Chapter 16: เด็กดีกลับบ้านเร็ว
"เวย์.."
"ผมยังไม่อยากคุยตอนนี้ครับพี่เทสต์ ขอโทษนะครับ"
เสียงสั่นเครือของคนรักทำให้เทสต์รู้สึกใจสลาย เขาไม่อยากเห็นเวย์ในสภาพแบบนี้ เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ สภาพของเด็กหนุ่มในจชตอนนี้ดูเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
เวย์รู้สึกถึงเตียงที่ยวบลงข้างกาย ก่อนที่อ้อมแขนอุ่นของคนรักจะดึงเขาเข้ามากอดไว้แน่น มือเรียวโน้มศีรษะของเด็กหนุ่มลงมาซบที่ไหล่ ลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ
"ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร" ร่างโปร่งกระซิบ "พี่ขออยู่กับเวย์ตรงนี้ได้มั้ย"
ร่างสูงพยักหน้า ขยับเอนลงนอนบนตักของคนรัก ใบหน้าคมซุกเข้ากับหน้าท้องของร่างโปร่ง วงแขนแข็งแรงกอดเอวเขาไว้หลวมๆ เทสต์ลูบผมของเด็กหนุ่มเงียบๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ตักเขาแทนหมอน
"ผมไม่อยากเกลียดเขา"
เสียงทุ้มสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ เวย์ซุกหน้าลงกับหน้าท้องของเขาจนมองไม่เห็น แต่เทสต์ก็รับรู้ได้ว่าเด็กหนุ่มกำลัง
ควบคุมตัวเองอย่างมากให้ให้ร้องไห้ต่อหน้าเขา
"ตอนเด็กๆผมพยายามคิดนะ ว่าแม่ของผมเป็นคนดี แม่แค่ไม่พร้อมจะมีผม ผมอยากจะเข้าใจ แต่ทุกครั้งที่ผมพยายามที่จะรักเขา เขาก็ทำแบบนี้กับผม"
เทสต์สะอึก บางครั้งเขาก็มักจะลืมไปว่าคนรักของเขาเป็นแค่เด็กอายุสิบแปด เป็นแค่เด็กวัยรุ่นที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินตัวก็เท่านั้น
"ตอนเด็กๆ ผมเคยถามพ่อ ว่าทำไมพ่อถึงไม่ยอมให้ผมเจอแม่ ทำไมพ่อถึงไม่รักแม่ ทำไมพ่อถึงไม่ยอมให้แม่มาหาผม" เสียงทุ้มแตกพร่า "ผมเกลียดพ่อ ผมเข้าใจมาตลอดว่าพ่อไม่ต้องการให้ผมมีความสุข"
ร่างโปร่งรู้สึกว่าขอบตาของตนร้อนผ่าว แต่เขาต้องเข้มแข็ง เพราะในตอนนี้ คนที่ต้องการเขายังคงกอดเอวเขาไว้แน่นอย้างต้องการที่ยึดเหนี่ยว
"วันแรกที่พ่อยอมพาผมไปเจอเขา ผมดีใจมากเลยรู้มั้ยครับ" เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง "พวกเรารออยู่ในร้านอาหาร รออยู่หลายชั่วโมง โทรตามเท่าไหร่เขาก็ไม่รับสาย สุดท้ายตอนที่พ่อหมดความอดทน เขาก็โผล่มา สภาพเมาเละเทะจนพนักงานไม่ยอมให้เข้าร้าน เขาพยายามจะเข้ามาหาผม ตอนนั้นผมไม่ได้เข้าใจเลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร ในหัวผมมีแค่ความคิดที่ว่า แม่มาแล้ว แม่มาหาผมแล้ว"
เวย์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากย้อนเวลากลับไปในเหตุการณ์ตอนที่เขาอายุประมาณแปดปี ตอนที่เขายังไม่เข้าใจว่าพ่อพยายามมากแค่ไหนเพื่อปกป้องความรู้สึกของเขา
"ผมวิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้น เขาแค่เหลือบมองผมด้วยหางตา แล้วผลักผมลงบนพื้น ตะโกนใส่หน้าผมว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่มีงาน เพราะผมทำให้รูปร่างของเขาไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาบอกว่ารู้แบบนี้เขาจะเรียกเงินพ่อให้สาสมกับ
ที่ผมทำร้ายเขา"
เทสต์กำหมัดแน่น เรื่องราวทั้งหมดที่ได้ฟังทำให้เขานึกอยากเปลี่ยนใจเรื่องไม่ทำร้ายผู้หญิงขึ้นมา
"ทำไม..ทำไมแม่ถึงรักผมไม่ได้..."
เด็กหนุ่มพึมพำเสียงสั่น ก่อนที่จะผล็อยหลับไปบนตักของคนรักในที่สุด
"ไม่เป็นไรนะเวย์..."
เทสต์พึมพำ ก้มลงประทับริมฝีปากลงบนขมับของร่างสูงอย่างอ่อนโยน
ไม่เป็นไรนะ...
ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่รักเวย์ พี่จะรักเวย์ให้เอง
เขาไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องทำสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้นอีก ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่รักเวย์ เขาจะรักเด็กหนุ่มให้มากขึ้น รักอีกฝ่ายด้วยหัวใจทั้งหมดที่เขามี
รัก...จนกว่าจะมีไม่ช่องว่างให้ใครรักเวย์ได้นอกจากเขา
"พี่รักเวย์นะ"
พวกเขามาถึงสนามบินตามเวลาที่กำหนด ถึงแม้การเดินทางในรถจะเงียบสนิท แต่บรรยากาศก็ไม่ได้อึดอัดมากนักในความคิดของเทสต์ เวย์มีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ดวงตาจะยังแดงอยู่เล็กน้อยก็ตาม
"เวย์ กินลูกอมมั้ย"
ทีมที่เพิ่งแกะห่อลูกอมห่อใหญ่ยื่นให้หนึ่งเม็ด เวย์พยักหน้ายิ้มๆแล้วโยนลูกอมเม็ดนั้นเข้าปาก หลังจากเหตุการณ์เมื่อเช้า แทนที่จะกลัวร่างโปร่งมากขึ้น เวย์กลับรู้สึกสบายใจที่มีทีมอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา
"กลับไปถึงที่โน่นก็น่าจะมืดแล้วนะ คืนนี้นอนที่บ้านฉันก่อนมั้ย?" วีรภัทรเสนออย่างแนบเนียน หวังกล่อมให้แฝดคนพี่เผลอใจอ่อนยอมค้างที่บ้านกับน้องชาย แต่เทสต์ส่ายหน้า
"ไม่ต้องเนียนเลยลุง แค่ไม่กี่ทุ่มผมกลับกับน้องได้ รถผมก็อยู่ที่สนามบิน"
เมื่อแผนการไม่สำเร็จ ร่างสูงจึงได้แต่นั่งหน้ามุ่ยให้คนรักปลอบตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องไปจนถึงสนามบินปลายทาง
"เทสต์นี่น้า เมื่อไหร่จะยอมลงให้คุณวีเขาซักที ไม่คิดถึงน้องเวย์เหรอ?"
ทีมแซะพี่ชายเมื่อพวกเขาขึ้นมาบนรถหลังจากบอกลาสองพ่อลูกที่เดินกลับไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล
"คิดถึงก็โทรหาดิวะ นัดเจอกัน กินข้งกินข้าว ไอ้เด็กแก่แดดนี่"
เทสต์แจกมะเหงกเคาะหัวน้องชายไปโป๊กนึง ถึงแม้จะอายุห่างกันเพียงไม่กี่นาที แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าน้องของตัวเองยังเด็กเกินว่าจะไปนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชายอยู่ดี
เขาซึ่งเป็นพี่ก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง ถึงแม้จะอยากกลับไปหาคนรักแค่ไหนก็ตาม
"เทสต์อ่ะ..ใจร้าย"
ทีมลูบจุดที่โดนเขกป้อยๆ แต่ก็ไม่ได้กวนใจพี่ชายอีก พวกเขามาถึงคอนโดในเวลาไม่นาน แฝดคนน้องเดินเข้าห้องไปเพื่อโทรศัพท์รายงานวีรภัทรว่าตัวเองมาถึงห้องโดยสวัสดิภาพแล้ว
"เดี๋ยวผมว่าจะซักผ้าพรุ่งนี้...แค่กๆ"
"เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายเหรอ?"ปลายสายถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
"แค่มึนๆหัวนิดหน่อย น่าจะแค่อากาศเปลี่ยนน่ะครับ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น แค่กินยาก็คงหาย"
ทีมเดินไปที่กล่องใส่ยาที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วหยิบยาลดไข้กับยาแก้ปวดหัวออกมา
"คัดจมูกด้วยรึเปล่า ฉันเห็นฟุดฟิดมาตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว กินยาแก้แพ้แล้วนอนเลยนะ เดี๋ยวจะเป็นหนัก"
