Chapter 4: เช้าวันใหม่
เบื่อ...เทสต์กดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย พอไม่มีน้องชายมาคอยจู้จี้ให้เขาลุกไปทำนู่นทำนี่ ห้องที่เคยมีขนาดปกติก็กว้างขึ้นถนัดตา
Rrrrr
เสียงโทรศัพท์มือถือที่เขาวางไว้ข้างกายดังขึ้น ชายหนุ่มยิ้ม คงจะเป็นเจ้าทีมที่เวลาอยู่ห่างกันทีไรต้องโทรมาหาเขาวันละหลายหน ความมั่นใจนั้นทำให้เทสต์กดรับสายโดยไม่สนใจจะดูชื่อที่หน้าจอ
“ว่าไง?”
“คิดถึงผมมั้ยครับ?”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยทำให้เทสต์ดึงโทรศัพท์ออกจากใบหน้ามาดูหน้าจอทันที ชื่อที่แสดงอยู่บนนั้นพร้อมทั้งภาพของเจ้าตัวที่ถ่ายจากกล้องหน้าขยิบตาให้กล้องอย่างที่คิดว่าตัวเองเซ็กซี่เสียเต็มประดาเขียนไว้สั้นๆว่า ‘สามี’ พร้อมกับอีโมจิรูปหัวใจสีแดง คิ้วเรียวกระตุกกึกๆเมื่อเห็นใบหน้าออดอ้อนบาทานั้นอีกครั้ง
“ไอ้เวร!”
“เวย์พอครับ...ไม่ต้องเติมตัวสะกดให้ผม” ปลายสายหัวเราะ ความรู้สึกที่เหมือนกับอีกฝ่ายมากระซิบอยู่ข้างหูเหมือนคืนนั้นทำให้เทสต์ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นไปอีก ร่างโปร่งลุกขึ้นจากโซฟา บิดไปบิดมาอย่างเมื่อยขบจากการนอนอยู่บนนั้นเป็นเวลานาน กรอกเสียงลงในหูโทรศัพท์
“โทรมาทำไม?”
“อะไรกัน พูดกับสามีทั้งทีพูดเพราะหน่อยสิครับ”
“อย่ามาเล่นลิ้น ถ้ามึงไม่พูดอะไรกูจะวางสายแล้วนะ” เทสต์ขึ้นเสียง เตรียมกดตัดสายแต่คนที่อายุน้อยกว่ารีบตะโกนห้าม
เสียงดังลั่นจนเสียงลอดออกมาจากลำโพง
“โธ่ พี่เทสต์อ่ะ ดุผมตลอดเลย”
“ก็พูดมาสิ มีธุระอะไร”
ความอดทนของเทสต์หมดไปนานแล้ว ที่เขายังคงถือสายอยู่นี้อาศัยความเบื่อที่ไม่มีอะไรทำล้วนๆ
“ผมโทรมาทวงสัญญาไงครับ”ปลายสายเอ่ยเสียงใส
สัญญา?
‘พี่ต้องมาเป็นเมียผมสามเดือน’เอาจริงเหรอวะ?
“ไงครับ หรือว่าป๊อด...” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงยียวน กระตุ้นต่อมโมโหของเทสต์อย่างที่ไม่มีใครทำได้
“มึงจะให้กูทำอะไร?” ร่างโปร่งเกาหัว ช่างเหอะ ดีกว่าไม่มีอะไรทำ
อีกอย่าง...เขาไม่อยากยอมรับว่าลีลาบนเตียงของร่างสูงนั้นก็เร่าร้อนไม่น้อย
หากไม่นับปากเสียๆที่มักจะพูดจายั่วยวนกวนบาทาเขาเสมอๆน่ะนะ
“ออกมาเจอกันหน่อยสิครับ ผมหิวอ่ะ แต่กินคนเดียวมันเหงา....” เสียงอ่อนเสียงหวานไม่ได้ช่วยเพิ่มความเห็นใจจากคนฟังแม้แต่น้อย
“เออๆ จะให้ไปที่ไหน”
ร่างโปร่งหยิบกระเป๋าเงินและกุญแจรถ ฟังที่ตั้งของร้านคร่าวๆจากเด็กหนุ่มขณะปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไป
“อะไรของมึงเนี่ย? เงินเดินแบบหมดรึไง?”
