในหัวก็ยังไม่เงียบหาย เสียงที่เตี้ยมันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูเทคแคร์คนว่า “ฝันดีนะมึง” มันทำให้ผมเกือบจะกลั้นยิ้มไม่ได้ แอบคิดอยู่ว่าถ้าผมไม่แกล้งหลับผมคงไม่ได้ยินเตี้ยมันพูดแบบนั้นหรอก จริงๆแล้วคืนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะนอนห้องจิมแต่แรก แต่ไม่รู้ทำไมมันเหมือนมีตัวดีตัวร้ายมาทำให้ผมตัดสินใจไม่ถูกว่าจะนอนดีไหมตอนจิมถามผม แต่การนอนครั้งนี้ มันทำให้ผมแน่ใจขึ้นมาอีกว่า
 
 
 
ผมไม่ได้รู้สึกกับไอ้เตี้ยแค่เพื่อนแล้วล่ะ…
 
 
นั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจมากไปอีก ได้เป็นเพื่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้ามันรู้ว่าผมคิดกับมันมากกว่านั้น มันคงเกียดผมแน่ๆ ผู้ชายอะไรวะ โคตรขี้โกง ทำให้คนอย่างผมวุ่นวายใจแทบจะระเบิด… บางมุมเตี้ยแม่งก็น่าถนุถนอม บางมุมแม่งก็น่าแกล้ง โคตรเลย นี่ผมยังแปลกใจกับตัวเองอยู่นะว่า
 
(“นี่มึงจะไม่เครียดหน่อยหรอ มึงชอบผู้ชายนะเว้ย”)
 
ความเครียดจุดนี้มันไม่มีเลยยยย
 
แล้วมันยิ่งทำให้ผมอยากจะเข้าไปใกล้เพื่อพิสูจน์ใจตัวเองว่า
 
มันจริงใช่ไหม….
 
 
 
ที่ผมชอบไอ้ผู้ชายตัวเล็กคนนี้…
 
 
 
 
โชคดีวันนี้วันอาทิตย์ผมว่างมาก แต่ช่วงเย็นผมต้องไปงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนพี่รหัสผม เห็นบอกว่าอยู่ในชมรมดนตรีเดียวกันเลยชวนผมไปด้วยจะได้สนิทๆกันไว้
ก่อนไปงานพี่เขา… ขอแวะไปหาไอ้เตี้ยหน่อยละกัน แม่งไหนๆก็รู้ตัวเองแล้วว่า รู้สึกอะไร ตามใจตัวเองหน่อยคงไม่เสียหาย ในความที่ผมเป็นพวกเก็บรายละเอียด จำวันเกิดมันในบัตรประชาชนที่ผมขอดูวันแรกได้ จำได้แม้กระทั่งเบอร์ห้องและชั้น ตัดสินใจได้อย่างนั้นผมเลยรีบขับรถดิ่งไปหาเตี้ยทันที
 
 
 
 
 
 
“คนไม่เคยมีแฟนอย่างมึง ไม่เข้าใจหรอก”
 
 
ห่ะ เสียงใครในห้องจิม… ผมกำลังจะเดินเข้าใกล้ไปเคาะประตู ดีที่ได้ยินซะก่อน เหมือนจะเป็นอะไรดีๆที่ผมควรแอบฟัง (นี่ผมเสือกเรื่องคนอื่นอยู่รึเปล่าเนี่ย)
 
 
 
“เออ…”
 
ผมจำได้แม่นว่าเนี่ยละเสียงจิม แต่ทำไมมันเป็นเวอชั่นที่แผ่นเบาเหมือนจะนอยๆ นึกว่าจะพูดอะไรอีกมากมายแต่ก็เงียบไปสักพัก จะเคาะห้องเลยดีไหมนะ แต่แอบฟังดูก่อนละกัน อันที่จริงจากประโยคเมื่อกี้ ทำให้ใจผมรู้สึกชาไปชั่ววู้บ (ผมเข้าใจว่า คนที่คุยกับจิมอาจจะเป็นคนพิเศษ) แต่ก็ลืมไปว่าจิมเคยบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์นี่นา (เอ๊ะ หรือว่าไม่กล้าบอก)
 
 
 
“เห้ยจิม กูขอดูชีสอาจารย์กันหน่อยดิ”
 
เงียบ…
 
 
“จิม มึงได้ยินกูไหมเนี่ย ขอชีสอาจารย์กันหน่อย”
 
เงียบอีกแล้ว นี่ผมกลายเป็นคนอยากรู้อยากเห็นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ มาหนีบหูฟังผ่านประตูเขาเนี่ย
 
 
“เป็นไรวะ งอนกูหรอ?”
 
