❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤
ตอนที่ 24 จ้าวหย่งฟง
ร่างสูงบางเดินเข้ามาในตำหนักจิงเหรินกง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเหล่าขันที นางกำนัล ออกมายืนออกันอยู่ด้านนอกไม่เข้าไปด้านใน แม้แต่อวี๋เหวินเต๋อเองก็เช่น
"นี่พวกเจ้าใยออกมาอยู่ด้านนอก ไม่เข้าไปคอยรับใช้พี่รองของข้า"
"เรียนองค์ชายห้า พวกข้าน้อยเข้าไปไม่ได้จริงๆขอรับ" เสี่ยวจื่อหยี่ขันทีที่คอยรับใช้ข้างกายจ้าวหย่งเจิ้งเป็นคนกล่าวแทนทุกคนในที่นี้
"ทำไมถึงเข้าไปไม่ได้ มันมีอะไรกันแน่" จ้าวหย่งฟงรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อยก่อนก้าวเดินเข้าไปในตัวตำหนัก เพียงกล่าวเท้าเข้าไปไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงแปลกออกมาจากห้องของพี่ชายตน เสียงครวญครางปนกระเส่าที่คนฟังรับรู้ได้ทันทีว่านั่นคือเสียงของอะไร
"เสียงนี่มัน...บ้าจริงเชียว ทำไมไม่มีใครบอกข้าเลยสักคน..." ใบหน้าของจ้าวหย่งฟงแดงเรื่อขึ้น แม้อยากจะก้าวขาออกไป ยังก้าวออกไปไม่ได้
พรึ่บ
มือหนาทั้งสองข้างดึงจ้าวหย่งฟงเจ้าหาตัว แล้วกดศีรษะให้แนบกับอกแกร่ง พร้อมกับปิดหูทั้งสองข้างเอาไว้ โอบกระชับให้จ้าวหย่งฟงออกจากตัวตำหนักไปรวมกับคนอื่นๆ เมื่อออกมาแล้ว มือนั้นก็ปล่อยออก จ้าวหย่งฟงเมื่อเงยหน้าก็พบว่าคนที่ไปดึงตัวเขาออกมานั่นก็คือ อวี๋เหวินเต๋อ นั่นเอง
"องครักษ์อวี๋" ใบหน้าของจ้าวหย่งฟงกลับมาแดงอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
"พวกข้าน้อยเตือนแล้วทำไมไม่เชื่อกันบ้าง" อวี๋เหวินเต๋อขมวดคิ้วเอ่ยว่ากล่าวผู้เป็นนายไปอย่างลืมตน
"ข้าไม่คิดว่าพี่รองจะยังไม่เลิกพลอดรักกับเหม่ยฟางน่ะสิ นี่ก็วันที่ 5แล้วนะ ข้าคิดว่า...
" จ้าวหย่งฟงก้มหน้ามองเท้าตัวเองตัวความขัดเขิน
"ช่างเถอะองค์ชาย ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรทอเปล่าถึงได้มาถึงนี่" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยถาม
"ข้าอยากมายืมตัวเจ้า เจ้าจะไปกับข้าได้หรือไม่ แต่ข้าไม่กล้าเข้าไปถามพี่รองแล้วล่ะ" จ้าวหย่งฟงตอบสีหน้าอายๆ
"หึหึ" อวี๋เหวินเต๋อเห็นท่าทางของจ้าวหย่งฟงจึงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
"หัวเราะอะไร" จ้าวหย่งฟงถลึงตาใส่ แต่การกระทำของเขามันดูน่ารักเสียมากว่าน่ากลัว
"เปล่าขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อยังคงอมยิ้มขำๆ ในท่าทีของจ้าวหย่งฟง
"เจ้าว่างใช่ไหม" จ้าวหย่งฟงปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยก่อนเอ่ยถามอวี๋เหวินเต๋ออีกครั้ง
"ขอรับ ข้าน้อยว่าง"
"ดี ถ้าเช่นนั้นก็ตามข้ามา" ว่าจบก็เดินนำหน้าอวี๋เหวินเต๋อออกจากตำหนัก
