พี่ลมออกไปที่โรงงานทันทีที่ได้ข่าวยังไม่ทันที่จะกินข้าวด้วยซ้ำ เขารีบเดินขึ้นไปเคาะประตูห้องพี่ไม้ พี่ไม้ที่เปิดประตูออกมาในสภาพที่เสื้อผ้ายังเหมือนเมื่อคืน
“พี่ไม้ละอองพึ่งมาบอกว่าที่โรงงานไฟไหม้”
“เหี้ย!!!พี่จะรีบไป” พี่ไม้ที่ส่างเมาทันทีที่ได้ยินข่าว
“พี่ลมไปดูแล้ว ผมขึ้นมาเรียกพี่ไม้”
“ได้ๆเดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อน” พี่ไม้เดินกลับเข้าห้อง ก่อนที่จะไปถีบคนที่ยังนอนบนเตียง
“อ่า...งั้นเดี๋ยวผมไปปลุกน้ำก่อนนะครับ” เขารีบหนีก่อนดีกว่าก็เพราะตอนนี้เหมือนพี่ไม้จะโดนพี่นัทแกล้งซะแล้ว ผมรีบหันหลังก่อนที่จะเปิดเข้าไปในห้องน้ำ
“ตื่นได้แล้วครับลูกหมูรีบแต่งตัวนะครับพี่วาจะพาไปหาพ่อครับคนเก่ง” น้ำรีบงัวเงียตื่นแล้วรีบลงจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ผมรีบไปเตรียมข้าวใส่ปิ่นโตเพราะผมก็เป็นห่วงที่โรงงานเหมือนกันถึงจะไม่เคยไปแต่ที่นั่นก็เป็นอีกรายรับอีกทางที่ทำผลกำไร ให้ไร่สายลมเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนงานหลายร้อยคน
“ไปกันเถอะวา” พี่ไม้ที่แต่งตัวลวกกับลูกหมูวิ่งลงมาเขารีบหิ้วปิ่นโตพร้อมกับแก้วกันความร้อนที่ชงกาแฟไว้เต็ม
“มาครับพี่วาอุ้ม” ผมอุ้มน้ำที่ยังงัวเงีย รีบเดินขึ้นรถที่พี่ไม้ขับมาจอดรออยู่แล้ว พอนั่งเรียบร้อยรถกระบะก็วิ่งออกจากไร่ด้วยความเร็ว ยังดีที่เขาสั่งงานละอองไว้แล้ว ส่วนบ้านพี่นัทคงจะดูให้ โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าพี่นัทมีภารกิจสำคัญอยู่แล้ว นั่งไม่นานเราก็พากันมาถึงโรงงาน ซึ่งไม่ถือว่าใหญ่แต่ก็เป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานและตอนนี้กำลังจะขยายให้เป็นโรงงานขนาดกลางที่รองรับเครื่องมือและคนงานเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ดันมีเรื่องราวซะก่อน
“พี่ลมเป็นยังไงบ้างครับ” ผมรีบเดินเข้าไปหาคนตัวโตที่ทำหน้าเครียด
“วา ก็เยอะอยู่” พี่ลมว่าก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ มือเล็กแตะเบาๆที่ต้นแขนแกร่ง
“ไม่เป็นไรนะครับพี่ลมเดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น”
“พ่อลมมมม โอ๋ๆน้า” น้ำที่ไม่รู้เรื่องแต่เห็นพี่วาของเขาปลอบ เขาก็อยากปลอบพ่อลมบ้าง
“ไอ้ลูกหมู” พี่ลมก้มลงอุ้มน้ำขึ้นก่อนที่จะฟัดแก้มยุ้ยจนแดงเป็นริ้วๆ
“ฮ่าๆๆ น้ำจักกะจี้ พี่วา ช่วยน้ำโด้ยยย” ผมได้แต่ยืนมือไปรับน้ำที่พยายามดิ้นมาทางผม พี่ไม้ที่เดินเข้าไปหากลุ่มคนงานตั้งแต่มาถึงพึ่งเดินมา
“แม่งไม่ได้เรื่องเลยพี่ พวกคนงานมันไม่เห็นอะไรเลย” พี่ไม้พูดอย่างหัวเสีย
“ไม่ต้องห่วงงานนี้กูเล่นหนักแน่” ดวงตาคมเปล่งประกายจ้าก่อนที่จะหันมาแท็คทีมกับพี่ไม้มาแกล้งน้ำที่ยิ่งถูกแกล้งยิ่งหัวเราะแต่ก็กอดคอผมแน่น จะหายใจไม่ออกแล้วนะ
“หึๆ เห็นว่าโรงงานพ่อเลี้ยงไฟไหม้แต่ก็คงไม่เป็นอะไรมาสินะถึงยังได้ยิ้มได้” ทุกคนชะงักบรรยากาศดีๆเมื่อครู่หายวับไป ทันที่ที่ร่างท้วมของอีกคนเดินเข้ามา
“ไม่คิดว่าคนอย่างมึงจะมีเวลาว่างมากถึงได้มาถึงที่นี่” พี่ลมก้าวออกมายืนอยู่หน้าผม
“ก็คนในครอบครัว ก็เลยเป็นห่วงเลยจะแวะมาดู”
“เหอะ กูไม่เคยนับมึงเป็นครอบครัว อย่ามาพูดให้เป็นเสนียดแถวนี้”
“มึงไอ้ลม หึ นั่นมันหลานกูไม่ใช่เหรอ” ร่างท้วมที่ขยับเดินเข้ามาพี่ลมกางแขนกั้น ส่วนผมก็กอดน้ำแน่น และน้ำก็เหมือนจะเข้าใจรีบกอดคอผมแน่น
“อย่าคิดแม้แต่จะแตะลูกกูแม้แต่ปลายเล็บ เรื่องเลวๆที่มึงทำกูจะไม่ปล่อยให้มึงล้ำเส้นกูอีกต่อไป วาพาลูกขึ้นรถ” พี่ลมหันมาบอกผมนิ่งๆ ได้แต่พยักหน้าแล้วอุ้มน้ำไปขึ้นรถ และผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นพี่ลมกับพี่ไม้คุยอะไรกันกับเสี่ยปานอีก ซักพักเสี่ยก็กลับด้วยท่าทางฉุนเฉียว ส่วนพี่ไม้กับพี่ลมคุยกันอีกสองสามคำพี่ลมก็เดินมาที่รถ
“เป็นไงบ้างครับ”
“ใครอ่ะพ่อลม” ลูกหมูที่นั่งเคี้ยวแซนวิชตุ้ยๆ ถามทั้งๆที่แก้มยังป่องด้วยแซนวิช
“อยากรู้เกินไปแล้วไอ้ลูกหมู ก็ไม่มีอะไรแล้ว วา...พี่อยากให้วาอยู่แต่บ้าน แค่สองสามวันนี้ พี่จะรีบจัดการให้เร็วที่สุด” แค่อยู่กับบ้านไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่เขาห่างคนที่ทำหน้าเครียดอยู่ต่างหาก
“อย่าทำอะไรให้ตัวเองต้องเจ็บตัวนะพี่ลม”
“ไม่ต้องบอกพี่เลยเรานะเจ็บตัวก่อนพี่อีก พ่อกินด้วยสิไอ้ลูกหมู” แหย่ผมเสร็จยังไม่วายที่จะแหย่ลูกก็รู้ๆอยู่น้ำกับของกิน แย่งได้ซะที่ไหน
“ม่ายยยนี่ของน้ำ ในเป๋านั่นก็ของน้ำ” อยากจะบีบแก้มที่ป่องเหมือนกระรอกจริงๆ หวงจริงๆนะของกินเนี้ย
“ไอ้หมูน้อยเอ๊ย อีกหน่อยก็กลิ้งเล่นในไร่เลยล่ะกัน” ถึงพี่ลมจะพูดแบบนั้นแต่ก็เหมือนจะดีใจที่น้ำกินเยอะนะ
“พี่ไม้เดี๋ยวครับ” ผมเรียกพี่ไม้ที่กำลังจะเดินเข้าโรงงาน
“อะไรเหรอวา”
“กาแฟครับกับแซนวิช” ผมส่งแก้วกาแฟกับแซนวิชที่เก็บไว้ต่างหากให้พี่ไม้
“ขอบใจนะ น่ารักจริงๆเล้ยย” พี่ไม้ว่าพร้อมกับยกมือมาบีบแก้มผมเบา
“ไอ้ไม้ปล่อยมือมึงนะ”
