สวรรค์ไยไร้เมตตาส่งข้ามาเป็นอ๋อง08:พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียก็ไม่ตาย 100% 11.11.18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สวรรค์ไยไร้เมตตาส่งข้ามาเป็นอ๋อง08:พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียก็ไม่ตาย 100% 11.11.18  (อ่าน 11096 ครั้ง)

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แง  ไม่ถนัดจำชื่อจีนเลย พอเข้าฉากหลายคนปุ้บงงเลยทีนี้
ในห้องอาหารมีตัวแสดง7คนปะ แล้วใครคือพระเอกล่ะ
ก่อนอื่นต้องจำชื่อให้ได้ก่อน555(บอกตัวเอง)
เรื่องนี้สนุกมาก นายเอกเกรียนแบบน่ารักๆ ชอบ

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ชอบชื่อตอนในแต่ละตอนมากค่ะ ครีเอทสึด

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ anflierza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
(ต่อ)

หนึ่งชั่วยามถัดมาขบวนรถม้าเทียมเกวียนห้าเล่มถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรีบเร่ง เหล่าคนรับใช้วิ่งวุ่นลำเลียงนำสัมภาระขึ้นเกวียนตามการกำกับของจางเฉินเค่อ หนึ่งเล่มเกวียนขนเสบียงสำหรับเจ็ดวัน สองเล่มเกวียนสำหรับโดยสาร ส่วนอีกสองเล่มเกวียนที่เหลืออัดแน่นไปด้วยข้าวของสัมภาระมากมาย เนื่องด้วยความฉุกละหุกของกำหนดการเดินทางที่ถูกร่นให้กระชั้นขึ้น จางเฉินเค่อและคนรับใช้ส่วนหนึ่งของเสวี่ยหมิงจึงจำต้องออกเดินทางตามไปในอีกสามคืนให้หลัง เพื่อนำสัมภาระจำเป็นส่วนที่เหลือตามไป



ลี่หมิงยืนเหม่อมองภูเขากองของประดับตกแต่งทั้งไห แจกัน ภาพวาดและ ถ้วยโถรูปทรงประหลาดทั้งหลายที่ถูกขนใส่หีบขึ้นเกวียนไป นึกแทบไม่ออกว่าสมบัติราคาแพงเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างไร เหตุใดจึงต้องลำบากขนไปด้วย



เอาเถอะ คงเอาไว้เผื่อจำนำขายทอดตลาดตอนตกทุกข์ได้ยากล่ะมั้ง...



“หมิงเอ๋อร์”



ไม่ต้องเดาก็รับรู้ได้ว่าเป็นเสียงของคนผู้ใด เหวินหลงสาวเท้าเข้ามาหาพระอนุชา ลี่หมิงที่ก้าวขาหนึ่งข้างขึ้นรถม้าไปแล้วเหลียวหลังกลับมามองตามเสียงเรียก “ที่เจ้าต้องรีบร้อนวุ่นวายเช่นนี้เป็นความผิดของพี่ ตัวพี่ไร้ความสามารถเกินกว่าจะหาทางโน้มน้าวเสด็จพ่อได้”



เสด็จพี่ท่านอย่ารู้สึกผิดเลยใครมันจะไปโน้มน้าวใจเสด็จป๊าจอมลำเอียงได้ ข้าเองก็แค่ยืนไร้ประโยชน์ดูคนอื่นเขารีบร้อนวุ่นวายกัน ตัวข้าหาได้เดือดร้อนไม่



“ครานี้ พี่คงต้องยอมปล่อยเจ้าไปอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล คิดแล้วก็ใจหายเหลือเกิน พี่คงไม่อาจคอยดูแลเจ้าได้ดังเดิม” พูดไปถอนหายใจไปพลาง น้อยครั้งนักที่เหวินหลงจะแสดงสีหน้าลำบากใจต่อหน้าพระอนุชา



“น้องพี่.. พี่เฝ้ามองเจ้ามาตั้งแต่ยังเล็กนัก เจ้ามีความสามารถและเข้มแข็งเพียงใดพี่รู้ดี จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นของเจ้า แต่ถึงอย่างไรหากต้องประสบกับปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าจะจัดการด้วยตัวเองได้ขอให้บอกพี่ อย่าได้ดื้อดึงขอเพียงเจ้าเรียกหาพี่ พี่จะยืนรออยู่ตรงนี้เพื่อตอบรับเจ้าเสมอ”



“เสด็จพี่...” ลี่หมิงกำแขนเสื้อแน่น ไร้ซึ่งคำพูดใดจะเอ่ยตอบพระเชษฐา ถึงจะเคยลองคิดคาดเดามั่วๆโดยใช้ทฤษฎีของละครจีนมาผสมปนเปกันว่าเสวี่ยหมิงคงเป็นร่างในอดีตชาติที่มีวิญญาณเดียวกันอย่างไร ลี่หมิงก็ไม่อาจยอมรับได้ว่าตนคือเสวี่ยหมิงอย่างสนิทใจ ความทรงจำของเสวี่ยหมิงที่ได้รับมายิ่งตอกย้ำว่าความหวังดีและความห่วงใยของผู้เป็นพี่นั้นมอบให้ ‘เสวี่ยหมิง’ เจ้าของแท้จริงของร่างนี้ หาใช่ตนไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่รู้จะเอ่ยตอบอีกฝ่ายอย่างไร



