วาลPart
“รู้สึกยังไงบ้างครับ เวียนหัวไหม เจ็บแผลหรือเปล่า” กำลังทานอาหารอยู่พี่ชาร์ปก็ถามขึ้นครับ
“ตอนแรกก็ไม่เจ็บครับ แต่พอพี่ทักก็จี๊ดๆขึ้นมาเลยครับ” แอบแซวพี่แกหน่อยครับให้ได้ตกใจเล่นๆ
“จริงหรือ! เรียกหมอไหม” พี่ชาร์ปกำลังจะลุกมาดูตัวผม แต่คงนึกขึ้นได้ว่าน้องวินนั่งอยู่บนตักของตัวเอง
“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ได้เจ็บอะไรมาก มียาแก้ป่วยอยู่กินข้าวเสร็จก็กินยาแล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ห่วงโน่นเลยครับ หลับคาอกไปแล้วมั่งครับ” ชี้ไปที่น้องวินที่ตาปรือคาอกพ่อตัวเอง
“หึหึ เกือบทำลูกตกไปอีกคนแล้วนะเนี่ย เอ่อวาลครับ”
“ครับ” อยู่ดีดีพี่ชาร์ปก็ทักขึ้น
“พี่ว่าจะพาน้องวินไปดูโรงเรียน เพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ววาลว่าเป็นไงบ้างครับ” เรื่องโรงเรียนขงน้องวินผมคิดมาก่อนจะเข้าโรงพยาบาลนานแล้วแต่ก็ไม่ได้ไปดูหรือพาลูกไปดูโรงเรียนเลย
“โรงเรียนหรือครับ วาลว่ากำลังจะพาน้องวินไปดูโรงเรียนใกล้ๆบ้านแต่ก็ดันมาเข้าโรงพยาบาลก่อนก็เลยไม่ได้พาไปสักที”
“ครับ เรื่องนี้พี่สอบถามเพื่อนพี่ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนแล้ว แต่มันบอกว่าปิดรับสมัครไปแล้ว แต่มันจะรับน้องวินเป็นเคสพิเศษให้เข้าไปเรียนได้โดยที่ไม่ต้องไปสอบ” ผมคิดตาม แต่ก็ไม่รู้อีกว่าโรงเรียนจะดีหรือเปล่า หรือน้องวินจะเข้ากับเพื่อนได้ไหม อยู่ไกลหรือไม่ ไปมาสะดวกขนาดไหน
“เอ่อ คือ คือว่า การเดินทางไปมาสะดวกไหมครับ” ผมถามออกไป
“โรงเรียนนี้สะดวก ครบทุกอย่าง อาจารย์ดี บรรยากาศการเรียนก็ไม่เคร่งเครียด เพื่อนพี่บอกมาอย่างนี้นะ และถ้าว่าไหนที่วาลตื่นพี่ว่าจะพาน้องไปดู แต่วาลก็ยังไม่ตื่นสักที พี่เลยตัดสินใจว่าจะพาน้องวินไปดูแต่เกิดเหตุก่อน” เกิดเหตุ ตอนผมหลับอยู่เกิดเหตุอะไร ผมต้องรู้ให้ได้
“เกิดเหตุอะไรครับ”
“ก็พี่พาน้องวินไปทานข้าวข้างนอกบ้าน แล้วเกิดเหตุว่าน้องวินแพ้อาหารจนเกิดลมพิษ และมีไข้เล็กน้อยพี่เลยไม่ได้พาลูกไปดู” น้องวินแพ้อาหาร ตั้งแต่ที่น้องโตมาน้องแพ้อาหารหลายอย่าง ผมต้องรู้ให้ได้ว่าลูกผมแพ้อะไร
“แล้วน้องวินแพ้อะไรครับ”
“แพ้ซุปมิโซะครับ พี่พาน้องวินไปทานอาหารญี่ปุ่นแล้วถามน้องว่าจะเอาซุปมิโซะหรือเปล่า น้องก็บอกว่าเอาครับ”
“เอ๊ะ แต่ผมพาน้องวินไปกินไม่เคยแพ้นะครับ แล้วทำไมน้องวินแพ้ได้ละครับ”