“ปล่อยก็ได้” ฟอด อ่ะ ไม่เพียงแต่ผมที่ตกใจเมื่อพี่ไม้ก้มลงหอมแก้มก่อนที่จะรีบวิ่งหนี พอหันไปมองพี่ลมที่ตอนนี้อ้าปากค้างตัวแข็งไปแล้ว จนผมและน้ำแอบขำอยู่นานสองนานกว่าพี่ลมจะได้สติมาโวยวาย
“วาทำไมให้ไอ้ไม้หอมแก้มห๊ะ”
ฟอด ฟอด จุ๊บ
“ฮ่าๆๆพ่อลมไม่ต้องอิจฉา น้ำก็หอมเหมือนกัน” น้ำที่คิดว่าที่พ่อโวยวายเพราะอิจฉาอาไม้ เลยเอาคืนพ่อด้วยการหอมแก้มพี่วา
“ไอ้ลูกหมู หืย ไม่ต้องขำวา อย่าให้ถึงทีพี่ ถ้าพี่เอาจริงแล้ววาจะรู้สึก” สายตาคมที่สื่อความหมายออกมา ทำให้เขาต้องเสหลบสายตา ก่อนที่จะยืนปิ่นโตให้
“พี่ลมจะกินข้าวเลยไหม พี่คงจะอยู่ที่เคลียที่นี่กันพี่ไม้”
“ไม่หรอกพี่จะกลับไร่เดี๋ยวค่อยกลับไปกินที่ไร่ นั่งดีๆไอ้ลูกหมู” พี่ลมบอกน้ำที่ยังนั่งกินไม่สนใจอะไรจนน้ำต้องลุกขึ้นมานั่งที่เบาะดีๆ พี่ลมถึงขับรถกลับไร่
“ไอ้นัทกูจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” ลมที่ตอนนี้กำลังเดินตรวจไร่องุ่นโดยมีนัทเดินตามมา ส่วนวาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน วาดูแลไร่ได้ดีจริงๆ ลมคิดเมื่อตอนนี้องุ่นเริ่มแทงยอดอวบ ท่าทางจะได้รับการบำรุงดูแลดี
“ผมรู้พี่ลมแต่ว่าหลักฐานตอนนี้มันยังมีช่องโหว่อยู่ เดี๋ยวมันก็ดิ้นหนีไปได้” นัทพูดอย่างหนักใจ
“กูไม่ปล่อยให้มันรอดหรอกเดี๋ยวหลักฐานก็จะถึงมือมึงเอง และกูมีตัวช่วย” นัททำหน้างง เอาเหอะระดับพ่อเลี้ยงไม่ปล่อยคนที่ระรานรอดหรอก
“เอาเหอะ ผมจะรอ ได้ข่าวว่าตอนนี้มันกำลังดิ้นเลยนิ”
“ใช่ กูว่าที่มันลงมือแบบนี้เพราะบ่อนทางพม่า” ทำไมลมจะไม่รู้ว่าเสี่ยปานติดการพนัน แต่ก่อนที่เขาปล่อย อาจจะใช่ที่เหตุผลหนึ่งคือเป็นพ่อของปลา แต่หลักๆเขาคิดว่าไอ้เสี่ยนี่ไม่ได้มีน้ำยามากถึงขนาดเล่นงานเขาได้ แต่เขาก็ประมาทเกินไป หมาจนตรอกมันทำได้ทุกอย่างจริงๆ ถึงได้ทำทุกทาง แถมยังยอมแลกทุ่มทุนทุกอย่างที่มี น่าสมเพศ
“พี่ลมนี่นะรู้ขนาดนี้แล้วยังปล่อยให้มันเล่นอยู่ได้”
“ก็นะ กูผิดเองล่ะตอนนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้ กูมีคนให้ห่วงเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”
“นี่จริงจัง”
“เออเหลือแต่ไปขอกับพี่ชายวานั่นล่ะ”เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาคิดหนักกว่าการที่จะจัดการเสี่ยปานเสียอีก
“เหอะๆ งั้นผมไปก่อนนะพี่”
“เออจะไปไหนก็ไป” เขาโบกมือไล่โดยไม่สนใจสายตาค่อนแคะของมันเลยซักนิด เขายังคงเดินสำรวจไร่องุ่นต่อ
“พี่วา น้ำไม่เข้าใจ”
“ตรงไหนเหรอครับ” ผมที่ถือจานผลไม้เดินไปหาน้ำที่นั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวี ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ
“อ้อ ตรงนี้น้องน้ำต้องบวกข้างหลังก่อนครับ” เขาชี้จุดที่น้ำไม่เข้าใจ น้ำเป็นเด็กเรียนรู้เร็วตอนนี้สามารถบวกเลขในใจได้แล้ว การบ้านทุกอย่างก็ทำเอง ไม่เข้าใจถึงขอความช่วยเหลือ ผมนั่งดูน้ำทำการบ้านไป สลับกับที่ผมเตรียมผักสำหรับทำอาหารเย็น
เอี๊ยดดดดดดดดดดด
เสียงบดของล้อยางดังลั่น ทั้งผมและน้ำต่างสะดุ้ง
ปัง
“ฉันมาหาลม” เสียงแว๊ดๆเป็นเอกลักษณ์ของร่างระหงที่ก้าวเข้ามาในบ้าน
“พี่ลมไม่อยู่ครับ” ผมกระซิบบอกน้ำ น้ำพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นห้องตัวเองก่อนที่ลุกขึ้นไปคุยด้วยเพราะเห็นท่าทางหาเรื่องของอีกฝ่ายแล้ว คงไม่แคล้วที่จะมาหาเรื่องเขาแน่ๆ
“หึ แกมาอยู่อะไรที่นี่ คิดจะมาเกาะลมเหรอ แกต้องการเท่าไหร่”
“หมายถึงอะไรครับ”
“โง่” สายตาหยามเหยียดนั่นไม่ได้ทำให้ผมโมโหอะไร เพียงแต่ผมรู้สึกสงสาร สงสารคนๆนี้ที่ยังยึดติด
“แกต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะออกไปจากชีวิตพี่ลม”
“พี่ลมไม่มีค่าเท่ากับเศษเงินพวกนั้นหรอกนะครับ ผมว่าคุณปรุงกลับไปดีกว่านะครับตอนนี้พี่ลมไม่อยู่”
“แกเป็นใครมีสิทธิอะไรมาไล่ฉัน แกคงไม่รู้สินะ ฉันเป็นน้องสาวของปลา อ้อแกคงจะแปลกใจว่าปลาคือใคร ปลาคือแม่ของน้ำ ตอนนี้นังนั่นทิ้งพี่ลมไปฉันควรจะเป็นคนที่เข้ามาเป็นนายหญิงของไร่สายลม” หญิงสาวพูดอย่างเพ้อฝัน เธอเกิดมาเป็นลูกสาวคนเล็กที่ถูกทุกคนรอบตัวกล่าวชมทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ ถึงแม้สิ่งที่เธอทำจะผิด แต่เมื่อทุกคนรอบตัวชื่นชม นั่นคือสิ่งที่ถูก เมื่อโตขึ้นมา เธอถูกห้อมล้อมไปด้วยคนที่เห็นด้วยกับเธอ หมุนรอบตัวเธอ ใครที่ไม่เห็นด้วยจะถูกมองเป็นแกะดำ และถูกโจมตี นั่นยิ่งให้เธอมั่นใจในการกระทำของตัวเองว่าถูก
ตอนที่พี่สาวของเธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่ชื่อลม ตอนแรกเธอได้แต่เหยียดหยามว่าพี่สาวเหลวแหลกของเธอไปคว้าผู้ชายระดับไหนมาเป็นสามี แต่เมื่อเธอได้เจอลม เธอกลับตกหลุมรักผู้ชายคนนั้น เธอเคยพร่ำขอกับบิดาว่าเธออยากแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอถูกขัดใจ แต่เธอรู้ดี รู้ดีว่าทั้งสองคนนั่นไม่ได้รักกัน ลมรักเธอ เขาคอยสบตากับเธอเสมอ ดังนั้นเธอต้องจะต้องได้เคียงคู่กับเขา หลังจากที่เด็กนั่นคลอดออกมาแล้วพี่สาวของเธอหายตัวไป ตอนนั้นบิดาหัวเสียมาก ในตอนนั้นเธอคิดว่าเป็นโอกาสของเธอ แถมบิดายังคอยสนับสนุน นั่นยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเธอจะต้องได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้แน่
จนกระทั่ง ........ไอ้ผู้ชายคนนี้มา ผู้ชายที่ทำให้ลมวิปริต ทำให้คนรักของเธอเปลี่ยนไป ดังนั้นเธอต้องกำจัดหมอนี่
“ฉันเคยเตือนแกแล้ว แต่แกก็ยังดื้อด้านกลับมา” เรียวปากแดงเสยะยิ้มบิดเบี้ยว วาเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อคนตรงหน้าเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่นทำให้วาระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
“หมายความว่ายังไงครับคุณปรุง ในเมื่อผมกับคุณแทบไม่ได้คุยกัน คุณเตือนผมตอนไหนกัน”
“เหอะ แกน่าจะตายๆไปตั้งแต่รถคว่ำ แต่แกก็หนังเหนียว” ผมได้แต่ตกใจเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนบงการ ผู้หญิงคนนี้ทัศนคติผิดเพี้ยนไปแล้ว
“ผมคงคิดโง่ๆจริงๆ คุณปรุงนั่นก่อนดีไหมครับ ค่อยๆคุยรายละเอียดกัน” ผมพยายามที่จะคล้อยตามเพื่อไม่ให้อีกคนสติแตก
“หึ” ขาเรียวก้าวไปยังโซฟา ก่อนที่จะมองกองหนังสือมือสวยปัดทิ้ง ผมนั่งลงตรงข้ามก่อนที่จะเก็บอุปกรณ์ทำครัวให้พ้นมือ คุณปรุงพูดเล่าเรื่องราวความรักของตัวเองก่อนที่จะเข้าเรื่องการจ้างให้เขาออกจากชีวิตพี่ลม แต่ก่อนที่ผมจะเออออ
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ทางที่ดีอกควรหายไปจากพี่ลมตลอดกาล” ให้ตายเถอะผู้หญิงคนนี้สติหลุดไปแล้วจริงๆ
“คุณปรุงใจเย็นๆก่อนนะครับ”
“หึๆ” เมื่อเห็นท่าไม่ดีเขารีบลุกขึ้นแต่ก็เหมือนจะช้ากว่าคนที่สติหลุดไปแล้ว เล็บยาวจิกเข้าที่แขนขาวเป็นรอยยาว
“โอ๊ย” ผมจับมือคุณปรุงออก ก่อนที่จะกุมไว้แน่น
“ได้สติซะทีเถอะคุณปรุง” ผมตะโกนอย่างเหลืออด แต่เหมือนจะเป็นการกระตุ้นอีกคนให้พุ่งเข้ามาทำร้าย แต่เขาก็จับมืออีกคนไว้แน่นยังไงซะแรงผู้หญิงก็ยังน้อยกว่าแรงผู้ชายอย่างผม แต่ผมก็โต้กลับไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้หญิง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” ในที่สุดความช่วยเหรอที่เขาตามมาก็มาถึง
ลมรีบกลับมาทันทีที่เจ้าลูกหมูโทรไปรายงาน แต่กว่าที่จะมาถึงเขาก็เห็นผู้หญิงน่ารำคาญนั่นยื้อยุดกับวา เขารีบเดินไปกระชากแขนคนที่คล่อมวาจนตัวปลิวกระแทรกโซฟา
“โอ๊ยย” เสียหวีดร้องไม่ได้เรียกความสนใจของผมได้ เขาพุ่งไปดูร่างบางที่กำลังลุกขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อเห็นรอยแดงรอยถลอกที่แขนขาว
“พาผู้หญิงไร้สติไปส่งโรงพัก”
“ครับนาย” ละอองรีบรับคำก่อนที่จะล็อกแขนสองข้างดึงตัวออกไป
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แกอย่ามาแตะตัวฉันนะ ลมคุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ”
“หุบปากแล้วออกไปจากบ้านฉันซะ” ละอองได้ยินแบบนี้ก็รู้แล้วว่านายตัวเองโมโหแล้ว รีบลากคนออกไป สงสัยงานนี้เขาจะต้องเบิกเงินแน่ๆเพราะหูเขาใกล้บอดแล้ว
“เป็นไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรครับพี่ลม”
“พี่วา ฮือออออ” ยังไม่ทันที่วาจะตอบอะไรร่างตุ้ยนุ้ยก็พุ่งเข้ามาหา ได้แต่กอดปลอบน้ำที่น้ำตานอง คงจะกลัวสินะ
“ยืนแขนมาให้พี่ดูหน่อย” ลมบอกวาที่ตอนนี้กอดกันกลม วายืนแขนข้างที่โดนจิกมาให้เขา
“ให้ตายเถอะพี่น่าจะมาเร็วกว่านี้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ลม” ถึงแม้ว่าวาจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก็ยังไม่ชอบใจเลย ความรู้สึกที่ปกป้องอีกคนไม่ได้
“เดี๋ยวพี่ทำแผลให้ นี่น้อยๆหน่อยไอ้ลูกหมู” เขามองไอ้ลูกหมูที่กลายล่างจากลูกลิงตอนนี้จะกลิ้งได้อยู่แล้ว ตอนนี้กอดยังไม่พอยังอ้อนให้วาหอมแก้มอีกหลายครั้ง คนโดนอ้อนก็ทำตามที่ขออีก เขาใส่ยาจนเรียบร้อย
“เย็นนี้เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวเอง” พูดจบวาก็เงยหน้า ตากลมยิ่งเบิกกว้าง
“วาไม่อยากให้ห้องครัวพังหรอกนะ” ผมล่ะชอบตอนที่วาแทนตัวว่าวาจริงๆ ได้ยินตอนคุยกับคุณโย วาอย่างนั้นวาอย่างนี้ เหมือนอ้อนเขาจริงๆ
“ไม่พังหรอกเดี๋ยวพี่จะให้วาสอน” เอาน่าทำงานไร่มาทั้งชีวิตกะอีแค่เข้าครัวมันคงไม่พังหรอก
“ก็ได้ครับ แต่วาโหดนะ”
“ไม่กลัวอยู่แล้ว”
“น้ำก็จะทำด้วยยยยย” อยากมีส่วนร่วมจริงๆนะ เขาโยกหัวทุยแรงๆหนึ่งที เอาล่ะจะยากแค่ไหนกันเชียว
“พี่ลม หันครับไม่ใช่สับ”
“นี่พ่อลมดูสิ น้ำยังทำได้เลย”
“พี่ลมนั้นเกลือครับไม่ใช่น้ำตาล
“พ่อลมนี่ไม่รู้อะไรเล้ย”
“พี่ลม!!! คนสิครับไหม้แล้ว”
“จะกินได้ไหมน่อ”
โว้ยยยยยยยยยย กูขอกลืนน้ำลาย การทำอาหารแม่งโคตรยากเลยเว้ย
*************************************************************
ปั่นแบบแหกนรกแตกมาก
คนคนหนึ่งมีบุคลิกนิสัย เกิดจากการบ่มเพาะจากสังคม
สิ่งสำคัญคือ ครอบครัว ว่าเลี้ยงดูแบบไหนมา
เคยมีคนแบบนี้โผล่มาในชีวิต ได้แต่อ้าปากค้าง
กับอาการโลกหมุนรอบตัวเอง
เอาล่ะพร้ำเพ้อเกินไปแล้วฮ่าๆๆ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เข้ามาเม้นต์ ไปกดไลค์พูดคุยได้ที่เพจนะคะ
https://www.facebook.com/letter123.writer/รักคนอ่านทุกคนนะคะ