ใจรักและภักดี (นิยายสมัยอยุธยา) ตอนที่20 25% (28/09/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ใจรักและภักดี (นิยายสมัยอยุธยา) ตอนที่20 25% (28/09/60)  (อ่าน 13468 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

***=================================================***
สวัสดีค่ะ นี้เป็นนิยายเรื่องแรกของเรา มีอะไรติชอบ บอกกล่าวกันได้นะ หรือว่าเราทำอะไรผิดก็บอกได้ พึ่งสมัครด้วย ไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อนเลย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุค สมัยปลายอยุธยา ผิดพลาดอย่างไรบอกกันได้นะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 23:05:27 โดย Tipin »

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
บทที่ 1 แรกพบ
   เสียงไก่ขันประสานกับเสียงคุยแซ่ซ้อดังสลับกันไปทั่วบริเวณเรือน ปลุกให้ร่างเล็กตื่นจากการนอนหลับ เก็บที่นอน หมอน มุ้ง ให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ย่าเอ็ด
   “ตื่นแล้วหรือขอรับคุณหนูน้อย” เสียงหนึ่งดังออกมาเมื่อร่างเล็กเดินข้ามธรณีประตู
   “ยังไม่ตื่นเลยอ้ายขาว ที่เห็นฉันออกมานี้ ฉันละเมอ” เสียงเล็กตอบกลับ พร้อมรอยยิ้มทะเล้น “แล้วนี้เสียงแซ่ซ้อดังไปสามบ้านแปดบ้านแบบนี้ คุณย่าท่านไม่เอ็ดตะโรแย่รึ”
   “คุณหนูน้อยของบ่าวก็ช่างตอบ ส่วนเรื่องเสียงดังแม่นายใหญ่ไม่ว่าหรอกขอรับ ออกจะดีใจด้วยซ้ำ อย่าบอกบ่าวนะขอคับว่าคุณหนูน้อยลืมว่าพรุ่งนี้วันอะไร” บ่าวชราตอบ พร้อมถามกลับ
   “ฉันจะลืมได้อย่างไรเล่า ขืนฉันลืมนอกจากโดยคุณย่าหยิกจนเนื้อเขียว ฉันยังอาจโดนพี่จันงอนเป็นเดือน ๆ ก็เป็นได้ ยิ่งพี่จันจะแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ฉันยิ่งง้อได้ยากขึ้นกันพอดี” คุณหนูน้อยของบ้านตอบ พร้อมทำหน้าราวกับกลัวซะเต็มประดา “เอออ้ายขาว ฉันไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ขืนรอเวลานานกว่านี้คุณย่ามาเห็นจะหาว่าฉันตื่นสาย” ว่าแล้วก็เดินไปท่าน้ำเพื่ออาบน้ำ แต่งตัว

   โชคดีที่หลังอาบน้ำ แต่งตัว พร้อมเกล้าจุกเสร็จก็ได้เวลากินอาหารเช้าของที่บ้านพอดี ร่างเล็กรีบกลับขึ้นเรือนเพื่อให้ทันเวลา ไม่ฉะนั้นได้โดนคุณย่าว่าเสียงดังให้อายบ่าวไพร่เป็นแน่
   “มาแล้วรึพ่อตัวดี มาได้เวลาพอดี มานี้มะ มานั่งข้างย่า รีบกินข้าวจะได้ไปช่วยเขาตระเตรียมงานแต่งให้พี่สาวเจ้า” แม่นายใหญ่ของบ้านกวักมือเรียกหลานคนเล็กมาหา
   “คุณย่าจะให้ฉันช่วยอะไรรึจ๊ะ มีแต่หน้าที่ผู้หญิง ให้ไปช่วยเย็บปักถักรอยฉันไม่เอานะจ๊ะคุณย่า” ร่างเล็กตอบ พร้อมทำหน้ากลัวเสียเต็มประดา เพราะพึ่งโดนเข็มตำมือพรุนมาตั้งแต่เมื่อวาน เนื่องจากงานแต่งงานได้ฤกษ์กระชั้นชิด ทำให้ทั้งหญิง และชายในบ้านต่างต้องช่วยกันเย็บที่นอน หมอน มุ้ง เพื่อนำไปใช้ในเรือนแต่ง
   “ถ้าไม่อย่าเย็บหมอน เจ้าก็ไปสานตะกร้า กระบุง เพื่อให้พี่เจ้าได้ใช้เมื่อออกเรือนก็ได้” หญิงชราบอกหลานชาย
   “นั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ผู้ชายอยู่ดีนิจ๊ะคุณย่า ไม่มีอะไรที่เป็นหน้าที่ผู้ชายให้หลานทำหรือจ๊ะ” หลานชายถามหน้าบึ้งเล็กน้อย เพราะไม่อยากทำงานของผู้หญิงที่ต้องนั่งอยู่กับที่ แถมบ่าวไพร่หญิงในบ้านยังคุยกันแต่เรื่องที่ตนไม่เข้าใจ
   “ทำงานนี้แหละเชื่อย่าเถอะ เพราะหัวหน้าใหญ่คุมงานนี้ก็เป็นผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงอยู่บริเวณนั้นเลย ไปเถอะพ่อเรืองเชื่อย่า เขาสานอยู่ที่เรือนริมน้ำ รีบไปอย่าพิรี้พิไร”
   
   เจ้าตัวรู้ดีว่าขัดใจคุณย่าไม่ได้แน่ และถ้ายังอิดออดอาจโดนหยิกจนแขนเขียวแถมไปด้วยแน่ ถึงรีบไปยังเรือนริมน้ำ เมื่อถึงเรือนก็เห็นพ่อของตนกำลังนั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่งจึงไม่กล้าเดินเข้าไปหากลัวเขากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่
   “อ้าวพ่อเรืองมาทำอะไรแถวนี้” นายช่างชิดหันมาเห็นลูกชายคนเล็กยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่บริเวณหน้าเรือนริมน้ำ ร้องเรียก พร้อมกวักมือเรียกให้เข้าไปในเรือน
   “คุณย่าให้ฉันมาช่วยใครก็ไม่รู้สานตะกร้าจ๊ะพ่อ ไม่รู้ด้วยจะสานไปทำไม ไม่เห็นจำเป็นต่องานแต่งพี่จันเลยจ๊ะ” เรืองตอบพ่อพร้อมทำหน้ายุ่ง เมื่ออยู่ลับหลังคุณย่าคุณหนูน้อยของบ้านก็ออกฤทธิ์เดชไม่เกรงใจใคร ด้วยตนเป็นลูกคนเล็ก และเป็นลูกหลงของบ้านด้วย ทำให้คุณพ่อ และพี่ๆ ต่างตามใจ
   “สงสัยคุณย่าจะอยากให้เราได้รู้จักกับพี่เขา มานั่งนี้พ่อเรือง พ่อจะแนะนำให้รู้จักกับขุนทับ ขุนทับเขาเป็นน้องชายหลวงด้วงคู่หมายที่จะมาแต่งกับแม่จันพี่สาวเจ้าพรุ่งนี้แล้ว” นายช่างชิดแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน เพราะต่อไปทั้งสองตระกูลจะดองกันอยู่แล้ว
   ผู้ชายตรงหน้าเรืองคนนี้รูปร่างสูง กำยำ ผิวคล้ำ อายุประมาณ 17-18 เมื่อแรกสบตาเรืองก็รู้สึกได้ทั้งที่ว่าคนผู้นี้ต้องเป็นทหารกล้ารับใช้องค์ภูมินทร์เป็นแน่แท้ เพราะเจ้าตัวมีดาบลักษณะดีอยู่ข้างกายไม่ห่าง
   “ฉันไหว้จ้ะพี่ทับ คุณย่าให้ฉันมาช่วยพี่ทับสานตะกร้า กระบุง แต่ฉันทำไม่เป็นนะจ๊ะ พี่ทับคงต้องช่วยสอนฉัน” เรืองทักทาย และบอกว่าตัวเองทำงานไม่เป็นเพื่อพี่ชายตรงหน้าจะขี้เกียจสอน ตนจะได้ไม่ต้องทำงาน แต่เหมือนคนตรงหน้าจะรู้ความคิด ก็เล่นกึ่งยิ้มกึ่งขำส่งมาให้
   “ไม่เป็นไรพี่สอนพ่อเรืองได้ ถ้าพ่อเรืองอยากทำ แต่ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะพี่ทำคนเดียวได้ เดี๋ยวพี่บอกคุณย่าใหญ่ให้” คนตรงหน้ากล่าว
   บ้าสิ ถ้าบอกว่าไม่อยากทำมีหวังคนตรงหน้าได้ไปฟ้องคุณย่าแน่ โดนบ่นไม่เท่าไร แต่ถ้าโดนหยิกหรือโดนตี มีหวังพรุ่งนี้คนได้ถามทั้งงานแต่งพี่จันแน่ว่าไปทำอะไรมา
   “ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันอยากทำพี่ทับช่วยสอนฉันหน่อยว่าจะต้องทำอย่างไร แล้วเหลืออีกเยอะไหมจ๊ะกว่าจะเสร็จ จะเสร็จทันงานแต่งพี่จันวันพรุ่งนี้หรอ ถ้าฉันเริ่มทำตอนนี้” ถึงปากบอกจะช่วย แต่ก็ยังถามเผื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องทำอยู่ดี
   “หึๆๆๆ แสบจริงๆนะคุณหนูน้อยบ้านช่างทอง พี่หยอกเจ้าเล่นดอก พี่ทำเสร็จหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้เจ้าช่วยแล้ว นี่พี่ว่าจะไปเดินเล่นมุมเมืองตะวันออกเฉียงใต้ซักหน่อย จะไปหาซื้อผ้าแพรจากร้านชาวจีนบริเวณนั้น เจ้าอยากไปกับพี่ไหม” ขุนทับถาม แต่เห็นจากสีหน้าก็พอรู้คำตอบจากเด็กน้อยตรงหน้าว่าจะตอบเยี่ยงไร
   “ไปจ้ะไป แต่ไปแค่ซื้อผ้าแพรแล้วกลับรึจ๊ะ เดินเที่ยวเล่นดูของค้าของขายอย่างอื่นที่ตลาดชาวจีนแถวนั้นต่อไม่ได้รึ พี่ทับจ๋า” เรืองอ้อนเหมือนที่อ้อนพี่เดือนพี่ชายคนโต ทำแบบนี้ครั้งใดพี่เดือนใจอ่อนทุกคราว หวังว่าพี่ทับจะใจอ่อนแบบพี่เดือน
   “ถ้ามีเวลาเหลือนะ พี่ถึงจะพาเจ้าเที่ยวได้” ทับบอก ทั้ง ๆ ที่ใจอ่อนกับเด็กน้อยตรงหน้าแล้ว แต่ได้ยินเสียงลือมามากว่าลูกชายคนเล็กบ้านนายช่างทองชิด เอาแต่ใจไม่มีใครปราบได้ ทำได้มากสุดก็คุณย่าที่ได้แค่ตีนิด หยิกหน่อย พ่อตัวดีก็ร้องลั่นบ้านเหมือนจะถูกฆ่าให้ตายอย่างนั้นแหละ ตนจึงไม่อยากตามใจมาก เพราะเดี๋ยวยิ่งโตจะยิ่งสอนยาก แล้วจะมีปัญหา
   “ถ้าอย่างนั้นรีบไปซิจ๊ะ จะรออะไร ถ้าสายตลาดขนมก็วายหมด” ไม่พูดเปล่าเรืองจับแขนคนตัวใหญ่ ลากให้เดินตามไป จะได้มีเวลาเที่ยวเล่นตลาดจีนให้เต็มที่
   คิดอีกที่พี่ชายคนใหญ่คนนี้ก็ดีไม่น้อย นอกจากทำให้ตนเองไม่ต้องช่วยงานผู้หญิง หรือสานตะกร้าแล้ว ยังพาตนเองไปเที่ยวเล่นด้วย ต่อไปต้องเข้าหามาอ้อนบ่อย ๆ แล้ว จะได้มีคนรับหน้าคุณย่าเวลาพาไปเดินเที่ยว เพราะคุณย่าคงไม่กล้าว่ามาก เนื่องจากเป็นแค่ญาติมาดองเฉย ๆ ไม่ใช่ญาติสายตรง
   

ปล. นิยายสั้นไปไหมอะ บอกได้นะ เป็นนิยายเรื่องแรก อาจกำหนดความยาวของบทไม่ถูก
เรื่องนี้เรายังไม่ได้ตัดสินใจนะว่าจะให้ใครเป็นพระเอก นายเอก เวลาเปลี่ยน อะไรก็อาจะเปลี่ยน

http://www.facebook.com/tipin1994 เพจเรานะไปกดlike หรือติชมในเพจก็ได้นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2017 01:56:20 โดย Tipin »

