Cr. Pic [Pinterest]
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด
#พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
บท01“เดียร์ตื่นหรือยังครับ วันนี้มีปฐมนิเทศไม่ใช่หรือยังไง เดียร์ น้องเดียร์ครับ” เสียงเรียกจากนอกห้องนอนปลุกให้คนที่กำลังซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาขยับตัว “เดียร์ครับ นี่จะเจ็ดโมงแล้วนะ เขานัดแปดโมงครึ่งไม่ใช่หรือครับ น้องเดียร์”
พอได้ยินเวลาคนที่ยังงัวเงียไม่อยากจะลุกก็เด้งดึ๋งลุกขึ้นนั่งแบบอัตโนมัติ มือและขาถีบสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วกระโดดลงจากเตียงนอนหลังใหญ่ทันที ปากก็ตะโกนบอกคนข้างนอกไปด้วย
“มัมๆ เดียร์ตื่นแล้วครับ กำลังจะอาบน้ำเดี๋ยวเดียร์รีบลงไปครับ” พูดจบก็หายเข้าไปในส่วนของโซนห้องแต่งตัวที่เชื่อมกับห้องน้ำทันที
ปกติเขาจะใช้เวลาในการเลือกเสื้อผ้าหรืออาบน้ำค่อนข้างนานเพราะทุกอย่างมีครบครันไปหมด แต่วันนี้ขอวิ่งผ่านน้ำสักวันก็แล้วกัน ตู้เสื้อผ้าที่บิ้วท์อินเป็นรูปตัวยู ภายในเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่คุณย่าของเขามักจะซื้อให้ และเขาเองก็ชอบมันทุกตัว คนที่ปกติจะพิถีพิถันในการเลือกชุดมาแมทช์กันพอเห็นเสื้อผ้าที่ละลานตาก็อดหยุดคิดไม่ได้ จนนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีปฐมนิเทศที่มหาวิทยาลัยเจ้าตัวถึงได้สะดุ้งโหยงอุทานออกมาอย่างลืมตัว
“ชิบหาย! ต้องรีบนี่หว่า” แล้วก็คว้าเอาเสื้อเชิ้ตสีกรมกับกางเกงยีนส์ขาเดฟมาใส่ เดินมาหยิบนาฬิกาข้อมือที่แด๊ดซื้อให้ตอนไปแฟชั่นวีคเมื่อต้นปีมาใส่ ซึ่งข้างๆ ก็มีอีกหลายเรือน
ห้องแต่งตัวของเขาใหญ่มากทีเดียว ทุกอย่างแบ่งสัดส่วนเอาไว้อย่างดีทั้งไอซ์แลนด์ที่เอาไว้เก็บแอคเซสเซอรี่ ตู้เก็บรองเท้า เชื่อว่าใหญ่กว่าห้องแต่งตัวของผู้หญิงหลายคน แต่ทำยังไงได้... พอดีว่าแด๊ดดี๊ที่นอกจากจะหล่อมากแล้วยังเปย์หนักมากด้วยเช่นกัน แล้วก็ไม่ใช่แค่ของเขาหรอก ของพี่ชายกับน้องสาวของเขาก็เหมือนกัน
เดียร์ เมธาวิน บริสตัน แทบจะก้าวกระโดดลงบันไดจากชั้นสองไปที่ชั้นหนึ่งแต่เสียงดุๆ ที่ดังมาจากข้างล่างทำให้ขาที่กำลังกระโดดชะงักแล้วเปลี่ยนเป็นย่องเบาลงบันไดแทน
“เดียร์อย่ากระโดด”
พอลงมาถึงชั้นล่างเจ้าตัวก็ท้าวเอวจ้องหน้าคนดุ ก่อนจะย่นจมูกใส่คนที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ... อ่าก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะเขามั่นใจมากว่าหล่อกว่ามาก!
“ฮาร์ท เดียร์มากินข้าวครับ เดี๋ยวแด๊ดจะไปส่งที่มหา’ลัย” เสียงนุ่มๆ ดังมาจากห้องทานข้าวให้สองหนุ่มที่ยืนมองหน้ากันหันไปมองแล้วพากันเดินเข้าไป
“มัมๆ มัมๆ ไปส่งเดียร์ด้วยสิ นะ” เดียร์เข้าไปกอดเอวออดอ้อนคนตรงหน้าที่แม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้วแต่ความอ่อนเยาว์ยังคงอยู่ ตั้งแต่เด็กจนโตมาอายุสิบแปดเดียร์มั่นใจว่าคนคนนี้หน้าตาไม่ต่างไปจากเดิมเลย
สงสัยว่ามัมมี๊ของเขาจะสตาฟหน้าตาตัวเองเอาไว้ตอนอายุยี่สิบกว่าๆ
คนถูกอ้อนหัวเราะแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ “โอเคครับ เดี๋ยวมัมไปส่งด้วยนะ กินข้าวกันได้แล้วเดี๋ยวจะยิ่งสาย”
“แล้วแด๊ดละครับ” อีกคนหนึ่งถามเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วไม่เห็นคนเป็นพ่อ
“ไปดูน้องอยู่ครับ เดี๋ยวลงมา”
“ตัวเล็กเป็นอะไรเหรอครับ” ฮาร์ทถามต่อด้วยความเป็นห่วง
“ตื่นสายน่ะสิ แด๊ดเลยไปคุมให้อาบน้ำแต่งตัวเพราะเดี๋ยวจะออกไปเรียนดนตรีไม่ทัน มาครับพี่ฮาร์ทมานั่งกินข้าวได้แล้ว วันนี้ก็มีปฐมนิเทศเหมือนกันใช่ไหม”
คนถูกถามพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ น้องชายที่หน้าตาเหมือนกัน ต่างกันก็แค่ส่วนสูงที่เขาสูงมากกว่า ดวงตาที่เขาได้มาจากคนเป็นพ่อ แต่น้องชายได้มาจากคนเป็นแม่ น้องชายฝาแฝด
“มัมมี๊ขา อรุณสวัสดิ์ค่ะ” สาวน้อยวิ่งโร่เข้ามาในห้องอาหารกอดหมับเข้าที่เอวของมัมมี๊แล้วยืดตัวหอมแก้มไปฟอดใหญ่ ก่อนจะวิ่งไปหอมแก้มพี่ชายทั้งสองคนแล้วนั่งประจำที่ที่โต๊ะอาหาร
“พี่ควอตซ์กาแฟไหมครับ” หันไปถามอีกคนที่เดินเข้ามา ที่แม้อายุจะมากขึ้นแล้วแต่ความหล่อเหลาก็ไม่ลดลง อีกทั้งยังดูดีภูมิฐานกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
“ก็ดีครับ” เดินไปหอมแก้มคนเป็นภรรยาฟอดใหญ่ โดนตีแขนไปหนึ่งทีเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
แด๊ดดี๊มัมมี๊มักจะหวานใส่กันอยู่เรื่อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของทั้งสองคน
ลูกหมูตัวน้อยๆ ของควอตซ์และน้ำเหนือเติบโตจนตอนนี้ก็อายุสิบแปดปีย่างสิบเก้าปีแล้ว และก็กำลังจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง ส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุห่างกับพี่ชายสี่ปีก็เป็นสาวน้อยวัยใสที่น่ารักสำหรับครอบครัวบริสตัน
“เดียร์เลิกตอนเย็นเลยใช่ไหม” ควอตซ์เอ่ยถามลูกชายที่กำลังตักข้าวต้มข้าวปากไม่หยุด
หมูน้อยขี้อ้อนในตอนเด็กที่ตอนนี้ทั้งแสบทั้งซนพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ครับ แด๊ดไปรับนะ”
ควอตซ์ส่งเสียงรับคำกับคำขอของลูกชาย รอจนกระทั่งเด็กๆ ทั้งสามทานมื้อเช้าเสร็จก็ไล่ต้อนเด็กซนไปขึ้นรถ วันนี้ฮาร์ทกับเดียร์มีปฐมนิเทศของคณะที่มหาวิทยาลัย ส่วนสาวน้อยเลิฟก็มีเรียนดนตรี
“แด๊ดครับ เรื่องคอนโดที่แด๊ดเคยบอกเอาไว้มันอยู่ตรงไหนเหรอครับ” ฮาร์ทถามขณะที่รถครอบครัวคันสวยแล่นออกจากประตูรั้วบ้านของบริสตัน
“อยู่ใกล้ๆ มหา’ลัยนั่นแหละ เดี๋ยววันเสาร์อาทิตย์แด๊ดพาไปเลือก เราสองคนจะอยู่ด้วยกันหรือจะเอาคนละห้องล่ะ” ควอตซ์มองพี่น้องฝาแฝดผ่านกระจกมองหลังก่อนจะส่ายหน้าเมื่อเห็นเดียร์หันขวับไปมองพี่ชายทันที
สิ่งที่แตกต่างกันของทั้งสองคนนี้นอกจากดวงตา ส่วนสูงแล้วก็คงเป็นนิสัย ตอนเด็กๆ คิดว่าฮาร์ทจะแสบจะซนต่างจากเดียร์ที่ดูจะขี้อ้อน แต่ที่ไหนได้พอโตขึ้นมาคนที่ทั้งแสบทั้งซนก็เป็นแฝดคนน้องทั้งนั้น ผิดกับคนพี่ที่ดูสุขุมกว่าโตกว่า แต่ถ้าได้จับมือกันแล้วละก็... ทวีความแสบเข้าไปอีกคูณสิบเลย
“คนละห้องครับ เผื่อเดียร์พาสาวๆ มาที่ห้อง ฮาร์ทจะได้ไม่เห็น” พูดจบก็หัวเราะคิกคักชอบใจ
“เดียร์... เดี๋ยวเถอะ” เป็นมัมมี๊ที่เรียกเสียงดุปราบเจ้าตัวแสบ
พอเห็นมัมมี๊ดุเจ้าตัวดีก็ขยับมาเกาะเบาะที่น้ำเหนือนั่งแล้วขยับไปซบไหล่ของมัมมี๊ทันที “เดียร์พูดเล่นหรอก แต่แยกห้องนะครับ เผื่อฮาร์ทควงสาวมา เอ๊ย! พาเพื่อนๆ มาไง จะได้สะดวกกันทั้งคู่”
โป๊ก!
กำปั้นถูกเขกลงบนศีรษะของน้องชายฝาแฝดทันทีที่ได้ยินเดียร์พูด “แยกนั่นแหละครับ ผมขี้เกียจอยู่กับเด็กซน คงไม่มีสมาธิทำงาน”
“โอ๊ยๆ มันเจ็บนะฮาร์ท!” เดียร์ร้องโวยวายที่โดนเขก ก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ “คอยดูเถอะ! ไม่มีเขาอยู่ด้วยแล้วจะเหงา อย่ามาร้องไห้แงๆ ขอให้เขาไปอยู่ด้วยก็แล้วกัน”
“เฮอะ! ไม่มีทางหรอก”
“พอๆ สองคนนี้นี่นะ อายน้องบ้างไหมเถียงกันอย่างกับเด็กๆ เลย” น้ำเหนือปราบเสียงดุอีกรอบ
เลิฟหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลังเบาะฝาแฝด ชอบใจที่เห็นพี่ชายฝาแฝดเถียงกัน “ไม่เป็นไรค่ะมัมมี๊ เลิฟชอบดูพี่ๆ เถียงกัน เหมือนมีน้องชายเลยค่ะ อิอิ”
"ยัยเลิฟ / ตัวเล็ก” ฝาแฝดเรียกน้องสาวพร้อมกัน แบบที่สาวน้อยก็หัวเราะชอบใจ ขนาดแด๊ดดี๊ยังหัวเราะไปด้วยเลย จะมีก็แต่มัมมี๊ที่ถอนหายใจกับความวุ่นวายเล็กๆ ของลูกทั้งสามคนแต่ถึงอย่างนั้นใบหน้านั้นก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่นานรถคันสวยก็แล่นเข้ามาจอดในมหาวิทยาลัย สองฝาแฝดยื่นหน้าไปหอมแก้มมัมมี๊กับแด๊ดดี๊แล้วหันไปหอมแก้มสาวน้อยที่ปีนข้ามเบาะมานั่งแทนที่แล้วก็ลงจากรถไป
“ถ้าจะให้แด๊ดมารับก็โทรมาบอกนะ” ควอตซ์บอกลูกชายทั้งสองคนซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ
ตอนนี้สองหนุ่มที่หน้าเหมือนกันกำลังยืนมองหน้ากัน ผู้คนในมหาวิทยาลัยมีบ้างประปราย เพราะวันนี้ไม่ใช่วันปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัย แต่เป็นของคณะ ซึ่งก็ไม่ได้มีปฐมนิเทศกันทุกคณะ
“ถ้าเสร็จแล้วจะโทรหา” ฮาร์ทบอกกับแฝดคนน้อง
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “ได้ๆ เขาไปละแล้วเจอกันนะ” พูดจบก็เดินแยกไปอีกทาง ส่วนฮาร์ทเองก็เดินไปทางคณะของตนบ้าง
พวกเขาเลือกเรียนกันคนละคณะ ฮาร์ทเลือกเรียนบริหารเพราะตั้งใจแล้วว่าจะคอยช่วยครอบครัวดูแลบริษัทต่อ ส่วนเดียร์นั้นเลือกเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์เพราะมีความสนใจทางด้านการออกแบบมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนแรกก็ตั้งใจจะเลือกเรียนเหมือนมัมมี๊แต่คิดไปคิดมา มัมมี๊ก็เก่งมากๆ เดี๋ยวเอาไว้ให้มัมมี๊สอนก็ได้ เลยตัดสินใจมาเลือกเรียนคณะนี้แทน
เสียงและระบบสั่นจากการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้นให้เขาหยิบเจ้าเครื่องบางๆ นั้นขึ้นมาก็เห็นเป็นเพื่อนรักของเขาที่มาสอบแล้วก็ติดคณะเดียวกันนี้ส่งข้อความมาถามว่าอยู่ไหนแล้ว
เดียร์ส่งข้อความตอบเพื่อนไปก่อนจะเร่งเท้าเดินตรงไปที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพียงแค่มาถึงลานจอดรถบริเวณหน้าตึกคณะเสียงกลอง เสียงร้องเพลงก็ดังมาให้ได้ยิน เดียร์เห็นรุ่นพี่หลายคนยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมร้องตะโกนเรียกเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งจะมาถึง
“น้องๆ คณะถา’ปัตย์มาลงทะเบียนตรงนี้เลยนะคะ”
เดียร์เดินตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียน เขายกมือไหว้เหล่ารุ่นพี่ที่นั่งกันหน้าสลอน
“ชื่อเล่นว่าอะไรครับ”
“เดียร์ครับ” เขาตอบไป ยืนรอจนรุ่นพี่คนนั้นเขียนชื่อเขาเสร็จก็รับมาคล้องคอก่อนจะเดินไปนั่งต่อแถวรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เขาเห็นไอ้เพื่อนตัวดียืนอยู่ข้างๆ แถว มันคงรอเขาอยู่ พอไปถึงก็พากันไปนั่ง
“สายตลอดอ่ะมึง”
“เรื่องของกูอ่ะมึง” กวนกลับเข้าให้ แล้วก็ได้ฝ่ามือของเพื่อนโบกเข้าเต็มๆ ที่ศีรษะ จนเขาร้องออกมาหันไปค้อนขวับใส่คนที่นั่งข้างหลัง เห็นเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆ มองมาแล้วก็ยิ้มๆ ที่เห็นเขาโดนโบก เขาก็คนอัธยาศัยดีไง ยิ้มตอบ โดยเฉพาะกับสาวๆ
“หว่านเสน่ห์ๆ เดี๋ยวกูฟ้องพ่อมึง” เดียร์หันไปค้อนใส่เพื่อนอีกรอบ พ่อที่มันว่าไม่ใช่แด๊ดดี๊ แต่เป็นพี่ชายฝาแฝดที่ชอบทำตัวเป็นแด๊ดดี๊ของเขาต่างหาก
“หุบตูดไปเลยไอ้ทัช!”
เดียร์กับทัชเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยชั้นประถม ไม่ใช่แค่พวกเขาสองคนแต่รวมไปถึงคนที่หนีไปเรียนคณะบริหารที่หน้าตาหล่อน้อยกว่าเดียร์นิดหน่อยด้วย พวกเขาทั้งสามคนสนิทกันมา เคยจะสลัดกันทิ้งตอนขึ้นมัธยม แต่ก็ไม่รอดกลับมาเจอกันตลอด ได้อยู่ห้องเดียวกันเสมอ จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน
มีฮาร์ทที่สลัดตัวเองหลุดไปได้ แต่เขากับไอ้ทัชนี่สลัดกันไม่หลุด ตอนมาสอบก็มาด้วยกัน วิ่งเข้าห้องสอบพร้อมกันเพราะสายทั้งคู่ แล้วก็ดันติดด้วยกันอีก เห็นทีชีวิตนี้ของเดียร์คงหนีไอ้เพื่อนคนนี้ไม่รอด
เดียร์กับทัชหันไปมองเพื่อนร่วมคณะที่เดินมานั่งต่อหลัง พวกเขาส่งยิ้มทักทายกับคนมาใหม่ก่อนที่ไอ้ทัชจะเริ่มแนะนำตัว
“หวัดดี กูชื่อทัช ไอ้เตี้ยนี่ชื่อเดียร์”
อีกฝ่ายชะงักไปนิดเมื่อประโยคแรกที่คุยกันก็ใช้ภาษาโบราณแล้วแต่ไม่นานเจ้าตัวก็หัวเราะออกมา “กูชื่อหินผา เรียกหินก็ได้”
“หินอยู่กรุงเทพหรือเปล่า” เดียร์ชะโงกหน้าข้ามหัวเพื่อนมาถามเพื่อนใหม่
เพื่อนใหม่ของเขาเป็นคนตัวสูง ใบหน้าคมคายเรียกว่าหล่อเลยทีเดียว หุ่นก็ดูดีมีกล้ามเนื้ออย่างคนสุขภาพดีและใส่ใจตัวเองเสมอ
“เปล่า มาจากเชียงใหม่”
พอได้ยินสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็ตาโต “เฮ้ยดีว่ะ เอาไว้พวกกูไปเที่ยวบ้านมึงนะ กูกับไอ้เดียร์เป็นคนกรุงเทพนี่แหละ ไม่ต้องห่วงนะน้อง เดี๋ยวพวกพี่เจ้าถิ่นจะพาเที่ยวเอง”
หินผาหัวเราะ พยักหน้ารับกับคำของเพื่อนใหม่ ทั้งสามคนแลกเบอร์ แลกไลน์ แลกเฟสบุ๊คกันจนครบตกลงปลงใจกันเรียบร้อยว่าจะสามัคคีชุมนุมกันยันเรียนจบ
เมื่อเพื่อนร่วมคณะมากันครบเหล่ารุ่นพี่ปีสองก็ออกมาพูดแนะนำตัวก่อนจะเริ่มแนะนำการเรียนการสอนของที่นี่รวมไปถึงกฎระเบียบต่างๆ ด้วย
“เอาละค่ะต่อไปพี่จะพูดถึงกฎของเรากันนิดหนึ่งนะ หลักๆ เลยนะคะเวลาพี่ๆ เรียกรวมแถวตอนแบบนี้ ให้น้องผู้หญิงมาเข้าแถวอยู่ด้านหน้า ส่วนน้องผู้ชายอยู่ด้านหลัง แต่ถ้าเรียกให้รวมกลุ่มเป็นวงกลม จะกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ น้องผู้หญิงให้อยู่วงใน ส่วนน้องผู้ชายอยู่วงนอกนะคะ” รุ่นพี่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางทะมัดทะแมงเป็นคนพูด
“ที่ให้ทำแบบนี้ก็เพราะว่าเราจะได้ดูแลกันได้ เราเข้ามาพร้อมกันเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกันต้องคอยช่วยเหลือกัน อีกอย่างเราผู้ชายต้องรู้จักให้เกียรติผู้หญิงเสมอนะครับ” รุ่นพี่ผู้ชายอีกคนพูดต่อ “คณะเราสอนกันมาตลอด ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็ต้องให้เกียรติกันนะครับ แล้วอีกอย่างที่ต้องจำกันเอาไว้นะครับ มาก่อนคือพี่ มาหลังคือน้อง มาพร้อมคือเพื่อนนะครับ”
“การปฐมนิเทศของเรามีทั้งหมดสามวันนะคะ เหตุผลหลักๆ คือเพื่อให้น้องๆ ที่มาจากคนละที่ คนละจังหวัดได้รู้จักกัน เพราะพอเปิดเทอมเราจะมีกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ถ้าพวกน้องรู้จักกันก่อนก็จะทำให้ง่ายต่อการทำกิจกรรมของคณะ พี่ๆ อยากให้ทุกคนสนิทกันไว้ ช่วยเหลือกัน แล้วก็สามัคคีกันนะคะ” พี่ผู้หญิงคนเดิมพูดต่อ
การแนะนำสถาบันรวมไปถึงหลักการเรียนยังคงถูกถ่ายทอดโดยพี่ๆ ทั้งสองคน ก่อนที่พวกพี่เขาจะบอกให้ทุกคนจับกลุ่มกัน กลุ่มละประมาณสิบคน แล้วก็เปลี่ยนเป็นหน้าที่ของพี่ฝ่ายสันทนาการเข้ามารับช่วงต่อ พี่ๆ เริ่มแนะนำตัวทีละคน ก่อนจะแนะนำไปถึงพี่สองคนก่อนหน้านี้ด้วย
“พี่ๆ สองคนเมื่อกี้ออกมาโชว์ตัวอีกรอบหน่อยคร้าบ” พี่ที่แนะนำตัวว่าชื่อ พี่ต๊อบ พูด ก่อนที่พี่ทั้งสองคนจะเดินออกมายืนด้านหน้าอีกรอบ “คนแรกเลย พี่คนสวยของเราขอเชิญแนะนำตัวหน่อยครับผม”
“กูว่าพี่คนนี้ต้องเป็นดาวคณะแน่นอน” คำพูดของทัชเรียกให้เดียร์หันกลับไปมอง
“ทำไมมึงคิดอย่างนั้นวะ”
“อ้าว... หน้าที่แนะนำแบบจริงจังๆ เชิงวิชาการแบบนี้เขาก็ต้องให้คนสำคัญมาแนะนำดิจริงไหมวะ แล้วดูแต่งตัวมาแบบถูกระเบียบซะขนาดนั้น แล้วมึงดูพี่ๆ คนอื่นๆ ดิ” มันว่าแบบนั้น เดียร์หันมองไปรอบๆ พี่คนอื่นใส่พวกเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์กันหมด จะมีก็แค่พี่สองคนนั้นที่แต่งชุดนักศึกษามาแบบถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อฟ้า อยู่ปีสองค่ะ”
“แล้วก็เป็นดาวคณะด้วย~” พอพี่ชื่อฟ้าพูดแนะนำตัว พี่ต๊อบก็เสริมต่อทันที พร้อมกับเสียงผิวปากของรุ่นพี่ที่เป่าปากปรบมือกันเกรียวกราว
เดียร์หันไปมองหน้าเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ทัชยิ้มให้พร้อมกับยักคิ้ว
“เห็นไหมล่ะ กูเก่ง”
“เออ มึงเก่ง เก่งในเรื่องไร้สาระแบบนี้นี่แหละ” เดียร์ว่าเข้าให้ คนเก่งเลยทำหน้างอใส่แบบที่เพื่อนใหม่อย่างหินผาก็หัวเราะขำ
กิจกรรมหลังจากที่รุ่นพี่แนะนำตัวเสร็จ พวกเขาก็เริ่มจับกลุ่มแล้วก็ทำความรู้จักกันก่อนที่รุ่นพี่จะให้แต่ละกลุ่มทำสเก็ต ดีไซน์ เกี่ยวกับเครื่องมือที่จะช่วยในการออกแบบ
การทำสเก็ต ดีไซน์คือการเสนอความคิดเห็นเบื้องต้นของการดีไซน์ จะมีการใส่คอนเซ็ปของงาน การจัดองค์ประกอบการนำเสนอ รวมไปถึงการวาดนำเสนอความคิด แต่ก็ต้องคำนึงถึงการสื่อสารว่าจะต้องเข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยากและซับซ้อนจนเกินไป
เดียร์ปล่อยให้เพื่อนๆ ในกลุ่มเสนอความคิดเห็นกันไป ส่วนเขาก็คอยเสริมเมื่อคอนเซ็ปของใครน่าสนใจ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะตัดสินใจไม่ได้สักที
“อย่างนั้นเอาแบบนี้ ให้แต่ละคนโหวตคอนเซ็ปที่ชอบ ยกเว้นคอนเซ็ปของตัวเอง คอนเซ็ปไหนได้คะแนนเยอะสุดก็เอาอันนั้น” เดียร์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ข้อสรุปทั้งทีทั้งๆ ที่ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
งานสเก็ต ดีไซน์มีเวลาทำอยู่สามชั่วโมงก่อนพักกลางวัน ถ้ามัวแต่เถียงกันงานคงไม่เดินสักที
“เอ่อ กูเห็นด้วยกับเดียร์ โหวตดีกว่า นั่งถกกันไปมาก็ไม่มีประโยชน์ ของแต่ละคนก็มีข้อเด่นข้อด้อยต่างกัน ถกไปก็เท่านั้นว่ะ โหวตดีกว่า” ทัชเป็นอีกคนที่สนับสนุนความคิดเห็นของเพื่อน
แม้แต่หินผาเองก็พยักหน้าเห็นด้วย เขาทำหน้าตาเบื่อหน่ายเพราะคนในกลุ่มถกเถียงกันไม่หยุด
พอมีคนเสนอมาแบบนั้นทุกคนก็ลงความเห็นว่าเห็นด้วย ก่อนจะเริ่มโหวตกัน พอได้คอนเซ็ปที่ชนะก็เริ่มแบ่งงานกันแล้วลงมือทำทันที
เจ้าของคอนเซ็ปก็อธิบายเพิ่ม สเก็ตแบบง่ายๆ ให้ทุกคนเข้าใจ ก่อนจะให้คนที่วาดเก่งๆ มาลงดีเทลให้ คนลายมือสวยๆ ก็เขียนคอนเซ็ป เขียนวิธีการใช้งาน คนจัดองค์ประกอบเก่งๆ ก็ดีไซน์การวางองค์ประกอบในกระดาษขนาดเอสาม คนลงสีเก่งๆ ก็ช่วยกันลงสีตอนท้าย สุดท้ายงานสเก็ต ดีไซน์ของกลุ่มนี้ก็เสร็จทันเวลาจนได้
************************************************
อุอิ อุอิ เฉลยคู่แล้วจ้าาาาา เชิญกรี๊ดกันได้เต็มทีสำหรับคู่นี้ เปิดเผยอย่างเป็นทางการ ฮี่ๆ หลายๆ คนก็น่าจะเดาถูกแหละเนอะ ใช่ไหมๆ มีใครเดาถูกบ้างว่าเป็นคู่นี้ ^^ เจ้าลูกหมูโตแล้วจ้า โตมาแล้วหล่อไหมล่ะ ทั้งหล่อทั้งน่ารักเลยทีเดียว เนอะ~~~~
เหตุการณ์รับน้องฟางใช้ตอนที่ตัวเองอยู่ปีหนึ่งก็เมื่อ... เจ็ดปีที่แล้ว... ลืมเลือนไปบ้าง แล้วก็อาศัยจากการอ่านการรับน้องจากหลายๆ ที่ค่ะ ตรงไหนแปลกๆ ก็นะ ฟางไม่ใช่เด็กกิจกรรมตัวยงด้วย เลยไม่ค่อยรู้ละเอียดเท่าไหร่ค่ะ แต่เนื้อหาในส่วนการรับน้องมีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ใครจะเสนอแนะอะไรก็ได้เลยนะคะ
ยังไงก็ขอฝาก #พี่กันต์สายอ่อย เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของคนอ่านทุกๆ คนด้วยนะคะ
อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