ลี่หมิงหลบสายตาเหวินหลง ริมฝีปากทั้งคู่เม้มเข้าหากันแน่น แม้จะไม่สามารถคิดหาคำตอบที่เหมาะสมได้ แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาอันสั้นนี้ อีกฝ่ายก็ดูแลตนเป็นอย่างดี เช่นนั้นแล้วจึงควรเอ่ยคำขอบคุณ “ข้า...เหวอ!” ลี่หมิงถูกรั้งตัวลงจากรถม้าเข้ามาซุกอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพี่ คนอยู่ในภวังค์ไม่ทันรับรู้ว่าพระเชษฐาเดินเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เห็นพระอนุชาแน่นิ่งไปสักพักแล้ว


“คิดอะไรอยู่ ฮึ?” เด็กหนุ่มมุ่นคิ้วดิ้นขลุกขลัก รีบเงยหน้าขึ้นสบตาพระเชษฐา



ปล่อยข้าาา ปล่อยสิโว้ยยยยย!! หน้าท่านจะหนาเท่าปูนซีเมนต์ข้าไม่ว่าแต่เห็นแก่หน้าข้าบ้างเถอะ!!!



เหวินหลงส่งยิ้มกว้างประจำกายให้เด็กหนุ่ม ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของพระอนุชา “พี่ไม่ชอบเห็นใบหน้ากังวลใจของเจ้าเลย”



ทำมาพูดดี ข้ากังวลใจเพราะใครก็รู้อยู่แก่ใจ ฮึ!



เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ลอบด่าคนไม่รู้จักอายสายตาผู้อื่นอยู่ในใจ ลี่หมิงก้มหน้างุดรีบซุกหน้าลงในอกคนผู้พี่ “...เมื่อครู่ข้านึกว่าตัวเองจะร่วงลงไปเสียแล้ว” เหวินหลงหัวเราะอย่างพึงพอใจในลำคอ “พี่ไม่มีวันปล่อยให้เจ้าตกลงมาหรอก”



“...และต่อให้เจ้าจะร่วงลงมาอีกสักกี่ครั้งพี่ก็จะรับเจ้าเอาไว้เสมอ เพราะฉะนั้นก่อนเราจะจากกัน ช่วยยิ้มให้พี่เห็นหน่อยไม่ได้หรือ”



อือหือ เสด็จพี่ ไอ้คำพูดกับการกระทำอย่างกับพระเอกกับนางเอกบอกลากันนี่มันอะไรวะพ่ะย่ะค่ะ เฮ้อ โชคยังดีที่ไอ้สเด็จพี่เปิดการ์ดหวงไท่จื่อ นึกอยากทำอะไรก็ทำไม่แคร์สื่อสำนักไหน เหล่าข้าทาสบริวารแถวนี้จึงมิบังอาจเงยหน้าจ้องมองข้าอย่างเปิดเผยได้



เด็กหนุ่มลองฝืนดันขืนตัวออกจากอ้อมแขนเหนียวหนึบอยู่อีกสองสามครั้งจึงรู้ตัวว่าป่วยการจะพยายาม แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเหวินหลงแล้วจึงตัดสินใจส่งยิ้มเก้ๆกังๆกลับไปให้ดังที่พระเชษฐาต้องการ



“ดีมาก” เหวินหลงกอดพระอนุชาแน่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ “ดูแลตัวเองให้ดี สัญญากับพี่ว่าเจ้าจะเขียนจดหมายหาพี่ทุกสามวัน”



ทุกสามวันมันจะมีอะไรให้เขียนนักหนาวะ “ข้าสัญญา ข้า...จะคอยรายงานสถานการณ์ต่างๆของเมืองเยว่เพื่อไม่ให้เสด็จพี่ต้องเป็นกังวล”



เหวินหลงขมวดคิ้ว “หมิงเอ๋อร์ การรายงานสถานการณ์ภายในเมืองหาใช่หน้าที่ของเจ้าไม่” อ้าว แล้วนี่ส่งข้าไปทำอะไร จะให้ข้านั่งบื้ออยู่ในตำหนักตัวเองไปวันๆเรอะ



“เจ้าควรจะเขียนมาบอกพี่ว่าในหนึ่งวันเจ้าทานอะไรบ้าง อร่อยหรือไม่ ได้พบปะกับใคร ศัตรูเก่า สหายใหม่ หรือแม้แต่เจ้าไม่พอใจผู้ใด ก็บอกเล่าให้พี่ฟังได้ เรื่องเหล่านี้แก้ไขง่ายดายมาก"



