•14•
ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียง มีคุณเกรย์นอนจองหมอนอยู่ข้างๆ ผมพิมพ์งานไปเกาคางคุณเขาไป เอาแล็ปท็อปจากหอมาเมื่อเย็นแล้ว จริงๆ งานไม่เร่ง ส่งอาทิตย์หน้า ถ้าผมอยู่หอคนเดียวก็จะเปิดทำเพราะไม่รู้จะทำอะไร แต่ถึงผมมาอยู่กับคุณเกรย์ผมก็ทำงานอยู่ดี คงติดเป็นนิสัยไปแล้ว
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ทำไปจ้องคุณเกรย์ไป งือ อยากฟัดพุง แต่เพราะคุณเกรย์กำลังทำหน้าเคลิ้มๆ เหมือนจะหลับเลยไม่อยากกวน
ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังมาจากข้างหลัง เดาว่าพี่ครามคงอาบน้ำเสร็จแล้ว คิดอย่างนั้นจึงไม่ได้หันไปมอง เสียแต่เสียงดุดังลอยมา ทำให้ต้องหันไปหาต้นเสียง
“ปาย...ไปเปลี่ยนกางเกง”
ผมทำหน้าไม่เข้าใจใส่
“สั้น โป๊” สองคำแค่นั้น ก่อนเดินหน้ามุ่ยไปเสียบปลั๊กเป่าผม ผมเหลือบมองกางเกงตัวเอง กางเกงบอลขากว้างใส่สบายที่ความยาวประมาณเข่า เรียกว่ากางเกงขาสั้นก็จริงแต่ก็ไม่ได้สั้นมากมายขนาดที่จะเรียกว่าโป๊ได้ งงพี่คราม สงสัยคนละเจนฯ
“ยังนิ่งอีก”
“อะไร มันสั้นตรงไหนถามจริงเถอะ” ผมเถียง พี่ครามถอนหายใจเสียงดัง เปิดตู้ตัวเองค้นยุกยิกอยู่พักนึงก่อนโยนกางเกงวอร์มขายาวมาให้ผม
“เปลี่ยน ถ้าไม่อยากโดนปล้ำ”
ผมงง มันไม่ได้สั้นยั่วอารมณ์อะไรเลย กางเกงบอลสีแดงดำแสบตากับลายกราฟฟิกดูไม่เข้าพวกนี่มันเร้าอารมณ์ตรงไหน ผมหน้ามุ่ย ชอบนอนใส่ขาสั้นมากกว่า สบายกว่าขายาว มันเกะกะ
“นี่ต้องให้กูอธิบายทุกอย่างเลยใช่มั้ย” พี่ครามว่าหัวเสีย ยกมือขยี้หัวอย่างรุนแรง เดินดุ่มๆ มาหาผม กระตุกปลายกางเกง
“ขากว้างจนเอาสีเทายัดเข้าไปได้ละมั้งเนี่ย ขยับทีเห็นทะลวงไปถึงไส้ติ่ง พอจะเข้าใจรึยัง”
พอจะเข้าใจ รู้ว่าขามันบาน ก็เพราะอย่างนี้แหละมันถึงใส่สบายไม่ใช่หรือไง ทีตัวเองยังใส่ได้ ผมพยักหน้าให้พี่ครามก่อนดึงผ้าห่มมาปิดๆ ขาไว้ นอนเล่นแล็ปท็อปเหมือนเดิม
“ปายยยย” พี่ครามคำรามลั่น น้ำเสียงเหมือนวิงวอนอะไรสักอย่าง
“พี่ครามก็ไม่ต้องมองดิ ปายก็เอาผ้าห่มมาปิดแล้วไงจะได้ไม่ต้องมอง ใส่ขาสั้นมาสบายกว่าอ่ะ เดี๋ยวตอนนอนก็มืดแล้วมองไม่เห็นหรอก พี่เองก็อย่าลามกทุกวินาทีขนาดนี้ดิ” ผมว่าเป็นชุด ต่อล้อต่อเถียงใส่คนตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน ถ้าเถียงกับเพื่อนอ่ะมีบ้าง แต่เถียงกับคนแก่กว่าขนาดนี้นี่พี่ครามคนแรกเลย
