•13•
“ปาย ตื่นเร็ว”
ผมงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงเรียกปลุกเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ไม่ได้ตื่นมาในสภาพที่กำลังนอนกอดเขาเหมือนทุกที พี่ครามสะกิดให้ผมไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนเดินไปทำอาหารเช้ารอ ผมลุกไปอาบน้ำจัดการตัวเอง ใส่ชุดนักศึกษาที่ถูกรีดเรียบร้อย คงเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่ครามที่รีดให้ เดาว่าคงตื่นมารีดให้เพราะเข้านอนพร้อมกัน
จะพ่อบ้านไปไหน
ผมก้มไปอุ้มแมวสีเทาที่เดินป้วนเปี้ยนไปมาในห้องขึ้นมากอด เอ่ยทักทายคุณเกรย์ยามเช้าก่อนพาไปนั่งทานข้าวด้วยกัน วางไว้บนตักก่อนลงมือทานข้าวเช้าพร้อมพี่คราม อาหารเช้าง่ายๆ อย่างคอร์นเฟล็กใส่นมถูกยัดเข้าปากและหมดลงไปอย่างรวดเร็ว
พี่ครามจัดการอะไรอีกสักพักก็พร้อมออกห้อง ต้องออกหอเร็วกว่าปกติเพราะพี่ครามต้องไปส่งผมก่อนไปที่ทำงาน ทำให้ผมต้องไปมหา’ลัยเร็วกว่าปกตินิดหน่อย
“หืม”
เดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ารถโตโยต้ายาริสสีดำ เมื่อภาพรถที่คิดไว้ไม่คุ้นหน้าจึงได้แต่สงเสียงสงสัย
“ไปแลกรถกับบัวมาเมื่อวาน”
“ทำไมล่ะครับ” ผมถามขึ้น เพราะคิดว่าพี่ครามชอบขับมอเตอร์ไซค์มากกว่า
“แดดร้อน เดี๋ยวสำลีไหม้”
ผมเบ้หน้า รู้ว่าสำลีที่เขาพูดถึงหมายถึงผม พี่ครามเคยบอกว่าผมคล้ายสำลีแมวตัวเก่าของเขา ถึงจะไม่รู้ว่าแมวกับคนหน้าตาจะเหมือนกันได้ไงก็เถอะ
ผมเปิดเข้าไปนั่งข้างๆ เบาะคนขับก่อนที่รถยนต์จะแล่นออกสู่ถนนใหญ่ ภายในรถดูสะอาดสะอ้าน แต่ไม่มีกลิ่นรถใหม่ คิดว่าซื้อมานานแล้วแต่ไม่ค่อยได้ใช้มากกว่า ถึงอย่างนั้นก็คงดูแลกันดี ไม่มีฝุ่นมาจับเลย ผมนั่งสำรวจภายในรถเล่นๆ ระหว่างทาง หันไปมองพี่ครามเป็นพักๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“จ้องอีกแล้ว”
ผมหันหน้าหนี ปฏิเสธข้อกล่าวหา
“พี่ก็อยากจ้องปายบ้างนะ”
“มองถนนไปเลย”
“ขี้โกงนะปาย จ้องได้คนเดียวเนี่ย”
ผมไม่ตอบ ขี้เกียจเถียงเลยนั่งเงียบๆ ฟังเพลงในรถไปพลางๆ รถติดค่อนข้างมากคงเพราะช่วงเวลาแบบนี้ด้วยแหละ แต่อย่างน้อยผมก็มาถึงมหา’ลัยตอนแปดโมงครึ่ง เหลือเวลาให้พี่ครามไปท่องถนนอีกครึ่งชั่วโมง ก็หวังว่าจะไปทัน
เอ่ยนัดแนะกันเสร็จสรรพก็แยกย้าย พี่ครามบอกจะมารับผมตอนงานเลิก ราวๆ ห้าโมง ผมเลิกสี่โมงครึ่ง รอได้ไม่มีปัญหา เสียแต่ตอนนี้ยังอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้าเรียน เพื่อนผมส่วนมากจะโผล่มาในเวลาใกล้ๆ เรียนกันนั่นแหละ ตอนนี้เลยได้แต่เดินโต๋เต๋อยู่คนเดียว
เลือกม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่ว่างอยู่เพื่อนหย่อนตัวลงนั่งรอเวลา ไม่ทันถึงห้านาทีก็เจอเมลล์เดินมาหา ผิดปกตินะ มาเช้าผิดปกติ
ผมพยักหน้าให้ไอ้เมลล์เป็นการทักทาย คนตรงหน้าเข้ามานั่งร่วมวงด้วยก่อนเปิดประเด็น
“มาเช้านะ”
“อืม”
“คิดไงมาเช้า”
“ทีเมลล์ยังมาเช้าได้เลย” ย้อนมัน ปกติก็มาตอนเกือบๆ จะเข้าเรียนเหมือนกัน
“มาทำธุระ ยื่นเอกสารขอทุน” มันว่าพลางหรี่ตามองผมก่อนเอ่ยต่อ “อย่าคิดว่าไม่เห็น”
“เห็นอะไร?”