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
บทที่ 2 คำสัญญา
      ตลาดมุมเมืองตะวันออกเฉียงใต้เต็มไปด้วยร้านค้า และบ้านเรือนของชาวจีนที่มาตั้งถิ่นฐานในอยุธยา  เสียงตะโกนโหวกเหวกขายของมีทั้งของแปลกตา และที่เคยผ่านตาเรืองเต็มไปหมด คุณหนูเล็กบ้านช่างทองไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้มากนั้น ด้วยตนเองเป็นลูกหลง ทำให้ไม่มีสหายวัยเดียวกัน พี่ ๆ ก็โตกันหมดแล้ว พี่เดือนพี่คนโตก็ช่วยพ่อดูแลคนงานทำทอง ส่วนพี่จันพี่คนรองก็เป็นผู้หญิงจะพูดคุยอะไรกัน เรืองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก วันนี้โชคดีจริง ๆ ที่ได้มาเจอพี่ทับ ต่อไปต้องอ้อนขอให้พามาเที่ยวบ่อยๆเสียแล้ว
      “พี่ทับขอรับ จะซื้อผ้าแพรร้านไหนรึขอรับ หรือจะเดินเรื่อย ๆ ค่อยดูไปที่ละร้านขอรับ” ใจจริงเรืองอยากให้พี่ทับค่อย ๆ ดู ตนจะได้มีเวลาเดินดูร้านอื่นไปด้วย
      “มีร้านที่จะดูอยู่แล้วจ้ะ แต่ถ้าเจ้าอยากเดินเล่น พี่พาเจ้าเดินได้นะ ร้านผ้าแพรที่พี่จะไปเปิดถึงเย็น ไม่ต้องรีบไปก็ได้ คุณแม่ของพี่มาสั่งไว้นานแล้ว พี่แค่มารับแทนเฉย ๆ”
      “จริงนะจ๊ะ พี่ทับจะพาฉันเที่ยวตลาดจีนตรงนี้ให้เต็มที่เลยใช่ไหมจ๊ะ” เรืองร้องดีใจตัวโย แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้พกอัฐมา “พี่ทับจ๋า เรืองไม่ได้พกอัฐมา เรืองขอยืมอัฐพี่ทับหน่อยได้ไหมจ้ะ” เรืองถามเสียงอ้อน
      “เอาสิ ไม่ต้องยืมก็ได้ พรุ่งนี้เราก็จะดองเป็นญาติกันอยู่แล้ว ถือเสียว่าพี่เป็นพี่ชายเจ้าอีกคน”
      “ขอบคุณจ้ะ พี่ทับใจดีเสียจริง ครั้งหน้าเราได้เที่ยวไหนก็อีกดีจ๊ะ” เมื่อเห็นโอกาสมีหรือที่ไอเรืองคนนี้จะไม่คว้าไหม
      “ชิชะ ไอเด็กนี่ร้ายเสียจริงนะตัวแค่นี้ ได้สิเจ้าอยากไปเที่ยวไหน ถ้าว่างพี่จะพาไป แต่วันนี้คงได้แค่ตลาดจีนตรงนี้แหละ เพราะพี่ต้องเอาผ้าแพรกลับไปให้คุณแม่ของพี่”


      ระหว่างทางก่อนถึงร้านขายผ้าแพร เรืองพาขุนทับเข้าร้านโน้นร้านนี้เสมือนว่าตนเองมาบ่อยเสียเต็มประดา และทุกร้านที่เข้าก็มีเหตุให้ขุนทับเสียอัฐทุกร้านไป สรุปวันนี้นอกจากผ้าแพรที่ขุนทับตั้งใจมารับแทนคุณแม่แล้วนั้น เห็นที่จะได้ก็แต่ขนมของเจ้าตัวยุ่งนี้แหละ
      “ขนมของชาวจีนนี้อร่อยจริงๆนะจ๊ะ อร่อยพอๆกับขนมไทย ขนมมอญที่ฉันกินบ่อยๆเลย” เรืองพูดทั้ง ๆ ที่ขนมยังเต็มปากอยู่ “นี่จ้ะพี่ทับ ขนมร้านนี้อร่อยฉันแบ่งให้พี่ทับกิน” พร้อมหยิบขนมป้อนใส่ปากขุนทับ
      “เจ้าเด็กนี้ อัฐก็อัฐพี่ยังมีหน้ามาบอกว่าแบ่งให้” ขุนทับกล่าวพร้อมลูบหัวเรืองด้วยความเอ็นดู เนื่องจากตนเองก็เป็นน้องคนเล็กของบ้านเหมือนกัน พอสองบ้านดองกันตนก็จะได้มีโอกาสเป็นพี่แล้ว
      “แหม ฉันก็บอกแล้วอย่างไรจ๊ะว่าฉันขอยืม ขอยืมแปลว่าฉันจะคืน ดังนั้นขนมนี้ก็เป็นของฉัน ฉันแบ่งให้พี่ทับก็ถูกแล้วสิจ๊ะ” เรืองยิ้มแป้นตอบ
      “จ้าๆ ขนมของเรืองก็ขนมของเรือง พี่ต้องขอขอบคุณน้ำใจของน้องเรืองมากจริง ๆ ที่แบ่งปันขนมมาให้พี่ได้กิน ถ้าไม่มีน้องเรืองพี่ก็ค่อยไม่มีโอกาสได้กินขนมอร่อยขนาดนี้แน่ ๆ”
      “แน่นอน ถ้าไม่มีฉันพี่ทับไม่มีทางได้กินขนมอร่อยขนาดนี้แน่ ๆ ดังนั้นคราวหน้าพี่ทับต้องพาฉันออกมาเที่ยวใหม่นะ พี่จะได้มีขนมอร่อย ๆ แบบนี้กินบ่อย ๆ” มีหรือที่เรืองจะไม่รับความดี ความชอบนี้
      “เอาเถอะ เอาเถอะ พี่คงเถียงสู้เจ้าไม่ได้ เอาเป็นว่ารีบกลับกันดีกว่า เย็นมากแล้ว ถ้าเจ้ากลับช้าระวังจะโดนคุณย่าใหญ่เอ็ด” กล่าวจบหนึ่งผู้ใหญ่ หนึ่งเด็กก็พากันเดินกลับบ้าน

----------------------------------------------------------------
      “กลับมาแล้วรึพ่อตัวดี ย่าให้ไปช่วยขุนทับเขาสานตะกร้า หายไปตั้งแต่เช้า ให้อ้ายขาวไปตามที่เรือนริมน้ำมากินข้าวเที่ยงก็ไม่เจอ ตะกร้าสานเสร็จแล้วรึ ถ้าไม่เสร็จนะย่าจะตีให้หลังลายไปแต่งงานพี่เจ้าแน่” ยังไม่ทันขึ้นเรือนดี เสียงคุณย่าก็เอ็ดดังขึ้น
      “ตะกร้าไม่ได้สานจ้ะ แต่ฉันไปช่วยแล้วจริง ๆ นะจ๊ะ ฉันถามพี่ทับแล้วว่ามีอะไรให้ช่วยไหม พี่ทับบอกว่าทำเสร็จหมดแล้ว ฉันจะกลับมาช่วยบ่าวไพร่ผู้ใหญ่ที่เรือนเย็บที่นอน แต่พี่ทับให้ฉันไปช่วยถือผ้าแพรที่ตลาดจีนตรงประตูเมืองทิศตะวันออกเฉียงใต้นู่นนะจ๊ะ ฉันก็เลยไปช่วยไม่ได้หนีงานนะจ๊ะ” พ่อตัวดีของบ้านตอบเหมือนตนเองไม่ได้อยากไป แต่ถูกบังคับไป
      “จริงรึพ่อทับ เป็นอย่างที่พ่อตัวดีพูดไหม บอกย่ามาตามจริงนะ อย่าได้ช่วยพ่อตัวดีปิดย่าเชียว” นายหญิงใหญ่ของบ้านหันมาถามขุนทับ เพราะรู้ดีว่าหลานชายตัวดีของตน ถ้าตอบแบบนี้แล้วไม่มีทางเปลี่ยนคำตอบแน่ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ
      “จริงขอรับคุณย่าใหญ่ กระผมสานเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้มาพูดคุยกับคุณอาชิดเฉย ๆ ขอรับ พอเห็นว่าคุณย่าให้พ่อเรืองมาช่วยกระผม กระผมจึงให้พ่อเรืองไปช่วยกระผมถือผ้าแพรที่ตลาดจีน ผู้ชายไปซื้อคนเดียวคงแปลกพิลึก กระผมเลยให้น้องไปด้วย” ขุนทับตอบตามที่ใจคิดแต่แรกอยู่แล้วว่าจะชวนเรืองไปด้วย แต่สำหรับเรืองที่คิดว่าพี่ทับช่วยออกหน้าให้ เพราะคิดว่าจริง ๆ แล้วขุนทับคงไม่ได้ตั้งใจชวนตน แค่ชวนไปอย่างนั้น ถือเรื่องนี้เป็นบุญคุณที่ช่วยไม่ให้ตนโดนคุณย่าตี
      “อย่างนั้นรึ แล้วไปนะพ่อตัวดีของย่า วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดีมีคนออกรับแทนให้” แม้นไม่เชื่อเต็มใจ เพราะเห็นลูกเล่นหลานชายคนเล็กนี้มามาก มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกแท้ ๆ ละพ่อคนนี้
      “จริงซิจ๊ะคุณย่า หลานของอัฐหน่อย ตอนไปตลาดผ่านร้านขนมหลายร้าน หลานหิวจึงของยืมอัฐพี่ทับไปซื้อขนมเสียมาก คุณย่าจะกรุณาช่วยออกอัฐให้หลานไถ่หนี้ได้หรือไม่ขอรับ”
      “ตายจริงพ่อตัวดี ยืมอัฐพี่เขาไปเท่าไรละ มาเอาที่ย่านี้”
      “ไม่เป็นไรขอคับ อัฐไม่เท่าไรถือว่าเลี้ยงน้อง อีกเดี๋ยวเราสองครอบครัวก็จะดองกันแล้ว พ่อเรืองก็มาเป็นน้องชายคนเล็กของกระผมแล้ว”
      “ไม่ได้ ฉันบอกว่าขอยืมก็คือ ขอยืม อย่างไรก็ต้องคืน พี่ทับอยากให้ฉันเป็นคนสับปลับหรอจ๊ะ” ไม่พูดเปล่า เรืองรีบยัดอัฐใส่มือขุนทับทั้งที พร้อมกระซิบบอกว่า “ถ้าอยากเลี้ยงคราวหน้าพาฉันไปตลาดอีกครั้งนะจ๊ะ ทีนี้ละพี่ได้เลี้ยงฉันเต็มที่แน่ ๆ” แล้ววิ่งขึ้นเรือนไป

----------------------------------------------------------------
      หลายวันผ่านไป หลังงานแต่งงานของพี่จันกับหลวงด้วงจบลง เรืองคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พี่ทับจะพาเรืองไปเที่ยวตลาดอีกคราว เรืองตั้งหน้าตั้งตารอ แต่งชุดเก่งเตรียมตัวทุกวัน แต่พี่ทับก็ไม่เห็นมารับเลยจนเรืองคิดไปเองว่าจริง ๆ แล้วพี่ทับไม่ได้อยากพาเรืองไปเที่ยวจริง ๆ แค่รับปากส่ง ๆ ไป จะได้ไม่โดนเด็กน่ารำคาญอย่างตนเซ้าซี้ เมื่อคิดไปอย่างนั้นเรืองก็เริ่มใจเสีย และคิดว่าตนคงกลับมาไม่มีเพื่อนเล่นอีกครั้งแล้วแน่เลย  แต่เมื่อคิดอีกทีก็คิดได้ว่าไม่มีทางซะหรอกคนอย่างไอเรือง ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ แน่ อย่างไรก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมพี่ทับถึงไม่มา และพาไปเที่ยว เรือนก็อยู่ชิดกันเดินไม่กี่ก้าวดีก็ถึง คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี ว่าแล้วเรืองก็รีบลงจากเรือนเพื่อไปหาขุนทับที่บ้านทันที

      “พี่ทับขอรับ พี่ทับอยู่ไหมขอรับ” เรืองตะโกนเรียกหา
      “พี่อยู่นี่ เจ้ามีอะไรกับพี่รึพ่อเรือง” ทับยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างเรือน “ขึ้นมาบนเรือนก่อนสิ”
      ไม่ต้องให้ขุนทับรอนาน เรืองก็รีบขึ้นเรือนมาทันที พร้อมลากแขนขุนทับให้มานั่งคุยกันที่ชานเรือนอีกด้วย
      “ไหนพี่ทับบอกฉันว่าถ้าว่างจะพาฉันไปเที่ยวตลาดอีกละจ๊ะ ฉันรอแล้วรอเล่าพี่ทับก็ไม่มารับฉันไปตลาดซักที” เรืองว่าแบบงอน ๆ เพราะ คิดว่าพี่ชายคนใหม่กลับคำที่ให้ไว้กับตน
      “ใครจะกล้าลืมคำที่ให้ไว้กับเจ้ากันคุณหนูน้อย แต่ช่วงนี้ทางหลวงมีงานมาก พี่จึงไม่ว่างพาเจ้าไปเที่ยวตลาดจีน แต่วันนี้พี่จะไปโรงดาบแถวตลาดมอญ เจ้าจะไปกับพี่ไหม จริง ๆ พี่แค่จะไปหาดูดาบเล่มใหม่ แต่ถ้าเจ้าอยากไปพี่จะพาเดินตลาดมอญด้วย”
      “ตลาดมอญรึจ๊ะ ฉันไปบ่อยแล้ว แต่ฉันไม่เคยไปโรงตีดาบเลยสักครั้ง จะไปทีไรอ้ายขาวบอกว่าร้อนบ้างละ อันตรายบ้างละ ฉันเลยไม่เคยได้เข้าไปเลย” เรืองพูดเสียงอ้อนพลางจับแขนขุนทับโยกไปมา
      “พี่ลืมเรื่องอันตรายไปเสียสนิท มัวแต่กลัวเจ้าจะโกรธที่พี่ไม่พาไปตลาดเสียที ทำอย่างไรดีละ พี่เปลี่ยนใจไม่พาเจ้าไปแล้วได้รึไม่” ขุนทับถามยิ้ม ๆ
      “ไม่ได้จ้ะ พี่พูดแล้วว่าจะพาฉันไป ทหารพูดแล้วต้องไม่คืนคำสิจ๊ะ และอีกไม่กี่ปีฉันก็จะโกนจุกแล้วนะจ๊ะ พี่พาฉันไปเถอะจ้ะ”
      “ไม่กี่ปีได้อย่างไร อายุเจ้ายังไม่ถึง 10ปีเสียด้วยซ้ำ เจ้าอย่ามาพูดปดกับพี่นะพ่อเรือง” ขุนทับแกล้งทำเสียงดุ
      “ฉันอายุ 7ย่าง8 แล้วจ๊ะ แต่ฉันเป็นผู้ชาย วันข้างหน้าอย่างไรก็ต้องมีโอกาสจับดาบ พาฉันไปด้วยเถอะนะ”
      “ก็ได้พ่อตัวดีของคุณย่า พี่พาเจ้าไปด้วยก็ได้ แต่เจ้าต้องอยู่ข้างกายพี่ตลอดเวลานะ ห้ามคลาดสายตาจากพี่เด็ดขาด”
      “ขอรับกระผมรับทราบ และจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”

----------------------------------------------------------------
      โรงตีดาบร้อนสมคำร่ำลือ เสียงค้อนตีเหล็กดังต่อเนื่องกันไป นายช่างแต่ละคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ทำให้เรืองรู้สึกว่าการมายืนอยู่จุดนี้เหมือนมาเกะกะทางเดินไปมาของคนทำงาน ถึงจะหันไปถามคนข้าง ๆ ที่มาด้วยกัน แต่คนข้างกายกลับหายไปเสียแล้ว เรืองมองหาไปเรื่อย ๆ ก็หาไม่เจอเลยเริ่มออกเดินตามหาแทน
      “ไอตัวเปี๊ยกมาทำอะไรแถวนี้ เกะกะจริง ๆ คนที่บ้านไม่สั่งสอนรึ มาที่นี้ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กมาเดินเล่น” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างกลัง ทำให้เรืองต้องหันไปมอง พร้อมทำหน้าสงสัยเพราะ แน่ใจความตนไม่เคยรู้จักคน ๆ นี้มาก่อนแน่ ทำไมเขาถึงว่าตนรุนแรงขนาดนี้ด้วย
      “หาเรื่องกับเด็ก อย่าเอาไปบอกใครละว่าตนเป็นชายชาติทหาร ได้อับอายไปทั้งตระกูลแน่หมื่นมิ่ง” เสียงของขุนทับดังมาจากข้างกาย
      เรืองกะหันไปถามว่าเมื่อครู่หายไปไหนมา แต่เมื่อมองหน้าขุนทับแล้วประโยคที่จะพูดก็หายไปจากปาก ก็คนตรงหน้าไม่เหมือนพี่ทับใจดีที่ตนรู้จัก ใบหน้าบูดบึ้งเหมือนคนไม่พอใจอะไรบ้างอย่างทำให้เรืองต้องสงบปาก
      “อะไรกันฉันก็แค่เตือนเด็กว่าที่นี้ไม่ใช่ที่วิ่งเล่น ประเดี๋ยวพลาดพลั้งไป คนอื่นจะเดือดร้อน”
      “ขอบใจแล้วกันที่ช่วยเตือน แต่น้องชายฉันคงไม่ไปสร้างปัญหาให้ใคร แล้วพอพลาดพลั้งก็วิ่งไปฟ้องพ่อให้ช่วยดอก หมื่นมิ่งอย่าได้กังวล ไม่ใช่ทุกคนที่จะนิสัยแบบนั้น” ขุนทับยิ้มเยาะขณะตอบ
      “เอ็งว่าใครวะ ไอทับ ข้าก็แค่เป็นห่วงเด็ก”
      “ฉันก็พูดอธิบายเฉย ๆ หรือเรื่องมันเหมือนเรื่องของหมื่นมิ่งถึงได้ร้อนตัวขนาดนี้”
      “มึงนี่ กูแต่เตือนดี ๆ มาหาเรื่องกันแบบนี้ คงต้องสนองหน่อยแล้ว” ว่าแล้วหมื่นมิ่งก็ชักดาบออกมา
      “อย่างนั้นก็ลองดูกันเสียหน่อยว่าใครจะแน่กว่ากัน” ขุนทับกล่าวพร้อมชักดาบ
      เสียงดาบสองเล่มปะทะกัน เสียงไปทั่วโรงดาบทำให้เหล่านายช่างต่างหยุดงานที่ทำ หันมาชมการประดาบครั้งนี้ การปะทะกินเวลาไม่นานเพราะฝีมือที่ห่างชั้นกันมาก  ทำให้หมื่นมิ่งพลาดท่าขุนทับ
      เมื่อรู้ว่าตัวเองจะแพ้หมื่นมิ่งก็รีบตะโกนเรียกลูกน้องให้มาช่วย “ไอกล้าช่วยข้าด้วยโว้ยยยยยยยยยยย”
      ไอกล้ารีบวิ่งเข้ามาช่วยนายโดยจะทำร้ายขุนทับจากด้านหลัง เรืองเห็นพี่ชายจะมีอันตรายพึ่งรีบวิ่งเข้าไปขว้าง แต่ก็ถูกไอกล้าเตะออกมาก ขุนทับจึงต้องรับศึกสองทาง แต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลายนั้น
      “หยุด!!! กล้าดีอย่างไรมามีเรื่องกันในที่ของข้า” เสียงที่ดังทำให้ทั้งสามคนต้องหยุดการปะทะลงทันที
      “เลิกทะเลาะกันเหมือนเป็นเด็กได้แล้ว โตก็โตมาด้วยกัน ตอนนี้ก็เป็นขุนนางอยู่ในรั้วในวัง ใครมาเห็นเข้า เขาจะครหานินทาได้ ไป ๆ แยกย้ายกันไปบัดเดี๋ยวนี้”

      “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ต่อไปอาจไม่มีใครคุ้มกะลาหัวมึงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นมึงไม่รอดแน่” หมื่นมิ่งกระซิบข้างหูขุนทับ พร้อมตะโกนเรียกไอกล้าให้กลับ

      “ไม่เป็นไรนะเรือง เจ้าเจ็บตรงไหนบ้าง ขอโทษนะที่พี่ช่วยเจ้าไม่ได้”
      “เจ็บตัวไม่เท่าไรดอกจ๊ะ แต่ฉันเจ็บใจมากกว่าที่ทำอะไรไม่ได้เลย แต่พี่ทับจ๊ะทำไมหมื่นมิ่งถึงว่าพี่เยื่องนั้น พี่เป็นถึงทหารกล้าของมหาอุปราชจะไม่มีคนคุ้มหัวได้อย่างไร”
      “ไม่มีอะไรดอก เจ้าไม่ต้องคิดมาก”
      “แต่ถึงไม่มีคนคุ้มครอง  ต่อไปภายภากหน้าฉันจะคุ้มครองพี่เองจ้ะ”
      “ทำเป็นพูดดีไป แต่ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีสิ พี่จะได้มีคนระวังหลังให้เวลาไปรบ”
      “พี่ก็พูดไปนั่น อยุธยาของเราร้างศึกมาเป็นร้อยปีแล้วนะจ๊ะ”
      “เรืองเอ๋ย ไม่มีอะไรแน่นอนดอก เราเป็นทหารก็ต้องฝึกปรือฝีมือไว้ตลอดเวลา อย่าเกียจคร้าน เข้าใจไหม”
      “เข้าใจจ้ะ ฉันจะฝึกอาวุธเพื่อคุ้มกันให้พี่ในอนาคต แต่ตอนนี้พี่ไปขอพ่อกับย่าให้ฉันหน่อยสิจ๊ะ ว่าฉันจะเรียนดาบ”
      “ได้สิ พี่จะได้มีผู้ช่วยฝีมือดีมาอยู่ด้วยอีกคน แต่เจ้าต้องสัญญากับพี่นะว่าเจ้าจะไม่เกียจคร้าน”
      “ไม่ใช่ไม่เกียจคร้าน แต่ฉันสัญญาด้วยว่าฉันจะอยู่ข้างกายพี่ ค่อยรบเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่ว่าในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ฉันให้สัญญา”
      

ฝากนิยายเรื่องแรกของเราด้วยนะ
ไปตามได้ในเพจ https://www.facebook.com/tipin1994/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2017 00:29:46 โดย Tipin »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พ่อเรืองช่างพูดช่างเจรจาเหลือเกิน
ดูท่าหมื่นมิ่งกับพี่ทับจะสังกัดนายคนละคนกันสินะ
ปล.ยังเจอคำผิดอยู่นะคะ

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
พ่อเรืองช่างพูดช่างเจรจาเหลือเกิน
ดูท่าหมื่นมิ่งกับพี่ทับจะสังกัดนายคนละคนกันสินะ
ปล.ยังเจอคำผิดอยู่นะคะ

ดีใจจังที่มีคนมาเม้น
จะระวังคำผิดให้มากขึ้นค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่เข้ามาติชม

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
ไม่ได้เลี้ยงต้อย แต่เลี้ยงพ่อเรือง  :L2: :pig4:

รอติดตาม

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
บทที่ 3 ถวายตัว
      “คุณย่าจ๊ะ คุณพ่อจ๋า ฉันจะไปฝึกเรียนดาบ พี่ทับบอกว่าจะสอน คุณย่ากับคุณพ่ออนุญาตให้ฉันเรียนได้รีไม่จ๊ะ” เมื่อกลับถึงบ้านเรืองก็รีบถามผู้ปกครองทั้งสองของตนทันที
      “อะไรกันพ่อเรือง อายุเราพึ่งจะ 7 ปีเอง จะเรียนไปได้อย่างไร อันตรายมากมี ถ้าพลาดพลั้งเจ็บตัวไป ใครจะรับผิดชอบ ไม่เอาด้วยหรอก ย่าไม่ให้เจ้าเรียน”
      “โธ่! คุณย่าจ๊ะ ฉันเป็นผู้ชายนะ อย่างไรเสียวันข้างหน้าก็ต้องใช้เพราะ ฉันอยากเป็นทหารแบบพี่ทับ ก็ควรฝึกฝนฝีมือเอาไว้ตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วอีกอย่างพี่ทับก็บอกว่าจะสอนให้ ดังนั้นไม่มีทางที่ฉันจะเจ็บตัวแน่นอน ใช่ไหมจ๊ะพี่ทับ” เรืองหันไปถามขุนทับเพื่อให้ช่วยพูดกับคุณย่า
      “กระผมเห็นว่าน้องสนใจเลยคิดว่าเป็นการดีที่ลองให้น้องได้ฝึกฝน เผื่อในอนาคตน้องจะได้มาทำงานรับใช้องค์ภูมินทร์ร่วมกันกับกระผม แต่กระผมไม่ได้สอนเองตลอดเวลาดอกขอรับ กระผมจะส่งให้น้องไปเรียนกับครูดาบที่สอนกระผมมา แล้วถ้าวันไหนว่างจากราชการกระผมจะมาช่วยน้องฝึกดาบด้วย”
      “อะไรกันพ่อตัวดีของพ่อ เจ้าไม่อยากเป็นช่างทองหลวงแบบพ่อกับพี่ของเจ้าดอกรึ แต่ไม่เป็นไรถ้าเจ้าอยากเรียนพ่อก็อนุญาต ลูกชายเรียนดาบไหวไม่เสียหายอะไร แต่พ่อเรืองต้องสัญญากับพ่อนะว่าจะปฏิบัติตามที่ครูดาบ และขุนทับสอนอย่างเคร่งครัด ส่วนพ่อทับ ลุงขอฝากดูแลน้องดี ๆ ด้วย น้องยังเล็กมีอะไรก็สอนสั่งได้เต็มที่ อย่าตามใจมากนักเดี๋ยวจะติดเป็นนิสัย”
      “ครับคุณพ่อ” / “ขอรับนายช่างชิด”
      “ส่วนย่า ถ้าพ่อเจ้าเห็นด้วยย่าก็ไม่มีอะไรจะขัด แต่ถ้าคิดจะเรียนแล้วอย่าได้เลิกล้มกลางคันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นย่าจะตีให้หลังลายเชียว เพราะมันจะทำให้ทั้งครูดาบ และขุนทับเสียเวลาเปล่า เข้าใจหรือไม่”
      “เข้าใจจ้ะคุณย่า ฉันจะตั้งใจเรียน ปฏิบัติตามคำสอนอย่างเคร่งครัด และไม่เลิกล้มกลางคันแน่ ๆ”

      เมื่อได้รับคำอนุญาตจากผู้ปกครองทั้งสองคนแล้ว วันต่อมาขุนทับก็พาเรืองไปยังบ้านครูทอง ซึ่งเป็นครูดาบที่สอนตนมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก พอพบหน้าครูทองเรืองก็ร้องลั่นขึ้นมาว่า
      “คุณลุงคนนี้นิจ๊ะ ที่ห้ามไม่ให้พี่ทับมีเรื่องกับหมื่นมิ่งวันนั้น”
      “ใช่ ข้าเองแหละ ข้าชื่อ ทอง เป็นครูดาบสอนวิชาทั้งขุนทับ และหมื่นมิ่งตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ไอเด็กนี้ใครรึขุนทับ”
      “น้องคนใหม่ของฉันเองจ้ะพ่อครู เป็นน้องชายของแม่จันที่มาแต่งงานกับพี่ด้วงพี่ชายของฉันอย่างไรละจ๊ะ วันนี้ฉันพามาแนะนำให้ครูรู้จัก เรืองไหว้ครูเขาสิจ๊ะ”
      “ฉันไหว้จ๊ะพ่อครู ฉันมาวันนี้เพื่อจะมาขอร่ำเรียนวิชาดาบกับพ่อครู ถ้าจะกรุณาสอนให้ฉันให้เก่งกว่าพี่ทับได้ยิ่งดี”
      “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ไอเด็กนี้ตลก และกล้าดีแท้ ได้สิถ้าเอ็งขยัน ข้ามั่นใจว่าข้าจะสอนให้เอ็งเก่งกว่าขุนทับแน่นอน แต่ว่าเอ็งอายุเท่าไรแล้วละ ข้าจะได้รู้ว่าควรสอนเอ็งในระดับไหน”
      “ฉันอายุ 7 ปี แล้วจ๊ะ แต่อีกสองเดือนฉันก็อายุ 8ปีแล้ว”
      “แหมทั้งสองคนคุยกันเหมือนฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยนะ อะไรกันยังไม่ทันเรียนก็คิดจะเก่งกว่าพี่แล้วรึพ่อเรือง ฝันไปเถอะ อย่างไรพี่ก็ไม่มีวันยอมให้เจ้านำหน้าพี่ไปได้ดอก” ขุนทับแกล้งขัดเรือง
      “ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้นะจ๊ะพี่ทับ จริงไม่จ๊ะครู”
      “เออจริงของไอเด็กนี้ ถ้าเอ็งไม่อยากโดนเด็กนำ เอ็งก็ต้องขยันฝึก อย่าคิดว่าเป็นวิชาแล้วจะขี้เกียจได้ การฝึกฝนไม่มีข้อเสีย มีแต่ข้อดีที่ทำให้คนฝึกพัฒนาตัวเอง เข้าใจไหมทั้งสองคน”
      “เข้าใจจ๊ะครู” / “เข้าใจจ๊ะครู”
      เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยเรืองก็เริ่มเรียนดาบที่บ้านครูทอง โดยสลับกับการเรียนหนังสือกับท่านสมภารเสือซึ่งเป็นครูสอนหนังสือชื่อดังในสมัยนั้น วันใดถ้าขุนทับว่างจากราชการก็จะมาช่วยเรืองซ้อมดาบด้วย ถือเป็นการฝึกฝนตนเอง และสอนน้องไปในตัว จนเวลาช่วงเลยไป 2 ปีกว่า




---------------------------------------------------------------------------



      “เรือง ปีนี้เจ้าอายุ 10 ปีแล้ว พี่ว่าจะพาเจ้าไปถวายตัวเป็นข้ารับใช้องค์ภูมินทร์ก่อน แล้วค่อยขยับขยายมาเป็นทหารแบบพี่ เจ้าจะว่าอย่างไร” ขุนทับถามเรืองขึ้นมาในวันหนึ่งหลังจากทั้งคู่ซ้อมดาบเสร็จ
      “ถ้าพี่ทับว่าดีฉันก็เห็นด้วย แต่ฉันอายุยังน้อยคงตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ ต้องไปถามความเห็นของคุณย่า กับคุณพ่อท่านเสียก่อน”
      “ถ้าคุณย่าใหญ่ กับนายช่างไม่เห็นด้วย เจ้าก็จะไม่ถวายตัวตามที่ท่านทั้งสองบอกสินะ”
      “เปล่าจ้ะ ถ้าท่านไม่เห็นด้วย ฉันก็จะให้พี่ทับช่วยพูดให้จนกว่าท่านจะยอม ดังนั้นเย็นนี้พี่ทับไปกินข้าวเย็นที่บ้านฉันนะจ๊ะ”
      “ร้ายจริงนะเจ้า แต่เอาเถอะพี่อยากให้เจ้ามาเป็นทหารกับพี่อยู่แล้ว แถมยังได้ฝากท้องกับอาหารฝีมือคุณย่าใหญ่ด้วย พี่ยอมช่วยเจ้าเต็มที่ทีเดียว”

      เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็พายเรือจากบ้านครูทองกลับสู่บ้านของเรืองให้ทันก่อนถึงเวลาทานอาหารเย็น
      “คุณย่าจ๋า เรืองกลับมาแล้วจ้ะ วันนี้พี่ทับจะมากินข้าวบ้านเราด้วยนะจ๊ะ มีอะไรกินบ้างเอ่ย”
      “เบา ๆ หน่อยพ่อคุณ เอะอะราวกับเจ๊กตื่นไฟ”
      “ก็ฉันอยากให้คุณย่ารู้นิจ๊ะ ว่าฉันกลับมาแล้ว แล้วฉันก็หิวมากด้วย ฝึกดาบที่ไร ฉันหิวมากกว่าปกติทุกทีไป”
      “ยังไม่ถึงเวลา รอไปก่อน ชวนพี่เขาไปนั่งเล่นที่เรือนรินน้ำก่อนก็ได้ เมื่อถึงเวลาย่าจะให้อ้ายขาวไปตาม”
      เรืองหันมาเหมือนกันจะถามขุนทับว่าเอาอย่างไรต่อ ไปรอที่เรือนริมน้ำก่อนไหม แต่ขุนทับก็ขัดขึ้นมาว่า
      “ไม่เป็นไรขอรับ พอดีกระผมมีเรื่องนี้จะคุยกับนายช่าง และคุณย่าใหญ่พอดี ระหว่างที่รอเวลากระผมก็ขอพูดธุระที่มาในวันนี้เลยก็แล้วกัน”
      “มีธุระอะไรรึพ่อคุณ ว่ามาได้เลย หรือพ่อตัวแสบไปก่อเรื่องอะไรเข้าละ”
      “เปล่าขอรับ กระผมเห็นว่าน้องอายุพอสมควรต่อการถวายตัวแล้ว เลยคิดจะพาน้องไปถวายตัวเป็นเป็นข้ารองพระบาทในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเช่นเดียวกับกระผม จึงมาขอคำอนุญาตกับคุณย่าใหญ่ และนายช่างว่ามีความเห็นว่าอย่างไร”
      “ฝึกมาขนาดนี้แล้ว ถ้าอยากถวายตัวไปเป็นทหาร หรือข้ารับใช้ในวัง ฉันก็ไม่ว่าอย่างไรดอก แต่ถึงอย่างนั้นต้องลองไปคุยกับพ่อชิดด้วยว่าเขาจะว่าเยี่ยงไร ถ้าจะให้ลูกคนเล็กของเขาไปเป็นทหารแทนที่จะเป็นช่างทอง”
      หลังคุณย่าอนุญาตไม่ทันขาดคำ ช่างทองชิดก็กลับมาถึงบ้านพร้อมกับเดือนลูกชายคนโตพอดี เรืองเมื่อเห็น ว่าพ่อกับพี่ของตนมาถึงก็รีบเรียกให้มานั่งเพื่อถามเรื่องตน
      “พ่อจ๊ะ พี่ทับมาชวนให้ฉันไปถวายตัวเป็นข้ารองพระบาทในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ คุณย่าก็อนุญาตแล้วด้วย แต่ให้ฉันมาถามพ่อเพิ่มว่าพ่อจะอนุญาตให้ฉันไปเป็นไหมจ๊ะ”
      “ก็เจ้าขอพ่อตั้งแต่ครั้งขอเรียนดาบแล้วไม่ใช่รึ พ่อจำได้ดอก ได้เวลาถวายตัวแล้วรึขุนทับ เจ้าไม่คิดว่าน้องยังเด็กไปรึ”
      “ถึงอายุจะยังน้อย แต่น้องเฉลียวฉลาด และมีฝีมือดาบใช่ได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ทรงโปรดคนฉลาด กระผมคิดว่าถ้านำน้องไปถวายตัวเป็นข้ารองพระบาท พระองค์น่าจะทรงโปรดได้ไม่ยาก แล้วฝึกตั้งแต่ยังเล็กนั้นฝึกง่าย ทำเนียบปฏิบัติในวังมากมี น้องจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง”
      “ถ้าขุนทับเห็นว่าดีลุงก็อนุญาต แล้วนี้จะพาน้องเข้าไปถวายตัววันไหนรึ”
      “ถ้านายช่างอนุญาต กระผมก็ว่าจะนำน้องไปถวายตัววันพรุ่งนี้เลยขอรับ”
      เมื่อช่างทองชิดอนุญาตเช่นนั้นแล้ว ขุนทับก็หันมาบอกกฎในการเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศให้เรืองจำไว้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในวันพรุ่งนี้
      “จำไว้นะพ่อเรือง ในการเข้าเฝ้านั้นพี่มีข้อปฏิบัติให้เจ้าจำไว้สามข้อคือ ข้อหนึ่งนั้นห้ามเหยียบประตูวัง ตรงธรณีประตูนั้นห้ามเหยียบเด็ดขาด ข้อที่สองพี่บอกให้คลาน เจ้าก็ต้องคลาน และข้อที่สามกราบถวายบังคมครั้งเดียวไม่ต้องแบบมือเหมือนครั้งเจ้ากราบพระ แล้วอย่าให้บั้นท้ายโด่งละ จำคำพี่ไว้ให้มั่นนะเรือง”
      “จ้ะ ฉันจะจำคำของพี่เอาไว้ให้มั่น”



-------------------------------------------------------------



ยามบ่ายของวันต่อมาขุนทับนำพานแพนมาให้เรืองเพื่อนำไปถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และพาเรืองไปเข้าเฝ้า เมื่อถึงวังเรืองจดจำคำสั่งของขุนทับ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดทุกข้อ
      “มาแล้วรึ ไอลูกหลานบ้านช่างทองที่มาดองกับบ้านเจ้าขุนทับ ไหน ๆ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ ข้าสิ”
เรืองได้ยินดังนั้นก็ขยับเข้าไปอีก แต่ไม่กล้าเข้าใกล้พระเจ้าอยู่หัวมากนั้น จนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีรับสั่งให้ขยับเข้าไปใกล้อีก พร้อมทั้งรับสั่งให้เรืองเงยหน้า แต่เรืองกลับไม่กล้าเงยหน้ามองพระพักตร์ด้วยพี่ทับไม่ได้สั่งไว้ ทำให้เรืองกลัวจะโดนอาญา
”ไม่ต้องกลัว ข้าบอกให้เงยหน้าก็เงยขึ้นมา อย่าไปฟังอะไรที่พี่เจ้าบอกไว้ก่อนหน้า ข้าอนุญาตไม่มีใครกล้าว่าเขาดอก” เมื่อได้ฟังย้ำดังนั้น เรืองก็เงยหน้าขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้ามองพระพักตร์โดยตรงมากอยู่ดี
“ตามันใสดีจริง ลักษณะหน้าตา ผิวพรรณออกมอญน่าจะคล้ายทางแม่ เพราะข้าเคยเจอหน้าพ่อเจ้าตอนมาถวายรับใช้ ไม่ค่อยได้ลักษณะทางพ่อมาเลยนิ ไหน ๆ ลองบอกข้าสิว่าเจ้าชื่ออะไร”
“ข้าพระพุทธเจ้าชื่อเรือง เป็นบุตรของช่างทองหลวงชิดนะเกล้านะกระหม่อม”
“เออไอเด็กนี้นะเกล้านะกระหม่อนก็เป็นกับเขาด้วย เออไอเรืองเอ็งอ่านหนังสือออกรึไหม”
“ออกพระพุทธเจ้าค่ะ” เรืองตอบเสียงเบา และสั่นเล็ก ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“แล้วครูเอ็งละเป็นใคร พูดดัง ๆ ไม่ต้องกลัวใครจะว่า ข้าอนุญาตให้เอ็งพูดดัง ๆ ได้”
“ท่านสมภารเสือนะเกล้านะกระหม่อน” เรืองตอบด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“อย่างนั้นเอ็งก็ศิษย์ครูเดียวกับข้า และกับท่านข้างหน้าด้วยนะสิวะ เออดี ๆ อย่างไรจ้ะท่านข้างหน้า พ่อหาเด็กมาเชิญเครื่องพานให้หล่อนอีกคน ไอเด็กนี้ดองเป็นญาติกับขุนทับ ทหารในการดูแลของเจ้าด้วย เจ้าเห็นว่าอย่างไร ถ้าพอใจเมตตามันบ้างก็คงจะดี”
เรืองหันไปมองท่านข้างหน้าที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงเรียก ในวันนั้นเรืองจำได้ไม่รู้ลืมถึงสิริลักษณะรูปงามระหงคมคายของชายที่นั่งอยู่บนแท่นเท้าสิงห์ทางด้ายขวาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ กรมพระราชวังบรม หรือที่ชาวกรุงเรียกขานกันว่า “เจ้าฟ้ากุ้ง” และที่สมเด็จพระราชบิดาเรียก “ข้างหน้า”
“ถ้าฟ้าโปรดประทาน ลูกก็ไม่ขัดราชโอกาส” เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ตอบเยี่ยงนั้น ทำให้เรืองเข้ามาถวายตัวเป็นคนเชิญเครื่องพานให้กับพระองค์ตั้งแต่บันนั้นเป็นต้นไป      

 


https://www.facebook.com/tipin1994/ เพจเราเข้าไปท้วงนิยายกันได้นะ
ขอโทษทีที่ตอนนี้มาช้า ไปช่วยเพื่อนทำทีสิสมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2017 22:51:55 โดย Tipin »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโศก ต้องเป็น โกศ หรือเปล่าคะ
ผู้ชายในเรื่องพูดกันน่ารักนะ จ๊ะ จ๋า ใส่กันก็มี ที่จริงน่าจะมีระดับของคำลงท้ายนะคะ อย่างคนสนิท ผู้ใหญ่ หรืออะไรแบบนั้น เช่น ขอรับ เนี่ยยังไม่เห็น (หรือเห็นแล้วจำไม่ได้)

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโศก ต้องเป็น โกศ หรือเปล่าคะ
ผู้ชายในเรื่องพูดกันน่ารักนะ จ๊ะ จ๋า ใส่กันก็มี ที่จริงน่าจะมีระดับของคำลงท้ายนะคะ อย่างคนสนิท ผู้ใหญ่ หรืออะไรแบบนั้น เช่น ขอรับ เนี่ยยังไม่เห็น (หรือเห็นแล้วจำไม่ได้)
ขอบคุณมากๆค่ะ แก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ส่วนขอรับมีนะ เวลาขุนทับคุยกับคุณย่าใหญ่ หรือนายช่างชิดก็พูดขอรับตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ติดตามนะคะ รออ่านต่อค่า

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ติดตามครับ

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
บทที่ 4 มหาดเล็กเรือง
      “เป็นอย่างไรบ้างเรืองไปถวายตัวกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในวันนี้” เมื่อกลับถึงบ้านเรืองถูกคุณพ่อซักไซ้ไล่ความในทันทีถึงการไปถวายตัวในวันนี้
      “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงโปรดให้ลูกไปเป็นคนเชิญเครื่องพานให้เจ้าฟ้ากุ้งจ้ะคุณพ่อ”
      “เชิญเครื่องพานคือตำแหน่งอะไรรึพ่อชิด แม่ไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อตำแหน่งนี้มาก่อนเลย” นายหญิงใหญ่ของบ้านถามด้วยความฉงน เพราะตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยได้ยินชื่อตำแหน่งแบบนี้มาก่อนเลย
      “ไม่ใช้ชื่อตำแหน่งดอกจ้ะคุณแม่ เป็นชื่อเรียกหน้าที่ พ่อเรืองยังเด็กเข้าไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กในวัง แต่ด้วยอายุยังน้อยทำให้ได้ทำตำแหน่งเป็นคนเชิญเครื่องพาน ซึ่งเป็นหน้าที่ถวายสิ่งของต่าง ๆ ให้เจ้าฟ้ากุ้งนะจ้ะ” นายช่างชิดเฉลยข้อสงสัยให้นายหญิงใหญ่ของบ้าน
      “อย่างนั้นดอกรึ ดี ๆ เป็นคุณมหาดเล็กเรืองไปเสียแล้วพ่อตัวดีของย่า ถึงจะเป็นตำแหน่งเล็ก ๆ แต่เจ้าก็ต้องตั้งใจทำงานเข้าใจหรือไม่ ทำงานในรั้วในวังต้องระวังตัวดี ๆ อย่าให้คนอื่นว่าได้ เขาว่าเจ้ามันไม่เท่าไรดอก แต่ถ้าว่าถึงขุนทับ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง อันนี้จะแย่ได้ เข้าใจหรือไม่”
      “เข้าใจจ๊ะคุณย่า ฉันจะตั้งใจทำงานไม่ให้คนอื่นเขาว่าเอาได้”

-------------------------------------------------------------------------------
      วันแรกของการเริ่มงานเรืองตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่โชคดีที่วันนี้พี่ทับต้องเข้าวังถวายความรับใช้ด้วยเช่นกัน ทำให้เรืองบรรเทาความตื่นเต้นลงไปได้
      “มาแล้วรึเจ้าทั้งสองคน ตัวติดกันเสียจริง ครั้งไอตัวเด็กมาถวายตัวกับพระบิดาข้า ถ้าข้าจำไม่ผิดเจ้าก็เป็นคนพามาใช่หรือไม่ขุนทับ”
      “ใช่พระพุทธเจ้าข้า”
      “ดี ๆ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปคนสอนงานให้ไอตัวเล็กมันนะ”
      “พระพุทธเจ้าข้า”
      “ไอคนพี่ก็พระพุทธเจ้าข้า ไอคนน้องนั่งเงียบเชียว หลับแล้วรึ วันนี้ต้องตื่นเช้าไปหรือไม่ พ่อคุณมหาดเล็กตัวน้อย”
      “ไม่เช้าไปนะเกล้านะกระหม่อน ปกติข้าพระพุทธเจ้าตื่นเวลานี้อยู่แล้วนะเกล้านะหม่อน” เจ้าฟ้ากุ้งเมื่อฟังคำเรืองก็ยิ้มรับ พร้อมลูบหัวด้วยความเอ็ดดู
      “เออจริงสิ อีกไม่กี่วันสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงโปรดประพาสพระพุทธบาทสระบุรี ข้าคิดว่าจะเสด็จไปกับพระองค์ด้วย ข้าจะให้เจ้าทั้งสองไปกับข้าด้วย ขุนทับคงไม่ขัด แต่เจ้าละเรืองไปได้ไหม”
      “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นหมาดเล็กพระพุทธเจ้าข้า” เรืองไม่รู้ว่าตัวเองต้องตอบอะไร เลือกว่าไปหรือไม่ไปได้ด้วยรึเปล่า เลยตอบแบบนี้ไปเผื่อพี่ทับจะช่วยตนได้
      “แปลว่าอย่างไร ไหนเจ้าขุนทับบอกข้าสิว่าน้องเจ้าว่าเยี่ยงนี้แปลว่าเยี่ยงไร”
      “แปลว่า ถ้ามหาดเล็กคนอื่นต้องไป เรืองเป็นหมาดเล็กเช่นกันก็ต้องไปเช่นเดียวกันพระพุทธเจ้าข้า”
      “ชิชะ ไอเด็กนี้ร้ายเสียจริงพูดเล่นแง่กับข้าเสียดด้วย ดี ๆ ข้าจะให้เจ้าเข้าเวรเย็นอยู่เป็นเพื่อนข้าเสียเลย”
      เมื่อรับราชโอกาสมาแล้ว กลับถึงบ้านเรืองรีบนำรับสั่งที่ได้มาเล่ากับทุกคนในบ้านฟัง เพื่อบอกว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าตนจะไม่อยู่บ้าน
      “อะไรกันพ่อมหาเล็กของพี่ เจริญก้าวหน้าถึงขั้นตามเสด็จเจ้าฟุ้งกุ้งประพาสเสียแล้วรึ” เดือนถามน้องด้วยความตื่นเต้นทั้งเรื่องที่น้องจะได้ตามเสด็จ และได้ไปนมัสการพระพุทธบาท
      “แล้วนี้จะไปกี่วันละพ่อคุณของย่า แล้วขุนทับไปด้วยหรือไม่”
      “เออนั้นสิจ๊ะ ฉันไม่ได้ถามเรื่องระยะเวลาเดินทาง แต่พี่ทับไปด้วยคุณย่า คุณพ่อ และพี่เดือนไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ พี่ทับต้องดูแลฉันอย่างดีแน่ ๆ อยู่แล้ว”
      “มั่นใจเสียจริงพ่อตัวดี แต่อย่าไม่รบกวนพี่เขามานั้นละ เข้าใจไหม”
      “เข้าใจจ๊ะ” เรืองตอบพร้อมคิดว่าจะรบกวนพี่ทับไม่มากในแบบของตนนะไม่ใช่ในแบบของคุณย่า ขืนไม่รบกวนในแบบของคุณย่าตนคงไม่ได้คุยกับพี่ทับแน่นอน
-------------------------------------------------------

      ก่อนวันเดินทางเรืองตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเพราะ ตลอดชีวิตเรืองไม่เคยเดินทางออกจากกำแพงกรุงเลยสักครั้งเดียว และเมื่อได้เวลาเดินทางเรืองยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ด้วยตลอดเส้นทางเป็นป่าทำให้เรืองได้พบกับสิงสาราสัตว์มากมายทั้งที่ตนเคยเจอ และไม่เคยเจอ ทำให้เรืองคอยชี้โน้นชี้นี้ถามขุนทับไม่หยุดปากว่านั้นสัตว์อะไร ตอนนี้เขาถึงไหนก็แล้ว จนถึงเวลาเย็นขบวนเสด็จประพาสก็หยุดพัก
      “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าเรืองตื่นเต้นน่าดูนะสิ ข้าได้ยินเสียงเจ้าดังไปถึงเรือประทับของข้า” เมื่อเข้าประทับในที่รับรองเจ้าฟ้ากุ้งก็ถามมหาดเล็กคนใหม่ ที่ยังไม่เคยเดินทางไปไหนกับพระองค์มาก่อน
      “ตื่นเต้นพระพุทธเจ้าค่ะ ข้าพระพุทธเจ้าไม่เคยเห็นสัตว์มากมายขนาดนี้มาก่อนเลย ข้าพระพุทธเจ้าก็เลยถามพี่ทับมากไปหน่อย ขอพระราชทานอภัยให้ข้าพุทธเจ้าด้วยนะเกล้านะกระหม่อน”
      “ข้าจะเอาเรื่องเจ้าได้อย่างไร ตัวแค่นี้ต้องจากบ้านมาเดินทางลำบากลำบนกับข้า ไม่ร้องงอแงกลับบ้านก็นับว่าเก่งแล้ว มาข้าจะเข้าพักแล้วเจ้ามาทำหน้าที่ยามรักษาพระองค์ให้ข้าได้แล้ว”
      สิ้นคำรับสั่งเรืองก็ตามเสด็จเข้าที่ประทับชั่วคราวของเจ้าฟ้ากุ้ง แล้วถวายถ้วยชารับรองในทันที เนื่องจากขุนทับกำชับตนไว้แล้วว่า เมื่อเจ้าฟ้ากุ้งประทับบนแท่งให้เรืองนำน้ำชาขึ้นถวายในทันที
      “เที่ยวเล่นขนาดนี้เจ้าคงไม่คิดถึงบ้านสินะเรือง”
      “ตอนนี้ไม่คิดถึงนะเกล้านะกระหม่อน”
      “แล้วตอนไหนเจ้าถึงจะคิดถึงบ้านเล่า”
      “ตอนจะนอนนะเกล้านะกระหม่อน ย่าจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนทุกวัน”
      “นิทานรึข้าไม่ถนัดเสียด้วยสิ เปลี่ยนเป็นโคลงแล้วกัน ข้าจะแห่โคลงให้เจ้าฟัง เจ้าจะได้นอนหลับดีไหม”
      “เป็นพระมหากรุณาพระพุทธเจ้าค่ะ”
      รับสั่งเสียแล้วเจ้าฟ้ากุ้งประทานอนุญาตให้เรืองนอนที่พื้นใกล้ที่ประทับสำหรับบรรทมของพระองค์ แล้วพระองค์ก็เริ่มแห่โคลง
                 “กระต่ายหลายพงศ์พรรค์    เต้นชมจันทร์หันตัวตาม
ซ่อมซุ้มชุมเหลือหลาม       ยามออกเล่นเต้นชมกัน ฯ
กระต่ายหลายพวกพ้อง       พรรค์งาม
ชมชื่นแสงจันทร์ตาม       ไล่เหล้น
ซ่อมซุ้มชุมเหลือหลาม       หลายเหล่า
ยามเมื่อออกเล่นเต้น       โลดเลี้ยวชมกัน ฯ
เสือกระต่ายลายเขียนขีด    ตัวกระจิดนิดกว่าแมว
อยู่ป่าตาบั้งแบ๊ว          ขบกระต่ายแล้วแง้วคำราม ฯ
เสือกระต่ายลายขีดขั้น       เป็นแถว
กระจิดกว่าแมวเหมือนแมว       ปากเขี้ยว
อยู่ป่าตาบั้งแบ๊ว          มองหมอบ
ขบกระต่ายตายเคี้ยว       ย่ำย้ำคำราม ฯ” *
      เสียงแห่โคลงของพระองค์ดังออกมาถึงนอกที่ประทับถือเป็นบุญของมหาดเล็กทุกคนที่ได้อยู่บริเวณนั้น ด้วยทำนองและคำโคลงที่ไพเราะช่วยขับกลอมให้ทุกคนนอนหลับฝันดี ส่วนมหาดเล็กที่เฝ้ายามก็รู้สึกไม่เงียบเหงาเนื่องจากมีเสียงแห่โคลงอยู่เป็นเพื่อน

-------------------------------------------------------------------------------
      เมื่อกลับจากตามเสด็จประพาสพระพุทธบาท ครั้งถึงบ้านเรืองรีบเรียกทุกคนมานั่งเพื่อเล่าเรื่องการเดินทางของตนให้ทุกคนในบ้านฟัง
      “เร็ว ๆ ทุกคน หลานข้าจะมาคุยโม้ให้ทุกคนฟังถึงการตามเสด็จไปประพาสครั้งนี้”
      “คุณย่าก็ ฉันเห็นว่าทุกคนไม่เคยไปนมัสการพระพุทธบาทดอก ฉันเลยอยากเล่าให้ฟัง ไม่ได้โม้สักหน่อย” เรืองกล่าวแบบงอน ๆ
      “ฟัง ๆ คุณมหาดเล็กไปเถอะจ้ะคุณย่า แต่ทุกคนจำไว้นะน้องข้าพูดอะไร อย่าเชื่อทั้งหมด เชื่อแค่บางส่วนพอ แล้วก็ระวังให้ดี น้องข้าพูดไปเรื่อย ๆ พวกเจ้าอาจเห็นแมงโม้วิ่งผ่านหน้า” เดือนแซวน้องชายตามอีกต่อหนึ่ง
      “คุณพ่อจ๋าดูสิแต่ละคนแกล้งฉัน ใครไม่อยากฟังก็ไม่ต้องฟัง แค่คุณพ่อฟังฉันคนเดียวก็พอ ใช่ไหมจ๊ะ” เรืองหันมาอ้อนนายช่างชิดเพื่อให้ตอบรับคำพูดของตน
      “แน่นอน พ่อต้องฟังเจ้าอยู่แล้ว” นายช่างชิดรีบตอบรับ โดนลูกชายคนเล็กอ้อนนิดอ้อนหน่อยตนก็ใจอ่อนไปเสียทุกที
      เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมฟังเรื่องราวการเดินทางขอตนแล้ว เรืองก็เริ่มเล่าด้วยความสนุกสนานว่าระหว่างทางตนพบเห็นสัตว์อะไรบ้าง เหนื่อยและลำบากขนาดไหน ที่สำคัญพูดถึงน้ำพระทัยของเจ้าฟ้ากุ้งที่ทรงแห่โคลงให้ฟังเพื่อบรรเทาความคิดถึงบ้าน


*บทที่ 25 และ 26 จากกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
ในที่สุดพี่เดือนก็มีบทพูดกับเขาบ้างดีใจก็พี่จริงๆ

https://www.facebook.com/tipin1994/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2017 16:47:13 โดย Tipin »

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
ขอโทษด้วย เน็ตมีปัญญา เราไม่รู้ว่ามันขึ้นอัพยัง
กดรีหลายรอบกว่าจะได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2017 20:36:48 โดย Tipin »

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
มารออ่านต่อค่ะ มหาดเล็กเรืองกับพี่ทับ น่ารักเจียว

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
ชอบนิยายแนวนี้จัง พี่ทับกับน้องเรืองน่ารักมากเลย
ฉากตอนต้นที่สานตะกร้ากับเที่ยวตลาดคล้ายเรื่องสายโลหิตเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
ชอบนิยายแนวนี้จัง พี่ทับกับน้องเรืองน่ารักมากเลย
ฉากตอนต้นที่สานตะกร้ากับเที่ยวตลาดคล้ายเรื่องสายโลหิตเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า  :pig4:

ได้แรงบรรดาลใจการแต่งเรื่องนี้มาจากสายโลหิตค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกละมุนมาก ผู้ชายสมัยก่อนคือดี แต่ไม่ค่อยมีนิยายแนวนี้ เลยแต่งเองมันเลย
ชอบผู้ชายแบบขุนไกร แต่อยากได้แบบใจเย็นๆ เลยมาเป็นพี่ทับของเราแทน
แถมพี่ทับของเรายังสบายว่าขุนไกรตรงที่ พี่ไม่ต้องน้องบุกเอง

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ขึ้นชื่อเจ้าฟ้ากุ้งเราก็เริ่มกลัวจะมีดราม่าจังมันจะจบได้สวยใช่ไหม

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
ขึ้นชื่อเจ้าฟ้ากุ้งเราก็เริ่มกลัวจะมีดราม่าจังมันจะจบได้สวยใช่ไหม
เราไม่ถนัดแต่งดราม่าอะ แต่เราแต่งอิงประวัติศาสตร์นะ
คงไม่ดราม่าเท่าไรหรอกมั้ง ไม่แน่ใจฟิลตัวเองตอนแต่งเหมือนกัน
ต้องรอติดตามดู

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านในโทรศัพท์แล้วตามมาเม้นในโน้ตบุ๊ค....สนุกดีหาวายเรื่องแบบนี้อ่านไม่ค่อยมี แรกๆ ได้กลิ่นไอสายโลหิต ต่อมาเข้าแนวฟ้าใหม่ กลัวพลิกล็อคกลายเป็นเจ้าเรืองเป็นพระเอกพี่ทับเป็นนายเอกรึเปล่า เดาไปโน่น เพราะเห็นคนแต่งบอกว่ายังไม่ได้กำหนดว่าใครเป็นพระเอกนายเอก เวลาเปลี่ยนน้องเรืองอาจโตมาเป็นชายหนุ่มองอาจกล้าหาญปกป้องพี่ทับก็เป็นได้ :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Babyboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ชอบแนวนี้ นานๆทีจะมีมาให้อ่าน
ชอบพี่ทับและพ่อเรือง
รอติดตามนะคร้าบบบ  :hao3: :katai2-1:

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
อ่านในโทรศัพท์แล้วตามมาเม้นในโน้ตบุ๊ค....สนุกดีหาวายเรื่องแบบนี้อ่านไม่ค่อยมี แรกๆ ได้กลิ่นไอสายโลหิต ต่อมาเข้าแนวฟ้าใหม่ กลัวพลิกล็อคกลายเป็นเจ้าเรืองเป็นพระเอกพี่ทับเป็นนายเอกรึเปล่า เดาไปโน่น เพราะเห็นคนแต่งบอกว่ายังไม่ได้กำหนดว่าใครเป็นพระเอกนายเอก เวลาเปลี่ยนน้องเรืองอาจโตมาเป็นชายหนุ่มองอาจกล้าหาญปกป้องพี่ทับก็เป็นได้ :hao4:
เรื่องนี้เราได้แรงบรรดาลใจมาจากสายโลหิตแหละ
แล้วพอแต่งๆไปกลัวใช้คำราชศัพท์ไม่ถูก เลยหาทั้งหนัง ทั้งละครแนวนี้ดู
ตอนถวายตัวนี้เราดูจากฟ้าใหม่ ตอนประพาสเอามาจากหนังสือเรียนภาษาไทย
ถ้าคำราชาศัพท์ตรงไหนผิดบอกเราด้วยนะ กลัวใช้คำไม่ถูกเหมือนกัน
ส่วนเรืองกับพี่ทับ ตอนนี้คนเขียนก็ยังไม่ได้เลือกให้เหมือนเดิม เพราะ น้องยังไม่โต

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
เรืองน่ารักกกก

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
บทที่ 5 โตเป็นหนุ่ม
            “ฝ่าบาท ข้าพระพุทธเจ้าจะโกนจุกแล้วนะเกล้านะกระหม่อน”
            “อะไรกัน เจ้ามารับใช้ข้าได้ 3 ปีแล้วรึเจ้าเรือง” เจ้าฟ้ากุ้งตรัสถาม เพราะ ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านมาไวขนาดนี้
            “พระพุทธเจ้าค่ะ แต่ข้าพระพุทธเจ้าไม่อยากโกนจุกเลยนะเกล้านะกระหม่อม”
            “ทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า เจ้าไม่รู้รึเรืองว่าการโกนจุกแสดงว่าเจ้าจะโตเป็นหนุ่มแล้ว”
            “รู้พระพุทธเจ้าค่ะ แต่พอเป็นหนุ่มแล้วเวลาข้าพระพุทธเจ้าอยากได้อะไร หรืออยากให้พาไปเที่ยวก็ไม่สามารถทำได้แล้วเพราะ คนโต ๆ กันแล้วเขาไม่เที่ยวเล่นกันแบบเด็ก” ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่พระเจ้าฟ้ากุ้ง เรืองคงออกฤทธิ์เดชมากกว่านี้ก็เป็นได้
           “ใครบอกเจ้ากันว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะเที่ยวเล่นไม่ได้”
           “พี่เดือนพี่ชายข้าพระพุทธเจ้าค่ะ ข้าพระพุทธเจ้าอยากไปเที่ยวตลาด เลยขอให้พี่เดือนพาไป แต่พี่เดือนบอกว่าจะโตเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่ต้องให้คนอื่นพาไปเที่ยวตลาดกันแล้ว พอไม่มีคนพาไปข้าพระพุทธเจ้าก็ไปไม่ได้ เพราะคุณย่าไม่ให้ไปนะเกล้านะกระหม่อม”
            “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าโดนพี่เจ้าหลอกแล้วแหละเรือง ตลาดรึพอเจ้าพูดข้าก็เริ่มอยากไปเหมือนกัน แต่ถ้าข้าพาเจ้าไป เจ้าคงหมดสนุกกันพอดี คนล้อมหน้าล้อมหลังตามกันเป็นขบวน เอาอย่างนี้ข้าให้เจ้าเลิกราชการเร็ว แล้วให้เจ้าทับพาเจ้าไปเที่ยวตลาดดีรึไม่”
            “เป็นพระมหากรุณาพระพุทธเจ้าค่ะ แต่ไม่เป็นไร ข้าพระพุทธเจ้าอยากทำงานให้เต็มที่นะเกล้านะกระหม่อน”
เมื่อเรืองพูดจบขุนทับก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
            “มีอะไรรึเจ้าทับ เจ้าขำอะไร” เจ้าฟ้ากุ้งตรัสถามด้วยความสงสัย
            “ตอนนี้บ่ายมากแล้วตลาดวายหมดแล้วพระพุทธเจ้าค่ะ ถึงไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้เรืองกินนะเกล้านะกระหม่อม”
ชิชะ ไอเด็กนี้ ข้าก็นึกว่าขยันทำราชการ เอาอย่างนี้พรุ่งนี้ข้าให้เจ้ากับขุนทับเข้าราชการสาย ขุนทับพรุ่งนี้เจ้าหาเรืองไปเที่ยวตลาดก่อนมารับใช้ข้าแล้วกัน”
             “พระพุทธเจ้าค่ะ” ขุนทับรับราชโองการ
             “นี้เจ้าเรืองวันโกนจุกเจ้าข้าคงไม่ได้ไป แต่เอาอัฐนี้ไปถือว่าข้าลงขันให้เจ้าเป็นคนแรกแล้วกัน”
             “เป็นพระมหากรุณาพระพุทธเจ้า” เรืองรับอัฐมา แต่คิดในใจว่าตนคงไม่ใช้จะเก็บรักษาไว้อย่างดีแทน

----------------------------------------------------------------------------------
              เมื่อถึงวันฤทธิ์ดีบ่าวไพร่ในบ้านต่างช่วยกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับให้นายน้อยของบ้านเข้าพิธีโกนจุก โดยสถานที่นั้นตบแต่งประดับประดาไปด้วยผ้าแพรระบาย ทิวธงราชวัตรฉัตรชัยเนื่องจากเรืองเป็นสามัญชนถึงใช้ฉัตร 3 ชั้น ต้นกล้วย ต้นอ้อย และพับผ้าสีสลับกันรอบเสาโรงพิธี โดยพิธีจัด 2 วัน วันแรกสวดมนต์เย็น และทำพิธีบ้างส่วนคือ เมื่อพระเริ่มสวดก็ใส่มงคลสายสิญจน์รอบจุกของเรือง จนสวดมนต์จบแล้ว จึงปลดสายสิญจน์จากมงคล ส่วยวันที่สองเริ่มด้วยพระสงฆ์ฉันอาหารบิณฑบาตเช้า และเริ่มพิธีการตัดจุก
              “เป็นอย่างไรบ้างพ่อหนุ่มใหญ่คนใหม่” ขุนทับเอ่ยแซวเรืองหลังพิธีโกนจุกเสร็จสิ้น “สบายหัวหรือไม่ ไม่มีผมเหลือแล้วนิเจ้า”
              “อย่าแซวฉันสิจ๊ะพี่ทับ พิธีอะไรไม่รู้ยาวจัง ต้องขัดผิวด้วยฉันเจ็บไปหมดแล้ว” เรืองเริ่มงอแง
              “โตเป็นหนุ่มแล้ว เจ้างอแงเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้วนะเรือง” ขุนทับรีบปรามด้วยเรืองอายุ 13 และผ่านพิธีโกนจุกแล้ว ต้องเริ่มสั่งสอนให้ปฏิบัติตนให้สมเป็นผู้ใหญ่
              “ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้ใหญ่เสียหน่อย ฉันยังอยากเป็นเด็ก อยากอ้อนให้พี่ ๆ คุณพ่อ คุณย่าเอาใจอยู่เลย”
              “อย่างนั้นเวลาอยู่กับคนอื่นเจ้าก็ทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่ แต่เวลาอยู่กับคนในครอบครัวเจ้าค่อยทำตัวเด็กดีหรือไม่”
              “ถ้าทำได้อย่างนั้นมันย่อมดีอยู่แล้ว แต่คนที่บ้านก็บอกว่าฉันโตแล้วจะอ้อน หรือเอาแต่ใจแบบเด็ก ๆ ไม่ได้แล้ว เอาอย่างนี้พี่ทับมาเป็นคนให้ฉันอ้อนเอาแต่ใจได้ไหมจ๊ะ อย่างไรเสียพี่ทับก็เปรียบเสมือนพี่ชายของฉันอีกคนอยู่แล้ว แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นฉันจะปฏิบัติตนให้สมกับการเป็นผู้ใหญ่”
               ขุนทับได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มคิดไม่ตกว่าควรตอบอย่างไรดี ถึงจะเป็นการดีทั้งกับเรือง และคนอื่น ๆ
               “เห็นไหม พอเป็นผู้ใหญ่พี่ทับก็จะไม่ตามใจฉันอีกคนแหละ ช่างมันเถอะไม่ต้องฟังคำที่ฉันขอดอก ฉันหยอกพี่ทับเล่น ต่อไปฉันจะปฏิบัติตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
      ได้ฟังแล้วนั้นขุนทับก็สบายใจ ด้วยเรืองนั้นนอกจากการโกนจุกที่ถือว่าก้าวข้ามมาสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น เรืองยังเป็นมหาดเล็กในฝ่ายกรมพระราชวังบรม ในวังนั้นอันตรายมากมี มีแต่คนแก่งแย่งชิงดี ถ้าเรืองยังคงทำตัวเด็กอาจโดนคนประเภทนี้หาประโยชน์เอาได้

----------------------------------------------------------------------------------
      นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเรืองก็เอาแต่ใจน้อยลง ปฏิบัติตัวเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังมีบางครั้งที่เผลอหลุดอ้อนคนในครอบครัว แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าอะไรที่ติดเป็นนิสัยแล้วนั้นมันค่อนข้างปรับยาก ถึงหลายคนจะพอใจกับลักษณะที่ดูโตขึ้น แต่กลับมีสองคนที่รู้สึกแปลกกับนิสัยที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปของเรือง
      คนแรกคือเดือน เนื่องจากตนเองเป็นพี่ชายคนโตที่อายุห่างจากเรืองมาก ทำให้เดือนได้รับหน้าที่ดูเรืองมาตั้งแต่เด็ก ๆ แทนคุณแม่ที่เสียไป และคุณย่ากับคุณพ่อที่มีภาระหน้าที่อื่นต้องทำ ทำให้เดือนกลายเป็นคนที่ใกล้ชิดกับน้องที่สุด และเป็นคนที่ถูกเรืองอ้อนมากที่สุด พอมาวันหนึ่งน้องตัวน้อยเติบโตขึ้น ออดอ้อนตนน้อยลง เดือนก็เริ่มรู้สึกใจหาย จนวันหนึ่งที่เดือนทนไม่ไหวถึงคุยเรื่องนี้กับเรือง
      “เรืองพี่ว่าเจ้าอายุแค่ 13 ปีไม่ต้องรีบเป็นผู้ใหญ่ตามที่คนอื่นว่าก็ได้”
      “คนอื่นที่ไหนหนึ่งในนั้นก็มีพี่เดือนด้วยนะจ๊ะ” เรืองทำหน้าสงสัยเพราะ เดือนเป็นคนเริ่มต้นบอกตนเองก็ว่าได้ว่าโกนจุกแล้วต้องเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว
      “พี่เย้าเจ้าเล่นดอก อายุแค่ 13 จะเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไร ยังเด็กอยู่แท้ ๆ”
      เรืองเห็นท่าทางของเดือนก็รู้ทันทีว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นจึงถามออกไปตรง ๆ ว่า “ขอความจริงจังจ้ะ ฉันอยากรู้ว่าฉันควรทำตัวอย่างไรกันแน่ ฉันเอาใจทุกคนไม่ถูกแล้วนะจ๊ะแบบนี้”
      “พี่เหงา พี่มีเจ้าค่อยออดอ้อนมาเป็นเวลา 10 กว่าปี พออยู่มาวันหนึ่งเจ้าก็ออดอ้อนพี่น้อยลง เอาอย่างนี้เวลาไหนที่เจ้าอยากอ้อน เช่น อยากได้อะไรแบบแต่ก่อนเจ้าก็อ้อนขอพี่ได้เลยนะ”
      “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ โธ่พี่เดือนที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ได้จ้ะฉันจะปฏิบัติตนให้สมกับเป็นผู้ใหญ่ และจะปฏิบัติตนให้สมกับการที่เป็นน้องชายของพี่ไปพร้อม ๆ กันดีไหมจ๊ะ” เรืองเข้าไปกอดประจบพี่ชาย
      “ดี ๆ ดีมาก ดีที่สุด” เดือนพอใจเป็นอย่างมากกับคำตอบและท่าทีน้องชายให้

      คนที่สองคือ ขุนทับ เพราะตั้งแต่วันที่คุยกับเรืองวันนั้น เรืองก็พูดกับตนน้อยลง หรือถ้ามีเหตุที่ต้องให้พูดคุยกันก็จะตอบแบบห่างเหิน อย่างเช่นวันนี้
      “เรือง วันหยุดราชการนี้พี่จะไปซ้อมดาบกับเจ้านะ”
      “ขอรับขุนทับ กระผมจะรอ” เรืองตอบเพียงเท่านี้ แล้วเดินเข้าตำหนักประทับของเจ้าฟ้ากุ้งไป
      “มาพอดีเลยจะเจ้า ข้ากำลังพูดถึงอยู่พอดี”
      “มีอะไรให้ข้าพุทธเจ้ารับใช้รึนะเกล้านะกระหม่อน”
      “เจ้าพวกมหาดเล็กคนอื่นนะสิบอกข้าว่าเจ้าดูโตขึ้น อะไรกันผ่านการโกนจุกมาไม่นานเจ้าไม่ต้องรีบก็ได้”
      “มีคนบอกว่าโกนจุกแล้วต้องปฏิบัติตนให้เป็นผู้ใหญ่ได้แล้วนะเกล้านะกระหม่อม”
      “ก็จริง แต่การจะเป็นผู้ใหญ่นั้นมีหลายวิธี เจ้าเห็นรึไม่ผู้ใหญ่ทุกคนไม่ได้ปฏิบัติตนเหมือนกันไปเสียหมด ดูอย่างง่าย ๆ เจ้าขุนทับกับพี่ชายของเจ้าที่เคยเล่าให้ข้าฟังก็เป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน แต่ปฏิบัติตนไม่เหมือนกันใช่รึไม่ เจ้าไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเสียหมดเป็นผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเดียวตลอดเวลา เจ้าสามารถเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้อ้อนเวลาอยู่กับคนที่บ้าน เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพตอนเป็นคุณมหาดเล็ก”
      “เป็นผู้ใหญ่ทำไมยากจังนะเกล้านะกระหม่อน” เรืองรู้สึกเหนื่อยกับการเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที
      “เป็นผู้ใหญ่ไม่ยากดอก แต่ด้วยเจ้าที่ต้องมาเป็นคุณมหาดเล็กในวังตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ทุกคนคาดหวังให้เจ้าเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ ข้าเข้าใจดีเพราะ ข้าก็เคยผ่านการคาดหวังนั้นมาแล้ว”
      เรืองได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจว่าตนจะเป็นผู้ใหญ่แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ และกาลเทศะที่เหมาะที่ควรเหมือนที่เจ้าฟ้ากุ้งทรงปฏิบัติตนหลากหลายรูปแบบกับหลากหลายคน
      “ข้าพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วพระพุทธเจ้าค่ะ”
      ขุนทับที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็คิดว่าตนคงบังคับให้น้องเปลี่ยนแปลงตนไปเป็นผู้ใหญ่เร็วเกินไป หลังเสร็จจากถวายการรับใช้ขุนทับก็เรียกเรืองมาคุยเพื่อขอโทษ
      “พี่ขอโทษที่บังคับให้เจ้ารีบโตเป็นผู้ใหญ่ ในวังนั้นอันตรายมากมี คนบางคนนั้นเข้ามาหวังหาประโยชน์ ถ้าพวกเขาเห็นว่าเจ้าเป็นเด็กพวกเขาจะเลือกเข้ามาหาเจ้า พี่ไม่อยากให้เจ้าเดือดร้อน เข้าใจพี่รึไม่”
      “กระผมเข้าใจที่ขุนทับบอกขอรับ ขอบคุณเป็นอย่างมากที่เป็นห่วงกระผม”
      “ถ้าเจ้าเข้าใจแล้วก็กลับมาพูดกับพี่เหมือนเดิมไม่ได้รึเรือง”
      “กระผมคิดว่าจริง ๆ พูดแบบนี้เห็นจะสมควรกว่านะขอรับ กระผมจะพูดเหมือนเดิมแค่กับคนในบ้าน และฝ่าบาทที่ทรงโปรดให้กระผมพูดแบบเดิมได้ก็เพียงพอแล้วขอรับ”
      “โธ่เรือง พี่ก็ถือเป็นคนในครอบครัวเจ้าเช่นกัน อย่าลืมสิว่าเราสองครอบครัวดองเป็นเครือญาติกันแล้ว เจ้าพูดแบบนี้เหมือนเห็นพี่เป็นคนอื่นคนไกล”
      “กระผมก็เห็นขุนทับเป็นเสมือนญาติคนหนึ่ง แต่ทุกคนในบ้านของกระผมก็พูดคุยกับขุนทับเช่นนี้ กระผมเห็นว่ากระผมเองก็สมควรพูดกับขุนทับแบบเดียวกับทุกคนในบ้านเช่นกัน”
      “แต่พี่อยากให้เจ้าพูดคุยจ๊ะจ๋ากับพี่แบบเมื่อครั้งก่อนมากกว่า เรืองจ๋ากลับมาพูดกับพี่เหมือนแต่ก่อนได้รึไม่ เจ้าพูดกับพี่เช่นนี้พี่ไม่ชอบใจเอาเสียเลย”
      “กระผมขอขุนทับตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว แต่ขุนทับไม่อนุญาต กระผมเลยคิดว่าพูดแบบนี้น่าจะดีกว่า เผื่อในวันข้างหน้าขุนทับไม่เห็นสมควรแล้วมาบอกให้กระผมเปลี่ยนอีก แล้วเมื่อถึงเวลานั้นกระผมโตขึ้นอาจเปลี่ยนแปลงการพูดจาได้ยากขึ้น สู้เปลี่ยนเสียตอนนี้ครั้งนี้ไปเลยน่าจะดีกว่า”
      “ทำไมพูดเยี่ยงนั้น เอาอย่างนี้พี่สัญญากับเจ้าว่าพี่จะให้เจ้าพูดจากับพี่เหมือนแต่ก่อนได้ตลอดชีวิตของพี่ และให้เจ้าอ้อนขอสิ่งต่าง ๆ จากพี่ได้เช่นกัน เจ้าเห็นว่าเช่นไร”
      “สัญญาแบบนี้ฉันจะตอบแบบอื่นได้เช่นไรละจ๊ะ ฉันก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว เออพี่ทับจ๋าวันไปซ้อมดาบฉันอยากกินนกปล่อย* พี่ทับซื้อมาฝากฉันได้หรือไม่จ๊ะ”
      “พออ้อนได้ก็ใช้พี่เลยนะพ่อเรือง เอาอย่างนั้นหยุดราชการครั้งนี้ทั้งเจ้าและพี่ซ้อมดาบกันแค่วันเดียวพอ อีกวันพี่จะพาเจ้าไปย่านป่าขนม**ถือเป็นการไถ่โทษที่พี่พูดกับเจ้าเช่นครั้งก่อนดีหรือไม่”
      “ดีจ๊ะ พี่ทับใจดีกันฉันที่สุดเลย” เรืองพูดพร้อมกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

*นกปล่อย คือ ขนมลอดช่อง
**ย่านป่าขนม คือ ตลาดสำหรับค้าขายขนม

ี่พี่เดือนคนติดน้อง ในอนาคตอุปสรรค์ระหว่างขุนทับกับเรืองอาจเป็นพี่เดือนที่รักน้องเกินเหตุก็ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2017 17:09:39 โดย Tipin »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :a5:

แง๊ง พี่เดือน ต้องใจเย็นๆ

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เรื่องแบบนี้แต่งยากมาก นับถือคนแต่งที่พยายาม เพราะต้องค้นคว้าข้อมูลพอสมควร แต่เรืองแอบมีความเจ้าเล่ห์แต่เด็กเลย ขุนทับจะทันน้องหรอเนี่ย

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ชอบนิยายแนวนี้ม๊ากกก มากกกก เจ้าเรืองก็น่าเอ็นดู พี่ทับก็ตามใจน้องขนาดนี้ โอ้ยยยย เห็นแววเกลียมัวมาแต่ไกล  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
บทที่ 6 ต้นโพธิ์ล้ม
                        นอกจากการปรับตัวให้ปฏิบัติตนเพื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น เรืองยังต้องเรียนรู้ในการดูการปฏิบัติตนของมหาดเล็กคนอื่นในวังด้วย
                                “จำไว้นะเรืองคนในวังนั้นมาก นิสัยย่อมมากตาม บางคนนั้นสิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เขาคิดไม่ได้เหมือนกัน เจ้ารู้จักคำว่าปากหวานก้นเปรี้ยวหรือไม่เรือง”
                                “รู้จักจ้ะพี่ทับ คนในวังบางส่วนเป็นอย่างนั้นใช่หรือไม่จ๊ะ เข้าหาเราเพื่อผลประโยชน์ แต่เมื่อไรที่เราหมดประโยชน์เขาก็จะไม่สนใจใยดี ฉันเคยได้ยินคนเขาพูดกัน”
                                “ใช่แล้วเรือง เจ้านี่ฉลาดเสียจริง”
                                “ก็ฉันก็มีตัวอย่างที่ดีแบบพี่ทับอย่างไรละจ๊ะ ฉันก็เลยเก่งแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันคงต้องฝึกอีกมากถึงจะเก่งเท่าพี่ทับได้”
                                “จ๋า ๆ พ่อคนปากหวาน” ขุนทับกล่าวพร้อมลูบหัวด้วยความเอ็ดดู “ได้เวลาไปเข้าเฝ้าแล้ว ไปกันเร็ว”
                ขณะกำลังเดินอยู่นั้นเรืองก็ชนเข้ากับคน ๆ หนึ่ง
                “ไม่มีตาหรือไรวะ หรือคิดว่ามีเจ้านายใหญ่เป็นถึงกรมพระราชวังบวรสถานมงคล จะเดินตรงไหนก็ได้ ไม่ต้องหลบใคร ทุกคนต้องหลบให้”
                เรืองได้ฟังดังนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าใครเป็นคนพูด
                “นะ ยังจะมองหน้ากูอีก ว่านิดว่าน้อยทำมอง ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง หรือคิดว่ามีเจ้านายให้ท้ายวะ”
                “หามิได้เจ้าค่ะ เรืองยังเด็กนัก ขออย่าได้ถือเป็นโทษเลยนะเจ้าค่ะ” ขุนทับเห็นทางไม่ดีจึงรีบบังคมทูล
                “อย่าให้มีครั้งหน้าอีกแล้วกัน เดี๋ยวเขาจะโจษจันกันไปทั้งวังว่ามหาดเล็กวังหน้าไม่รู้อะไรควร อะไรไม่ควร”
                “เจ้าค่ะ ข้าพระพุทธเจ้าจะสอนน้องให้ดี”
                เมื่อพูดจบคน ๆ นั้นก็เดินจากไป ยิ่งทำให้เรืองสงสัยมากขึ้นว่าคนผู้นั้นคือใคร จึงหันไปถามขุนทับในทันที
                “เขาคนนั้นคือใครรีจ๊ะพี่ทับ ฉันไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย ยังไมทันกล่าวขอโทษก็โดนว่าไม่หยุด พอหยุดก็เดินไปเสียเฉย ๆ ว่าฉันไม่พอยังพาดพิงไปถึงกรมราชวังบวรสถานมงคลด้วย”
                “ท่านผู้นั้นคือ กรมหมื่นจิตรสุนทรเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เช่นเดียวกับท่านวังหน้านายของเรา”
                “ท่านไม่ถูกกับนายของเราสินะจ๊ะ”
                “เรือง! พี่สอนเจ้าว่าอย่างไร” ขุนทับรีบเอ็ดหลังได้ยินคำถาม
                “อย่าพูดอะไรที่ไม่เป็นการสมควรในวัง เพราะ อาจมีคนได้ยินแล้วนำไปพูดต่อในทางไม่ถูกไม่ควร พี่ทับจ๊ะฉันขอโทษ แล้วก็พี่ก้มหน้าลงมาฉันหน่อยสิจ๊ะ”
                ขุนทับเห็นว่าน้องเข้าใจในสิ่งที่ตนสอนแล้วนั้น ก็ไม่กล่าวตักเตือนอะไรเพิ่ม แล้วก้มหน้าลงตามที่เรืองบอก เรืองเห็นดังนั้นจึงกระซิบถามว่า
                “แล้วที่ฉันสงสัยจริงหรือไม่ละจ๊ะ”
                “เจ้านี้จริง ๆ เสียเลยน่าหยิกให้แขนเขียว” แล้วขุนทับก็ก้มไปกระซิบเรืองกลับว่า “จริง”
เพราะพี่ทับเป็นเสียอย่างนี้อย่างไรเล่า เรืองเลยรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเอาแต่ใจได้มากขึ้น ไม่ว่าจะขอหรือถามอะไร พี่ทับก็หามาให้ และตอบข้อสงสัยได้เสียหมด
                          “ช้ามากเรารีบไปเข้าเฝ้ากันเถอะเรือง”
                          “จ๊ะพี่ทับ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเข้าตำหนักนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรหล่นจึงรีบเข้าไปดู เมื่อเข้าไปก็เห็นเจ้าฟ้ากุ้งทรงล้มอยู่
                                “เรือง เจ้าจงรีบไปตามหมอหลวงเร็ว” ขุนทับกล่าวด้วยความตกใจ
                                “ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ละจ้ะ”
                                เมื่อหมอหลวงมาถึงก็รีบตรวจอาการเพื่อวินิจฉัยหาโรค โดยได้ความว่าเจ้าฟ้ากุ้งทรงประชวรด้วยโรคสำหรับบุรุษ พระอาการของโรคที่เห็นได้ชัดคือ เสียประสาทการทรงตัว เดินช้าเพราะต่อมน้ำเหลืองโต และบวม
                             “โรคสำหรับบุรุษคืออะไรรึจ๊ะ แล้วพี่ทับเคยเป็นโรคนี้หรือไม่จ๊ะ ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลย พี่เดือนก็เหมือนยังไม่เคยเป็น แล้วต้องเป็นโรคนี้ก่อนถึงจะสมเป็นบุรุษใช่หรือไม่จ๊ะ ถ้าอย่างนั้นพี่ทับก็ต้องเคยเป็นแล้วแน่ ๆ เลย” เรืองถามด้วยความสงสัยอย่างยืดยาว
                 ขุนทับไม่รู้ว่าควรจะอธิบายสาเหตุของโรคให้เรืองฟังอย่างไรดี ถึงบอกให้เรืองไปถามหมอหลวงแทนตน โชคดีที่หมอหลวงสามารถตอบข้อสงสัยของเรืองได้จนหมด ส่วนเจ้าฟ้ากุ้งนั้นในบางครั้งที่พระองค์ประชวรหนักพระองค์จะไม่สามารถเสด็จไปไหนมาไหนได้ ทำได้เพียงประทับบนแท่นบรรทมตลอดเวลา
                 เรืองมาเข้าเฝ้าครั้งใด ถ้าพบว่าพระองค์ประชวรหนักขึ้นก็จะร้องไห้เสียใจ เนื่องจากเรืองยังเด็กเลยกลัวไปสารพันอย่าง บางครั้งเรืองแอบได้ยินคนในวังบางคนพูดจาถึงอาการในการจะทำการรักษาให้หายขาด  เรืองก็ยิ่งกลัว วันหนึ่งขณะเรืองเข้าเฝ้า เจ้าฟ้ากุ้งมีรับสั่งให้เรืองเข้าไปหาใกล้ ๆ
                “อย่างไรกันมหาดเล็กตัวน้อยของข้า เจ้าทับมันมาฟ้องข้าว่าเจ้าร้องไห้เป็นเผาเต่าเลยรึ”
                “ข้าพุทธเจ้ากลัวนิพุทธเจ้าค่ะ”
                “กลัวอะไร กลัวว่าข้าจะตายรึ ไม่ต้องกลัวหรอกเรือง ข้ายังอยู่เป็นดังต้นไม้ใหญ่ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรป้องกันแดด ลม ฝนให้เจ้าได้อีกนาน”
               “จริงจะเกล้านะกระเกล้า ถ้าอย่างนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็เบาใจ”
แต่ถึงอย่างนั้นจากอาการดังกล่าวทำให้เจ้าฟ้ากุ้งไม่สามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวเป็นเวลา 3 ปีเศษ ยิ่งนานวันเข้าพระอารมณ์ก็ยิ่งร้อนขึ้น โกรธเกรี้ยวง่ายขึ้น มหาดเล็กต่างพากันเข้าหน้าไม่ติดไม่เว้นแม้นแต่ขุนทับกับเรือง
 
----------------------------------------------------------------------
                             วันหนึ่งขณะขุนทับ และเรืองที่ในตอนนี้ได้รับยศเป็นพันมาเข้าเฝ้า พระองค์ทรงมีราชโองการให้ขุนทับไปนำตัวเจ้ากรม ปลัดกรม และนายเวรปลัดเวรของเจ้าสามกรมมาเข้าเฝ้า พร้อมมีรับสั่งให้ลงพระราชอาญาโบยหลังคนละ 15 ทีบ้างคนละ 20 ทีบ้างตามเห็นจะสมควร
                                “เนื่องจากที่นายกรมของพวกมึงมียศศักดิ์เป็นแค่กรมหมื่นจะแต่งตั้งให้พวกมึงมียศสูงกว่ากรมหมื่นมิได้ ต้องให้พระเจ้าอยู่หัวตั้งให้ แต่นี้อะไรทำไมพวกมึงมียศเป็นขุนกันได้ กินเบี้ยหวัดหลวงเกินควรสมควรถูกลงโทษ” พระองค์ตรัสขณะทอดพระเนตรดูการลงโทษ
                                จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทำให้เจ้ากรม ปลัดกรม และนายเวรปลัดเวรไม่พอใจเป็นอย่างมากที่โดนลงโทษ จึงรวมตัวกันไปเข้าเฝ้าเจ้าสามกรม* เจ้าสามกรมทรงพิโรธมากเนื่องจากเห็นว่าเป็นการหมิ่นเกียรติ์กัน และความไม่พอใจเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วจึงนำเรื่องที่เจ้าฟ้ากุ้งเข้ามาลักลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้านิ่ม และเจ้าฟ้าสังวาลย์** เจ้าฟ้าฝ่ายในของพระเจ้าอยู่หัว ไปกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวพระบรมโกศให้ทรงทราบ พระเจ้าอยู่ได้ฟังเช่นนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้สอบสวนหาความจริง และเมื่อทรงทราบว่าเป็นความจริงแล้วนั้น ถึงมีการประชุมขุนนางฝ่ายต่าง ๆ ในวัง โดยตามกฎมณเฑียรบาลนั้นโทษของเจ้าฟ้ากุ้งคือ การสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์*** แต่เนื่องจากครั้งอดีตพระพันวัสสาใหญ่พระมารดาของเจ้าฟ้ากุ้งทรงขอสัญญากับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศก่อนสวรรคตว่า มิว่าเจ้าฟ้ากุ้งทำผิดพลาดประการใดให้ระเว้นโทษประหาน พระเจ้าอยู่หัวถึงมีรับสั่งให้ถอดยศเจ้าฟ้ากุ้งจากกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นไพร่ และลงพระราชอาญาเฆี่ยน 230 ทีแทน แต่เมื่อโดนเฆี่ยนได้ 180 ที พระองค์ทรงทนความเจ็บไม่ไหวก็ทรงสิ้นพระชนม์
                                “พี่ทับจ๊ะ ทำไมพระองค์ถึงจากพวกเราไปเร็วอย่างนี้ ฉันพึ่งมารับใช้เป็นข้ารองพระบาทได้เพียง 6 ปี ยังไม่ทันสนองพระเดชพระคุณให้สมกับที่พระองค์ทรงกรุณาฉันเลยเลย” เรืองพูดด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง นี้นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเรืองเลยก็ว่าได้ เนื่องจากตั้งแต่จำความได้นั้นพระองค์ถือเป็นความสูญเสียแรกในชีวิตของเรือง
                                “แต่จะให้ท่านทรงอยู่แบบกลายเป็นไพร่ให้คนอื่นหยามเกียรติ์ พี่ว่าท่านคงคิดว่าสู้ให้ท่านตายเสียยังดีกว่า” ขุนทับกล่าวอย่างรู้ใจเนื่องจากอยู่รับใช้เจ้าฟ้ากุ้งมาหลายปี ถึงจะเสียใจแต่ก็รู้ว่านี้อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพระองค์แล้วก็เป็นได้
                                “ในวังนั้นน่ากลัวเสียเหลือเกินพี่ทับจ๋า พี่น้องแก่งแยกชิงดีชิงเด่นกัน ถึงเจ้านายของเราจะผิดจริงแต่ฉันก็กลัวใจของคนในนี้เสียแล้ว พอไม่มีพระองค์เป็นดังร่มโพธิ์ร่มไทรของฉันแล้ว ฉันก็ไม่อยากอยู่ในนี้เสียแล้วสิ”
                                “โธ่เรือง ถ้าเจ้าไม่อยู่แล้วใครจะอยู่กับพี่ที่นี้ เจ้าอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่สิ” ขุนทับรีบทวงสัญญา ด้วยกลัวว่าเรืองจะขอออกจากราชการจริง ๆ
                                “จากเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเห็นความจริงที่ว่า การเป็นคนเด่นนั้นไม่ได้เป็นผลดีเลยในที่แบบนี้ กลับจะก่อให้เกิดโทษเสียด้วยซ้ำไป ฉันยังจำได้เจ้าสามกรมนั้นไม่ชอบนายเราตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน พยายามก็หลายครั้ง จนประสบความสำเร็จในครั้งนี้” เรืองกล่าวเพราะ เห็นลักษณะท่าทีของเจ้าสามกรมตั้งแต่ครั้งเรืองยังเป็นเด็กน้อย ทั้งสามพระองค์รู้ดีว่าเรืองเป็นมหาดเล็กฝ่ายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อพบหน้าเรืองคราวไหนก็พูดจาไม่ดีใส่ หรือพูดกระทบไปถึงเจ้าฟ้ากุ้ง
                                “เรือง เจ้าจำคำพี่ไว้นะความอิจฉาริษยาเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ เจ้าสามกรมริษยาพระเจ้าฟ้ากุ้งเพราะ เห็นว่าเป็นคนโปรด ต่อไปภายภาคหน้าคนโปรดยังไม่ใช่ทั้งสามพระองค์อีก ท่านทั้งสามพระองค์ก็จะริษยาไม่สิ้นสุด และเป็นทุกข์ไม่สิ้นสุดด้วยเช่นกัน”
                                “แล้วพวกเราจะเป็นอย่างไรกันต่อไปรึจ๊ะพี่ทับ”
                                “ก็สุดแท้แต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะทรงโปรดเห็นสมควร” นี้เป็นครั้งแรกที่ขุนทับไม่อาจตอบคำถามของเรืองให้กระจ่างได้ ด้วยตัวขุนทับนั้นก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้านายผู้เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่ปกปรักรักษาพวกเขาทั้งสองจากไปแล้ว อนาคตของทั้งตนและเรืองจะเป็นเช่นไรต่อ กระแสบุญและกรรมจะพัดผ่านพวกเขาไปในทิศทางไหน
 
* เจ้าสามกรมประกอบด้วยกรมหมื่นจิตรสุนทร กรมหมื่นสุนทรเทพ และกรมหมื่นเสพภักดีเป็นพระราชโอสรในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเช่นเดียวกับเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
**นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าทั้งสองพระองค์คือคน ๆ เดียวกัน
***การสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ เป็นวิธีการประหารพระราชวงศ์ไทยโดยการใช้ท่อนจันทน์เป็นอุปกรณ์
อัพในมือถือ อาจแปลกๆหน่อย
https://m.facebook.com/tipin1994/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2017 17:39:33 โดย Tipin »

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด