เพื่อนร่วมงานแบบที่ 30
“ตอนนี้คุณน้องยามีคนที่มอง ๆ อยู่บ้างมั้ยคะ คนที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ”
มิตติ้งเล็ก ๆ ของแผนกรับสินค้าไม่ใช่งานใหญ่โตอะไร เป็นแค่การทำอาหารง่าย ๆ มากินร่วมกันหลังเลิกงานที่สวนสาธารณะ ปูเสื่อนั่งเล่นนอนเล่นและพูดคุยกันแบบธรรมดา หลังจากที่กินอาหารที่ทำมาแบ่งกันแล้ว ในที่สุดน้องเอื้อยที่ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานก็เอ่ยปากถามชยาตรง ๆ เรียกเสียงหัวเราะคิกคักและคำพูดหยอกล้อจากพนักงานร่วมแผนกได้ไม่น้อย
“เอื้อยใจเย็น ๆ ถามแบบนั้นคุณน้องยาจะตอบยังไงถูก”
“ไม่บอกไปเลยว่ามีคนแถวนี้แอบมองอยู่”
“เอื้อยยยยยยยยย ไม่ค่อยเลยนะ”
และเป็นจริงอย่างที่คิด ชยาไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อถูกถามตรง ๆ และคนที่นั่งอยู่ข้างชยาก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ชยาทันที
“แหม เอื้อยถามซะตรงประเด็นเลย งั้นผมจะประกาศกับทุกคนตามตรงเลยก็ได้ไม่อยากให้ต้องคาใจกันอีก ว่าเอ๊ะ ความสัมพันธ์ของผมกับคุณชยานี่ยังไง บอกตรง ๆ เลยก็ได้ ผมรับส่งคุณชยาอยู่ทุกวัน เช้าสายบ่ายเย็น ดูแลอย่างดีทั้งของกินทั้งขนมไม่เคยขาด จีบขนาดนี้ เสียเป็นแสนแขนก็ยังไม่ได้ดมเลย ยังไงดีครับคุณชยา เมื่อไหร่จะตกลงปลงใจกับผมซะที”
ชยาถึงกับเบะหน้าและยกแขนเบลที่โอบที่ไหล่ออกทันที หันไปมองคนที่พูดไปยิ้มไปแล้วก็ถอนหายใจยาวและส่ายหน้ากับสิ่งที่เบลพูด
“พูดอะไรฟังไม่เห็นรู้เรื่อง กินส้มตำดีกว่า”
ชยาใช้ส้อมตักส้มตำในจานเข้าปากและเบลก็สะกิดที่แขนของชยาเบา ๆ เพื่อให้ชยาตักส้มตำให้กินบ้าง และชยาก็ป้อนส้มตำใส่ปากเบลคำใหญ่จนคนกินสำลัก
“แค่ก ๆ แอ่ก อะไรของคุณเนี่ย ตักมาขนาดไหน แอ่ก ๆ แค่ก ๆ ใครจะกินได้”
เพราะโดนต่อว่าชยาก็เลยยกแก้วน้ำอัดลมส่งให้เบลและพนักงานคนอื่น ๆ ที่นั่งร่วมวงด้วยก็อมยิ้มเพราะได้เห็นสิ่งที่เบลกับชยาปฏิบัติต่อกัน
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณน้องยากับคุณเบลจะมาสนิทกันได้ นึกว่าจะไปด้วยกันไม่รอดตั้งแต่ตอนที่คุณน้องยาเข้ามาที่แผนกใหม่ ๆ”
พี่นิดที่เป็นพนักงานหญิงที่อายุมากที่สุดของแผนกและเป็นคนทำอาหารมาให้ทุกคนได้กินกัน ถึงกับเอ่ยปากชมและชยาก็เหลือบสายตามองหน้าคนที่ลงไปนอนเหยียดยาวและใช้หน้าขาของชยาหนุนแทนหมอน
“เมื่อก่อนผมแย่มากเลยใช่มั้ยครับพี่นิด”
“แต่ตอนนี้คุณน้องยาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ”
เพราะได้รับคำชมชยาก็เลยยิ้มกว้างและพยายามดันหัวของคนที่มาหนุนตักออกและเบลก็ใช้มือจับขาของชยาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“อย่ามากเรื่องน่า ผมเสียเป็นแสนแล้วแขนยังไม่ได้ดมเลยนะ หนุนตักแค่นี้ทำเป็นเรื่องมากไปได้”
เบลไม่ยอมแพ้จริง ๆ และชยาก็ทำหน้ายุ่งพยายามดันหัวของเบลออกแต่เบลก็ยังดื้อยังจะหนุนตักของชยาให้ได้
“เซียงมีหมอนอีกใบมั้ย”
เรียกรุ่นน้องร่วมแผนกที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเสื่อข้าง ๆ กันและเซียงก็ส่ายหน้าและตอบกลับมา
“ผมก็มีอยู่ใบเดียวเนี่ยแหละครับ”
แล้วชยาจะไปทำอะไร นอกจากต้องยอมให้เบลหนุนตัก ชยาตักส้มตำกินไปเรื่อย ๆ และน้องเอื้อยก็มองหน้าพี่นิดเหมือนอยากขอความช่วยเหลือ
“แล้วตกลงนอกจากคุณเบลแล้วเนี่ย คุณน้องยามีคนที่มอง ๆ ไว้อยู่บ้างหรือเปล่าคะ”
“แค่ผมคนเดียวชยาก็ไม่มีเวลาไปมองคนอื่นแล้ว หรือยังไงคุณชยาจริงหรือไม่จริง”
ชยาใช้มือปิดตาเบลเอาไว้และเบลก็พยายามดึงมือของชยาออก คราวนี้ชยาก็เลยใช้มือปิดทั้งตาและปิดทั้งปากของเบลไปพร้อมกัน
“นอนไปเลย ยิ่งพูดยิ่งไม่รู้เรื่อง”
“อ๋ม อูด อามมมมแอ่ก ๆ”
เบลได้แต่พยายามดึงมือของชยาที่ปิดปากปิดตาออก และพนักงานทุกคนที่นั่งอยู่รวมกันก็หัวเราะออกมาด้วยความขำเพราะสิ่งที่คนสองคนที่เมื่อก่อนไม่เคยพูดจาดี ๆ ต่อกันแต่ตอนนี้สนิทกันมากอย่างไม่น่าเชื่อ
น้องเอื้อยมองหน้าพี่นิดและถอนหายใจยาว
มั่นใจแน่แล้วว่าไม่ว่ายังไงก็คงจะเข้าหาชยาไม่ได้แน่ ๆ เพราะเบลกันท่าอย่างชัดเจน ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนดูแลชยาคือเบล ซึ่งได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากเจ้าของบริษัท เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีใครสามารถเข้าใกล้หลานชายเจ้าของบริษัทอย่างชยาได้ ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็ต้องตัดใจ และน้องเอื้อยที่พยายามเข้าใกล้ชยามาพักใหญ่ก็เริ่มตัดใจแล้ว เพราะไม่เห็นทางไหนที่จะเข้าหาชยาได้เลยจริง ๆ
+++
“ต้องกลับเข้าไปรับของที่เพิ่งลงเครื่องมา ด่วนมาก ผู้จัดการบอกให้เข้าไปรับให้หน่อย เดี๋ยวจะเข้าไปเปิดคลังให้”
เบลส่งหมวกกันน็อคให้ชยาและชยาก็พยักหน้ารับ สวมหมวกกันน็อคและขึ้นมาซ้อนท้ายเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านก่อน แล้วค่อยเลยเข้าไปที่บริษัท”
“ทำไมล่ะ ก็ไปด้วยกันเลย”
ชยาไม่เข้าใจทำไมเบลถึงจะไปรับสินค้าเองคนเดียว ทั้งที่ชยาก็เป็นพนักงานของแผนกรับสินค้าเหมือนกัน
“มันจะดึกน่ะสิ คุณแม่คุณจะรอหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร พี่แหววกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่แล้ว”
บอกให้เบลสบายใจและเบลก็พยักหน้ารับและขี่มอเตอร์ไซค์กลับเข้าบริษัทเพื่อไปรับสินค้าที่จะเข้ามาและเป็นงานด่วน
เพียงไม่นานก็ถึงบริษัทและเบลก็เปิดไฟและเปิดพัดลมเพื่อไล่ยุง เดินมานั่งรอผู้จัดการที่จะมาเปิดคลังให้พร้อมกับชยา
ฟ้าร้องครืน ๆ อยู่พักใหญ่และเพียงไม่นานฝนก็เริ่มตกหนัก
“ดีนะที่เข้ามาทัน ไม่อย่างนั้นเปียกแน่”
หันไปบอกชยาที่นั่งอยู่ด้วยกันและชยาก็มองไปที่ด้านนอกที่ฝนยังตกหนักไม่หยุด
“เบล”
เรียกคนที่นั่งอยู่ข้างกันและเบลก็หันมามองคนเรียก
“เสียเป็นแสนแขนก็ยังไม่ได้ดมนี่พูดจริงเหรอ”
เบลไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ ชยาถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา ใช่ที่เป็นคำพูดหยอกล้อและเพื่อตัดรำคาญไม่ให้น้องเอื้อยมาวุ่นวายกับชยาอีก แต่ไม่นึกว่าชยาจะเก็บเอามาคิดจนต้องถาม
เบลไม่ตอบแต่มองหน้าของชยานิ่ง ๆ และชยาก็มองหน้าของเบลตรง ๆ และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบชยาก็เลยเมินหน้าหนีและเบลก็ถอนใจยาว
“จะให้พูดยังไงดีล่ะ”
เบลไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ยกมือขึ้นเกาหัวและกำลังพยายามครุ่นคิดหาคำตอบที่จะทำให้ชยาเข้าใจได้ง่าย ๆ
“ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ บางทีผมทำอะไรไปผมก็หวังผลบางอย่างอยู่เหมือนกัน”
ชยาหันมามองหน้าของเบลและขมวดคิ้วมุ่นตอนที่เบลบอกว่าหวังผลบางอย่าง
“ผมไม่มีผลประโยชน์ให้ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“จะพูดยังไงดีคุณถึงจะเข้าใจ”
โดนถามแบบนั้นและชยาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไงถึงจะเข้าใจที่เบลพูด
กำลังจะถามแต่เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงก็ดังขึ้นและทุกอย่างรอบตัวก็มืดมิดไปหมด ไม่ทันได้ทำอะไรชยาก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของคนที่กำลังคุยกันถึงเรื่องบางอย่าง
สัมผัสจากแรงกอดรัดแนบแน่นขึ้นและริมฝีปากร้อน ๆ ก็บดเบียดเข้าหาที่ริมฝีปากของชยาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“อึกเบล อื้อออ อ่ะ”
ได้แต่ส่งเสียงร้องอึกอักในลำคอ และพยายามจะขืนตัวออกห่างแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
หลังจากตกอยู่ในความมืดชยาก็แทบไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง
รู้ว่าได้ยินเสียงฝนตก จำได้ว่าได้ยินเสียงฟ้าร้อง และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนแรงและลมหายใจร้อน ๆ ที่เป่ารดใกล้ชิดแนบสนิทจนแยกไม่ออกว่าเป็นลมหายใจของใคร ระหว่างเบลหรือชยา
TBC.