เสียงนี้มันคุ้นๆนะเหมือนเสียงเพื่อนจิมที่ผมเคยเจอในโรงอาหารคณะจิม แต่มีงอนกันด้วย… เชี้ยยย ตัวผมนี้ชาไปทั้งตัว
 
 
“มึงไม่เป็นกู มึงไม่รู้หรอก มึงคิดว่าคนอย่างกูจะมีคนมาชอบหรอ”
 
……
 
 
“ดูตัวมึงไอ้กี้ ดูหน้ามึง แล้วดูกู มึงคิดว่าผู้หญิงเขาจะมองใคร”
 
โธ่ เตี้ยผู้น่าสงสาร ไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วย (ทำไมผมถึงต้องยิ้มไม่รู้ ดีใจ?)
 
 
“เป็นเชี้ยอะไรของมึงขึ้นมาเนี่ย อยู่ๆมานอยอะไร”
 
…….
 
 
“จริงๆแล้ว มึงก็หน้าตาน่ารักเว้ย ถ้าไม่ติดว่ามึงเตี้ย บางทีกูอาจจะสู้ไม่ได้”
 
 
“ก็นั้นไง เพราะกูเตี้ยใครล่ะจะมาชอบกู”
 
(ถ้าผมเข้าไปแล้วบอกว่า “ผมนี้ไง” ผมจะโดนรองเท้าลอยเข้าหน้าผมไม่ไหมนะ)
 
 
“เหอะนาคนดีๆอย่างมึงเดี๋ยวก็เจอ เชื่อกูดิ บางที มึงอาจจะตั้งตัวไม่ทันเลยก็ได้”
 
ใช่ครับ กี้ ขนาดผมเองยังตั้งตัวไม่ถูกเลย
 
 
“เออๆ”
 
 
“แล้วชีสอาจารย์กันอยู่ไหนกูจะได้อ่าน”
 
 
“โต๊ะทำงานในห้องนอน”
 
เคาะเลยดีกว่า อยากเห็นหน้ามันตอนเจอหน้าผมจัง จะทำหน้าไงนะ (ผมแม่งโคตรบ้าจินตนาการไปก่อนแล้ว)
 
 
“ก๊อกๆๆๆๆ”
 
 
“แล้วไอ้เติ้ลเด็กบริหาร ผัวมึงอะ”
 
ชิบหายละ ผมดันเคาะประตูไปแล้ว… ใจจริงอยากฟังประโยคต่อจากนั้นซะหน่อยไม่น่าเลยผม
 
 
“ผัวพ่อง อ้าวอาร์ม มาไงวะ”
 
หน้าไอ้เตี้ยโคตรอึ้ง ตาโต น่ารักสัด… (น่ารักจนต้องพูดคำหยาบเลยผม) มันต้องคิดว่าผมได้ยินที่พูดกันเมื่อกี้แน่ๆ
 
“เอ่อ…”
 
 
“เข้ามาก่อนดิ”
 
โคตรดีใจเลย จิมเชื้อเชิญผมเข้าห้องด้วย ช่วงนี้ดูไม่ค่อยต่อต้านผมเหมือนตอนแรกๆที่เจอกัน แต่ขอแอคหน่อยละกัน เล่นตัวบ้างจะได้รู้ว่าเขาก็อยากให้เราอยู่
 
 
“อ่อ ไม่เป็นไร รู้สึกเหมือนจิมมีแขกใช่เปล่า อาร์มไม่กวนดีกว่า”
 
แล้วผมก็ทำท่าโบกมือลาก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป…
 
 
จิมจับแขนผมให้หยุดนิ่ง… (ที่หยุดนิ่งไม่ใช่เพราะว่าจิมทำเพื่อให้ผมหยุด แต่ผมหยุดเพราะมือนิ่มๆของมัน… ผมนี่รวนไปทั้งตัว)
 