ร่างโปร่งอมยิ้มกับน้ำเสียงเป็นกังวลของอีกฝ่าย
"ครับ แค่นี้นะครับคุณวี ฝันดีนะครับ"
"ฝันดี รีบนอนล่ะ"
ทีมรับคำแล้วกดตัดสาย ก่อนจะทานยาแล้วล้มตัวลงนอน ฤทธิ์ของยาแก้แพ้ทำงานอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างโปร่งจมสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย
ปึงๆๆๆ
เสียงตบบานประตูที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้คนที่หลับสนิทจากฤทธิ์ยาสะลึมสะลือตื่นขึ้น ศีรษะที่ปวดหนึบเมื่อคืนดีขึ้นพอสมควรถึงแม้จะยังรู้สึกเพลียอยู่บ้าง ทีมคว้าโทรศัพท์มาดูเวลา เมื่อเห็นเข็มยาวชี้เลขสิบก็ขมวดคิ้ว
เขาหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
เสียงทุบประตูยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์ของเทสต์ เจ้าของห้องลุกขึ้นหาวหวอด เดินไปเปิดประตูให้พี่ชาย
"ตื่นแล้วๆ... เทสต์?"
ใบหน้าซีดเผือดของพี่ชายทำให้ทีมตาสว่างในทันที
"...มาต่อกันที่เหตุระเบิดที่โรงแรมธาราสาขาxxxกันนะคะ ขณะนี้เจ้าหน้าควบควมเพลิงไว้ได้แล้ว ยังไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากการก่อการร้ายหรืออุบัติเหตุ ทางด้านผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่มีรายงานตัวเลขที่ชัดเจน ทั้งนี้จุดที่ระเบิดเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับงานแฟชั่นโชว์ ทำให้มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก..."
เสียงวิทยุในรถยิ่งทำให้ทั้งสองพี่น้องเครียดยิ่งกว่าเดิม เทสต์จอดรถที่หน้าบ้านของวีรภัทร ส่วนทีมเปิดประตูออกจากรถก่อนที่พี่ชายจะดับเครื่องยนต์เสียอีก
ทั้งสองเปิดประตูเข้าไปในบ้านที่มีเวย์ยืนรออยู่แล้ว เด็กหนุ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"พ่อยังติดต่อลุงเชษฐ์ไม่ได้เลยครับ"
คุณเชษฐ์...
น้องมีน...
ทีมรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวค่อยๆลดน้อยลง เขาไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ร่างโปร่งเดินไปหาวีรภัทรที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ดีไปกว่าลูกชาย ทรุดตัวลงข้างๆชายหนุ่มที่ก้มหน้าจ้องโทรศัพท์ในมือไม่วางตา โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ยังคงติดตามข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทีมไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรกับอีกฝ่าย ร่างโปร่งทำได้เพียงเอื้อมมือไปกุมมือของคนรักไว้หลวมๆ วีรภัทรบีบมือของเขาตอบเบาๆ บ้านทั้งหลังตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงของผู้สื่อข่าวที่ยังคงรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
"ขณะนี้มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสสิบสองคน บาดเจ็บเล็กน้อยสามสิบห้าคน..."
เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ในที่สุดผู้คนที่อยู่ภายในทั้งหมดก็ถูกช่วยออกมาจากปีกของโรงแรมที่ไฟซึ่งลามจากสะเก็ดระเบิดมอดดับไปหมดแล้ว รายชื่อของผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอ ทีมรู้สึกว่าลมหายใจของตนขาดห้วงไปพักหนึ่งเมื่อเห็นชื่อที่คุ้นตาอยู่ในนั้น
'ธีรเชษฐ์ ทรัพย์ดำรง'
"คุณวี..."
ทีมหันกลับมาหาคนรักที่จ้องหน้าจอโทรทัศน์นิ่ง ทว่าก่อนที่จะได้แตกตื่นกันไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงก็ดังขึ้นเสียก่อน
"เชษฐ์?" วีรภัทรรีบรับโทรศัพท์ทันทีที่เห็นชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ชายหนุ่มลุกออกไปคุยโทรศัพท์พักหนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นพอสมควร
"คุณวี คุณเชษฐ์เป็นยังไงบ้างครับ?" ทีมถามอย่างเป็นห่วง
"ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัด แต่มีนโทรมาบอกว่าอาการทรงตัวแล้ว ไม่น่ามีปัญหา" ชายหนุ่มยิ้ม ถึงแม้แววตาจะยังคงเป็นกังวลอยู่มากก็ตาม "แต่ฉันมีเอกสารบางอย่างต้องแฟกซ์ส่งไปทางนั้น เธอรออยู่นี่นะ"
"ได้ครับ"
ทีมพยักหน้า หันกลับไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง
"ถ้าอย่างนั้นผมไปชงกาแฟนะครับ พี่ทีมพี่เทสต์เอามั้ยครับ" เด็กหนุ่มที่สบายใจขึ้นหลังจากไม่เห็นรายชื่อของคนที่ตนรู้จักลุกขึ้นจากโซฟา สองพี่น้องส่ายหน้า ร่างสูงจึงเดินเข้าไปชงกาแฟให้ตัวเองหลังจากหลายชั่วโมงของความเครียด เวย์หยิบแก้วกาแฟมาวางที่เครื่องชงกาแฟแล้วกดปุ่มเมื่อได้ยินเสียงจากโทรทัศน์ดังลอดเข้ามา
"จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น สามารถสรุปตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ดังนี้ค่ะ มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยสามสิบห้าราย บาดเจ็บสาหัสสิบสองราย..." ตัวเลขเดิมๆทำให้เวย์ไม่ได้สนใจอะไร แต่ประโยคถัดไปทำให้ร่างสูงชะงัก "...และมีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย สภาพศพถูกแรงระเบิดทำให้ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่จากข้อมูลของโรงแรมคาดว่าเป็นนาย วรินทร์ เหลียน นายแบบชื่อดัง..."
พี่ริน...
เด็กหนุ่มท้าวแขนกับเคาท์เตอร์อย่างเสียศูนย์ ไม่อยากเชื่อว่ารุ่นพี่ที่เขาเพิ่งเจอเมื่อวาน จะจากโลกนี้ไปในเวลาอันรวดเร็ว
เพียงนี้
"เวย์..."
มือเรียวแตะที่ต้นแขนของเขาอย่างแผ่วเบา เวย์เอื้อมมือขึ้นวางทับลงบนมือมือเรียวนั้น ถึงแม้จะรู้สึกตกใจ และใจหายไปพร้อมๆกัน แต่เขาก็ไม่อยากให้คนรักต้องเป็นห่วงเขามากกว่าที่เป็นอยู่
“ผมไม่เป็นไรครับ..."
เด็กหนุ่มนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่นายแบบรุ่นพี่เคยให้คำแนะนำกับเขา พี่รินเป็นนายแบบมืออาชีพคนแรกที่นั่งลงข้างๆเขาในวันแรกของการถ่ายแบบ สอนวิธีเดินและวิธีโพสต์ที่ถูกต้องให้เขา บางครั้งที่เขารู้สึกถึงสายตาแปลกๆของช่างภาพหรือนายแบบนางแบบที่ร่วมงานด้วย พี่รินก็มักจะมีวิธีรับมือในทุกสถานการณ์ให้เขาโดยที่ไม่ทำให้เขาโดนเพ่งเล็งเสมอ บ่อยครั้งที่เขามักจะมีความรู้สึกแปลกๆว่าพี่รินสามารถมองเห็นอนาคตได้ด้วยซ้ำ
มันจึงรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องโกหกที่คนอย่างพี่รินจะจากไปแบบนี้
ร่างสูงจมอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะมาสะดุดกับคำแนะนำประหลาดที่ทำให้พวกเขาปลอดภัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
"มรสุมใหญ่จะเข้า.."
เด็กหนุ่มพึมพำ ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างเศร้าสร้อย
ขอบคุณนะครับพี่ริน...
พี่ช่วยผมเอาไว้อีกแล้ว
-------------