<<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>  (อ่าน 151900 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                                       ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                    บทที่ 8



                 วิกเตอร์ที่กำลังลุกลี้ลุกลนอยู่ที่สนามบินนานาชาติฟาดีเลาะฮ์ยิ้มกว้างอย่างยินดีเมื่อเห็นบุรุษวัยสูงอายุก้าวมาพร้อมสตรีชาว

เอเชีย เขารอมิสเตอร์สมิธและคุณรำไพพรรณมารดาของกวินท์อยู่พักใหญ่ด้วยความกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าบิดามารดาของเพื่อนสนิท

เดินทางมาถึงฮาลียันแล้วด้วยสายการบินที่มาถึงในยามดึกวิกเตอร์ก็อุ่นใจ


                      “รอนานไหมวิกเตอร์”


                       สมิธ แอนเดอร์สัน บุรุษวัยใกล้หกสิบแต่ยังดูแข็งแรงและน่าเลื่อมใสดังเช่นทุกครั้งที่วิกเตอร์ได้พบกับพ่อของเพื่อน

ส่วนคุณรำไพพรรณนั้น หากไม่บอกว่าอยู่ในวัยใกล้เคียงกับสามีวิกเตอร์เองก็เดาอายุไม่ถูกเพราะมารดาของกวินท์ยังดูเยาว์กว่าอายุจริง

มาก แต่วันนี้ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อวิกเตอร์เอ่ยทักทายและจับมือตามธรรมเนียม


                  “พักใหญ่ครับคุณลุง ผมทนรออยู่นิ่งๆไม่ไหว”


                   วิกเตอร์เอ่ยตอบ สีหน้าของเขาสลดลงด้วยความรู้สึกผิด


                   “ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่นึกว่าจะเป็นกวินท์ที่โชคร้ายถูกจับตัวไป”


                  “ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอกวิกเตอร์”


                    รำไพพรรณถอนหายใจพลางเป็นฝ่ายปลอบประโลมเพื่อนสนิทของบุตรชายที่เธอเอ็นดูอยู่มาก


                   “เคยเห็นข่าวนักข่าวถูกจับเป็นตัวประกัน ป้าเองก็นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะเป็นกวินท์”


                   วิกเตอร์ผายมือให้ทั้งคู่เดินนำไปก่อน เขารับรถเข็นบรรจุกระเป๋าเดินทางมาเข็นให้เพื่อพาสมิธและรำไพพรรณไปยัง

รถยนต์ของสถานทูตอังกฤษประจำฮาลียันและเดินทางไปยังสถานทูตทันที และเมื่อก้าวขึ้นรถที่มีคนขับรถของสถานทูตติดเครื่องรออยู่

แล้วการสนทนาจึงเริ่มอีกครั้งขณะรถยนต์ขับเคลื่อนไปยังจุดหมาย


                    “แต่ก็แปลกอย่างหนึ่งนะครับ โดยปกติแล้วหากมีการจับกุมตัวประกันจะต้องมีกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีออกมารับว่าเป็นฝีมือ

ของพวกเขา แต่ตอนนี้ผ่านไปสองวันแล้วแต่ยังไม่มีกลุ่มไหนออกมาประกาศ”


                   วิกเตอร์ที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถยนต์หันไปพูดคุยกับบิดามารดาของกวินท์


                  “อ้าว ก็ไหนว่าเป็นการกระทำของกองโจรจากดาฟาร์”


                  สมิธถามด้วยความฉงน วิกเตอร์ขมวดคิ้วครุ่นคิด


                  “นั่นเป็นข่าวที่ออกมาจากรัฐบาลฝ่ายเดียวครับคุณลุง ยังไม่มีแถลงข่าวจากหัวหน้ากองโจรที่ชื่อชารุกข์ เซริมเลย และแถม

กษัตริย์ของฮาลียันที่ควบตำแหน่งประธานคณะรัฐมนตรีก็ดูเหมือนจะไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจแม้แต่นิดเดียว”


                    “กษัตริย์ที่ว่าเพิ่งครองราชย์มาได้ห้าปีใช่ไหม ชื่ออะไรนะ ลุงจำไม่ได้แล้ว”


                    “กษัตริย์ ราชิด ทัชฮดิน อัลฟาดี”


                    ผู้ที่เอ่ยพระนามออกมากลับเป็นรำไพพรรณ หญิงวัยเฉียดหกสิบปีที่ยังงดงามสมกับวัย ดวงตาของเธอคลับคล้ายกวินท์

บัดนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยในตัวบุตรชาย


                   “คุณรู้จักด้วยหรือ”


                    รำไพพรรณนิ่งงัน พลันนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตกว่าสามสิบปีตั้งแต่สมัยที่เธอได้ทุนมาเรียนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษและได้

รู้จักกับราชนิกุลหนุ่มจากตะวันออกกลางในฐานะเพื่อนร่วมคลาส


                   “ก็รู้จักอยู่บ้างค่ะคุณ”


                     วิกเตอร์อาศัยช่วงที่สามีภรรยาพูดคุยกันหันไปมองกระจกมองข้างของรถยนต์ สายตาของเขาพลันสะดุดกับแสงไฟของ

รถยนต์อีกคันที่ขับตามหลังมาในระยะทิ้งช่วงห่างอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ได้พยายามจะแซง บนถนนที่ว่างโล่งของเมืองหลวงแห่งฮาลียัน

คิ้วสีเดียวกับเส้นผมสีบรอนด์ขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณของช่างกล้องที่ออกภาคสนามมาแล้วเกือบครึ่งโลกเตือนเขาให้

ระวังภัย วิกเตอร์เหลือบตามองไปยังตอนหลังของรถที่มีสมิธกับรำไพพรรณนั่งอยู่พลางภาวนาให้ถึงสถานทูตโดยเร็วที่สุด

                    ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรถยนต์จอดอยู่หน้าประตูรั้ว วิกเตอร์รีบเปิดประตูรถลงไปยืนบนพื้นทันที เขาก้มหน้าลงไป

บอกกล่าวต่อบิดามารดาของกวินท์


                   “คุณลุงกับคุณป้าเข้าไปพักผ่อนกันก่อนนะครับเดี๋ยวผมตามเข้าไป”


                   เขาขยับกายออกห่างให้รถยนต์ของสถานทูตแล่นตรงเข้าไปในประตูรั้วสูงใหญ่ที่เปิดรับไปสู่สถานทูตอังกฤษประจำฮาลี

ยัน เพียงอึดใจวิกเตอร์ก็เห็นรถยนต์คันที่เขาจับตาอยู่ขับตามมาช้า ๆ เขารีบพุ่งตัวออกไปดักหน้าทันที


                  “หยุดนะ”


                  วิกเตอร์กางแขนห้ามรถ ดีที่รถคันนั้นชะลอตัวจนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ห่างจากวิกเตอร์ไม่ถึงฝ่ามือ


                 “ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”


                  ตากล้องหนุ่มชี้นิ้วไปที่ตำแหน่งของคนขับรถเพื่อให้ทำตามคำสั่งของเขา ลักษณะการขับรถตามมาห่าง ๆ ทำให้วิกเตอร์

เดาว่าอีกฝ่ายไม่ได้หวังมุ่งร้ายต่อชีวิต แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าของรถคันนี้ขับรถตามพวกเขามาเพราะเหตุใด และเมื่อคนขับรถเปิด

ประตูก้าวลงมายืนบนพื้นวิกเตอร์ก็ยิ่งแปลกใจ


                    “คาลีล มาอัซ”


                         เลขานุการของกษัตริย์ราชิดนั่นเองที่ขับรถตามมา คาลีลอยู่ในชุดลำลองต่างจากในเวลาทำงาน แต่ถึงกระนั้นก็ยังดู

เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว วิกเตอร์มองเขาอย่างไม่ไว้วางใจนัก


                     “คุณขับรถตามมาทำไม อย่าบอกนะว่านี่เป็นงานที่เลขานุการของกษัตริย์ราชิดต้องลงมาจัดการด้วยตัวเอง”


                       คาลีลยักไหล่ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยจนวิกเตอร์เดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่


                      “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ผมแค่มาดูว่าการเดินทางของมิสเตอร์และมิสซิสแอนเดอร์สันเรียบร้อยดีไหม”


                      “ไม่ใช่ว่าต้องมาจับตามองการเคลื่อนไหวของพวกผมหรอกหรือ”


                        วิกเตอร์แค่นยิ้ม เขายังมองไม่เห็นความจริงใจจากฝ่ายรัฐบาลของฮาลียันเลยแม้แต่นิดเดียว


                      “ถ้าคุณต้องการจะเข้าใจไปในทิศทางนั้นก็แล้วแต่คุณเถอะ”


                        คาลีลยังนิ่งเฉยแม้จะถูกวิกเตอร์ประชด เขากลับขึ้นรถและปิดประตูสตาร์ทเครื่อง


                      “ผมรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายกับเพื่อนของคุณ”


                       เลขานุการในกษัตริย์ราชิดเปิดกระจกแล้วโผล่หน้าออกมาพูดประโยคสุดท้ายทิ้งท้ายไว้ให้วิกเตอร์ครุ่นคิดก่อนจะขับรถ

จากไป วิกเตอร์มองตามหลังรถยนต์ของคาลีลจนลับสายตาพร้อมกับความข้องใจในพฤติกรรมของคาลีล










                    กวินท์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงผิวปากของชารุกข์ที่ดังอยู่ด้านนอก เขาเหลียวมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังด้านหนึ่งของ

ห้องจึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ เขารีบลุกจากที่นอนเดินออกไปนอกห้อง มองเห็นแผ่นหลังกว้างของร่างสูงใหญ่กำลังเล่นอยู่กับอับ

บาสเหยี่ยวสีดำสนิทและให้อาหารมันอยู่

                   เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าชารุกข์จึงเหลียวกลับมามอง ใบหน้าคมยังคงเรียบเฉยมีเพียงดวงตาที่ฉายแววประหลาดสบตากับ

กวินท์ เป็นเหตุให้คนถูกมองหน้าร้อนวูบอย่างหาสาเหตุไม่ได้


                   “นอนหลับสบายไหม”


                    เสียงทุ้มนั่นอีกเล่าที่ชวนให้ใจสั่น กวินท์นึกเคืองที่เขาไม่เป็นตัวของตัวเองยามอยู่ต่อหน้าคนที่ได้สมญาว่าปีศาจ อันที่จริง

กวินท์ควรจะนึกหวาดกลัวมิใช่หวั่นไหวเช่นในตอนนี้ แล้วเรื่องที่ในฝันของเขามีแต่ใบหน้าของปิศาจแห่งดาฟาร์ลอยไปลอยมาก็ควรจะ

เป็นความลับที่มีแต่เขาเพียงผู้เดียวที่รู้


                     “ครับ”


                      ตอบได้แค่นั้นเพราะหัวสมองหยุดทำงานไปแล้วเมื่อชารุกข์สะบัดแขนปล่อยอับบาสให้โผบินจากไปแล้วก้าวกลับเข้ามา

ในบ้าน


                     “ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะ ผมเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว”


                       ได้โอกาสเลี่ยงความรู้สึกประหลาดไปจัดการตัวเองจนสะอาดเอี่ยม แม้ว่าห้องน้ำจะไม่หรูหราเท่าบ้านในเมือง แต่มันก็

ยังดีกว่าอยู่ที่กระโจมกลางทะเลทรายมากนัก วันนี้กวินท์สวมชุดสีน้ำตาลเข้ม เสื้อตัวยาวถึงเหนือเข่า ช่วงอกแยกออกติดกระดุมยาว

เมื่อออกมาจากห้องเขาได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากส่วนครัวจนน้ำลายสอ


                  “นั่งสิ”


            ชารุกข์บอกเขา กวินท์นั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารตัวเล็ก บนโต๊ะมีซุปข้นใส่ถ้วย ขนมปังและหม้อใส่เนื้อที่ตุ๋นจนเปื่อย ชารุกข์

ตักซุปแบ่งใส่ถ้วยให้เขา กวินท์รีบเอ่ยปาก


                      “ผมตักเองได้ คุณอย่าลำบากเลย”


                      “นั่งเฉย ๆ เถอะ”


                      กวินท์เงียบกริบ เขามองมือใหญ่จัดแจงวางจานและช้อนส้อมเป็นชุดให้อย่างคล่องแคล่วก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงกัน

ข้าม


                     “ลองกินดูสิ”


                     ตักซุปเข้าปากช้าๆ รสชาติของซุปกลมกล่อมกำลังดี กวินท์เหลือบตาขึ้นมองก็เห็นว่าชารุกข์เองก็กำลังมองเขาอยู่


                     “อร่อยไหม ซุปถั่วชิกพี ฝีมือผมเอง”


                      สีหน้าภาคภูมิใจของชารุกข์ทำให้กวินท์นึกทึ่ง หากไม่ใช่หัวหน้ากองโจรแล้วชารุกข์น่าจะเป็นชายหนุ่มวัยทำงานอยู่ใน

เมืองที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ เขาดูดีทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกโดดเด่น แถมยังร้องเพลงเพราะและทำอาหารอร่อยด้วย


                     “กินนี่ด้วย เนื้อแกะตุ๋น”


                    ชารุกข์เลื่อนจานใส่ขนมปังและถ้วยใส่เนื้อตุ๋นมาตรงหน้า



                     “แค่ซุปอย่างเดียวไม่อยู่ท้องหรอก”


                      เนื้อแกะตุ๋นจนดูยุ่ยอยู่ในเครื่องเทศกลิ่นฉุนกลบกลิ่นคาวเนื้อได้เป็นอย่างดี มีมะเขือเทศและแตงกวาใส่ลงไปด้วยช่วย

เพิ่มสีสันให้ดูน่ากิน ชารุกข์กินขนมปังคู่กับเนื้อแกะตุ๋นอย่างน่าเอร็ดอร่อยกวินท์จึงกินตาม รสชาติเนื้อตุ๋นอร่อยจนกวินท์กินจนแน่นท้อง   

                  “อร่อยจัง นี่ถ้าคุณไม่เป็นโจรนะ ผมว่าคุณไปเป็นเชฟได้เลยนะเนี่ย”


                    คำชมทำให้ชารุกข์คลี่ยิ้ม เขาลุกขึ้นเก็บจานไปล้างกวินท์ได้แต่มองดูอย่างนึกละอายที่อีกฝ่ายทำอาหารแล้วยังต้องมา

เป็นคนล้างอีกด้วย


                    “คุณให้ผมช่วยคุณบ้างก็ได้นะ ผมเกรงใจ”


                   กล่าวเสียงอ่อยเมื่อชารุกข์จัดการทุกอย่างเสร็จหมดแล้วอย่างรวดเร็ว


                    “คุณเป็นผู้มาเยือน อยู่ให้สบายเถอะ ผมไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอกเรื่องแค่นี้ ไปกันเถอะ”


                   ชารุกข์ก้าวนำไปนอกตัวบ้าน กวินท์รีบลุกตามอย่างรวดเร็วโดยที่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน เขาได้แต่เดินตามชารุกข์ไป
อย่าง

ที่ราบกว้างด้านหลังหมู่บ้าน กวินท์เห็นยาก็อบกำลังดูแลฝูงม้าอยู่พร้อมกับชายในหมู่บ้านอีกสองคน


               “ผมจะให้คุณหัดขี่ม้า”


               ชารุกข์เพิ่งจะบอกเหตุผล เขากวาดสายตามองม้าแต่ละตัวก่อนจะออกคำสั่งให้ยาก็อบจูงม้าตัวหนึ่งมาทางเขา               “ฝึก

ขี่กับเจ้าซียาก็แล้วกัน เชื่องหน่อย”


                 ซียาเป็นม้าเพศเมียตัวเล็กกว่าตัวอื่นทำให้กวินท์ไม่นึกอยากขี่ เขามองเห็นม้าอีกตัวที่ท่าทางแข็งแรงที่สุดในฝูง


                 “ผมขี่ตัวนั้นไม่ได้เหรอ”


                  “ไม่ได้”


                 ชารุกข์ส่งเสียงดุกลับมาจนกวินท์สะดุ้ง


                   “ตัวนั้นชื่อราบีเป็นม้าดุสำหรับคนแปลกหน้า ผมยังไม่อยากเห็นคุณลอยลงมาจากหลังม้าหรอกนะ”


                   หน้าดุของชารุกข์ทำให้กวินท์ไม่กล้าหือ เขามองราบีอย่างเสียดายแต่ก็ต้องให้ความสนใจกับซียา กวินท์เคยเรียนขี่ม้าตอน

เด็ก ๆ แค่สร้างความคุ้นเคยกับซียาไม่นานนักก็พอจะขี่ได้คล่องโดยมียาก็อบดูแลอยู่ ส่วนชารุกข์กำลังพูดคุยบางอย่างอยู่กับชายอีกสอง

คน


                  “ยาก็อบ” กวินท์เรียกหนุ่มรุ่นน้องด้วยท่าทางราวกับเด็กกำลังซน


                   “ผมขอลองขี่เจ้าราบีได้ไหม”


                   ยาก็อบหันไปมองม้าอาหรับท่าทางแข็งแรงอย่างไม่แน่ใจ เขาไม่รู้ว่าชารุกข์ได้เอ่ยปากห้ามกวินท์ขี่ราบี


                  “จะไหวหรือกวินท์ ราบีไม่เชื่องเท่าไหร่นะ”


                  “คุณก็เห็นว่าผมขี่ม้าได้ น่า ยาก็อบ ผมแค่จะขี่มันเดินวนอยู่แถวนี้เท่านั้นเอง”


                   กวินท์เริ่มเกลี้ยกล่อมให้ยาก็อบร่วมมือด้วย ยาก็อบสบตาใสแจ๋วของกวินท์แล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้


                   “รอบ ๆ ลานนี้เท่านั้นนะกวินท์”



                      ยาก็อบเดินนำกวินท์มาทางที่ราบียืนกินหญ้าแห้งอยู่ กวินท์เหลียวมองชารุกข์ที่ยังยืนคุยกับชายสองคนด้วยสีหน้าจริงจัง

และไม่ได้สนใจเขา ชายหนุ่มจึงรีบขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอาหรับสีน้ำตาลเข้มหางยาวเป็นพวงสวยทันที

                อาชาตัวใหญ่กระโจนสองขาหน้าขึ้นและส่งเสียงร้องทันควันเพราะกวินท์ไม่ได้ทำความรู้จักกับราบีก่อนหน้าที่จะขึ้นไปนั่ง
บน

หลังของมัน กวินท์เองก็ตกใจมากเพราะไม่คิดว่าแรงของราบีจะมากจนเขาคุมไม่อยู่เช่นนี้แม้ว่ากวินท์จะพยายามรั้งบังเหียนไว้สุดกำลัง   


            “กวินท์ ระวัง!”


                   ยาก็อบตะโกนดังลั่นหน้าซีดเผือดเมื่อราบีดีดตัวไปมาเกินกว่าจะคุมได้เสียงร้องของม้าและคนเรียกความสนใจจากบุรุษ

ซึ่งกำลังปรึกษาเรื่องงานให้เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นกวินท์นั่งอยู่บนหลังม้าพยศที่กำลังใช้ขาหน้าเตะยาก็อบจน

ล้มลงและควบเท้าออกไปจากลานเลี้ยง



มีต่ออีกนิด...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2017 23:20:39 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...



               “กวินท์!”


               ไม่มีเวลาคิดอย่างอื่น ชารุกข์เป่าปากเรียกบาฮาม้าคู่ใจที่ยืนกินหญ้าอยู่ไม่ไกลทันที บาฮาเงยหน้าส่งเสียงร้องและวิ่งมาหา

เขา ชารุกข์รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังของบาฮาอย่างคล่องแคล่ว เขาตวัดมือกระทุ้งเท้าที่สีข้างเพื่อสั่งให้บาฮาควบตามราบีที่วิ่งเตลิดไป

ยังทะเลทรายเบื้องหน้า

                เป็นครั้งแรกที่ชารุกข์ขี่ม้าด้วยจิตใจที่ระส่ำระสาย เขามองเห็นแผ่นหลังของกวินท์อยู่บนหลังราบีอยู่เบื้องหน้าของเขา กวินท์

พยายามดึงบังเหียนสุดแรงจนราบีชะงักส่งเสียงร้องลั่นพลางสะบัดตัวไปมาเมื่อชารุกข์ควบบาฮาไปใกล้


                “กวินท์ใจเย็น ดึงบังเหียนไว้”


                เขาออกคำสั่งเพื่อให้กวินท์ได้สติและทำตาม ชารุกข์ขี่บาฮาเข้าไปเทียบและยื่นแขนเข้าไปด้วยดึงบังเหียน


               “ราบี หยุดเดี๋ยวนี้”


                ตวาดอาชาดังลั่นจนราบีขยาด มันหยุดฝีเท้าลงทันทีหากแต่กลับทำให้คนที่นั่งอยู่บนหลังของมันเสียหลักร่วงลงไปจากอาน

ม้าลอยละลิ่วสู่ผืนดิน กวินท์สบถดังลั่นเมื่อแขนข้างหนึ่งกระแทกกับพื้นที่แม้จะมีทรายรองรับแต่มันก็ทำให้เขาเจ็บจนนิ่วหน้า


                “กวินท์”


                 เสียงเรียกดังขึ้น เอวของเขาถูกโอบรัดเพื่อให้ลุกจากพื้นขึ้นมายืน สติของเขาเพิ่งจะกลับคืนมาเมื่อรู้ว่าตนเองปลอดภัยแล้ว

เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งจะช่วยเขาไว้ แต่เมื่อสบตากับดวงตาคมคู่นั้นกวินท์กลับหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อมันช่างโชนแสงแห่งโทสะ

ปะปนไปกับความห่วงใยจนกวินท์รู้สึกผิด


              “เอ่อ...”


              “กลับ”


             “ชารุกข์”


              “เดี๋ยวนี้!”


               แขนข้างที่ไม่เจ็บถูกกระชากให้ก้าวเดินตาม กวินท์ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อเขาทั้งตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นและหวาดหวั่นกับท่าที

ของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะโกรธมาก

              กวินท์ขึ้นไปนั่งบนหลังของบาฮาก่อนที่ร่างสูงจะตามขึ้นมานั่งซ้อนหลัง ชารุกดึงบังเหียนให้ราบีเดินตามบาฮากลับมาที่ลาน

เลี้ยงม้า ตลอดทางไม่มีคำพูดจากับคนที่นั่งมาด้วยแม้แต่คำเดียว กวินท์เองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เขารู้ว่าทั้งหมดเป็นความผิดที่เขาดื้อรั้นต่อ

คำสั่งของปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์

                เมื่อมาถึงลานเลี้ยงชารุกข์จึงกระโดดลงจากหลังของบาฮาก่อน ยาก็อบหน้าขาวซีดปรี่เข้ามาทรุดตัวลงกับพื้นและคำนับจน

หน้าผากจรดพื้นดินพลางเอ่ยภาษาอารบิกเสียงสั่นกับชารุกข์ที่ยังยืนสีหน้าเครียดขุ่นมัว กวินท์เดาว่ายาก็อบคงจะกล่าวคำขอโทษกับสิ่ง

ที่เกิดขึ้น


               “กลับบ้านได้แล้วกวินท์”


               กวินท์สะดุ้งเฮือก ชารุกข์หันหลังให้เขาและเดินนำลิ่ว ๆ จนกวินท์ใจหาย ยาก็อบที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


               “ผมขอโทษยาก็อบ” กวินท์สำนึกผิด “เพราะผมทีเดียวที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนไปด้วย”


               “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วกวินท์ รีบตามเชคฮไปเถอะ ก่อนที่เขาจะเดือดเป็นภูเขาไฟ”


              “คุณช่วยผมหน่อยสิยาก็อบ เขาโกรธผมมาก”


               เสียงของกวินท์สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ยาก็อบถอนหายใจออกมา


               “ผมจะช่วยคุณได้ยังไง ผมไม่กล้าหรอก ตั้งแต่อยู่กับเชคฮมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำหน้าโหดแบบนั้น ขอให้โชคดีนะกวินท์”


               คำอวยพรของยาก็อปยิ่งทำให้กวินท์เหี่ยวแห้งมากกว่าเดิม เมื่อไม่มีตัวช่วยเขาจำเป็นจะต้องรีบวิ่งตามแผ่นหลังที่เดิน

กระแทกเท้ากลับไปที่บ้านด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ





               ชารุกข์พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วอย่างยากเย็น แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าความรุ่มร้อนและหวาดวิตกเมื่อเห็นชายหนุ่มลูก

ครึ่งที่ตกอยู่ในความดูแลของเขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายนั้นมันมีสาเหตุจากสิ่งใด

                 รู้แต่ว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลจนต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ และแม้ว่ากวินท์จะปลอดภัยแต่ชารุกข์ก็ยังโกรธที่อีก

ฝ่ายฝ่าฝืนจากคำสั่งที่มาจากความห่วงใย


                เขาควรจะเรียกความรู้สึกเหล่านี้ว่าอะไรดี

                ชายหนุ่มผลักประตูบ้านแล้วก้าวพรวดพราดเข้ามายืนพลุ่งพล่านอยู่กลางโถง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาหยุดยืนอยู่เบื้อง

หลัง เขาตัดใจไม่หันกลับไปมองจนกระทั่งได้ยินเสียงอ่อยดังขึ้น


                “ชารุกข์ ผมขอโทษ ขอโทษที่ดื้อรั้นและไม่ฟังคำเตือน แต่ผมก็ได้รับบทเรียนแล้ว ยกโทษให้ผมเถอะนะ”


                ปลายเสียงเครือแผ่วปะปนกับเสียงคล้ายสะอื้น ชารุกข์ถอนหายใจเมื่อหัวใจของเขาอ่อนยวบ ร่างสูงหันหลังกลับ เขาก้าว

พรวดเข้าไปและดึงแขนของกวินท์ไว้ มือใหญ่ปลดกระดุมของเสื้อตัวยาวที่กวินท์สวมใส่จนกระทั่งมองเห็นรอยเขียวช้ำปรากฏที่หัวไหล่

ของกวินท์ ชารุกข์กัดกรามกรอด เข้าจ้องหน้ากวินท์และเอ่ยเสียงเข้ม


               “ถ้าผมต้องการให้คุณบาดเจ็บผมคงไม่ช่วยคุณมาจากโจรพวกนั้น แต่เพราะต้องการให้คุณปลอดภัยผมถึงพาคุณมา ได้โปรด

เถอะกวินท์ อย่าทำให้ผมต้องเป็นห่วงคุณมากไปกว่านี้เลย”


                   กวินท์นิ่งงัน ดวงตาเรียวกะพริบถี่ ชารุกข์กัดริมฝีปากของตนเองเมื่อเผลอไผลเอ่ยคำพูดที่ไม่ผ่านการควบคุมออกไป

               
                                               TBC

                          กลับมาแล้วจ้า ไม่ไปไหนแล้ว แต่งกันยาวๆ


                              o19 o19 o19 o19 o19





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2017 23:27:12 โดย Belove »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจจ้า

ไม่มาต่อซะนานเลย

จนต้องกลับไปอ่านอีกรอบแหนะ...


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เหมือนจะเริ่มหวานแล้ว

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยยยยยยยยย มีความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของแต่ละคน

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
เริ่มรู้สึกแปลกๆต่อกันแล้วสินะ
รัฐก็ทำเหมือนซื้อเวลาไปเรื่อย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดีนะที่กวินท์ไม่เป็นอะไรมาก ทีหลังอย่าดื้อกับชารุกข์อีกนะ อยู่ด้วยกันก็เริ่มหวั่นไหวแล้วรึป่าว

ไรท์เตอร์มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ดีต่อใจมากกก คราวหลังห้ามดื้อน้ากวินทร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เป็นแฟนเขาหรอมาห่วงเขาอ่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โกรธอยู่ดีๆก้หวานเฉยยยย
อยู่ดีๆก้เขินนนนน5555
ชารุกข์นี่อาการหนักกว่ากวินทร์อีกอะ
อาการออกหนักมากกก
ดีใจที่เรื่องนี้จะมายาวๆแล้ววว
รอค่าาาา

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เหตุการณ์ร้ายๆสร้างวีรบุรุษและวีรบุรุษกำลังจะสร้างรัก ฮิ้ววววว

ออฟไลน์ Ta_ii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เย้ๆ คนเขียนกลับมาแล้ว  :กอด1:

เด็กดื้อได้บทเรียนเลยตอนนี้ เจอชารุกโหมดโหดเข้าไป หงอเลยนะกวินท์ แต่เราก็ชอบเด็กดื้อนะ ฮิฮิ

ชารุกจะอดใจไหวมั้ยเนี่ย  :impress2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
กวินทร์ดื้อจนได้เรื่องเลยทีเดียว ทำชารุกข์เป็นห่วงจนหลุดมาดออกมาเลย

ว่าแต่แม่กวินทร์รู้จักใครตอนสมัยสาวๆล่ะ พ่อของชารุกข์รึเปล่า

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เช้ามา ก็สดชื่น อารมณ์หวานพอกรุ่นๆ

กวินท์มาทำเสียฤกษ์ไปได้ ดื้อจริง คนเค้าเป็นห่วง ไม่ได้หวงมาหรืออะไร
ชารุกข์ก็ใจเตลิดไปเหอะ เจอคนดื้อไม่ยอมฟัง แต่สุดท้ายก็ต้องมาดูแล เพราะห่วงใย

ว้ายยย ชารุกข์เผยใจแล้ว จะอาการหนักกว่านี้ไหมน้า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เสียงหัวใจมันชัดเจนขนาดนี้แล้วนะ เอ้าทำแผลกันดีกว่า

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
พระเอกเราดูใจง่ายแต่ให้อภัยเพราะคนเขียนน่าร๊ากกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
“ถ้าผมต้องการให้คุณบาดเจ็บผมคงไม่ช่วยคุณมาจากโจรพวกนั้น แต่เพราะต้องการให้คุณปลอดภัยผมถึงพาคุณมา ได้โปรด

เถอะกวินท์ อย่าทำให้ผมต้องเป็นห่วงคุณมากไปกว่านี้เลย”

บอกทีว่านี้จีบใช่ไหมค่ะ
:mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เริ่มหวั่นไหวแล้วสิ~

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
โอ๊ยๆมดขึ้น

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โกรธกวินท์มากกกก ขนาดคนพื้นที่ ชำนาญม้าสั่งห้ามแล้ว
บอกด้วยว่าม้าที่อยากขี่น่ะมันเกินกำลัง
กวินท์ก็ยังดื้อ หาเรื่องเจ็บตัวชัดๆ ถึงตายได้ด้วย
รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ชำนาญการขี่ม้า
แถมทำให้ยาก๊อบเจ็บตัวไปด้วย กวินท์ไม่โอเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bojaemyboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จะลงโทษยังไงค่ะท่านเชคฮ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด