Two is a lonely number
เจ็บ...นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาใส่ทีมหลังจากที่ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราที่ลึกที่สุดในรอบหลายปี ร่างโปร่งพยายามชันตัวลุกขึ้น กัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของตัวเองรบกวนชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองนาฬิกาดิจิตัลที่วางอยู่หัวเตียงบ่งบอกเวลาหกโมงเช้า ถึงแม้อยากจะซุกตัวลงนอนได้ผ้าห่มตัวแต่ความปวดร้าวจากต้นขาที่ถูกตรึงไว้บนไหล่หนาเกือบทั้งคืนแล่นผ่านขึ้นมายังช่วงกลางลำตัวที่บอบช้ำกว่าใครเพื่อนขัดขวางเขาจาการล้มตัวกลับลงไป
อีกอย่าง ถ้าเขาไม่รีบกลับแล้วเทสต์โทรกลับไปถามที่บ้าน เขาโดนระเบิดลงแน่ๆ
ร่างโปร่งค่อยๆหย่อนขาลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง ก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แล้วค่อยๆย่องไปยังห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ ถึงแม้แต่ละก้าวที่เดินร่างกายของเขาจะกรีดร้องอย่างทรมานแค่ไหนก็ตาม
เมื่อคืนทีมมัวแต่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่ได้สังเกตเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัว ห้องนอนของคุณวีใหญ่โตกว้างขวางเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่เพื่อการใช้งานเท่านั้น ตั้งแต่ชั้นหนังสือ โต๊ะทำงาน โทรทัศน์ ชุดโฮมเธียร์เตอร์ ไปจนถึงตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่มุมที่ติดกับห้องน้ำไปทั้งแถบ ร่างโปร่งหอบเสื้อผ้าของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ กดปิดล็อคประตูอย่างเบามือ ภายในห้องน้ำกว้างขวางไม่แพ้ห้องนอน มีโซนอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ โซนห้องอาบน้ำ ชั้นวางผ้าขนหนูสีขาวสะอาดที่พับซ้อนกันไว้อย่างเรียบร้อย อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของผนัง
ทีมถือวิสาสะหยิบผ้าขนหนูมาจากชั้นวาง ร่างเปลือยเปล่าเดินอย่างเชื่องช้าไปยังห้องอาบน้ำ คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความเจ็บ มือเรียวเกาะประตูกระจกใสของห้องอาบน้ำไว้ทันทีที่เดินมาถึง ทีมแขวนผ้าเช็ดตัวกับราวจับประตูอย่างทุลักทุเล แล้วบิดก็อกเปิดฝักบัวขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างติดเพดาน
ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ขาขาวไร้เรี่ยวแรงที่จะพยุงร่างกายต่อ ปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกาย ชำระล้างคราบสกปรกต่างๆบนผิวขาวเนียน โชคยังดีที่เจ้าของบ้านรู้ว่าตนกำลังทำอะไร ถึงได้มีเครื่องป้องกันเตรียมพร้อมไว้หลายแพ็คในลิ้นชักหัวเตียง ทำให้ทีมไม่ต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาด ’ส่วนนั้น’ มากนัก
ทีมในชุดของเมื่อวานที่ยับยู่ยี่เหมือนผ่านสมรภูมิรบมาหมาดๆเดิน(หรือจะเรียกให้ถูกคงเป็นคลาน)ลงมาชั้นล่าง ร่างโปร่งลังเลว่าตัวเองควรจะออกไปโดยไม่รอให้ชายหนุ่มตื่นดีมั้ย เพราะหากมัวแต่รออีกฝ่ายเขาคงไปเรียนไม่ทันแน่
แต่ตอนนี้ร่างโปร่งรู้สึกคอแห้งชอบกล
ทีมหันไปมองทางที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นห้องครัวซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในตัวบ้าน
แค่น้ำแก้วเดียว...คุณวีคงไม่ว่าหรอกมั้ง
สภาพของห้องครัวที่เขาเห็นทำให้คนรักการทำอาหารอย่างทีมอยากร้องไห้ ทั้งที่มีอุปกรณ์ทำอาหารอย่างครบครัน มากเกินกว่าที่
เชฟคนไหนจะนึกฝัน แต่สิ่งที่ถูกแตะต้องมีเพียงจานช้อนส้อมที่กองอยู่ในอ่างล้างจาน บนเคาท์เตอร์ที่เป็นเกาะกลางครัวมีกลัวพิซซ่าเปล่า กล่องโฟมร้านอาหาร และกล่องอาหารเวฟจากร้านสะดวกซื้อวางระเกะระกะรกหูรกตา
ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรไปยุ่งกับของของคนอื่นโดยพลการ แต่ทีมทนปล่อยให้ห้องครัวที่น่าสงสารทุกรังแกอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ แขกของบ้านเริ่มต้นเก็บกวาดขยะในครัวอย่างคล่องแคล่ว ล้างจานที่กองเป็นภูเบาพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย
เขาชอบทำอาหาร ชอบทำครัว ชอบทำความสะอาด มันทำให้จิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากล้างจานเสร็จ ร่างโปร่งที่เริ่มติดลมเปิดประตูตู้เย็นหาของที่สามารถนำมาทำอาหารเช้าให้ชายหนุ่มได้
ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นแค่ความสุขชั่วข้ามคืน แต่ทีมก็อยากให้ตัวเองดูโดดเด่นขึ้นมาจากคู่นอนคนอื่นในความทรงจำของชายหนุ่มบ้าง
“เรียบร้อย”
มือเรียวคลุมพลาสติกแร็ปลงบนจานข้าวผัดหมูไข่ดาวจากของสดเพียงน้อยนิดในตู้ มองดูผลงานของตัวเองอย่างภูมิใจ
แต่...ถ้าจะออกไปโดยไม่ร่ำลา มันก็ดูจะเสียมารยาทไปหน่อย
ร่างโปร่งดึงกระดาษโน๊ตออกมาจากแท่นสมุดโน๊ตแม่เหล็กที่แปะอยู่บนตู้เย็น เขียนข้อความที่ตัวเองคิดไว้ในหัวด้วยลายมือบรรจง แล้วสอดแนบไว้กับจานอาหารพร้อมรอยยิ้มกว้าง
แค่นี้ก็เรียบร้อย
“หือ? หกโมงกว่าแล้วเหรอ?”
เวย์ขยี้ตาอย่างง่วงงุน พยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสให้มองเห็นนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย แต่ดูเหมือนการกระทำนั้นจะไปรบกวนการนอนอย่างสงบของคนข้างๆ อีกฝ่ายถึงได้พลิกตัวหนีพร้อมส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
เหมือนลูกแมวเกเรเวลาถูกขัดใจไม่มีผิด
“พี่เทสต์ ผมกลับแล้วนะครับ”
ร่างสูงก้มลงจุมพิตที่ขมับของคู่นอนเบาๆ แล้วเริ่มก้มเก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา เมื่อคืนกว่าจะมาถึงที่เตียงได้ก็แวะไปหลายที่ เมื่อเดินออกมาสภาพห้องถึงได้ดูเหมือนสมรภูมิรบขนาดย่อม เวย์ได้แต่นึกขอโทษคนที่มีหน้าที่ทำความสะอาดอยู่ในใจ
อย่างน้อยเขาก็ไม่ทำโต๊ะทานข้าวหักล่ะนะ
…แค่ทรุดนิดหน่อยเอง
จริงๆเด็กหนุ่มก็ไม่ได้อยากกลับก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นแบบนี้ แต่หากเขาไม่รีบกลับไปรายงานตัวที่บ้าน ท่านพ่อที่แสนจะชิวของเขาอาจจะกลายร่างเป็นระเบิดปรมาณูก็เป็นได้
อีกอย่าง เขาได้เบอร์อีกฝ่ายมาแล้ว แถมรู้ที่อยู่ของอีกฝ่ายขนาดนี้ จะหนีก็หนีไม่พ้นหรอก
“แล้วเจอกันนะครับ พี่เทสต์”
“เฮ้อ..ถึงซักที”
ทีมไม่เคยรู้สึกคิดถึงห้องของตัวเองขนาดนี้ ชายหนุ่มจ่ายเงินให้แท็กซี่แล้วเดินกะเผลกไปยังลิฟต์ของคอนโด นาฬิกาบนหน้าจอโทรศัทพ์บอกเวลาหกโมงกว่าๆ ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าเขาโชคดีน่าจะพอมีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่เทสต์จะตื่น
ประตูลิฟต์ของทีมปิดลง จังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์ตัวข้างๆเปิดออก เวย์รีบพุ่งออกจากลิฟต์ไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ลานจอด
รถแขกหน้าคอนโด ภาวนาไม่ให้ตัวเองโผล่ไปเจอช่วงเวลารถติดของละแวกนี้
ทีมหยิบคีย์การ์ดออกมาแตะที่ประตูห้องคอนโดของพวกเขา คอนโดนี้เป็นแบบสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องน้ำ และหนึ่งห้องนั่งเล่น กว้างขวางพอสำหรับพวกเขาสองที่จะอยู่ได้อย่างไม่อึดอัด แต่ก็ไม่ใหญ่เว่อร์วังอลังกาลเหมือนคฤหาสน์หลังโตที่เขาเพิ่งจากมา
ชายหนุ่มอยากจะเล่าทุกอย่างให้พี่ชายฟัง แต่เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าพูดความลับของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่าง หากเทสต์รู้ว่าน้องชายของตัวเองยกความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายแปลกหน้าที่อายุมากกว่าอย่างน้อยสิบกว่าปี ทีมคงโดนพี่ชายขังลืมไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแน่
“หือ?”
ภาพของห้องที่เละเทะเหมือนถูกพายุฤดูร้อนขนาดย่อมพัดถล่ม ถึงแม้เขาจะเคยเห็นสภาพห้องหลังพี่ชายพาคู่นอนมาค้าง แต่เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
โจรขึ้นห้องรึเปล่า?
แต่ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างยังอยู่ครบ ทีมรีบเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างโปร่งยกมือขยี้ตาด้วยความระคายเคืองขณะปลกระดมเสื้อด้วยมืออีกข้าง
ลืมถอดคอนแทคส์จนได้...
ทีมก่นด่าตัวเองในใจเมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำ สายตาเขาไม่ได้แย่ถึงขนาดอยู่ไม่ได้โดยไม่มีแว่นหรือคอนแทคเลนส์ แต่มันก็เป็นจุดสำคัญในการเรียนหนังสือของเขาเช่นกัน
ทีมเกลียดการใส่แว่น เขารู้สึกว่าหน้าของตัวเองดูเอ๋อๆทุกครั้ง ทำให้แฝดน้องเลือกที่จะใส่คอนแทคเลนส์แทน
แต่วันนี้คงต้องใส่แล้วสินะ
“ทีม..กลับมาแล้วเหรอ”
ร่างโปร่งที่เพิ่งใส่ชุดนักศึกษาเสร็จสะดุ้งกับเสียงยานคางของพี่ชาย เทสต์ในสภาพเปลือยเปล่ายืนพิงศีรษะประตูห้องของน้องชายฝาแฝดที่ตัวเองเปิดโดยไม่ขออนุญาตอย่างปวดหัวจากการเมาค้าง ถึงแม้ทีมจะขอร้องแค่ไหนแต่พี่ชายตัวแสบก็ไม่เคยคิดจะใส่ใจความเป็นส่วนตัวของน้องน้อยของตนซักนิด
“อือ ห้องเป็นอะไร ทำไมถึงได้เละเทะขนาดนี้?”
ทีมถามกลับ ดันร่างโปร่งที่สูงกว่าตนเพียงเล็กน้อยออกจากห้องนอน เทสต์เดินตามแรงผลักของน้องชาย ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาของห้องนั่งเล่น ก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“เฮ้ย! เป็นไรอ่ะ?” ทีมที่เห็นพี่ชายนิ่วหน้าลูบสะโพกด้วยความเจ็บถามด้วยความเป็นห่วง แต่ท่าทางแบบนี้มันคุ้นๆนะ
“ไอ้เด็กเวรเมื่อคืนน่ะสิ...แม่ง อย่าให้เจออีกนะพ่อจะเล่นให้กลับบ้านไม่ถูกเลย” ชายหนุ่มบ่นอุบ ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา ทีมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ใช้มืออังหน้าผากของพี่ชาย โชคดีที่อีกฝ่ายแค่ตุมรุมๆ ไม่ถึงกับร้อนจัด
“ไปเอายามาหน่อยดิ๊ ตอนเช้ากูไม่เข้านะ เดี๋ยวเจอกันตอนเที่ยง” เทสต์ไล่น้อง ตายังคงปิดสนิทเตรียมตัวงีบต่อ
“อื้อ เดี๋ยวทีมทำข้าวต้มให้ละกัน จะได้กินยาได้”
คนเป็นน้องว่า ลุกขึ้นเดินไปยังครัวที่สภาพไม่ต่างจากห้องอื่นๆในบ้าน ตั้งแต่เล็กทีมเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย มารดาของเขามักจะบอกเสมอว่าถึงจะอายุห่างกันเพียงสองนาที แต่เขาก็ต้องเคารพเทสต์เหมือนพี่ชายปกติ ร่างโปร่งจึงแทบจะไม่เคยพูดคำหยาบกับพี่ชาย
ถึงแม้ว่าเมื่อเดินเข้ามาในครัวอันเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่เขารักยิ่ง ร่างโปร่งจะอยากหมุนตัวเดินกลับออกไปเพ่นกบาลพี่ชายที่เคารพรักแค่ไหนก็ตาม
ทีมใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คีบกางเกงชั้นในสีดำของพี่ชายออกจากอ่างล้างจาน ขนอ่อนทั่วร่างกายลุกพรึ่บเพียงแค่คิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบนเคาท์เตอร์ที่เขาใช้ทำขนมเป็นประจำ
เขาควรจะเอาอะไรมาล้าง แอลกอฮอล์หรือน้ำมนต์?
“เทสต์ ทีมไปนะ ข้าวกับยาวางไว้นี่นะ”
ทีมวางถาดอาหารลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าพี่ชายที่นอนเปลือยอยู่บนโซฟาอย่างไม่แคร์สายตาใคร รอยจ้ำสีแดงและรอยมือที่บีบตรึงสะโพกขาวยังคงเด่นชัดจนหน้าของทีมเห่อร้อนเมื่อนึกถึงรอยที่คล้ายกันบนสะโพกของตัวเองตอนนี้ เทสต์เป็นคนตรงๆ เปิดเผย และไม่เคยอายกับเรือนร่างของตัวเอง แต่บางที่ทีมก็หวังว่าอีกฝ่ายจะมียางอายเหมือนคนปกติบ้าง
ร่างโปร่งเข้าไปหยิบผ้าห่มในห้องพี่ชายมาคลุมร่างคนที่หลับสนิทไปเรียบร้อยไว้ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้คู่ใจเดินออกจากห้องไป
เวย์กำลังจะไปเรียนสาย
ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะเป็นนักศึกษาดีเด่นหรือต้องการเกียรตินิยมอันดับหนึ่งหรืออะไร แต่จะเดินเอ้อระเหยลอยชายทั้งที่อีกไม่กี่นาทีจะเข้าเรียนก็รู้สึกผิดต่อเงินของพ่ออย่างไรบอกไม่ถูก
วันนี้เด็กหนุ่มจอดรถค่อนข้างไกลจากตึกเรียนรวมอันเป็นที่สิงสถิตของนักเรียนปีหนึ่งอย่างเขาพอสมควร เนื่องจากออกมาสาย
ทำให้ที่จอดรถประจำเต็มเรียบร้อยแล้ว แม้จะหงุดหงิด แต่ด้วยจำนวนที่จอดรถที่จำกัดจนดูเหมือนมหาวิทยาลัยต่อต้านการใช้รถของนักศึกษาทำให้เขาต้องปลงตกอย่างช่วยไม่ได้
เวย์เลือกจะใช้ทางลัดที่ตัดกับตึกบริหาร เด็กหนุ่มเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยของคณะบริหาร ถึงแม้จะเป็นตอนเช้า แต่มุมอับสายตาแบบนี้ก็ยังคงดูเปลี่ยวและไม่ปลอดภัยสำหรับคนเดินผ่าน
ทำให้นึกถึงซอกหลืบแถวสระบัวที่เขาชอบมาแอบดูพี่เทสต์ให้อาหารลูกสุนัขพวกนั้น
บ็อก!"อย่างอนซิ วันนี้มีเรื่องนิดหน่อยเลยรถแท็กซี่มา สายนิดหน่อยเอง"
เสียงหวานคุ้นหูที่ครางชื่อเขาสลับกับคำสบถด่าถึงบุพการีตลอดทั้งคืนดังขึ้นจากมุมหนึ่งในซอย ขายาวที่ก้าวเร็วเมื่อครู่ผ่อนฝีเท้าลง เวย์ค่อยๆคืบคลานเข้าใกล้ซอกหลืบที่เป็นที่มาของต้นเสียงอย่างเชื่องช้า ร่างขาวของคนที่นอนสลบเหมือนอยู่บนเตียงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั่งยองๆอยู่กับพื้นในชุดนักศึกษาเป็นระเบียบเรียบร้อย ผิดกับเขาที่ใส่เสื้อออกนอกกางเกงแถมยังหาเข็มขัดไม่เจออีกต่างหาก
มือเรียวเอานมอุ่นจากกระติกใส่ชามพลาสติกใช้แล้วทิ้งวางลงตรงหน้าลูกสุนัขคอกหนึ่งที่นอนอยู่บนผ้าขนหนูผืนนุ่มในเพิงที่ทำจากกระดาษลังหลายใบ เจ้าลูกหมาตัวสีขาวลายน้ำตาลงับนิ้วของชายหนุ่มเล่นตามประสาลูกหมาที่เขี้ยวกำลังขึ้น
"ทนหน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะหาบ้านดีๆให้พวกแกเอง" มือเรียวลูบหัวเจ้าหมาน้อยอย่างเอ็นดู ลูกสุนัขตัวอื่นเริ่มเล่นซนด้วยการกระโดดปีนป่ายขึ้นมาบนตักของชายหนุ่ม คนที่นั่งยองๆอยู่ไม่ทันตั้งตัวล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น นั่นเป็นตอนที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของร่างโปร่ง
พี่เทสต์ใส่แว่นด้วยเหรอ?
"โอ้ย เจ็บๆๆ" ร่างโปร่งอุทานออกมาเบาๆ ลูบบั้นท้ายของตัวเองหน้ามุ่ย แต่ยังคงเกาหลังคอให้เหล่าลูกหมาอย่างไม่ถือโทษ "คนใจร้าย... ไม่ทะนุถนอมกันบ้างเลย"
คนถูกบ่นฉีกยิ้มกว้าง ให้สัญญากับตัวเองว่าครั้งต่อไปจะทะนุถนอมชายหนุ่มให้มากกว่านี้
ถ้าพี่เทสต์น่ารักแบบนี้ตอนอยู่ต่อหน้าเขา เวย์คงหลงอีกฝ่ายจนโงหัวไม่ขึ้นแน่
แต่แค่ลีลาเร่าร้อนตามประสาคนไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆทั้งที่ดูก็รู้ว่าเป็นครั้งแรกของอีกฝ่ายเมื่อคืนก็ทำให้เขาติดใจจนอยากจะขังอีกฝ่ายไว้ใต้ร่างตลอดทั้งวันแล้ว
"อ๊ะ สายแล้ว ไปก่อนนะ กินให้หมดล่ะ จะได้แข็งแรง"
ร่างโปร่งลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากมือของตัวเอง หยิบจากพลาสติกใบเก่าไปทิ้ง แล้วเดินไปทางหน้าตึกคณะบริหารที่ตนเรียนอยู่ ทีแรกเวย์คิดจะเดินเข้าไปทั้ง แต่เขาสายมามากแล้ว เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะเดินไปยังตึกอาคารเรียนรวมซึ่งอยู่ถัดออกไป
เอาเถอะ ยังไงก็ได้เบอร์มาแล้วนี่นะ
เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงเบอร์โทรที่เขาแอบขโมยมาจากโทรศัพท์อีกฝ่ายตอนเผลอ
"หนีผมไม่พ้นหรอกครับพี่เทสต์"
การเรียนช่วงเช้าผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้สะโพกจะปวดระบมมากขึ้นเรื่อยๆ ทีมขยับแว่นที่นานๆจะถูกขุดออกมาใช้แล้วก้มหน้าจดยิกๆ เขาอยู่ปีสามแล้ว วิชาเรียนจึงลดน้อยลงตามไปด้วย คาบบ่ายจึงโล่งว่างเหมาะแต่การกลับไปนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจที่ห้อง
"เฮ้ย ทีม ไอ้เทสต์เป็นอะไรวะ ทำไมวันนี้ไม่มาเรียน"
เหนือฟ้าถามขณะที่พวกเขาเดินมาจองที่แถวโต๊ะหินอ่อนหน้าโรงอาหารโดยมีกวินภพ เพื่อนอีกคนในกลุ่มที่อาสาไปซื้ออาหารในวันนี้ หากถามเขา ทีมคิดว่าเพื่อนตัวสูงเพียงแค่หาเรื่องเดินสำรวจระบุพิกัดโต๊ะที่แฟนตัวเองซึ่งเป็นเด็กคณะแพทย์ปีหนึ่งอยู่ แล้วหาเรื่องชิ่งพวกเขาโดยไม่รู้สึดผิดมากกว่า
ส่วนเหนือฟ้า ถึงแม้จะบอกว่าเทสต์อกหักจากอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มสดใสและสีผมที่เปลี่ยนไปทุกเดือนยังคงไม่ได้รับรู้ว่าเพื่อนในกลุ่มแอบชอบตัวเองอยู่ น่าแปลกที่ทั้งที่ชายหนุ่มมักจะหายตัวไปขลุกกับแฟนที่เรียนอยู่ปีสี่คณะแพทย์แทบจะทุกเวลาที่มีโอกาส แต่กวินภพซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของแฟนเหนือฟ้ากลับดูเหมือนไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย
"มึง กูไปนั่งกับแว่นนะ"
น่าน ว่าแล้วไง
กวินภพวางจานข้าวสองจานลงตรงหน้าพวกเขาแล้ววาร์ปหายไปกับสายลมโดยไม่รอคำตอบรับของเพื่อน 'แว่น' ที่ชายหนุ่มพูดถึงไม่ใช่ฉายาแต่อย่างใด แต่เป็นชื่อของแฟนที่มันทั้งรักทั้งหลงราวกับโดนของ เห็นว่าแอบมองเขามาตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย ถ้าเป็นทีมถูกโรคจิตแอบตามแบบนั้นมาสามปี เขาคงแจ้งตำรวจย้ายสำมะโนครัวหนีไปนานแล้ว
แต่ลงเอยกันด้วยดีก็ดีแล้วล่ะนะ
"หิวๆๆๆ มีอะไรกินบ้างเนี่ย"
เสียงของพี่ชายตัวดีที่ยังคงแหบพร่า ไม่รู้ว่าจากเพราะฤทธิ์เหล้าหรือการบริหารเส้นเสียงที่มากเกินไปเมื่อคืนดังขึ้นก่อนที่น้ำหนักตัวของเทสต์จะโถมลงมาบนตัวเขา ชายหนุ่มกอดนอนชายฝาแฝดไว้จากด้านหลังอย่างเคยชิน วางคางลงบนกลางกระหม่อมของทีมอย่างพอดิบพอดี
"ดีขึ้นแล้วเหรอ" ทีมถาม เอนตัวพิงอกพี่ชายอย่างเคยชิน
"ไม่อ่ะ แต่บ่ายมีเรี...ฮัดชิ่ว!"
เทสต์จามออกมาชุดใหญ่ รีบผละออกมาจากน้องชายฝาแฝดอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มจามเสียจนจมูกแดงเป็นกวางเรนเดียร์
"นี่ไปให้อาหารหมามาอีกแล้วใช่มั้ย? บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปเล่นกับพวกมัน"
ชายหนุ่มถูจมูกอย่างระคายเคือง ส่งสายตาคาดโทษให้น้องชายที่สลดลงอย่างน่าสงสาร เหนือฟ้ารีบดึงทีมให้มานั่งข้างตัวเองอย่าง
ปกป้อง ส่งสายตาดุๆกลับไปให้ชายหนุ่มที่ยืนถูจมูกไม่หยุด
"มึงจะดุทีมทำไมวะ?"
"กูก็ไม่ได้ห้ามให้มึงให้อาหารมันนะทีม แต่มึงคิดบ้างสิว่าถ้ามันกัดขึ้นมา เกิดมึงติดเชื้อเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง" เทสต์จามออกมาอีกครั้ง "อีกอย่าง มึงก็รู้ว่ากูแพ้"
ใช่ ทีมรู้ นั่นเป็นสาเหตุหลักที่คนรักสุนัขอย่างเขาไม่เคยเลี้ยงหมาแม้แต่ตัวเดียว ปกติทุกครั้งที่เขาให้อาหาร ชายหนุ่มจะพยายามไม่เล่นกับพวกมันมากนักด้วยกลัวขนจะติดมา แต่วันนี้เขาลุกไม่ไหวจริงๆถึงได้นั่งจุ้มปุ๊กอยู่อย่างนั้น
"อือ ขอโทษนะ" คนเป็นน้องก้มหน้ายอมรับผิด
"เออๆ รีบหาบ้านให้มันเร็วๆ ละกัน แล้วนี่เงินหมดรึยัง" เทสต์นั่งลงตรงข้ามกับเขา ทีมลอบยิ้มเล็กๆ ถึงพี่ชายของเขาจะดูเป็นคนขี้หงุดหงิด แต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนขี้ใจอ่อนขี้สงสารไม่แพ้เขาเลย
"ยังไม่หมด อ๊ะ จริงสิ ขอยืมโทรศัพท์หน่อย ทีมลืมอ่ะ จะไปถ่ายรูปพวกมันลงเฟส" ชายหนุ่มแบมือขอ
"เออๆ รีบๆเอามาคืนแล้วกัน เดี๋ยวกูมีเรียนต่อ" เทสต์แย่งจานข้าวขาหมูของน้องชายมากินอย่างสบายใจ แต่คนฟังขมวดคิ้วอย่างงุนงง
"บ่ายมีเรียนด้วยเหรอ?"
"ที่กูไม่ได้ลงเลือกเสรีปีหนึ่งไง เดี๋ยวหน่วยกิตไม่ครบ" เทสต์ตอบ กัมหน้าก้มตากินอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง จงใจไม่เงยหน้ามองเหนือฟ้าที่นั่งติดกับน้องชายของตัวเอง
"วิชาอะไรเหรอ?" ทีมถาม ตัวเขาเองเรียนเสรีวิชาคหกรรมเรียบร้อย คว้าเกรดเอมาครองตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว
"อังกฤษเพื่อธุรกิจ" คนเป็นพี่ตอบ "วิชาเดียวที่ตรงตารางเรียน แต่เห็นว่าเอยากอยู่"
"ยากดิ กูเคยเรียนตัวนี้ตอนปีหนึ่ง อาจารย์แม่งโคตรรรรรรรรโหด แต่แตะไม่ได้ด่าไม่ได้นะบอกเลย สาวๆในคลาสจะแดกหัวเอา"
เหนือฟ้าเม้าท์ให้ฟัง "ได้ยินว่าแต่ก่อนเฮียแกเคยเป็นนายแบบ มีแต่สาวๆตามกรี้ด ได้ยินว่าบางคนถึงกับยอมสอบตกเพื่อจะได้ลงเรียนใหม่เลยนะ"
"โห ขนาดนั้นเลยเหรอ?" ทีมถามอย่างรู้สึกกลัวแทนพี่ชาย เทสต์ยิ่งเป็นคนพูดจาโผงผางอยู่ด้วย จะฉะกับอาจารย์ตั้งแต่วันแรกรึเปล่านะ
"อะไร สนใจเหรอ? " เทสต์แซวน้องชาย
"ไม่ใช่ซะหน่อย ทีมกลัวเทสต์จะไปกินหัวอาจารย์ก่อนนะสิ" ทีมรีบแก้ตัว แม้จะแอบอยากรู้หน่อยๆว่าคนแบบนั้นจะหน้าตาเป็นยังไงกันนะ
จะหล่อสู้คุณวีได้รึเปล่า
ใบหน้าขาวขึ้นสีเรื่อเมื่อนึกถึงร่างสูงที่ครอบครองเขาอย่างเอาแต่ใจตลอดทั้งคืน แต่กลับทำให้เขารู้สึกดีจนหมดแรงจะปฏิเสธทุกครั้งไป
"ไม่ใช่อะไร หน้าแดงแล้วเนี่ย" เทสต์จิ้มแก้มน้องชายที่ปกติมักจะนิ่งเป็นพระอิฐพระปูนกับเรื่องแบบนี้ ทีมปัดมือของพี่ชายอย่าง
ร้อนตัว รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง ในมือกำโทรศัพท์ของพี่ชายไว้แน่น
"ไม่พูดด้วยแล้ว ไปหาหมาดีกว่า"
ร่างโปร่งจ้ำอ้าวกลับไปทางตึกคณะ ทิ้งให้พี่ชายนั่งกินข้าวกับคนมีเจ้าของที่ตัวเองแอบรักอยู่ตามลำพังเพียงสองคน
แกล้งเขาดีนัก เอาตัวรอดเองเลยไอ้พี่บ้า!
"ห้องสองห้าหนึ่ง..."
เทสต์เงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ที่บอกห้องเรียนไว้ หันซ้ายขวาเดินหาห้องที่ว่าอย่างงุนงงกับความซับซ้อนของอาคารเรียนรวม ทั้งที่ปีหนึ่งก็เรียนที่นี่แทบทุกวิชาแท้ๆ แต่เขาก็ยังคงไม่เข้าใจกลไกของเขาวงกตแห่งนี้เสียที
เมื่อเดินมาถึงก็ใกล้ถึงเวลาเรียนเต็มที ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่กลับถูกใครบางคนตัดหน้าเปิดประตูให้เขาเสียก่อน
"เชิญครับ"
ร่างสูงผายมือ ดูจากการการแต่งกายและการคาดคะเนอายุของอีกฝ่าย เดาได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้าคืออาจารย์ในตำนานที่เหนือฟ้ากล่าวถึง ร่างสูงกำยำในชุดสูทสั่งตัดประณีตทุกกระเบียดนิ้ว ใบหน้าคมคายเกลี้ยงเกลาจากการโกนหนวดมาใหม่ๆและรอยยิ้มที่น่าจะละลายใจใครหลายๆคนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่อีกฝ่ายหันไปทางนั้น
"ขอบคุณครับจารย์"
เทสต์ยกมือไหว้แล้วเดินเข้าไปในห้อง ไม่สนใจคนเปิดประตูให้เขาที่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ร่างโปร่งนั่งลงบนที่นั่งริมห้องข้างหน้าสุดที่เป็นที่เดียวที่ว่างเนื่องจากที่อื่นถูกผู้คนจับจองหมดแล้ว แถมประชากรส่วนใหญ่ยังเป็นนักศึกษาสาวๆที่นั่งทำตาเป็นรูปหัวใจปิ๊งๆใส่อาจารย์อยู่ตอนนี้
"สวัสดีครับนักศึกษา ผมชื่อวีรภัทร ยินดีต้อนรับสู่วิชาภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ”
ชายหนุ่มที่เปิดประตูให้เขาเมื่อครู่เดินขึ้นมาประจำที่บนเวที เทสต์ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายดูดีจริงๆไม่ว่าจะมองมุมไหน แต่เขาก็ยังไม่เห็นเหตุผลที่ใครๆจะต้องลวเรียนวิชานี้เพียงเพื่อจะได้พบกับร่างสูง
ร่างโปร่งในชุดนักศึกษาก้มลงเล่นโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่าย เขาไม่เหมือนกับน้องชายที่ขยันจนน่าหมั่นไส้ จดแทบทุกตัวอักษร ทุกคำพูด ทุกเสียงไอของอาจารย์ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ถึงแม้เทสต์จะไม่ได้ตั้งใจเรียนมากนักแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าบรรยากาศการสอนของอีกฝ่ายน่าสนใจพอควร ไม่เช่นนั้นคงทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมแย่งกันยกมือตอบคำถามมากมายขนาดนี้ไม่ได้
“....คิดยังไงครับ?”
อาจารย์หนุ่มที่เคลื่อนที่จากโต๊ะสอนมาอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ถาม ยื่นไมค์มาข่อตรงหน้านักศึกษาที่ยังคงเล่นโทรศัพท์อย่างไม่สนใจ เทสต์รีบเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง พยายามหันซ้ายหันขวาหาตัวช่วย แต่ไม่มีใครที่เขารู้จักลงเรียนวิชานี้เลย ทำให้ชายหนุ่มหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างแท้จริง
แล้วเขาถามว่าอะไรวะเนี่ย?
“เอ่อ..."
“ไม่เป็นไรครับ ไว้คำถามต่อไปผมจะวนมาใหม่ แต่โอกาสที่จะได้เกรดดีๆอาจจะไม่ได้วนมาหาคุณบ่อยๆนะครับถ้ายังมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับจอแบบนี้” ร่างสูงพูดออกไมค์ สร้างความอับอายให้กับคนไม่ตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก แต่เทสต์ก็เข้าใจว่ามันเป็นความผิดของเขา
แต่ประโยคต่อไปเขาว่าไม่ใช่
“เมื่อคืนคงล้ามากสินะ ไม่เป็นไร ผมยกโทษให้” ชายหนุ่มพูดกับเขาโดยไม่ออกไมค์ โน้มตัวลงมาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ร่างโปร่งขนลุกพรึ่บ “เห็นว่าน่ารักหรอกนะ”
นักศึกษาหนุ่มยังคงนิ่งค้างแม้อาจารย์จะเดินไปจัดการกับคนอื่นๆที่เล่นโทรศัพท์ในคาบเช่นเดียวกับเขาต่อแล้ว เทสต์ได้แต่ส่าย
หน้าอย่างไม่เข้าใจ
อาจารย์รู้ได้ยังไง?
ที่สำคัญ...ถึงจะดูออกว่าเขาทำอะไรมาเมื่อคืน ก็ไม่มีสิทธิ์พูดจาแทะโลมนักศึกษาแบบนี้ไม่ใช่รึไง?
และแล้ว เทสต์ก็ได้ความประทับใจแรกของเขาที่มีต่ออาจารย์วีรภัทร
แม่ง...โรคจิต
__________

เรื่องนี้จะขอยึดสโลแกน ช้าแต่ชัวร์นะคะ55555
ตอนนี้ก็รู้แล้วเนอะว่าเวย์แอบมองใคร หุหุ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะจ๊ะ ชะเอิงเอยยยย
