ตัวร้าย
26
“ไหวไหม”
ผมถามบีสท์ด้วยความห่วงใย ตอนนี้เราเข้ามานั่งพักในรถรอพวกที่เหลือกลับมา เขาหลับตามาสักครู่แล้ว สุดท้ายเขาก็ผ่อนลมหายใจออกมาและเอนตัวลงนอนหนุนตักผม
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อมีน เป็นเพื่อนในห้องสมัยมัธยม เดิมทีพวกกูมีกัน 13 คน”
“ผู้หญิงคนนั้นเคยอยู่ในกลุ่มมึงด้วยหรือ”
ผมลูบหัวเขาไปด้วยถามไปด้วย บีสท์ส่ายหน้า เขาจับมือผมมาจูบเบา ๆ แล้วพูดต่อ
“
ไทน์ เพื่อนอีกคนในกลุ่มของกูชื่อไทน์ มีนเป็นแฟนของไทน์ ไทน์มันรักมีนมาก พวกกูก็คิดว่าสองคนนั้นรักกันมากจนกูได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วมีนใช้ไทน์เป็นสะพานเพื่อเข้ามาใกล้กู เธอทำแบบนี้ได้ยังไง...ทั้ง ๆ ที่ไทน์มันรักเธอมากขนาดนั้น เธอหลอกเรา หลอกใช้พวกเรา”
บีสท์เล่าด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้ เมื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วจะรู้เองว่าพวกเขารักกันมากจริง ๆ เป็นทั้งเพื่อนทั้งครอบครัว
“และยิ่งกว่านั้นคือนานวันเข้าการกระทำของเธอที่แสดงว่าชอบกูก็ยิ่งโจ่งแจ้ง กูพยายามห่างเธอ ไทน์พยายามใส่ใจเธอให้มากกว่าเดิมเพราะคิดว่าตัวเองยังดูแลเธอไม่ดีพอ แต่มึงรู้อะไรไหม...ทุกการกระทำที่ไทน์พยายามมีนไม่เคยมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีเลยซ้ำร้าย...
เธอวางยากู ให้ไทน์มาเห็น”
เสียงของบีสท์ขาดห้วง หางตามีหยดน้ำตากลิ้งออกมาช้า ๆ ผมบีบมือเขาไว้เพื่อให้เขารู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้
“และวันนั้นคือวันสุดท้ายที่ไทน์อยู่บนโลกใบนี้ ไทน์สติแตกกูแทบไม่มีสติเลยกูขังตัวเองในห้องน้ำได้ยินแต่เสียงทะเลาะกันที่จับใจความไม่ได้ทางด้านนอก ตอนนั้นมีแต่สกายที่อยู่กับไทน์ มึงเชื่อไหมจน ณ เวลานั้นมันยังไม่เคยโทษมีนเลย มันไม่โทษกู มันโทษแค่ตัวเองที่ยังดีไม่พอ และมันก็เลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองโดยการวิ่งออกไปให้รถชน...ฮึก...สกายรั้งไว้ไม่ทัน มันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและช็อคไป”
“...”
“และมึงเชื่อไหม...คำว่าขอโทษสักคำยังไม่เคยหลุดออกมาจากปากผู้หญิงคนนั้น เธอไม่เคยรู้สึกผิดเลยที่เป็นสาเหตุให้ไทน์ต้องตาย มีแต่กูที่เฝ้าโทษตัวเองว่าถ้ากูระวังตัวกว่านี้...วันนั้นมันก็คงไม่ตาย...และมึง...อึก...คงได้รู้จักมัน มึงต้องชอบมันแน่ ๆ มันนิสัยดี ฮึก...ทำไมวะ ทำไมกูถึงปกป้องเพื่อนไว้ไม่ได้เลย”
บีสท์สะอื้นอย่างน่าสงสาร ผมร้องไห้ตามเขาไปด้วยโอบกอดเขาเอาไว้อย่างน้อยก็ช่วยแบ่งความเจ็บปวดของผู้ชายที่ผมรักมาสักนิดก็ยังดี ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงเกลียดเธอ ผู้หญิงใจดำคนนั้นคำว่าน่ารังเกียจยังน้อยไปด้วยซ้ำในความคิดของผม
“ชู่ว...ตอนนี้กูรู้จักเขาแล้วนะ เดี๋ยวกลับไปมึงพากูไปให้เขารู้จักด้วยนะโอเคไหม”
“อึก...อื้อ”
“อยากเล่าต่อไหม”
บีสท์พยักหน้า เขาลืมตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาหยัดตัวลุกขึ้นนั่งและรวบตัวผมขึ้นไปนั่งตักซบใบหน้าลงที่ซอกคอของผมและเริ่มเล่าต่อ
“นอกจากจะไม่รู้สึกผิดแล้วเธอยังพยายามเข้าหากู กูเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องยึดติดกับกูขนาดนั้นแต่เหนือสิ่งอื่นใด กูเกลียดเธอ เธอพรากเพื่อนรักของกูไปพวกกูทำทุกอย่างเพื่อให้เธออยู่ไม่ได้ ทั้งกลั่นแกล้งที่โรงเรียนจนลามไปถึงครอบครัวของเธอ”
“...”
“กูบอกแล้วซันว่ากูไม่ใช่คนดี กูทำได้ทุกอย่างหากใครมาทำให้คนที่กูรักต้องเจ็บปวด กูทำให้ครอบครัวเธอล้มละลาย ติดหมายศาลจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ เพราะเธอเป็นผู้หญิงกูถึงไม่ทำร้ายร่างกายแต่ทำร้ายจิตใจของเธอแทน”
“แล้วคนอื่น...”
“พวกผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว แต่พวกผู้หญิงทำร้ายกันเองนี่ก็ไม่ผิดใช่ไหมล่ะ”
ผมนึกไปถึงตอนที่นาฟพุ่งตัวไปตบมีนทันทีที่เจอหน้า แพรวและเจนที่ด่ากราดขนาดนั้นดีที่เพื่อนผู้ชายช่วยกันคว้าพวกเธอไว้ไม่อย่างนั้นคงได้รุมตบกันอีกยก จากตอนแรกที่สงสัยปนสงสารแต่พอได้รู้ว่าเธอทำอะไรกับพวกเขาไปบ้าง ความสงสารของผมก็ไม่เหลือให้เธออีกเลยและไม่แปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงรักกันมากขนาดนี้
เพราะเคยสูญเสียจึงอยากรักษาที่เหลือไว้ให้ดีที่สุด
“กูคิดว่าการที่เธอหายไปจากชีวิตกูจะทำให้กูลืมเหตุการณ์วันนั้นได้แต่มันไม่ใช่เลย แค่ได้ยินเสียงของเธอภาพของไทน์ที่นอนเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลหรือแม้กระทั่งภาพสุดท้ายในโลงก่อนเผามันกลับเด่นชัดในหัวกู ย้ำว่ามันตายเพราะกู...กูเจ็บซัน กูเจ็บมาก”
บีสท์กอดผมแน่ ไหล่ผมเปียกชุ่มด้วยน้ำตาของเขา ผมได้แต่กอดปลอบเขาอยู่อย่างนี้ น้ำเสียงเจ็บปวดของบีสท์ทำให้หัวใจของผมปวดหน่วงตามไปด้วย
“มันไม่ใช่ความผิดของมึงเลยบีสท์ กูว่าไทน์ไม่ดีใจหรอกที่มึงยังโทษตัวเองอยู่แบบนี้เพราะเขาเองก็ไม่เคยโทษมึงเลยไม่ใช่หรือนั่นแปลว่าไทน์เองก็รักมึงมากเหมือนกันนะบีสท์”
“ฮึก”
“เก็บเขาเอาไว้ในใจ นึกถึงแต่รอยยิ้มทุกอย่างที่มึงกับเพื่อน ๆ ร่วมกันทำกับเขา ส่วนผู้หญิงคนนั้นกูเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วกรรมจะต้องตามสนองเธอ เราจะไม่ยุ่งกับเธอ มองเธอเป็นธาตุอากาศก็ได้ไม่ต้องเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวโอเคไหม”
เขาพยักหน้า ผมกอดบีสท์แน่นผมเชื่อแบบนั้นจริง ๆ นะ เมื่อเราเกลียดใครแล้วก็ปล่อยเขาไปตามทางของเขาไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งและสักวันเขาก็จะต้องได้รับผลกรรมที่เขาได้ก่อเอาไว้ ผมแนะนำบีสท์เรื่องนี้ได้เพราะผมผ่านมันมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมออกมาจากบ้านหลังนั้นผมไม่เคยเอาตัวเข้าไปยุ่งกับคนที่นั่นอีกเลย ผมถือว่าเขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับชีวิตของผมอีกแล้ว และเหนือสิ่งอื่นใดผมเกลียดเกินกว่าที่จะสามารถรับรู้ความเป็นไปของเขาคนนั้นได้
พักใหญ่พวกเพื่อนที่เหลือก็กลับเข้ามาที่รถ ทุกคนหน้าเรียบตึงไม่เว้นแม้กระทั่งยูสาว ๆ ดูหัวเสียมากแต่คนที่ผิดปกติไปนอกจากบีสท์คือ สกาย
“มันโอเคยัง”
เชนถาม ผมพยักหน้าให้เขา ทุกคนมีสีหน้าเบาใจทยอยกันขึ้นรถก่อนที่เปาจะพูดกับคนขับและเชนที่หันมาบอกจุดหมายต่อไปกับผมสองคน
“กลับบ้านกันนะ วันนี้เที่ยวคงไม่สนุกแล้ว”
“อื้อ”
ผมจะขยับตัวลงมานั่งดี ๆ แต่บีสท์ไม่ยอมปล่อยจึงต้องนั่งรถไปทั้งอย่างนั้น ทุกคนก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นกันได้เหมือนเดิม พวกเขานิ่งเงียบจนกระทั่งแพรวที่นั่งอยู่เก้าอี้หลังสกายขยับตัวมากอดคอมันไว้ เท่านั้นน้ำตาที่สกายสกัดกั้นเอาไว้ก็ไหลทะลักออกมา
“ทำไมต้องกลับมา ฮึก...ทำไมไม่หายไปจากชีวิตพวกเรา”
“ชู่ว...พวกเราไล่มันไปแล้วไงกาย มันจะไม่กลับมาให้เราเห็นหน้าอีกแล้ว”
“เค้า...กะ...เกลียด เกลียดผู้หญิงคนนั้นที่สุด”
“แพรวรู้กาย แพรวก็เกลียดมัน พวกเราทุกคนเกลียดมัน”
“ทำให้...หาย...ไปตลอดกาลเลย...ได้ไหม”
ผมเบิกตากว้างตกใจกับคำพูดของสกายที่สะอื้นไห้พูดออกมาอย่างน่าสงสาร พวกผู้หญิงทุกคนร้องไห้กันหมด มาร์คก็ร้อง เปา เชน ยูนิ่งเงียบ
“เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตคนอื่นด้วยความตายหรอกนะกาย”
“เค้า...รู้”
“ให้มันมีชีวิตอยู่บนความทุกข์ต่อไปนี่แหละ และพวกเราเองก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อไทน์ พวกเราต้องมีความสุขให้มาก ๆ รู้ไหม ไทน์ต้องเสียใจแน่ ๆ ที่เห็นพวกเราร้องไห้กันอยู่แบบนี้”
แพรวลูบผมปลอบสกายและพูดออกมาอย่างใจเย็น ตัวเธอเองก็น้ำตาไหลไม่ขาดสาย ยูหันกลับหลังมาวางมือบนหัวสกายแล้วโยกหัวอีกคนไปมา
“ถูกอย่างที่แพรวพูด จำวันนั้นได้ไหม วันที่พวกเรามองควันของไทน์ลอยสู่ท้องฟ้าและเราสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อและมีความสุขให้มัน”
“จำ...ได้”
“อื้ม เพราะฉะนั้นตอนนี้ร้องให้พอ คิดถึงไทน์ให้พอและเมื่อถึงบ้านซันแล้วทุกคนสัญญานะว่าจะยิ้มให้กันเหมือนเดิม ให้น้ำตาแห่งความคิดถึงไหลแค่ตอนนี้และเริ่มต้นสร้างความสุขกันอีกครั้ง”
“อื้อ///อื้อ///อือเพื่อไทน์เพื่อพวกเรา”
เสียงเพื่อนทุกคนตอบรับ ยูยิ้มให้ทุกคน เขาหันมายิ้มให้ผมและหันกลับไปกอดปลอบแจมต่อ พวกเรานั่งเงียบกันจนถึงบ้านเมื่อรถจอดและพวกเราทยอยกันลงมาจากรถหมด พวกเขาก็ยืนกอดกันเป็นวงกลมและยิ้มให้กัน ผมจึงรีบเสนอกิจกรรมให้พวกเขาทำกัน จริง ๆ แล้วที่ไร่เองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ไม่ว่าจะเป็นไร่สตรอเบอร์รี่ คอกม้า โรงบ่มไวน์ ไร่ดอกไม้และอื่น ๆ อีกมากมายเท่าที่พี่ชายของผมทั้งสองคนจะทำกันไหว
“ถ้างั้นกินข้าวกลางวันกันเสร็จแล้วไปเที่ยวไร่บ้านซันกันนะ ดีเหมือนกันเราจะถล่มเก็บสตรอเบอร์รี่ให้เกลี้ยงไร่เลย”
เมเปิ้ลบอกผมด้วยน้ำเสียงสดใส สาว ๆ คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเธอ ผมหัวเราะน้อย ๆ แล้วพยักหน้า
“เอาสิ ไม่ใช่ของเราสักหน่อยของพี่ยอดพี่ดอยต่างหาก”
“ร้ายมากน้องซัน”
พี่ดอยเดินเข้ามาทันได้ยินชี้หน้าคาดโทษผม พวกเพื่อนพากันหัวเราะเกรียว เหตุการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง พวกเราแยกย้ายกันไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ภายในไร่ผมเดินเข้าไปหาบีสท์ที่นั่งเล่นอยู่ตรงชานหน้าบ้านเล็กของผม
“ยังคิดมากอยู่อีกหรือ”
ผมแตะไหล่ถาม บีสท์ที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองยิ้มบางยกมือโอบเอวของผมเอาไว้ซบหัวที่หน้าท้องของผม ผมที่ยืนอยู่ก้มมองคนขี้อ้อนแล้วลูบหัวเขาเบา ๆ
“ไม่คิดมากแล้วแต่ตอนนี้กูกำลังอ้อนแฟนอยู่”
ผมหลุดหัวเราะ
“ไม่ต้องบอกก็รู้”
คนที่ซบหน้ากับหน้าท้องของผมหัวเราะออกมาเบา ๆ บีสท์เงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาคู่คมของเขาบวมเล็กน้อยจากการร้องไห้ ผมเกลี่ยรอบตาของเขาแผ่วเบาประคองแก้มบีสท์เอาไว้ทั้งสองมือ บีสท์เปลี่ยนท่าทางโดยคนตัวใหญ่ยังนั่งอยู่แต่เขารั้งเอวผมให้เขามายืนตรงหว่างขาของเขา
“ยิ้มให้กูหน่อย”
เสียงทุ้มเอ่ยขอแล้วมีหรือผมจะขัด ผมยิ้มหวานที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ส่งไปให้เขาก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบอีกคน ริมฝีปากร้อนของบีสท์ช่วงชิงลมหายใจของผมครั้งแล้วครั้งเล่า เราสองคนแลกเปลี่ยนความหวานของรสจูบให้แก่กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เนิ่นนานจนผมแทบหมดลมหายใจบีสท์ถึงยอมละจูบออกมา ฝ่ามือใหญ่เกลี่ยเช็ดมุมปากให้ผมเช่นเดียวกับที่ผมเองก็เช็ดให้เขาเช่นกัน เรามองหน้ากันเนิ่นนาน ยิ้มให้กันและกอดให้กำลังใจกัน
“กูรักมึง”
เขาบอกกับผม
“กูก็รักมึงเหมือนกัน”
“อยู่กับกูนะ อยู่เป็นแสงสว่างให้กู เป็นอ้อมกอดให้กู เป็นกำลังใจของกู”
ผมก้มลงจูบบีสท์ค้างไว้แทนคำขอของเขาทั้งหมด
“ไม่ขอก็เต็มใจให้”
“นึกว่าไม่ขอก็จะให้”
เขาเริ่มกลับมาพูดเล่นได้อีกครั้ง ผมเลยเล่นกลับ
“นั่นดาเอ็นโอนฟิน แต่นี่ดารินทร์”
“แฟนทศกัณฑ์ด้วย”
“ครับ ๆ แฟนเด็กชายทศกัณฑ์”
ผมอมยิ้มบอกเขา บีสท์หัวเราะหึแล้วก้มฟัดพุงผม ผมเกร็งหน้าท้องแทบไม่ทันเพราะเขากัดมาเต็มเขี้ยว
“เดี๋ยวเถอะ มันเจ็บนะ ฟันจะขึ้นหรือไง”
ผมหยิกไหล่เขาไม่เบานักเพราะเจ็บที่บีสท์กัดมา บีสท์เงยหน้ายักคิ้วกวนใส่ก่อนจะกระทำการอุกอาจอย่างการเลิกเสื้อผมขึ้นและกัด...ไม่เรียกว่ากัดสิ ต้องเรียกว่า
ดูดหน้าท้องผมจนเกิดรอยสีกุหลาบ ผมสะดุ้งเฮือกเด้งตัวออกมาจากเขาแต่คนตัวโตล็อกเอวผมไว้อย่างแน่นหนา แถมยังเงยหน้ามายักคิ้วสลับข้างให้อีกแน่ะ
“ทำอะไรเนี่ย”
“ป๊าว ก็ทำให้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเด็ก ดูสิเด็กชายดารินทร์โดนแค่นี้ก็สะดุ้งทำท่าจะวิ่งหนีแล้ว”
ผมถลึงตาใส่
“ใครหนีไม่ได้หนีเว้ยมันตกใจ”
“งั้นทำใหม่”
เพี๊ยะ!
ผมตีไหล่บีสท์อย่างแรงจนเขาสะดุ้งมองผมหน้ายู่เหมือนเด็กถูกขัดใจ
“เดี๋ยวเถอะ คนอื่นก็อยู่ไหม”
ผมบอกเขาเพราะในบ้านมีมาร์คกับยูนอนอยู่ และดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว
“ถ้าจะใช้บ้านพวกกูออกไปให้ได้นะ”
นั่นไง ผมหลับตาถอนหายใจทำหน้าหนาเข้าไว้และหันกลับไปมองยูที่ยืนอมยิ้มพิงกรอบประตูอยู่ บีสท์หัวเราะหึแล้วโบกมือไล่เพื่อน
“ไปไกล ๆ เลย เสียงซันน่าจะดัง”
ป้าบ!
“โอยพูดเล่นเอง”
“เดี๋ยวเถอะ”
ผมถลึงตาใส่แฟนตัวเองที่งอนปากยื่น ยูหัวเราะแล้วหันไปด้านหลัง
“ไปกันเถอะมาร์คเราต้องรีบไปก่อนจะได้ยินเสียงซัน”
“ยู!!!!”
“โอเคเลยเพื่อน! ไม่ต้องห่วงนะซันเดี๋ยวกูจะขี่ม้าไปจนสุดท้ายไร่เลยแต่ถ้าตรงนั้นยังได้ยินเสียงมึงกูว่ามึงควรไปประกวดเดอะว๊อยส์”
ผมแหวใส่ยู คุณชายหัวเราะท่าทางของผมแล้วไอ้แมวมาร์คก็ยื่นหน้ามาพูดด้วยน้ำเสียงกวนตีน เดอะว๊อยส์พ่อง! คนบ้าอะไรจะร้องดังขนาดนั้นวะ เฮ้ยไม่ใช่แล้ว ใครเขาจะทำอะไรกันเล่า! บีสท์หัวเราะผมที่ตีอกชกหัวตัวเองอยู่ก่อนที่เขาจะลุกยืนขึ้นขยี้หัวผมเบา ๆ แล้วก้มลงมากระซิบ
“ล้อเล่นไม่ทำที่นี่หรอก
รอกลับบ้านเราก่อน ห้องกูเก็บเสียง”
กลับไปกูจะหนีไปนอนคอนโด!
เพราะมันก็เก็บเสียงแถมยังเป็นส่วนตัวด้วย!
ไม่ใช่แล้วเว้ย!!!
When they turn down the lights
I hear my battle symphony
All the world in front of me
If my armor breaks
I’ll fuse it back together
Battle symphony
Please just don’t give up on me
And my eyes are wide awake
Battle Symphony – Linkin Park
tbc
talk. ตกใจกันล่ะสิหว่ายเราอัพเร็ว ฮ่า ๆ จริง ๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่อยากคืนความสุขให้คนอ่านบ้างเลยอัพเร็ว ไม่อยากให้ดราม่านาน ก็อย่างที่บอกไว้น้าว่าไม่ดราม่าหรอก นังมีนมันร้ายค่ะคุณผู้ชมขาแต่มันก็มาได้แค่นี้แหละค่ะอิฉันไม่ให้ค่าตัวมัน ส่วนสกายนั้นใจเย็น ๆ นะคะลูกหนูเป็นอนาคตหมอนะคะจะมาทำแบบนี้ไม่ด๊ายยยย เราจะกลับไปเฮฮากันเหมือนเดิมในตอนหน้าบ้าบอกันให้เต็มที่
#นิยายตัวร้าย