Chapter 7: เด็กดีไม่อวดเก่ง
เทสต์พลิกตัวนอนบนโซฟาอย่างเบื่อหน่าย อากาศก็ร้อน ข้าวปลาก็ไม่มีคนทำให้กิน โทรทัศน์ก็ไม่มีสักช่องที่มีอะไรน่าสนใจ ทีมก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับหอของเหนือฟ้านักหนา คอนโดตัวเองมีก็ไม่ยอมกลับ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเหนือฟ้าในตอนนี้
“เบื่อว้อยยยยยย”
ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นจากโซฟา คว้ากุญแจรถจากโต๊ะ ในหัวพยายามคิดหาสถานที่ที่ตนจะสามารถไปผ่อนคลายได้ในคืนนี้ เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น เทสต์ก็ไม่เคยย่างเท้ากลับเข้าไม่ในผับอีกเลย
Rrrrr
เสียงโทรศัพท์เรียกความสนใจจากร่างโปร่งก่อนที่จะคิดออกว่าจะไปไหน ชื่อที่ขึ้นแสดงเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากเรียวได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เทสต์จะรีบหุบยิ้มเมื่อรู้ตัว
กูจะยิ้มทำไมวะเนี่ย?!
ร่างโปร่งตั้งสติ กดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น ราวกับอีกฝ่ายโทรมาขัดจังหวะธุระสำคัญของตนอย่างไรอย่างนั้น
“มีไร?”
“พี่เทสต์...ว่างมั้ยครับ”
เสียงขอองอีกฝ่ายเบากว่าปกติ เหมือนกับกลัวใครจะมาได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ร่างสูงขมวดคิ้ว พยายามเงี่ยหูฟังเสียงที่อยู่รอบตัวคนที่อยู่ปลายสาย เขาได้ยินเสียงไซเรนรถและเสียงผู้คนโหวกเหวกโวยวาย เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นเป็นระยะกระตุกหัวใจของเทสต์ให้ดิ่งลงเหว ความเป็นไปได้ทั้งหลายประดังประเดเข้ามาในหัว
“นี่มึงอยู่ที่ไหน? ใครเป็นอะไร?”
“เอ่อ....”
“ขอโทษนะครับ คนไข้ที่ชื่อ วศิน พิพัฒน์ธารา ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอครับ” ชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงพยาบาล
ของมหาวิทยาลัย ตะโกนถามเสียงดังลั่นจนเจ้าหน้าที่ประจำแผนกให้ข้อมูลเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ
“เอ่อ...”
“พี่เทสต์ ผมอยู่นี่”
เสียงของคนที่เขาเป็นห่วงดังขึ้นจากด้านหลัง ภาพที่เทสต์เห็นเมื่อหันกลับไปคือร่างสูงที่เกาแก้มเขินๆ แขนข้างขวาถูกเข้าเฝือกไว้อย่างแน่นหนา ศีรษะมีผ้าก็อซแปะไว้ที่หางคิ้ว เสื้อผ้าเป็นรอยขาดวิ่น เผยให้เห็นเข่าที่ถูกผ้าก็อซแปะไว้ทั้งสองข้าง เรียกได้ว่าสะบักสะบอมไปทั้งตัว
“นี่มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ?”เทสต์ถามอย่างตกตะลึง ลืมคำสัญญาที่ว่าจะพยายามพูดดีๆกับอีกฝ่ายไปจนหมด
“ซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนจะกลับไปเอารถที่มหาลัยแล้วโดนมอเตอร์ไซค์อีกคันย้อนศรมาชนน่ะครับ” เด็กหนุ่มอธิบาย
“แล้วทำไมรถมึงถึงไปอยู่ที่มอได้?” เทสต์ถาม เอื้อมมือไปหยิบถุงยาในมือเด็กหนุ่มมาถือไว้เอง
“เมื่อคืนผมไปต่อร้านเหล้ากับเพื่อน นั่งรถเพื่อนไป แล้วเมากัน เลยไม่ได้กลับมาเอาน่ะครับ” เวย์สารภาพ ถึงแม้อยากจะด่า แต่เทสต์ก็รู้ว่าตัวเองเคยทำอะไรแบบนั้นมาก่อนจึงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
“ไปกันได้แล้ว”
ทั้งสองเดินมาที่รถของชายหนุ่ม เทสต์สังเกตว่าจังหวะการก้าวเดินของคนเจ็บช้าลงมากถึงมากที่สุด ร่างโปร่งผ่อนฝีเท้าลง รอให้อีกฝ่ายเดินตามมาจนทัน เมื่อเข้ามานั่งในรถอย่างทุลักทุเลเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มจึงหันมาถามคนเจ็บ
“ให้ไปส่งที่ไหน?”
“ส่งที่บ้านก็ได้ครับ” เวย์ตอบ สีหน้าของเด็กหนุ่มดูอิดโรย เหมือนตาจะปิดได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็จริงดังคาด หลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงสิบนาที เสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของเด็กหนุ่มในเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เทสต์ขับรถไปตามทางที่ตนเคยมาครั้งหนึ่งกับร่างสูง ไม่เข้าใจว่าเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ทำไมถึงได้โทรเรียกเขาแทนที่จะเป็นคนในครอบครัว มิหนำซ้ำยังโทรมาตอนที่ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแต่ไม่มีแท็กซี่เสียด้วย
นี่เด็กคนนี้เป็นพวกชอบพึ่งพาตัวเองระดับไหนกัน
ชายหนุ่มจอดรถตรงหน้าประตูของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มืดสนิทจนดูวังเวง ชายหนุ่มเขย่าตัวปลุกคนเจ็บที่สะดุ้งตื่นจากนิทราแทบจะในทันที เวย์ควานหากุญแจและรีโมตประตูบ้าน ก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาเบาๆเพราะลืมไปว่าแขนของตนถูกเข้าเฝือกไว้
“อยู่ไหน เดี๋ยวกูหยิบให้” เทสต์ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่ไม่ใช่เพราะความงุ่นง่านของเด็กหนุ่ม แต่เป็นเพราะไม่สบอารมณ์ที่อีกฝ่ายไม่ยอมแม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือจากเขา
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมหยิบเอง”
เวย์ล้วงมือซ้ายควานหากุญแจที่กระเป๋าหลังด้านขวาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะดึงพวงกุญแจบ้านออกมากดรีโมทเปิดประตูอัตโนมัติ เจ้าของรถเลี้ยวเข้าไปในโรงจดรถอย่างหงุดหงิด ดูท่าเวย์จะรับรู้ถึงอารมณ์ของชายหนุ่มดีถึงได้เอ่ยเสียงอ่อย
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง คือพ่อผมไปประชุมต่างประเทศ บริษัทที่ไทยก็จัดประชุมใหญ่ติดต่อเลขาของพ่อไม่ได้ เพื่อนๆก็โทรไม่ติด ผมไม่มีทางเลือกจริงๆเลยต้องรบกวนพี่”
“แปลว่ากูเป็นตัวเลือกสุดท้ายรองจากพ่อ เลขา แล้วก็เพื่อนมึง?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เวย์พยักหน้า ยังคงรู้สึกไม่ดีที่ต้องรบกวนอีกฝ่ายแบบนี้ เทสต์ดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถแล้วกระแทกประตูปิดอย่างแรงจนรถสะเทือน เด็กหนุ่มสะดุ้ง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธจัดถึงเพียงนี้
ร่างโปร่งเดินอ้อมรถมาเปิดประตูรถฝั่งที่เวย์นั่งอยู่ กระชากถุงยากับุญแจบ้านจากตักของอีกฝ่ายแล้วสั่งเสียงห้วน
“ลงมา”
“พี่เทสต์กลับเลยก็ได้ครับ ผมเดินไปเองได้...”
“กูบอกให้ลงมา!”
เวย์ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายโกรธจัดแบบนี้ ร่างสูงก้าวลงมาจากรถอย่างระมัดระวัง เทสต์โอบเอวอีกฝ่ายไว้แล้วดึงแขนข้างที่ไม่เจ็บให้พาดที่คอของเขา ก่อนจะพาเด็กหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล
“แล้วนี่มึงจะอยู่ยังไง?” ร่างโปร่งถามเมื่อพาอีกฝ่ายขึ้นมาบนห้องนอนสำเร็จ
“ก็น่าจะให้เพื่อนมารับส่งไปก่อนน่ะครับ ช่วงนี้พ่อผมไม่ได้กลับบ้าน ไม่ค่อยอยากรบกวนเขาเท่าไหร่ กับข้าวปกติก็สั่งกินอยู่แล้ว”
เวย์ตอบตามตรง เทสต์ไม่รู้ว่าจะรู้สึกโกรธหรือเสียใจดีที่อีกฝ่ายไม่คิดที่จะพึ่งพาเขาเลยแม้แต่น้อย
มีกูคนเดียวใช่มั้ยที่ห่วงมึงเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้
"ช่วงนี้น้องกูก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง ให้กูมาอยู่เป็นเพื่อนมั้ย?" ร่างโปร่งกลั้นหายใจหลังจากเสนอ ตีหน้าหน้านิ่งเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ขณะที่ใจเต้นรัวรอคำตอบจากร่างสูง เวย์มีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า
"อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ"
"เออ ตามใจมึงเลย เอาที่สบายใจ จะไปตายไหนก็ไป ไม่ต้องโทรมาบอกกูแล้วนะ"
ร่างโปร่งกระฟัดกระเฟียด กระแทกเท้าเดินออกมาจากห้องของอีกฝ่าย คนเจ็บอยากจะเดินตามไป แต่เขารู้ว่ายิ่งพูดอะไรไปตอนนี้ เทสต์มีแต่จะยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาตอนพี่เทสต์เย็นลงดีกว่า
ถ้าเลือกได้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาเห็นเขาในสภาพนี้ด้วยซ้ำ เวย์อยากให้อีกฝ่ายมองเขาเป็นคนรักที่สามารถพึ่งพาได้ ไม่ใช่รุ่นน้องไม่เอาไหนที่จำเป็นต้องให้ร่างโปร่งมาคอยดูแลตลอดเวลา แค่เมื่อครู่นี้ พี่เทสต์ก็ดูรำคาญเขาจะแย่อยู่แล้ว
เขาอยากเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
เขาอยากให้เทสต์ยืดอกพูดได้อย่างภูมิใจว่าเป็นคนรักของเขา
แต่ก่อนอื่น...หาทางเอาตัวเองให้รอดในบ้านที่ว่างเปล่านี่ก่อนดีกว่า
เทสต์เดินออกมาถึงแค่บันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะได้ยินเสียงแก้วแตกดังเพล้งจากทิศที่ตนจากมา ร่างโปร่งหมุนตัววิ่งกลับไปยังต้นเสียงทันที ภายในห้อง คนเจ็บกำลังพยายามย่อตัวลงเก็บเศษแก้วน้ำที่แตกแต่ด้วยความตึงรั้งของแผลที่หัวเข่าทำให้การกระทำนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก
“หลบ ไปนั่งที่เตียง"
เทสต์ตะคอกอย่างไม่พอใจ ก้มลงเก็บเศษแก้วที่กระจายอยู่บนพื้นอย่างหงุดหงิด ไอ้เด็กบ้านี่ไม่รู้จักประมาณกำลังตัวเองเลยรึไง ถ้าหากเมื่อกี้ก้มลงไปแล้วเกิดเสียหลัก ล้มลงไปทับเศษแก้วขึ้นมา อีกฝ่ายคงเลือกที่จะนอนอยู่อย่างนั้นมากกว่าที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากเขา
“อึก…”
ถึงแม้เสียงนั้นจะผ่านการสะกดกลั้น แต่ยังไม่สามารถเล็ดลอดหูของเทสต์ไปได้ในห้องที่ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากลมหายใจของคนทั้งคู่ ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยิน เด็กหนุ่มทรุดตัวลงบนเตียง คิ้วคมขมวดมุ่นแต่นอกเหนือจากนั้นไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่ากำลังเจ็บ
“…”
เทสต์ลุกขึ้นจากพื้น เดินตรงไปหาร่างสูงแล้วคุกเข่าลงนั่งบนพื้นตรงหน้าอีกฝ่าย
“พี่เทสต์...เฮ้ย!”
เทสต์จับขายาวยืดออกอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยไม่อยากให้กระทบกับแผลที่หัวเข่า ก่อนจะถอดถุงเท้าของคนรักออก อย่างที่คิด เศษแก้วชิ้นขนาดไม่ใหญ่แทงเข้าไปในฝ่าเท้าของเด็กหนุ่ม แต่ดูจากความลึกของบาดแผล เทสต์ค่อนข้างมั่นใจว่ามันยังบาดไม่ลึกเท่าไหร่นัก
“แค่ดึงออกก็น่าจะพอ” ร่างโปร่งก้มลงสำรวจบาดแผล
“พี่..พี่เทสต์ อย่าครับ มันสกปรก เดี๋ยวผมทำเอง” เวย์รีบห้าม รู้สึกอายที่ต้องให้อีกฝ่ายมาพิจารณาเท้าของเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้ คนที่สำรวจบาดแผลอย่างเป็นห่วงอยู่เมื่อครู่ตวัดสายตาขึ้นมองคนเจ็บอย่างไม่สบอารมณ์
“ถ้ามึงไม่ไว้ใจกูขนาดนั้น ไม่ต้องคบกันดีกว่ามั้ย?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับพี่เทสต์” เด็กหนุ่มรีบแก้ต่างเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าใจผิดไปไกล “ผมแค่...ไม่อยากให้พี่ทำเหมือนผมเป็นเด็ก”
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ซะที” เทสต์ดุ ดึงเศษแก้วออกจากฝ่าเท้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วจนร่างสูงไม่มีเวลาเจ็บด้วยซ้ำ “คนเป็นผู้ใหญ่เขาไม่เอาแต่ใจแบบนี้หรอกนะ”
“ขอโทษครับ” คนเจ็บเอ่ยเสียงอ่อย ก่อนจะร้องเรียกอย่างแตกตื่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะลุกออกไปจากห้อง “พี่เทสต์จะไปไหนครับ?”
“มึงไม่อยากให้กูอยู่ด้วยนี่” ชายหนุ่มหันมาตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง “กูก็จะไปให้พ้นๆหน้ามึงไง”
“อยู่...อยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ยครับ...ผมอยากให้พี่อยู่ด้วย”
เวย์กลั้นใจถามออกไป แต่สีหน้าสดใสขึ้นของร่างโปร่งทำให้เขานึกโกรธตัวเองที่ไม่ยอมเอ่ยปากขอดีๆตั้งแต่แรก เทสต์ยังคงมีสีหน้าโกรธเคือง แต่ดูก็รู้ว่าเพียงแค่พยายามรักษาฟอร์มให้ดูไม่เป็นคนโกรธง่ายหายเร็วเท่านั้น
พี่เทสต์น่ารักจัง
“เออๆ ตามใจ งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน มึงจะเช็ดตัวมั้ย เดี๋ยวกูทำให้”
ร่างสูงตั้งท่าจะปฎิเสธ แต่บทเรียนที่ได้รับทำให้เด็กหนุ่มเลือกที่จะหุบปากฉับแล้วพยักหน้า เทสต์เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วผิดประตู แต่แค่เสียงน้ำกระทบกับเรือนร่างของอีกฝ่ายก็มากพอจะทำให้เวย์ยุกยิกอยู่ไม่สุขได้แล้ว
ติดอยู่ที่แขนที่ข้างนึงถูกเข้าเฝือก ส่วนอีกด้านก็เป็นแผลลึกที่ข้อศอกจนงอไม่ได้นี่สิ
ร่างสูงหลับตา พยายามนึกถึงเรื่องอะไรก็ตามที่นอกเหนือไปจากเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนในห้องน้ำของเขา หลังจากเจรจากันในใจอยู่นาน ท่านเวย์จูเนียร์ก็ยอมกลับไปนอนแน่นิ่งแต่โดยดี
ไอ้แบบนี้มันยังพอโอเค แต่กิจวัตรประจำวันที่เขาต้องทำทุกเช้าเวลาที่ท่านเวย์จูเนียร์ลุกขึ้นมาเคารพธงชาติที่สิ จะทำยังไง
“นี่ มีกางเกงนอนให้ยืมป่ะ?”
เสียงของคนรักเรียกให้ร่างสูงหันปทางประตูห้องน้ำ เทสต์เดินเช็ดผมออกมาจากห้องด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก
แต่นอกจากนั้นไม่มีสิ่งใดปิดบังเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนที่เด็กหนุ่มเคยสัมผัสมาเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกพอ น้องเวย์ตัวไม่น้อยที่อุตส่าห์กล่อมให้หลับลุกขึ้นมาสอดส่องเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น ร่างสูงนึกอยากจะเอาหมอนกดหน้าตัวเองแล้วร้องดังๆ
ไม่คิดเลยว่าความเปิดเผยของพี่เทสต์ที่เขาชอบนักชอบหนาจะมาแว้งกัดเขาในวันนี้
“อยู่..อยู่ลิ้นชักล่างสุดครับ”
ร่างเปลือยเปล่าเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ก้มลงหยิบกางเกงขาสั้นจากลิ้นชักล่างสุด แนวกระดูกสันหลังโก้งโค้งเรียงตัวสวยไล่ลงมาจนถึงบั้นท้ายแน่นตึงและช่องทางสีหวานที่ทำให้เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย
ตายแน่...เขาตายแน่ๆ
“มา เดี๋ยวเช็ดตัวให้” คนที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินกลับมาพร้อมกับกะละมังเล็กในมือ
“มะ..ไม่ต้องแล้วครับพี่ เดี๋ยวผมอาบพรุ่งนี้ทีเดียว ผม...ผมง่วงมากเลยอ่ะ มึนหัวด้วย โอยยย” ร่างสูงละล่ำละลักปฎิเสธ เทสต์รีบเดินเข้ามาทาบมือลงบนหน้าผากของคนรักทันที
“เออๆ งั้นรีบนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเช็ดตัวแล้วทำแผลให้” ชายหนุ่มว่า ดันร่างของคนเจ็บให้นอนกลับลงไปบนเตียง แล้วลุกไปปิดไฟ ก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
“ฝันดีนะครับพี่เทสต์” เด็กหนุ่มกระซิบในความมืด
“อือ มึงด้วย” เทสต์กระซิบตอบ ไม่รู้อะไรดลใจให้ร่างโปร่งขยับเข้าใกล้ แล้วประทับริมฝีปากลงบนแก้มของคนรักเบาๆ เวย์อมยิ้ม
ถ้ามีพี่เทสต์อยู่ด้วย...ผมคงฝันดีทุกคืน
_______(ครึ่งแรก)_______
เรื่องนี้น่าจะอัพช้าสุดในสามเรื่อง จะพยายาม555555