ลมหายใจแห่งผืนทราย
บทที่ 9
ต่างก็เงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจประสานกันอยู่แผ่วเบา ชารุกข์ไม่นึกว่าเขาจะแสดงความรู้สึกของตนออกไปเช่นนั้น
ทั้งที่ผ่านมาทุกอย่างทุกการกระทำต้องมาจากการกลั่นกรองจากสมองมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลุดจากการควบคุมตนเอง
เป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้าโดยแท้ บุรุษผู้มีเชื้อสายอังกฤษไทยร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคายที่รวมความเป็นยุโรปและ
เอเชียตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ชารุกข์เคยชมการรายงานข่าวที่กวินท์ไปเจาะลึกเรื่องเส้นทางเครือข่ายยาเสพติดของชนกลุ่ม
น้อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขานึกทึ่งกับความเฉลียวฉลาดในการตั้งประเด็นให้ผู้คนติดตาม ความฉาดฉาดในการใช้คำพูด ทุก
อย่างทำให้เขาต้องติดตามงานของกวินท์มาตลอด
ใครจะนึกว่าวันหนึ่งเขาจะได้พบกับกวินท์ แอนเดอร์สัน ในยามราตรีของฟาดีเลาะฮ์เมืองหลวงแห่งฮาลียัน
ภาพที่ชายชาวร่างชาติเพียงคนเดียวพยายามต่อสู้กับโจรที่มีจำนวนมากกว่าอย่างไม่ยอมแพ้อยู่ในซอยเปลี่ยวขณะที่
ชารุกข์กำลังเดินหาข่าวอยู่ในเมืองหลวงทำให้เขาตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที และเมื่อการต่อสู้ทุกอย่างจบลงชารุกข์เพิ่งเห็นชัดว่าคนที่
เขาให้การช่วยเหลือคือนักข่าวชื่อดังที่เขาติดตามผลงานมาตลอด
เจ้าตัวยังขอความช่วยเหลือให้เขาเดินไปส่งที่โรงแรมที่พักอีกด้วยก่อนที่จะแยกจากกัน และข่าวกรองจากวงในที่
ชารุกข์ได้รับว่ารัฐบาลวางแผนจะทำอะไรบางอย่างในงานแถลงข่าวการจัดงานวัฒนธรรมมันทำให้เขาจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วย
เหลือกวินท์อีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
กวินท์ตกอยู่ในความดูแลของเขามาตลอดสองวันเต็ม ๆ เป็นสองวันที่ชารุกข์ได้รู้จักชายหนุ่มผู้ซึ่งเติบโตมาในสังคม
ตะวันตกที่ให้อิสระเสรีทางความคิดแต่ก็มีกลิ่นไอของเอเชียผสมผสานอยู่ด้วย เขาได้รู้จักตัวจริงของกวินท์ที่ไม่ใช่เพียงจากงานผู้สื่อข่าว
กวินท์เป็นคนกล้าแสดงออก มีความสดใสร่าเริงอยากรู้อยากเห็นราวกับอยู่รุ่นเดียวกับหลานทั้งสองของเขา อุปนิสัยเหล่านั้นของกวินท์
เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของชารุกข์ที่มีมาตลอดสามสิบปีให้มีชีวิตชีวา เพียงสองวันที่ได้ใกล้ชิดกับกวินท์ชารุกข์ยิ้มมากกว่าอายุสามสิบ
ปีของเขาเสียอีก
นอกเหนือจากนั้น ในตอนนี้กวินท์ยังทำให้เขาเป็นห่วง ร้อนรนยามที่ได้รับอันตราย มันเป็นความรู้สึกที่ชารุกข์ยังต้อง
หาสาเหตุว่ามันคืออะไรกันแน่
“ผมผิดเอง”
สีหน้าสลดและสำนึกผิดของกวินท์คลายความรุ่มร้อนของชารุกข์ลงไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
“เพราะผมดื้อรั้นอยากจะเอาชนะอยากจะแสดงความสามารถ ทำให้ผมขัดคำสั่งของคุณจนเกิดเรื่องนี้ ผมทำให้ยาก็อบ
เจ็บตัวและทำให้คุณโกรธเขาด้วยทั้งที่ยาก็อบเตือนผมแล้ว ผมขอโทษและถ้าหากคุณจะลงโทษผมแทนยาก็อบผมก็ยินดี”
ชารุกข์ถอนหายใจออกมา เขายอมแพ้แล้ว กวินท์ไม่เหมาะกับสีหน้าเศร้าสร้อยแบบนี้จริงๆ
“รู้เช่นนั้นก็ดีแล้ว ต่อไปอย่าดื้ออีก ผมสั่งลงโทษคุณด้วยการให้คุณอยู่ใกล้กับผมตลอดเวลาและห้ามขัดคำสั่งของผม
เข้าใจไหมกวินท์”
“เข้าใจแล้วครับ”
ได้แต่ซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้หน้ากากเย็นชาเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ได้แต่เหลือบตามองเขา ผิวสีน้ำผึ้งบนแก้ม
ของกวินท์กลับมีเลือดฝาดขึ้นมาหล่อเลี้ยง มันทำให้ชารุกข์ต้องพยายามหักห้ามใจที่จะเอื้อมมือไปสัมผัส กวินท์ท่าทางขัดเขินจนเขาดู
ออก ชารุกข์ยิ่งไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงชอบท่าทีนั้น
“ถอดเสื้อสิ”
“ว่าไงนะ”
มีต่ออีกนิด...