คำเตือนก่อนทำพิธีข้อที่ ๓ : มีวิธีผูกก็ต้องมีวิธีแก้...แต่วิธีแก้มักจะยากกว่าวิธีผูกเสมอ! ~รับสายด้วยคร้าบบบบบ รับสายด้วยคร้าบบบบบ~
............
~ รับสายด้วยคร้าบบบบบ รับสายด้วยคร้าบบบบบ~
.................
~ รับสายด้วยคร้าบบบบบ รับสายด้วยคร้าบบบบบ~
"เออๆ รู้แล้วโว้ย"
ไอ้กลอนบ่นงึมงำพลางควานหาโทรศัพท์จากใต้หมอนทั้งที่ตายังปิด พอคว้าได้ก็เปิดตาหน่อยหนึ่งเพื่อรับสายและเปิดลำโพง ตอนนี้กระทั่งแรงจะถือยังไม่มีเล๊ยยยย!!!
"เหี้ยกลอน ตายคาสวนไปหรือยังว่ะ ทำไมหายเงียบไปเลย!" เสียงไอ้ตินโวยวายมาตามสายแต่มันก็ดูโล่งอกไม่น้อยที่ติดต่อผมได้เสียที คำถามของมันทำให้ผมผงกหัวจะลุกขึ้นแต่ก็ทรุดฮวบหน้าตาแหยเพราะความเจ็บที่วิ่งพล่านมาจากด้านล่าง
"กูไม่ได้โทรหาพวกมึงกี่วันวะเนี่ย?"
ไอ้กลอนย้อนถามกลับไปแบบมึนๆ ยอมรับครับว่าลืมวันลืมเวลาไปเรียบร้อยแล้ว ก็นอกจากก็นอนงีบสั้นๆ กินข้าวนิดหน่อย และเข้าห้องน้ำสี่ห้าครั้งเพื่อทำธุระส่วนตัวและอาบน้ำ (ที่มักจะพ่วงด้วยกิจกรรมพากล้วยชมถ้ำเสมอ) ไอ้กลอนก็อยู่แต่บนเตียงอ้าปากร้องครางแหกขาให้ไอ้ผีหื่นมันเสียบตลอด
แต่ที่พอจำได้ก็คือเห็นท้องฟ้ามืดแล้วก็สว่างสลับกันหลายครั้งอยู่เหมือนกัน!!!!
"เฮ้ย! มึงป่วยหรือว่ะ เสียงแหบอย่างกับถูกบีบคอ!" มึงช่างเปรียบเทียบได้น่าถวายตีนมาก....ไม่แหบสิปาฏิหาริย์ เล่นทั้งร้องทั้งครางดังลั่นสวนขนาดนั้น
"ตอบคำถามกูก่อน"
"เออๆ มึงหายไปห้าวันแล้วโว้ย พวกกูทั้งโทรทั้งไลน์หามึงจนมือแทบหงิกแต่เสือกปิดเครื่องอีก จะไปหาช่วงนี้งานก็เยอะฉิบหาย ดีว่ายังไม่มีข่าวมึงขึ้นหน้าหนึ่งเลยพอวางใจได้หน่อย" ผมฟุบหน้าลงกับหมอนเพลียๆ จะใครอีกล่ะที่ยุ่งกับโทรศัพท์ผม ก็คงไม่พ้นไอ้ผีหื่นนั่นแหละ....เป็นผีแล้วยังอุตส่าห์ใช้โทรศัพท์เป็นอีกนะมึง ที่สำคัญ- -มึงเอากูมาราธอนขนาดนี้เลยเหรอวะ! ถึงว่าโคตรเพลีย โคตรเมื่อย โคตรเจ็บ!!!!
