► มหา'ลัยเดอะซีรีส์ ll ตอนที่ 20 เหลียงพีซ #นิเทศเทใจ (24.09.17) END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► มหา'ลัยเดอะซีรีส์ ll ตอนที่ 20 เหลียงพีซ #นิเทศเทใจ (24.09.17) END  (อ่าน 62614 ครั้ง)

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
โอ้ยย พึ่งได้มาอ่าน ดีทุกเรื่องเลย น่าไปแต่งเห็นเรื่องยาว ไม่น่ามีแค่ 2 ตอนเลย
ฮืออออ
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ ANNEW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
[19]






คุณมีความลับไหมครับ?

หากตอบว่าไม่มีเลยก็คงไม่น่าเชื่อนัก เพราะคนเราต่างก็มีเรื่องที่อยากจะเก็บไว้ในใจไม่มากก็น้อย อาจจะเป็นเรื่องน่าอายสมัยยังเด็ก รักแรก หรือเรื่องใหญ่โตมหาศาลคล้ายในภาพยนต์แอคชั่นชั้นนำ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวระดับไหน หากขึ้นชื่อว่าความลับแล้ว ก็ต้องเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ใครมารับรู้ในช่วงเวลาอันใกล้นี่แน่ๆ

อย่างเช่นความลับของผม

 





ดนตรีจังหวะเมทัลทำนองดุดันพร้อมเสียงนักร้องนำที่กำลังตะเบ็งเสียงสุดชีวิตดังลอดออกมาจากห้องซ้อม หากเป็นยามปกติก็ดูจะไม่แปลกอะไรนักที่เมื่อเดินผ่านแล้วจะได้ยินอะไรทำนองนี้ แต่กับเวลาเก้าโมงเช้า และทั้งมหาวิทยาลัยกำลังเริ่มการเรียนการสอนกันแล้วนั้น มันไม่ใช่เรื่องปกติและสมควรเลยแม้แต่น้อย

ผมเหลือบมองเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างกันและอาจารย์ฝ่ายบริหารที่ทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่ผู้มีวัยวุฒิที่สุดในกลุ่มเราจะเลื่อนประตูให้เปิดออก เสียงเพลงหนักจนปวดหูดังลั่นทำเอาผมต้องเบ้หน้าพร้อมปิดหูไปด้วย

“หยุดเสียงเพลงพวกนี้เดี๋ยวนี้เลยนักศึกษา!”

 เป็นเรื่องยากที่เสียงคนจะสู้กับเสียงดนตรี แต่เพราะนักร้องนำที่กำลังแหกปากเห็นอาจารย์เสียมากกว่าเขาถึงได้ทำไม้ทำมือให้เพื่อนหยุดมือลง  หากก็ยังทำสีหน้าเหมือนไม่ได้สำนึกว่าตัวเองได้ทำอะไรผิดไป

“พวกคุณไม่มีเรียนกันหรือยังไง?”

“มีเรียนบ่ายอย่างเดียวครับ”

“แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาซ้อมดนตรีกันเวลานี้มั้ย? คณะอื่นเขาเรียนกันอยู่ เสียงเพลงของพวกคุณมันไปรบกวนเขา”

เสียงปรามของอาจารย์ไม่เข้าหูผมเท่าไหร่นักด้วยรู้อยู่แล้วว่าคงเป็นประโยคเดิมๆ เช่นที่เคยเป็นมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และไม่แปลกหรอกที่หัวหน้าแก๊งค์เด็กนิเทศซึ่งยึดเอาห้องซ้อมนี้เป็นแหล่งกบดานจะมองผมด้วยดวงตาถมึงทึงอย่างนั้น เพราะเจอกันในห้องนี้ทีไรก็เพราะผมตามอาจารย์มาหาเขาด้วยนั่นแหละ

“หึ พวกขี้ฟ้องก็ยังขี้ฟ้องอยู่วันยันค่ำ”

มาแล้วไงประโยคกวนประสาท ผมมองคนพูดอย่างไม่หลบสายตา

“เขาไม่ได้ฟ้องอะไร แต่มีคนร้องเรียนเข้ามาหลายครั้งแล้วต่างหาก”

“เหอะ”

“เก็บของของพวกคุณแล้วไปรอเวลาเข้าเรียน อีกสิบนาทีอาจารย์จะมาดูใหม่ เข้าใจไหม?”

แม้จะทำหน้าเซ็งจัดแต่ทั้งสามคนก็พยักหน้าแกร่นๆ ท่าทางของพวกเขาคงดูไม่น่าเชื่อถือมากถึงขนาดที่อาจารย์ต้องหันมาไหว้วานพวกผมด้วย

“กฤติ พีซ รบกวนด้วยนะ เสร็จแล้วไปตามอาจารย์ด้วย”

“ครับ”

ยกมือไหว้แทนคำลาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้กลุ่มเด็กต่างคณะที่เริ่มออกปากบ่นไปด้วย เก็บอุปกรณ์ของเขาไปด้วย ทว่าเมื่อจะยื่นมือไปช่วยรวบสายไมค์ให้ก็โดนแย่งออกจากมือไปเสียก่อน

“คุณประธานไม่ต้องลดตัวลงมาทำอะไรพวกนี้หรอกครับ เดี๋ยวพวกกระผมทำให้เอง”

กวนประสาท คือคำที่ผมมีให้กับคนๆ นี้ ไม่ว่าจะเจอกันทีไรก็โดนพ่นคำพูดแย่ๆ ใส่อยู่ตลอด มันน่าหงุดหงิดนะ ทั้งที่เขาเองแท้ๆ ที่ทำให้ตัวเองเจอสถานการณ์แบบนี้

“...อาจารย์ให้ช่วย”

“เอาหน้าว่ะ”

“เฮ้ย พูดดีๆ ก็ได้มั้ง พวกเราก็ไม่ได้อยากมายุ่งหรอกถ้าไม่มีคนเขียนร้องเรียนไปถึงสโมสร”

และก็เป็นอีกครั้งที่กฤติต้องออกโรงกู้หน้าให้ เพื่อนผมคนนี้เป็นประเภทใจร้อน กล้าได้กล้าเสีย เคยเตือนอยู่บ่อยๆ ว่าอย่าพยายามไปมีเรื่องกับใครเขาด้วยหน้าที่และตำแหน่งที่ค้ำคออยู่ เวลาโดนลงโทษก็จะโดนหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเป็นเท่าตัว

“เป็นประธานนักศึกษาแต่ต้องให้ลูกไล่ออกหน้าให้เหรอ?”

“อย่าเรียกเขาแบบนั้น รีบเก็บของรีบไปเถอะครับ พวกคุณน่ะ”

เจอก่อกวนมากๆ เข้าก็ใช่ว่าผมจะยอมใคร จากที่ตั้งใจจะช่วยก็เปลี่ยนเป็นยืนกอดอกมองพวกเขาแทน ไม่รู้หรอกนะว่าคนกลุ่มนี้มาเจอกันได้ยังไง เพราะมือกลองกับมือเบสที่มักเจอกันในเวลาแบบนี้ไม่เห็นจะปากเสียเหมือนนักร้องนำเอาเสียเลย

“แล้วเจอกันคุณประธาน อย่าลืมเซ็นเอกสารขอแสดงกิจกรรมของคณะนิเทศด้วยล่ะ”

“ผมต้องขออ่านก่อนครับ”

ฟังคำตอบผมแล้วเขาก็ยักไหล่คล้ายกับไม่สนใจนัก ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่สาวๆ มาเห็นคงรีบเสนอตัวเข้าหามาให้แล้วเดินเกาะกลุ่มไปกับเพื่อนๆ ไม่วายหันมาขยิบตาใส่ผมเสียอีก กวนประสาท...

แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่เขาสมกับเป็นเด็กของคณะที่รวมคนหน้าตาดีเอาไว้จริงๆ นั่นแหละ 

“นิสัยแย่เสมอต้นเสมอปลายจังวะ”

“...ช่างเถอะ เสร็จเรื่องแล้วไปตามอาจารย์กัน”





 

“เห็นโปสเตอร์ยัง กลุ่มพี่เหลียงเดือนนิเทศจะขึ้นแสดงงานเฟรชชี่ด้วย”

ข้อมูลที่ผมได้รับมาอย่างไม่ตั้งใจตอนต่อแถวซื้อข้าวกลางวันในโรงอาหารชวนให้ต้องมุ่นคิ้วใส่ด้วยความสงสัย ยังอีกสักพักใหญ่ที่ทางมหาวิทยาลัยจะให้ประกาศเรื่องการแสดงของแต่ละคณะ แถมเอกสารที่มียังไม่เสร็จสิ้นเสียด้วยซ้ำ แล้วรุ่นน้องพวกนี้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนกัน?