“พี่ลองถามพนักงานว่าซุปมิโซะผสมอะไร เขาเลยบอกว่า มีน้ำซุปกระดูกหมู เต้าหู สาหร่าย พี่เลยคิดว่าคงแพ้ซุปกระดูกหมูนะครับ” แล้วความจริงก็กระจ่างครับ เพราะน้องวินแพ้เนื้อสัตว์ใหญ่ครับ “เพราะน้องวินบอกว่าเอาสลัดกับไข่หวาน พี่กลัวว่าน้องวินจะฝืดคอพี่เลยถามน้องวินว่าจะเอาซุปมิโซะด้วยไหม น้องวินก็บอกว่าเอา พี่เลยสั่งให้ แล้วก็เกิดเหตุที่ไม่ได้พาลูกไปดูโรงเรียน แล้วตอนเย็นก็มีโทรศัพท์เข้ามาพยาบาลบอกว่าย้ายวาลมาที่ห้องพักพิเศษที่พี่จองไว้แล้ว พี่เลยรีบมานะครับ” ผมนั่งฟังพี่ชาร์ปสำนึกผิดอย่างนึกขำ คนอะไรน่าแกล้งชะมัด
“ถึงว่าตอนที่ผมตื่นมาเห็นคอน้องวินแดดๆ ที่แท้ต้นเหตุก็นั่งสำนึกผิดอยู่ตรงนี่นี้เอง”
“พี่ขอโทษครับที่ไม่ได้ถามพนักงานให้ดีดี” ดูสิครับดูหน้าพี่ชาร์ปสิครับ นี้สินะที่เขาว่ากันว่าหน้าหมาหงอยของจริง
“ไม่ต้องขอโทษหรอครับ เราไม่รู้เราไม่ผิดหรอกครับ เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปครับ” ผมไม่ได้โกรธนะครับ เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่คนที่บอกความจริงและเป็นห่วงลูกคือคนที่น่ายกย่องใช่ไหมครับ ผมขอแค่น้องวินไม่เป็นอะไรมาผมก็ดีใจมากแล้วครับ
“วันนี้เราออกไปเดินเล่นกันไหมครับ พี่ว่าวันนี้แดดไม่แรงด้วย”
“ผมว่าก็ดีนะครับ อยู่ในห้องนานๆมันรู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ครับ ออกไปรับลมหน่อยก็ดีครับ” ผมบอกความประสงค์ออกไป พี่ชาร์ปก็พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้ มันเป็นยิ้มที่ผมเคยได้รับเหมือนหลายปีก่อนก่อนที่เราจะเลิกกันไป ผมดีใจนะครับที่เรากลับมารักกันเหมือนเดิม ใครจะหาว่าผมใจงายก็เชิญครับ เพราะรักแรกมันก็เป็นอะไรที่ลืมอย่าถึงเขาจะเข้ามาเพราะลูกก็เถอะครับ
“วาล วาลครับ”
“อะ ครับ มีอะไรครับ”
“นั่งเหม่ออะไรอยู่ครับ”
“เอ๊ะ ผมนั่งเหม่อหรือครับ อ้า คงคิดอะไรเพลินๆก่อนจะออกไปสูดอากาศอันบริสุทธิ์ข้างล่างนะครับ”
“อย่างนั้นเองเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปเอารถเข็นก่อนนะครับ จะได้ไม่ต้องออกแรงเดินเยอะ”
“ครับผม” นี่ผมเหม่อคิดอะไรจนพี่ชาร์ปจับผิดเลยหรือครับเนี่ย
“โอเคครับ น้องวินครับไปกับป๊าไหมครับ”
“ไปครับไป” หลังจากนั้นสองพ่อลูกก็ออกไปเอารถเข็น ผมก็กลับมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆแล้วก็ยิ้มออกมา ผมว่ามนุษย์เรานี่ก็แปลกนะครับ รักกันเลิกกัน แล้วก็กลับมารักกันใหม่โดยมีพันธะผูกผันที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันมันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมยิ่งนัก ลองๆคิดก็ตลกดีนะครับที่เรื่องราวที่ผมคิดดันมาเกิดกับตัวผมเอง มันคงเป็นสัจธรรมของมนุษย์โลกละมั่งครับ แต่สัจธรรมที่เกิดขึ้นนั้นก็จะมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายปะป่นกันไปครับ
รอไม่นานประตูห้องก็เปิดออกครับ นำมาโดยน้องวินของผมครับ จากนั้นพี่ชาร์ปก็เข็นรถเข็นเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ผมเห็นภาพนั้นก็ทำให้ผมยิ้มตามอย่างไม่รีรอครับ
“ไปกันเลยไหมครับ” ผมพยักหน้ายิ้มๆให้แล้วพี่ชาร์ปก็มาประคองตัวผมให้นั่งตรงขอบเตียงเพื่อที่จะได้อุ้มผมไปนั่งที่รถเข็นได้ถนัดขึ้นครับ “วาลครับ ตัวเบาเกินไปแล้วนะครับ ต่อไปกินเยอะๆนะครับรู้ไหม ดูสิถ้าลมมาแรงๆคงปลิวไปกลับลมสบายเลย”
“นี่วาลก็กินเยอะแล้วนะครับ”
“ต้องเยอะกว่านี้ครับ ต่อไปต้องบอกแม่บ้านทำอาหารเยอะๆแล้วละ”
“ไม่เอาครับ รับกวนพวกท่านเปล่าๆ”
“รบกวนอะไรกันครับ ก็วาลเป็นเมียพี่ เป็นแม่ของลูกพี่ยังไงซะพี่ก็ต้องดูแลอย่างเต็มที่สิครับ”
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ คนเผด็จการ”
“พี่ได้ยินนะครับ”
“ก็พูดให้ได้ยินไงครับ”
“ครับๆ ไปกันนะ”
“ป๊าครับ แม่ครับไปกันยังครับ น้องวินรอนานแล้วนะครับ” เอ๊ะ! ผมกับพี่ชาร์ปลืมน้องวินไปเลยครับ
“ไปแล้วครับครับน้องวิน รอแม่ด้วยครับ”
“รีบๆมานะครับ”
“ครับผม/ครับลูก” จำเป็นต้องพูดพร้อมกันไหมนั้น
แล้วเราสามคนก็มาหยุดที่สวนสาธารณะของโรงพยาบาลครับ น้องวินขอแยกไปเล่เครื่องที่สนามเด็กเล่น ส่วนผมก็นั่งคุยกับพี่ชาร์ปกันสองต่อสอง
“คิดถึงครั้งก่อนเนอะ”
“ครับ” อยู่ดีดีพี่ชาร์ปก็โผลงขึ้นมาแบบไมมีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยครับ
“ครั้งนั้นพี่กับวาลก็มานั่งจีบกับที่สวนแบบนี้ แต่เป็นสวนสาธารณะที่มหาวิทยาลัยนะครับไม่ใช่โรงพยาบาล”
“นี่เล่นมุกใช่ไหมครับ” มุกเสี่ยวก็มาครับคุณ
“ใช่ครับ”
“เล่นได้แป็กมากครับ”
“ว่าพี่หรือ เดียวจะโดน”
“ไม่กลัวหรอกครับ ถึงโดนพี่ก็ไม่กล้าทำร้ายวาลจริงๆหรอกใช่ไหมครับ”
“หึหึ วาลครับพี่ขอโทษอีกทีนะครับ ที่วันนั้นไม่เชื่อวาล ทั้งที่พี่รักวาลมากแท้ๆ แต่พี่ก็ทำร้ายวาลกับลูก”
“ไม่ครับ พี่ชาร์ปไม่ผิดหรอกครับ เรื่องแบบนี้วาลเข้าใจ”
“แต่พี่ทำร้ายจิตใจวาลและลูกนะครับ”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วอย่าไปใส่ใจมันเลยครับ”
“ไม่ได้หรอกครับเรื่องแบบนี้พี่มันไม่น่าให้อภัยด้วยซ้ำ”
“เรื่องมันก็นานมาแล้ว ยังไงเราก็มาทำให้เรื่องของเราและลูกของเรามีความสุขดีกว่านะครับ” ผมหันไปบอกพี่ชาร์ปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ พี่ชาร์ปก็ยิ้มกลับมาให้เชิญกัน แล้วผมก็ทันต่อสายตาคู่นั้นไม่ไหวก็เลยหันกลับไปมองที่ท้องฟ้าดั่งเดิม ผมมองทอดออกไปไกลแสนไป มองออกไปแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย มองไปหาจุดที่มันมองไม่เห็น แล้วผมก็มองจุดๆนั้นเห็น จุดที่ผมมองนั้นมันคือครอบครัวที่น่ารักของผมที่ผมเคยวาดฝันเอาไว้ น้องไปยังอนาคตของน้องวิน มองไปยังอนาคตของผมกับพี่ชาร์ป มองไปยังวันนึงที่ผมไม่ได้อยู่บนโลกไปนี้แล้วเขาทั้งสองจะทำยังไง ผมมองไม่เป็นตัวผมผมเห็นแค่น้องวิน พี่ชาร์ป ที่กำลังมีความสุข แค่นั้นผมก็ดีใจแล้วครับ
“วาล วาลครับ”
“ครับ”
“เหม่ออะไรอยู่ครับ พี่เรียกตั้งนาน”
“เปล่าครับ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยครับ ขอโทษทีนะครับที่ทำให้เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วหิวหรือยังครับ”
“ก็นิดหน่อยครับ พี่ชาร์ปลองไปถามน้องวินสิครับ รายนั้นคงหิวหนักแน่นอน เล่นมาเหนื่อยทีไรกินไม่วางมือทุกที หึหึ” แล้วพี่ชาร์ปก็ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไปหาน้องวินทันที
ผมนั่งรออยู่สักพักก็มีคนเดินมานั่งข้างๆผม แล้วเมื่อผมหันกลับไปมองก็เจอกับเลขาพี่ชาร์ปครับ
“สวัสดีครับคุณริน มาหาคุณชาร์ปหรือครับ” ผมเอ่ยทักเธอแล้วถามเธอขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็เปล่าหรอก ฉันมาหาเธอ”
“มาหาผม มีอะไรหรือครับ” ผมถามออกไปอย่าสงสัยใคร่รู้
“เลิกยุ่งกับคุณชาร์ปได้ไหม ฉันมาเพื่อขอ”
“มาพบผมเพื่อมาขอคุณชาร์ปกับผมนี่นะครับ ทำไมคุณรินไม่ไปสารภาพกับคุณชาร์ปเองละครับ” ผมตอบออกไป แต่เธอมาขอผมทำไม
“รู้เอาไว้นะวาล ฉัน รินลดาคือคนที่คุณชาร์ปคู่ควง ไม่ใช่พวกผิดเพศอย่างแก ถ้าแกไม่เลิกยุ่งกับคุณชาร์ป ฉันขอเตือนว่าแกได้อยู่ไม่เป็นสุขแน่ ฉันเตือนแล้วนะ” จากนั้นคุณรินก็ลุกเดินกลับออกไปเมื่อเธอบอกความต้องการให้ผมฟัง
ผมรู้นะครับว่าเธอต้องการอะไร เธอแค่ต้องการเงินจากพี่ชาร์ปก็เท่านั้น ผมรู้ครับเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าหาพี่ชาร์ปก็เพราะเรื่องเงินเท่านั้นแหละครับ
“วาล”
“ครับ”
“พี่เรียกตั้งนาน นั่งเหม่อลอยอะไรอยู่ครับ”
“ เอ๊ะผมนั่งเหม่ออีกแล้วเหรอครับ แล้วน้องวินละครับ”
“น้องวินไปล้างมือครับเดียวก็มา อะนั้นไงลูกมาแล้ว น้องวินครับป๊าอยู่นี้ครับ” แล้วพี่ชาร์ปก็หันไปเรียกน้องวินให้เดินมาที่ที่เราสองคนนั่งอยู่
“แม่ครับ น้องวินคิดถึง น้องวินหิวแล้วด้วย แหะๆ”
“หิวแล้วอ้อนใหญ่เลยนะเจ้าลูกชาย”
“ไปกินข้าวกันนะครับป๊า นะครับแม่ นะๆๆๆๆๆ”
“ครับๆ ไปกันครับคุณลูกชาย มาครับป๊าให้ขี่หลัง”
“เอาละนะ น้องวินจะขึ้นแล้วนะ นึง สอง ซัม อากๆๆๆ”
“อึบ ตัวหนักแล้วนะคุณลูกชาย” ผมได้แต่อมยิ้มกับความน่ารักของสองพ่อลูกคู่นี้ ผมคิดว่าผมลืมไปอย่าง แล้วใครจะเข็นผมไปละครับ ก็ดูเหมือนพี่ชาร์ปจะลืมผมไปแล้วด้วย
“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นเราก็คงต้องใช้มือเข็นล้อเองแล้วสินะ เอาละไป” เอ๊ะ ทำไมมันเลื่อนไปง่ายจัง
“ฉันบอกนายแล้วนะว่าให้เลิกยุ่งกับคุณชาร์ป” แล้วผมก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนเข็นรถ
“ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับคุณชาร์ปนะครับ ไม่เห็นหรือครับว่าผมต้องเข็นรถกลับไปเอง”
“หึ เชื่อก็โง่แล้วละ ถ้าฉันเห็นแกยังยุ่งกับคุณชาร์ปอีก รู้นะว่าแกจะโดนอะไรไอ้คนวิปริต”
หลังจากที่เธอว่าผมแล้ว เธอก็เดินออกไปจากสวนสาธารณะของโรงพยาบาลทันที ส่วนผมก็ดันล้อรถเข็นตามสองพ่อลูกไป
“เฮ้อ กว่าจะถึงเหงื่อตกเลยเรา”
“วาล พี่ขอโทษ พี่ลืมไปเลย มัวแต่เล่นกับน้องวินเพลินไปหน่อย เหนื่อยไหมไหมครับ”
“เหนื่อยมากครับ เจ็บมือมากเลยตอนนี้ พ่อลูกคู่นี้นี่นะ เล่นกันเป็นเด็กๆไปได้” ได้ทีผมก็บ่นเลยครับ เหนื่อยด้วย ร้อนด้วย เจ็บมือด้วย
“พี่ขอโทษครับ ปะ เราไปทานข้าวกัน”
“ครับ” แล้วพี่ชาร์ปก็เข็นผมเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อไปที่ห้องพักของผมที่นอนพักรักษาตัวเอง โดยมีน้องวินนั่งรออยู่ในห้อง
“พี่ไปสั่งอาหารก่อนนะครับ เดียวพี่มา”
“ครับผม” แล้วผมก็ยิ้มให้พี่ชาร์ปก่อนที่พี่ชาร์ปจะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปสั่งอาหารมาทานกัน
“น้องวินครับ มานั่งบนนี้กับแม่หน่อยครับ”
“ครับผม” น้องวินก็เดินมานั่งบนเตียงข้างๆผมแล้วกอดผมเอาหน้าซุกที่หน้าท้องผมเล่น
“น้องวินสนุกไหมครับวันนี้ที่ได้ออกไปเล่นข้างนอก”
“สนุกครับ น้องวินได้เพื่อนเยอะเลยครับ”
“จริงหรือเปล่าครับ แล้วเพื่อนชื่ออะไรครับ” ผมยิ้มให้น้องวินแล้วก็ถามว่าเพื่อนน้องวินชื่ออะไร
“มีคนนึงมาเล่นกับน้องวินชื่อพีครับ พีบอกว่ามาเฝ้าแม่เขาครับ”
“แล้วแม่เขาเป็นอะไรครับถึงได้เข้าโรงพยาบาลครับ”
“แม่ของพีเข้าโรงพยาบาลเพราะ อืม ออ เพราะผ่าตัดไส้ติ่งครับ พีบอกแบบนั้น”
“หรือครับ ดีแล้วครับที่มีเพื่อน แม่ขอโทษนะครับที่ไม่ได้พาน้องวินไปเล่นกับเพื่อนเลย”
“ไม่ครับ น้องวินไม่เหงาเลย เพราะน้องวินมีแม่ มีพี่หมี แล้วก็มีป๊า และไข่เจียวด้วยครับ”
“เก่งมากครับ มาแม่กอดหน่อยได้ไหมครับ”
“กอดครับ กอดแม่อุ่น กอดป๊าไม่อุ่นเลย ป๊าตัวใหญ่ไม่เหมือนแม่ที่ตัวอุ่น แม่อย่าเอาไปฟ้องป๊านะ”
“ไม่ทันแล้วเจ้าลูกชาย มาให้ป๊าทำโทษเดียวนี้เลย”
“ป๊าเข้ามาตอนไหน น้องวินไม่เห็นได้ยินเสียงประตูเลย”
“ย่องเข้ามา แล้วก็มาได้ยินเสียงใครกำลังนินทาว่าป๊าอยู่ มาเลยมาโดนลงโทษเดียวนี้เลย” ผมละปวดหัวกับพ่อลูกคู่นี้จริงๆเลยครับ เฮ้อเด็กทั้งสองหรือผู้ใหญ่เล่นกับเด็กนะ
“55555 ป๊า น้องวินจั๊กจี้ พอแล้วครับ พอครับ”
“ไม่พอครับ น้องวินต้องโดนทำโทษ”
“แม่ครับ ช่วย 55 น้องวิ คริคริ วิน ด้วย 55”
“แม่ช่วยไม่ได้ครับผม”
“งือ 555 แม่ง่า 555 ป๊าครับ น้องวินเหนื่อยละ 55 แล้วครับ”
“หึหึ เหนื่อยแล้วหรือตัวแสบ”
“เหนื่อยแล้วครับ”
“พอได้แล้วครับพี่ชาร์ป เดียวตอนกลางคืนน้องวินละเมอมาร้องไห้นะครับ”
“ครับๆ พอแล้วครับ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ”
“เชิญครับ”
“อาหารมาเสิร์ฟค่ะ”
“วางไว้ที่โต๊ะทานอาหารเลยครับ”
หลังจากพนักงานเสิร์ฟอาหารออกไปพี่ชาร์ปก็จัดอาหารมาให้ผมทานที่เตียง ส่วนสองพ่อลูกก็ไปนั่งทานที่โต๊ะรับประทานอาหารกันสองคน มองดูก็น่ารักนะครับถ้าไม่ได้ยินเสียงน้องวินบ่นตลอดเวลาว่าพี่ชาร์ปแกล้งอย่างนั้นไม่ให้กินอย่างนี้ นี้แหละครับคือครอบครัวที่ผมปรารถนามาตลอดชั่วชีวิต
ทานอาหารเสร็จพนักงานมารับจานชามออกไป สองพ่อลูกก็มานอนดูโทรทัศน์กัน โดยที่พี่ชาร์ปก็เอางานขึ้นมาทำด้วย ทำไปดูไป ผมก็มองดูแล้ววันนี้จะทำงานเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ งานก็เร่งเห็นเลขาอีกคนเอางานมาให้โดยที่คนที่เอามาให้ไม่ใช่คุณริน แต่เป็นพี่อีกคนที่ผมไม่เคยเห็นในที่ทำงาน แต่ก็ไม่เอ๊ะใจอะไรเพราะเหมือนพี่เขาเอางานมาให้แล้วก็ออกไป
“พี่ชาร์ปครับ วันนี้งานจะเสร็จไหมครับ มัวแต่เล่นกับน้องวินอยู่นั้นแหละครับ”
“งานไม่รีบครับ”
“พี่ชาร์ป”
“หูยๆๆ เสียงเย็นมาเลย”
“จะไม่ให้เสียงเย็นได้ยังไงครับ น้องวินครับมาหาแม่ครับมา แล้วพี่ชาร์ปก็รีบทำงานไปเลยนะครับ ดูสิกองเยอะขนาดนี้ เยอะขนาดนี้เรียกว่าไม่รีบหรือครับ”
“ครับ ครับ พี่ทำแล้วครับ”
“ทำไปเลยครับ น้องวินมาครับ มาหาแม่ครับ”
“ครับผม น้องวินไปหาแม่นะครับป๊า อยู่คนเดียวไม่เหงานะครับ”
“หึหึ ตัวแสบ ไปเลยครับเดียวแม่จะฉีกร่างป๊า”
“พี่ชาร์ป ผมจะฉีกจริงๆก็ตอนนี้ละนะครับ ทำงานไปเลย ทำเสร็จผมจะให้น้องวินไปเล่นด้วย”
“ครับผม พี่รับทราบแล้วครับ ทำแล้วครับ”
“มาครับน้องวินเรามาเล่นทายปัญหากันดีกว่าเนอะ”
“ครับผม”
“พี่เล่นด้วยสิครับ”
“ทำงานไปครับ ไม่เสร็จนอนนอกห้องเลย” นี่ผมต้องมาเลี้ยงเด็กสองคนเลยหรือครับ ทำไมเวลาอยู่ข้างน้องทำไมดูสุขุมจังนะ แต่เวลาอยู่กับลูกหรือผมทำไมต้องทำตัวเป็นเด็กด้วยนะ เฮ้อ ชีวิตผมต้องมาเลี้ยงลูกและเด็กโข่งหรือยังไงกันนะ ปวดหัวจริงๆ
##############################################################
กลับมาแล้วครับ ห่างหายไปเสียนาน ทำงานที่ใหม่ไม่มีเวลาแต่งเลยครับ วันหยุดก็เหมือนไม่ได้หยุด ตอนนี้ก็กำลังมองหางานใหม่อีกแล้ว งานที่มีเวลาที่จะแต่งนิยายให้จบ เฮ้อ เบื่อยิ่งนักครับผม
วาลมาแล้ว
วาลมีความสุขแล้ว
แต่วาลก็มีมารผจญตามหลอกหลอนอีก
ทำยังไงดีครับ
จะทำยังไงให้นางรินหายไปครับรีดที่น่ารักทุกคน