เทสต์เลิกคิ้วมองร่างสูงที่ยิ้มแป้นอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารที่ถูกคลุมด้วยพลาสติกกันเลอะ เสียงของเขาแทบจะถูกกลบไปหมดด้วยเสียงเครื่องยนต์ของรถราที่ขับผ่านไปมาบนถนนใหญ่ยามค่ำคืน ร้านที่พวกเขานั่งอยู่เป็นร้านข้าวมันไก่ข้างทางที่เต็มไปด้วยลูกค้ามากมายแน่นขนัดจนแทบล้น โชคดีที่เวย์สั่งอาหารไว้แล้ว เขาจึงไม่ต้องเสียเวลารอคิว
"ร้านข้าวมันไก่เจ้านี่ดังมากๆเลยนะครับ ผมเนี่ยต้องเล่นเส้นจองเลยนะถึงจะได้ที่นั่ง" เวย์ตักน้ำจิ้มราดลงบนไก่ทอดหอมๆแล้วตักข้าวพอดีคำยกขึ้นจ่อที่ริมฝีปากเรียว
"อะไร? ไม่ต้องป้อน จานกูก็มี" ร่างโปร่งหดคอหนี
"ก็เผื่อน้ำจิ้มไม่อร่อยไงครับ พี่จะได้ไม่ต้องราด" เด็กหนุ่มให้เหตุผล แม้จะฟังไม่ขึ้น แต่เทสต์ก็ยอมอ้าปากงับอย่างตัดรำคาญ
ความหอมมันของข้าวกับความกรอบนอกนุ่มในของไก่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับน้ำจิ้มรถเปรี้ยวอมหวาน สอดแทรกความเผ็ดเล็กๆ ชายหนุ่มหลับตาลง ซึบซาบรสชาติของข้าวมันไก่เจ้าดังบนลิ้นพร้อมกับส่งเสียงในลำคออย่างพอใจ เช่นเดียวกับที่น้องชายชื่นชอบในการทำอาหาร เขาก็ชื่นชอบในการกินเป็นชีวิตจิตใจเช่นกัน
ถือว่ายกนี้เจ้าเด็กนี่ปล่อยหมัดได้ตรงจุด
"อะไรกัน แบบนี้ผมน้อยใจนะ"
เทสต์ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง เวย์ดึงช้อนเหล็กออกจากปากของร่างโปร่งช้าๆ มองริมฝีปากเรียวที่ปล่อยให้ช้อนเคลื่อนผ่านออกมาอย่างง่ายดาย
ฮือ...อยากเป็นช้อนว้อย
"อะไร น้อยใจอะไรของมึง?" เทสต์ถามเมื่อกลืนอาหารคำแรกลงคอ เด็กหนุ่มมีสีหน้าน้อยใจอย่างตอแหลเป็นที่สุด ดวงตาคมช้อนมองเขา พยายามเบิกตาในดูกลมโตน่าสงสาร แต่ส่งผลให้ดูน่าถีบมากกว่า
"ก็...คืนนั้นพี่ยังไม่ทำหน้าขนาดนี้เลยนี่นา ไก่นี่อร่อยกว่าผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"ไอ้..." เทสต์พยายามข่มใจเต็มที่ไม่ให้มือตัวเองบินไปกระแทกหลังหัวเด็กตรงหน้า
"หรือว่ายังไม่เคยเอาเข้าปาก เลยตัดสินใจไม่ได้... โอ๊ย!"
เทสต์สาบาน เมื่อกี้เป็นปฎิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายล้วนๆ เขาพยายามแล้วจริงๆ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายลูบหัวป้อยๆความสะใจยังเพิ่มขึ้นร้อยเท่าพันทวี ชายหนุ่มก้มลงดูดน้ำเย็นๆชื่นใจ ไม่สนใจคนที่ส่งสายตาเหมือนหมาโดนเหยียบหางให้เขาในตอนนี้
"แล้วไอ้การเป็น...แฟนมึงเนี่ย ต้องทำอะไรบ้าง?"
คำว่า'เมีย'ไม่สามารถหลุดออกจากปากเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นตอนที่ออกจากปากเด็กหนุ่ม ร่างโปร่งคนหลอดไปมาในแก้ว ไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองกำลังประหม่า
ถึงจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังประหม่าเรื่องอะไรก็ตาม
"ก็ทั่วไปนะครับ ไปเที่ยวกัน เดินด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน..." เด็กหนุ่มยกยิ้มมัมปากอย่างมีเลศนัย "นอนด้วยกัน"
"ถามจริงเหอะ หน้าตาอย่างมึงก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นี่หว่า เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัย มีแต่คนอยากได้ มึงไปตายอดตายอยากมาจากไหนถึงได้ต้องมาทำเรื่องแบบนี้?"
ร่างโปร่งถามอย่างไม่เข้าใจ
"ถ้าผมเข้าไปจีบ พี่จะยอมคุยกับผมเหรอครับ?" เวย์กอดอกถามด้วยสีหน้าสงสัย
ก็คงไม่..
เทสต์เป็นรุก เขาเป็นรุกมาโดยตลอด ถึงแม้คืนนั้นเขาจะรู้สึกดีแค่ไหน ชายหนุ่มก็ยังคงมั่นใจว่าหากเขาต้องเลือก เขาก็ไม่มีทางเลือกคุยกับร่างสูงแน่
"เห็นมั้ยล่ะ" เด็กหนุ่มพึมพำ
"มันก็ไม่ใช่ว่ามึงไม่หล่อ มึงแค่ไม่ใช่สเป็กกู.." เทสต์แก้ตัวเสียงเบา ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกไม่ดีกับใบหน้าที่สลด
ลงของอีกฝ่าย
"สเป็กพี่...ต้องเป็นแบบคนชื่อเหนือเหรอครับ?"
"รู้ได้ยังไง?" เทสต์ตกใจ เขามั่นใจว่านอกจากทีมกับไอ้พี่ติณณ์ภพแฟนของเหนือฟ้า ไม่มีใครรู้ว่าเขารู้สึกกับเพื่อนในกลุ่มเช่นไร
"คืนนั้นพี่ละเมอชื่อเขา..." เวย์ตอบเสียงอ่อย "แต่ผมไม่ได้แอบฟังนะครับ มันได้ยินเอง"
ได้ยินตอนที่นอนเท้าคางมองร่างที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างกายจนถึงเช้านั่นแหละ
"ช่างเถอะ" เทสต์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ "เรื่องของกูกับเหนือมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"
"แล้วเรื่องของเราล่ะครับ" เด็กหนุ่มถาม สีหน้าจริงนั้นทำให้เทสต์ยิ่งรู้สึกแย่ราวกับว่าตัวเองเป็นคนหักอกอีกฝ่าย "พอจะเป็นไปได้มั้ย?"
"คิดเงินเถอะ ดึกมากแล้ว" เทสต์ไม่ตอบคำถาม ลุกขึ้นจากที่นั่ง เวย์ลุกตามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหม่นหมอง เดินไปจ่ายเงินที่ลุงคนขาย เทสต์เอียงคอมองแผ่นหลังกว้างที่เขาฝากรอยเล็บไว้เป็นทางในคืนนั้น
เขารู้...ว่าความรู้สึกอกหักมันเป็นอย่างไร
เขาเคยคิด ว่าหากเขาสารภาพรักกับเหนือฟ้า อย่างน้อยที่สุด อีกฝ่ายจะต้องยอมลองคบกับเขา และถึงแม้พวกเขาจะเลิกกัน ความทรงจำเล็กๆนั้นจะทำให้เทสต์รู้สึกว่าอย่างน้อยพวกเขาได้ลองพยายามแล้ว
ตอนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำอะไรได้เรื่องของเหนือฟ้า แต่เขาสามารถให้เวย์ ในสิ่งที่เหนือฟ้าให้เขาไม่ได้
โอกาส"ถ้าอย่างนั้น ราตรี..."
"ไปห้องกูมั้ย?"
ร่างโปร่งถามขักคำบอกลาของคนอายุน้อยกว่า เวย์ชะงัก ดวงตาสีรัติกาลมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
"นี่กูเป็นแฟนมึงนะ ใจคอจะให้กูขับรถกลับคอนโดคนเดียว?" เทสต์เลิกคิ้ว กอดอกดูปฎิกิริยาของเด็กหนุ่มร่างสูง
เวย์ฉีกยิ้มกว้าง
"วันนี้ผมไม่ได้เอารถมาพอดี รบกวนด้วยนะครับ"
"เย็นนี้ไปกินข้าวกันอีกได้มั้ยครับ?"
รถยนต์SUVสีเทาเข้มเข้ามาจอดในลานจอดรถของคณะบริหาร เวย์ที่รับหน้าที่เป็นสารถีจำเป็นหันมาถามเจ้าของรถซึ่งอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นจากการผจญภัยรอบห้องของพวกเขาเมื่อคืน เด็กหนุ่มเขย่าร่างของชายหนุ่มรุ่นพี่เบาๆ เทสต์กระตุกเล็กน้อยก่อนจะปรือตาตื่นอย่างงัวเงีย เวย์นึกถึงบิดาของตัวเองที่ขี้เซาจนถึงขนาดที่ว่าระเบิดลงกลางห้องก็ไม่ตื่นแล้วหลุดหัวเราะออกมา ปลุกคนที่เริ่มสะลึมสะลือให้ตื่นเต็มตา
"ถึงแล้วเหรอ? เมื่อกี้...ถามกูว่าอะไรนะ?"
"ผมถามว่า ไปกินข้าวเย็นกินอีกได้มั้ยครับ?"
"ไม่อ่ะ ปกติน้องชายทำให้กิน" เทสต์ตอบ ยังคงมึนงงจากการตื่นไม่เต็มตา
"พี่เทสต์มีน้องชายด้วยเหรอครับ?" เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขาเข้าไปในห้องนั้นสองรอบ แต่ไม่เคยเห็นว่ามีใครอยู่ในห้องนั้นกับอีกฝ่ายเลย ถึงแม้จะเอะใจกับการที่มีห้องนอนสองห้องในคอนโดก็ตาม
"อือ" ร่างโปร่งเริ่มสัปหงกอีกรอบ เวย์ตบมือดังๆตรงหน้าขายหนุ่ม เทสต์สะดุ้งตื่น หันขวับไปหาคนแกล้งตัวเองด้วยสายตาคาดโทษ
"ไปเรียนได้แล้วครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมโทรหา"
เวย์ยกแขนขึ้นพาดบ่า โอบไหล่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ประทับจูบแผ่วเบาลงบนกระหม่อมของชายหนุ่มที่หมดแรงแม้แต่จะขัดขืน
เทสต์เดินลงมาจากรถโดยมีเวย์ประคองไม่ห่าง จนกระทั่งเขาออกปากไล่เจ้าตัวถึงได้ยอมไปเรียนแต่โดยดี ชายหนุ่มลากสังขารไปยังลิฟต์ที่มีคนต่อแถวรอขึ้นจำนวนมหาศาล เมื่อหย่อนก้นลงบนที่นั่งประจำได้ ร่างโปร่งก็ฟุบลงกับโต๊ะทันที เหนือฟ้ากับกวินภพมองหน้ากัน พวกเขาไม่ประหลาดใจที่เห็นเทสต์สลบไปแบบนั้นเพราะเป็นภาพที่เห็นจนชินตามาตั้งแต่เข้สปีหนึ่ง แต่ที่พวกเขาแปลกใจคือการที่ทีมซึ่งมาถึงก่อนพวกเขาตามเคยก็หลับเป็นตายอยู่ข้างเหนือฟ้าเช่นกัน
สองพี่น้องคู่นี้ไปทำอะไรกันมา
"ทีม มึงไหวมั้ย?"
เจ้าของชื่อที่ล้างหน้าล้างตาอยู่ในห้องน้ำปิดก๊อกแล้วหันไปทางต้นเสียง เหนือฟ้ายืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำด้วยสีหน้าเป็นห่วง ร่างโปร่งที่ปวดระบมไปทั้งร่างพยายามยิ้มให้เพื่อนคลายกังวล แต่แค่ขยับกล้ามเนื้อใบหน้าก็ต้องใช้พลังงานมหาศาลในตอนนี้
"อือ กูไหว โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง"
"ถ้ามึงไม่พูดให้ชัด เขาก็ไม่หยุดหรอกนะ"
คนฟังชะงัก ทีมหรี่ตามองเพื่อนร่วมกลุ่มที่มองตรงมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูราวกับอ่านเขาออกจนทะลุปรุโปร่งอย่างจับผิด เหนือฟ้ารู้ได้ยังไง?
"ถ้ามึงไม่หนักแน่น เขาก็จะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มึงต้องการเหมือนกัน" ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องน้ำ ก้มลงล้างมือที่อ่างอย่างใจเย็น "ถ้ามึงยังยอมเขาไปเรื่อยๆ สุดท้ายคนที่จะเสียทั้งการเรียน เสียทั้งความเคารพตัวเอง ก็คือมึง"
"แต่ว่า...แค่นี้คงไม่เป็นไรหรอก..." ทีมพยายามแก้ตัว เขาเชื่อว่าเมื่อคืน หากเขาเอ่ยห้ามจริงจัง อีกฝ่ายจะต้องหยุด แต่ถึง
แม้เมื่อคืนจะรู้สึกดีเพียงไร ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาแสดงผลในตอนเช้าก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากให้เกิดบ่อยๆ
เขาแค่รู้สึกว่ายังไม่ควรเอาแต่ใจกับอีกฝ่ายทั้งที่เพิ่งคบกันแบบนี้
"ความเกรงใจ กับความกลัวที่จะขัดใจเขา มันคนละเรื่องกันนะทีม" เหนือฟ้าเอ่ยขึ้นราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร "ถ้ามึงยอมทนกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่ถูกใจเขา สักวัน มึงจะส่องกระจก แล้วเห็นแค่คนแปลกหน้าที่มึงไม่รู้จัก"
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ยิ้มทะเล้นจริงใจที่เขาและเพื่อนๆในกลุ่มคุ้นตาดี ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนขี้เล่น ชอบกวนคนนั้นคนนี้ สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างตลอดเวลา เขาจึงไม่เคยเห็นใบหน้าโศกเศร้าของอีกฝ่ายซักครั้ง
"เป็นคนแปลกหน้า ที่มึงคิดว่าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก"
เหนือฟ้าเช็ดมือกับกระดาษทิชชู่ ขยำมันเป็นก้อนกลมแล้วโยนลงถังขยะ ก้อนกระดาษลงไปนอนนิ่งอยู่ในถังอย่างแม่นยำราวกับจับวาง
"ถ้าเขาจะเกลียดมึงเพราะมึงต้องการปกป้องตัวเอง ก็ปล่อยคนแบบนั้นไปเถอะ"
"ทำไมมึงถึงรู้ดีจังวะเหนือ?" ทีมเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ เหนือฟ้ายังคงยิ้ม ถึงแม้แววตาของอีกฝ่ายจะดูว่างเปล่า
"กูแค่รู้จักเด็กคนนึง ที่หวังว่าจะมีคนพูดแบบนี้กับเขา ก่อนที่จะถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น" ก่อนจะออกจากห้องน้ำ ชายหนุ่มหันกลับมาหาทีมเป็นครั้งสุดท้าย
"ยังไงก็พาแฟนมาแนะนำบ้างนะ"
"เอ่อ...ได้..."
ทีมเกาศีรษะแกรกๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า
"คุณวีครับ เรื่องของเรา...เก็บไว้เป็นความลับก่อนได้มั้ยครับ"
ร่างโปร่งเงยหน้าถามเจ้าของหน้าท้องแกร่งที่เขาใช้ต่างหมอนในตอนนี้
"ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจหรอกนะ แต่ไม่อยากเลยแฮะ" วีรภัทรยิ้ม ใช้นิ้วสางกลุ่มผมนิ่มอย่างเบามือ
"ทำไมคุณวีถึงได้ไม่กังวลอะไรเลยล่ะครับ ถ้าเรื่องไปถึงมหาวิทยาลัย คุณจะไม่โดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหรอ?"
