ห า กั น จ น เ จ อ
ตอนที่ #20
(ตอนจบ)
อีกไม่กี่วันรณณ์ก็จะพ้นจากสถานภาพนักศึกษาฝึกงานของนิตยสารไลฟ์แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเขาจะใช้ชีวิตคู่รักกับคุณดีนแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ได้อย่างแนบเนียน เพราะนอกจากดาวที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่ามกับเขาแล้วก็ไม่เคยมีคนอื่นพูดเรื่องความสนิทสนมของเขากับคุณดีนให้ได้ยินเลยสักครั้ง
“ฝึกงานเสร็จแล้วผมจะกลับบ้านซักสองสามวันนะครับ” รณณ์พูดขึ้นในตอนที่ตนนั่งทำรีพอร์ตฝึกงานขณะที่ดีนนั่งพิงเตียงเขาอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อสองวันก่อน มุมเดิม ๆ ที่กลายเป็นมุมประจำของบก.ไปเสียแล้ว
“คิดถึงบ้าน?”
“ส่วนหนึ่งครับ”
ดีนพอจะรู้ว่า ‘อีกส่วน’ คืออะไร เขามองดวงหน้าใสนิ่งที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ตัดสินใจพับหนังสือเก็บแล้วกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ลงมานั่งข้างกัน รณณ์ยอมทำตามอย่างว่าง่าย สองหนุ่มพิงหลังกับขอบเตียง ดีนยกแขนขึ้นพาดบนเตียงคล้ายโอบไหล่ร่างโปร่งกลาย ๆ
“ไว้ค่อยบอกเรื่องของเราหลังเรียนจบก็ไม่สายไปหรอกนะ รับปริญญาให้เรียบร้อยก่อน อะไร ๆ คงง่ายขึ้นเยอะ” แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ต้องเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับครอบครัวที่มีลูกคนเดียว ความหวังทั้งหมดของพ่อแม่ต้องตกที่รณณ์อย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้พวกท่านใจดีหรือตามใจลูกขนาดไหนก็คงยากที่จะทำใจยอมรับกับความสัมพันธ์แบบนี้ได้ แต่ดีนไม่อยากพูดให้รณณ์คิดมากและมัวแต่สู้กับปัญหาทางด้านนี้จนหลุดโฟกัสเรื่องการเรียนได้
ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะทุย ลูบเส้นผมนุ่มอย่างเบามือ “ไว้คุณรับปริญญาแล้ว ผมจะไปหาพวกท่านพร้อมคุณด้วยดีไหม”
“ครับ” รณณ์รับคำ ความจริงเขาก็ยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ เพียงแต่เพราะว่าเคยเกริ่นไว้แล้วและมันค่อนข้างรบกวนจิตใจจึงอยากบอกให้ทราบโดยเร็ว แต่เหตุผลที่คุณดีนว่ามานั้นก็ถูก พอถึงตอนที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวอย่างที่แม่ว่าไว้ อะไร ๆ ก็อาจจะง่ายขึ้นก็ได้
“แล้วหลังเรียนจบคิดไว้แล้วรึยังว่าอยากทำอะไร”
“ผมอยากทำสื่อครับ พวกรายการทีวี” ถ้าให้ไปทำงานกับคุณดีนคงไม่ไหว ไม่อยากตกอยู่ท่ามกลางคำนินทาว่าได้งานเพราะเป็นแฟนเจ้านาย ขี้คร้านจะมีคนขุดเรื่องเก่า ๆ มาโยงเต็มไปหมดอีก แต่จะให้ไปทำกับนิตยสารหัวอื่นก็เกรงใจคุณดีน เลือกทางที่ตัวเองตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกก็คงดีที่สุด
ดีนหันมองด้วยความฉงน “แล้วทำไมเลือกมาฝึกงานกับนิตยสารล่ะ”
“ที่คณะไม่บังคับให้ฝึกเฉพาะเอกครับ ผมอยากเรียนรู้ตัวหนังสือที่เขาเขียนกันเลยลองมาฝึกด้านนี้ดู” ...ไม่คิดว่านอกจากจะได้ความรู้แล้วยังได้แฟนด้วย
“แล้วไม่ชอบเหรอ” ดีนหลบตาถามเสียงอ่อน รณณ์ยิ้มกว้าง คบกันมาเดือนครึ่งก็พอรู้ว่าท่าทางแบบนี้คุณดีนกำลังน้อยใจเขาไม่ผิดแน่
“ชอบครับ ชอบทั้งงานและหัวหน้า”
ดีนขมวดคิ้วมุ่น “หัวหน้าคนไหน”
“ใครเป็นหัวหน้า ผมก็ชอบหมดแหละครับ”
“หึ หลายใจนะเรา” ดีนเขกมะเหงกลงหน้าผากอีกฝ่ายไม่แรงนักแต่ก็เรียกเสียงโอ๊ยหลอก ๆ ได้ดีทีเดียว
“แต่รักอยู่คนเดียวหน่า”
“หืม? รักใคร?” ใช่ว่าคนเด็กกว่าจะพูดเบา แต่เขาแค่อยากได้ยินอีกครั้งเท่านั้นเอง
“ไม่รู้~~~~~~” คนที่เพิ่งสารภาพรักก้มหน้างุดซ่อนความอายแต่มีหรือที่อีกคนจะปล่อยผ่าน รีบล็อกคอเด็กหนุ่มเข้าหาตัวก่อนที่จะทันได้หนีไป
“จะบอกไม่บอกหื้ม รักใครครับเบ๊บ คุณรักใคร บอกให้ชื่นใจสิ”
“อะไรเล่า ยอมให้ใครกอดก็รักคนนั้นแหละครับ”
“ใคร ๆ ก็กอดคุณได้”
“พูดอย่างกับคุณจะยอมให้คนอื่นกอดผมงั้นแหละ” คนถูกต้อนบ่นงึมงำแต่เพราะว่าอยู่ใกล้กันมากดีนจึงได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน
“ก็ผมรักของผม ผมก็ต้องหวงเป็นธรรมดาสิ”
“มะ ไม่รู้ครับ ผมจะไปทำงานต่อแล้ว” คนขี้อายดิ้นขลุกขลักจะหนีท่าเดียวส่วนคนที่ยังไม่ได้คำตอบก็กอดรัดแน่น ทั้งสองกอดรัดดิ้นฟัดกันจนสุดท้ายก็ล้มราบลงไปกับพื้นห้องเย็นเฉียบ กายโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับความเย็นนั้นผ่านเสื้อเนื้อบาง แต่ที่ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวสงบนิ่งคงหนีไม่พ้นนัยน์ตาเรียวรีที่ใหญ่โตเกินกรอบมองมาในระยะประชิด ลมหายใจร้อนรดรินใส่กันก่อนที่ทุกอย่างจะขาวโพลนเมื่อคนที่คร่อมอยู่ประทับริมฝีปากลงมาแนบชิดทว่าไร้ซึ่งการรุกล้ำ ปิดซ้ำด้วยการกดย้ำหนัก ๆ อีกครั้งก่อนผละออกแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอขาว
“My body is yours, Your body is mine.Babe your mess was yours,Now your mess is mine”
ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักถูกเน้นชัดแทบทุกคำทำเอาคนฟังใจเต้นรัว มันเป็นการบอกรักที่ให้ความรู้สึกมั่นคง สบายใจและวาบหวามยิ่งกว่าคำว่ารักเสียอีก
“เข้าใจผมใช่ไหม?”