"องค์ชายจะเสด็จไหนขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยถามขณะเดินตามออกไปจนถึงคอกม้าหลวง
"เจ้าสอนข้าขี่ม้าที" จ้าวหย่งฟงหยุดยืนหน้าคอกม้า ก่อนหันมาจิ้มนิ้วลงที่อกของอีกฝ่าย
"อะไรนะขอรับ!" อวี๋เหวินเต๋อพูดเสียงดัง จนจ้าวหย่งฟงต้องขมวดคิ้ว
"เจ้าจะเสียงดังทำไมกัน หูข้าไม่ได้หนวกเสียหน่อย" คนเอ่ยวาจาเดินเข้าไปในคอกม้าเพื่อเลือกม้าทีาตนชอบ
"องค์ชายคิดดีแล้วใช่ไหม" อวี๋เหวินเต๋อถามซ้ำให้แน่ใจ
"ใช่สิ ข้าอยากขี่ม้าเป็น อ๊ะ ม้าตัวนี้สวยจัง" ขณะเลือกม้าอยู่สายตาก็พลันไปเจอม้าที่ถูกใจเข้า มันมีสีดำแต้มขาวบนปลายหูขนเงางาม จนน่าสัมผัสแต่ท่าทางของมันดูอารมณ์ร้าย และพยศเอามากๆ
"จับไม่ได้ขอรับ" อวี๋เหวินร้องห้ามก่อนที่มือของจ้าวหย่งฟงจะแตะต้องม้าตัวนั้น
"ทำไมล่ะ" สิ้นคำถามม้าตัวนั้นก็คล้ายกับหงุดหงิดบ้างมันส่งเสียงร้อง ยกขาหน้าทั้งขึ้นเต็มความสูงหมายจะย่ำคนที่อยู่ตรงหน้า
ฮี้ๆๆ~
"อ๊ะ!"
"องค์ชายระวัง" อวี๋เหวินเต๋อดึงตัวของจ้าวหย่งฟงหลบม้าจนทั้งคู่เสียหลักล้มลงไป ร่างของทั้งสองกลิ้งลงไปกับกองหญ้าจนศีรษะของจ้าวหย่งฟงไปชนกับผนังคอกม้า
"โอ๊ย! หัวข้า" จ้าวหย่งฟงคลำศีรษะตนเอง แต่บนศีรษะกับมีมีอหนาของอวี๋เหวินเต๋อประคองอยู่ การชนกับผนังจึงไม่ทำให้เขาเจ็บมาก
"ปลอดภัยนะขอรับ"
"เจ้าต่างหากเล่าที่ข้าต้องถามว่าปลอดภัยไหม" จ้าวหย่งฟงที่ก้มหน้าอยู่ต้องเงยขึ้นมองอวี๋เหวินเต๋อ ผู้ที่โอบกอดตนเองไว้ เพียงเงยหน้าริมฝีปากบางก็สัมผัสเข้ากับปากของอวี๋เหวินเต๋อที่ก้มลงมาพอดี จ้าวหย่งฟงตกใจตาเบิกกว้าง ใบหน้าขึ้นสี จนต้องรีบผละออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายอย่างรีบร้อน
"องค์ชายไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อเห็นจ้าวหย่งฟงลุกขึ้นยืนหันหลังให้ตน
"ข้าว่าวันนี้ข้าคงดวงไม่ดี วันนี้เรากลับกันก่อนเถอะ วันพรุ่งค่อยมาใหม่" จ้าวหย่งฟงยืนหันหลังให้ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นใบหน้าแดงก่ำของตน สองมือปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อผ้า ปล่อยให้อวี๋เหวินเต๋อนั่งมองตามหลัง จ้าวหย่งฟงที่เดินออกจากคอกม้าอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า
"หึหึ ไม่คิดว่าท่านจะทำตัวน่ารักเช่นนี้ก็เป็น ข้าชักจะสนใจท่านขึ้นมาแล้วสิ" อวี๋เหวินเต๋อพูดขึ้นเบาๆเพื่อให้ตนได้ยินเพียงผู้เดียวพลางเลียริมฝีปากตนเองแล้วอมยิ้มกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
"องครักษ์อวี๋ เจ้ามัวทำอะไรอยู่ออกมาจากคอกม้าได้แล้ว" จ้าวหย่งฟงเมื่อปรับอารมณ์ได้จึงเอ่ยเรียกอวี๋เหวินเต๋อที่ยังคงอยู่ในคอกม้าให้ออกมา
"ขอรับ ข้าน้อยกำลังไป" อวี๋เหวินเต๋อเดินออกจากคอกม้าด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังจูงม้าตัวหนึ่งออกมาด้วย จ้าวหย่งฟงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
"เจ้าจูงม้าออกมาทำไม ข้าบอกแล้วไงเล่าว่าวันนี้ข้าไม่ขี่ม้าแล้ว"
"องค์ชายไม่ขี่แต่ข้าน้อยจะขี่" รอยยิ้มยังคงประดับใบหน้าผู้ที่ตอบ
"เจ้า กล้าขัดคำสั่งข้าหรือ" จ้าวหย่งฟงชี้หน้าต่อว่าอวี๋เหวินเต๋อ
"ไม่บังอาจขอรับ แต่องค์ชายไม่มีงานให้ข้าน้อยทำแล้วไม่ใช่หรือขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อโค้งศีรษะเล็กน้อย เพื่อตอบคำถามนั้น ทั้งยังกระโดดขึ้นนั่งบนม้าโดยไม่รอฟังคำสั่ง
"มันก็จริงของเจ้า"
"ถ้าเช่นนั้น องค์ชายไปกับข้าน้อยเถอะขอรับ" ว่าจบอวี๋เหวินเต๋อก็ดึงมือของจ้าวหย่งฟงให้ขึ้นมานั่งด้านหน้าตน โดยที่ตนเองนั่งประกบหลังกันจ้าวหย่งฟงตกม้า
"เอ๊ะ! เจ้า ข้ายังไม่..." จ้าวหย่งฟงที่ถูกดึงให้ขึ้นบนหลังม้า ตั้งใจจะหันมาต่อว่า แต่พอหันไปหน้าผากของตนก็แตะกับริมฝีปากของอวี๋เหวินเต๋อเข้าพอดี จ้าวหย่งฟงจึงรีบหันหน้ากลับไปตามเดิมอย่างไว หัวใจเองก็ดันเต้นโครมครามไม่หยุด
"ข้าอภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท" อวี๋เหวินเต๋อสังเกตุเห็นใบหูที่ขึ้นสีจึงแอบอมยิ้มอยู่ด้านหลัง
"ท่านดูน่ารักขึ้นนะ" อวี๋เหวินเต๋อกล่าวเบาๆจึงไม่อาจทำให้คนักพูดถึงได้ยิน
"เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ" จ้าวหย่งฟงหันกลับมาถามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับเบี่ยงตัวออกเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้หน้าผากของตนไปสัมผัสริมฝีปากของอวี๋เหวินเต๋อ
"เปล่าขอรับ เราไปกันเถอะขอรับ" ว่าจบ อวี๋เหวินก็เอื้อมมือไปกุมบังเหียนเพื่อจะควบม้าไปด้านหน้า การที่จ้าวหย่งฟงนั่งอยู่ด้านหน้าจึงเป็นเหมือนว่าอวี๋เหวินเต๋อกำลังโอบกอดจ้าวหย่งฟงอย่างไรอย่างนั้น
"นี่ เจ้า...อย่ามากอดข้าสิ" "ข้าน้อยเปล่ากอดองค์ชายนะขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยแย้งหน้าตาย
"จะไม่ได้กอดได้อย่างไร ก็ตอนนี้เจ้ากำลังทำอยู่" จ้าวหย่งฟงขยับกายไปมาให้อวี๋เหวินเต๋อนั้นปล่อยตน
"องค์ชาย ข้าน้อยกุมบังเหียนอยู่ อย่างไรเสียก็ต้องทำอย่างนี้อยู่แล้วหากไม่ทำเช่นนี้ไว้องค์ชายคงตกม้าลงไป ข้าน้อยหวังดีนะขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อบอกกล่าวถึงความห่วงใยที่มีให้
"แต่ข้าไม่ชอบแบบนี้ มันเหมือนกับเจ้ากำลังกอดข้า"
"องค์ชายคงจะเข้าใจผิดเรื่องการกอดแล้วกระมัง เพราะการกอดจริงๆมันเป็นเช่นนี้" ว่าจบอวี๋เหวินเต๋อก็ชลอม้าปล่อยบังเหียน แล้วสวมกอดเข้าที่เอวของจ้าวหย่งฟงอย่างตั้งใจ
"อ๊ะ! เจ้า" จ้าวหย่งฟงสะดุ้งเล็กน้อย
"ข้าน้อยแค่อธิบาย องค์ชายอย่าทรงกริ้วไป" อวี๋เหวินเต๋ออธิบายสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป
"แต่ข้าว่า..."
"ถ้าเช่นนั้นองค์ชายจะไปนั่งด้านหลังข้าน้อยหรือไม่" อวี๋เหวินเต๋อเสนอความคิด
"เอ๊ะ ได้เหรอ"
"ได้สิขอรับ แต่เวลาอยู่ด้านหลังองค์ชายต้องกอดเอวข้าน้อยให้แน่นเข้าไว้หากตกลงไปข้าน้อยคงลำบาก" อวี๋เหวินเต๋อจุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของจ้าวหย่งฟง
"ถ้าเช่นนั้น แบบนี้ก็ได้ ข้ากลัวจับเจ้าไม่ดีแล้วตกม้าไปเจ้าคงโดนโทษหนักเป็นแน่" จ้าวหยางฟงเอ่ยบอกด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
'ใครจะไปกล้ากอดเจ้ากัน' จ้าวหย่งฟงได้ได้คิดในใจกับเรื่องที่ต้องทนนั่งให้อวี๋เหวินเต๋อโอบกอดเช่นนี้ ใจทั้งใจก็เต้นโครมครามเสียจนกลัวคนที่อยู่ด้านหลังจะได้ยิน
"จะว่าไปแล้วองค์ชายผอมเกินไปหรือเปล่าขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อทักคนที่อยู่ด้านหน้า
"ข้าเนี่ยนะผอม ข้าว่าข้าออกจะมีเนื้อมีหนังนะ" จ้าวหย่งฟง เริ่มมองสำรวจตนเอง "หึหึ" อวี๋เหวินเต๋อขำออกมาอย่างไม่อยู่เมื่อเห็นจ้าวหย่งฟงหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจร่างกาย จ้าวหย่งฟงได้ยินเสียงหัวเราะก็ตวัดสายตาไปมองอวี๋เหวินเต๋ออย่างไม่พอใจ
"หัวเราะอะไร"
"ขออภัยขอรับ" แม้จะเอ่ยขอโทษไปแล้วแต่มือของอวี๋เหวินเต๋อกับยังบังปากตนเองไว้เพื่อกันไม่ให้จ้าวหย่งฟงรู้ว่าตนนั้นกำลังกลั้นขำไว้
"แล้วเจ้าจะพาข้าไปไหน"
"รอให้ถึงก่อน" อวี๋เหวินเต๋อไม่ยอมตอบทั้งยังเร่งให้ม้าวิ่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
สถานที่ๆอวี๋เหวินเต๋อพามานั้นอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงมากนัก มันเป็นพื้นหญ้ากว้างใหญ่ มีลำธารเล็กๆไหลผ่าน ทั้งบริเวณใกล้ลำธารยังมีต้นไม่ใหญ่ให้ร่มเงา หากยิ่งมีลมอ่อนๆพัดมายิ่งทำให้บรรยากาศของที่นี่ดีเพิ่มมากขึ้น จ้าวหย่งฟงรู้สึกตื่นตากับภาพที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก
"ว้าว ที่นี่บรรยากาศดีมาก ไม่คิดเลยว่า ในเมืองหลวงจะมีที่เช่นนี้อยู่" จ้าวหย่งฟงยังนั่งอยู่บนม้าในขณะที่ อวี๋เหวินเต๋อเดินจูงม้ามาผูกไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่
"องค์ชายส่งมือมาสิขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อยื่นมือออกไปเพื่อรับจ้าวหย่งฟงท่ยังนั่งอยู่บนหลังม้า
"ไม่ต้องหรอก เราลงเองได้" จ้าวหย่งฟงเอ่ยปฏิเสธความช่วยเหลือ แม้ตนจะลังเลว่าจะลงจากม้าเช่นไร
"ไม่ให้ข้าน้อยช่วยแน่นะขอรับ" ไม่ทันขาดคำจ้าวหย่งฟงก็ร่วงลงจากหลังม้าเสียงดัง
ตุบ!
"โอ๊ย!!!"
"หึหึ"
"อวี๋เหวินเต๋อ อย่าหัวเราะข้านะ" จ้าวหย่งฟงตวัดสายตามองผู้ที่ยทนหัวเราะตน ทั้งยังไม่ยอมเข้ามาช่วยเขาอีก
"มาสิขอรับข้าน้อยช่วย" อวี๋เหวินเต๋อยื่นมือเข้าไปเพื่อช่วยเหลือ แต่กลับโดน จ้าวหย่งฟงปัดมือออกด้วยสายตาไม่พอใจ
"ไม่ต้อง ข้าลุกเองได้" จ้าวหย่งฟงลุกขึ้นยืนปัดเศษดินเศษใบไม้ใบหญ้าออกจากเสื้อผ้า ในใจยังอดเคืองอวี๋เหวินเต๋อไม่หาย
"องค์ชายโกรธ ข้าน้อยหรือขอรับ ข้อน้อยขออภัยที่ทำให้ท่านไม่พอใจ" อวี๋เหวินเต๋อโค้งศีรษะเป็นการขอโทษผู้เป็นนาย จ้าวหย่งฟงเมื่อเห็นท่าทีสำนึกผิดของอวี๋เหวินเต๋อก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
"ช่างเถอะ ข้าทำตัวข้าเอง หากยอมจับมือเจ้าข้าคงไม่ตกจากหลังม้าเช่นนี้ น่าขายหน้าเสียจริง" จ้าวหย่งฟงยกมือเกาท้ายทอย ก่อนเบนสายตาไปทางลำธาร
"แต่..." อวี๋เหวินเต๋อยังเอ่ยคำไม่ทันจบ จ้าวหย่งฟงจึงเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ
"โอ้โห ลำธารที่นี่น้ำใสดีจัง ไปเล่นน้ำกันเถอะองครักษ์อวี๋" ใบหน้าเง้างอนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของอวี๋เหวินเต๋อเริ่มสั่นคลอน
"มาเร็วสิ องครักษ์อวี๋"
"ขอรับ"
ทั้งจ้าวหย่งฟง ทั้งอวี๋เหวินเต๋อต่างพากันเล่นสนุกอยู่ค่อนวัน สุดท้ายแล้วทั้งสองต่างพากันมานอนพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
"ที่นี่บรรยากาศดีจัง" จ้าวหย่งฟงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
"ขอรับ"
"นี่ องครักษ์อวี๋ ข้าขอถามอะไรเจ้าสักสองข้อสิ เจ้าต้องตอบตามความจริงนะ" จ้าวหย่งฟงเอ่ยสิ่งที่ย้องการออกไป อวี๋เหวินเต๋อเองก๋เพียงแคาเอ่ยตอบรับมาเท่านั้น
"ขอรับ"
"ข้อแรก ทำไมวันนี้เจ้าจึงชอบแกล้งข้านัก ปกติแล้วเจ้าไม่ใข่คนเช่นนี้" จ้าวหย่งฟงถามในสิ่งที่ตนคิด
"นั่นเพราะว่า องค์ชายในวันนี้ชอบทำตัวให้น่าแกล้ง" อวี๋เหวินเต๋อตอบคำถามแบบขอไปที เขาเองก็ไม่รู้สาเหตุเช่นกันว่าทำไมวันนี้องค์ชายห้าถึงได้ดูน่าแกล้ง
"หา!" จ้าวหย่งฟงถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินคำตอบ ที่ไม่น่าจะเป็นคำตอบได้เลย
"ตามนั้นเลยขอรับ คำถามข้อสองขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อตอบเสียงเรียบทั้งยังเอ่ยถามหาคำถามข้อที่สุด
"ข้อสอง เจ้าชอบคนรักของพี่รองสินะ" จ้าวหย่งฟงเอ่ยถามด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย เขารู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงลงบนอกด้านซ้ายของตน ในขณะที่รอฟังคำตอบ
"ใช่ขอรับ ข้าน้อยชอบเขา และยอมเป็นตัวแทนให้เขาหากองค์ชายรองไม่ต้องการ" อวี๋เหวินเต๋อตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเกินจะคาดเดา
"งะ งั้นเหรอ ดีจังนะ" จ้าวหย่งฟงแทบจะร่ำไห้ออกมา ณ ตอนนั้น เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกจากปากอวี๋เหวินเต๋อ
"ขอรับ แต่ว่า ตอนนี้..."
"เรากลับกันเถอะ ข้าเริ่มหิวแล้ว" ยังไม่ทันที่จะได้ฟังคำพูดต่อไปของอวี๋เหวินเต๋อจ้าวหย่งฟงก็พูดแทรกขึ้น โดยไม่คิดจะฟังคำอื่น
"เอ๋... ขอรับ ขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อมองคนตรงหน้าอย่างงุนงง ที่อารมณ์แลเปลี่ยนง่ายอย่างกับคลื่นลม
"ข้ารู้ แล้วว่าในใจของเจ้ามีแต่ เหม่ยฟางชายาของพี่รองเท่านั้น แม้อีกฝ่ายจะสมรสกันแล้วเจ้าก็คงจะรอใช่ไหม"
ขณะขี่ม้ากลับทั้งสองคนยังทำเหมือนตอนแรกที่มานั่นคือจ้าสหย่งฟงนั่งด้านได้โดยมีอวี๋เหวินเต๋อซ่อนหลังคอยควบม้า แล้วจ้าวหย่งฟงก็เอ่ยถามอวี๋เหวินเต๋อเรื่องเดิม แต่แผ่นหลังกับแฝงไปด้วยความเศร้า
"ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกขอรับ เพราะตอนนี้ข้าน้อยเริ่มสนใจผู้อื่นอยู่บ้างแล้ว เป็นคนน่ารักดีนะขอรับ ทั้งยังทำให้ข้าน้อยหัวเราะได้อีก ข้าน้อยว่าคนผู้น่าสนใจมากขอรับ องค์ชายคิดว่าอย่างไร" อวี๋เหวินเต๋อโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูของจ้าวหย่งฟง จนจ้าวหย่งฟงถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นั้นเป็นอย่างไร" จ้าวหย่วฟงกบ่าวด้วยความน้อยใจ
"องค์ชายไม่อยากทราบหรือขอรับ ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร" อวี๋เหวินเต๋อกระเซ้าเย้าแหย่จ้าวหย่งฟงอีกครั้ง ใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเฉียดแก้ม
"ข้าไม่อยากรู้" จ้าวหย่งฟงตอบกลับด้วยอารมณ์ไม่พอใจ "แต่ข้าน้อยอยากบอก"
"นี่ เจ้า! อ๊ะ!" จ้าวหย่งฟงหันไปหมายจะต่อว่า แต่กลับกลายเป็นว่าเขาหันไปให้อวี๋เหวินเต๋อนั้นหอมแก้มตัวเองแทน
"หอมดีนะขอรับ"
"เจ้า....อวี๋เหวืนเต๋อ!!!" จ้าวหย่งฟงเอ่ยเสียงดังด้วยใบหน้าซับสีแดง ไม่รู้ว่าจะโกรธ หรือจะเขินดี
"ขอรับ" คนถูกเอ่ยชื่อตอบรับหน้าตาเฉย
"ทำไมเจ้าชอบเอาเปรียบข้าเช่นนี้" เสียงเอ่ยแผ่วเบายิ่งทำให้อวี๋เหวินเต๋อชอบใจ
"กับคนที่ชอบหรือสนใจ มันเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ" คำตอบนั้นทำให้จ้าวหย่งฟงไม่อาจเอ่ยคำใดได้อีก เขานั่งเงียบมาตลอดทางไม่กล้าแม้แต่ขยับตัวเสียด้วยซ้ำ
'ไม่จริงน่า อวี๋เหวินเต๋อชอบข้างั้นหรือ' นี่เป็นเสียงที่เอ่ยถามตนเองในใจของจ้าวหย่งฟง แล้วรอยยิ้มบางๆฝุดขึ้นบนใบหน้า....
****************************************************