Love Recipe รัก||รส||เด็ด
{ใหญ๋Xโดนัท}
Step 1: เริ่มต้นด้วยแป้งอเนกประสงค์หนึ่งถ้วยตวง
ชื่อของเขาคือ ณัฐภาส ชื่อเล่นชื่อ โดนัท
นักศึกษาคณะคหกรรมศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์การทำอาหาร
และวันนี้เป็นวันแรกที่เขาจะได้เจอเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่จะเป็นผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขของเขาไปตลอดสามปี เพราะปีที่สี่เขาจะ
ได้ไปเรียนรู้งานที่โรงแรมจริงๆ กับเชฟจริงๆในครัวจริงๆที่เขาเคยเห็นแค่ในรายการทำอาหาร
“…นอกจากรางวัลผ้ากันเปื้อนทองคำ หม้อทองคำ แล้วก็กระทะทองคำ เชฟใหญ่ยังได้รางวัล.....”
และในเวลาเพียงสิบวินาทีที่เจอหน้ากัน เขาก็สามารถพล่ามเรื่องของเชฟหนุ่มในดวงใจที่เขาเคารพและบูชามาตั้งแต่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายปรากฎตัวในนิตยาสารอาหารเมื่อสี่ปีก่อนด้วยวัยเพียงสิบเก้าปีให้เพื่อนร่วมห้องของเขาฟังได้โดยไม่หยุดพักหายใจ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงได้พาตัวเองเข้ามาในหัวข้อสนทนานี้
“เอ่อ...เราชื่อหมอกนะ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน”
รูมเมทคนใหม่ของเขายิ้มแหยๆ เหมือนไม่มั่นใจว่าทางระบบสุ่มของหอพักได้ตรงคัดกรองสภาวะทางจิตของผู้เข้าพักอย่างที่สัญญาไว้หรือไม่
สำหรับเด็กวัยรุ่นหลายคน คนดังที่พวกเขาใฝ่ฝันที่จะได้พบเจอซักวันอาจจะเป็นนักแสดง นักร้อง นางแบบนายแบบ หรือนักกีฬาที่มีชื่อเสียง แต่สำหรับณัฐภาส คนที่อยู่ตำแหน่งสูงสุดของรายการตั้งแต่เขาอายุสิบสามคงไม่พ้น เชฟโตมร หรือเชฟใหญ่ ที่เขาสามารถพูดถึงได้ทุกลมหายใจเข้าออก
"แล้วเชฟใหญ่..."
"หยุด!" เสียงตวาดแหวของเด็กสาวร่างเล็กในชุดนักศึกษาดังลั่นโรงอาหาร "ถ้าแกพูดถึงเชฟใหญ่อีกแค่คำเดียว ฉันจะกรี๊ดจนกว่ายามมหาลัยจะมาไล่เราออกจากโรงอาหาร"
ตอนนี้เขาเปิดเทอมมาได้ระยะหนึ่งแล้ว นอกจากเพื่อนในคณะแล้วเขายังมีเพื่อนนอกคณะถึงสองคน นั่นคือมธุวัน หรือหมอก รูมเมทที่ใจเย็นเสียจนน่าบรรลุทางธรรม และญาวิกา หรือ หยาหยี เด็กสาวหัวร้อนที่เขายังไม่ค่อยแน่ใจว่าพวกเขามาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร
ญาวิกาฟุบหน้าลงกับโต๊ะหลังจากพูดจบ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความรู้สึกของณัฐภาส เธอเองก็เคยเป็นแฟนคลับดารา บ้านักร้อง กรี๊ดกร๊าดคนดังไปตามประสา แต่ความรู้สึกที่เพื่อนของเธอมีต่อผู้ชายคนนี้มันลึกลงไปเสียยิ่งกว่าหุบเหวนรกอเวจี
"ใจเย็นๆนะทั้งสองคน กินข้าวกันต่อดีกว่าเนอะ"
มธุวันยิ้มแห้ง พยายามไกล่เกลี่ยให้พวกเขาเลิกกัดกันในโรงอาหาร ญาวิกาส่งเสียงฮึดฮัด แต่ก็ยอมลงให้กับน้ำเย็นประโลมใจนั้น
เขาชื่นชมเชฟใหญ่มาก มากเสียจนเขายอมรับว่าบางทีเขาก็รู้สึกว่ามันก้าวข้ามไปถึงคำว่า 'คลั่งไคล้' ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเป็นเชฟรับเชิญพิเศษสอนทำอาหารในวันเสาร์ที่จะถึง เด็กปีหนึ่งทุกคนในคณะต้องเข้าร่วม และเขายังสามารถพาเพื่อนที่สนใจไปเข้าอบรมด้วยได้
"ขอโทษนะ วันเสาร์เรามีธุระ"
มธุวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพย รูมเมทของเขาที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคบค้าสมาคมกับใครนอกจากชมรมยิงปืนและไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดออกปากแบบนี้ เขารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะไปกับไอ้ลูกครึ่งรัสเซียร่างยักษ์ที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของร่างโปร่งทุกครั้งที่ใครเข้าใกล้เป็นแน่
เข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมธุวันถึงไม่ยอมบอกซักทีว่าคบกับอีกฝ่าย ทั้งที่เขากับญาวิกามองปราดเดียวก็ดูออกแล้ว
แต่ถ้าเพื่อนไม่พร้อมจะบอก พวกเขาสองคนก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแบบนี้ต่อไปจนกว่ามธุวันจะสบายใจที่จะเป็นฝ่ายบอกพวกเขาเอง
นั่นเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เขากับญาวิกาเห็นตรงกัน
เมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงตัดสินใจลองชวนญาวิกาดู ผิดคาด เด็กสาวกลับตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด ทั้งที่เขานึกว่าจะรำคาญจนไม่อยากได้ยินชื่อของเชฟใหญ่แล้วเสียอีก
"ฉันอยากจะรู้นักว่าเชฟใหญ่อะไรของแกนี่จะหล่อแค่ไหน"
ญาวิกาให้เหตุผล คอยดูนะ ถ้าไม่หล่อสมราคาคุยขึ้นมา เธอจะเอาไปล้อมันยันลูกบวชเลย
"ความแตกต่างของมีดประเภทต่างๆมีดังนี้นะครับ..."
"อื้อหือ..."
ถึงแม้จะเสียดายที่ล้ออีกฝ่ายเรื่องความหล่อของเชฟใหญ่ที่เปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมันไม่ได้ แต่ญาวิการู้สึกว่าอาหารตาที่ได้ก็คุ้มแล้วที่มาในวันนี้
แต่คนข้างๆของเธอนี่สิ จ้องเชฟที่กำลังยกมีดขึ้นให้คนในคลาสดูไม่วางตา บรรยากาศรอบตัวที่มักจะดูแข็งกร้าวมุทะลุอีอนโยนลงอย่างน่าประหลาด เหมือนกับแมวป่าที่เพิ่งถูกฝึกให้เชื่องทั้งที่เพิ่งเจอเจ้าของเป็นครั้งแรก
น่าสนใจ...
เด็กสาวยิ้มกริ่มกับมุมที่เธอไม่เคยเห็นของณัฐภาส
"เอาล่ะครับ มีใครสนใจจะลองลงมาแล่ปลาที่แท่นสาธิตบ้างครับ"
เชฟใหญ่เงยหน้าขึ้นมาถามนักศึกษา ณัฐภาสเท้าคางกับเคาท์เตอร์มองแล้วถอนหายใจอย่างมีความสุขเหมือนสาวน้อยที่เพิ่งได้เจอกับไอดอลของตนเป็นครั้งแรก เชฟใหญ่เป็นชายร่างสูงวัยยี่สิบสามปีที่มีรูปร่างเหมือนนักกีฬามืออาชีพมากกว่าเชฟ เรียกได้ว่ากำยำสมชายชาตรี ผิดกับณัฐภาสที่ถึงแม้จะมีเครื่องหน้าและรูปร่างแบบพิมพ์นิยมอปป้าเกาหลีที่สาวๆคลั่งไคล้ แต่เขากลับชอบโครงสร้างร่างกายแบบร่างสูงมากกว่า
"ค่า! สนใจค่า!"
มือของญาวิกาชูขึ้นโบกไปมากลางอากาศเรียกความสนใจจากทุกคนในคลาส รวมถึงเชฟหนุ่มที่เป็นคนถามหาอาสาสมัครเมื่อครู่
ณัฐภาสยังคงไม่ได้ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งดวงตาคมสีรัติกาลสบกับดวงตาของเขา เชฟใหญ่กระตุกยิ้มมุมปาก ราวกับเพิ่งเห็นเนื้อชั้นดีที่เหมาะจะให้เชฟมืออาชีพอย่างเขาปรุงรส
ณัฐภาสรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรงของตัวเอง
"ครับ น้องผู้หญิงที่ผูกผมแกละ เชิญเลยครับ"
"ไม่ใช่หนูค่ะ เพื่อนหนูคนนี้เขาอยากลองค่ะ"
ณัฐภาสรู้สึกถึงแรงจิ้มจึ้กๆที่ต้นแขน ร่างโปร่งหันไปหาเพื่อนที่มาด้วยกัน สมองยังคงประมวลผลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้
"ครับ น้องผู้ชายข้างๆ เชิญเลยครับ"
เสียงปรบมือดังขึ้นพอเป็นพิธีขณะที่ณัฐภาสเดินลองมาจากเคาท์เตอร์ของตัวเอง ทั้งที่ระยะทางจากตรงนั้นมาที่สเตเดียมด้านหน้าไม่ได้ห่างกันมาก แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการเดิน
"แนะนำตัวหน่อยได้มั้ยครับ ชื่อเล่นก็ได้"
เชฟใหญ่ถาม เสียงนุ่มทุ้มยิ่งอยู่ใกล้ๆยิ่งทำให้ใจเขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ณัฐภาสอ้าปากตอบ แต่เสียงที่ออกมากลับเบาและดูไม่มั่นใจ ไม่เหมือนกับเวลาที่เขาพูดปกติสักนิด
"โดนัท...ครับ"
"โดนัท? ชื่อน่ากินจังนะครับ"
ร่างสูงในชุดเชฟสีขาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะจากคนในคลาสได้เป็นอย่างดี
ไม่รู้ทำไม แต่ณัฐภาสรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายเมื่อครู่ไม่ได้กำลังล้อเล่น
"โดนัทอายุเท่าไหร่แล้วครับ"ร่างสูงเริ่มเปิดประเด็นชวนคุยราวกับว่ามีพวกเขาเพียงสองคนในห้อง
"จะสิบแปดแล้วครับ"
"คณะอะไรครับ?"
"คหกรรมครับ ฟู้ดไซน์"
"มีแฟนรึยังครับ?"
"ฮะ?"
ณัฐภาสเอ๋อไปครู่หนึ่งกับคำถามนั้น เขาเพิ่งสังเกตว่าอีกฝ่ายปิดไมค์ตัวเล็กที่เขาสวมไว้ข้างหูตอนที่ถาม
"ถ้าเงียบแบบนี้พี่จะถือว่าไม่มีนะ"
ร่างสูงขยิบตา ก่อนจะเปิดไมค์กลับเป็นปกติอีกครั้งเมื่อฝ่ายเทคนิคเดินเข้ามาใกล้
"ไหนลองเลาะก้างปลาให้พี่ดูหน่อยซิ"
คำแทนตัวเองว่าพี่อย่างสนิทสนมยังทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงอยู่แล้วแทบกู่ไม่กลับ แต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะสร้างความประทับใจให้ไอดอลในดวงใจเห็น ณัฐภาสจึงสูตรหายใจเข้าลึกๆแล้วหยิบมีดขึ้นมา
"โห เก่งมาเลยครับ เลาะเนื้อปลาแนบติดก้างจนแทบไม่มีเนื้อปลาเหลือเลย"
เชฟใหญ่ชม คำชมของไอดอลทำให้ร่างโปร่งหน้าขึ้นสี ณัฐภาสยังคงอมยิ้มไม่หายถึงแม้จะกลับขึ้นมาประจำที่เคาท์เตอร์ของตัวเองแล้วก็ตาม
"แหม ยิ้มไม่หุบเลยนะแก"ญาวิกาแซวเพื่อน
"ยุ่ง"
แม้จะพูดแบบนั้นแต่รอยยิ้มบนริมฝีปากก็ยังคงไม่จางหายไปไหน
"ฉันว่านะ เชฟใหญ่เขาต้องชอบแกแน่ๆเลยนัท เล่นหูเล่นตาซะขนาดนั้น"ญาวิกาใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนเบาๆ "แล้วตอนที่ไมค์ดับเมื่อกี้เขาถามแกว่าอะไรเหรอ?"
"มะ...ไม่มีอะไรซักหน่อย"
ร่างโปร่งบ่ายเบี่ยง ก้มหน้าก้มตาอ่านสูตรอาหารที่พวกเขาจะเรียนในวันนี้
"ไม่มีอะไรได้ไง แต่ทำหน้าอย่างกับปลาโดนทุบหัว ว่าไง" ญาวิกาคาดคั้น "ถ้าแกไม่พูดฉันจะตะโกนบอกเชฟใหญ่ว่าแกมีกางเกงในสกรีนหน้าเขาอยู่"
"จะบ้าเหรอ กูมีของแบบนั้นที่ไหน"ร่างโปร่งรีบท้วง
"มีไม่มีฉันก็ตะโกนบอกได้ย่ะ รับรองว่าเชฟใหญ่จำแกได้ไปจนวันตาย"
เด็กสาวยกมือขึ้นป้องปากเตรียมตะโกนเรียกร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าห้อง ณัฐภาสรีบเอามือตะครุบปากเพื่อนไม่รักดีของตนไว้ทันที
"เออ บอกแล้วๆ เขาถามว่ากูมีแฟนรึยัง พอใจมั้ย?"
ร่างโปร่งกลั้นหายใจพูดออกไป โชคดีที่เขายังเอามืออุดปากญาวิกาไว้เพราะไม่อย่างนั้นเสียงกรี้ดของเธอจะต้องดังไปถึงหน้าห้องแน่
"แก๊! เขาชอบแกแน่ๆ คนปกติที่ไหนจะมาถามอะไรแบบนั้นกับคนเพิ่งรู้จัก”
เด็กสาวร้องวี้ดว้ายข้างหูเขาไม่ให้คนอื่นได้ยิน ณัฐภาสกลอกตา แสร้งทำเป็นว่าตนไม่ได้รู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้รับความสนใจจากคนที่ตัวเองชื่นชอบ
“วันนี้เราจะมาทำแกงส้มกุ้งกับไข่เจียวชะอมกันนะครับ”
เชฟใหญ่เริ่มสาธิตการเตรียมเครื่องและวัตถุดิบต่างๆ ณัฐภาสจดจ่อกับคำพูดของร่างสูงทุกขั้นตอนจนลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น เชฟใหญ่ทำอาหารเหมือนนักเต้นกำลังร่ายรำ ร่างสูงใหญ่ที่เคลื่อนอย่างคล่องแคล่วสร้างจังหวะเพลงที่ไร้เสียง
ให้ตายเถอะ เขาต้องทำยังไงถึงจะสมบูรณ์แบบได้เท่าผู้ชายคนนี้นะ
“โห เก่งอ่ะ นี่แกชอบทำอาหารขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ญาวิกาตาโตมองเพื่อนที่ลวกเนื้อปลา เลาะก้าง ตำเครื่องแกงอย่างคล่องแคล่วประหนึ่งแม่ศรีเรือนมาเอง
“แม่ชอบให้เข้าครัวด้วย เลยติดมาตั้งแต่เด็ก”
เด็กหนุ่มตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากครก ญาวิกาที่ไม่เคยแม้แต่ทอดไข่ทำได้เพียงส่งของให้ผิดๆถูกๆเมื่ออีกฝ่ายใช้งาน ไม่รู้ว่าตัวเองมาเป็นตัวช่วยหรือแค่มาป่วนเพื่อนกันแน่
“น้ำตาลปี๊บหน่อย”
ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นหลังจากใส่ส่วนผสมบางส่วนลงไปในหม้อ ญาวิกากวาดตามองบนโต๊ะ แต่ของพวกนี้อยู่ในกระปุกใสๆ ไม่มีฉลากแปะให้เธอได้อ่าน
น้ำตาลปี๊บ...มันต้องอยู่ในปี๊บป่ะวะ?
แต่ก่อนที่เธอจะได้หันไปถาม ท่อนแขนแข็งแรงก็เอื้อมผ่านหน้าเธอไปหยิบกระปุกที่ใส่ก้อนแข็งสีน้ำตาลก้อนใหญ่ไว้ส่งให้กับเพื่อนข้างๆ
“ก็รู้จักนี่ ทีน้ำมันหอยกับน้ำปลาทำไม่แยกไม่ออกวะ?”
ณัฐภาสคว้ากระปุกมาโดยไม่มองด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนหยิบมาให้ ญาวิกากำลังจะเอ่ยทักแต่เชฟมืออาชีพที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
ยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น
ค่า จู๋จี๋กันตามสบายเลยค่า
เด็กสาวไหวไหล่ ยังไงเธอก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำอาหารตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เอาผักกาดขาวที่กูหั่นไว้ให้หน่อย”
เชฟใหญ่หยิบถ้วยใส่ผัดกาดขาวส่งให้ เป็นอีกครั้งที่ณัฐภาสรับมาโดยไม่ได้สนใจว่ามือของญาวิกาดูเปลี่ยนไปเลย
“กุ้ง...”
ร่างโปร่งควานหากุ้งสดที่ตนผ่าหลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอน เชฟใหญ่ถือจานเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ณัฐภาสหรี่ไฟลงแล้วปล่อยให้เครื่องแกงเข้าเนื้อกุ้งและผัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
“หลังๆหยิบคล่องขึ้นแล้วนี่ ชอบล่ะ...สิ”
ร่างโปร่งอ้าปากพะงาบๆเมื่อเห็นว่าคนที่คอยเป็นลูกมือให้เขาอย่างขยันขันแข็งเมื่อครู่เป็นใคร
“ก็ชอบนะ ไม่ได้เป็นลูกมือคนอื่นมานานแล้ว”ร่างสูงยิ้ม
“ขะ…ขอโทษครับเชฟ!”
ณัฐภาสหน้าเสีย แต่คนที่ถูกใช้งานกลับไม่ถือสา หนำซ้ำยังมีท่าทีสนุกสนานกับสีหน้ารู้้สึกผิดของเด็กหนุ่มเสียอีก
“เรียกเชฟซะห่างเหินเชียว” ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้ “เรียกพี่ใหญ่สิ”
“คะ…ครับ”คนถูกสั่งพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง
“เรียกสิ”เชฟใหญ่กอดอก
“พี่..ใหญ่...”
ร่างโปร่งรู้สึกถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบิดม้วนตัวเองไปมาจนกลายเป็นก้อนกลมๆแล้วกลิ้งหนีไป
“ดีมาก”ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไหนลองเจียวไข่ให้พี่ดูหน่อยซิ”
“ครับ!”
ร่างโปร่งที่ใจเย็นขณะทำแกงส้มเมื่อครู่ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที ณัฐภาสหยิบไข่ไก่ขึ้นมาด้วยมือสั่นๆแล้วตอกลงบนเคาท์เตอร์ก่อนจะแยกเปลือกออก ปล่อยให้ไข่แดงและไข่ขาวไหลหล่นตุ้บลงในถ้วยแก้ว
“เดี๋ยวพี่สอนอะไรให้” เชฟใหญ่ก้าวเข้ามาประชิดด้านหลังของนักศึกษาหนุ่ม เอื้อมผ่านอีกฝ่ายไปหยิบไข่อีกฟองมาวางบนมือเรียวที่เล็กกว่าของตน ก่อนจะใช้มือกุมมือของณัฐภาสไว้ แล้วตอกไข่ที่ขอบถ้วย ก่อนจะบิดมือเล็กน้อย ให้ไขาแตกออก
มาได้โดยใช้มือแค่ข้างเดียว
“….”
ทั้งที่ควรจะตื่นเต้นดีใจกับเทคนิคนั้น แต่เด็กหนุ่มกลับมัวแต่ก้มหน้างุดกับอุณภูมิร่างกายที่โอบล้อมร่างของเขาไว้
“ตั้งใจทำต่อไปนะ พี่ไปดูคนอื่นต่อ”
ร่างสูงให้กำลังใจ ก่อนจะเดินผ่านพวกเขาไปยังโต๊ะต่อไป
“เชฟคะ หนูชื่อคุกกี้น้า ชื่อน่ากินมั้ย?”
เสียงหวานแหลมของเด็กสาวโต๊ะข้างๆดังขึ้น ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่โต๊ะที่อยู่บริเวณโดยรอบได้ยินคำพูดนี้กันหมด ญาวิกาเลิกคิ้วสูง ส่ายหัวกับพฤติกรรมของเด็กสาวโต๊ะข้างๆ แต่คนถูกทักกลับไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย
“ถามแบบนี้ระวังแฟนหึงนะครับ”
“แหม คุ้กกี้ยังไม่มีแฟนหรอกค่า”
“น่ารักๆแบบนี้เดี๋ยวก็มีเองแหละครับ”
“อร๊ายยย”
ร่างสูงยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่ทำให้เด็กสาวรู้สึกเสียหน้า ญาวิกาหันกลับมาหาเพื่อนที่ตอนนี้กลับมามีสีหน้าบอกบุญไม่รับที่เธอแสนคุ้นเคย
“เชฟแก....เอ้อ...เฟรนด์ลี่ดีเนอะ”
“หน้าม่อไปทั่วล่ะสิไม่ว่า”
ณัฐภาสกระแทกเสียง หยิบชะอมกำใหญ่มาสับๆๆอย่างรุนแรงทั้งที่ไม่จำเป็นต้องสับ ถึงแม้จะรู้สึกว่าเพื่อนอารมณ์เสียเกินกว่าเหตุไปนิด แต่เด็กสาวเรียนรู้ที่จะไม่ขัดเพื่อนเวลาที่ร่างโปร่งถือมีดอยู่
ปั้ก..ปั้ก...
กะหล่ำปลีที่ไม่ได้อยู่ในเมนูในตอนนี้ถูกณัฐภาสใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์ต่อจากชะอมที่น่าสงสาร ญาวิกาในตอนนี้แค่รู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายมีอะไรให้ทำร้ายเลยไม่มุ่งเป้ามาทางเธอ
“เอ้าๆ เป็นอะไรครับน้องโดนัท กะหล่ำนั่นไปทำอะไรให้น้องเจ็บช้ำน้ำใจขนาดนั้นครับ?”
ตัวต้นเหตุที่ยังไม่รู้ตัวเดินกลับมาดูโต๊ะที่ควรจะมีพัฒนาการมากที่สุด แต่ตอนนี้กลายเป็นสมรภูมิรบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ณัฐภาสไม่ตอบ ตั้งหน้าตั้งตาสับผักของตัวเองต่อไป จากเด็กที่ตะกุกตะกักหน้าแดงอย่างเขินอายทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้กลายเป็นคนที่เหลือบมองเขาด้วยหางตาราวกับเป็นเพียงฝุ่นดินภายในพริบตาสร้างความประหลาดให้ให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าคนตรงหน้า ‘น่าสนใจ’น้อยลงแต่อย่างใด การผสมผสานกันอย่างลงตัวของเรือนร่างอันหวานหอมยั่วยวนกับอากัปกิริยาที่เผ็ดร้อนแต่กลับดูเปรี้ยวเข็ดฟันในความคิดของเขาและความเขินอายที่ทำให้รสทุกอย่างกลมกล่อมยังทำให้หัวหน้าเชฟที่ชื่นชอบอาหารเลิศรสรู้สึกอยากกลืนกินคนตรงหน้าให้หมดในหนึ่งคำ แต่ก็อยากละเลียดชิมรสชติทีละนิดให้ตราตรึงอยู่ในใจ
ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้เจอคนที่น่ากินตรงสเป็กเขาขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
“โกรธอะไรพี่รึเปล่า? หืม?” ร่างสูงได้ทีเนียนขยับเข้าไปใกล้ ถึงแม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่เขารู้สึกว่าความใกล้ชิดนี้เป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตเขามาต้งแต่เกิด
“เปล่าครับ กรุณาหลบไปด้วย ผมต้องการสมาธิ”
ร่างโปร่งเอ่ยเสียงห้วน คนฟังเลิกคิ้วสูง เช่นเดียวกับคนรอบข้างที่ซุบซิบมองมาที่โต๊ะของพวกเขาไม่วางตา ในวงการนี้เชฟใหญ่เปรียบเสมือนดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง การที่คนดังจะถูกปฎิบัติด้วยแบบนี้ย่อมเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับทุกคน
แต่คนโดนดุกลับมีสีหน้าสดใสเสียอย่างนั้น
“น่ากินจริงๆ...พี่รอชิมไม่ไหวแล้ว”
ไม่รู้ทำไมญาวิกาและคนรอบข้างถึงรู้สึกว่าสิ่งที่เชฟใหญ่พูดถึงไม่น่าจะใช่แกงส้ม แต่ณัฐภาสดูเหมือนจะไม่ระแวงอะไรเรื่องนั้น แค่พยักหน้าแล้วหันไปสนใจเตาของตัวเองต่อ
‘น่ะ ไปพยักหน้าให้เขาอีก โอ๊ย คนสวยจะบ้าตาย’
ญาวิกาอยากจะเขกกระโหลกเพื่อนที่ซื่อบื้อผิดมนุษย์มนาในเรื่องนี้ เด็กสาวได้แต่เหลือบมองเชฟใหญ่ที่เดินไปตรวจความเรียบร้อยของเด็กคนอื่นอย่างหวาดระแวง
เฮ้อ ไอ้นัทนะไอ้นัท ซื่อบื้อแบบนี้ จะรอดจากกรงเล็บราชสีห์ของผู้ชายคนนั้นได้มั้ยล่ะเนี่ย
--------------
จะลงคู่ของเชฟสลับกับตอนพิเศษของแฝดนะคะ เพราะตอนนี้ยังแต่งไม่เสร็จ จะไม่ได้ลงเป็นตอนพิเศษของคู่เชฟเลยยาวๆเหมือนติณณ์เหนือ ซอรี่นะคะ