“ข้าเองยินดีที่ได้พบท่านเช่นกัน น่าเสียดายที่ตัวข้ายามนี้ล้าเกินกว่าจะประมือกับท่านได้อย่างเต็มกำลัง คงต้องเสียมารยาทแล้ว” ลี่หมิงสบตาคู่สนทนา เด็กหนุ่มเอ่ยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรง ยกชายแขนเสื้อขึ้นบังรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดข้างมุมปาก
เรื่องอะไรข้าจะยอมเล่นตอนนี้! สู้เก็บโอกาสเอาไว้เผื่อชักชวนให้ท่านมาหาข้าที่ตำหนักแล้วนั่งเล่นกันสองต่อสองซะยังจะดีกว่า!!
“เยว่อ๋อง เรื่องของสุขภาพมิใช่เรื่องที่ต้องขอโทษขอโพยกันแต่อย่างใด ครั้งหน้าหากมีโอกาสท่านกับข้าค่อยมาประมือกันในยามไม่มีเสด็จพี่ของท่านคอยจ้องมองอยู่น่าจะเป็นการดีกับข้ามากกว่า” อวิ้นหยางปรายตามองไปยังองค์รัชทายาทพร้อมหัวเราะออกมาน้อยๆ
เจิดจ้า เจิดจ้าอะไรขนาดนี้ ไม่ผิดตัวแน่นอนยิ้มแล้วหล่อขนาดนี้ต้องเป็นพี่หยางของข้าแน่ๅ แต่ข้าขอร้อง พี่อย่ายิ้มให้มากนักเลย แค่นี้พี่ก็หล่อจนข้าแทบจะร้องขอชีวิตอยู่แล้ว
“อวิ้นหยาง” องค์รัชทายาทหรี่ตามองพระสหาย “ท่านคิดหาโอกาสรังแกน้องข้าหรือ?”
“หาเป็นเช่นนั้นไม่ ข้าเพียงเกรงว่าหากบังเอิญเดินหมากเป็นต่อพระอนุชาของท่าน จวนข้าอาจไฟลุกติดไม่มีสาเหตุก็เท่านั้น”
หวงไท่จื่อตบโต๊ะเสียงดังหัวเราะลั่น “อวิ้นหยาง มุขตลกของท่านช่างร้ายกาจนัก” คนแลดูขบขันหากแต่แววตากลับไม่บ่งบอกเช่นนั้น เว่ยเหวินหลงเอื้อมมือคว้าการินน้ำชาลงในถ้วยสหายสนิทข้างกาย ผายมือพยักเพยิดเป็นเชิงให้รีบยกดื่ม อู๋อวิ้นหยางรับไมตรีนั้นด้วยการยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก ยังไม่ทันได้ดื่มกลับเงยหน้าสบกับสายตาที่มีความนัยว่า ‘ดื่มชาแล้วหุบปากไปซะ’ ของสหายผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน จึงวางถ้วยชาลงเอ่ยตอบเสียงเบาพร้อมรอยยิ้มขำขัน
“...ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นเพียงมุขตลกเท่านั้น”
พี่หยางอ่า จะไปหาเรื่องพี่ชายข้าทำไม ข้าอุตส่าห์ได้เจอพี่อีกที พี่อย่าเพิ่งหาเรื่องรีบตายจะได้ไหม
“เอาเถิดๆ อาหารก็มาเต็มโต๊ะแล้ว อย่ามัวนั่งคุยเสียเวลากันอีกเลย” เว่ยเหวินหลงเบนความสนใจจากสหายสนิทโดยสิ้นเชิง “มื้อนี้ข้าขอเป็นเจ้ามือเอง ถือว่าวันนี้เลี้ยงส่งน้องข้า หมิงเอ๋อร์ เจ้าเองก็ควรทานเข้าไปให้มากๆ ดูตัวเจ้าซูบซีดไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้จะคีบอะไรขึ้นได้อย่างไร มาให้พี่คีบป้อนเจ้าก็แล้วกัน”
เฮ้ย! จะบ้าเรอะ! ไม่เอา!
“เสด็จพี่ ข้า…” คนลนลานไม่มีโอกาสเอ่ยปากปฏิเสธเมื่อพระเชษฐาไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ ตวัดนิ้วจับตะเกียบคีบเนื้อคีบผักขึ้นมาว่องไวปานมีวรยุทธ์ มืออีกข้างเชยคางพระอนุชาบีบมุมปากให้เผยอออกจับยัดเนื้อยัดผักเข้าไปจนแก้มป่อง
“อื้อ! เอี๋…!!”
ไอ้เสด็จพี่! เดี๋ยวสิวะ! จะป้อนทำไม ข้าอายุยี่สิบสอง ไม่ใช่สองขวบ!! ยี่สิบสองได้ยินม้ายย!!!
“หมิงเอ๋อร์เคี้ยวดีๆ อย่าอมข้าวไว้ในปาก” เหวินหลงเอ็ดน้องชายเบาๆเต็มไปด้วยความเอ็นดูจนแทบปิดไม่มิด พระเชษฐาผู้ไม่ได้ยินเสียงโอดครวญในใจของพระอนุชายังคงคีบป้อนอาหารให้ลี่หมิงไม่ขาดสาย
“พ..พอแล้” บังคับข้ากินแล้วยังจะมาว่าข้าอีกนะ! ใครไปขอให้ท่านมาป้อนข้ากัน!! พอสักทีซิโว้ยยยย!!!
ส่วนไอ้คนรอบข้างนี่ก็รู้เห็นเป็นใจกันเสียจริง ชอบเห็นผู้ชายตัวโตโดนป้อนอาหารเป็นนกเป็นไก่กันมากนักหรืออย่างไร! เห็นข้าโดนทำถึงขนาดนี้ยังนั่งอมยิ้มเป็นบ้ากันอยู่ได้!! หมูสามชั้นในถ้วยมันหน้าตาตลกมากนักหรือหลิงอ๋อง ท่านถึงต้องแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้มัน!!! ไอ้บ้าตระกูลหม่าก็อีกคน! ไม่ต้องทำเป็นไม่เห็น จะมองก็มองดีๆ ไม่ต้องทำเป็นหันซ้ายทีขวาที! ส่วนไอ้โจไอ้นี่ก็ตั้งใจมองเกินไปแล้ว!! ก้มหน้าลงไปเลยไอ้เพื่อนชั่ว!!! พี่หยางก็อีกคน ทำไมพี่ไม่ช่วยข้าห๊ะ!!
เว่ยเหวินหลงใช้ผ้าซับเศษข้าวที่เปื้อนมุมปากลี่หมิงออก “หมิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดจึงนั่งหน้าง้ำหน้างอ อาหารไม่ถูกปากเจ้าหรือกระไร” ลี่หมิงแทบยิ้มอ่อนมองบนให้เสด็จพี่ผู้มีความรักมากล้นให้กับน้องชายตัวเอง พี่ชายข้าอยากรู้นักว่าท่านไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าข้าไม่พอใจสิ่งใด
“ข้า..เพียงโมโหตัวเอง เป็นเพราะตัวข้าอ่อนแอไม่ได้เรื่องจนทำให้ท่านต้องมาลำบาก” เออ ข้าโมโหตัวเองจริงๆนั่นแหละที่ด่าท่านออกไปตรงๆไม่ได้ หากขัดใจพระเชษฐาผู้มากอำนาจแล้วท่านจะหันไปกุดหัวรองแม่ทัพระบายอารมณ์ ข้าคงสยองไปจนตาย
ข้าควรจะทำอย่างไรกับท่านดี ตอบข้ามาเถิดข้าควรทำเช่นไรท่านถึงจะไม่รักข้าเกินพอดีเช่นนี้...
“ลำบากอันใดกัน หมิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าคิดมากไม่เข้าเรื่อง” เหวินหลงเลิกคิ้ว เอียงคอมองใบหน้าบึ้งตึงของพระอนุชา
ลำบากใจข้าไงเสด็จพี่!!!
“องค์รัชทายาท ตัวข้าทานมาอิ่มท้องแล้ว ให้ข้าได้ช่วยแบ่งเบาภาระดูแลเยว่อ๋องแทนท่านเถิด ท่านจะได้มีเวลาทานอาหารของท่านบ้าง” แม่ทัพหลี่เสนอตัวโดยมิได้คิดถึงผลที่จะตามมาแต่อย่างใด
ข้าไม่แม้แต่จะสงสัยเลยว่าทำไมคนดีมักตายไว หลี่ซืออี้ท่านช่วยนั่งทำหน้าหล่ออยู่นิ่งๆไปด้วยเถิด
“ขอบใจท่านมากแม่ทัพหลี่ แต่เยว่อ๋องเป็นน้องข้าหาใช่ ‘ภาระ’ แต่ประการใด ท่านมิต้องเป็นกังวล ข้าดูแลเองได้” องค์รัชทายาทเหวินหลงแย้มรอยยิ้มไร้ไมตรีจิตให้ซืออี้คนซื่อบื้อ แค่เพียงเสี้ยววิถัดมาก็เมินอีกฝ่ายแล้วหันกลับมาฉีกรอยยิ้มกว้างสว่างไสวให้กับเสวี่ยหมิงดังเดิม
“องค์รัชทายาท ข้าสนิทกับท่านมาเนิ่นนานนัก ไยท่านไม่เห็นอยากเอาอกเอาใจดูแลข้าบ้าง” อู๋อ๋องเอ่ยขึ้นยิ้มๆเหลือบมองเยว่อ๋องที่ทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ อวิ้นหยาง ท่านแน่ใจแล้วหรือ ข้าเป็นคนแรงเยอะ บางทีข้าอาจเผลอใช้ตะเกียบจิ้มลิ้นท่านเป็นรูได้”
เสด็จพี่ท่านห้ามทำร้ายพี่หยางนะ! แต่เดี๋ยวก่อนพี่หยางกับเสด็จพี่ของข้าสนิทกันมาเนิ่นนาน? ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมข้าไม่รู้? ข้าหมายถึงทำไมเสวี่ยหมิงไม่รู้ เพราะถ้าเสวี่ยหมิงรู้ข้าก็ควรจะได้รู้ไปด้วย นี่หมายถึงเสวี่ยหมิงก็ไม่รู้ข้าถึงไม่รู้ไปด้วย ซับซ้อนเกินไปแล้ว ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวโว้ย!
“องค์รัชทายาท เหตุใดพระอนุชาของท่านถึงได้มีสีหน้าซีดเซียวเช่นนั้นเล่า” พี่หยาง นี่พี่หาว่าข้าเป็นไอ้หน้าจืดหรือไง ห๊ะ!
“อวิ้นหยาง เจ้าพูดอันใด ข้าไม่เห็น...หมิงเอ๋อร์ เหตุใดหน้าเจ้าจึงไร้สีเลือดเช่นนี้” เสด็จพี่แถวนี้กระจกสักบานก็ไม่มี ข้ามองไม่เห็นหน้าตัวเองแล้วจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า
“ข้า...”
“หมิงเอ๋อร์!!!” เสียงตะโกนลั่นของเสด็จพี่ดังขึ้นพร้อมๆกับจังหวะที่หน้าของข้ากำลังจะจุ่มลงในถ้วยน้ำซุป ข้ารับรู้ได้ว่ามีมือของใครบางคนเอื้อมมาประคองใบหน้าของข้าเอาไว้ แน่นอนว่าข้าจำสัมผัสของเขาได้ ข้าจำความรู้สึกนี้ได้ ต่อให้ตอนนี้ข้าจะอยู่ในสภาพท่าทางน่าสมเพชไปหน่อยแต่ข้าก็อดดีใจไม่ได้ที่ได้รับรู้ความอบอุ่นแสนคุ้นชิน
ข้าจับมือของท่านมาเป็นพันๆหมื่นๆครั้งข้าจะจำไม่ได้ได้อย่างไร
พี่หยางข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน...
(50%)
____________________________________________________________________________
Talk ในโรงเตี๊ยมอะแหะๆๆ กลับมาแล้วค่า
ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่หายไปนานนนนนนิดโหน่ยยย ไรท์ติดงานราษฎร์ งานหลวงมากมาย ทำให้ไม่มีเวลาได้เข้ามาอัพเลย อย่าโกรธกันน้าาาา ต่อจากนี้เรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วนะคะ อย่าพึ่งทิ้งกันไปไหนน้าาาาาา ใครลงเรือลำไหนอยู่ก็เกาะเรือกันแน่นๆนะคะ ^^ ป.ล. องค์รัชทายาทน่ารักเน้ออออ มีใครเห็นด้วยไหมคะ