“ใครมาส่ง”
อ๋อ
“แมวมั้ง” ผมว่า ไอ้เมลล์ถลึงตาใส่ “ตอบดีๆ”
ผมชูมือให้มัน ไอ้เมลล์งงกว่าเดิมเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจว่าผมยื่นมือไปให้มันดูทำไม
“อะไร” มันถาม ตามที่มันสงสัย
“บาดแผลแห่งมิตรภาพ” ว่าพร้อมกดยิ้มภูมิใจ
อ่ะ งงไปเลยดิ สมน้ำหน้า ผมเก็บแขนข้างที่มีรอยข่วนของคุณเกรย์ที่พึ่งอวดเมลล์ไป เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋า ลุกขึ้นยืน รีบตัดบทสนทนาก่อนที่ไอ้เมลล์จะรู้ตัวทันว่าผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ป่ะ ไปเรียนได้แล้ว”
ว่าพร้อมเดินขึ้นตึกเรียนไป
ไอ้ตั๊บเข้าห้องสายตามคาด เห็นสภาพแล้วคิดว่าเมื่อคืนคงตีดอทหนักจนลืมตื่น ผมเหล่มองมันก่อนหันไปตั้งใจเรียนเป็นนักศึกษาดีเด่นตามความคิดไอ้ตั๊บ แต่อยู่ในห้องมันไม่รู้จะมองอะไรก็เลยมองกระดาน มองอาจารย์ บางทีเหม่อมองไปงั้นๆ แต่ไอ้ตั๊บดันคิดว่าผมกำลังตั้งใจเรียนเสียเฉย
จนเวลาพักทานข้าว ไอ้เมลล์ไม่ปล่อยให้ผมรอด ถามขึ้นมากลางโต๊ะอาหารด้วยคำถามเดิม
“ใครมาส่ง”
“หืม” ครั้งนี้มีไอ้ตั๊บมาร่วมวง เพื่อนเลว กะจะรู้ให้ได้เลยงั้น
“คน”
“คนเลี้ยงแมว?”
“...เออ” ผมตอบ ขี้เกียจโกหก ขี้เกียจกวนประสาทมันเหมือนกัน
“เช็ด ไปทำอะไรมาเขาถึงมาส่งมึงห้ะ”
“ไม่รู้สักเรื่องจะตาย?”