"โทษทีว่ะกูเป็นไข้น่ะ"
ใช่....ไข้จากแผลอักเสบและพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ต้องถามนะครับว่าแผลที่ไหน- -
"ปกติมึงจะโทรมาโวยวายให้พวกกูไปดูแลนี่หว่า ทำไมคราวนี้ถึงไม่บอกล่ะ? ไอ้เหี้ยตินเลิกปากหมาแล้วหันมาซักอย่างจับผิด ผมเงียบไปอย่างหาข้อแก้ตัวไม่ทัน เพราะอยู่ตัวคนเดียวแถมยังอยู่ในสวนลึกสุดกู่ห่างบ้านที่ใกล้ที่สุดไปพอสมควร ดังนั้นพวกมันทั้งสามตัวจึงมักเป็นห่วงและบังคับให้ผมสัญญาว่าเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยต้องโทรบอกพวกมันคนใดคนหนึ่งให้รู้ ซึ่งไอ้กลอนก็ทำตามสัญญาของเพื่อนมาได้ตลอด
"กูลืม"
"อย่าโกหก เอาความจริงไอ้กลอน" "กูลืมจริงๆ"
มันเงียบไปจนผมเหงื่อตก...ไอ้ตินถึงจะปากหมาหาเรื่องโดนตบไปวันๆ แต่มันก็รักเพื่อนมาก มันมักจะคอยเป็นห่วงและดูแลเพื่อนเสมอโดยใช้อาการเอะอะโวยวายกลบเกลื่อนความรู้สึก พวกผมถึงไม่เคยโกรธจริงจังเวลาที่มันปากหมาใส่อย่างที่คนอื่นโกรธ เพราะรู้ว่าเบื้องหลังคำหยาบคายคือความห่วงจากไอ้หนุ่มซึนปากแข็ง
"โอเค ได้!" "เฮ้ย! ไอ้ตินเดี๋ยวสิโว้ย!"
ช้าไป.....มันวางสายไปแล้วครับ เวรล่ะกู- -คราวนี้คงได้ง้อมันยาวแน่ๆ แต่ตอนนี้สังขารไอ้กลอนยังไม่พร้อมจะทำอะไรอย่างแรง ดีที่ไอ้ผีหื่นเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แล้วเลยไม่ได้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะอะไร ถึงมันจะไม่ใส่เสื้อผ้าให้สักชิ้นก็เถอะ
แม่ง- -จับกูถอดเปลือกเตรียมเสียบตลอดเวลาว่างั้นเถอะ "แล้วนี่มันหายไปไหนวะ? ทำกูนอนง่อยแล้วไม่ดูแลนะมึง"
ผมหิวน้ำโคตรๆแต่กระดิกตัวไปไหนไม่ไหวเลยแต่บ่นพลางเหลียวซ้ายเหลียวขวาหาไอ้พี่ภพ ก่อนจะสะดุดตากับกระดาษสีขาวแผ่นเล็กบนโต๊ะข้างเตียง หลังจากกระดืบไปหยิบด้วยความลำบากจึงพบว่าเป็นข้อความจากไอ้พี่ภพ แหงล่ะ- -คงมีแต่ผีโบราณๆอย่างมันเท่านั้นแหละที่จะเขียนตัวหนังสือคมชัดตวัดหางยาวสวยราวกับตัวพิมพ์แบบนี้ได้
"พี่มีธุระด่วนจะไม่อยู่สักพัก ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแล" ไอ้กลอนเลิกคิ้วสูงเพราะมันไม่ได้ใช้คำหวานเลี่ยนชวนอ้วกเหมือนเคยทำให้รู้ว่าธุระของมันคงจะสำคัญมากจริงๆ ถึงเดาไม่ถูกก็เถอะว่าธุระแบบผีๆนี่มันเป็นยังไง
แม่ง- -สรุปว่ากูต้องถ่อสังขารไปหาน้ำกินเองใช่ไหมเนี่ย!?!?
บ่นไปก็ทำให้คอแห้งกว่าเดิมเปล่าๆ ไอ้กลอนเลยกัดฟันลุกขึ้นใส่บ็อกเซอร์เดินเกาะผนังไปดื่มน้ำในครัวจนได้ รู้สึกว่าบ้านตัวเองกว้างอย่างกับสนามหลวงก็วันนี้แหละ ระยะทางไม่กี่เมตรแต่เหงื่อออกเป็นลิตรยิ่งกว่าวิ่งรอบสวนสิบรอบอีก
เพราะงั้นอย่าหวังว่าผมจะเดินกลับไปถึงเตียงเลยครับ เก้าอี้หวายตัวโปรดจึงเป็นจุดหมายในเวลานี้ (มันเป็นเก้าอี้หวายสานตัวยาวๆสำหรับนอนเอนหลัง คงนึกภาพออกนะครับ) ผมค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งอย่างระมัดระวังสุดชีวิตแต่ก็ยังไม่วายต้องสูดปากสูดคอตอนตูดแตะเก้าอี้ ยิ่งเห็นผิวที่แดงลายพร้อยเป็นตุ๊กแกแล้วก็อยากจะร้องไห้....ไอ้พี่ภพมันจัดหนักจัดเต็มกับกูมากกกก
สรุป.....มันหึงรุนแรงจริงๆหรือว่าหาเรื่องกดผมกันแน่หว่า?