“ครับ”
ดีนผงกศีรษะขึ้นมาจ้องมองกันตรง ๆ “ครับอะไร”
รณณ์หน้าร้อน ไม่สิ ร้อนไปทุกส่วนที่สัมผัสกับร่างกายคุณดีนตอนนี้ นัยน์ตาที่จ้องมองมานั่นกำลังกดดันให้เขาพูดสิ่งที่ติดค้างกันไว้ก่อนหน้านี้ “ผมรักคุณครับคุณดีน”
ดีนยิ้มกว้างอย่างพอใจ “ผมก็รักคุณ”
จบคำบอกรักริมฝีปากได้รูปก็ประทับลงที่เดิมอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ลึกซึ้งและหอมหวานกว่าครั้งแรกจนคนใต้ร่างแทบสำลักความสุข คำว่ารักที่หวานหูกับรสจูบที่อ่อนโยนซึมลึกไปถึงใจที่กำลังเต้นรัว รณณ์มีความสุขกว่าที่เคยจูบครั้งไหน ๆ และแน่นอนว่าเพราะเขากำลังจูบกับคนที่กล้าพูดได้เต็มปากว่ารักอย่างหมดหัวใจ
ถึงจะบอกให้รณณ์ใจเย็น อย่าเพิ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์ครั้งนี้กับครอบครัว แต่ดีนกลับไม่ประวิงเวลา ชายหนุ่มรีบนัดแนะสมาชิกในครอบครัวอันมีอาม่าเป็นประมุขเพื่อประกาศเรื่องสำคัญนี้ ซึ่งนัดหมายที่ว่าก็เกิดขึ้นก่อนรณณ์ฝึกงานเสร็จอีกเพียงสองวันเท่านั้น
ผู้ใหญ่ที่ดีนเคารพรักที่สุดยึดครองโซฟาตัวยาวแต่เพียงผู้เดียว บุพการีทั้งสองนั่งเก้าอี้เดี่ยวฝั่งซ้ายมืออาม่า ฝั่งตรงข้ามเป็นตำแหน่งของหลานอันประกอบไปด้วยพี่ชายและตัวเขาเอง ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องสำคัญที่เขานัดทุกคนมาพร้อมหน้าในวันนี้คือเรื่องอะไร แต่ดีนคิดว่าคริสน่าจะพอเดาได้ อีกฝ่ายถึงมีสีหน้ากังวลยิ่งกว่าเจ้าของเรื่องอย่างเขาเสียอีก
“อาดีน ลื้อขยับมานั่งใกล้ม่านี่มา” ดีนทำตามอย่างว่าง่าย ตำแหน่งใหม่คือพื้นตรงหน้าอาม่า ภาพหลานรักคุกเข่าลงตรงหน้าทำให้หญิงชราเชื้อสายจีนไต้หวันถึงกับตกใจ “ลื้อจะทำอะไร ลุกขึ้นมานั่งข้างม่านี่ ทำอย่างกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไปล่าย” สำหรับคนจีน การคุกเข่าถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันคือศักดิ์ศรีทั้งหมดของพวกเขา ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่บุพการี ไม่มีทางที่เข่าทั้งสองข้างของลูกผู้ชายจะสัมผัสพื้นแบบนี้เด็ดขาด
ดีนบอกปฏิเสธก็เพราะคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเขาถึงได้ทำแบบนี้ นอกจากจะเป็นการขอโทษจากใจแล้วยังเป็นการร้องขออย่างที่สุดเช่นกัน ถึงอย่างไรวันนี้เขาจะไม่ยอมกลับไปพร้อมความผิดหวังเด็ดขาด
“ผมมีคนรักแล้วครับ”
อาม่ายกมือทาบอกด้วยความตกใจ “อาดีนอ่า ลื้อพูดจริง ๆ เหรอ ลื้อไม่ได้หลอกม่าเล่นใช่ไหม”
หลานชายคนโปรดพูดซ้ำยืนยันเนื้อความเดิมอีกครั้ง “ข่าวดี เป็นข่าวดีมาก ๆ” นอกจากอาม่าแล้วเตี่ยกับมัมของเขาก็ดีใจไม่ต่างกัน
“สิ่งที่ผมอยากบอกทุกคนก็คือคนรักของผมเป็นผู้ชายครับ”
สิ้นคำประกาศของดีนทุกสรรพเสียงเงียบลงราวกับถูกสับสวิตซ์ ผู้ใหญ่ทั้งสามท่านนิ่งอึ้ง ไม่มีใครมีสติพอจะเอ่ยถามย้ำว่าเขาพูดเล่นหรือเปล่า มีเพียงแค่คริสที่นั่งนวดขมับเบา ๆ
“ลื้อว่าไงนะ!!” เป็นเตี่ยของเขาที่ได้สติก่อนใคร ชายวัยหกสิบต้น ๆ ลุกขึ้นยืนชี้หน้าลูกชายคนเล็กด้วยความโมโห ไม่คิดถามให้เจ้าตัวพูดซ้ำเพราะรู้นิสัยลูกดีว่าไม่ใช่คนพูดปดพูดเพ้อ แต่การบอกว่ามีคนรักเป็นผู้ชายถือว่าหยามศักดิ์ศรีตระกูลชาวจีนของเขามาก
“ใจเย็นก่อนสิ” ศรีภรรยาชาวแคนาดายื้อยุดสามีก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งเข้าถึงตัวลูกชาย
“จะให้เย็นยังไงไหว!” คนเป็นสามีตะคอกถาม “อ๋อ นี่เธอให้ท้ายลูกเหรอ วัฒนธรรมบ้านเธอเขารับได้นี่ แต่บ้านฉันไม่!”
“เงียบหน่าอาตี๋!” ผู้สูงวัยที่สุดตวาดดังลั่นอย่างทรงอำนาจจนลูกชายกระฟัดกระเฟียดยอมเงียบแล้วนั่งลงที่นั่งตัวเองดังเดิม
หญิงชราเลื่อนสายตาจากลูกชายมามองหลาน หลานที่มีส่วนผสมของสามเชื้อสายตรงหน้าและกำลังมองเธออย่างแน่วแน่ไม่ไหวหวั่น
มุมปากเหี่ยวย่นตามวัยขยับยิ้ม “อาดีน ลื้อได้เลือดนักสู้จากเตี่ยลื้อมาเต็ม ๆ เลยนะ” หญิงชราเชื้อสายจีนมองหลานคนโปรดด้วยความภาคภูมิ “เกือบสามสิบปีก่อนเตี่ยลื้อก็สู้เพราะอยากแต่งงานกับมัมของลื้อ”
“มันไม่เหมือนกันนะม่า” คนถูกพาดพิงแย้งขึ้นทันควัน
“ไม่เหมือนกันยังไง!”
“ถึงอั๊วจะแต่งกับฝรั่ง แต่อีก็มีหลานให้ม่าได้ ผิดกับ…” เขาไม่อยากจะพูดออกมาเลยจริง ๆ “ม่าจะเสียสกุลก็คราวนี้!”
“อั๊วเสียสกุลไปตั้งแต่แต่งงานกับป๊าลื้อละอาตี๋ อีกอย่างนะหลานอั๊วก็เยอะแยะ ให้มันรู้ไปสิว่าจะไม่มีใครสืบสกุลป๊าลื้อ”
ดีนยิ้มบางแต่เต็มไปด้วยความสุข ไม่อยากจะดีใจเกินหน้าเกินตาไปนักเพราะเกรงใจบุพการีอยู่บ้าง
“ม่าไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำหรอกนะ แม้ว่าอั๊วจะรับไม่ได้ที่ลื้อรักกับผู้ชาย แต่ม่าก็เคารพการตัดสินใจของลื้อ”
“ขอบคุณครับอาม่า”
“โชคดีที่ลื้อเกิดมาเป็นหลาน ถ้าลื้อเกิดเป็นลูกอั๊ว อั๊วไม่มีทางยอมเด็ดขาด แต่ในเมื่อเป็นหลาน ลื้อต้องขอความเห็นจากเตี่ยกับมัมของลื้อเอง”
ดีนกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ไม่ใช่ว่ากลัวเตี่ยจะไม่ยอม เขาพร้อมสู้อยู่แล้ว แค่กลัวว่าเวลาจะยืดเยื้อไปนานเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ เพราะดีนคิดไว้ว่าหากครอบครัวเขายอมรับความรักครั้งนี้ได้ก็คงช่วยเสริมน้ำหนักให้พ่อแม่ของรณณ์ยอมฝากน้องให้เขาดูแลได้เช่นกัน
“ดีนรักใครมัมก็รักด้วย” หญิงสาวต่างชาติเพียงคนเดียวในบ้านเลือกจะพูดภาษาไทยให้แม่สามีเข้าใจด้วย
“Thanks mom, I love you.” มัมก็ยังเป็นมัมที่พร้อมให้สิทธิขาดแก่ลูกเสมอ ครั้งที่คริสแนะนำคนรักให้รู้จัก มัมของเขาก็พูดแบบนี้
“อั๊วไม่...”
“แม่อียอมแล้ว ลื้ออย่าดื้อด้านให้เปล่าประโยชน์” อาม่าขัดขึ้นก่อนที่ลูกชายตัวเองจะบอกปฏิเสธออกมา
“อาม้า!?” คนถูกขัดร้องเรียกอย่างขัดใจ “ไหนม้าบอกให้อั๊วตัดสินใจเองไง”
“แล้วลื้อต้องการอะไรจากลูกล่ะอาตี๋”
“อาม้า...”
“ลูกลื้อไม่ใช่คนเที่ยวหยำฉ่าเมาหยำเป อีเป็นคนมีความรับผิดชอบ เป็นคนดี ขยัน และที่สำคัญอีเป็นคนซื่อสัตย์”
คนเป็นลูกชายหันหน้าหนีอย่างเสียมารยาทจนหญิงชราอยากจะฟาดตีต่อหน้าหลานเสียจริงหากไม่ติดว่าเข้าใจความรู้สึกของลูกชายดี เพราะหากว่าดีนเป็นลูกของเธอ เธอเองก็คงจะรับไม่ได้อย่างที่ลูกชายเธอกำลังเป็น
“อาดีนอีซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองและให้เกียรติพวกเราทุกคน อีถึงได้มาบอก”
“...”
“อาตี๋อ่า อั๊วไม่ได้บอกให้ลื้อยอมรับตั้งแต่ตอนนี้ แต่อยากให้ลื้อคิดให้ดี เปิดใจให้กับความสุขของลูกบ้าง เหมือนอย่างที่อาป๊ากับม้ายอมรับลื้อกับเมีย” ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนจีนที่จะยอมรับลูกสะใภ้ที่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าวได้ ในตอนนั้นเธอก็ต้องใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะยอมให้ทั้งคู่สร้างครอบครัวด้วยกันได้
คนเป็นลูกตั้งท่าจะแย้งขึ้นอีกครั้งว่ามันไม่เหมือนกรณีของเขาสักนิดแต่ดีนขัดขึ้นเสียก่อน “ผมขอโอกาสจากเตี่ย”
คนเป็นพ่อหันมองหน้าลูกชายคนเล็กอย่างพิจารณา นึกเกลียดความมุ่งมั่นแน่วแน่ในหน่วยตาคู่นั้นก็วันนี้ มันคงจะเหมือนเขาเมื่อเกือบสามสิบปีก่อนไม่มีผิด คนเป็นพ่อถอนหายใจ รู้ว่าท้ายที่สุดไม่วันใดก็วันหนึ่งตนคงพ่ายแพ้ให้กับความตั้งใจของลูก ในระหว่างที่กำลังคิดไตร่ตรองอย่างหนักก็พลันคิดได้ว่าอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตนได้ครองคู่กับคนรักคืออะไร
“อั๊วจะให้ซินแสตัดสินเรื่องนี้!”
คนเป็นลูกร้องเหอะ นึกสมเพสชีวิตตนเองที่ท้ายที่สุดก็ต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับคำทำนายของซินแสตามความเชื่อของเตี่ย และที่น่าเจ็บใจคืออาม่าก็ยอมรับวิธีนี้ด้วย ไม่ต้องพูดถึงคนหัวอ่อนอย่างมัม รายนั้นก็ปล่อยเลยตามเลยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง คริสเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองน้องด้วยความเป็นห่วง
เรื่องดวงที่แท้จริงเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ซินแสคงไม่เข้าใจในความรักของเพศเดียวกันแน่ ซึ่งนั่นคงไม่ใช่ผลดีในการดูดวงครั้งนี้
ดีนเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมตามน้ำไปก่อน ดื้อรั้นไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ได้แต่หมายมั่นในใจว่าตนต้องทำทุกวิถีทางให้ลงเอยตามความต้องการตน
งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในแผนกคอลัมน์ช่วงกลางวันเป็นการเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานที่อยู่ร่วมกันมานานถึงสามเดือน อาหารชุดมากมายหลากหลายล้วนเป็นอภินันทนาการจากหัวหน้าแผนกสาว มีเพียงเครื่องดื่มเท่านั้นที่เป็นการรวมเงินกันของพี่ ๆ ในแผนกที่ขออนุญาตหัวหน้าเพราะอยากมีส่วนในการเลี้ยงน้องบ้าง
รณณ์บอกเล่าแผนในอนาคตของตนคร่าว ๆ เมื่อทศและกลุ่มพี่ที่สนิทกันถามไถ่ บอกอีกด้วยว่าจะไม่ลืมทุกคนที่นี่และจะแวะมาหาบ่อย ๆ
“นึกว่าจบแล้วจะเข้าทำงานที่นี่ซะอีก” ดาวพูดยิ้ม ๆ ในตอนที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยิน นานพอควรแล้วที่เธอปั่นป่วนความสัมพันธ์ของรณณ์กับดีน แม้ว่ารุ่นน้องร่วมคณะที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายเธอจะไม่ยอมรับออกมาตรง ๆ ว่าคบหาอยู่กับเด็กฝึกงานคนนี้ แต่ด้วยลักษณะนิสัยเป็นสันโดษไม่ให้ความสนิทสนมกับใครง่าย ๆ และจากการสังเกตของเธอจึงทำให้ล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้ไม่ยาก ต้องยอมรับว่าสองคนนี้วางตัวดีจนเธอไม่อาจจะสร้างเรื่องได้มากกว่าคอยหาโอกาสให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในที่ทำงานให้คนอื่นเห็นบ้าง แต่หากมีสักครั้งที่ดีนพลาด เธอสัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่รอช้าที่จะฉวยโอกาสนั้นไว้ในมือ
“ไม่ล่ะครับ ผมฝันอยากทำงานด้านสื่อมากกว่า”
“บอกอคงเสียดายแย่”
รณณ์ยิ้มเป็นมิตร “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น”
ดาวยิ้มบาง ไม่ต่อความให้มากเรื่อง หันไปพูดเชิญชวนให้ทุกคนสังสรรกันต่อตามสบาย เธออยู่พูดคุยกับคนนั้นคนนี้อีกครู่หนึ่งก่อนปลีกตัวออกไป
สิ้นสุดฤดูกาลฝึกงานของนักศึกษาไปได้เพียงไม่กี่วันหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรสาวก็สร้างเรื่องฮือฮาให้บรรดาพนักงานทุกฝ่ายในบริษัทด้วยการโพสรูปคู่ของเธอกับบรรณาธิการหนุ่มในสีหน้ายิ้มแย้มลงโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คนส่วนใหญ่ในบริษัทติดตามเธออยู่พร้อมแคปชั่นที่ทำเอางงงวยทั่วทุกผู้คน
‘ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยเปลี่ยน เพื่อนก็คือเพื่อน เพื่อนกันตลอดไป’“แคปชั่นนั่นเพื่อนายเลยนะ” ผิงว่าขึ้นในมื้อกลางวันของวันทำงานต้นสัปดาห์หลังจากที่ปล่อยให้สเตตัสดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงมาเกือบสามวันแล้ว ก็เพิ่งมีโอกาสได้เจอได้คุยกันก็วันนี้ ส่วนตัวเธอไม่ได้ยุ่งอะไรนัก แต่บก.เพื่อนรักติดประชุมผู้บริหารถี่เสียจนถ้าไม่ถือเป็นการละลาบละล้วงเธอก็อยากจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่ามีประเด็นอะไรกันถึงได้ประชุมทั้งวี่วันมาหลายวันแล้ว
ดีนไม่ตอบอะไร ได้แต่ร้องอื้ออึงในลำคอตอบรับ “เป็นของขวัญให้รณณ์ด้วย”
คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเงยขึ้นมองคนพูดทันทีที่ได้ยินชื่อคนรัก “ยังไง”
“น้องจะได้สบายใจไง”
“เขาเชื่อใจฉันอยู่แล้ว” ก็เคยพูดต่อหน้าทั้งคู่ไปแล้วว่าใครคือคนที่เขาแคร์ที่สุด ดีนเชื่อว่ารณณ์จะเข้าใจแม้เขาจะไม่ได้บอกว่าเรื่องที่คนลือกันทั้งบริษัทเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่ง
“ย่ะ แต่ก็นั่นแหละ ประกาศแบบนี้คนจะได้เลิกคิดไปเองว่าฉันกับนายคบกัน ป้องกันเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย” อย่างน้อยตอนที่นั่งรับประทานอาหารด้วยกันในห้องกระจกนี่ก็ไม่มีสายตาของใครจับจ้องอยู่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว แม้จะยังมีบางคนที่เชียร์คู่เธอกับเขาอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกเกินควรเหมือนก่อนอีกแล้ว
“อะไร”
หญิงสาวถอนหายใจ มองคนที่เคยรอบคอบแต่กลับบกพร่องไปเสียทุกอย่างกับเรื่องความรัก “ก็ถ้าทุกคนรู้ว่านายคบกับรณณ์ คนเขาจะโยงเอาได้ว่าน้องเป็นมือที่สาม สู้ฉันประกาศให้ชัดไปเลยดีกว่า”
ดีนพยักหน้าเข้าใจ
“นายเองก็ต้องคิดให้เยอะนะดีน ความรักก็เรื่องหนึ่ง ความสัมพันธ์ก็อีกเรื่องหนึ่ง ความสัมพันธ์มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักอย่างเดียว หลายคู่ที่แยกทางกันไปทั้งที่ยังรักกันมากก็มี จะพูดจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบเหมือนเวลาทำงานด้วยค่ะ” ท้ายประโยคดีนโดนเพื่อนรักแดกดันไปเต็มเสียง
ดีนชะงัก คิดตามแล้วพึมพำขอบคุณออกไป ยอมรับว่าเรื่องความรักความสัมพันธ์ยังมีอะไรให้เขาได้เรียนรู้อีกมาก
บ่ายวันนั้นห้องทำงานของดีนได้เปิดต้อนรับคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันในห้องนี้ ดาวถือแฟ้มเอกสารเดินเข้ามาหลังจากเขาอนุญาต เป็นแฟ้มรายงานสรุปการฝึกงานของนักศึกษาในช่วงที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรณณ์ แต่ที่ทำให้ดีนสงสัยคือเธอเดินถือรายงานขึ้นมาให้เขาด้วยตัวเอง ทั้งที่ของคนก่อนหน้านี้เธอเพียงแค่ใช้ลูกน้องมาเท่านั้น
ทว่าดีนกลับเก็บความสงสัยใคร่รู้ไว้ในใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านรายงานไปขณะที่เธอเองก็ยังไม่ไปไหน หากแต่ก็ไม่ได้นั่งลงตามคำเชิญของเจ้าของห้องด้วย
“รักษาความสัมพันธ์เก่งเหมือนกันนี่”
“หมายถึงอะไร” ดีนถามทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านรายงานทั้งที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องสนใจก่อนงานอื่น ๆ บนโต๊ะเลยด้วยซ้ำ
“กับเด็กในปกครองของฉันไง”
ดีนเงยหน้าขึ้นมองแต่ไม่เอ่ยยอมรับ แฟ้มรายงานในมือถูกปิดลงก่อนไถลไปวางบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างนายจะมีความรักได้” เรื่องคบผู้ชายด้วยกันนั้นเธอไม่ค่อยแปลกใจนัก รู้มาตลอดว่าดีนค่อนข้างรับวัฒนธรรมฝั่งมารดามาเยอะ โลกของดีนจึงเปิดกว้างกว่าครอบครัวคนจีนทั่วไปมาก
“คุณเองก็ควรจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้วนะ” ดีนไม่ถือสากับเรื่องที่ผ่านมา ในเมื่อสิ่งที่ดาวทำไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก มันก็แค่วิธีการของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ผิดหวังจากความรักแล้วหาหนทางขัดขวางผู้หญิงอื่นที่อาจมาแทนที่เธอได้ ส่วนเรื่องของเขาก็แค่ผลกระทบจากความเกลียดชังของเธอ ความเกลียดชังที่สะท้อนกลับมาจากความรู้สึกที่เขาส่งให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เขาต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำ เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ นักหัดรักอย่างเขาก็คงทำให้รณณ์เดือดร้อนด้วยการวางตัวแบบไม่สนสายตาใครไปแล้ว
“รอให้ถึงวันที่ตัวเองถูกทิ้งก่อนเถอะ นายคงเข้าใจความรู้สึกฉันได้ไม่ยากหรอก”
“คริสไม่ได้มองผิงเกินเลยไปกว่าน้องสาว” ที่พูดบอกเพราะรู้มาตลอดว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่เคยวางใจเรื่องนี้เลยสักครั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งเต้นเอาเรื่องผิงเพียงแค่คริสพูดเข้าข้างผิง
“ไม่มีอะไรเป็นจีรังหรอกดีน”
“ผมรู้…”
“...”
“...และหวังว่าวันหนึ่งความรู้สึกที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ก็จะหายไปเหมือนกัน”
หลังจากการประกาศสถานะเพื่อนกับดีนอย่างเป็นทางการของผิง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มหายใจหายคอกับความสัมพันธ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเกือบสองเดือนก่อนได้มากขึ้น หลังเลิกงานก็ออกไปเที่ยวเล่นกับรณณ์บ้างแต่ส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิตด้วยกันในห้องพักแคบ ๆ ตามความเคยชินเสียมากกว่า ครั้นจะไปเล่นกันที่ห้องเขาบ้างก็ดูจะไม่สะดวกสำหรับชีวิตนักศึกษาในช่วงโค้งสุดท้ายสักเท่าไหร่นัก
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมารณณ์กลับบ้านไปถึงสามวันตามที่เคยบอกไว้ กลับมาถึงก็บอกเล่าถึงเรื่องที่คุยกับพ่อแม่ตนเอง รณณ์บอกพวกท่านแค่ว่ามีคนรักแล้วและจะพาไปแนะนำให้รู้จักเมื่อถึงเวลาอันสมควรตามคำแนะนำของเขา ถึงตรงนี้พ่อแม่ก็ไม่ได้เร้าหรืออะไรมากมาย
“ครับมัม” ดีนหันมองคนที่กำลังปั่นโปรเจคจบชิ้นสุดท้ายแวบหนึ่งก่อนรับสายแล้วเดินออกไปคุยตรงระเบียง
[วีคเอนนี้พาแฟนลูกมาที่บ้านอาม่าด้วยนะ] สำเนียงไทยแปร่ง ๆ ดังมาตามสาย
“ไปทำไมครับ”
[ซินแสทำนายดวงให้ลูกแล้ว]
ดีนหันกลับไปมองคนที่ยังจดจ่อกับงานด้วยความเป็นห่วง
“ผมขอรู้ก่อนครับ ผมไม่มีทางยอมให้น้องไปรับแรงกดดันที่บ้านเราเด็ดขาด”
[พามาเถอะหน่าดีน ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก ลูกปกป้องคนของลูกได้อยู่แล้ว เชื่อมัมเถอะ]
“...”
[ตามนี้นะลูก เจอกันดินเนอร์วันเสาร์นะ]
คนทางนี้ยังไม่ทันรับปากอีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว ดีนถอนหายใจยืนมองคนรักอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ อีกพักหนึ่งจนคนถูกมองหันมาหา รณณ์เอียงคอเล็กน้อยอย่างฉงน เจ้าตัวคงสงสัยว่าทำไมเขาออกมาคุยโทรศัพท์นานนัก ดีนยิ้มให้คนรักสบายใจก่อนจะเดินเข้าไปแล้วสวมกอดคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังวางคางเกยบนไหล่เล็ก
“อะ อะไรกันครับ” ไม่บ่อยนักที่คุณดีนจะจู่โจมถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้ นอกจากจูบในวันนั้นก็มีแค่กอดคอโอบไหล่บ้างเล็กน้อยแต่ไม่เคยแนบชิดกันถึงขนาดนี้
“เสาร์นี้ว่างไหม ไปทานอาหารบ้านอาม่ากัน”
ดีนโยกตัวไปมาเบา ๆ คล้ายปลอบประโลมคนที่นิ่งอึ้งไปตั้งแต่ได้ยินประโยคบอกเล่าเรียบ ๆ เมื่อครู่ “ผมเคยบอกไว้แล้วว่ามีแฟน บอกพวกท่านด้วยว่าเป็นผู้ชาย”
“...”
“ทุกคนยอมรับเรื่องของเราได้นะ แต่เตี่ยผมขอดูดวงเราสองคนก่อน”
“ดูดวง?”
ดีนลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู “อย่ากังวลไปเลยเบ๊บ มันก็แค่ดวง”
“แต่...”
“ไปพิสูจน์ความรักของเราให้พวกท่านเห็นกัน...นะ”
จุมพิตข้างขมับเป็นรางวัลตอบแทนคำตอบรับของคนเด็กกว่า ดีนเองก็กังวลอยู่ไม่น้อย หวั่นกลัวทั้งดวงที่เตี่ยได้มาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับใจคนรัก แต่ก็ต้องสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่าย ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ดีนเชื่อว่าการแสดงออกว่าจะอยู่ข้างกันเสมอจะทำให้รณณ์เบาใจขึ้นได้
(มีต่อนะคะ)