แต่ไม่ต้องสืบหาให้เสียเวลา เพียงแค่เดินผ่านบอร์ดกระจายข่าวของมหาวิทยาลัยที่อยู่หน้าโรงอาหารเท่านั้นผมก็ได้คำตอบแล้ว เพราะโปสเตอร์ทำมือขนาดไซส์เอสาม แป่นใหญ่ยักษ์ปิดทับเอกสารประกาศอื่นๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยติดเอาไว้ก่อนจนไม่เหลือให้ได้อ่าน บนโปสเตอร์นั้นมีภาพวาดสีน้ำสีสวยงาม แถมลงชื่อแน่ชัดแล้วว่าเป็นของคณะนิเทศที่ทำเพื่อโปรโมทวงดนตรีประจำคณะ ไม่ต้องเดาห็รู้ว่าเป็นวงของใคร... ก็คนที่พวกผมไปไล่ที่ซ้อมเมื่อไม่กี่วันก่อนนั่นแหละ

“ชอบโปสเตอร์ไหมคุณประธาน?”

เกือบทำจานข้าวในมือร่วง หันไปมองก็พบกับคนที่เพิ่งคิดถึงยืนอยู่ข้างๆ เขาพยักเพยิกไปทางโปสเตอร์ที่ติดอยู่แล้วยักคิ้วมาให้

“มันปิดทับประกาศอื่นหมดเลยนะ”

“ก็มันไม่มีที่ติด เลยต้องแปะทับๆ ไป”

“อาจารย์ยังไม่ได้ตกลงเรื่องการแสดงงานรับน้องด้วย”

“ก็ได้มาตลอดทุกปี ยังไงปีนี้ก็ต้องได้อยู่แล้ว”

โดนเข้าไปขนาดนี้ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เลยได้แต่กระพริบตามองคนตรงหน้าที่ทำเหมือนตัวเองไม่ได้เพิ่งละเมิดกฎของมหาวิทยาลัยเป็นข้อที่ร้อย

“...เอาออกแล้วค่อยมาติดช่วงใกล้ๆ เถอะ ไม่งั้นก็โดนดึงออกอยู่ดี”

“ประธานจะทำหรือไง?”

“ถ้าไม่ใช่ผม ก็ต้องมีคนมาเอาออกอยู่ดี”

ฟังคำผมแล้วเขาก็ไม่แสดงทีท่าอะไรนอกจากไหวไหล่แล้วยื่นมือมาจิ๊กหมูกรอบในจานผมไปเข้าปากตัวเองเสียเฉยๆ ได้ยินใครไม่รู้กรีดร้องจากที่ไม่ไกลนัก ขนาดกินหมูกรอบยังต้องกรี๊ดอีก?

“แล้วเจอกันคุณประธาน”

ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วก็เดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนๆ ที่รออยู่ที่โต๊ะไม่ไกลกันนัก ส่วนผมก็ได้แต่มองโปสเตอร์ตรงหน้าด้วยความหนักใจ สงสัยต้องโยนงานง่ายๆ อย่างมาเอาโปสเตอร์ออกให้ทีมคนอื่นทำแทนแล้วล่ะ





 

ชีวิตการเป็นประธานนักศึกษามันเป็นยังไงน่ะเหรอครับ?

โคตรยุ่ง โคตรวุ่นวาย แทนที่จะเอาเวลาไปเรียนหรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ กลับต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งทำงานเอกสารเป็นลูกมือให้อาจารย์ไงล่ะ

“เอกสารล็อตใหม่มาแล้วเพื่อน”

เอกสารตั้งใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับเสียงของคนที่ยกมาให้ ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าเป็นเอกสารสำหรับงานรับน้องรอบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ในที่สุดมหาวิทยาลัยก็ให้ส่งความจำนงของแต่ละคณะมาเสียที และทีมงานของผมก็กระตือรือร้นจะดำเนินงานกันเหลือเกิน ไม่เหมือนช่วงที่ต้องจัดการเรื่องสอบเอาเสียเลย

“นี่คืออ่านมาแล้ว?”

“หึ ยังไม่ได้อ่านเลย รวบรวมได้ก็เอามาให้เลยล่ะ”

คำตอบของเพื่อนร่วมสถาบันพ่วงตำแหน่งรองประธานสโมสรนักศึกษาทำให้ผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เป็นอีกครั้งที่ผมอยากจะเอาตั้งเอกสารทุ่มใส่หน้าเขาแต่ไม่สามารถทำได้เพราะจะผิดทั้งกฎของมหาวิทยาลัยและกฎหมายสากลในข้อหาทำร้ายร่างกาย

“เคยบอกแล้วนี่...”

“ให้อ่านเอกสารทั้งหมดที่ส่งมารอบนึงก่อนแล้วค่อยสรุปมาให้” นับว่าความจำของเขาก็ดีอยู่ ผมจึงเลิกคิ้วแล้วพยักเพยิกไปทางตั้งเอกสารที่เขายกเข้ามานั้น “ก็มันไม่ทันนี่หว่า เอกสารของทุกคณะแถมใบรับสมัครอะไรต่อมิอะไร แค่แยกมาให้ก็ควรขอบใจแล้วไหม”

“ลองมาเป็นคนที่ต้องอ่านทั้งเอกสารฝ่ายอาจารย์ทั้งฝ่ายนักศึกษาบ้างไหมล่ะ?”

“ไม่เอาล่ะ กฤติคนหล่อคนนี้ไปช่วยน้องจูนแบกของดีกว่า”

“เดี๋ยว งานคาอยู่นี่”

“นั่นงานประธานสโมต่างหาก สู้ๆ ล่ะไอ้พีซ”

นอกจากจะไม่มีความเห็นใจ ไม่สนใจหน้าที่ที่ควรจะเป็นของตัวเองแล้ว เพื่อนตัวดียังโบกมือลาทิ้งเสียงประตูปิดตามหลังไว้ สุดท้ายในห้องสโมสรนักศึกษาอันศักดิ์สิทธิ์เพราะไม่ค่อยมีคนอยากเข้ามาเท่าไหร่นักก็เหลือเพียงผมอยู่คนเดียว เหมือนเช่นที่เป็นประจำ

แค่หยิบกระดาษแผ่นบนสุดของตั้งมาอ่านก็ถอนหายใจแล้ว เอกสารการของบประมาณของคณะต่างๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยแบบสรุปรวม เห็นตัวเลขก็ปวดหัวแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอาเรื่องตัวเลขมาให้ผมแทนที่จะเอาไปให้ฝ่ายบัญชี นี่คือโลกแห่งความจริงนะครับไม่ใช่โลกในการ์ตูนญี่ปุ่นตาหวานที่จะให้ประธานสโมสรนักศึกษาเก่งไปหมดทุกอย่างขนาดนั้น

“ให้ตายเหอะ...”

สบถด้วยความไม่พอใจนักก่อนให้กำลังใจตัวเองด้วยการคิดถึงอาหารเย็นรสอร่อยที่ตั้งใจจะซื้อระหว่างทางกลับหอ ผมลงมืออ่านเอกสารแผ่นที่ค้างไว้ต่อ ตั้งใจแล้วว่าหลังจากเสร็จงานเก่าตรงนี้แล้วจะพอ ส่วนที่มาใหม่... กองไว้สักวันสองวันก็คงไม่เป็นอะไร ในเมื่อหน้าที่หลักของนักศึกษาอย่างผมคือการเอาความรู้ติดตัวไปให้ได้มากที่สุดไม่ใช่การมานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านอะไรจำพวกนี้เสียหน่อย

“!”

และอาจจะตั้งใจมากไปหน่อย ผมจึงไม่ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดหรือให้ความสนใจกับคนที่เข้ามาใหม่จนกระทั่งโดนท่อนแขนแกร่งโอบเข้าจากทางด้านหลังพร้อมเสียงกระซิบแหบพร่าข้างใบหู

 “เงียบๆ ไม่งั้นเจอปล้ำแน่คุณประธาน”

ต่อให้ไม่สั่งผมก็ไม่สามารถส่งเสียงอะไรได้อยู่แล้ว ในเมื่อโดนปิดปากลามไปถึงจมูกจนเกือบหายใจไม่ออกขนาดนี้ แม้ไม่เห็นหน้าแต่เพียงได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าเจ้าของการกระทำอุกอาจคือใคร จึงตัดสินใจกดเล็บสั้นๆ ของตัวเองลงบนหลังมือเสียเลย

“โอ๊ะ! เล่นแรงว่ะ”

“ใครให้เล่นไม่รู้เรื่องก่อนล่ะ”

หมุนเก้าอี้กลับไปมองคนด้านหลังด้วยความเฉยชา ผู้เข้ามาใหม่ชี้นิ้วมาที่หน้าผมด้วยท่าทางเอาเรื่องก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาดึงแขนผมให้ลุกจากเก้าอี้ ทำนิสัยไม่ดีอีกด้วยการใช้เท้าตัวเองถีบเสียจนเก้าอี้ไถลไปชนชั้นไม้ให้มันสั่นเล่น อดไม่ได้ต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจใส่เขา

“ถ้าชั้นพังลงมาทำไง”

“ก็ซ่อมเอา ดูด้วยว่านี่ใคร”

“นักศึกษานิสัยแย่ที่แอบเข้ามาในห้องสโมสรนักศึกษาแล้วทำลายข้าวของในห้อง”

เหลียงมองหน้าผมพร้อมหัวเราะในลำคอแล้วเดินเข้าชิด เบียดให้ต้องถอยหลังตามจนชนเข้ากับโต๊ะด้านหลัง ในเวลาเดียวกับที่วงแขนแกร่งโอบรัดรอบเอวผมอีกครั้งเพื่อรั้งให้เราสองคนชิดกันยิ่งขึ้น ก่อนจะยื่นหน้าเข้าหาจนปลายจมูกชนกัน ไม่วายเกลี่ยไปมาเบาๆ ให้รู้สึกจั้กจี้เล่นอย่างที่เขารู้ว่าผมชอบให้ทำ

...แต่ไม่ใช่ให้ทำในสถานศึกษาหรือเปล่าล่ะ

“อย่าซนนะ เดี๋ยวคนมาเห็น”

“ตื่นเต้นจะตาย ใครจะไปคิดว่าคุณประธานคนเก่งกับเดือนนิเทศไม้เบื่อไม้เมาจะมาทำเรื่องลามกในห้องสโม”

ฟังคำพูดคำจาเข้าสิ น่าฟาดปากดีๆ นั้นให้มีสีเสียจริง

“ใครจะทำ กลับบ้านไปทักทายมือขวาตัวเองนะครับ”

“ใจร้ายกับเหลียงตลอดว่ะ นี่แฟนนะพีซ”

ทำเสียงงอแงพร้อมหน้ามุ่ยๆ กลับมาให้ สาบานเดี๋ยวนี้ว่าผมมีแฟนวัยเดียวกัน ไม่ใช่ไปเลี้ยงต้อยเด็กชั้นมัธยมต้นมา

ใช่... แฟน

คนที่มีเรื่องให้ตีฝีปากกันตลอดเวลาอย่างผมกับเขาคบกันมานานหลายปีแล้ว โดยทุกอย่างระหว่างเรานั้นถือเป็นความลับสำหรับคนอื่น ไม่ใช่เพราะต้องการปิดบัง ไม่ใช่เพราะไปแย่งกับใครเขามา แต่เป็นเพราะนิสัยแปลกๆ ของเราสองคนเสียมากกว่าที่ตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างคนโสด แม้จะไม่นอกใจไปคบกับใครคนอื่น แต่ก็จะไม่บอกใครถึงความสัมพันธ์อื่นของเรา

ก็คบกันลับๆ แบบนี้มันสนุกดีจะตาย

“มีแฟนลามกก็ต้องใจร้ายหรือเปล่าล่ะ?”

ยกแขนดันอกเขาให้ออกห่างแต่เจ้าของมือตุ๊กแกนั่นกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย แถมยังหยิบเอกสารที่กองไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่านพร้อมเลียนเสียงอาจารย์เสียด้วย เล่นเอาผมทนไม่ได้ต้องหลุดหัวเราะทั้งที่อุตส่าห์ตีหน้าขรึมแทบตาย

“อ้าว เอกสารของคณะเหลียงนี่... ทำไมยังไม่เซ็นอีกล่ะ?”

“ก็บอกแล้วไงว่าต้องอ่านก่อน เพิ่งได้มาวันนี้เองด้วย เอาคืนมาเลย”

ยืดมือไปหมายจะเอากระดาษในมืออีกฝ่ายคืน แต่แทนที่จะได้กลับมาดันโดนริมฝีปากหนาฉกเข้ามาแทน เหลียงฉวยโอกาสนี้พรมจูบลงมาทั่วหน้าผมแทน ทำตัวคล้ายหมายักษ์ที่เขาเลี้ยงเอาไว้เอาไว้ที่บ้านใหญ่ เจอกันทีไรเจ้าดื้อนั่นพุ่งตรงมาเลียหน้าเลียตาผมก่อนตลอด นี่สินะที่เขาว่าเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงมักจะทำตัวเหมือนกัน

“เหลียงเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้แล้วเซ็นให้หน่อยดิ นี่ขึ้นแสดงเองเลยนะ”

“แบบนี้ยิ่งไม่น่าให้ผ่านเข้าไปใหญ่”

“พีซหึงล่ะสิ?”

“ยังต้องถามอีกเหรอ?”

รอยยิ้มเจ้าชู้ประจำตัวเขาเผยขึ้น ตั้งแต่ที่หลุดปากไปว่าผมชอบรอยยิ้มแบบนี้เขาก็มักจะใช้มันกับสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้เสมอ ราวกับรู้ดีแล้วว่าผมต้องยอมแพ้เขาแน่นอน

แต่มีหรือที่ครั้งนี้ผมจะยอม แทนการเอื้อมมือไปเอากระดาษคืนครั้งนี้กลับมีเป้าหมายเป็นปากที่กำลังส่งยิ้มมาให้นั่นแทน ตบลงไปไม่เบานักจนได้ยินเสียงทึบก้องเบาๆ คงจะไปกระทบฟันเข้า คงจะเจ็บน่าดูแต่ผมไม่เอ่ยขอโทษ ในเมื่อครั้งนี้เป็นการลงมือเพื่อทำโทษเขานี่หน่า

“เจ็บนะ”

“สมควรแล้ว เหลียงทำตัวเองทั้งนั้น”

มาแล้วสีหน้าไม่พอใจกับตาดุๆ แถมยังออกแรงบีบมือลงมาบนเอวให้ผมต้องร้องประท้วงเบาๆ อีก ไม่วายเริ่มยุ่งย่ามกับเนคไทจนมันคลายออกทีละนิด แย่ล่ะสิ ท่าทางจะกลายเป็นผมเสียแล้วที่จะลำบากเพราะไปกดโดนปุ่มระเบิดเข้าให้

“อย่านะ ไม่เอาที่นี่...  อื้อ...”

นอกจากจะไม่ฟังเสียงประท้วงแล้ว เหลียงยังบดริมฝีปากของตัวเองเข้ากับผมอย่างแรง ทั้งเลียทั้งขบเป็นการลงโทษและขออนุญาตไปในที

ผมรู้ว่าเขาเป็นพวกใจร้อนและติดไฟง่าย หากได้เริ่มแล้วล่ะก็ไม่มีทางยอมจบกลางคันแน่ๆ เหมือนเวลาที่เขาเล่นดนตรีกับแก๊งค์เพื่อนร่วมคณะนั่นแหละ และคนลำบากก็คงเป็นผมเองที่ต้องจัดการกับอารมณ์พลุ่งพล่านนั่นให้ดับลง

“ครั้งเดียวนะ... นะครับ”

“ที่นี่มหาลัย... สถานที่ศักดิ์สิทธิ์”

“มีความลับเพิ่มขึ้นอีกสักข้อไง น่าสนุกจะตาย... นะ?”

เกลียดนักกับการที่เขารู้จุดอ่อนและความชอบที่เหมือนกันของเรา ถึงได้โดนจับจุดเอามาต่อรองได้ง่ายขนาดนี้ แถมตอนพูดไปก็ยังส่งมือมาลูบไล้ร่างกายไปทั่ว แถมยังใช้เสียงทุ้มติดพร่าเสริมความเซ็กซี่ให้เขามากขึ้นเข้าไปอีก คนฉวยโอกาสนี่...

“เถอะนะ?”

“.....แค่ครั้งเดียว”

“รับทราบครับคุณประธาน”

รสจูบหวานๆ ถูกส่งให้แทนของรางวัล นั่นคือการก้าวข้ามความอดทนสุดท้าย ผมได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ ยอมโอนอ่อนให้อุ้มตัวเองขึ้นบนโต๊ะทำงานอันศักดิ์สิทธิ์แทนที่เอกสารบนโต๊ะซึ่งถูกปัดกระจายลงพื้นไปแล้ว แต่ที่กระจายหนักกว่าก็เห็นจะเป็นเสื้อผ้าของพวกเราสองคนที่ถูกทึ้งออกจากร่างกายของกันและกันเพื่อบรรเลงจังหวะเพลงร็อกตามแบบที่คนกระทำชอบ

เมื่อหัวสมองขาวโพลนด้วยความคุ้มคลั่ง ความตื่นเต้นจากการกลั้นเสียงหอบกระเส่าให้เบาที่สุด ทั้งยังต้องขยับร่างกายให้เคลื่อนไปตามจังหวะที่เข้ากันได้ ทุกอย่างที่พวกเรากำลังกระทำเป็นความลับที่ไม่ควรให้ใครได้รับรู้

แต่เพราะความลับนั้นช่างหอมหวาน มอมเมาความรู้สึกและความชั่งใจ แล้วใครเล่าจะไปทนได้





 

อย่าเผลอบอกความลับของผมออกไปล่ะ

ไม่อย่างนั้นคงหมดสนุกแย่เลย






-----------------------------------------------------------




TALK: สวัสดีแบบเขินๆ ค่ะ
ยอมรับเลยว่านี่เป็นการแต่งแบบที่ยังไม่ฮอตสุดๆ เพราะเราอยากให้ธีมนิยายมันคงทนความใสต่อไปยังไงล่ะ! #ขี้โม้ไปงั้นแหละแค่อยากเก็บไว้ฮอตตอนหน้าเฉยๆ
คือเราคิดไว้แล้วไงว่าตอนจบจะแต่งอะไรยังไง เหลือแค่จะแต่งให้มันออกมาสมใจได้หรือเปล่า  :katai1:
แล้วก็... ตอนหน้าตอนจบแล้วนะคะ สำหรับซีรีส์นี้ ถัดไปก็จะเป็นนิยายเรื่องยาวที่คาไว้แล้ว ยังไงก็รบกวนติดตามกันต่อไปนะคะ

ขอบคุณเช่นเคยสำหรับคอนเม้นหวีดร้องน่ารักๆ และกำลังใจทั้งหลายแหล่ที่ส่งให้ ถึงเราจะไม่ค่อยได้ตอบแต่อ่านอยู่เสมอนะคะ
ที่ไม่ตอบไม่ใช่อะไร เราเขิน 5555555555555555 จริงๆ นะ เขินมาก เวลานั้นมันก็จะเกร็งๆอยู่หน่อยๆ ไม่รู้ทำไม
บ่นเยอะแล้ว ยังไงก็เจอกันใหม่กับตอนหน้านะคะ
ลัฟๆค่ะ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
โอ้โห คู่นี้ เค้าเร่าร้อนกันจริง ๆ เขินนน   :o8:
ตอนแรกอ่านนี่หมั่นไส้เหลียงมากอ่ะ ตัวเองทำผิดแล้วมาหาเรื่องประธานได้ไง
ที่ไหนได้ เขาเป็นแฟนกันแบบแปลก ๆ ซะงั้น 555
เหลียงเข้ามานี่ แน่ใจแล้วนะว่าล็อคห้องดีแล้วอ่ะ อ่านไปแล้วเสียวแทน
เกิดรองประธานกลับใจอยากมาช่วยเพื่อนตอนนี้นี่ ไม่อยากจะคิดเลย
ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เขินคู่นี้จริงๆเลยค่ะ น่ารักมากกกกกก  :ling1:
หวังว่าคงไม่มีใครมาเห็นนะ

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เนียนมากคุณแฟน กัดกันจนถ้าเปิดตัวต้องมีคนช็อก

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ความรัก (ลับ) ที่เร่าร้อน  :pighaun: :haun4: :z1:
 
เหลียง พีช   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
คู่สุดท้ายนี่แอบหลุดธีมใสๆนะคะเนี่ยยย แต่เราชอบ
คุณคนเขียนเขียนสนุกมากค่ะ เราเป็นกำลังใจให้  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชอบ ชอบ คู่สุดท้ายนี่ ทำคนแก่ฟินซะ  :impress2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านไบรท์แซนแล้วจิกหมอน เขินความน่ารัก พออ่านเหลียงพีซนี่อารมณ์เปลี่ยนเลยแถมเขินหนักกว่าเดิมอีก  :hao7:

ออฟไลน์ ANNEW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
[19]






คุณชอบฟังเพลงไหมครับ?

ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก วลีตราตรึงใจที่แสดงชัดเจนว่าคนทุกคนบนโลกนี้ควรเปิดใจไปกับท่วงทำนองอันทรงเสน่ห์จากการรวมตัวของเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด แม้ว่าแนวดนตรีที่แต่ละคนชอบจะไม่เหมือนกัน หากการฟังเพลงก็ยังเป็นสิ่งพื้นฐานหนึ่งจากหลายๆ สิ่งที่คนเราเลือกจะใช้ในยามที่ต้องการความผ่อนคลาย และใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ด้วยการเปลี่ยนจากผู้ฟังเป็นผู้ขับขานเสียงดนตรีเหล่านั้น

และผมเป็นพวกชอบบรรเลงบทเพลงตามท่วงทำนองที่ผุดขึ้นจากส่วนลึกของความรู้สึก

 





"กลุ่มสโมปีนี้รับเด็กปีสามด้วยว่ะ จะไหวไหมล่ะนั่น? ปีเรายิ่งเรียนเยอะๆ อยู่"

ประโยคบอกเล่าจากเพื่อนสนิทดึงดูดความสนใจมากกว่าหนังสือการ์ตูนราคาเหยียบร้อยที่ถืออยู่ในมือ ชะโงกหน้าจากดาดฟ้าเพื่อมองไปยังทิศทางเดียวกับผู้เป็นเพื่อนก็เห็นว่าเวทีกลางมหาวิทยาลัยกำลังทำการติดเข็มกลัดประจำตำแหน่งให้นักศึกษาที่เข้าร่วมงานสโมสรอยู่ กิจกรรมที่มีอยู่ทุกปีและน่าเบื่อไม่แพ้กันสักปี

"มีปีเราสิดี หรืออยากให้เหมือนปีก่อนที่มีแต่ทีมนักกีฬาล่ะ? เล่นตัดงบไปให้สาขาตัวเองหมดอะไรแบบนั้น"

"โหย มันก็ไม่ใช่แบบนั้นดิวะไอ้เหลียง มันต้องเป็นกลางนะเว้ยเรื่องพวกนี้"

หัวเราะกับคำพูดของเพื่อนที่โวยวายด้วยความเจ็บแค้น เมื่อปีก่อนมีการรับทีมสโมเข้ามาเหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครพอใจการทำงานเลยนอกจากสาขาวิชาของคนที่ได้ตำแหน่งไป มาปีนี้เลยลุ้นกันอยู่ไม่น้อยว่าจะลงอีหรอบเดิมหรือเปล่า

เพราะความบังเอิญหรือโชคชะตาเป็นใจไม่รู้ เมื่อผู้ที่อยู่ด้านล่างเงยหน้ามาทางที่ผมยืนอยู่พอดี แม้ระยะทางจะค่อนข้างไกลแต่กลับรู้สึกได้ว่าเรากำลังประสานสายตากัน ก่อนจะเป็นเขาเองที่ยอมละสายตาไปก่อนเพื่อปราศรัยในฐานะประธานนักศึกษาคนล่าสุดประจำปีนี้

ตอนนั้นเองที่โน้ตตัวแรกของบทเพลงเริ่มบรรเลง





 

ควันสีหมอกลอยขึ้นสูงสู่เบื้องบน หากก็จางหายไปก่อนจะขึ้นถึงท้องฟ้าสีสดสมกับเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย อากาศก็ร้อนสมชื่อฤดูจนต้องปลดกระดุมเสื้ออีกเม็ด ในเมื่อไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะมีใครมาเห็น แน่ล่ะ ดาดฟ้าของอาคารเก็บของเป็นสถานที่ๆ ไม่มีใครอยากจะขึ้นมาอยู่แล้วเพราะตำนานสยองขวัญประจำมหาวิทยาลัยที่ลือกันปากต่อปาก เกี่ยวกับหญิงสาวที่ทำอัตวินิบาตกรรมบริเวณสถานที่แห่งนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน

ไม่ใช่ว่าลบหลู่ หากเพราะรู้ความจริงจากปากรุ่นพี่ว่าข่าวลือพวกนั้นถูกปล่อยโดยอาจารย์ที่เคยสอนที่มหาวิทยาลัยนี้นั่นแหละ เพราะอาคารนี้มันทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ไม่คิดจะมีใครขอเบิกงบซ่อมแซมเพราะคิดว่าเป็นเพียงอาคารกีฬาที่ใช้สำหรับเก็บสิ่งของไม่ใช้แล้วเท่านั้น อาจารย์ท่านนั้นคงจะอยากขู่ให้กลัวจะได้ไม่มีใครมาใกล้เพราะกลัวอันตรายนั่นแหละ แต่คงลืมไปว่าก็จะมีนักศึกษาอีกกลุ่มที่สามารถใช้ทุกสถานที่โดยไม่สนใจเรื่องอะไรประเภทนั้น

นักศึกษาแบบผมนี่ไงล่ะ

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าสูบบุหรี่ กลิ่นมันติดชุด”

มาถึงก็เทศนากันเสียหนึ่งยกให้ต้องรีบทิ้งบุหรี่ที่คาอยู่ในมือลงกระป๋องเบียร์เก่าๆ ที่ถูกวางทิ้งไว้ไม่ไกลจากปลายเท้านัก ขยะพวกนี้คงไม่แคล้วจะเป็นของนักศึกษาที่สรรหาพื้นที่แอบอาจารย์มาทำเรื่องไม่สมควรเหมือนผมนี่แหละ นับว่าเป็นเพื่อนร่วมอุดมคติก็ว่าได้

“มาช้า... งานยุ่งล่ะสิ?”

“อือ พี่เอกอยากให้เรากับกฤติเรียนรู้งานให้เยอะที่สุด จะได้ทำแทนได้เวลาพี่เขาลงจากตำแหน่ง”

 “เรียนก็ต้องเรียน งานสโมก็โดนใช้เป็นทาส พีซบอกไปเลยดิว่าแค่นี้ก็จะไม่มีเวลาอยู่กับแฟนแล้ว”

 ว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยพร้อมเอื้อมไปจับข้อมือเขาแล้วกระตุกให้เดินเข้ามาใกล้ๆ ทว่าคนตัวเล็กกว่ากลับขืนตัวไว้ ก่อนจะทำหน้ายู่แล้วส่ายหัวไปมา

“เดี๋ยวกลิ่นติดไง”

“ไม่มีใครรู้หรอก เหลียงใช้กลิ่นผลไม้”

พีซทำหน้าเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ยอมเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ได้ทีเลยจัดการคว้าทั้งเอวเขามากอดเสียเลย ถึงจะโดนดวงตาคู่โตมองด้วยความไม่พอใจก็เถอะ

“ทายดิว่ากลิ่นอะไร”

“เราไม่สูบบุหรี่ ก็รู้อยู่”

“เออหน่า เล่นกับเหลียงหน่อยเร็ว”

ถึงจะชอบทำหน้านิ่งเหมือนไม่รับรู้เรื่องราวรอบข้าง หากผมรู้ดีว่าคนในอ้อมกอดเป็นพวกไหลตามน้ำง่ายแค่ไหน ในเมื่อเราคบกันมาตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ศึกษานิสัยทั้งหลายแหล่ของกันและกันมาจนครบทุกซอกทุกมุมแล้วก็ว่าได้

“กลิ่น... พีซ?”

“เก่งมาก มา เดี๋ยวเหลียงให้รางวัล”

ไม่รอให้โดนปฏิเสธแน่นอน พอพูดจบผมก็ประคองข้างแก้มแฟนคนเก่งมามอบรางวัลให้สมใจ หากกลิ่นของบุหรี่รสพีซเมื่อครู่ว่าหวานแล้วล่ะก็ ลองมาเจอริมฝีปากสีชมพูพ่วงความไม่ประสาของลิ้นนิ่มที่พยายามขยับตามการชักนำของผมตอนนี้บอกตามตรงว่าอยากจะโยนซองบุหรี่ในกระเป๋าลงพื้นแล้วใช้รองเท้าไนกี้ไซส์สี่สิบหกเหยียบให้แหลกเป็นผุยผง ข้อหาที่รสชาติไม่เหมือนของจริงที่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง

พออารมณ์มันถูกจุดก็ง่ายที่จะสานต่อ ในยามที่ริมฝีปากของพวกเราประสานกัน ผมก็เริ่มไล้มือซุกซนบีบเข้าที่เอวบางของคนตัวเล็กไปด้วย ผมชอบที่วางมือบริเวณนี้ ทั้งนุ่มนิ่ม เต็มไม้เต็มมือ น่าจับมานั่งตักแล้วทำอะไรต่อมิอะไรให้มันได้ออกกำลังนัก...

“โอ้ย!  ซาดิสต์นะพีซ เลือดไหลไหมเนี่ย?”

สงสัยว่าจะได้ใจมากไปหน่อย เลยโดนเขี้ยวเล็กๆ ของพีซเจาะเข้าทีริมฝีปากเต็มๆ ส่วนคนใช้ความรุนแรงก็ยืนอยู่ในอ้อมกอดพร้อมสีหน้าเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่สนใจสีหน้าน้อยอกน้อยใจของผมเลยแม้แต่น้อย แถมยังเอียงหัวกลมๆ พยักเพยิกไปที่มืออีกแน่ะ ทำตัวรู้ทันแบบนี้โคตรน่าหมั่นเขี้ยว

“ทำตัวเอง ถึงจะไม่มีคนมาบ่อยๆ แต่อยู่บนนี้มันก็ประเจิดประเจ้อนะเหลียง”

“...บางทีเหลียงก็อยากตะโกนบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่ะว่าเราคบกัน ติดที่มันจะไม่เร้าใจ”

“โรคจิต”

“คนที่เห็นด้วยก็ไม่น่าจะไกลกันนะ”

                รีบรั้งคนตัวเล็กมากอดแน่นอีกรอบเมื่อสำนึกได้ว่าทำคนหน้าเดียวไม่พอใจเสียแล้ว แต่ก็ไม่ทัน เมื่อกำปั้นเล็กทุบเข้ามาเต็มๆ ที่กลางหลัง เสียงอั่กๆ เหมือนจะไม่ดังนักแต่ความเจ็บนั้นเท่าทวีคูณ

                ตัวโน้ตบรรทัดที่สองบรรเลงอย่างต่อเนื่อง จังหวะมันคล้ายกับเพลงป๊อบที่มีท่อนแร๊พแทรกอยู่นิดหน่อย





               

                “จะซ้อมกันที่ห้องนี้อีกแล้วเหรอวะ? เดี๋ยวก็มีคนเอาไปฟ้องอาจารย์อีกหรอก”

                “อ้าว ก็นี่มันห้องซ้อมคณะเรา ทำไมจะใช้ไม่ได้วะ?”

                “จำครั้งก่อนไม่ได้หรือไง มาทั้งสโม มาทั้งอาจารย์ โคตรวุ่นวาย ไม่เชื่อถามไอ้เหลียง”

                “เออ มากันทั้งโคตรได้คงมา”

                ตอบคำเพื่อนไปทั้งที่ยังไม่ละความสนใจจากการตรวจเช็คความพร้อมของอุปกรณ์ รู้อยู่แล้วล่ะว่าเวลาเช้าแบบนี้มีหลายคลาสใช้ห้องเรียนชั้นเดียวกันนี้อยู่ และห้องซ้อมนี้ไม่ใช่ห้องที่เก็บเสียงดีนัก แต่พวกผมมีเวลาพร้อมกันแค่รอบเช้า เนื่องจากหลังเลิกเรียนต่างฝ่ายต่างก็ต้องแยกไปทำธุระของตัวเองและงานรับน้องก็ใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่เดือนอยู่แล้ว เลยตกลงปลงใจว่าเมื่อมีโอกาสก็ต้องรีบคว้าเอาไว้นั่นแหละ

                “สรุปจะซ้อม?”

                “ซ้อมๆ ไปเถอะ ต่อให้มาก็แค่บ่นอย่างเดียวเท่านั้นแหละ”

                แม้ตอนแรกจะอิดออดอยู่บ้าง แต่ความอยากเล่นดนตรีของพวกเรามันเข้าเส้นเลือด พ่วงอารมณ์กวนฝ่าเท้าไปด้วยนั่นแหละเลยยิ่งเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีให้ทำอะไรห่ามๆ ดูบ้าง

                เสียงเบสดังออกจากลำโพงกระจายเสียงเป็นตัวเริ่มท่วงทำนอง ก่อนมือกลองประจำวงจะสร้างจังหวะหนักๆ ตามมาในเวลาไม่นานนัก สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องทำหน้าที่เป็นนักร้องกิตติมศักดิ์และมือกีต้าร์ แหกปากร้องเพลงเมทัลจนเสียงแตกพร้อมกับที่นิ้วต้องไล่คอร์ดไปด้วย

                พอจังหวะมาอารมณ์ก็จะพุ่งขึ้นสูงด้วย พวกเราซ้อมกันอยู่จนถึงประมาณกลางเพลงที่สาม ตอนนั้นเองที่ประตูห้องซ้อมถูกเปิดออกให้เห็นร่างของอาจารย์ประจำวิชาอะไรสักวิชา และสมาชิกสโมสรนักศึกษาทั้งสองคนที่ตามมาด้านหลัง

 “หยุดเสียงเพลงพวกนี้เดี๋ยวนี้เลยนักศึกษา!”

ไม่ได้ยินหรอกว่าแกพูดอะไร แต่ไม่ต้องเดาให้ยาก ผมปล่อยมือจากคอร์ดพร้อมยกมือเป็นสัญญาณให้เพื่อนในวงหยุดมือ เพื่อพร้อมใจกันรับศีลรับพรไปพร้อมๆ กัน

 “พวกคุณไม่มีเรียนกันหรือยังไง?”

“มีเรียนบ่ายอย่างเดียวครับ”

ตอบไปตามตรง ก็ปีพวกผมไม่มีคาบเรียนเช้าเลยเพราะมันจะไปซ้ำกับพวกรุ่นน้องเอาได้ คงไม่มีใครอยากจับปูใส่กระด้ง เอานักเรียนสามชั้นปีมารวมกันอยู่แล้ว นอกจากจะสอนไม่รู้เรื่องยังควบคุมจำนวนประชากรไม่ได้อีกต่างหาก

“แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาซ้อมดนตรีกันเวลานี้ไหม? คณะอื่นเขาเรียนกันอยู่ เสียงเพลงของพวกคุณมันไปรบกวนเขา”

คำบ่นเดิมๆ ที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งไม่ทำให้ผมเหนื่อยหน่ายใจเท่าไหร่เพราะความสนใจในตอนนี้คือคนที่ยืนทำตัวเรียบร้อยประหนึ่งเป็นตัวแทนรูปปั้นหินประจำมหาวิทยาลัยนั่นต่างหาก ผมหรี่ตามองเขา ไม่ใช่เพราะคาดโทษที่ตามอาจารย์มาทั้งที่ควรจะอยู่ในห้องเรียนหรอกนะ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมากับไอ้คนชื่อกฤตินั่นต่างหาก รู้ว่าเพื่อนกัน แต่หมอนั่นตั้งแง่กับกลุ่มผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นหน้าเลยพาลให้หงุดหงิดไม่น้อย

 “หึ พวกขี้ฟ้องก็ยังขี้ฟ้องอยู่วันยันค่ำ”

หากสิ่งที่พูดออกไปกลับต้องเป็นประโยคแดกดัน คนที่มีตำแหน่งประธานค้ำคอแทนพี่ปีสี่ที่กำลังจะจบออกไปสบตากับผมทันที แม้จะไม่พูดอะไรแต่ก็รู้ว่าตัวเองคงโดนคาดโทษอยู่ในใจ

“เขาไม่ได้ฟ้องอะไร แต่มีคนร้องเรียนเข้ามาหลายครั้งแล้วต่างหาก”

“เหอะ”

“เก็บของของพวกคุณแล้วไปรอเวลาเข้าเรียน อีกสิบนาทีอาจารย์จะมาดูใหม่ เข้าใจไหม?”

ถอนหายใจด้วยความเซ็งพร้อมใช้เท้าเขี่ยสายไมค์บนพื้นเข้ามาใกล้ด้วยความอิดออด คงดูไม่จริงจังนักจนอาจารย์ต้องวานให้เด็กสโมทั้งสองคนจับตาไว้ด้วย

“กฤติ พีซ รบกวนด้วยนะ เสร็จแล้วไปตามอาจารย์ด้วย”

“เซ็งว่ะ... อะไรก็ไม่ได้ โคตรงก”

บ่นอิดออดกันคนละทีสองทีแต่ก็ยอมเก็บเครื่องไม้เครื่องมือของตัวเองไปด้วย เห็นคนตัวขาวเดินมาคว้าสายไมค์เหมือนตั้งใจจะช่วยก็รีบแย่งกลับมาก่อน เมื่อกี้ใช้เท้าเขี่ยเอาเลยนะเว้ย แถมยังอยู่บนพื้นเสียนานอีก สกปรกตายชัก จะให้ทำให้ได้ยังไง

 “คุณประธานไม่ต้องลดตัวลงมาทำอะไรพวกนี้หรอกครับ เดี๋ยวพวกกระผมทำให้เอง”

เพราะคำพูดกวนประสาทไม่น้อยเลยได้สายตาค้อนควับกลับมาให้ คงไม่พอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะเหตุการณ์เล่นนี้เกิดขึ้นหลายรอบอยู่ และต้องเป็นเขาทุกครั้งที่ถูกเรียกตัวให้ไปตามอาจารย์แล้วพากันมาไล่ผมที่นี่

“...อาจารย์ให้ช่วย”

“เอาหน้าว่ะ”

“เฮ้ย พูดดีๆ ก็ได้มั้ง พวกเราก็ไม่ได้อยากมายุ่งหรอกถ้าไม่มีคนเขียนร้องเรียนไปถึงสโมสร”

เหม็นขี้หน้าคือคำที่ผมมีให้กับคนชื่อกฤติ อยากจะหันกลับไปคว้าคอเสื้อเขย่าหลายๆ ทีแล้วถามว่ามีปัญหาอะไรมากไหม แต่เพราะสายตาห้ามปรามของคนตรงหน้า จึงไม่ทำอะไรแล้วแกล้งก่อกวนเขาแทน

“เป็นประธานนักศึกษาแต่ต้องให้ลูกไล่ออกหน้าให้เหรอ?”

“อย่าเรียกเขาแบบนั้น รีบเก็บของรีบไปเถอะครับ พวกคุณน่ะ”

อ่า... กอดอกแล้ว สงสัยจะเล่นมากไปหน่อย แต่ให้ตายเถอะ บางทีผมก็คิดว่าพีซเหมาะจะมาเรียนคณะเดียวกับผม แต่เป็นเอกการแสดงแทน เพราะเขาไม่เคยหลุดแสดงสีหน้าอะไรให้คนอื่นสงสัยเลย แถมบางทียังอินเสียจนผมก็ใจหายว่ากลับไปหอจะยังโดนเย็นชาใส่ต่อหรือเปล่า

“แล้วเจอกันคุณประธาน อย่าลืมเซ็นเอกสารขอแสดงกิจกรรมของคณะนิเทศด้วยล่ะ”

“ผมต้องขออ่านก่อนครับ”

ไหวไหล่ตามประสาอย่างที่ชอบทำรับคำพูดของคุณประธานตัวเล็ก ก่อนจะฉีกยิ้มที่ชอบใช้กับเขาในเวลาแบบนี้ไปให้ก่อนจะเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนตัวเอง ไม่วายขยิบตาใส่คนที่เริ่มหัวร้อนไปอีกทีเป็นการเย้า ดูเอาสิ มุมปากตกลงห้ามิลแล้วนั่น แสดงว่ากำลังหมั่นไส้ผมอยู่ในใจแน่ๆ

ตัวโน้ตของท่อนฮุคเป็นท่อนที่คนจะจดจำได้ไวที่สุด จึงต้องใช้ทำนองให้พอเหมาะ ยิ่งกับเพลงเมทัลยิ่งต้องกะจังหวะให้พอดี ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เครื่องเสียงพังเอาได้





 

กิจกรรมเป็นของคู่กับนักศึกษาเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี ยิ่งกิจกรรมเยอะและหญ่เท่าไหร่ นักศึกษาที่มีส่วนร่วมในงานก็จะยิ่งเยอะขึ้นเท่านั้น ขนาดพวกที่นานๆ จะโผล่มาให้เห็นสักทียังต้องมีส่วนร่วมไปกับเขาด้วย คล้ายจะเป็นอาการที่ติดต่อกันทางอากาศ และสร้างความครื้นเครงจนเกือบลืมไปว่าที่นี่คือสถานที่สำหรับศึกษาหาความรู้

โดยเฉพาะกับกิจกรรมประจำปีอย่างการรับน้อง ไม่ว่าใครต่อใครต่างก็พร้อมใจช่วยกันทำหน้าที่ ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มนักร้องประจำมหาวิทยาลัยอย่างพวกผมก็ตาม

"เดี๋ยวรวมน้องเสร็จหมดแล้วไปเจอที่ลานกว้างเลยแล้วกัน จะรีบไปเปลี่ยนชุดก่อน"

"ได้ๆ ฝั่งเวทีไปเตรียมตัวเลย ตรงนี้อีกพักนึง"

โบกมือบอกลาเพื่อนๆ ในคณะที่กำลังต้อนรุ่นน้องหน้าใหม่เข้ามาในเต้นท์ก่อนจะช่วยกันขนเครื่องดนตรีสำหรับการแสดงเย็นนี้ไปที่ห้องพักนักแสดง แม้วงผมจะไม่ใช่วงแรกๆ ที่ขึ้นโชว์แต่พวกเราก็มักจะไปพักวอร์มร่างกายกันก่อนเพื่อลดอาการตื่นเต้นลง

"นึกว่าปีนี้จะไม่ได้แสดงแล้วนะเนี่ย เห็นพวกอาจารย์คัดค้านกันใหญ่"

"เออ ไม่รู้ซีเรียสอะไรนักหนากับการมีคอนเสิร์ตกลางโรงเรียน ดีนะที่เปลี่ยนใจยอมให้มีได้ สงสัยคนคงประท้วงหลังจากรู้เรื่องมั้ง"

ฟังเพื่อนคุยกันแล้วผมต้องพยายามกลั้นยิ้มมุมอย่างสุดความสามารถ เรื่องที่อาจารย์จะไม่ยอมให้มีคอนเสิร์ตแต่แรกนั้นเป็นเรื่องจริง เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่สมควรจะมีในช่วงรับน้องวันแรก จะเป็นการมอมเมาเยาวชนอะไรจำพวกนั้น ซึ่งผมว่าเหตุผลมันแปลกไปหน่อย ตอนรู้ก็หัวร้อนอยู่เหมือนกัน แต่พอใครบางคนเสนอตัวว่าจะลองต่อรองให้อีกรอบก็ใจชื้นขึ้น ยิ่งวันที่มีประกาศตารางการแสดงแปะหราบนบอร์ดหน้าโรงอาหารยิ่งอยากจะวิ่งไปห้องสโมสรนักศึกษาให้รางวัลคนเก่งสักดอกสองดอก แต่ก็กลัวจะโดนคาดโทษที่ครั้งก่อนซนจนเอกสารเละเทะไปหมดเลยได้แต่รอให้ถึงเวลาที่เหมาะที่ควรแทน

คิดอะไรเพลินๆ จนเดินมาถึงโซนเวทีที่ถูกเนรมิตรขึ้นจากเด็กฝ่ายศิลป์ สามหนุ่มสามมุมอย่างพวกผมรีบเปลี่ยนจากเสื้อคณะสำหรับงานรับน้องเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์สบายตัวตามที่นัดแนะกันมา

"เดี๋ยวเข้าไปเช็คอุปกรณ์กันก่อนเลยนะ ขอคุยโทรศัพท์กับที่บ้านแป๊บ"

ชูเครื่องมือสื่อสารที่กำลังสั่นอยู่ในมือให้เพื่อนร่วมวงดูพร้อมส่งกีต้าร์ตัวโปรดที่หอบหิ้วมาด้วยให้เพื่อนนำไปจัดการแทนก่อน

"รีบๆ ตามมาละกัน สาวๆ เขามาจ่อรอดูหน้าเดือนนิเทศกันเต็มหน้าเวทีแล้วมั้ง"

"ตลกเหอะ เดี๋ยวรีบตามไปเว้ย"

มองตามแผ่นหลังเพื่อให้แน่ใจแล้วว่าทั้งคู่เดินไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา ผมก็เดินวนกลับเข้ามายังห้องแต่งตัว ไม่รอช้า เคาะประตูห้องสุดท้ายที่ถูกปิดอยู่ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาพร้อมกลุ่มตัวเองแล้ว

"เด็กน้อย เปิดประตูให้เหลียงหน่อยครับ"

เสียงปลดกลอนจากอีกฝั่งของประตูดังขึ้นพร้อมบานประตูที่ค่อยๆ ถูกแง้มเปิดออก เหมือนฉากในหนังสยองขวัญ ต่างกันตรงที่ด้านหลังประตูนี้มีคนที่ผมกำลังอยากเจออยู่ ไม่ใช่ตัวประหลาดวายร้ายเหมือนในหนังพวกนั้น

"บอกว่าให้เลิกเรียกแบบนี้ไง"

"ตัวแค่นี้เรียกเด็กน้อยก็เหมาะแล้วนี่"

พีซไม่ใช่คนตัวเล็กบอบบางอะไรขนาดนั้น เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสมส่วน แต่พอมายืนเทียบกับผมไม่ว่ายังไงก็ดูเด็กน้อยอยู่ดี หัวเขายังอยู่แค่ระดับปลายคางพอเหมาะให้ใช้แทนที่วางได้ เห็นไหมว่าเหมาะกับคำเรียกจะตาย

"...ไปเตรียมงานต่อดีกว่า"

"เดี๋ยวๆ เหลียงล้อเล่น ไม่แกล้งแล้ว"

ใช้ความได้เปรียบทางกายภาพปิดทางออกของเขาไว้พร้อมเดินหน้าบังคับให้คนตัวเล็กต้องเดินถอยหลังกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวเหมือนเดิม ไม่ลืมปิดประตูลงกลอนเอาไว้อย่างเรียบร้อยด้วย

คุณประธานคนเก่งเงยหน้ามองผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้หลังมือเช็ดคราบเหงื่อที่เริ่มซึมทั่วกรอบหน้าให้ พอเขาเปิดช่องว่างก็ถึงทีของผมที่จะได้เก็บเล็กเก็บน้อยเสียที รั้งเอวบางเข้ามาใกล้จนที่ว่างระหว่างเราลดลงก่อนจะจัดทรงผมที่เริ่มยาวแล้วของเขาให้เข้าที่ ผมชอบความละมุนของทุกช่วงเวลาที่เราได้ใช้ด้วยกันพอๆ กับความตื่นเต้นเวลาทำเรื่องเสี่ยงๆ ในสถานที่ที่ไม่ควรอย่างเช่นตอนนี้

“ถ้าแต่งหน้าหน่อยจะเหมือนไอดอลเกาหลีป่ะ?”

“ถ้ารองพื้นไม่ไหลมากองรวมกันก็น่าจะเหมือน เหลียงหน้าตาดีอยู่แล้ว”

“โหย... ขอประโยคเมื่อกี้ใหม่หน่อยดิ จะอัดไว้ฟังวนหลายๆ รอบ”

พีซหัวเราะแล้วส่ายหน้า ก่อนจะตบอกผมเบาๆ เป็นสัญญาณให้ถอยห่างออกจากเขาได้แล้ว แต่ใครจะยอมล่ะ วันนี้ทั้งวันยังไม่มีโอกาสเนียนไปหาเลยเพราะคำว่าหน้าที่มันค้ำคอ จนกระทั่งอีกฝ่ายส่งข้อความมาให้ตั้งแต่ตอนที่ผมกำลังจะแยกจากคณะเพื่อมาเตรียมตัวนั่นแหละว่ารออยู่ในห้อง ไม่อย่างนั้นคงต้องไปชะเง้อเอาตอนอยู่บนเวทีว่าเขาไปหลบอยู่ตรงไหน

“ไปเตรียมตัวเถอะ”

“ยังไม่ได้กำลังใจเลย เดี๋ยวขึ้นไปร้องเพลงไม่ได้ จับกีต้าร์ไม่ถูกคอร์ด งานจะล่มเอานะ”

ยักคิ้วให้กับเจ้าของมุมปากตกห้ามิลแล้วเดินหน้าเป็นการบังคับให้เขาต้องเป็นฝ่ายถอยหลังไปจนชนกำแพงห้อง ยื่นหน้าไปใกล้อีกนิดให้ปลายจมูกของเราทั้งคู่ชนกัน ประธานคนเก่งจะเขินเวลาที่ผมทำแบบนี้ และครั้งนี้มันก็ได้ผลไม่ต่างกันเมื่อพวงแก้มใสเริ่มระเรื่อเป็นสีชมพูน่ารักที่ไม่เหมาะกับผมแน่ๆ ถ้ามันมาขึ้นบนหน้าบ้าง

“ขอกำลังใจหน่อยครับ”

“...บังคับแบบนี้ไม่เรียกขอนะ”

“แต่ถ้าไม่ให้ตอนนี้จะจับเอาขาพาดบ่าไม่ให้ออกไปเจอโลกจนกว่างานจะจบนะ”

“เหลียงอย่าทะลึ่ง”

หัวเราะให้กับสายตาเด็ดขาดของเขาแล้วกดริมฝีปากลงไปหนักๆ ออดอ้อนคนจริงจังให้ยอมตามใจด้วย แล้วก็ได้ผล เมื่อผมได้รับจูบหวานๆ ตอบกลับมา เราแลกเปลี่ยนลมหายใจซึ่งกันและกัน รู้สึกถึงอารมณ์ที่เริ่มพลุกพล่านของเราทั้งคู่ วงแขนเรียวที่เปลี่ยนจากผลักไสเป็นรั้งคอผมให้เข้าหาวงหน้าของเขามากยิ่งขึ้น

ความรู้สึกราวกับยืนอยู่บนปุยเมฆเกือบจะทำให้กระดุมบนเสื้อเขาเริ่มหลุดอยู่แล้วถ้าเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ไม่สั่นขึ้นเสียก่อน แม้จะอิดออดแต่ก็จำต้องผละใบหน้าออกจากกัน ไม่วายงับปากนิ่มไปอีกทีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและรู้ว่าต้องไปแล้วเมื่อชื่อที่โชว์หราอยู่บนนั้นคือหนึ่งในสมาชิกร่วมวงของผมนั่นเอง

“...เริ่มไม่อยากไปแสดงแล้วอ่ะพีซ”

“อย่างอแง เดี๋ยวจะยืนดูแถวๆ นั้น”

“จะเอาดอกไม้มาให้เหลียงด้วยไหม?”

“วันเปิดเทอมคงได้เห็นข่าวประธานสติแตกขึ้นหน้าหนึ่งบนวารสารมหาวิทยาลัยแน่ถ้าทำ”

ยีหัวกลมๆ ไปหนึ่งทีเพราะคำพูดคำจานั้น แม้จะเสียดายที่เวลาลับๆ ของเราหมดลงแล้ว แต่ก็ยอมปล่อยให้เขาออกจากอ้อมกอดเพื่อกลับไปทำหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย

“หลังงานเลิกจะไปหาที่ห้องสโมแล้วกันนะ”

“อืม... เหลียง”

“หืม?”

“สู้ๆ นะครับ”

อ่า...ไม่อยากเล่นแล้วกีต้าร์ อยากเล่นกีฬาในร่มผ้าแทน

แต่รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลา ผมเลยทำได้เพียงยิ้มตอบกลับเจ้าของกำลังใจ อดทนอดกลั้นความรู้สีกของตัวเอง อยากจะเร่งให้เวลาของวันนี้หมดไปให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้กลับหอไปนอนกกคุณประธานที่เก่งไปเสียทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของเรา

ตัวโน้ตของเพลงบางเพลงอาจสลับซับซ้อนจนดูไม่น่าจะบรรเลงได้ แต่กลับตราตรึงให้วนกลับไปฟังซ้ำหลายๆ ครั้งเมื่อเพลงจบ

คงเหมือนเรื่องราวของพวกเรา ที่แม้จะไม่เรียบง่ายทว่าลงตัวในรูปแบบของมัน





 

THE END





-----------------------------------------------------------




TALK: สวัสดีกับตอนสุดท้ายของซีรีส์นี้ค่ะ รู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้ เหมือนเราอยู่ด้วยกันมานานมากเลยพอจะจบก็เหงาๆ นิดหน่อย    :hao5:

สำหรับบางคนที่ถามมาเรื่องรวมเล่ม มีข่าวดีค่ะแต่เดี๋ยวเราจะมาแจ้งอีกครั้งเนอะถ้ารายละเอียดเรียบร้อยแล้ว จะได้ไม่โป๊ะ 555555555555555555

ท้ายที่สุดนี้ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะที่เข้ามาอ่าน เข้ามาให้กำลังใจกันอยู่ตลอด เราทำความชอบของเราให้ออกมาสำเร็จได้ก็เพราะทุกคนอ่านแล้วรู้สึกแฮปปี้ไปกับเรื่องราวที่เราเขียนนี่ล่ะค่ะ!

แล้วเจอกันกับผลงานใหม่+งานเก่าที่ค้างอยู่ อย่าลืมรักษาสุขภาพกายและใจกันด้วยนะคะ

ด้วยรัก :L1:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ชอบๆ คู่สุดท้ายนี่พิเศษจริงๆ
รอติดตามต่อไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ เขียนได้ดีจริงๆ ค่ะ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
คู่สุดท้ายอ่านแล้วมีงงๆ เล็กน้อย  :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รักเร้น ชอบบบบบ  :katai2-1:

เหลียง พีซ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เหลียง คนหลงแฟน  น่ารักก   :-[
พอเป็นมุมเหลียงเล่าแล้ว ทำให้ดูน่ารักกว่าตอนที่แล้วขึ้นเยอะเลย
เหลียงก็เอะอะลวนลามพีชตลอด พีซก็ลงไม้ลงมือตลอด หรือจริง ๆ คู่นี้เป็นมาโซฯ555
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบของซีรีย์แล้ว จริง ๆ แต่ละคู่นี่ สามารถเขียนเป็นเรื่องยาว ๆ ได้ทุกคู่เลยนะเนี่ย
ยังไงก็ขอบคุณคนเขียน สำหรับนิยายน่ารักมาก ๆ เรื่องนี้ค่ะ เป็นนิยายที่อ่านแล้วอารมณ์ดีจริง ๆ
ติดตามผลงานเรื่องต่อไปน้า หวังว่าจะเป็นนิยายฟีลกู๊ดดีต่อใจอีกนะคะ
ขอบคุณมากค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ TaemyG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คู่สุดท้ายนี่ลับๆล่อๆกันจริง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จบแล้ว ไม่อยากให้จบเลย :bye2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ชอบคู่ไบร์ทแซนนิ่งๆย่ารักดี คู่อื่นก็น่ารัก คู่เหลียงพีซนี่สุดจริง เล่าจากมุมพีซแช้วเหลียงน่าหมั่นไส้แต่พอเหลียงเล่าจะเห็นความห่วงเมียอยู่สูงมาก ไล่ไม่ให้เก็บไมค์เพราะกลัวมือเมียสกปรก จ้า 555 ขอบคุณมากเลยสำหรับนิยายดีๆ

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
สนุกมากทุกคู่เลย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
มาครบแนว มีทุกสไตล์ แบบว่าจัดคุ้มมากค่ะ

น่ารักทุกคู่ รุกหนัก แอบรักแอบมอง ตามตื้อ ซ่อน ลับลวง

ส่งท้ายได้ดีค่ะ คู่สุดท้ายชอบความเร้าใจซะงั้น ปิดมาได้นานขนาดนี้ สามารถมาก

มีคำเรียกชื่อผิดเยอะอยู่เหมือนกันนะคะ

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ แต่งเรื่องได้น่าติดตามดี เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบคู่ป๋าไนท์ที่สุด พระเอกเถื่อนๆ ดี

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
น่ารักทุกคู่เลยย
เป็นความรักที่แตกต่างกันไปในหลายๆแง่มุม
ของคุณสำหรับนิยายค่ะ

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สนุกมากๆค่ะ
ชอบไปทุกกคู่เลย ชอบความกัวเมียของกวิน ชอบความหื่นของเหลียง ชอบความบังเอิญเกินไปของพี่ไบรท์ ชอบความเด๋อของน้องพีช ชอบความแมนมากของพี่รักษ์ ชอบบบบบบบบบบบบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด