- ไปค่ายตอนที่ยี่สิบเก้า : จากพี่ปืนถึงเมียพี่ปืน(2) -
ผมว่าแรกเป็นคนขี้อาย!
น้องมันชอบหรุบตามองพื้นทุกครั้งที่ถูกจ้องมองตรงๆ ซ้ำยังชอบทำเสียงเล็กๆ ในลำคอเวลาที่ทำอะไรไม่ถูก ทุกครั้งที่มันทำแบบนั้นหน้ามันจะแดง ดวงตาจะเบิกกว้างแล้วมองเลิ่กลั่กไม่มีโฟกัสที่ใด นั่นแหละเป็นอาการที่บ่งชัดว่ามันกำลังเขิน
ผมชอบทุกครั้งที่มันทำเหมือนจะพูดก็พูดไม่ได้ จะยิ้มก็กลัวว่าผมจะจับได้ว่ามันกำลังเขิน ทุกครั้งที่ผมเห็นภาพแบบนั้นหัวใจผมมักจะเต้นแรงซึ่งสาเหตุนั้นมาจากแต่มันเพียงผู้เดียว และคิดดูสิว่าขณะที่พวกเรากอดจูบกันกลางห้องท่ามกลางความมืดมิดแบบนี้ ผมยังสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่แผ่ออกมาจากตัวมัน ซ้ำเนื้อตัวมันยังสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แล้วลองคิดดูว่าหากผมเปิดไฟสว่างจนทั่วห้องผมคงได้เห็นมันตัวแดงเหมือนกุ้งสุก ก่อนหน้าที่ผมลองดันมันขยับไปจนแผ่นหลังชนผนังแถวๆ สวิทซ์ไฟพอจะเอื้อมมือไปเปิดเท่านั้นแหละ ก็เหมือนว่ามันจะรู้ทันรีบตามมาคว้ามือผมเอาไว้อย่างรีบร้อน ซ้ำจับผิดๆ ถูกๆ จนผมเผลอกลั้นหายใจ
“อย่าเปิด”
น้ำเสียงมันกระเส่าและเหนื่อยหอบเมื่อผมเปิดช่องให้มันได้มีโอกาสหายใจหายคอซะบ้าง แรกเอนตัวมาซบที่อกทั้งศีรษะของน้องก็ยังซุกอยู่ที่ซอกคอของผม มันหายใจแผ่วเบาแต่เสียงหอบกระเส่านั่นทำให้ผมปั่นป่วน ผมลูบมือไปเข้าไปในเสื้อมันแล้วไล่ลูบไปทั่วแผ่นหลังที่นุ่มมือ
แรกไม่ใช่คนตัวเตี้ยมันสูงในระดับที่เกินมาตรฐานชายไทยด้วยซ้ำ แต่เพราะมันไม่ใช่คนตัวหนาออกจะโปร่งบางหรือผอมแห้งคล้ายกับคนไม่มีเนื้อมีหนังแต่มันก็สมส่วนในระดับหนึ่ง มือของผมที่ลูบไปตามแผ่นหลังมันให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เอาจริงๆ ผิวของแรกไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนผิวผู้หญิง แต่ตัวมันลื่นไปหมดถึงอย่างนั้นมันก็มีร่องรอยที่หยาบกร้านบางแห่งเพราะถึงยังไงมันก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
น้องมันสูงประมาณบ่าของผมซึ่งบังเอิญว่ามันเป็นความสูงที่ห่างจากผมได้อย่างพอเหมาะพอดี เวลาที่เราหันมาเผชิญกัน จังหวะที่มันเงยหน้าขึ้นกับระยะห่างที่ผมโน้มใบหน้าลงไปหามันช่างพอเหมาะพอเจาะเสียจริง แรกขยำชายเสื้อผมแน่นตอนที่ค่อยๆ ใช้ริมฝีปากไล่แตะไปตามซอกคอมันแล้วขยับขึ้นมาถึงใบหน้า คิ้วคาง และบดจูบที่ริมฝีปากมันอย่างแนบแน่น
ผมอาศัยจังหวะที่มันมึนเบลอใช้ปลายลิ้นชอนไขไปทั่วขอบปากเพื่อปรับสภาพมันให้รู้สึกผ่อนคลายไม่นานหลังจากนั้นผมก็ค่อยๆ แหย่ปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากมัน แรกสะดุ้งแล้วเผลอขยับลิ้นหนีผม แต่ไม่นานหรอกพอมันหลบจนเหนื่อยก็ยินยอมให้ผมเกี่ยวปลายลิ้นเล่นอย่างเพลิดเพลิน
ผมค่อยๆ ดันให้มันก้าวถอยหลังอย่างเชื่องช้าโดยมีจุดหมายคือห้องนอนซึ่งผมเฝ้าภาวนาให้มีโอกาสที่จะได้มันมาร่วมเตียง แรกคงไม่รู้ว่าอีกไม่นานจะถูกผมจับกินตับเพราะมันยังหลับตาพริ้มแล้วหอบหายใจเหมือนว่าวิ่งออกกำลังกายมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จนสุดท้ายผมดันมันมาถึงปลายเตียงนั่นแหละแรกถึงเพิ่งรู้สึกตัวแล้วสะดุ้ง
“ฮื่อ”
แรกทำเสียงแบบนี้ทีไรทำให้นึกขำมันทุกที มันพยายามเบี่ยงหน้าหนีเมื่อผมซุกใบหน้าไปขบกัดที่ซอกคอมันอย่างมันเขี้ยว ส่วนมือของผมยังทำหน้าที่ได้ดีด้วยการปลดกระดุมเสื้อของมันด้านหน้าไล่ลงทีละเม็ด ตอนแรกมันขัดขืนเล็กน้อยด้วยการยื่นมือมายื้อแขนของผมไม่ให้แยกสาบเสื้อของมันออกจากกัน แต่ก็เท่านั้นพอถูกผมอ้อนมากๆ เข้า มือที่ยื้อยุดกันก็ถูกปล่อยให้ร่วงหล่นลงข้างกาย
ผมดันให้แรกนอนราบไปบนเตียงแล้วหันมาปลดกระดุมเสื้อตัวเองก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตสีดำให้ร่วงลงพื้น แรกขยับตัวหนีตอนที่ผมไปคร่อมทับมัน ใบหน้าที่ผมนึกรักเบือนหนีจนแทบจะซุกไปกับหมอนใบโตสีขาว แรกนอนนิ่งไม่ไหวติงแต่ผมรู้ดีว่ามันคงจะเขินไม่น้อย เพราะผมจับสังเกตได้ถึงร่างกายของมันที่สั่นไหว
----ขออนุญาตตัดเนื้อหา----
.
.
.
สรุปว่าตอนเช้าตื่นมาแรกไข้แดก! และทำให้เกิดงานงอกตั้งแต่เช้าตรู่ มันร้องไห้งอแงตั้งแต่มันตื่นเล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูก ต้องปลุกต้องปลอบกันไปรอบหนึ่งแล้วแต่พอผมขยับตัวไปไหนแล้วมันตื่นขึ้นมาไม่เห็นผมน้ำตาก็มาทันทีเล่นเอาผมประสาทจะแดก เพราะวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าไหนจะต้องทำข้าวต้มให้มัน ไหนจะวิ่งลงไปซื้อยาแก้ไข้แก้อักเสบซึ่งต้องอาศัยความว่องไวในการเคลื่อนไหวเพราะกลัวว่าระหว่างนั้นเกิดมันตื่นขึ้นมาไม่เห็นผมจะร้องไห้อีก
ตอนนี้มันเหมือนเด็กน้อยมากสภาพหัวยุ่งเหยิง ตาปรือซ้ำยังบวมแดง ริมฝีปากบวมเจ่อเวลาที่เบะปากทีโคตรได้ใจ ไม่ต้องพูดถึงเนื้อตัวที่อยู่ในสภาพที่ร่างกายตายสนิทอยู่กับเตียงถ้าเป็นเวลาปกติผมคงนั่งขำเป็นวักเป็นเวรแล้ว แต่สาเหตุที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ก็เพราะผมไง ผมเลยได้แต่ยอมรับสภาพแล้วตามใจมันทุกอย่างตั้งแต่เช้า
“ฮื่อ”
ก้อนกลมๆ ที่ผ้าห่มห่ออยู่ขยับตัวยุกยิกมีแต่ส่วนหัวที่โผล่ขึ้นมาให้เห็นเหมือนตุ๊กตาคอหลวมพิกล พอมันขยับตัว ผมเลยรีบขยับเข้าไปดูทันที
“เป็นยังไงบ้าง”
“พี่ปืน”
“ครับ”
ผมยกศีรษะมันขึ้นมาซบอก เพราะแค่แรกประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก็ท่าทางจะลำบากสำหรับมันแล้ว แรกหลับตาปรือพิงอยู่ที่อกผมท่าทางทั้งเหนื่อยและเพลีย ผมเลยลูบฝ่ามือไปตามแผ่นหลังมันเบาๆ และเหมือนมันจะชอบใจถึงได้ส่ายใบหน้าไปมากับอกผม
“ปวดฉี่”
มันตอบเสียงอู้อี้
“ลุกไหวมั้ย”
“คิดว่าไหว”
ผมยิ้มขำแล้วกดจูบไปในกลุ่มผมของมันอย่างมันเขี้ยว แรกเลยพยายามเบี่ยงหัวหนีท่าทางดูตลกไม่น้อย หลังจากนั้นผมเลยค่อยประคองมันไปห้องน้ำ ตอนแรกจะเข้าไปด้วยแต่มันมองผมตาเข้มขนาดนั้นใครจะกล้า สุดท้ายเลยได้แต่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำพร้อมกับสั่งไม่ให้มันล็อคประตูเด็ดขาด พอได้ยินเสียงกดชักโครกผมรีบขยับไปเปิดประตูรอท่า
แรกเดินเขย่งตัวไปมาเหมือนเดินอยู่บนกองไฟท่าทางเขย่งปลายเท้านั้นทำให้ผมเผลอขำทันที มันเลยมองผมตาเขียวปั๊ดเลย
“เพราะใครล่ะ”
“ครับๆ”
“มาประคองผมเลย”
“ฮ่าๆๆ”
“โอ๊ย”
ใครว่ามันเหนื่อยจนไม่มีแรงวะ ดูสิกำปั้นหนักๆ นั่นทุบเข้าที่กลางอกผมเต็มๆ ผมได้แต่ทำเสียงสูดปากแล้วพยุงมันไปนั่งที่เก้าอี้ตรงครัว พูดเลยว่าวันนี้ มันจะบอกจะใช้อะไรผมคงต้องยอมทุกอย่าง เอาเป็นว่าวันนี้ไอ้แรกชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้แน่นอน
“หิวรึยัง?”
มันพยักหน้ารัวๆ ผมเลยรีบไปตักข้าวต้มที่ลงมือทำเองกับมือใส่ถ้วยแล้วค่อยประคองมาเสิร์ฟให้มันระหว่างนั้นก็จัดยาให้มันกินด้วย
“พี่ไม่กินเหรอ”
“กูยังไม่หิว”
มันเบ้ปากทำหน้าย่น
“ทำไมสภาพพี่กับผมถึงได้ต่างกันนักวะ” น้ำเสียงขุ่นซะด้วย “แม่งรู้งี้ไม่ยอมให้กดง่ายๆ หรอก”
“ไม่ทันแล้ว”
“เฮอะ”
ผมเอื้อมมือไปโยกศีรษะมันเบาๆ คล้ายกับจะปลอบประโลม พอจัดการให้มันกินข้าวกินยาเรียบร้อยแล้วคนป่วยก็ตาปรือเดินกระย่องกระแย่งจะไปนอนพอผมจะอุ้มก็ไม่เอาซะงั้น สุดท้ายเลยได้แต่ประคองกันไปด้วยสภาพนั้น พอหัวมันถึงหมอนแรกก็หลับแทบจะทันที เห็นสภาพมันแล้วผมนึกสงสารมันไม่น้อย ผมเลยโน้มใบหน้าไปกดจมูกที่ขมับมันเบาๆ
“พี่ขอโทษที่ทำให้แรกลำบากนะ”
“ฮื่อ”
ผมยิ้มขำเมื่อมันละเมอขยับตัวหนีไปอีกด้าน ใบหน้าขาวจมไปกับหมอนจนกลัวว่าจะหายใจไม่ออกผมเลยต้องขยับอิริยาบถท่านอนให้มันสบายขึ้นนอน หลังจากนั้นก็หาหนังสือมานั่งอ่านฆ่าเวลาเพื่อรออยู่ใกล้ๆ ก็เพราะเป็นห่วงมัน มันจะรู้มั้ยว่าทำให้ผมห่วงมากมายขนาดไหน ให้ตายเถอะ ไอ้ตัวน่ารักเอ้ย!!
...ออดๆๆๆๆ...
เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นในเวลาบ่ายแก่ๆ ของวันนั้นหลังจากที่แรกหลับไปได้ชั่วโมงกว่า ผมผุดลุกขึ้น สะบัดเนื้อสะบัดตัวให้รู้สึกสดชื่นเพราะอากาศเย็นๆ นี่กำลังจะทำให้ผมผล็อยหลับตามคนป่วย เสียงออดยังดังไม่หยุดทำให้ผมต้องสาวเท้าอย่างเร่งรีบไปเปิดประตูรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“กดหาพ่อมึงเหรอ?”
พอเปิดประตูได้ผมเลยด่าใส่ไอ้พวกมือบอนที่ยืนหน้าสลอนกันอยู่สองคนตรงหน้า
“กูกลัวมึงไม่ได้ยิน”
ไอ้ห่าเม่นไหวไหล่ตอบแล้วเดินแทรกเข้ามาห้องหน้าตาเฉย ส่วนไอ้นะโมก็เดินตามมาติดๆ ทำราวกับว่าพวกมันเป็นเจ้าของห้องซะเอง พวกห่าเอ้ย ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วปิดประตูตามหลังพวกมัน
“มาทำไม”
“อ้าวไอ้ห่า เพื่อนฝูงคิดถึงมาหาไม่ได้รึไง”
ไอ้เม่นตอบ
“เอาความจริง”
“กูจะมาดูว่ามึงอยู่กับใคร” ไอ้ห่านะโมกดยิ้มมุมปากถามด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์
“คอนโดกู มึงคิดว่ากูจะอยู่กับใคร”
“เมื่อวานมึงรีบร้อนออกมากับไอ้แรก”
ไอ้พวกขี้เสือกเอ้ย!
ผมยืนนิ่งเลยเป็นเป้าให้พวกแม่งส่งสายตาสอดส่ายหาความผิดปกติจากผมกันอย่างสำราญ มันก็น่าสงสัยอยู่หรอก ก็เมื่อวานที่ไปร้านเหล้านั่นผมยังกินได้ไม่เท่าไหร่ก็ออกมาตามไอ้แรกที่เข้าห้องน้ำ ซ้ำพอหลังจากนั้นผมยังรีบร้อนพาน้องมันกลับคอนโดอีก
“ทำไมไอ้ไกด์มันไม่เสือกเหมือนพวกมึงวะ”
ผมสบถออกมาเพราะช่วงนี้ไอ้ห่านั่นก็หายหัวไปเลย ผมเห็นหน้าไอ้เม่นกับไอ้นะโมจนเหม็นขี้หน้าพวกมันจะแย่แล้ว
“มันก็ติดสัตว์ไม่ต่างจากมึงหรอก”
“พูดดีๆ ไอ้ห่า”
ผมเด่ปลายเท้าไปหาพวกแม่ง
“เออๆ มันติดเด็กอยู่ช่วงนี้”
“เด็กไหนวะ”
“เก๊าะเด็กข้างบ้านมันที่เมื่อก่อนตามเทียวไล้เทียวขื่อไอ้ไกด์มาตั้งนานไง”
“กลมอ่ะเหรอ?”
ผมทำหน้าสงสัยก็พอจะมองออกว่าช่วงหลังตั้งแต่กลับจากค่ายสองคนนั่นมันอะไรยังไงกันอยู่ แต่ไม่คิดว่าไอ้ไกด์มันจะทำอะไรรวดเร็วขนาดนั้น
“อ่าฮะ”
“มันสองคนไปสปาร์คกันตอนไหนวะ กูเห็นแต่กลมมันวิ่งตามไอ้ไกด์”
“มึงมัวไปหมกมุ่นอยู่กับไอ้แรกไง”
“เดี๋ยวกูยันหน้าหงาย”
ไอ้เม่นทำกระโดดหลบ
“เมื่อก่อนน่ะไอ้กลมวิ่งตาม แต่มึงรู้มั้ยเดี๋ยวนี้ไอ้ไกด์เพื่อนเราวิ่งตามน้องมันเป็นหมาหอบแดดเลยเว้ย”
“ก็สมควร”
ผมกดยิ้มมุมปากนึกสมน้ำหน้าไอ้คนปากแข็งอย่างมันไม่น้อย ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นไอ้สองนั้นพุ่งตรงไปยังห้องนอนผมทันที นั่นทำให้รีบผวาไปตามไปติดๆ แต่ยังไงก็ไม่ทันอยู่ดีเพราะมันเปิดไปเห็นแรกนอนหลับซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม
“แล่วๆๆๆ”
“ทำอีท่าไหนวะมันถึงหมดสภาพขนาดนี้อ่ะ”
“หลายท่าอยู่กูไม่ได้จำ”
ถามมาก็ตอบไปตรงๆ เล่นเอาพวกมันตาโตเท่าไข่ห่าน ผมเลยดันพวกแม่งออกแล้วปิดประตูเพราะกลัวเสียงจะดังรบกวนทำให้แรกตื่น
“ฮ่าๆๆ ไอ้ปืนมึงนี่ร้ายไม่เบาทำน้องมันยับเยินขนาดนั้น”
“ในที่สุดมึงก็ได้กินสักที กูยินดีด้วย”
พวกแม่งเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ แล้วยิ้มกริ่มด้วยท่าทางที่ทำให้ผมไม่อยากจะไว้ใจนัก และผมต้องอ้าปากค้างเมื่อแรกในสภาพเสื้อยืดกางเกงบอลของผมเดินหัวยุ่งออกมา ไอ้สองนี้เลยไม่รอช้าเลยตะโกนแซวด้วยประโยคที่ว่า
“บอกมาคืนวาน มึงได้กี่ครั้ง ก่อนหมดคืนวาน มึงโดนกี่ท่า”
“พะ พี่”
ไอ้แรกหน้าเหวอหัวเหอแดงเห่อขึ้นมาทันที แน่นอนว่าไอ้พวกขี้แซวยังร้องไม่เลิกผมเลยต้องเดินไปรวบมันมากอดไอ้แรกซุกใบหน้าที่อกผมทันทีด้วยความเขินอาย และใครจะไปคิดว่าวินาทีนั้นมันจะเงยหน้าจะอกผมไปตะโกนตอบไอ้พวกห่านั่นว่า
“ได้หลายท่าก็แล้วกัน” “เชร้ดดดดด”
“ฮ่าๆๆ”
ผมหลุดขำออกมาไม่ต่างจากไอ้พวกห่านั่นที่อ้าปากหวอเมื่อแรกมันพูดเสร็จแล้ววิ่งหนีไปเข้าห้องน้ำทันที
ให้ตายเถอะ ไอ้ตัวน่ารักนี่!
ไม่ต้องห่วงน้องปริ้นซ์กลับบ้านไปแล้วไม่มีใครถ่ายคลิปหรอก ฮี่ๆๆๆ 
ปล. ตอนหน้าก็จะจบแล้วนะ แอบเศร้านิดๆ แต่ทุกอย่างมีเวลาของมันเนอะ
หวีดในทวิตติด #ค่ายสร้างรัก #ทีมเมียพี่ปืน