ขาก็แห้งขนาดนี้ เอาอะไรมายั่วอารมณ์พี่เขาวะ
พิมพ์งานต็อกแต็กอีกสักพักก็ปิดคอม หันไปหาเจ้าของห้องที่หนีไปนั่งหลบมุมอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ พร้อมคุณเกรย์ที่ไปนอนเฝ้าอยู่ข้างๆ พี่ครามเอาเท้าสอดไปใต้หางคุณเขา ปล่อยให้คุณเกรย์กระดิกหางตบเท้าเขาตุบๆ ฮึ่ม สบายมากมั้ย
ผมลุกไปหาพี่คราม แน่นอน...เป้าหมายคือคุณเกรย์ที่แอบลุกออกจากเตียงไปตอนไหนไม่รู้ อุ้มคุณเขามาวางไว้ที่เดิมก่อนจัดแจงท่านอน วันนี้จะนอนกอดคุณเกรย์ให้หนำใจ
นอนนิ่งๆ ไปไม่เท่าไหร่คุณเกรย์ก็ลุกออกจากอ้อมกอด คงอึดอัดและไม่ชิน ผมมองคุณเขาที่เคลื่อนตัวไปนอนข้างๆ ผมแทน อย่างน้อยก็ยังอยู่ใกล้ๆ กัน คิดได้อย่างนั้นก่อนไฟจะดับลง พร้อมกับเตียงที่ยุบลงข้างๆ พี่ครามสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน ขยับนิดหน่อยก่อนหยุดนิ่ง
ผมนอนหันหลังให้อยู่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร แต่เหมือนรู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องผมอยู่ ผมที่กำลังลูบคุณเกรย์ที่นอนอยู่ข้างๆขยับตัวยุกยิกเป็นเชิงไม่สบายตัว หวังให้พี่ครามเลิกสนใจผมสักที ไม่นาน เสียงทุ้มก็เอ่ยทำลายความเงียบ
“กอดหน่อยดิ”
“...”
ผมไม่ตอบ นอนเกร็งตัว เตรียมรับสัมผัส รับรู้ได้ว่ามีร่างใหญ่โน้มตัวเข้ามา...
เอื้อมมือผ่านตัวผมไป คว้าก้อนขนสีเทาลอยข้ามตัวผม
“แมวน่ะ”
กวนตีน!
.
“ปาย จะสายแล้ว”
“อือ” ครางตอบ ไม่ได้ฟังว่ามีใครพูดอะไร แค่ได้ยินผ่านๆ ว่ามีคนเรียกชื่อผม
“ขี้เซา” ว่าพร้อมไล้ใบหน้า ผมมุดหน้าหนีซุกเข้ากับหมอน
“ตื่นได้แล้วไอ้ตัวง่วง”
“อือ รู้แล้ว” ผมว่า ง่วงจริงอย่างที่พี่ครามบอก เป็นปกติของทุกเช้าที่จะอิดออดไม่ยอมลุกจากเตียง ทำให้ต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาตื่นจริงห้าหกรอบ แต่พอมานอนค้างกับเขา ผมหวังพึ่งพี่ครามทันที
“รู้ก็ลุก”
“ขออีกห้านาที” ว่าประโยคยอดฮิตของมนุษย์ขี้เซา ได้ยินเสียงถอนหายใจลอยมาเลยรีบเอ่ยต่อ “เมฆ...”
คราวนี้เงียบ ทำให้ได้ใจรีบหลับให้ครบโควตาเวลา กำลังเคลิ้มๆ ก็ถูกสัมผัสบางอย่างกระโจนใส่ น้ำหนักตัวลงสี่เท้าอยู่บนเอวผม คราวนี้เบิกตาโพลงเมื่อรู้ว่าคนที่ปลุกเป็นคุณเกรย์
ที่เดาว่าพี่ครามน่าจะโยนมาใส่ผม
นิสัยไม่ดี...
คุณเกรย์ดูเลิ่กลั่ก ทำให้ผมคว้าเขาเข้ามาในอ้อมกอด สูดดมหัวทุยหนึ่งฟอดให้ชื่นใจแทนการอรุณสวัสดิ์
“ทีงี้ล่ะลุกเลย” เจ้าของแมวว่าเสียงงอ ผมหันไปเหล่เขาก่อนลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ข้าวเช้าง่ายๆ แบบเดิมถูกจัดแจงลงบนโต๊ะอาหาร ผมเทนมใส่คอร์นเฟล็ก ตักกินเข้าปาก
“วันนี้ถ้าเลิกแล้ว เดี๋ยวไปรับ”
ผมพยักหน้า
พี่ครามไปส่งเหมือนเมื่อวาน ครั้งนี้ไม่มีไอ้เมลล์รอส่องเหมือนเมื่อวาน ถึงอย่างนั้นพอหมดคาบเช้า ไอ้เมลล์ก็เข้ามาถามผมทันทีตามที่มันประกาศลั่นไว้เมื่อวาน ผมตอบมันเท่าที่จะตอบได้ ไอ้ตั๊บเข้ามามีส่วนร่วมในวงสนทนาอย่างเสือกๆ
พอได้คำตอบที่พึงพอใจเพื่อนเมลล์แล้วมันก็ปล่อยผมไป พากันไปกินข้าวเที่ยง นั่งกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารคณะนั่นแหละ ผมนั่งตักข้าวกินอยู่ดีๆ ไอ้เมลล์ที่นั่งตรงข้ามก็ขมวดคิ้ว มองตรงไปข้างหลังผม
หันไปมองต้นเหตุของความหงุดหงิดของเพื่อนบ้าง
ก่อนพบ...พี่แจน
สบตาเข้าพอดี พี่แจนมองผมแวบเดียวก่อนสะบัดหน้าหนี เดินกระแทกเท้าออกไป
“นั่นคนเมื่อวานป่ะ” ไอ้ตั๊บถาม ผมนิ่งให้ไอ้เมลล์พยักหน้าเป็นคำตอบ
ไม่รู้พี่แจนต้องการอะไร อาจจะแค่มาสอดส่องผมเฉยๆ แม้จะรำคาญใจแต่ก็ขออยู่เงียบๆ ของตัวเองดีกว่า ถ้าแค่มาด้อมๆ มองๆ ล่ะก็ผมไม่มีปัญหา
จวบจนตอนเย็น วันนี้พี่ครามมารับเร็วกว่าปกติ บอกไม่ค่อยมีสัตว์ป่วยเท่าไหร่ เงียบตั้งแต่เช้าจนเย็น เลยได้เลิกไว
“เมฆ...” ผมเรียกชื่อพี่ครามเบาๆ แค่อยากเรียกเฉยๆ
“หือ” คนถูกเรียกส่งเสียงตอบรับ แต่ผมไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แค่เรียกเพื่อให้ตัวเองได้มั่นใจ...ว่าผมมีสิทธิเรียกเขาแบบนั้น คงเพราะเจอพี่แจนมาวันนี้ทำให้ผมหวั่นใจ อย่างไรเสียก็มั่นใจว่าพี่ครามไม่คิดจะกลับไปพี่แจนหรอก ดูเกลียดไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากเรียก
พี่ครามเลี้ยวรถมาจอดกินข้าวที่ห้างแห่งหนึ่ง เพราะผมพูดเปรยๆ ว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่น คนตัวโตเดินนำทางไปยังร้านอาหาร
“กินนี่ไหม”
ผมพยักหน้าตอบรับ “ได้ครับ”
เลือกหาที่นั่งก่อนพนักงานจะนำเมนูมาให้ ผมมองผ่านตาก่อนสั่งเมนูที่มีอยู่ในใจอย่างรวดเร็ว เมื่อพนักงานรับออเดอร์จากไปพี่ครามก็ถามขึ้น
“เคยมาหรอ”
“อืม...เคยมากินกับแม่ครั้งนึง” ผมว่าพลางนึกถึงตอนนั้น
“จริงอ่ะ แม่ชอบหรอ”
“คงงั้น...ที่จริงแค่สุ่มเข้าเฉยๆ แต่ร้านนี้อร่อยดี”
“หรอ ดีแล้ว พี่ก็ชอบกินร้านนี้” ผมพยักหน้า จิบน้ำ
พี่ครามจ้องหน้าผมก่อนต่อบทสนทนา “แล้วได้กลับบ้านบ้างป่ะ มาอยู่หองี้พ่อแม่ไม่คิดถึงหรอ”
ผมส่ายหน้า ไม่รู้ “ไม่กลับอ่ะ อยู่หอนี่แหละสบายดี นานๆ ทีค่อยกลับบ้าน”
“อ้าว พ่อแม่ไม่ถามหาหรอ”
ผมเงียบไปสักพัก ก่อนเอ่ยตอบ “นานๆ ที...”
“...ปายไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเองเลยเนอะ” พี่ครามว่า อมยิ้มเล็กๆ ผมเหลือบตาไปจ้องเขาก่อนหลุบตามองต่ำ รู้ว่าพี่ครามถามเพื่ออยากรู้จักผมให้มากกว่านี้ เสียแต่ผมลังเลที่จะตอบ
อาหารมาเสิร์ฟ พี่ครามไม่ได้เซ้าซี้อะไร ชวนให้ลงมือทาน
ทานไปได้ครึ่งจานผมก็เปิดปาก
“พ่อแม่ผมแยกกันอยู่...”
“...”
“อันที่จริง หย่ากันไปมีครอบครัวใหม่กันแล้ว...”
“เห้ย ปายไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้บังคับนะ”
“อยากพูด...” ผมว่า อันที่จริง เรื่องนี้ไม่ได้รบกวนจิตใจผมมากมาย แค่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แปลว่าพวกท่านไม่รักผม ทั้งพ่อทั้งแม่ยังคงส่งค่าเรียนค่าอยู่ให้ผมไม่ขาด โทรหาถามสารทุกสุกดิบบ้างแม้จะนานๆ ที รู้ว่าท่านยุ่ง ถึงอย่างนั้นก็รู้ว่าวพวกท่านไม่เคยลืมผม เลยไม่คิดว่าตัวเองขาดอะไร
“พ่อแต่งงานใหม่อยู่ในเมืองเนี่ยแหละ ส่วนแม่มีครอบครัวใหม่อยู่ต่างจังหวัด” ผมเริ่มเล่า “ฝั่งพ่อมีลูกชายสองคน เป็นน้องผมทั้งคู่ อยู่ประถมอยู่เลย ส่วนแม่แต่งกับพ่อหม้ายมีลูกติด เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่แก่กว่าผมนิดหน่อย และก็มีลูกสาวกับสามีใหม่”
“ตอนแรกผมอยู่กับแม่ แต่พอติดมหา’ลัยก็ขอแม่มาอยู่หอในเมือง ตอนแรกพ่อชวนไปอยู่ด้วยแต่บ้านพ่ออยู่ไกลจากมหา’ลัยผม ขี้เกียจนั่งรถนานๆ”
“แล้วปายโอเคไหม...” พี่ครามถาม
“โอเคอะไร?”
“แบบ...ไม่เหงาหรอ”
“แรกๆ ก็เหงา แต่คิดไปคิดมาผมมีครอบครัวใหญ่กว่าชาวบ้านเลยนะเลยไม่รู้จะเหงาไปทำไม ลูกพ่อลูกแม่แต่ละคนก็ซนเป็นลิง ไปเยี่ยมทีก็หมดแรงไปเป็นวันแล้ว” ผมว่าพลางขำเมื่อนึกถึง
พี่ครามเงียบ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร ผมเข้าใจ ทุกทีเวลาผมเล่าเรื่องครอบครัวหลายคนก็มีสีหน้าอย่างนี้
“ตอนนี้ผมมีคุณเกรย์ด้วย ไม่เหงาหรอก” ว่าพลางยกยิ้ม
“อ้าว แล้วพี่ล่ะ”
“...ของแถม” เอ่ยแกล้งเมื่อเจ้าของแมวทวงพื้นที่ ขยับยิ้มมากขึ้นเมื่อพี่ครามทำหน้ามุ่ย
เรากินอาหารกันอีกไม่นานก็เสร็จ พี่ครามขอเดินดูซุปเปอร์มาร์เกต หาของสดและอาหารแมวไปเติมเสบียง ผมช่วยพี่ครามเลือกบ้างนิดๆ หน่อยๆ ส่วนมากไม่ค่อยได้ทำอะไร แค่ช่วยยก หยิบนู่นจับนี่ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ สุดท้ายภารกิจวันนี้ก็เสร็จ
ผมชอบเผลอจ้องพี่ครามตลอด รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง แต่ครั้งนี้แม้ไม่ได้จ้องเขาก็รู้ว่าพี่ครามเงียบผิดปกติ เดาว่าเพราะเรื่องครอบครัวผมแน่ๆ บอกตามตรงอีกครั้ง ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดหายอะไรเลยจริงๆ อาจจะมีเหงาบ้างบางครั้งแต่ไม่ได้เป็นปัญหาชีวิตมากมาย แต่เพราะเล่าแล้วทุกคนชอบเป็นอย่างนี้ทุกทีเลยไม่อยากเล่า
พี่ครามไขกุญแจห้อง นำของมากมายไปวางบนเคาท์เตอร์ ผมช่วยพี่ครามเก็บของเข้าตู้ก่อนบอก
“พี่คราม ครอบครัวผมไม่ได้เหมือนคนทั่วไปไม่ได้หมายความว่าผมขาดอะไรนะ ผมมีความสุขดี”
คนตัวโตหันมามองหน้าผม เดินตรงมาหา “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีความสุขกว่านี้”
ว่าพลางกดจูบที่กลางหน้าผาก
รู้แล้วหน่า ทุกวันนี้ก็มีความสุขเพราะพี่ครามนั่นแหละ แต่ขอให้คะแนนคุณเกรย์มากกว่าหน่อยนึง...
วันนี้ไม่มีงานต้องทำ ผมนั่งเล่นมือถือไปเรื่อยๆ ลองอัพรูปจากแอพลิเคชั่นสีสดใสที่ชื่อว่าอินสตราแกรมดู ถัดจากรูปวิวโง่ๆ ก็เป็นรูปแมวสีเทากำลังนอนเปื่อย ไม่ได้มีคำบรรยายใดๆ เพราะคิดไม่ออก
นั่งมองคนกดไลค์ไม่กี่คนเพราะไม่ค่อยมีคนรู้ว่าผมเล่นแอพฯนี้ มีไอ้เมลล์เข้ามาคอมเม้น
คุณเกรย์?
ใช่
ผมตอบมันไป สไลด์หน้าจอเล่นมือถือไปพลางๆ กดเข้าเฟสบุ๊คดูเรื่องราวของเพื่อนๆ ก่อนมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว ผมอุ้มคุณเกรย์มานอนข้างๆ ตัวเอง ไม่รู้ว่าถ่ายรูปตัวเองเขาถ่ายกันยังไงแต่ก็ถ่ายๆ ไปให้ติดหน้าตัวเองกับหน้าแมวง่วงหนึ่งตัว
ก่อนกดอัพโหลดเป็นรูปโปรไฟล์ใหม่
นอนกลิ้งเล่นไปแปบเดียวพี่ครามก็มาจับคุณเกรย์ขึ้นเอาหัวโขก รังแกแมวอีกแล้ว ผมนอนจ้องพี่เขาเล่นกับคุณเกรย์ อันที่จริงเหมือนแกล้งกันมากกว่า
“จะนอนยัง?” พี่ครามถาม ผมพยักหน้า คว้าปลายเสื้อพี่ครามที่อุ้มคุณเกรย์ไว้ก่อนที่พี่เขาจะเดินไปปิดไฟ
“จูบหน่อย...”
พี่ครามทำหน้าเหวอ ส่งสายตาล่อกแล่ก ผมเคลื่อนตัวหาเขา
ก่อนก้มจูบลงบนหัวคุณเกรย์ที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่ง
“แมวน่ะ...”
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
แจนยังไม่ใช่คนร้ายที่แท้จริง...
ส่วนเพื่อนๆ เองก็ยังไม่มีหน้าที่ซักไซ้ในตอนนี้...
น้องปายมีพัฒนาการแล้วนะขอบอก มาจากอิพี่ล้วนๆเลย...
//ตอนนี้คุณเกรย์มีสารบัญแล้วนะคะะ ขอบคุณคุณ janeta มากๆ เลยค่ะะะ