นอนไปนอนมาไอ้กลอนก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้.....
++++++++++++++++++
"ไอ้ตินใจเย็นมึง นี่มันเข้าข่ายบุกรุกนะเว้ย!"
เสียงคุยเอะอะหนวกหูบวกด้วยเสียงกับก๊อกๆแก๊กๆทำให้ผมต้องขมวดคิ้วทั้งๆที่ยังหลับตา มือไม้ควานหาหมอนอิงใบเล็กยกขึ้นมาปิดหูโดยไม่คิดจะสนใจสาเหตุที่มาของเสียงสักนิด
"ไอ้กลอนต้องด่ากระจายแน่"
ใครวะ? รู้จักกูด้วย?
"ไม่ต้องห่วง กูจะด่ามันก่อนเอง จะเอาให้มันเละเป็นโจ๊กเลย!"
เสียงเหมือนไอ้หมูอบกับไอ้ตินเลยแฮะ....
................
.........
......
ฮะ!!!! ไอ้หมูอบกับไอ้ติน!!!!!! สองชื่อนี้ทำให้ไอ้กลอนต้องลุกพรวดพราดหน้าตาตื่น ลืมอาการเจ็บเสียดที่สะโพกไปชั่วขณะ
โครม!!!!
"ไอ้กลอน! มึงมุด- -"
ช้าไปแล้วครับไอตินที่ถีบประตูหัวเข้ามาพูดได้ไม่กี่คำก็เบิกตากว้าง ไอ้หมูอบกับไอ้โรมที่ดึงแขนมันไว้คนละข้างก็อึ้งไม่แพ้กันรวมทั้งผมเองด้วย
"อะ- -ไอ้กลอน มะ- -มึงโดนรุมโทรมมาเหรอะ!!!!"
ปึก!
หมอนอิงใบเล็กในอ้อมกอดถูกเขวี้ยงใส่ไอ้คนปากหมาโดนหน้าเต็มๆแม่นเหมือนจับวาง หึ....ถึงสภาพผมในตอนนี้แทบจะไม่ต่างจากที่มันว่าก็เถอะแต่คำทักทายของมันนี่เหลือจะรับจริงๆ!
"กลอนเกิดอะไรขึ้น?"
คุณชายโรมถามเสียงเครียด ไอ้กลอนยกมือขยี้หัวอย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี- -จะบอกว่าโดนนายตานีปล้ำงั้นเหรอ? พวกมันได้จับผมส่งศรีธัญญาก่อนนะสิ
"มึงหาเสื้อให้กูใส่ก่อน"
ถึงจะสนิทกันแค่ไหนเห็นร่างเปลือยกันก็บ่อย แต่สภาพเนื้อตัวที่มีแต่รอยจูบมันก็น่าอายอยู่ดี ไอ้โรมมองหน้าผมนิ่งๆแป๊บนึงก็เดินเข้าไปหาเสื้อมาให้ใส่ หลังจากนั้นพวกมันก็มานั่งล้อมผมเป็นวงเตรียมซักฟอกเต็มที่ เกิดเดดแอร์ระหว่างพวกเราสี่คนอยู่พักใหญ่ ผมไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงโดยที่ไม่ทำให้พวกมันคิดว่าผมบ้าไปเสียก่อน ส่วนพวกมันที่คิดไปไหนต่อไหนไกลสุดกู่ก็ไม่กล้าถามให้กระเทือนใจ แต่สุดท้ายไอ้โรมก็เอ่ยปากขึ้นมาเป็นคนแรก
"มึงแอบมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้กลอน แล้วผัวมึงหายไปไหน?"
"มีผัว? แต่สภาพมันเหมือนโดนข่มขืนมากกว่านะเว้ย!!!" ไอตินเถียงกลับทันควัน
แม่ง...ไม่ติดที่เจ็บตูดอยู่กูกระโดดถีบมึงหน้าหงายไปแล้วนะเนี่ย!
"คนที่ข่มขืนมันคงไม่ทำความสะอาดบ้านช่อง เตรียมข้าวปลาอาหารไว้บริการพร้อมสรรพแบบนี้หรอกว่ะ"
มันพยักหน้าไปทางโต๊ะกินข้าวที่มีฝาชีครอบเอาไว้เรียบร้อย เพราะไอ้โรมสะกิดเตือนมันสองคนถึงได้สังเกตถึงความสะอาดขั้นเทพของบ้าน (อดีต) รังหนูของผมเต็มๆตา
"ขนาดตู้เสื้อผ้ามันยังรีดพับเรียบร้อยเรียงไล่สียิ่งกว่าโชว์รูมขายเสื้อผ้า สะอาดเป็นระเบียบจนกูคิดว่ามึงมีเมีย แต่เห็นร่องรอยตามตัวแล้วคนที่ทำน่าจะเป็นตัวผู้มากกว่า ถึงมึงไม่ได้เต็มใจเท่าไรแต่ไอ้หมอนั่นจริงจังและเอาจริงกับมึงแน่ๆ"
"มึงนี่เป็นอับดุลมาเกิดหรือเปล่าวะ? ผมบ่นเบาๆ
"จริงเหรอเนี่ย!? แล้วผู้ชายที่ไหนวะตาถั่วเห็นมึงน่ารักจนลงทุนยอมลดตัวเป็นผัวบวกพ่อบ้านให้แบบนี้วะ ฮ่าๆๆ"
"กูหล่อเหอะไอ้หมูอบ" ผมด่าไอ้เพื่อนชั่วที่พอหายตกใจแล้วก็เห็นเป็นเรื่องสนุกซะงั้น
"เลิกเล่นกันก่อน ไอ้กลอน- -เล่ามาได้แล้วว่าผัวมึงเป็นใคร แล้วมาซั่มกับมึงได้ยังไง?"
ไอ้โรมห้ามก่อนที่จะพากันออกทะเลไปมากกว่านี้ ส่วนไอ้กลอนที่ฟังคำถามแล้วก็นึกถึงต้นเหตุความซวยที่ทำให้ได้ผัวเป็นผีขึ้นมาได้จนอารมณ์พุ่งปรี๊ด
ผัวะ!!!!
"เฮ้ย! แล้วมึงจะถีบกูทำไมวะ!?"
"โอ๊ย!!!!"
เสียงแรกเป็นเสียงโวยวายของไอ้หมาตีนส่วนเสียงร้องครางด้วยความเจ็บนะเป็นของผมเองเนี่ยแหละ ไม่เจียมบอดี้เผลอยกขาถีบไอ้เพื่อนเลวโดยลืมไปว่าตัวเองเจ็บตูดอยู่เลยต้องมานั่งน้ำตาเล็ดจนได้
"ฮือออออ เพราะมึงแหละไอ้เหี้ยตีน!!!"
เพราะความปวดหัวปวดตัวและปวดตูด บวกกับอาการไข้ที่เริ่มมาเยือนทำให้อารมณ์ของไอ้กลอนอ่อนไหวมากขึ้นเยี่ยงผู้หญิงยามเป็นเมนส์ จนร้องไห้โฮขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ พวกมันสามคนพากันเหวอก่อนจะรีบปลอบผมทันที
"ขอโทษๆ กูผิดเอง มึงหยุดร้องไห้ก่อนนะ- -นะ"
"ใช่แล้ว หยุดร้องก่อน เดี๋ยวจะปวดหัวนะมึง"
"ชู่ว~~~~ใจเย็นนะไอ้กลอน เดี๋ยวกูจัดการมันให้เอง มึงก็เล่ามาเร็วว่าไอ้ตินทำอะไรให้มึง"
ไอ้กลอนไม่ใช่คนขี้แย.....ครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้ก็คือตอนที่พ่อกับแม่ตาย หลังจากนั้นถึงจะเจอเรื่องหนักหน่วงจากพวกญาติญาติโลภมาก หรือเรื่องอื่นผมก็ไม่เคยร้องไห้อีกเลย ซึ่งไอ้สามตัวนี้มันก็รู้ดีถึงได้ตกใจไม่นึกว่าผมจะร้องไห้ออกมาดื้อๆ
"กะ- -ก็เพราะคำแนะนำให้ของมึงแหละไอ้ตีน กูถึงได้เป็นแบบนี้!"
ไอ้โรมกับไอ้หมูอบหันขวับไปมองไอ้ตินที่กลืนน้ำลายอึกด้วยสายตาคาดโทษทันที
"เอ่อ- -เรื่องที่มันบอกให้มึงมีผัวนะเหรอ?" ไอ้หมูอบถามอย่างระมัดระวังคงกลัวว่าผมจะร้องไห้อีกรอบ
"ไม่ใช่!"
"แล้ว- -"
"ก็ที่มันบอกให้กูเอานางตานีมาเป็นเมียไงวะ! แม่ง- -เพราะมันแนะนำเหี้ยๆ กูถึงได้นายตานีมาเป็นผัวเฉยเลย แถมไอ้ผีนี่ก็โคตรหื่นหาเรื่องกดกูเรื่อย นี่ๆๆๆๆ สภาพกูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงเลยไอ้เหี้ยตีนนนน!!!
(O.o) !!!
(*o*) !!!
(O_*)!!!
++++++++++++++++++
หลังจากนั้นไอ้กลอนก็เล่าๆ (แกมฟ้อง) เล่าทุกอย่างให้พวกมันที่นั่งอ้าปากเหวอฟังจนจบ พอได้ระบายอารมณ์จนโล่งขึ้นมาหน่อยหนึ่งท้องก็ร้องจ๊อกๆ ผมเลยปล่อยให้พวกมันนั่งช็อคอยู่ที่เดิม แล้วเดินกระย่องกระแย่งมานั่งซัดข้าวลงท้องชดเชยพลังงานที่เสียไปโดยไม่สนใจอีก
"แล้วมึงจะเอายังไงต่อ?"
ผมเหลือบมองไอ้โรมอย่างแปลกใจ.....คือ- -มึงเชื่อง่ายไปไหม?
"มึงเชื่อที่กูบอก?"
"นายตานีนั่นหน้าตาหล่อๆคมๆ แบบคนโบราณ ผิวคร้ามๆไม่ดำแต่ก็ไม่ขาวตัวสูงประมาณร้อยแปดสิบกว่าๆ รูปร่างล่ำสันกล้ามเนื้อโคตรสวยแล้วก็ใส่โจงกระเบนสีเขียวเข้มใช่ป่ะ?"
มันบรรยายลักษณะของไอ้พี่ภพได้แม่นอย่างกับตาเห็น จนผมกลายเป็นฝ่ายนั่งอ้าปากค้างช้อนร่วงจากมือแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ....สรุปมันเป็นอับดุลมาเกิดจริงๆเหรอเนี่ย!!!
"มะ- -มึง"
"สงสัยจะคน เอ๊ย! ตนเดียวกันจริงๆว่ะ" ไอ้หมูอบที่ลากไอ้ตินมานั่งสุมหัวที่โต๊ะทานข้าวพยักหน้าหงึกหงัก
"ไม่ต้องแปลกใจหรอกไอ้กลอน ถ้าเป็นนายตานีตนนี้พวกกูเคยเจอมาก่อน" ไอ้โรมบอกยิ้มๆแต่ถ้าตาไม่ฝาดผมว่าหน้ามันซีดลงนิดหนึ่ง
"แม่ง- -ก็ไอ้ผีตัวนี้แหละที่หลอกหลอนพวกกูจนหัวตั้งตอนมากินเหล้าบ้านมึงตอนปีสอง ว่าแต่มันอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่าวะ?" ไอตินเฉลยที่มาที่ไปพลางซุกตัวเบียดระหว่างไอ้โรมกับไอ้หมูอบ ตาก็มองไปรอบๆอย่างระแวง
"มันเขียนโน้ตบอกว่าจะไม่อยู่สักพัก" ผมที่ยังอึ้งตอบคำถามมันไปแบบมึนงง....สรุปว่าพวกมันเคยเจอไอ้พี่ภพมาแล้วเหรอวะเนี่ย?
"ห๊ะ!!! เป็นผีแต่เขียนหนังสือได้ด้วยหรอวะ!?"
"ขุดดินกลางแดดมันยังทำได้เลย!"
"โห~~บารมีแก่กล้าไม่เบาแฮะ"
ไอ้โรมมองผมกับไอ้ตินคุยกันแล้วก็ส่ายหัวก่อนจะตบหัวไอ้ตินไปทีหนึ่ง
"มึงอย่าเพิ่งชวนมันไร้สาระไอ้ติน แล้วตกลงมึงจะทำยังไงต่อไอ้กลอน- -จะยอมเป็นเมียผีต่อหรือเปล่า?"
"เมียเหี้ยอะไร! มึงหยุดพูดคำนั้นเลยนะ!" ผมด่ากลับก่อนยกน้ำขึ้นดื่มหมดอารมณ์กินข้าวทันที "ก็ต้องหาวิธีส่งมันกลับคืนต้นตานีให้ได้สิวะ เรื่องอะไรจะยอมให้มันอยู่ต่อ"
"แต่ไอ้ตินมันก็พูดถูกนะเว้ย" ไอ้หมูอบแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล "ท่าทางมันจะมีตบะแรงกล้าไม่เบาถึงขั้นอยู่กลางแดดแบบนั้นได้ แล้วมึงคิดว่าจะยอมไปได้ง่ายๆเหรอวะ?"
"ทีตอนเรียกกูยังเรียกมาได้ง่ายๆมึนๆ ตอนไล่ก็ไม่น่าจะยากหรอกมั้ง?"
"แล้วมึงจะไล่ยังไง?"
"เผาสิวะ!"
"........"
"......"
"ก็ลองดู เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำมันมาให้" ไอ้หมูอบพูดขรึมๆ
"ซื้อมาเยอะๆนะมึง ดงกล้วยบ้านมันกว้างชิบหายเดี๋ยวจะไม่พอเอา" ไอ้ตินพยักหน้าสนับสนุนพ่วงด้วยคำแนะนำ
"เฮ้ยๆๆ พวกมึงจะเผาอะไรวะ!?"
"ก็เผาดงตานีไง"
"จะบ้าเหรอ! นั่นมันที่ทำมาหากินกูนะเว้ย เผาแค่รากกล้วยบนหัวนอนกูก็พอ!"
"อ้าว?"
"เฮ้อ~~พวกมึงนี่ปัญญาอ่อนชิบหาย" ไอ้โรมบ่นก่อนจะลุกหายเข้าไปในห้องนอนผม
"เออสิ มึงปัญญาแก่นี่"
ไอ้ตินว่าตามหลังเบาๆ ทั้งผมทั้งไอ้หมูอบมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มขำ....จุ๊ๆๆ สองคนนี่นะ- -คนหนึ่งซื่อบื้อบวกซึน อีกคนหนึ่งก็ขี้เก๊กปากหนัก มันเลยคาราคาซังมาตั้งสี่ห้าปีแล้วเนี่ย!
ไอ้โรมหยิบพานใส่รากกล้วยตานีมาให้ผมทั้งพานแถมด้วยน้ำมันและไม้ขีด ผมเงยหน้ามองมันเอ๋อๆ
"ให้กูเผาเหรอ?"
"เออสิ มึงเชิญมามึงก็ต้องเชิญกลับ" มันมองไอ้กลอนด้วยสายตาเหมือนกับว่าผมถามอะไรได้โง่มากกกก "อีกอย่างนายตานีนั่นดูจะชอบมึงมาก ถ้าไม่ได้ผลมึงคงไม่โดนอะไรมากนอกจากถูกซั่มสักสองสามรอบ แต่พวกกูคงโดนถึงตายแน่!"
"โห~~ไอ้โรม มึงรักเพื่อนมากกกกก แล้วไม่เป็นอะไรบ้านมึงดิ เห็นสภาพกูตอนนี้ป่ะ? แค่เผลอหลุดปากว่าชอบสาวๆสวยๆอึ๋มๆ มันยังเล่นกดกูเกือบอาทิตย์ คราวนี้กูไม่โดนเป็นเดือนหรอวะ!?"
"เป็นอาทิตย์เลยเหรอ?...."
ผมยกมือปิดปากหน้าแดงก่ำเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดมากไปซะแล้ว พวกมันมองผมอึ้งๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"อะแฮ่ม! แล้ว- -แล้วมึงยังจะเผาอยู่หรือเปล่า?" ไอ้หมูอบเปลี่ยนเรื่องด้วยใบหน้าแดงแจ๋
"เออ!"
บอกตามตรงนะครับ....ไอ้กลอนแอบลังเลนิดหน่อยก่อนที่จะจุดไม้ขีดโยนลงพานที่มีน้ำมันก๊าดราดผ้าห่อรากกล้วยจนชุ่ม เอ๊ะๆๆ อย่าเข้าใจผิดนะ- -ผมไม่ได้อาลัยอาวรณ์ไอ้พี่ภพมันหรอก แต่ถ้าไม่ได้ผลนี่เติมคำว่าโคตรสิบคำหน้าคำว่าซวยยังไม่พอเลย!!!!!
พรึ่บ!
นัยน์ตาสี่คู่แปดข้างจับจ้องห่อผ้าที่กำลังถูกเผาอย่างลุ้นสุดขีดชนิดที่ไม่มีใครยอมกระพริบตา
วูบ!!!
"เฮ้ย!"
"เชี่ย!"
"เหวอ!!!"
"ม๊าคร้าบบบ!!!!"
อยู่ๆก็มีลมโคตรแรงกระชากวูบเข้ามาในบ้าน พวกเราสี่คนพากันสะดุ้งเฮือกกระโดดกอดกันกลมมุดลงใต้โต๊ะร้องเสียงหลงหลุดมาดแมน พากันสวดหาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ลามไปหาสารพัดพระที่มีอยู่บนโลก หลังสวดมนต์ผิดๆถูกๆกันอยู่พักใหญ่ พวกเราก็สังเกตว่าทุกอย่างสงบนิ่งจึงค่อยๆโผล่หัวออกจากใต้โต๊ะ
"เฮ้ย เงียบไปแล้วว่ะ" ไอ้หมูอบบอกทั้งที่เสียงยังสั่น
"เงียบสงบก่อนเกิดพายุหรือเปล่าวะ?"
"อย่าเพิ่งปากเสียไอ้ติน" ไอ้โรมด่าคู่หูคู่กัดมันเบาๆ แต่ตาก็เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
"กูกลับ!"
"หยู๊ดดดด!!!! มึงจะเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้นะไอ้หมูอบ" ไอ้กลอนใช้ทั้งแขนทั้งขาดึงไอ้เพื่อนเลวที่คิดจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวเอาไว้แน่น
"กะ- -ก็กูกลัว"
"แล้วพวกกูไม่กลัวหรือไงหา!"
"ตกลงมันได้ผลหรือเปล่าวะ ไอ้กลอน- -มึงรู้สึกอะไรบ้างไหม?" ไอ้โรมหันมาถามเสียงเครียด ผมส่ายหน้าทันที
เหี้ย- -กูไม่ใช่เจนญาณทิพย์หรือริวจิตสัมผัสนะ.... "ยังไงก็ออกจากที่นี่ไปหาที่ตั้งหลักกันก่อนเถอะว่ะ บอกตรงๆ- -กูเสียว"
"นั่นสิ กูขอเก็บเสื้อผ้าแป๊บ"
หลังจากนั้นสิบนาทีบีเอ็มราคาแพงของไอ้โรมก็พุ่งฉิว พาพวกผมสี่คนออกจากบ้านสวนไปแบบไม่เหลียวหลังกลับ
+++++++++++++++
อ้าวๆๆๆ เมียหนีซะแล้วค่าพี่ตานี

มาคอยดูว่าน้องกลอนกับเพื่อนจะหนีไปไหน แล้วหนีกันรอดหรือเปล่า ฮิฮิ
ปล.ลืมถามว่าถ้าอ่านจากโน้ตบุ้คหรือเครื่องพีซีตัวหนังสือเล็กไปหรือเปล่าคะ? ถ้าเล็กไปคราวหน้าจะได้เพิ่มขนาดให้