ผมตอบมัน ข่มด้วยน้ำเสียงเข้มที่ไม่รู้ว่าช่วยได้รึเปล่า
“เห้ยๆ อะไรยังไงไอ้เมลล์ ไอ้ปายมีใครมาส่งหรอ อะไรวะ”
“เออ น้องปายมีคนมาส่ง เมื่อเช้ากูเห็น รถยาริสสีดำมาจอดเทียบท่า”
“อะไรไอ่ปาย มึงสนิทกับพี่เค้าขนาดนี้แล้วหรอ”
“อืม” คงงั้นแหละ สนิทถึงขั้นจูบปากกันแล้วด้วย ...บ้าบอ คิดแล้วเขินเอง
พวกมันยังคงเซ้าซี้ถามต่อแต่ผมไม่ตอบ ไม่บอกอะไรแล้วเดี๋ยวหลุดอะไรขึ้นมาแล้วพวกมันล้อเอา สุดท้ายพวกเพื่อนเลวก็ยอมถอย ไม่ขุดเรื่องนี้มาพูดแล้ว
คาบบ่าย เรียนไปง่วงไป กินอิ่ม แอร์เย็น โหย...กำลังน่านอนเลย เคลิ้มๆ กำลังจะหลับมือถือก็สั่นเสียอย่างนั้น ผมแอบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ
/เย็นนี้ไปกินข้าวร้านพี่บัวไหม/
/ได้ครับ/ ผมตอบกลับ
คนส่งข้อความมาคงเป็นใครไม่ได้นอกจากคนเลี้ยงแมวที่ผมขลุกอยู่ด้วยช่วงนี้ พี่ครามเอามือถือผมไปแอดเฟสเรียบร้อย ผมไม่เล่นไลน์อย่างที่ใครๆ เล่นกัน เคยเล่นแล้วปรากฏมีใครไม่รู้แอดมาเต็มไปหมด ทักมาก็ไม่อยากตอบ ไม่ได้อยากรู้จัก แต่พอไม่กดเข้าไปอ่านตัวเลขที่แจ้งเตือนสีแดงๆ ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เห็นแล้วน่ารำคาญเลยระเบิดไอดีทิ้งมันซะเลย
ส่วนเฟสนี่ไม่ได้ตั้งใจจะเล่น แต่เล่นเพราะบางทีต้องทำงานกลุ่ม เพื่อให้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยนี้เลยนิยมส่งงานกันผ่านเฟสบุ๊ค ผมเลยต้องมีกะเขาไปอย่างช่วยไม่ได้
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่าตรงที่ผมเลือกรับแอดได้ ตั้งค่าไพรเวทโน่นนี่ได้มากกว่า ผมมีไว้แต่ไม่ได้เล่น มีไว้เพื่อทำงานกลุ่มและตามชีวิตเพื่อนๆ บางคนเท่านั้น รูปโปรไฟล์ยังเป็นรูปไอคอนคนเทาๆ ที่เป็นรูปเริ่มต้นอยู่เลย
จึงไม่ค่อยมีใครรู้จักเฟสผมมากเท่าไหร่ เพื่อนผมก็มีไม่เยอะ สบายใจไปอีกแบบ กับอีกแอพนึงคืออินสตราแกรมที่เอาไว้ใช้ลงรูป ไอ้ตั๊บสอนผมเล่น แต่สุดท้ายผมก็ลงไปแค่รูปเดียว รูปวิวทั่วๆ ไป นอกจากนั้นแทบไม่ได้แตะ แต่ตอนนี้เริ่มมีความคิดอยากลองอัพรูปแมวสีเทาตัวหนึ่งแล้วล่ะ
นั่งจ้องอาจารย์ไปเรื่อยๆ เปลี่ยนคาบ นั่งจ้องอาจารย์คนใหม่ ก็ถึงเวลาเลิกเรียน ไอ้ตั๊บชวนผมไปกินข้าวเย็นด้วยแต่ผมปฏิเสธ
“ไมว้า นัดสาว?”
ผมส่ายหน้า ดูท่าไอ้ตั๊บจะมีแต่ความคิดนี้อยู่ในหัว
“มันนัดผู้ชายหรอกเนอะ น้องปายเนอะ” เสียงไอ้เมลล์ดังขัด ผมหันไปเบ้หน้าใส่มัน
“อะไรวะ ผู้ชายไหน” ไอ้ตั๊บยังคงไม่รู้เรื่องของมัน หันซ้ายหันขวาขอตัวช่วย ผมได้แต่เดินไปเรื่อยๆ ไม่ตอบมัน กะจะไปนั่งที่เดิมที่นั่งรอเรียนเมื่อเช้า เสียแต่แดดลงขนาดที่ไปนั่งคงได้สุกพอดี
หมุนตัวเปลี่ยนที่ นั่งใต้ตึกก็ได้ คนเยอะไปหน่อยแต่ไม่ร้อน
“นาย”
เสียงผู้หญิงเรียกทัก ทีแรกผมไม่คิดว่าเขาทักผม เสียแต่ร่างบางของเจ้าหล่อนตรงมาขวางหน้าผมไว้ หญิงสาวตรงหน้าไว้ผมลอนเลยบ่า ใส่แว่นตาทรงวินเทจที่เป็นที่นิยม ชุดนักศึกษากระโปรงพีทเลยเข่า แต่งกายเรียบร้อยจนรู้ว่าไม่ได้อยู่คณะเดียวกับผมแน่นอน ผู้หญิงคณะผมชอบแต่งตัวแบบเผยเนื้อหนังมากกว่า
ผมมองหน้าเขางงๆ เป็นคำตอบ
“เมื่อเช้ามากับพี่ครามหรอ”
จบคำถาม ผมงงกว่าเดิม เมลล์กับตั๊บเดินมาทันแล้ว ยืนประกบอยู่ข้างผม ส่งสายตาว่ามีอะไร ผมหันไปส่ายหน้า เออ ก็ไม่รู้เหมือนกัน
คนตรงหน้ากรอกตาอย่างเบื่อหน่าย เบ้ปากหงุดหงิด
“ถามว่าเมื่อเช้ามากับพี่ครามหรอ” เสียงหวานเอ่ยย้ำอีกครั้ง กดเสียงเข้มขึ้นเป็นเชิงรำคาญใจ
“ใช่ครับ”
“เป็นอะไร” สวนกลับมาแทบจะทันที น้ำเสียงสั้นและห้วน ผมงงว่าคนตรงหน้ามาเหวี่ยงใส่ผมทำไม
“เห้ยๆ มีอะไรรึเปล่า” เป็นไอ้เมลล์ที่เข้ามาแทรก
“อย่ามายุ่ง พี่ถามคนนี้” คนนี้ที่ว่าก็คือผมเอง ที่ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจใส่คนที่แทนตัวเองว่าพี่ ผู้หญิงคนเดิมเอ่ยต่อ “พี่ชื่อแจน ปีสามบัญชี พอจะรู้จักไหม”
อ๋อ น่าจะแฟนเก่าพี่คราม
คนที่เอาคุณเกรย์ไปทิ้ง
“นิดหน่อยครับ”
“ก็ดี แล้วเป็นอะไรกับพี่คราม ทำไมเขามาส่ง”
“รู้จักกันเฉยๆ”
“ไปรู้จักกันได้ไง”
“พอดีว่าผมเจอแมวของพี่เขาน่ะครับเลยส่งคืน และได้รู้จักกัน” เผลอกระแทกเสียงประโยคสุดท้ายไป ให้พี่แจนรู้ว่าผมเองก็ไม่พอใจเหมือนกันที่พี่เขามาขึ้นเสียงใส่ อันที่จริง ผมไม่ค่อยกล้าต่อล้อต่อเถียงใคร โดยเฉพาะคนแก่กว่า ที่กล้าทำเช่นนี้เพราะมีตั๊บกับเมลล์ประกบข้าง
พี่แจนหันมามองหน้าผม ถลึงตาใส่ ดูท่าไม่พอใจกับการต่อต้านเงียบๆ ของผม
“นี่พี่ มีอะไรกับเพื่อนผมป่ะ” ยังไม่ทันที่พี่แจนจะได้อ้าปากเอ่ยอะไรต่อ ไอ้เมลล์ก็เป็นคนขัดขึ้นมา สีหน้าเอาเรื่องพอตัว เมลล์ตัวสูง ข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้ดีทีเดียว ผิดกับไอ้ตั๊บที่ตอนนี้ทำหน้าเหรอหรา
“ก็แค่มาถามเฉยๆ อยากรู้จัก” จีบปากจีบคอพร้อมกระแทรกเสียงใส่คำลงท้าย ให้ตาย เป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเอามากๆ ไม่คิดว่าจะเจอกับตัว ไม่คิดว่าคนที่เพิ่งคุยกันจะเสียมารยาทใส่กันได้ขนาดนี้
“แต่ผมไม่อยาก” ผมเอ่ยเสียงเรียบ เบ้หน้า บอกไปตรงๆ ไม่สนว่าพี่แจนจะพอใจหรือไม่ ยังไงเสียตอนนี้ผมก็ไม่พอใจ
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมสั่น คิดว่าพี่ครามคงมาถึงแล้ว ผมรีบเอ่ยตัดบทก่อนที่พี่แจนจะพูดอะไรต่อ
“ยุ่งครับ ขอตัว”
เดินจากมา ไอ้เมลล์กับไอ้ตั๊บวิ่งเหยาะๆ มาทางผม เอ่ยถามเรื่องราว ผมบอกไปตามตรงว่า เพิ่งเคยเห็นหน้าพี่แจนก็ครั้งนี้ ไม่ได้ไปรู้จักกันจากไหน งงเหมือนกันที่จู่ๆ พี่เขาก็พุ่งเข้ามาหงุดหงิดใส่ผม
ถึงลานจอดรถ ผมเอ่ยลาเพื่อนสองคน นึกเอ่ยขอบคุณในใจที่อยู่ข้างๆ ผมตอนเจอพี่แจน ไอ้เมลล์ที่เห็นรถคุ้นตาคันเดียวกับเมื่อเช้ารีบตะโกนบอกผมก่อนที่ผมจะขึ้นรถหนี
“อย่าลืมกลับมาตอบคำถามกู!”
ผมยักไหล่ ตีหน้านิ่งไม่สนใจมัน
เข้ามาในรถ แอร์เย็นๆ เป่าหน้าช่วยทำให้อารมณ์เย็นลง ถึงอย่างนั้นก็ยังนึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย ผมไม่ชอบให้คนมาเหวี่ยงใส่แบบไร้เหตุผล แล้วยิ่งเป็นคนที่เอาคุณเกรย์ไปทิ้งด้วยแล้ว ...เห็นหน้าแล้วโกรธแทนคุณเกรย์
“มีอะไรรึเปล่า” พี่ครามถาม ผมส่ายหน้า เอ่ยให้รีบไปร้านพี่บัวก่อนรถจะติดไปมากกว่านี้ พี่ครามรับคำ
อาหารเย็นเป็นไปอย่างราบรื่น พี่บัวชวนคุยนู่นนี่เรื่อยเปื่อย ผมเริ่มไม่เกร็งแล้วจึงได้พูดคุยกับเขาบ้าง กับข้าววันนี้ยังอร่อยเหมือนเดิม นั่งแช่แอร์ท่ามกลางอากาศร้อนจนกระทั่งตะวันตกดิน พี่ครามจึงลากผมกลับ
“เป็นอะไรหืมวันนี้” คนขับรถถามระหว่างทาง
“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ทำไมหรอ”
“ก็ไม่เห็นจ้องเหมือนทุกที...” เขาว่า ผมหันขวับ เห็นพี่ครามกดรอยยิ้มที่มุมปาก
“แล้วไม่ดีหรือไง”
“เปล่า แต่เวลาปายสนใจเรื่องอื่นอยู่ก็มักจะหันไปมองอย่างอื่น”
“ผมก็ไม่ได้ต้องสนใจพี่ตลอดเวลานี่”
“แน่ใจหรอ?”
ไม่เถียงแล้ว เกลียดพี่คราม รู้ทั้งรู้ว่าผมชอบเผลอมองก็ยังจะล้อ จริงอย่างที่พี่ครามว่า ผมหมกมุ่นกับอะไรอย่างอื่น ไม่ได้เผลอมองพี่เขาอย่างทุกที ไม่คิดว่าจะถูกจับสังเกตได้เหมือนกัน
พี่ครามไม่ว่าอะไรต่อ นำรถมาจอดเทียบที่ลานจอดของหอผม ผมมองหน้าเขาทำตาปริบๆ
“ไปเอาชุดนักศึกษามาแล้วก็รีบขึ้นรถ”
สิ้นเสียงคำสั่ง ผมทำตามอย่างไม่อิดออด ถ้าพี่ครามปล่อยผมทิ้งที่นี่จริงจะโกรธให้ดู จะไปขโมยแมวมานอนกอดเองแม่ง อุตสาห์ไปหา
ผมเก็บข้าวของที่จำเป็น คิดว่าคงได้ไปอพยพอยู่อีกนาน ก่อนเหลือบไปเห็นอาหารกระป๋องที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ อนุสรณ์สถานของผมกับคุณเกรย์ อดลอบยิ้มไม่ได้
ยัดทุกอย่างเสร็จก็กลับเข้ารถ พี่ครามขับไปเรื่อยๆ จนถึงหอ ครั้งนี้ผมสลับมองหน้ารถกับพี่ครามเป็นพักๆ จนตัวเองสังเกตได้ พี่ครามเองก็คงรู้ตัวแต่ไมได้ว่าอะไร
ถึงห้อง วิ่งหาเจ้าก้อนกลมก่อนเป็นอย่างแรก
คุณเกรย์โผล่ออกมาจากที่ซ่อนใต้โต๊ะ เดินดุ๊กดิ๊กมาหาผม ยกคุณเขาขึ้นกอดพร้อมก้มลงไปซุกพุงอุ่น
“เดี๋ยวเถอะปาย อย่าเอาหน้าไปซุกอย่างนั้น ขนมันฝุ่นเยอะ”
ชื่นใจแล้วจึงผละออก คุณเกรย์วิ่งไปหาพี่คราม ร้องเรียกให้เติมข้าว
“เออ รู้แล้ว หิวอ่ะดิ หมดจานขนาดนี้” ว่าพลางเอาเท้าไปเขี่ยใต้ท้องคุณเกรย์ นิสัยไม่ดี
ผมนั่งจองโซฟาที่ประจำ กดดูโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปพลางๆ พี่ครามก็เข้ามานั่งด้วย
“สรุปเป็นอะไรหืม”
ผมส่ายหน้าก่อนชะงัก จริงๆ ก็มี แต่ไม่อยากบอก แต่ตอนนี้อยากเปลี่ยนใจ สายตายังคงจ้องมองภาพเคลื่อนไหวในจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า คุณเกรย์ยังคงกินข้าวอยู่ทำให้ไม่มีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจ ผมตัดสินใจเคลื่อนตัวไปพิงหัวใส่ไหล่พี่คราม
“หือ”
เขาส่งเสียงเป็นเชิงสงสัยที่จู่ๆ ผมก็ใช้เขาเป็นที่พิงตัว ผมพิงต่อ โถมน้ำหนักเข้ามากกว่าเดิม รู้สึกไม่ดีที่เจอพี่แจน ตอนแรกไม่อยากบอกพี่คราม แต่ตอนนี้คิดว่าบอกไปก็ไม่เสียหาย
“เจอพี่แจนมา” ผมเริ่มเปิดประเด็น อิงหัวใส่เขาอยู่อย่างนั้น
“ห๊ะ ตอนไหน”
“เมื่อเย็น พี่แจนมาหา ถามว่าผมมากับพี่ครามหรอ”
“โอย ยังจะมายุ่งอะไรกันอีกเนี่ย”
“มาถามเหมือนผมทำอะไรผิด ไม่ชอบ” ผมบอกพี่ครามตรงๆ ไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ คิดว่าบอกพี่ครามไว้น่าจะมีประโยชน์กว่าเก็บไว้คนเดียว ไม่รู้ทำไม แต่กับพี่ครามผมคิดว่าสามารถบอกความในใจได้ คงเป็นความไว้วางใจ
อันที่จริง ผมกลัวด้วยส่วนหนึ่ง ด้วยความที่ไม่ค่อยสนิทกับใครหรือไม่ค่อยคุยกับใครอยู่แล้ว การที่จู่ๆ คนแปลกหน้ามาพูดทำนองนั้นใส่ผมก็ขวัญหายเป็นธรรมดา
พี่ครามลูบหัวผมเบาๆ ก่อนถามต่อ “แล้วเขาทำอะไรปายมั้ย”
ผมส่ายหน้า ไถหัวเข้าซอกคอพี่ครามหนักกว่าเดิม หันหน้าซุกกับไหล่กว้าง ตอบเสียงอู้อี้ “ไม่ได้ทำอะไร แค่มาพูดใส่ แต่ไม่ชอบ มาขึ้นเสียง เหวี่ยงใส่ทำไม ไม่ชอบ”
ผมรู้ ผมหึง และกำลังอ้อน พี่แจนเป็นคนสวย ไม่ได้สวยจัดตั้งแต่แรกเห็นแต่ดูน่าค้นหา ไม่แปลกถ้าจะมีคนรักคนชื่นชอบ แต่นิสัยไม่ดี แค่เอาคุณเกรย์ไปทิ้งผมก็อคติแล้ว นี่ยังมาหาผมถึงที่เพื่อมาเหวี่ยงอะไรก็ไม่รู้ใส่ หงุดหงิด
พี่ครามลูบหัวผมไม่หยุด รู้สึกดีอยากให้ทำต่อเลยอยู่นิ่งๆ เขินนิดหน่อย แต่เขินกว่านี้ก็ทำมาแล้วเลยปล่อยไป พี่ครามถอนหายใจก่อนเอ่ย
“เล่นกับพี่ไม่ได้เลยไปลงกับอย่างอื่น นิสัยแจน” เขาเกริ่นนำ
“แต่ปายไม่ต้องห่วงนะ แจนทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอก ตอนที่เอาสีเทาไปทิ้งครอบครัวพี่เล่นถึงตำรวจ หาหลักฐานมามัดตัวพร้อมฟ้อง โทษอาจจะไม่ได้รุนแรงถ้าทำจริง แต่ก็เอาเข้าคุกได้และแจนคงเสียหน้าไม่น้อย เลยขู่ไปว่าอย่ามายุ่งกันอีก”
ผมพยักหน้ารับรู้
“ที่แจนทำได้ก็มีแต่มาวอแวเพื่อนของพี่บ้างเป็นบางครั้ง แต่เพื่อนพี่ไม่อ่อนขนาดให้คนอย่างแจนมาทำเลวๆ ใส่ ร้ายมาร้ายตอบ หลังๆ เลยเลิกยุ่งกันไปเลย มีแต่มาตามฉีกป้ายประกาศตามหาสีเทานั่นแหละ”
คนแพ้แล้วพาลชัดๆ
“แต่ดูท่าต้องกลับไปเคลียร์ใหม่ มายุ่งกับแมวพี่ได้ยังไง”
หืม ผมเงยหน้าไปมองพี่คราม ระยะห่างใกล้ยิ่งกว่าใกล้ เขินนะ แต่ความรู้สึกอื่นมันมีมากกว่า สงสัยว่าผมไปเป็นแมวพี่ครามตอนไหน
เจ้าของติ๊ต่างยกยิ้มก่อนบีบจมูกผม “ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ผมไม่ได้ว่าอะไร..” ผมบอก ถึงจะไม่ชอบใจที่พี่แจนมายุ่งกันแบบนี้แต่เชื่อว่าตัวเองน่าจะมีวิธีรับมือได้...มั้ง
“แต่ตอนนี้เลิกอ่อยพี่ก่อน”
“ไม่ได้อ่อย” ว่าเสียงอ่อน ไม่ได้อ่อยจริงๆ มีแต่พี่ครามนั่นแหละชอบกล่าวหากันจัง ผมแค่อยากอ้อน...แค่นั้นเอง
คนตัวโตหัวเราะ “ถ้าปายเจอแจนทำอะไรอีกก็บอกนะ พี่ไม่อยากโดนขโมยแมวอีก”
“ฮึ” ผมส่งเสียงขึ้นจมูก เปรียบผมเป็นแมวอีกแล้ว ผมบอกพี่คราม
“ผมไม่ได้เกลียดพี่แจนนะ แค่ไม่ชอบที่มากระแทกเสียงใส่เฉยๆ
...ยังไงพี่แจนก็เป็นคนทำให้ปายได้เจอกับคุณเกรย์อยู่ดี”
สิ้นเสียง คนตัวโตก้มมามองหน้า ยกยิ้ม
“แล้วพี่ล่ะ”
“...ด้วยก็ได้”
“หึ”
เว้นจังหวะ จ้องมองหน้าพี่ครามพร้อมความคิดหนึ่งโผล่มาจากหัว จึงลองเอ่ยไป
“เมฆ...”
ผมเรียกชื่อต้นของเขา ห้วนและสั้น อาจดูหยาบแต่คิดว่าเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำกับคนในอดีต พี่ครามไม่ได้ว่าอะไร เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยโดยมารยาทเฉยๆ คนตัวโตโน้มตัวมาใกล้
ก่อนช่วงชิงลมหายใจผมไป
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
แจนมาดีนะ555555
นางมาช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ของสองคนนี้เฉยๆ
จริงๆถ้าไม่ได้แจนก็คงไม่ได้เจอกัน555
แต่มันจะมีคนอย่างนี้จริงๆ TvT แบบที่ไม่ได้ร้ายแบบโจ่งแจ้ง แต่มาวนเวียนหาเรื่องเงียบๆ
แจนเป็นแค่คนๆหนึ่งที่อยากให้มองว่านางร้ายไม่จำเป็นต้องสวยแรง มากรี๊ดๆใส่
แต่คิดว่าแบบนี้น่ารำคาญกว่าเยอะ(....)
ที่จริงแล้วแจนก็แค่ชอบพี่ครามมากๆ เท่านั้นเอง TvT