ลมหายใจแห่งผืนทราย
บทที่ 21
“ปวดแผลบ้างหรือเปล่า”
คาลีลเอ่ยถามเมื่ออยู่เพียงลำพังกับวิกเตอร์ภายในห้องเล็ก ๆ ที่คาลีลใช้อาศัยอยู่ เขาจำเป็นต้องพักห้องเดียวกับคาลีล
เพราะสถานทูตต้องเตรียมที่พักไว้เผื่อสำหรับช่วยเหลือคนอื่นด้วย วิกเตอร์หันไปมองบาดแผลที่ฟาฮีมเย็บและทำแผลให้แล้วจึงเอ่ยปาก
ยอมรับ
“ปวดตุ้บ ๆ แต่ไม่เป็นไรหรอกไกลหัวใจ”
วิกเตอร์พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์มากดเบอร์โทรหาแอนนิสรุ่นพี่ที่สำนักข่าวส่งมาให้ปฏิบัติหน้าที่แทนกวินท์ซึ่งยังคงไม่รู้
ชะตากรรม
“วิกเตอร์ หายไปไหนมาหลายวัน ฉันเป็นห่วงเสียแทบแย่”
แอนนิสส่งเสียงดังมาทางโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น เธอใจไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อวิกเตอร์ขาดการติดต่อไปพักหนึ่ง แค่
กวินท์ถูกจับตัวไปก็เป็นข่าวดังไปทั่วโลกแล้ว แอนนิสเกรงว่าวิกเตอร์จะได้รับอันตรายไปด้วยอีกคน
“ไปอยู่กับแหล่งข่าวใหม่น่ะแอนนิส ผมปลอดภัยดี ขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเป็นห่วง ตอนนี้เหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง”
“แย่ บอกเลย” แอนนิสกล่าวตอบทันควัน
“ผู้ชุมนุมประท้วงตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้ พวกเขาเหมือนไฮดร้า ล้มไปสิบกลับเพิ่มมาอีกยี่สิบ ทุกคนต่างก็มีความจง
เกลียดจงชังต่อรัฐบาลและกษัตริย์ราชิด”
“กษัตริย์ราชิดส่งกำลังไปจู่โจมกองโจรในทะเลทรายดาฟาร์”
“ว่าไงนะ” น้ำเสียงของแอนนิสบอกถึงความตกใจ
“ไม่เห็นมีข่าวนี้ออกมาเลย นี่นายไปรู้เรื่องจากไหนวิกเตอร์”
“ข่าวกรองได้จากวงในสุด ๆ น่ะสิแอนนิส รับรองว่าไม่มีผิดพลาด”
“เรื่องใหญ่แล้ว หัวหน้ากองโจรที่ชื่อชารุกข์น่ะ เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในฮาลียันมากเลยนะ ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าพวกเขา
อาจจะเป็นคนของกษัตริย์พระองค์ก่อน”
“พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณนะ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่สถานทูตแล้ว”
วิกเตอร์เอ่ยลาและวางสายจากแอนนิส เขาหันกลับมาให้ความสนใจกับคาลีลที่กำลังง่วนอยู่กับการเปิดเครื่องมืออะไร
บางอย่างที่เจ้าตัวแบกมาจากด้านท้ายของรถยนต์ วิกเตอร์ยังนึกทึ่งเมื่อเห็นคาลีลซ่อนมันอยู่ตรงที่วางล้อรถสำรองและมีการปกปิดอย่าง
ดีจนมองไม่ออก
“คุณเป็นสายลับเหมือนอย่างในหนังใช่ไหมคาลีล” วิกเตอร์พูดสัพยอก
“เป็นเจมส์บอนด์ ซีไอเอ หรือเป็นเคจีบีกันแน่”
“ผมก็เป็นผมนี่แหละ จะให้เป็นคนอื่นทำไม”
คาลีลอดยิ้มออกมาไม่ได้ วิกเตอร์ร่าเริงจนทำให้เขาลืมความเคร่งเครียดไปได้บ้าง และเมื่อวิกเตอร์มองเห็นรอยยิ้มของ
คาลีลหัวใจของเขาก็เต้นเร็วอย่างน่าประหลาดใจ
ผู้ชายยิ้มยากตรงหน้ากำลังมีอิทธิพลสำหรับเขาอย่างไม่มีสาเหตุ วิกเตอร์เผลอมองใบหน้าจริงจังเป็นงานเป็นการ หากแต่
เวลายิ้มกลับทำให้สว่างไสวขึ้นมาได้
“คุณรู้จักกับโจรคนนั้นเหรอ ชื่ออะไรนะ ชารุกข์ไช่ไหม”
“อืม ใช่”
คาลีลตอบรับขณะที่ยังสนใจกับการเปิดเครื่องมือของเขา
“ไปรู้จักกับเขาได้ยังไง”
“ผมกับชารุกข์เป็นเพื่อนกัน เราเรียนโรงเรียนสมัยประถมมาด้วยกัน”
คาลีลแปลกใจตัวเองที่ไว้ใจชายชาวต่างชาติที่นอนเค้เก้อยู่บนเตียง เขากล้าจะเล่าเรื่องความลับต่าง ๆ ให้วิกเตอร์ฟัง ทั้ง
ที่หากใครรู้จะเป็นอันตรายต่อเขามาก
“คุณเป็นเพื่อนกับโจรคนนั้นทั้งที่เขาเป็นศัตรูกับทางการ และคุณก็ทำงานอยู่ในคณะรัฐบาลเนี่ยนะ”
วิกเตอร์เอียงคอจ้องมอง คาลีลทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ คาลีลยักไหล่เบาๆ
“เขาไม่ใช่โจรธรรมดานะ สักวันคุณก็จะรู้ถ้าเรื่องทุกอย่างมันจบลง อ๊ะ เปิดเครื่องได้แล้ว”
คาลีลอุทานด้วยความยินดี เขาหันมาทำสัญญาณให้วิกเตอร์หยุดพูดก่อนที่คาลีลจะเงี่ยหูฟังเสียงคำพูดภาษาอารบิกที่ดัง
ออกมาจากเครื่องนั้น และยิ่งตั้งใจฟังสีหน้าของคาลีลก็ยิ่งเผือดซีดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขายื่นมือไปปิดเสียงเครื่องมือนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าคาลีล ไอ้เจ้ากล่องนี้มันคืออะไร แล้วเสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงใคร”
อดถามไม่ได้เมื่อเห็นอากัปกิริยาของคาลีลที่นิ่งงันไป ราวกับคาลีลกำลังตกใจอะไรบางอย่าง
“มันเป็นเครื่องดังฟัง ผมแอบไปติดไมโครโฟนไว้ที่ห้องของสมเด็จพระราชาธิบดีเมื่อเช้านี้เอง”
คาลีลตอบเสียงสั่น เมื่อตอนเช้าเขาใช้ช่วงเวลาที่กษัตริย์ราชิดมัวแต่กริ้วแอบติดไมโครโฟนตัวจิ๋วไว้ที่ใต้โต๊ะทำงานของ
พระองค์โดยที่ทรงไม่ทันได้สังเกตเห็น มันเสี่ยงมากคาลีลรู้ดี แต่ผลของมันก็ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
“เสียงนั่นคือเสียงของกษัตริย์ราชิดงั้นหรือ”
วิกเตอร์ตื่นเต้นโดยทันที เขาลุกขึ้นมาและเขย่าที่ไหล่ของคาลีลด้วยความอยากรู้
“เกิดอะไรขึ้นคุณถึงทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกอย่างนี้”
คาลีลกลืนน้ำลาย หัวใจเต้นรัว
“ทรงโทรศัพท์ติดต่อกับสายของพระองค์และทรงเรียกชื่อเขาออกมา ไม่ได้การละวิกเตอร์ ผมต้องรีบหาทางติดต่อกับ
ชารุกข์ เขาจะต้องรู้ว่าใครคือคนของสมเด็จพระราชาธิบดีโดยเร็วที่สุด”
กวินท์ก้าวเดินกลับมายังเหมืองแร่ร้างที่กองคาราวานจากหมู่บ้านยาคีนใช้เป็นที่ตั้งกระโจมหลบซ่อนจากทหารของ
รัฐบาล บาฮาม้าคู่ใจของชารุกข์พาเขามาส่ง ณ จุดเดิมที่มารับ หลังจากนั้นเขาจึงเดินกลับมาโดยมีเหยี่ยวอับบาสบินนำทางบนท้องฟ้า
เป็นเพื่อน
ลมหนาวยามดึกสงัดพัดกรูอาบไปทั้งกายจนกวินท์ต้องยกแขนขึ้นกอดอกและห่อไหล่ไว้ เขาได้แต่นึกถึงความอบอุ่นจาก
อ้อมกอดและสายใยรักที่เพิ่งถักทอทบทวีกับชารุกข์ที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่นาที เพื่อให้ความรู้สึกนั้นปลอบประโลมหัวใจยามต้องเดินอย่าง
เดียวดายกลางทะเลทรายกว้าง แต่กวินท์มั่นใจว่าเขาจะอยู่ในสายตาของหัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์จนกว่าชารุกข์จะมั่นใจว่าเขา
ปลอดภัยแล้ว
แรงกอดกระชับจากวงแขนแกร่งยังสลักแน่นอยู่ ความสุขสมในรักทำให้กวินท์ยิ้มออกมาได้ ชารุกข์อ่อนหวานแต่ก็รุ่มร้อน
ดุจเปลวไฟเจิดจ้า เขาเป็นผู้นำพาให้กวินท์หลงอยู่ในแรงปรารถนาทั้งในรักและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งจนกวินท์ไม่อาจถอนใจจากเขาไป
ให้ผู้ใดได้อีกต่อไป
รอยยิ้มสุขใจเลือนหายทันควันเมื่อกวินท์เดินกลับมาถึงหน้ากระโจมสำหรับเขา มองเห็นเงาตะคุ่มหน้าปากทางเข้า
กระโจมเล็ก กวินท์ชะงักก่อนจะก้าวเข้าไปด้วยความระมัดระวัง และเมื่อจ้องมองผ่านความมืดจนเห็นว่าเป็นใครกวินท์จึงถอนหายใจ
อย่างโล่งอก เขาก้าวเข้าไปหยุดยืนต่อหน้าบุคคลผู้นั้น
มีต่ออีกนิด....