 
“ไหนๆ มึงก็มาแล้วเข้ามาก่อนดิ แล้วอีกอย่างนั้นก็ไม่ใช่แขก ไอ้กี้ไงที่เจอกันที่โรงอาหารคณะกูอะ”
 
ผมสนใจแต่ประโยคที่ว่า เข้ามาก่อนดิ เท่านั้นเองที่เหลือไม่ได้ฟังเลย (ใจเต้นว่ะ) จะไม่ใจเต้นได้ไงล่ะ จิมมันดึงผมเข้าห้อง ภาพแม่งโคตรเหมือนภรรยาดึงสามีที่เพิ่งกลับบ้านมาเข้าห้องตัวเองอย่างนั้นเลย (เดี๋ยวก่อนนนน แล้วผมจะคิดไกลอะไรเบอร์นั้น)
 
“ใครมาวะมึง”
 
กี้ออกมาจากห้องนอนจิม ทำให้ไอ้ฉากที่ผมคิดเมื่อกี้หายไปหมด (เสียอารมณ์)
 
 
“เอ้า ไงเติ้ล มาได้ไงวะ แหมอย่างกับผี นินทาปุ๊บมาปั๊บ”
 
กี้ครับ อย่ากวนตีน
 
 
“พอดีผมผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหาจิมหน่อย”
 
 
“เอ้า แล้วเติ้ลมันรู้ได้ไง ว่ามึงอยู่ที่ไหน หรือว่า…”
 
ไม่ใช่ละกี้ คิดไกลไปละ
 
 
“อ๋อออ เมื่อวันศุกร์มันมาส่งกูอะ ตอนที่กูไปซื้อของขวัญให้พี่บาสไง”
 
ทำไมไม่บอกไปล่ะ ว่าผมไม่ได้แค่มาส่ง มานอนด้วยแถมได้กินข้าวอร่อยๆอีกต่างหาก
 
 
“แต่มึงก็จำเก่งเนอะ มาครั้งเดียวจำได้แม่นเลย”
 
แน่นอนอยู่แล้ว มันก็ต้องเก็บรายละเอียดกันหน่อยดิ นี่คนที่ผมรู้สึกพิเศษมากกว่าคำว่าเพื่อนนะ
 
 
“แน่นอน เก่งอยู่แล้ว”
 
ผมยักคิ้วใส่จิมแบบกวนๆ แต่ไอ้การส่ายหน้าแล้วยิ้มเนี่ย โว๊ะ… เดินหนีไปนั่งโซฟาละ
 
“เออๆ จิม กูยืมห้องนอนมึงอ่านชีสจารย์กันก่อนนะ”
 
 
“ตามบาย”
 
แล้วกี้ก็เดินเข้าห้องปิดประตูไป
 
 
“แล้วนี่เย็นนี้ ว่างเปล่า ผมว่าจะชวนจิมไปงานวันเกิดเพื่อนพี่ผม พอดียังไม่ค่อยสนิทมาก เลยกลัวเกร็งๆ อยากให้จิมไปด้วย”
 
 
“เย็นนี้ มีไปงานวันเกิดพี่รหัสเหมือนกันว่ะ โทษที คราวหน้าเนอะ”
 
โห… แค่มีโอกาสคราวหน้าก็ดีใจจนเกือบกลั้นยิ้มไม่ได้
 
 
“อ่อครับ คราวหน้านะ…”
 
ผมเน้นย้ำให้ชัวร์
 
 
“แล้วจะยืนตรงนั้นอีกนานไหม ไม่เมื่อยไง มานั่งดิ”
 
จิมชักชวนผมให้ไปนั่งโซฟาเดียวกับจิม
 
 
“เล่นเกมเปล่า อะเนี่ยเล่นค้างไว้กับไอ้กี้”
 
เล่นค้างไว้กับกี้… แต่ทำไมเกมเพิ่งเปิด
 
 
“มาดิ นี่ก็อีกนานกว่าจะถึงเวลา จิมแพ้ผมแล้วอย่ามาร้องนะ”
 
