❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤
ตอนที่ 7 เทศกาลตวงโหงว
เช้าอันแสนสดชื่นแต่จิตใจคนกลับหดหู่ ร่างบางเปียกชื้นไปด้วยน้ำค้างนั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย อวี๋เหวินเต๋อเปิดประตูห้องพักออกมา พบร่างบางของเหม่ยฟางนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนของโรงเตี๊ยม ร่างกายดูเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำค้างคล้ายกับนั่งอยู่ที่ตรงนี้มานาน จึงเดินเข้าไปหา
"น้องฟาง เจ้ามานั่งทำอะไรตรงนี้" เหม่ยฟางโดนทักจึงหันไปมองดวงตาแดงเรื่อคล้ายคนร้องไห้แต่ไร้คราบน้ำตา
"พี่อวี๋..."
"เจ้านั่งอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหน แล้วใยตาเจ้าถึงได้แดงเช่นนี้" ว่าจบจึงใช้มือแตะใบหน้าของอีกฝ่าย เพียงแค่สัมผัสที่อบอุ่นก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ จึงโผเข้าอ้อมกอดอีกฝ่ายในทันที คนถูกกอดถึงกับชะงักทำอะไรไม่ถูก
"ฮือๆ พี่อวี๋ ฮือๆ"
"เจ้าร้องไห้ทำไม" ว่าแล้วจึงผลักร่างบางออกเพื่อซักถาม แต่ภาพตรงหน้ากับทำให้อวี๋เหวินเต๋อต้องแปลกใจ เพื่อคนตรงหน้ากับหลั่งน้ำตาเป็นไข่มุก
"ข้าแปลกประหลาดมากใช่ไหม คนที่หลั่งน้ำตาที่ไม่ใช่น้ำตาแบบนี้"
"ไม่หรอก เจ้างดงามมาก ใครว่าเจ้าประหลาดกัน" อวี๋เหวินเต๋อใช้มือรองเม็ดไข่มุกที่ไหลออกมายากดวงตาเรียวคู่สวย ใบหน้าซบเข้ากับฝ่ามือที่รองน้ำตาไข่มุกรอยยิ้มบางๆจึงเริ่มปรากฏบนใบหน้า
ขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนเคียงคู่กัน จ้าวหย่งเจิ้งได้เปิดประตูออกมาเห็นท่าทางที่ชิดใกล้ของทั้งสองคน ความรู้สึกปั่นป่วนในจิตใจจึงบังเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้มีหญิงงามที่ร่วมเสพสมยืนเคียงข้างแต่จิตใจภายในกลับร้อนรุ่มยิ่งกว่าไฟรน
'แม้เมื่อคืนจะเสพสมกับหญิงงาม ใยในหัวข้ากับถึงภาพของเหม่ยฟาง ปรากฏอยู่ตลอด นี่ข้าคงบ้าไปแล้วกระมัง'
"คุณชายหย่งเจ้าคะ ดูท่าบ่าวของท่านคงชื่นชอบบุรุษเพศเช่นเดียวกันเป็นแน่ ดูสิเจ้าคะ ท่าจะมีข่าวดีอีกไม่นาน" ว่านเสี่ยวหลิงเอ่ยขึ้นคล้ายเติมเชื้อไฟในอกของจ้าวหย่งเจิ้ง จึงเหลือบมองนางที่อยู่เคียงข้างอย่างเย็นชาจนนางต้องสงบปากสงบคำ ก้มหน้าสำนึกผิด
"เจ้ากลับไปได้แล้วหากข้าไม่ได้เรียกไม่ต้องมาที่นี่อีก"
"เจ้าค่ะ" แม้ท่าทางอ่อนน้อมดูสง่า แต่ภายในใจของหญิงสาวกลับเต็มไปด้วยแรงริษยาที่มีต่อเหม่ยฟาง
'ข้าจะกำจัดเสี้ยนหนามอย่างเจ้าให้จงได้เหม่ยฟาง'
หอคณิกาฝูหลงฮาว
บุรุษชุดดำสองคนยืนเคียงข้างหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นบุปผาประจำหอคณิกา หญิงสาวผู้งดงามสดสวยจนใครต่างชื่นชม
"ข้าเจ็บใจนัก รูปโฉมข้าไม่ได้งดงามแพ้หญิงใดในเจียงหนาน แล้วใยข้าจึงแพ้บุรุษผิดเพศเช่นนั้นได้ ข้าเจ็บใจนัก" ว่านเสี่ยวหลิงระบายความอัดอั้นในจิตใจให้กับลูกน้องคนสนิทซึ่งคล้ายกับนักฆ่ามากกว่าบ่าวรับใช้ธรรมดา
"คุณหนูจะให้ข้าสองคนทำอย่างไรจงสั่งการ" บุรุษหนึ่งในสองกล่าวออกมา
"นั่นสินะ ข้าควรทำอะไรดีกับเจ้าบุรุษผิดเพศนั่น" หญิงสาวยกยิ้มขึ้นอย่างมีแผนการบางอย่าง
"คุณหนูจะทำเช่นไรขอรับ"
"ข้าแอบได้ยินว่า เจ้าบุรุษผิดเพศนั่นแพ้เหล้ายาหรดาลหากเราแอบใส่ลงไปอาหารที่จัดเลี้ยงในงานเทศกาลก็คงจะดี"
"ข้าน้อยรับคำสั่ง ข้าจะไปสั่งให้ร้านรวงที่ปรุงอาหารออกงานไม่เว้นแต่เหลาอาหารและโรงเตี๊ยมผสมเหล้ายาหรดาลลงไปในอาหารทุกชนิดขอรับ หากใครไม่ทำตามคำสั่งข้าจะสั่งสอนพวกมันเอง"
"ดี ดูสิเหล้าหรดาลมากมายที่ผสมลงไปในอาหารจะทำให้เจ้ารู้สึกอย่างไร"
เทศกาลตวงโหงว (เทศกาลไหว้บะจ่าง) ผู้คนมากมายต่างเตรียมงานกันอย่างคึกคัก เหม่ยฟางออกมาเที่ยวเล่นในตลาดอย่างชื่นบาน หลังจากวันที่มีปากเสียงกับจ้าวหย่งเจิ้ง เหม่ยฟางเอาแต่หลบหน้าอีกฝ่าย จนจ้าวหย่งเจิ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ฟาดงวงฟาดงาใส่คนไม่เกี่ยวข้องให้โดนกันถ้วนหน้า แม้แต่อวี๋เหวินเต๋อคนสนิทในตอนนี้ก็ยังเข้าหน้าไม่ติด
"ใยเจ้าไม่ไปปรับความเข้าใจกับคนรักของเจ้า" ตาเฒ่าเอี๊ยที่ตามอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น
"ใครกันคนรักข้า เขาไม่เคยเป็นอะไรกับข้ามาแต่แรก ใยท่านถึงเรียกเขาว่าคนรักของข้า" ตาเฒ่าได้แต่ส่ายหัวให้กับคนทิฐิแรงอย่างเหม่ยฟาง
"เจ้าก็รู้ว่าเขายังจำเรื่องของเจ้าไม่ได้ แล้วใยยังถือทิฐิอีก" เหม่ยฟางนิ่งชะงักไปสักพักก่อนเอ่ยเสียงเรียบว่า
"เรื่องนั้นข้าไม่รับรู้ เจ้าอย่ามาก่อกวนข้าให้ข้าหมดสนุกไปหน่อยเลย"
"ตามใยเจ้าละกัน" ว่าจบตาเฒ่าเอี๊ยก็หายตัวไป ทิ้งให้เหม้ยฟางเดินเล่นในตลาดงานเทศกาลต่อไป
ตกดึก ภายในโรงเตี๊ยมกับสว่างไสว เสียงเพลงเสียงดนตรีเสียงขับขานดังไปทั่วสารทิศ ชายหนุ่มผู้สูงสง่าอย่างจ้าวหย่งเจิ้งนั่งอยู่บนที่ที่สูงที่สุดเฝ้ามองผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมวานเลี้ยงฉลอง แม้แต่สาวคณิกายังถูกเชื้อเชิญให้มาปรนนิบัติแขกเรื่อ แม้แต่จ้าวหย่งเจิ้งยังมีว่านเสี่ยวหลิงสาวงามแห่งหังโจวคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย แต่สายตากับสาดส่องหาคนที่สัญญาว่าจะมาดื่มด้วยกัน
"คุณชายหย่งท่านมองหาใครหรือเจ้าคะ" นางถามพลางรินเหล้ายาหรดาลใส่จอกให้กับจ้าวหย่งเจิ้ง
"เหม่ยฟาง เขาสัญญาว่าจะมาดื่มกับข้า" แม้ปากพูดออกไปแต่สายตากับยังคงสาดส่องหาร่างบางโดยไม่สนใจหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ซึ่งบัดนนี้นางได้แต่กำหมัดแน่นจนเล็บยาวๆจิกเข้าไปในเนื้อตนเอง
"คุณชายเหม่ยอาจติดธุระก็ได้ เลยมาช้า"
"คงเป็นเช่นนั้น" จ้าวหย่งเจิ้งตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
เวลาผ่านไปเกือบค่อนคืน ในที่สุด ร่างบางในชุดเขียวอ่อนเดินย่างเข้ามาในโรงเตี๊ยมอย่างสง่างาม ใบหน้าสดสวยงดงามยิ่งกว่าหญิงใดทุกคนภายในโรงเตี๊ยมต่างพากันหันมองด้วยความสนอกสนใจ แม้เดินผ่านที่ไหนบุรุษน้อยใหญ่ต่างเรียกขานชื่อ จนเกิดเสียงดังเซ็งแซ่ เรียกความสนใจของจ้าวหย่งเจิ้งเป็นอย่างดี เมื่อสายตาพบร่างบางในชุดเขียวจึงรีบยืนขึ้นด้วยความสนใจ แต่พอเห็นเจ้าตัวเดินผ่านใครแล้วโปรยยิ้มหวานให้คนที่คอยเรียกชื่อตน จึงเกิดความไม่พอใจ รีบเดินลงไปตาม เหม่ยฟางในทันที สร้างความไม่พอใจให้ว่านเสี่ยวหลิงยิ่งนัก
"เจ้ามัวหว่านเสน่ห์อะไรตรงนี้ ไหนว่าจะดื่มร่ำสุราเป็นเพื่อนข้า" เหม่ยฟางเหลือบมองว่านเสี่ยวหลิงที่อยู่ด้านหลังก่อนยกยิ้มมุมปากตอบกลับจ้าวหย่งเจิ้งไปว่า
"ใยท่านต้องรอข้า ในเมื่อท่านมีหญิงงามอย่างแม่นางเสี่ยวหลิงนั่งเป็นเพื่อนร่ำสุราด้วยอยู่แล้ว สำหรับท่านแล้วข้าคงไม่จำเป็นแล้วกระมัง" แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแต่กลับสร้างความเจ็บแปลบให้กับจ้าวหย่งเจิ้งเป็นอย่างมาก
"ใยเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าอุตส่าห์รอเจ้ามาค่อนคืนแต่เจ้ากับตอบข้าเช่นนี้งั้นเหรอ" เสียงสั่นเครือบ่งบอกถึงความอัดอั้นภายในใจใกล้ปริแตก
"ถ้าท่านพูดเช่นนั้นข้าไปร่วมดื่มกับท่านก็ได้" ว่าจบจึงยื่นมือไปลูบแผ่นอกของอีกฝ่ายพลางช้อนตาส่งยิ้มหวานให้จ้าวหย่งเจิ้ง
"ดีจริง" จ้าวหย่งเจิ้งยิ้มละไมจนทำไมเหม่ยฟางชะงัก ความจริงที่เขาทำเมื่อครู่แค่ยั่วเย้าให้ว่านเสี่ยวหลิงเกิดโทสะเท่านั้น ว่านเสี่ยวขบฟันแน่นมองตามร่างเหม่ยฟางที่เดินขึ้นมาด้านบน
'เจ้ามันเป็นมารสำหรับข้าเสียจริง' ว่านเสี่ยวหลิงสบถภายในใจเล็บยาวสวยจิกเข้ากับหน้าขาตนเองด้วยความรู้สึกริษยา
"อุ๊ย คุณชายเหม่ยเชิญนั่งเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าน้อยรินสุราให้นะเจ้าคะ"
"ไม่ต้องเดี๋ยวข้าทำเอง" เป็นจ้าวหย่งเจิ้งที่เอ่ยปากเพื่อจะเอาใจเหม่ยฟางพลางยกกาสุราจะรินใส่จอกให้ แต่เป็นเหม่ยฟางที่เอามือปิดปากจอกไว้
"ข้าน้อยมิบังอาจให้คุณชายผู้สูงส่งรินสุราให้หรอกขอรับ ข้าขอรับการรินจากแม่นางเสี่ยวหลิงดีกว่า" ว่าจบจึงยกจอกสุรายื่นให้ว่านเสี่ยวหลิงเป็นนนรินสุราให้
"เชิญเจ้าค่ะ" ว่านเสี่ยวหลิงยิ้มหวานหยดย้อยแต่แววตากับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย ยกกาสุราหมายจะรินให้เหม่ยฟาง
"ช้าก่อนแม่นางเสี่ยวหลิง พอดีข้าไม่ถูกกับเหล้ายาหรดาลอย่างไรเจ้าช่วยเปลี่ยนกาสุราให้ข้าได้หรือไม่
"อุ๊ย ตายจริงข้าน้อยไม่ทราบเดี๋ยวข้าน้อยจะนำไปเปลี่ยนให้นะเจ้าคะ" ว่านเสี่ยวหลิงลุกขึ้นจากโต๊ะถือกาสุราจะไปเปลี่ยนแต่คล้ายเหมือนถูกขัดขาสุราในกาจึงหกรดร่างบางเหมือนตั้งใจ
"ตายแล้ว ข้าน้อยสมควรตายเจ้าค่ะ ข้าน้อยสมควรตาย" ว่านเสี่ยวหลิง หลั่งน้ำตาก้มหน้าคุกเข่าขออภัย แต่ภายใต้ม่านน้ำตากับมีรอยยิ้มน่าเกลียดปรากฏอยู่
"บังอาจ" จ้าวหย่งเจิ้งตบโต๊ะเสียงดัง หมายไล่ว่านเสี่ยวหลิงออกจากงานแต่เป็นเหม่ยฟางที่ยกมือห้ามไว้ใบหน้างามยังคงก้มไว้ไม่ยอมเงยก่อนลุกขึ้นยืน
"ไม่ต้องไล่นาง ข้าน้อยขอตัวกลับห้องก่อน"
"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม เหล้ายาหรดาลไม่ได้ทำอันตรายเจ้าใช่หรือไม่" จ้าวหย่งเจิ้งรั้งข้อมือคนงามไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยข้าเถอะ จ้าต้องรีบไปล้างพิษเหล้ายาหรดาลออก" เมื่อจ้าวหย่งเจิ้งปล่อยมือ หากอยากวิ่งลงไปด้านล่างคงไม่ทัน เหม่ยฟางจึงวิ่งไปทางหน้าต่างแทน เพียงสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อยร่างเหม่ยฟางก็ลอยตรงไปที่ทะเลสาบซีหูอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนต่างตื่นตะลึงไม่เว้นแม้แต่จ้าวหย่งเจิ้ง
'เจ้าเป็นใครกันแน่เหม่ยฟาง'
ฝ่ายว่านเสี่ยวหลิงได้แอบกำชับให้บ่าวรับใช้ตามไปลอบสังหารเหม่ยฟางในทันทีเมื่อเหม่ยฟางกระโดดหน้าต่างหายไปทางทะเลสาบซีหู
บัดนี้ เหม่ยฟางที่ใช้กำลังภายในพาตัวเองกระโดดจากหน้าต่างมาทางทะเลสาบซีหูได้ลงไปดำผุดดำว่ายเพื่อล้างพิษเหล้ายาหรดาลออกจากกาย แต่เพราะมาช้าจนเกินไปร่างของเหม่ยฟางกลายเป็นงูไปครึ่งหนึ่งเจ้าตัวดิ้นพล่านอยู่ในน้ำ จนเกิดคลื่นใต้น้ำขนาดใหญ่
แต่เหม่ยฟางกับไม่รู้เลยว่า บริเวณที่ตนกระโดดลงมานั้นมีร่างบุรุษคนหนึ่งยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าตะลึงตะลาน เขาไม่ได้แอบตามมา แต่เขามายืนอยู่ก่อนที่เหม่ยฟางจะกระโดดลงไปในน้ำเสียอีก ดังนั้นจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พร้อมกับสังหารนักฆ่าที่ตามมาด้วยนั้นจนสิ้น อวี๋เหวินเต๋อลอบมองดูเหตุการณ์อยู่ครู่ใหญ่จนเห็นว่าร่างบางสงบลงมากแล้วจึงเดินเข้าไปใกล้ร่างที่หายใจรวยรินอยู่ริมฝั่งอย่างกล้าๆกลัว
"มะ เหม่ยฟาง นั่นเจ้าหรือ" อวี๋เหวินเต๋อเดินตรงมายังร่างครึ่งคนครึ่งงูที่ลอยเกยบนฝั่ง สองตาเรียวสวยเปิดออกเพื่อมองว่าคนที่มานั่นคือใคร
"พี่อวี๋ เป็นท่านเองเหรอ ร่างกายข้าคงน่าเกลียดน่ากลัวมากสินะ" รอยยิ้มขื่นที่มอบให้ทำให้อวี๋เหวินเต๋อปวดใจไปด้วยไม่น้อยไปกว่าร่างบาง
"ที่แท้เจ้า เป็นมังกรเขียวสินะ" เหม่ยฟางพยักหน้ารับแต่โดยดี ก่อนหลับตาลงอีกครั้งแต่ยังคงเอ่ยถามสิ่งที่ตนจ้องใจ
"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ท่านไม่ได้อยู่ที่งานหรอกหรือ"
"ข้าถูกคุณชายสั่งห้ามไม่ให้ไปที่งาน ข้าเบื่ออยู่ในห้องจึงมาเดินเล่น"
"ท่านนี่เดินมาไกลจังนะ" แม้จะอ่อนเพลีย แต่ยังคงเย้าแหย่อวี๋เหวินเต๋อเล่น
"ว่าแต่เจ้าเถอะจะกลับร่างเดิมตอนไหน"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" "ถ้าอย่างไรข้าเฝ้าคนให้เจ้าละกัน"
"ขอบคุณพี่อวี๋ ท่านยังใจดีกับข้าเหมือนเมื่อก่อนเสมอ"
"เจ้าขึ้นมาจากน้ำเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย" อวี๋เหวินเต๋อเข้าช่วยประคองร่างเหม่ยฟางขึ้นมาพิงกัยต้นไม้ใหญ่
"พี่อวี๋ พี่าญญากับข้าได้ไหมว่าจะไม่บอกใครเรื่องมี่ข้าเป็นมังกรเขียว"
"เจ้านอนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากัน" เหม่ยฟางพยักหน้ารับอย่างจำใจ แม้อยากคุยให้รู้เรื่องแต่ร่างกายกับอ่อนล้าจนเกินไป
"พี่อวี๋ ขอบคุณท่านมาก"
"หลับเถอะ ค่ำคืนนี้ข้าจะปกป้องเจ้าเอง" เพียงคำพูดคำปลอบโยนที่แสนอบอุ่นจึงทำให้เหม่ยฟางวางใจ จึงยอมหลับไปในที่สุด
'ว่านเสี่ยวหลิงเจ้าคิดฆ่าข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้เช่นกัน ตาต่อตาฟันต่อฟัน'