ง่ายดายมากจริงๆ แค่ส่งหม่าเทียนฟงไปเผาให้มันวอดวายชิบหายกันไปให้หมดใช่หรือไม่ เสด็จพี่ อันตัวข้านั้นยังไม่อยากถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็น ‘องค์ชายไร้ประโยชน์ผู้เป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้มากกว่าร้อยจวน’ ฉะนั้นข้าคงพยายามละเว้นจากการเป็นไอ้เด็กขี้ฟ้องเข้าไว้



“น้องพี่ เจ้าเข้าใจดีแล้วหรือไม่” ลี่หมิงพยักหน้าหงึกหงัก เอ่ยตอบรับเสียงเบาในลำคอไม่ได้แสดงท่าทีเต็มใจทำตามที่อีกฝ่ายต้องการนัก ในเมื่อไม่ได้คิดจะทำตามคำพูดของพระเชษฐาแต่อย่างใด แต่นั่นกลับทำให้เหวินหลงยังไม่สามารถวางใจปล่อยพระอนุชาไปอยู่นอกสายตาได้ รอยยิ้มบนหน้าหวงไท่จื่อเริ่มเลือนหาย คนเรื่องเยอะหันซ้ายขวาเพื่อหาใครมาช่วยจัดการความไม่ได้ดั่งใจนี้



เรื่องของดวงชะตาของมนุษย์นั้นยากแท้จะหยั่งถึง คนบางคนพบโชคไม่เคยขาดฉันใด คนบางคนกลับดวงซวยได้ทุกเวลาฉันนั้น…



หม่าเทียนฟงจูงอาชาคู่ใจพาเดินเล็มหญ้าไปพลางถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย เพิ่งเข้าเมืองหลวงมาสองวันยังไม่ทันเสพสุรา ชมนารีจนพอใจก็ต้องเดินทางกลับ เพราะองค์ชายแปดจำต้องเดินทางกลับก่อนกำหนดการ ‘ในเมื่อมาด้วยกันก็สมควรกลับไปพร้อมกัน’ หม่าเทียนฟงกรอกตามองบนเมื่อนึกถึงคำพูดของอู๋อ๋อง



อาชาสีนิลกาฬนาม ‘เสี้ยวจันทรา’ ของหม่าเทียนฟงส่งเสียงร้องสะบัดตัวฮึดฮัด แสดงท่าทางไม่คุ้นชินกับอานใหม่บนหลังเท่าที่ควร หม่าเทียนฟงจูงอาชาคู่ใจไปพร้อมตบอานลูบแผงคอของมันไป แรกเริ่มคนนำม้า ครู่ถัดมาม้าเป็นฝ่ายนำคน รองแม่ทัพหม่ายอมให้เสี้ยวจันทราดึงเดินไปในทิศทางที่นางพอใจ พลันสายตาเจ้ากรรมเหลือบไปเห็นคนสูงศักดิ์ผู้ควรอยู่ให้ไกลทั้งสองอยู่เบื้องหน้า จึงรีบดึงกระตุกบังเหียนก่อนความซวยจะมาถึงทั้งคนและม้า แม้เยว่อ๋องจะมีหน้าตาสมควรแก่การคบหา แต่พระเชษฐาของอ๋องคนงามนั้นควรอยู่ให้ห่างหมื่นลี้จึงจะดี



“เสี้ยวจันทรา อย่าเดินไปทางนั้น” เจ้าของม้าพยายามอย่างยิ่งยวด ใช้วาจาก็แล้ว การกระทำก็แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าใดนัก



 “รองแม่ทัพหม่า ม้าของท่านดูอารมณ์ไม่ดีนัก มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่” หลี่ซืออี้ยืนสังเกตอยู่นานก่อนตัดสินใจเดินเข้ามาถามไถ่แสดงเป็นห่วงเป็นใยต่อผู้ร่วมเดินทาง หม่าเทียนฟงหันไปแยกเขี้ยวใส่ผู้มาใหม่



“ข้าเพิ่งเปลี่ยนอานให้นาง คงต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะชิน” คนถูกถามกัดฟันตอบ ทั้งๆที่อยากจะรีบเดินหนีออกไปให้ไกลจากแถวนี้แต่ดันมาติดเจ้าคนจุ้นจ้านไม่รู้เวล่ำเวลา



“เป็นอย่างนั้นนั่นเอง! อานใหม่ของท่านดูสง่ายิ่ง ท่านรสนิยมดีนัก จะว่าอย่างไรหากข้าจะขอให้ท่านช่วยเลือกอานใหม่ให้ข้าบ้าง?”