ทีมถาม พักคางลงบนอกของอีกฝ่าย รอคำตอบจากชายหนุ่มตาแป๋ว
"ถ้าเป็นเธอ...ฉันยอมโดนไล่ออก"
"คุณวี! จริงจังหน่อยสิครับ"
วีรภัทรหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้ามุ่ย นั่นยิ่งทำให้ทีมงอนแก้มป่องขึ้นไปอีก
"จริงๆฉันตั้งใจจะออกตั้งแต่เทอมที่แล้วแล้วล่ะ แต่มหาวิทยาลัยขอร้องให้มาสอนเทอมสุดท้าย"
ชายหนุ่มบีบจมูกคนที่ยังทำหน้ามุ่ยแล้วดึงไปมา
"อีกอย่าง ถ้าเธอดูในกฎของมหาวิทยาลัยดีๆ จะเห็นว่าไม่มีกฏห้ามเรื่องนี้เป็นลายลักษณ์อักษรนะ"
"เอ๊ะ? ไม่มีเหรอครับ" ร่างโปร่งมีสีหน้าตกใจ
"อือ เขาคงอยากให้ฉันสำนึกได้เองมั้ง" วีรภัทรหัวเราะในลำคอ "ซึ่งฉันก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้นด้วยสิ"
"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ" ทีมกอดเอวอีกฝ่ายไว้
"สรุปว่าเราเคลียร์นะ" ร่างสูงก้มลงถามคนรัก
"ครับ...แต่ผมก็ยังไม่อยากให้มันเป็นเรื่องที่เราต้องป่าวประกาศอยู่ดี"
เพราะถ้าเทสต์รู้ว่าน้องชายที่รักโดนอาจารย์ที่ตนเกลียดขี้หน้ากลืนกินเข้าไปทั้งตัวแล้ว อาจจะเกิดสงครามนองเลืองขึ้นได้
"ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้มั้ย หลังกลางภาคฉันจะหาคนมาสอนแทน เราจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้"
ถ้าในตอนนั้นเรายังคบกันอยู่น่ะนะ...วีรภัทรไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขามั่นใจว่าอนาคตของเขาจะมีอีกฝ่ายอยู่ในนั้นนานถึงขั้นเสนออะไรแบบนี้ออกไป
"ถ้าคุณวีลาออก คุณวีจะไปทำอะไรเหรอครับ?" ฝ่ายคนช่างซักยังไม่หมดข้อสงสัย
"ฉันก็มีธุรกิจเล็กๆน้อยๆหลายที่นะ คงจะพอประทังชีวิตได้บ้าง" ชายหนุ่มรวบตัวอีกฝ่ายให้ขึ้นมานอนบนตัวเขาเต็มตัว แขนแกร่งวางบนแผ่นหลังเนียน แผ่ความอบอุ่นผ่านทางสัมผัสให้เด็กน้อยของเขา เกลี่ยเส้นผมนิ่มออกจากใบหน้าเรียวเบาๆ
"ทำไม กลัวป๋าไม่มีเงินเปย์เหรออีหนู"
"ใช่ซะที่ไหนล่ะครับ" คนโดนแซวดิ้นขลุกขลักออกจากก้อมกอด "ธุรกิจอะไรครับ? ไม่ใช่พวกมาเฟียตลาดมืดใช่มั้ย?"
หน้ายิ่งให้อยู่...
"ก็...ถ้าธุรกิจยิบย่อยก็โรงแรมนี้กับโรงแรมในเครือทั้งหมด..."
ธุรกิจยิบย่อยของอีกฝ่ายคือโรงแรมห้าดาวหลายสาขา?
ทีมไม่อยากรับรู้แล้วว่าธุรกิจหลักของชายหนุ่มคืออะไร
"ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปส่ง" วีรภัทรกดจมูกลงบนแก้มนิ่ม สูดกลิ่นหอมอ่อนๆที่มักจะติดตัวร่างโปร่งเป็นประจำฟอดใหญ่
"เอ๊ะ แต่คุณวีไม่มีสอนเช้านี่ครับ นอนต่อเถอะ เดี๋ยวผมขึ้นแท็กซี่ไปเอง" ทีมเอ่ยอย่างเกรงใจ
"ถ้าดื้อแบบนี้ ฉันจะกอดเธอหลายๆรอบ เอาให้ไม่มีแรงคลานไปขึ้นแท็กซี่เลย ดีมั้ย?" ชายหนุ่มถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง ได้คำตอบเป็นการสั่นศีรษะรัวๆของร่างบอบบาง "ไปอาบน้ำไป ไม่งั้นฉันจะเข้าไปอาบให้แล้วนะ"
คนถูกสั่งกระโดดแผล็วหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่สังขารจะเอื้ออำนวยด้วยกลัวอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูด
แต่สุดท้ายก็ตามเข้ามาอยู่ดีไม่ใช่รึไง...____(ครึ่งแรก)_________
ไม่ต้องอ่านมันแล้วหนังสือหนังหา...ลื่นไหลมาก ฮืออออออออ
รักคนอ่าน