 
“ไม่กลัวอยู่แล้ว”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เออ อาร์ม ให้กูเรียกมึงว่าเติ้ลแบบคนอื่นก็ได้นะเว้ย พอกูเรียกไม่เหมือนคนอื่น มันแปลกๆว่ะ”
 
แปลกสิดี ก็เป็นชื่อที่พิเศษกว่าคนอื่นนี่
 
 
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็เรียกแต่แรกแล้ว ก็เรียกไปดิ อาร์มเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกซักหน่อย”
 
 
“เคๆๆ”
 
 
จิมมันก็เล่นเกมเก่งนะเนี่ย ขนาดเกม street fighter เป็นเกมถนัดผม ผมยังล้มจิมยากเลย แต่ผมไม่ยอมหรอกต้องให้ผมเห็นหน้าไอ้เตี้ยตอนแพ้ก่อน
 
 
“เมื่อเช้ากูเจอปอยด้วย”
 
เท่านั้นล่ะ… ผมชะงักไปช่วงนึง ทำให้เสียจังหวะแพ้ซะเอง ที่ผมชะงักมันไม่ใช่ว่าผมยังรู้สึกอะไรแบบนั้นกับปอย แต่ที่ชะงักเพราะผมพอจะเดาออกว่าปอย มาพูดอะไรกับจิม ผมจะไม่รู้ได้ไง… เคยเป็นเพื่อนม.ปลายกันมาก่อนนะ
 
 
“เยส!! ชนะเว้ย…”
 
ผมยังไม่ทันหันไปเห็นหน้าไอ้เตี้ยดีใจเลย ไอ้เตี้ยมันก็หันมาเห็นหน้าเซ็งๆของผมแล้ว
 
 
“....”
 
 
“เอ่อ… กูขอโทษ งั้นรอบนี้ไม่นับๆ ถือว่ากูโกงละกัน”
 
 
“....”
 
ผมเงียบไม่ใช่เพราะแกล้งหรืออะไร แต่ผมกำลังคิด..ว่า ทำไมปอยถึงต้องมายุ่งกับจิม… แค่ลำพังให้เพื่อนผมมาช่วยพูดขอคืนดี พวกมันก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้ว
 
 
“มึงกูขอโทษ กูไม่รู้อะ ขอโทษนะ นะๆๆๆๆ”
 
 
“(เชี้ย… หน้าไอ้เตี้ยแม่งน่ารัก… เสียงอ้อนของมัน… เชี้ยแล้วไง ชิบหายละ กูต้องไม่ยิ้ม กูต้องไม่ยิ้ม ไอ้สัด กูหน้าแดงอยู่เปล่าวะ)”
 
เสียงในใจผมที่มันดังก้อง ยิ่งพยายามนิ่งเพื่อกดอารมณ์ตัวเอง ไอ้เตี้ยก็ยิ่งหันมาเขย่าอ้อนผมไม่หยุด (ถ้าไม่ติดว่ากลัวจิมจะรู้ตัวว่าผมรู้สึกยังไง ผมยังอยากให้จิมอ้อนแบบนี้อยู่นานๆเลย)
 
 
“ไม่เป็นไรๆ แล้วปอยว่าไงบ้าง”
 
 
“เอ่อ… มึงจะให้กูพูดจริงๆหรอ”
 
 
“จริง อย่าคิดมากดิ พูดมาเลยครับ”
 
 
“เขาแค่อยากลองใจมึงว่า รักเขาไหม เขาไม่คิดว่ามึง
จะโกรธเขาถึงขั้นเลิกกัน”
 
 
“....”
 
(ทำไมต้องเที่ยวเอาเรื่องของตัวเองไปบอกคนอื่นนะ ตัวเองก็เป็นผู้หญิงมีแต่จะเสียหาย)
 
 
“เขาร้องไห้อะ กูไม่รู้จะทำไง เลยบอกว่าจะช่วยพูดให้ กูก็เข้าใจนะที่ปอยทำก็ไม่ถูกหรอก…”


จิมเงียบไปพักนึก เพื่อดูทีท่าคิ้วขมวดของผม… (ทำไมเตี้ยต้องบอกว่าจะช่วยพูด ไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอครับเตี้ย)
 