“อย่าได้มากความไป!”หม่าเทียนฟงตวัดแขนโอบไหล่อีกฝ่าย ยิ้มเหี้ยมออกแรงดันซืออี้ให้เดินตามมา “การแต่งองค์ทรงเครื่องอาชาเป็นงานอดิเรกที่ข้าถนัดที่สุด! รีบพาข้าไปดูม้าของท่านเดี๋ยวนี้เถิดท่านแม่ทัพหลี่!” หนทางเอาชนะศัตรูคือการลงมือก่อน ในเมื่อหลี่ซืออี้ไม่ยอมไปเสียที หม่าเทียนฟงก็จะลากมันไปให้ไกลจากแถวนี้เอง!



“ขอบคุณท่านมาก! ได้โปรดตามข้ามาเถิด!” หลี่ซืออี้ยิ้มกว้างตอบรับมิตรภาพใหม่ ออกเดินพาหม่าเทียนฟงก้าวขาฉับไวไปในทิศทางที่ตนผูกม้าไว้ 



...ซึ่งก็คือข้างๆรถม้าของเยว่อ๋อง



“แม่ทัพหลี่! ได้โปรดหยุดก่อน..” หม่าเทียนฟงเอ่ยเสียงหลง นึกด่าตัวเองที่ดันเอาแขนโอบไหล่อีกฝ่ายไว้ ถึงจะแม้อยากหยุดเดินเองแค่ไหนก็หยุดไม่ได้ “เดี๋...”



“บังเอิญเหลือเกิน เทียนฟง แม่ทัพหลี่ ข้ามองหาพวกท่านทั้งสองอยู่พอดี”


____________________________________________________________________________

Talk ข้างล้อรถม้าเยว่อ๋อง


กลับมาแล้วค่าา แฮ่ ครึ่งแรกของตอนที่ 7 พึ่งจบค่ะ

ส่วนครึ่งหลังนั้นจะมาลงให้พรุ่งนี้นะคะ

ขอโทษน้าาาที่หายไปนานนนนนนนนนนนนน


ป.ล.ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่เข้ามาคุยและติชมนะคะ

ซังหวงตี้



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ได้เวลาหมิงผจญภัยในโลกกว้างแล้ว  :bye2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ทีมรัชทายาทน่าจะปลอดภัยที่สุดล่ะ 555

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงเรื่องนี้มากๆเราอ่านวนหลายรอบมาก อยากบอกว่าชอบมากค่ะ ติดตามๆนะคะ :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
สนุกจังเลยค่ะ ฮาดีด้วย หัวเราะตั้งแต่ชื่อตอนยันมุกในเรื่องเลย5555 รอตอนต่อไปน้า :mew1:

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ anflierza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
“คารวะองค์รัชทายาท!”

อาการเหมือนจะขาดอากาศหายใจตายวันละร้อยรอบเป็นอย่างไรนั้นคงมีแต่หม่าเทียนฟงเท่านั้นที่เข้าใจดี คนจะเป็นลมย่อตัวลงคุกเข่าเอ่ยคารวะโอรสจักรพรรดิทั้งสอง ไม่วายบ่นมุบมิบสาปแช่งไอ้บ้าข้างๆให้รีบตกเหวตายในเร็ววัน พาลคิดไปถึงว่าไอ้จอมเสแสร้งหน้าตาดีต้องจงใจหาเรื่องซวยมาให้เป็นแน่แท้

“เทียนฟง” องค์รัชทายาทเอ่ยชื่อรองแม่ทัพเนิบนาบเสียงเย็น

“พะยะค่ะ” หม่าเทียนฟงก้มหน้ารับคำเสียงแผ่ว

“อู๋อ๋องมาเปรยกับข้าว่าเจ้ายังไม่อยากกลับไปชายแดน” แม้จะขึ้นเสียงปลายประโยคเล็กน้อยเพื่อให้รู้ว่าเป็นคำถาม หากความเย็นเยียบน้ำเสียงมิแปรเปลี่ยน

อ้าวทำไมพี่หยางขี้ฟ้องงี้อ่ะ ข้าอุตส่าห์ช่วยรักษาหัวรองแม่ทัพเอาไว้ ท่านกำลังจะทำในสิ่งที่ข้าทำมาสูญเปล่านะเฟ้ย!

“ห...หาเป็นเช่นนั้นไม่พะยะค่ะ” รองแม่ทำหม่าทำหน้าเลิกลั่กปฏิเสธเสียงอ่อน

“เจ้ากำลังคิดว่าเยว่อ๋อง น้องข้าเป็นภาระของเจ้าหรือ” องค์รัชทายาทปรายตามองหม่าเทียนฟงอย่างเฉยชา

“พระองค์ กระหม่อมมิบังอาจ” รองแม่ทัพทิ้งตัวลงคุกเข่าอย่างไร้ทางสู้

“ดี เช่นนั้นจงอารักขาน้องข้าให้ดี ขอให้เจ้าจำให้ขึ้นใจว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีสิ่งใดผิดพลาดมิได้”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

“อย่าทำให้ข้าผิดหวังเหมือนเมื่อวาน ข้ารู้ว่าเจ้าแยกแยะได้ว่าความสำคัญของสิ่งใดมาก่อน”

“...พ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพหลี่ ของที่ข้าให้เตรียมทั้งหมดเรียบร้อยดีหรือไม่”

“ทั้งหมดเรียบร้อยเสร็จสิ้นดีพ่ะย่ะค่ะ” เหวินหลงพยักหน้า นัยน์ตาฉายแววพึงพอใจ

“แม่ทัพหลี่ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนเที่ยงตรงและเอาใจใส่ต่อหน้าที่ยิ่งนัก ฉะนั้นแล้วข้าจะมอบหมายหน้าที่ให้ท่านช่วยดูแลเยว่อ๋อง...” คนพูดเว้นระยะ “...อยู่ห่างๆ น้องข้าเพิ่งกลับมาฝึกเดินได้ไม่นาน การช่วยประคองบ้างย่อมเป็นเรื่องเหมาะสม แต่การพยายามฝึกเดินให้ได้ ‘ด้วยตัวเอง’ นั้นก็สำคัญมากไม่แพ้กัน ข้าหวังว่าท่านจะให้ความร่วมมือเพื่อให้เย่วอ๋องได้ฝึกฝนอย่างเต็มที่”

“พ่ะย่ะค่ะ!” หม่าเทียนฟงก้มหน้าถอนหายใจ แม้จะปรามาศเอาไว้ว่าหลี่ซืออี้เป็นจอมเสแสร้งตีหน้าซื่อ แต่บางครั้งก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าซืออี้แห่งเมืองเยว่อาจจะซื่อบื้อมากจริงๆก็เป็นได้

“หน้าที่ดูแลจดหมายทุกฉบับจากเยว่อ๋องก็เป็นของท่านเช่นกัน ระวังอย่าให้มีตกหล่นแม้แต่ฉบับเดียว” หลี่ซืออี้ตอบรับหนักแน่นอีกครั้ง เหวินหลงมองท่าทางจงรักภักดีของคนใต้บังคับบัญชา ออกคำสั่งอีกสองสามประโยคจนพึงพอใจแล้วจึงปล่อยทั้งสองให้ไปเตรียมตัวออกเดินทาง หลี่ซืออี้รีบลากหม่าเทียนฟงไปดูม้าคู่ใจของตน ลี่หมิงเห็นอาการของคนทั้งคู่แล้วก็อดมุ่นคิ้วสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่

“หมิงเอ๋อร์ ขึ้นรถม้าไปได้แล้ว ถ้าไม่รีบออกเดินทางจะค่ำมืดเสียก่อน” คือเมื่อกี้ข้าก็กำลังจะขึ้นแล้วท่านก็ดึงข้าลงมามุ้งมิ้งเล่นบทพระเอกบอกลานางเอกไงเสด็จพี่

เหวินหลงคอยโอบประคองลี่หมิงอยู่ข้างๆ คนทำเหมือนลืมเลือนเสียแล้วว่าเมื่อครู่กล่าวสิ่งใดกับแม่ทัพหลี่ ลี่หมิงยังไม่ทันนั่งลงดีก็ได้กลิ่นเสี่ยวหลงเปาหอมฉุยคลุ้งไปทั่วทั้งคัน เด็กหนุ่มผงะไปชั่วขณะกับจำนวนของเข่งไม้ไผ่ที่ดูเหมือนจะมากเกินพอดี

“ขึ้นมาแล้วก็รีบนั่งเสีย จะมัวยืนทำไมให้มันเกะกะ” เหอโจวนั่งทำหน้าเหม็นเบื่ออยู่ข้างเข่งเสี่ยวหลงเปา เดิมทีองค์ชายแปดควรจะเดินทางกลับด้วยรถม้าของตนแต่การทำเช่นนั้นจะไม่สะดวกต่อการดูแลเสวี่ยหมิง แพทย์จำเป็นจึงต้องอัปเปหิตัวเองมานั่งเบียดกับกองทัพเสี่ยวหลงเปาในรถม้าของคนป่วย

“เหอโจวหากเจ้าหิวก็ทานเสี่ยวหลงเปาได้ ข้าเตรียมไว้เผื่อเจ้าด้วย”

“ขอบพระทัยเสด็จพี่” เหอโจวตอบส่งๆไม่ได้ใส่ใจนัก หาวได้สองสามทีก็นั่งหลับตาตัดความสนใจจากสิ่งรอบข้าง

“อวิ้นหยาง เจ้ามาพอดี”

ลี่หมิงนั่งลงได้ยังไม่ทันไรก็รีบหันหน้าไปมองตามเสียงเรียกของเหวินหลง หวงอวิ้นหยางเหวี่ยงตัวลงจากหลังอาชา “คารวะองค์รัชทายาท” คนเสแสร้งแกล้งนั่งคุกเข่าลงทำท่าราวกับรอรับคำสั่งจากสหายผู้มียศศักดิ์สูงกว่าตน เหวินหลงถอนหายใจ ยิ้มปลงให้กับสหายผู้ชื่นชอบการหยอกล้อผู้อื่นของตน ย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับอวิ้นหยางดึงมือของอีกฝ่ายมาบีบไว้แน่น “โปรดช่วยดูแลน้องข้าให้ดีด้วย”

“รับด้วยเกล้า” อวิ้นหยางกระชับมือของเหวินหลงกลับ แววตาคนแม้ขี้เล่นแต่กลับแฝงไปด้วยความหนักแน่น

เสด็จพี่แม่งขี้โกง...ข้าก็อยากจับมือพี่หยางบ้างอะไรบ้าง

อวิ้นหยางปล่อยมือเหวินหลงตวัดตัวกลับขึ้นไปนั่งบนหลังม้า “ช่างน่าเสียดายยิ่ง ครั้งนี้เวลาในเมืองหลวงของข้าสั้นนัก อยู่ชายแดนไม่มีผู้ใดจะสนทนากับข้าได้ถูกคอเท่าท่านแล้ว”

“ข้าสัญญาว่าจะแวะไปดื่มชาเมื่อมีโอกาส” อวิ้นหยางพยักหน้า หัวเราะตอบกลับ กระตุกบังเหียนบังคับม้าของตนไปเดินประกบข้างรถม้าของลี่หมิง  ไม่นานขบวนเดินทางก็ได้ฤกษ์เคลื่อนตัวออกจากวังหลวง ลี่หมิงชะโงกหน้าออกไปมองเห็นพระเชษฐามีทีท่าเหมือนอยากเอ่ยบางอย่างกับตน แต่สุดท้ายกลับไม่มีคำพูดใดหลุดลอดจากริมฝีปาก มีเพียงรอยยิ้มสว่างไสวที่แสนคุ้นเคย เด็กหนุ่มนึกฉงนกับท่าทีแปลกประหลาดนั้นจึงได้แต่เหม่อมองจนลืมยิ้มตอบกลับ รู้ตัวอีกทีรถม้าก็เลี้ยวพ้นประตูวังไปเสียแล้ว

ขบวนเดินทางเคลื่อนตัวช้าๆผ่านเขตบ้านเรือนอยู่อาศัยไปจนเข้าสู่พงไพรเงียบสงัด ลี่หมิงนั่งครุ่นคิดไม่อาจสลัดความสงสัยได้ว่าพระเชษฐาอยากบอกสิ่งใดกับตน คิดมากจนท้องร้องจึงยื่นมือไปคิดจะหยิบเสี่ยวหลงเปามากินแก้เครียดสักลูก ทว่าระหว่างขยับแขนกลับรู้สึกเหมือนปลายเสื้อถูกบางอย่างถ่วงเอาไว้ เมื่อลองสะบัดดูสองสามครั้ง วัตถุทรงกล่องสี่เหลี่ยมพลันร่วงลงพ้นปลายแขนเสื้อก่อนจะกระเด็นไปอยู่ข้างปลายเท้าของคนตรงข้าม เว่ยเหอโจวหรี่ตามองลี่หมิง นัยน์ตาคนถูกปลุกให้ตื่นฉายแววไม่พอใจ

“อ่า.. ต้องขออภัยด้วย คือมัน...ปลิวไปเอง ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าของสิ่งนั้นมาอยู่ในแขนเสื้อข้าได้อย่างไร”

เหอโจวชักสีหน้า “คำพูดของเจ้าฟังดูโง่เง่ามาก ของของตัวเองแม้แต่ตัวเจ้ายังไม่รู้ ไยผู้อื่นจะต้องมารับรู้ไปกับเจ้า”

...จริงๆแล้วข้าควรจะสะบัดแขนเสื้อแรงๆ เอาให้กล่องแม่งกระเด็นไปเขกหัวไอ้โจสักทีสองที เผื่อมันจะหายปากหมาบ้างอะไรบ้าง

ลี่หมิงก้มลงไปหยิบของที่ร่วงกลับขึ้นมาวางบนตัก ยิ้มแหยๆอย่างเสียมิได้ “ข้าต้องขอโทษที่รบกวน ท่านหลับต่อเถิด ข้าจะพยายามไม่ส่งเสียงดังอีก”

“นั่งเงียบๆ ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องปลุกข้าอีก ตัวเจ้าเองก็เพิ่งดื่มยาไป สมควรพักผ่อนได้แล้ว” คนพูดหลับตาลงเอาหัวพิงหน้าต่างรถม้า

เมื่อคนขี้รำคาญกลับไปนอนหลับต่อ ลี่หมิงจึงได้โอกาสสำรวจของน่าสงสัย กล่องไม้สีน้ำตาลขนาดเล็กหากแต่มีน้ำหนักพอประมาณ เมื่อเปิดฝากล่องออกดูจึงพบหินหยกสีดำแบนขนาดเท่าฝ่ามือถูกขัดเกลาจนขึ้นเงาพร้อมแกะสลักชื่อ ‘เว่ย เสวี่ยหมิง’ เอาไว้ ข้างใต้หินมีกระดาษเขียนข้อความบางอย่างสอดไว้

พี่ช่างเป็นพี่ที่แย่นัก ไม่เคยแม้แต่จะรู้ว่าเจ้าชอบสิ่งใด
ที่ทับกระดาษนี้พี่สลักชื่อเจ้าไว้ ใช้ให้ดี
เว่ยเหวินหลง

แล้วข้า… ข้าชอบอะไรวะ ให้หินประหลาดมาไม่พอยังเขียนข้อความไม่รู้เรื่องแนบมาด้วยอีก เสด็จพี่ น่ากลัวว่าท่านคงมีปัญหาในการสื่อสารผ่านทางข้อความเสียแล้ว

ลี่หมิงถอนหายใจหากแต่มุมปากกลับยกยิ้มบาง

ถึงแม้ช่วงเวลาที่ข้าได้พบกับท่านจะแสนสั้น แต่ข้าก็รับรู้ได้ว่าในโลกที่ตัวข้ายืนแห่งนี้ มีแต่ท่านที่หวังดีต่อข้าอย่างแท้จริง ตั้งแต่เกิดมาข้าเพิ่งเคยมีพี่ชายที่คอยตามใจ เห็นข้าชี้นกเป็นฟีนิกซ์ ชี้หินเป็นทองกับเขาทั้งที จะให้ข้ามีความสุขให้มันยาวนานกว่านี้ผืนฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายหรืออย่างไร คิดแล้วก็อดกังวลใจในอนาคตตัวเองไม่ได้ ฮือๆ อาม่าช่วยอวยพรให้อาหมิงด้วย

เว่ยเหอโจวผู้แสร้งหลับมาตั้งแต่ต้นมุ่นคิ้วกับท่าทีเพี้ยนๆเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของคนตรงข้าม ตอนเปิดกล่องของที่ได้จากองค์รัชทายาทก็มีสีหน้างุนงง ก่อนจะกลายเป็นยิ้มแย้มได้สักพักก็กลับมาทำทำหน้าซีดแล้วยกหินขึ้นกอดไว้แน่น

สงสัยคงต้องเพิ่มปริมาณยา...

เพียงแค่เหลือบมององค์ชายแปดก็ทราบว่าของที่เสวี่ยหมิงได้เป็นของจากองค์รัชทายาท กล่องสีทองลวดลายงามวิจิตรแต่ของข้างในกลับดูไร้มูลค่าขนาดนี้ คนทำเรื่องหาสาระได้น้อยแบบนี้คงมีอยู่แค่คนเดียว

สุดท้ายคนก็อดนั่งเฉยไม่ได้ “เยว่อ๋อง หากไอ้หินหน้าตาประหลาดนั่นมันทำให้เจ้าซาบซึ้งถึงเพียงนั้น ให้ข้าลงไปเก็บก้อนหินน่าเกลียดมาให้เจ้าอีกสักก้อนสองก้อนดีหรือไม่” เว่ยเหอโจวเอ่ยด้วยเสียงเนือยนาดแม้ตาทั้งสองยังคงปิดสนิท ลี่หมิงตวัดสายตามองเพื่อนตัวปลอมจอมเสแสร้งที่แกล้งทำเป็นหลับ

“ขอบคุณท่านมาก...แต่อย่าลำบากเลย” หลับตาอยู่ยังจะเสือกรู้อีก หากกระโดดตบหัวไอ้โจได้ข้าขอสาบานกับไม้เซลฟี่ของอาม่าว่าข้าคงตบหัวมันไปนับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว

เหอโจวแสร้งทำหูทวนลม ยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง เปล่งเสียงเรียกแม่ทัพหม่าสหายสนิท “เทียนฟง เจ้าไปเก็บหินมาให้ข้าที”

“หินหรือ? ท่านจะเอาไปทำอะไรต้องใช้ก้อนใหญ่หรือไม่” คนบนม้าตอบกลับเสียงฉงน

“ไม่ต้อง เอาหินโง่ๆก้อนเท่าฝ่ามือสักสองก้อนก็พอ”

“ข้าบอกว่าไม่ต้...” คือข้าไม่ได้ซึ้งในไอ้หินแบนๆนี่ ไอ้โจแม่งก็บ้าจี้

“ไม่ต้องลำบากเทียนฟง ข้าหาได้แล้ว” อู๋อวิ้นหยางควบม้าเข้ามาประชิด ก้มตัวลงส่งหินสองก้อนเข้ามาผ่านทางหน้าต่างบานเล็ก
“เอ้า องค์ชายแปด หินของท่าน” เหอโจวนั่งกอดอกนิ่งพยักเพยิดไปทางลี่หมิง เด็กหนุ่มจึงจำต้องเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปรับมาแทน

“ขอบคุณท่านมาก...” อู๋อ๋องพยักหน้ายิ้มรับคำขอบคุณ เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบตาอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเผลอเหม่อมองรอยยิ้มของคนที่ตนแสนโหยหา กำหินน่าเกลียดทั้งสองก้อนแน่น หลงลืมความหมองหม่นเมื่อครู่ไปจนสิ้น

มือพี่หยางโคตรนุ่มเลย มือพี่หยางโคตรนุ่มเลย มือพี่หยางโคตรนุ่มเลย...

“พึงพอใจแล้วเจ้าก็พักผ่อนเสียที... มิเช่นนั้นยาจะไม่ออกฤทธิ์เต็มที่”

คนถูกจ้องรีบวางของในมือลงเมื่อเพื่อนร่วมทางส่งสายตามองขวางประหนึ่งจะสั่งแม่ทัพหม่าให้ไปเก็บหินอีกสักก้อนมาปาใส่หัวตนให้สลบไปเสีย ลี่หมิงจัดแจงเอนกายให้อยู่ในท่าพร้อมเข้าสู่นิทรา ไม่วายพลิกตัวตะแคงหรี่ตาลงเพื่อแอบจ้องมอง คนที่แสนคนึงหาผู้ซึ่งขณะนี้ควบม้าเลียบเคียงข้างฝั่งของตน

หวงอวิ้นหยางเบือนหน้าออกข้าง ลอบถอนหายใจแผ่วเบา รับรู้ถึงสายตาที่แอบจับจ้องมาเป็นระยะอยู่ไม่ขาด แม้จะไม่ทราบเจตนาของเยว่อ๋องดีนัก แต่ก็ใช่ว่าแม่ทัพอย่างตนจะมีสิทธิ์ใดไปออกคำสั่งให้อีกฝ่ายเลิกจ้องมองตนได้ ใบหน้าเหนื่อยหน่ายของคนจึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นเป็นไม่เห็นสายตาของอีกฝ่าย

อู๋อ๋อง อวิ้นหยางควบม้าไปพลางครุ่นคิดทบทวน เมื่อพอลองนึกดูก็น่าประหลาดนัก อ๋องห้าผู้พิกลพิการมาตั้งแต่วัยเยาว์เหตุใดจึงกลับมาเดินได้ปกติอย่างน่าอัศจรรย์ใจ อาการที่แม้แต่หมอเทวดายังรักษาไม่ได้หายดีภายในชั่วข้ามคืนหลังถูกลอบโจมตี จะว่าถูกสับเปลี่ยนตัวก็เห็นจะเป็นไปได้ยาก เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงป่านนี้บ้านเมืองคงกลายเป็นทะเลเพลิงด้วยความพิโรธจากหวงไท่จื่อ ไม่มีทางที่เจ้าคนหลงน้องนั่นจะจับไม่ได้หากมีการนำตัวปลอมมาสับเปลี่ยน

แล้วทำไมกัน…? ถึงแม้ผู้คนทั้งหลายจะกล่าวว่านี่คือปาฏิหารย์จากสรวงสววรค์ที่แท้จริง แต่เมื่อคำนึงถึงปัจจัยหลายๆอย่างแล้วมันช่างน่าสงสัยเกินไป รวมไปถึงการที่เย่วอ๋องคอยแอบจ้องมองตนเกินพอดีเช่นนี้ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้

อวิ้นหยางยกมือขึ้นนวดวนข้างขมับ นึกหน่ายใจกับนิสัยคิดมากไปก่อนเหตุของตน เย่วอ๋องจะเปลี่ยนไปอย่างไร ครุ่นคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ในยามนี้การปกป้องขบวนเดินทางของอีกฝ่ายย่อมสำคัญกว่าเรื่องอื่น ชายหนุ่มสะบัดบังเหียนเร่งฝีเท้าม้าให้เดินขนาบเกวียนแล้วจึงเงยหน้าขึ้นชมจันทราเสี้ยวไร้เมฆหมอกบดบังเพื่อปัดเป่าความวุ่นวายในใจ ฉับพลันท่ามกลางพงไพรเงียบสงัดกลับมีเสียงของสิ่งใดแหวกอากาศพุ่งตรงเข้าหาเกวียนเสด็จของเยว่อ๋อง อวิ้นหยางชักกระบี่คู่ใจออกจากข้างลำตัวตวัดฟันวัตถุแปลกปลอมนั้นจนหักสะบั้นตกลงสู่พื้นดิน นัยน์ตาคมดุจมัจจุราชปรายเห็นเป็นลูกธนูแล้วก็ได้แต่คำรามลอดไรฟัน

ในที่สุดสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดที่สุดก็เลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว..

“มีผู้ลอบโจมตี ทหารคุ้มกันเยว่อ๋อง!!!”

-----------------------------------------------

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
สนุกมากๆเลยค่ะ ชอบนายเอกฮาน่ารักดี  :L2: o13

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เสด็จป๋าใจร้ายอยากให้น้องอยูกับคุณพี่รัชทายาทอีกนิด :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบมากๆค่ะขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ ืnpht

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด