“ทานสิครับ”
เมฆาก้มมองเม็ดพริกที่ลอยอยู่บนต้มแซ่บกระดูกหมูที่วางอยู่ถัดจากน้ำตกหมูสีแดงฉานด้วยเลือดและพริกป่น ดูก็รู้ว่าจงใจสั่งมาแกล้งคนไม่กินเผ็ดอย่างเขา ถึงแม้เขาจะกินเผ็ดได้บ้างแล้วในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าสมัยก่อนสักเท่าไหร่
และดูจากรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยอยู่เสมอ ดูเหมือนมธุวันจะไม่เคยลืมเรื่องของเขาอย่างที่ท่าทีไม่หยี่ระแสดงออกเลยสักนิด
น่าแปลกที่ท่าทีเป็นปรปักษ์ของอีกฝ่ายกลับทำให้เมฆารู้สึกอยากกระชากคอเสื้อของมธุวันเข้ามาบดขยี้ริมฝีปากลงบนเรียวปากที่เขารู้ดีว่าทำให้เขาหลงใหลได้แค่ไหนมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก
“ป้อน”
“ไม่มีมือเหรอครับ?”
มธุวันสวนทันทีคำสั่งสั้นๆหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของร่างสูงราวกับคาดไว้แล้วว่าเมฆาจะพูดแบบนี้
“ตามใจ อดข้าวแค่สามมื้อฉันไม่ตายหรอก”
เมฆาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่คำพูดนั้นเรียกความสนใจของมธุวันได้เป็นอย่างดี ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้พูดอะไร แต่ร่างสูงเห็นฟันเฟืองภายในหัวของเลขาหนุ่มทำงานจากสายตาของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ก่อนจะรู้ตัว ช้อนซุปที่เต็มไปด้วยเม็ดพริกเน้นๆก็มาจ่อที่ริมฝีปากเสียแล้ว
รอยยิ้มของมธุวันในตอนนี้ช่างดูเปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาตเสียจนเมฆาคิดว่าอีกฝ่ายใส่ยาพิษลงไปในช้อน แต่ดูจากจำนวนเม็ดพริกนั่น ต่อให้ไม่มียาพิษก็ทำร้ายเขาได้อย่างไม่ยากเย็น
นั่นจึงทำให้เขารู้สึกคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มที่หุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเขางับเอาช้อนซุปนั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน เมฆากลืนน้ำซุปต้มแซ่บลงคอด้วยหวังว่าการที่เขาไม่เคี้ยวจะช่วยให้ความเผ็ดร้อนลดลงบ้าง
แต่ความแสบร้อนตั้งแต่ในปากลงไปยังลำคอทำให้เมฆาตระหนักว่าวิธีนี้นี้ไม่ได้ผล ร่างสูงเบือนหน้าหนีพร้อมยกมือปิดปากที่ไอออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“อ้าปาก”
เสียงที่ปกติมักจะนิ่งเงียบสั่งแกมตะคอก ทำเอาคนที่กำลังเผ็ดอ้าปากตามโดยไม่รู้ตัว มธุวันยัดข้าวเหนียวคำใหญ่เข้าปาก
ของรองประธานหนุ่ม ก่อนจะสั่งด้วยน้ำเสียงดุๆอีกครั้ง
“เคี้ยวครับ”
เมฆาทำตามอย่างว่าง่าย แม้ในใจจะอยากยียวนกวนประสาทอีกฝ่ายต่อสักนิดให้มธุวันร้อนรนมากกว่านี้อีกหน่อย แต่ความแสบร้อนในลำคอไม่อาจรอได้มากกว่านี้
“พี่ครับ ขอปลาดุกย่างตัวนึงครับ”
มธุวันหันไปบอกชายที่กำลังปิ้งปลาดุกย่างช่วยหญิงวัยกลางคนที่กำลังตำส้มตำอยู่ ไม่นานนักจานปลาดุกย่างก็ถูกวางลงบนโต๊ะ มธุวันเลื่อนจานให้คนตรงหน้า ก่อนจะเริ่มทานอาหารของตัวเอง เมฆาลอบยิ้มเหลือบมองคนปากแข็งที่ดูยังไงก็รู้ว่ายังเป็นห่วงเขา
อยากรู้จริงๆว่าจะทำเก่งไปได้ซักกี่น้ำกัน
โครม!!!
“กรี๊ดดดด!!”
มธุวันและเมฆาหันขวับไปในทิศเดียวกัน เสียงที่เหมือนวัตถุขนาดใหญ่พุ่งชนเข้ากับกำแพงและเสียงกรีดร้องของผู้คนภายนอกทำให้คนในร้านรวมถึงพวกเขาทั้งสองเดินออกไปดูเหตุการณ์อย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ภาพของรถยนต์คันหนึ่งในสภาพยับเยินหลังจากพุ่งเข้าชนกับหน้าร้านกุ้งเผา ตำแหน่งเดียวกับที่พวกเขาเคยยืนอยู่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาทำให้ท้องไส้ของมธุวันปั่นป่วนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงของรถยนต์ที่พลิกคว่ำและเสียงร้องโวยวายในคืนที่เมฆาประสบอุบัติเหตุกลับมาในหัวของเขาอีกครั้ง
“นี่…เป็นอะไร...”
เมฆาที่สังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของคนข้างๆถามขึ้น ขยับเข้าไปใกล้คุณที่ดูเหมือนจะเป็นลมล้มพับลงตรงนั้น ร่างสูงรีบคว้าเอวของคนที่เซวูบไปด้านหลังเข้ามาในอ้อมกอดไว้อย่างทันท่วงที คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความเป็นกังวล
“ไหวมั้ย? เข้าไปนั่งพักก่อน”
ชายหนุ่มประคองคนที่ยังดูเหม่อลอยเข้าไปในร้าน ซึ่งเลขาร่างโปร่งยอมทำตามแต่โดยดีโดยไม่ปริปากบ่นอย่างผิดวิสัย มธุวันเอนพิงแผงอกแกร่ง ไม่สนใจว่าตนจะถูกอีกฝ่ายล้ออย่างไรในภายหลัง
เขาอยากได้ยินเสียงหัวใจของเมฆา อยากแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ตรงนี้
เมฆาประคองให้คนที่ยังคงมีสีหน้าไม่สู้ดีนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ไม่คิดจะทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายแม้สักนิด มือใหญ่ยังคงวางอยู่บนแผ่นหลังของมธุวันอย่างมั่นคง สัมผัสที่ทำให้มธุวันรู้สึกผ่อนคลายทั้งที่รู้ว่าไม่ควร
“โอเครึยัง?”
เสียงทุ้มโน้มลงกระซิบข้างหู มธุวันพยักหน้า ยังคงหลับตาเอนซบแผ่นอกแกร่ง ไม่พร้อมให้สัมผัสของเมฆาถูกพรากไปจากเขาในตอนนี้
เมฆาใช้นิ้วสางกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลของอดีตคนรักอย่างเบามือ ถึงแม้จะเห็นภาพตัวเองทำแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งใน
ความทรงจำ แต่เมื่อได้สัมผัสกับเส้นผมเนียนนุ่มราวผ้าไหมลื่นที่ร่างกายยังคงคุ้นเคย เมฆานึกไม่ออกเลยว่าจะมีสิ่งไหนที่รู้สึกดีไปกว่านี้อีก
ไม่สิ...เขาพอจะคิดได้ว่ามีสองสามอย่างที่น่าจะรู้สึกดีกว่านี้
“….”
มธุวันผละจากร่างสูงเงียบๆหลังจากยึดเอาอีกฝ่ายเป็นที่พักพิงพักใหญ่ แต่เมฆาไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายให้ขยับหนีไปมากกว่านั้น
“แฟนเก่านาย…เขาเสียเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เหรอ?”
เมฆาถามขึ้นทำลายความเงียบ ถ้าหากมธุวันเกลียดคนที่เขาเคยเป็นสมัยยมหาวิทยาลัยมากขนาดที่เจ้าตัวว่า ทำไมอุบัติเหตุของเขาถึงได้ส่งผลต่ออีกฝ่ายมากขนาดนี้
“ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
ร่างโปร่งตวัดเสียงห้วนอย่างไม่พอใจ กำแพงที่ค่อยๆลดลงก่อนหน้านี้ถูกก่อกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น
“ขอโทษ” เมฆาเอ่ยขึ้นอย่างรูสึกผิด ถึงแม้เขาจะรู้ความจริง สถานะของเขาในตอนนี้ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ควรถามอะไรแบบนนั้นออกมา
“…รถคว่ำครับ”
มธุวันหลบสายตาอีกฝ่าย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ถึงแม้จะแค่เล็กน้อยแต่เมฆาสามารถจับโทนเสียงเปลี่ยนไปได้แทบจะในทันที แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้เขารู้สึกมีกำลังใจที่จะเดินหน้าง้ออีกฝ่ายกลับมาอยู่เคียงข้างเขาต่อแล้ว
“ไหวมั้ย? กลับก่อนมั้ย?”
…แต่ดูจากอารมณ์ของอีกฝ่ายในตอนนี้ วันนี้เขาคงต้องรามือแต่เพียงเท่านี้ก่อน
มธุวันลังเลเมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งที่เขาควรจะดีใจที่อีกฝ่ายเปิดช่องทางให้เขาได้ออกไปจากสถานการณ์นี้ แต่ส่วนหนึ่งในใจที่เขาไม่สามารถอธิบายได้กลับไม่ยอมให้การตัดสินใจของเขาง่ายดายเช่นนั้น
“ไม่เป็นไรครับ...ผมไหว”
มธุวันได้แต่บอกตัวเองว่าที่เขายังอยู่ตรงนี้เพียงเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายใช้การกลับก่อนเวลาของเขาเป็นข้ออ้างสำหรับเดทครั้งต่อไป
ซึ่งเขาไม่รู้จริงๆว่าเขาจะสามารถหาเหตุผลมาหลอกตัวเองไปได้ถึงเมื่อไหร่
--------
โฮ ช้ามากเลยค่ะซิส รู้ตัววววว

ต้องขออภัยอีกครั้งกับความไม่สะดวกนะคะ ถ้าช่วงไหนที่ว่างสัญญาว่าปั่นมาเสิร์ฟยาวๆเลย