 
“แต่เขาทำเพราะรักมึงไม่ใช่หรอวะ คอยๆคุยกันดีๆดิ อย่าเพิ่งเลิกกันเลย”
 
แม่ง… อยู่ๆผมก็หัวร้อนกับไอ้คำพูดนี้ ไม่รู้ว่าเพราะมันออกจากปากที่ผมแอบชอบหรือเพราะอะไรซักอย่าง ถ้าคนอื่นพูดผมอาจจะไม่หัวร้อนก็ได้
 
 
“มึง!! คนรักกันต้องทำให้อีกคนนึงเจ็บเพื่อพิสูจความรักหรอวะ กูว่าไม่แฟร์”
 
ชิบหายละ ผมตะคอกใส่ไอ้เตี้ย… เชี้ยเอ้ย ฟิลหลุดเฉย (แล้วดูมันดิตกใจ ทำหน้าตากลัวผมใหญ่ แม่งน่ารักว่ะ)
 
 
เห้ย ไอ้เตี้ยทำผมเปลี่ยนฟิลไวจังวะ
 
 
 
“เอ่อ… เออ กูก็เข้าใจว่ามึงเจ็บแหละ ผู้หญิงเขาก็สำนึกผิดแล้ว ไม่คิดให้อภัยเขาหน่อยหรอ แต่ทำไมมึงต้องตะคอกกูด้วยอะ กูขอโทษ”
 
พอแล้วจิม… (มึงต้องไม่มองหน้ามันอาร์ม… มึงต้องหันไปที่อื่น)
 
 
“ผมให้อภัยแล้วจิม ก็เลยให้เป็นเพื่อนไง ถ้าไม่ให้อภัย ผมคงตัดเขาจากชีวิตผมแล้ว”
 
 
“...”
 
จิมหยุดฟังที่ผมพูด
 
 
“จิมเข้าใจผมใช่ไหมครับ”
 
 
“อืม…”
 
 
“งั้นกินเค้กไหม พอดีแม่ซื้อมาให้ คิดว่ากินไม่หมด”
 
จิมชักชวนผมด้วยน้ำเสียงใหม่อีกแล้ว เสียงใสขึ้นหน่อยเพื่อเปลี่ยนเรื่องให้ผมไม่คิดมาก กะแล้วเชียวว่าปอยต้องพูดแบบนั้น…
 
 
“เอาาาาา”
 
ผมคงต้องช่วยจิมเปลี่ยนบรรยากาศเครียดๆในห้องแล้วล่ะ แล้วจิมก็ยื่นเค้กกับจานมาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา แต่ไม่มีช้อน จะกินไงห่ะ ไอ้เตี้ย
 
 
“ไหนช้อน ขอช้อนด้วยครับบบ”
 
 
“หยิบเองดิวะ”
 
แหนะ บ่นให้หยิบเองทำหน้ายู้ยี้ทำปากงึมงำๆ แต่ก็เดินไปหยิบให้เนี่ยนะ
(น่าฟัดชิบหาย)
 
 
 
ระหว่างกินเค้กกับเล่นเกมไปด้วย จิมมันบ่นไม่หยุดว่าเอาชนะผมไม่ได้สักที แต่ก็ไม่เห็นท่าทีจะยอมแพ้ ขอสู้อีกหลายต่อหลายรอบ (ใจสู้ชะมัด)
 
 
“แปบๆ ขอกินก่อน”
 
ผมขอหยุดเกมเพื่อพักกินเค้ก… เลยนึกพิเรนท์ป้อนเค้กจิมซักหน่อย
 
 
“เห้ย ทำไร ไม่เอาไม่กิน”
 
 
“กินหน่อย ของจิมนะ อาร์มเกรงใจให้อาร์มกินอยู่คนเดียว”
 
แม่งยอมให้ผมป้อนด้วย เชี้ยเอ๊ยยย ปากเล็กๆนั้น... เปลื้อนเค้ก (ขอลองไปเช็ดด้วยปากตัวเองได้ไหม ถ้าแค่การเลียปากจะทำดาเมจใส่ผมแรงขนาดนี้) นี่ถ้ามีหลอดเลือดแบบในเกมนะ ผมว่าเลือดผมหมดหลอดไปหลายหลอดแล้ว
 
 
“ยังไม่หมดเลย มานี่”
 
ผมหยิบทิชชู่บนโต๊ะมาจะเช็ดให้มัน
 
 
“ทำไร กูเช็ดเอง”
 
 
“ไม่ต้อง นิ่งๆ…”
 
ผมปัดมือไอ้เตี้ยที่จะมาห้ามผมไม่ให้เช็ดให้ (อยู่ๆ มึงก็มาสายขืนใจนะไอ้อาร์ม)
 
 
“เยส กูชนะ”
 
แล้วไอ้เตี้ยก็ลุกขึ้นกระโดดบนโซฟา แม่งทำผมงงชิบ โกงผมตอนทีเผลอ ยังจะดีใจอีก ต๊องชิบ แล้วมันก็นั่งกินเค้กต่อ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดีใจที่ชนะผม
 
 
“เห้ย แล้วนี่มึงไปงานกี่โมงอาร์ม”
 
 
“อ้าว ลืมเลย นี่กะจะอยู่กับจิมยาวเลยนะเนี่ย”
 
จริง อยู่กับไอ้เตี้ย เวลาแม่งเดินไวมาก ผมยังไม่อยากไปไหนเลย
 
 
“บ้า กูก็ต้องไปงานวันเกิดพี่รหัสกู”
 
 
“จริงด้วย ให้ผมไปส่งเปล่า”
 
 
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูไปกับกี้อะ ไปอาบน้ำก่อนนะ เค้กอะกินให้หมดเลยก็ได้ เหลือเดี๋ยวก็เสีย”
 
จิมว่างั้นก็เดินเข้าห้องไป แล้วเดินออกมาพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ
 
 
สักพักกี้ก็เดินตามออกมา
 
 
“เอ้ย เติ้ล ทำไรอยู่วะ เล่นเกมอยู่หรอ มา กูเล่นด้วย”
 
 
“จัดมากี้ แพ้อย่าร้อง”
 
 
“อย่างกูนะแพ้ ไอ้จิมแพ้กูตลอด เตรียมแพ้ได้เลยมึง”
 
“จัดไป”
 
 
แล้วผมก็กับกี้ก็ฟาดฟันกันในเกม จู่ๆ… กี้มันก็หยุดเกมเฉย
 
 
“มึงคิดอะไรกับเพื่อนกูเปล่า”
 
 
“...”
 
เชี้ยยยยย กี้ยิงตรงแบบนี้ มันรู้ได้ไงวะ
 
 
“เปล่า ก็เพื่อนกัน บ้าหรอ”
 
 
“แน่ใจ มึงอย่าโกหก”
 
เอาไงดีล่ะ… กี้ต้องเอาไปพูดกับจิมแน่ๆ
 
 
“จริงๆ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”
 
จิ๊ดในใจชิบ… ดีที่จิมเปิดเพลงในห้องน้ำ คงไม่ได้ยินบทสนทนาเราสองคน
 
 
“เออๆ ช่างแม่ง”
 
แล้วกี้ก็กดเริ่มเกมต่อ… แต่ผมแทบจะไม่มีสมาธิเลย กี้มันรู้ว่าผมโกหกแน่ๆ ก็พฤติกรรมรนๆของผม มันคงดูออกไม่ยากมากหรอก เอาไงดีวะ ชอบก็ชอบอยู่หรอก แต่ถ้าเขาไม่ชอบตอบขึ้นมา เขาจะเกียดผมอะสิ สุดท้ายผมก็ไม่ได้เจอมันอีก แต่ถ้าไม่เริ่มทำอะไรสักอย่างมันก็ไม่ชัดเจนซักทาง แม่งเอ๊ยย ยากจังวะ ผมหยุดเกมที่เล่นกับกี้อีกครั้ง…
 
 
 
 
 
“ถ้าผมจะจีบเพื่อนกี้ล่ะ กี้จะว่าไง?”
 
 
 
………………………………
 
 
“ความลังเลเป็นจุดเริ่มของความไม่ชัดเจน”
 
 
 
 
 
 
 
Talk : เมื่อคืนวันเกิดเพื่อนเลยทำให้อัพช้า ขออภัยนะครับ/////

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด