เพื่อนร่วมงานแบบที่ 26
“คุณน้องยานี่แกไม่ค่อยกินอะไรเนอะแกถึงได้ผอม พี่สิกินไม่หยุดเลย อยากจะทำให้ได้อย่างคุณน้องยาบ้างเหมือนกันจะได้ผอม ๆ บ้าง นี่เห็นอะไรก็น่ากินไปหมดเลยจริง ๆ นะคุณเบล”
เบลไม่จำเป็นต้องคิดตามที่พี่นิดบอกก็ได้ แต่ถ้าถึงขนาดที่คนรอบข้างยังสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ เบลคิดว่าแบบนี้มันก็ดูจะมากเกินไปหน่อย ที่จริงแค่เรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ควรก้าวก่ายกันแต่แบบนี้มันก็ดูจะมากเกินไป
“ช่วงนี้คุณมีปัญหาเรื่องเงินเหรอ”
ตัดสินใจถามไปตรง ๆ และชยาที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับเอกสารที่ต้องจัดการเพื่อส่งเข้าออฟฟิศก็หยุดชะงักมือไปเล็กน้อยก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติและแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เบลถาม ทำเป็นยุ่งกับการจัดเรียงเอกสารและไม่มองหน้าคนที่ลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ และมองหน้าของชยาตรง ๆ
“นี่คุณหนู”
เรียกให้ได้ยินอีกครั้ง แต่ชยาก็ยังแกล้งทำเป็นเมินเฉย และเบลก็ถอนหายใจยาว ดึงใบส่งของในมือของชยามาเปิดดูและวางเอาไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์อีกตัวที่อยู่ข้างกัน
“ทั้งหมดนั่นเดี๋ยวผมคีย์เอง คราวนี้เราจะคุยกันได้หรือยัง”
แล้วชยาที่กำลังทำหน้าไม่ถูกก็หยิบเอกสารอื่น ๆ ที่อยู่ในตะกร้ามาถือเอาไว้ และเข้าไปในระบบคีย์รับสินค้า ไม่ยอมสนใจเรื่องที่เบลต้องการจะคุยด้วย และเบลก็ดึงเอกสารจากในมือของชยามาโยนใส่ตะกร้าที่หน้าคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่อยู่ตรงหน้าของเบลแทน
“ตกลงเราจะคุยกันได้หรือยัง”
ชยาไม่ได้ตอบแต่นิ่งเงียบไป และกำลังจะลุกขึ้นเดินหนีจนเบลต้องดึงแขนเอาไว้ให้นั่งลงเพื่อจะได้คุยกัน
“คุณชยา”
ชยารู้ว่าเบลต้องการคุยแบบจริงจังแต่ชยาไม่คิดว่าตัวเองจะพร้อมคุย
“มีปัญหาอะไรไม่คิดจะบอกกันบ้างเลยเหรอ”
ถามย้ำอีกครั้งและชยาก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดี ได้แต่นิ่งเงียบและถอนหายใจยาว เมินหน้าหนีไปทางอื่น
“คุณต้องดูแลครอบครัวผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเองแล้วถ้าเกิดคุณเป็นอะไรไปคนที่คุณต้องดูแลเขาจะอยู่กันยังไง”
ชยารู้ถึงความหวังดีของเบล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถพูดหรือบอกกับใครได้ เพราะมันเป็นปัญหาของตัวเองที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่ปัญหาที่จะรอคอยความช่วยเหลือและเอาแต่หวังพึ่งคนอื่น
“ก็ไม่มีอะไรนี่ ผมก็โอเคดี”
ตอบออกไปแล้ว และเบลก็จ้องมองหน้าของชยานิ่ง ๆ
“พูดแบบนี้ต่อยกันมั้ยครับคุณหนู”
แบบนี้เรียกว่าอะไร อาจเป็นคำพูดหยอกล้อเล่น หรือบางทีอาจเป็นคำพูดที่แสดงออกว่าคนฟังไม่พอใจ แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง ชยาคิดว่าตัวเองพูดสิ่งที่ควรพูดไปแล้ว
“ผมไม่รู้นะว่าคุณอยากได้คำตอบแบบไหน แต่คุณเบล ที่จริงแล้ว...”
ชยาพยายามคิดหาคำตอบที่คิดว่าดีที่สุดมาตอบ และเบลก็รอฟังคำตอบของชยาอยู่นานจนต้องถามย้ำอีกครั้งเพราะอยากรู้สิ่งที่ชยาคิด
“ที่จริงแล้วอะไร ทำไมไม่พูดให้จบ”
“..........”
ชยาถอนหายใจยาว ก่อนจะก้มลงมองที่ปลายนิ้วของตัวเองและตัดสินใจเงยหน้าขึ้นและหันไปหาเบล มองหน้าของเบลนิ่ง ๆ และคิดว่าตอบอย่างตรงไปตรงมาคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อทำให้เบลเข้าใจอย่างชัดเจน
“ถึงพักนี้คุณกับผมจะทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่นมากกว่าเมื่อก่อน แต่คุณก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าแค่เพื่อนร่วมงานกัน...”
ชัดเจนพอแล้ว และเบลก็ลุกขึ้นยืนทันที หยิบเอกสารในตะกร้าทั้งหมดมาวางคืนให้ชยาก่อนจะเดินผละจากไปที่ลานรับสินค้าและไม่ต้องการจะพูดอะไรให้มากความอีก
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว งั้นคุณก็ทำงานของคุณต่อไปก็แล้วกัน”
+++
มีหลายครั้งที่ชยามองไปที่คนที่กำลังรับสินค้าและตรวจนับจำนวนสินค้าที่เข้ามา พาเลทมากมายยังวางรอสินค้าที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มอีกในช่วงบ่าย และเอกสารทุกใบก็ถูกส่งมาที่ชยาเพื่อคีย์รับเข้าระบบ
วันนี้ยุ่งกว่าทุกวันเพราะเมื่อใกล้สิ้นเดือน งานจะล้นมือจนแทบไม่มีเวลาพัก เวลาทั้งวันหมดไปโดยที่แทบไม่ต้องคิดอะไร สุดท้ายแม้ว่าจะหมดเวลางานไปนานแล้ว แต่ใบส่งของที่เข้ามามากมายและต้องคีย์รับเข้าไปในระบบก็ยังกองอยู่เต็มโต๊ะของชยา
เหนื่อยแต่ต้องทน และชยาที่แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงก็ต้องหยุดมือเมื่อพบว่าสายตาพร่าเลือนมากขึ้นทุกทีเพราะจ้องจอคอมพิวเตอร์มาตลอดทั้งวัน ถอดแว่นสายตาออกและใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้งบีบนวดไปที่หว่างคิ้ว เหนื่อยล้าจนแทบยกมือไม่ขึ้นแต่ก็พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะสะสางงานในวันนี้ให้แล้วเสร็จให้ได้
“กว่าจะคีย์หมดทั้งกองนั่น คงเป็นพรุ่งนี้เช้าล่ะมั้ง”
ได้ยินเสียงพูดของคนที่มายืนอยู่ตรงหน้าและชยาก็เงยหน้าขึ้นมอง
เบลไม่ได้พูดอะไรกับชยาอีก หยิบกระเป๋าเป้ที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะออกมาและยกขึ้นสะพายหลังก่อนจะเอ่ยบอกและเดินออกไปจากแผนกรับสินค้าที่ไม่เหลือใครอยู่แล้ว
“หมดเวลางานของผมแล้ว งั้นผมกลับก่อนแล้วกัน”
เบลกลับบ้านจริง ๆ อย่างที่พูด และชยาที่มองตามคนที่เดินไปที่ป้อมยามเพื่อตอกบัตรก็ทำได้แค่มองเท่านั้น
เบลแสดงออกอย่างชัดเจนให้สมกับคำว่า “เพื่อนร่วมงาน” อย่างที่ชยาพูด
ตอนนี้กลายเป็นชยาเองที่พูดอะไรไม่ออก เพราะไปพูดแบบนั้นกับเบลก่อน สิ่งที่เบลทำให้เห็นตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร
ชยาหยิบเอกสารที่ต้องคีย์มาถือเอาไว้ มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อจะคีย์รับสินค้าเข้าไปในระบบแต่มือไม่ยอมขยับตามที่ใจคิด
หิว เพราะแทบไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน
เหนื่อย เพราะตั้งแต่เริ่มงานก็ยังไม่ได้พักจนถึงตอนนี้
ท้อ เพราะมองไปที่กองเอกสารที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยทั้งที่คิดว่าทำไปได้มากแล้วแท้ ๆ
ล้า เพราะกำลังทั้งกายและใจกำลังจะหมดลงทุกที
ชยายังถือเอกสารไว้ในมือ แต่เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ หมดเรี่ยวแรงจะพูดอะไรได้อีก รู้แค่เพียงอยากร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก
หลับตาลงอย่างช้า ๆ และพยายามปลอบใจตัวเองเสียงเบา...อดทนนะชยา อดทน เข้มแข็ง อดทน อดทน...และ...
“ลุกขึ้นแล้วไปกับผม ไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยกลับเข้ามาทำพร้อมกัน”
ชยาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นว่าคนที่ควรกลับไปแล้วมายืนอยู่ตรงหน้า
มองหน้าของเบลนิ่ง ๆ มองและหรุบสายตาลงต่ำ ไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากวางเอกสารที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ
ชยาคว้าเอวของเบลมากอดแน่นและซบใบหน้าที่ท้องของคนที่มายืนอยู่ตรงหน้า พูดเรื่องที่ไม่สมควรพูด และเป็นคำพูดที่ไร้สาระบ้าบอที่สุดตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา
“ผมทั้งเหนื่อยทั้งหิวจะตายอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงกลับมาช้า”
ฝ่ามืออุ่น ๆ ยกขึ้นแตะเบา ๆ ที่เส้นผมของชยา ทั้งที่น้ำเสียงยังเย็นชาแต่การแสดงออกของเบลไม่ได้เป็นไปตามน้ำเสียงที่พูดเลยสักนิด
ชยาเพิ่งเห็นว่าในมือของเบลมีถุงมันฝรั่งเสียบไม้อยู่ด้วยและเบลก็วางถุงมันฝรั่งไว้บนโต๊ะให้ชยา
“ก็แถวของคนที่รอซื้อมันฝรั่งเสียบไม้มันยาว คุณจะให้ผมแซงคิวคนอื่นเขาหรือไง”
TBC.