หลังจากวันนั้น ติณ์ภพก็เริ่มปีการศึกษาใหม่ในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง ร่างสูงต้องเรียนหนังสือควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมรับน้อง ทำให้ไม่มีเวลากลับมาบ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เหนือฟ้ารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องเจอหน้าอีกฝ่ายซักพัก แต่ก็รู้สึกหน่วงในอกเสมอที่นึกถึงวันที่อีกฝ่ายจะกลับมา
"ตอนนี้ยังอยู่ที่ค่ายรับน้อง พี่ได้เป็นเดือนคณะด้วยนะ..."
ทุกวันนี้ ทุกบทสนทนาทางโทรศัพท์ถูกยืดเยื้อโดยติณณ์ภพที่เล่าเรื่องต่างๆในมหาวิทยาลัยให้เขาฟัง เหนือฟ้านึกย้อนกลับไปถึงสมัยคบกันใหม่ๆที่เขาพยายามยื้อร่างสูงให้อยู่ในสายนานที่สุด เพื่อที่จะได้ยินเสียงทุ้มนั้นต่ออีกสักวินาทีก็ยังดี ไม่รู้ว่าติณณ์ภพจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังดิ้นรนเพื่อไขว้คว้าความสัมพันธ์ที่ไม่มีจริงแบบที่เขาเคยทำมั้ย
หึ...จะเป็นไปได้ยังไงกัน
"ติณณ์...ไปอาบน้ำเถอะ..."
เสียงของผู้หญิงดังลอดออกมาจากปลายสาย ไม่รู้ทำไม ความเจ็บที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นจะตาย ในตอนนี้กลับเป็นเพียงแผลมดกัดที่เขาไม่คิดจะใส่ใจ
ถึงแม้จะเป็นมดคันไฟทั้งรังก็ตาม...
"พี่ติณณ์ ฟ้าต้องอ่านหนังสือแล้ว แค่นี้นะครับ"
เหนือฟ้ากดตัดสายก่อนที่จะได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย ตัวเขาในตอนนี้มักจะมีข้ออ้างในการลดเวลาการสนทนาของพวกเขาเสมอ ทั้งการบ้าน เรียนพิเศษ อ่านหนังสือเตรียมสอบ อะไรก็ได้ที่ทำให้เขาไม่ต้องได้ยินเสียงทุ้มที่มักจะสดใสขึ้นเสมอเมื่อพูดคุยกับเขาราวกับว่ารอคอยที่จะได้ยินเสียงเขามาตลอดทั้งวัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ในเมื่อหากดูจากโซเชี่ยลมีเดียของแฟนคลับที่ตามติดร่างสูง คะแนนนิยมของติณณ์ภพมีแต่จะพุ่งสูงขึ้น ยิ่งโพสต์ล่าสุดของร่างสูงที่ยืนเคียงคู่กับนักศึกษาสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งดาวพร้อมรอยยิ้มทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างกรีดร้องกับความเหมาะสมของคนทั้งคู่
ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บ แต่ลึกๆเหนือฟ้ากลับรู้สึกโล่งใจ ที่ในไม่ช้าสิ่งนี้จะไม่ใช่ปัญหาของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องเก็บมาใส่ใจอีกต่อไป
พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของติณณ์ภพ
มารดาของร่างสูงยื่นคำขาดว่าหากนักศึกษาหนุ่มไม่กลับงานวันเกิด จะตัดออกจากกองมรดก ติณณ์ภพจึงบอกว่าจะกลับฉลองที่บ้านตอนเย็นวันเกิดเนื่องจากติดรายงาน ในฐานะเพื่อนสนิทของน้องชาย เหนือฟ้ายังคงคิดว่าตัวเองสมควรจะซื้อของขวัญให้ร่างสูง ร่างโปร่งตัดสินใจลองไปเลือกดูของขวัญตามห้าง เขาจำได้ว่านาฬิกาของติณณ์ภพเริ่มเก่าพอตัวแล้ว ถ้าได้เรือนใหม่ดีๆสักเรือนน่าจะใช้ประโยชน์ได้บ้าง เหนือฟ้าเดินดูนาฬิกาวนไปวนมาอยู่นานกว่าจะได้เรือนที่เขาชอบ สายสีดำแข็งแรงกับหน้าปัดสีเงิน ร่างโปร่งเดินออกมาจากร้านก่อนจะสะดุดกับร่างสองร่างที่เขารู้จักดี เหนือฟ้ารีบขยับหลบ ถึงแม้ว่าคนทั้งคู่จะไม่ได้มองมาทางเขาก็ตาม ติณณ์ภพที่ควรจะปั่นรายงานอยู่กลับเดินคุยกับน้ำตาลที่วันนี้อยู่ในชุดกระโปรงสีครีมเรียบร้อยน่ารัก เหนือฟ้ารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่ก่อนจะรู้ตัวขาของเขาก็ก้าวตามร่างทั้งสองไปเสียแล้ว
“ติณณ์นี่ก็มาแปลกนะ ปกติวันเกิดมีแต่คนเขารอของขวัญ นี่มาเดินหาของขวัญให้แฟนซะงั้น”
น้ำตาลชวนเพื่อนคุย เด็กสาวไม่เคยเห็นมุมแบบนี้ของเพื่อนมาก่อน แถมยังลากเธอมาช่วยเลือกของขวัญอีกต่างหาก ดูท่า ติณณ์ภพคงจะจริงจังกับคนคนนี้มากทีเดียว
“เงียบน่า มาช่วยกันหาก่อน”
ร่างสูงตัดบท แต่ปื้นแดงที่แก้มทำให้น้ำตาลรูปว่าอีกฝ่ายกำลังเขิน เด็กสาวอมยิ้ม ไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ผู้ชายอย่างติณณ์ภพจะกลับตัวกับใจเห็นแสงสว่างในชีวิต ทั้งสองเดินลัดเลาะไปตามร้านต่างๆ ถึงจะบอกว่าติณณ์ภพเรียกเธอมาช่วย แต่อดีตเพื่อนร่วมห้องก็ไม่ยอมบอกอะไรเกี่ยวกับคนคนนั้นนอกจาก ‘คงชอบอะไรเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ’เลย
แล้วคนทั่วไปเขาชอบอะไรกันล่ะ?
ติณณ์ภพเริ่มตื่นตระหนก เขาเพิ่งมารู้ตัวในวันนี้ ว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความชอบของเหนือฟ้า ทั้งที่เขาเห็นอีกฝ่ายมาตั้งแต่เล็ก รู้จักกันมาตลอดชีวิต แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเคยบิกเขาว่าชอบอะไร นอกจากพวกรถสวยๆที่อีกฝ่ายชอบเปิดดู
ในเน็ต แต่เขาคิดว่าหากซื้อรถให้อีกฝ่าย อาจจะโดนตัดออกจากกองมรดกได้
จู่ๆภาพของเหนือฟ้าที่ยืนตาแป๋วจ้องสร้อยข้อมือในตู้โชว์วาบเข้ามาในหัว เด็กหนุ่มคว้าข้อมือเพื่อนที่ยังทำหน้าที่ผู้ช่วยที่ดีมองหาของแล้วลากไปยังร้านจิวเวอรี่นั้น น้ำตาลเหวอไปเล็กน้อย แต่ก็ยาวๆตามแรงลากเท่าที่ขาจะเอื้ออำนวย
เมื่อพวกเขามาถึง ติณณ์ภพรีบผลักประตูกระจกเข้าไปในร้าน พนักงานสาวเดินเข้ามาหาเขาพร้อมรอยยิ้ม
“คุณลูกค้าสนใจสินค้าประเภทไหนคะ”
“ผมอยากได้สร้อยข้อมือเส้นนั้นครับ”
ร่างสูงชี้ไปที่สร้อยเส้นที่ยังคงวางโชว์อยู่ที่เดิมหน้าร้าน พนักงานสาวพยักหน้า ก่อนจะเดินไปหยิบสร้อยข้อมือเส้นที่เหมือนกันจากหลังร้านมาให้เขาตรวจดูความเรียบร้อย
“จะให้วัดข้อมือกับคุณผู้หญิงเลยมั้ยคะ”
“เอ่อ ไม่ใช่ของหนู...” น้ำตาลตั้งท่าจะปฎิเสธ แต่ติณณ์ภพเอ่ยขัด “วัดเลยครับ”
เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างงุนงง ติณณ์ภพจึงหันกลับมาอธิบาย
“ข้อมือตาลพอๆกับของเขา”
“สรุปเรามีประโยชน์แค่นี้ใช่มั้ยเนี่ยติณณ์”คนใจเย็นคิ้วกระตุก แต่ก็ยอมยื่นข้อมือให้พนักงานวัดแต่โดยดี
“น่า ยังไงก็มีนัดกับแฟนต่อที่นี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถือว่ามาส่ง”ร่างสูงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่าจะโดนเพื่อนงอน “ว่าแต่แฟนตาลเหอะ เพิ่งเจอกันทำไมคบกันเร็วแบบนี้ ระวังโดนพวกเสือผู้หญิงหลอกเอานะ”
ยิ่งจากปีหนึ่งเป็ฯต้นไปเด็กสาวจะย้ายไปเรียนวิทยาเขตที่ต่างจังหวัด เขายิ่งเป็นกังวลว่าคนซื่อๆอย่างน้ำตาลจะถูกเอาเปรียบได้
“เรารับมือติณณ์ได้ คนอื่นน่ะสบายๆจ้า”คนเรียบร้อยยิ้มแฉ่ง ได้รับรางวัลเป็นมะเหงกที่กลางเหม่งอย่างหมั่นไส้
“เดี๋ยวเดินรอเป็นเพื่อน จะกินอะไรก่อนมั้ย”
“ไม่อ่ะ กินก่อนเจอเขาเดี๋ยวตาลพุงป่อง”
“ไร้สาระว่ะ”
“โธ่ ติณณ์ ใครๆก็อยากดูดีตอนไปเดททั้งนั้นแหละ..”
คนทั้งสองเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ท่าทางสนิทสนมนั้นก็บอกเล่าทุกสิ่งอย่างให้ร่างโปร่งได้เป็ฯอย่างดี มือที่ถือถุงนาฬิกากำถุงกระดาษนั้นไว้แน่นจนข้อนิ้วเป็นสีขาว
ก็ดีแล้ว..ที่พี่ติณณ์ดูจะจริงจังกับพี่น้ำตาลมากพอสมควร อย่างน้อย เขาก็รู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะเกินเรื่องเลวร้ายอะไร ร่างสูงจะมีคนคอยอยู่เคียงข้าง
ทั้งที่คิดอย่างนั้น
แล้วทำไม...น้ำตามันถึงได้ไหลออกมาไม่หยุดกันนะ
พอแล้ว...
เขาไม่อยากรู้สึกแบบนี้แล้ว
เมื่อไหร่กันนะที่ความรู้สึกสุขที่ได้อยู่กับร่างสูง มันไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดในใจได้อีกต่อไป
“เหนือ มึงจะสอบเข้ามอเดียวกับกูใช่มั้ย?”
จู่ๆกวินภพก็เอ่ยขึ้นระหว่างที่พวกเขาลำเลียงอาหารไปยังโต๊ะที่สวนสำหรับงานเลี้ยงวันเกิด เหนือฟ้าชะงักมือที่กำลังยกชามใส่ผลไม้ เขาคิดเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว แต่ไม่กล้าที่จะเปิดประเด็นกับเพื่อนสนิท
“ทำไม?”
“ก็…กูเห็นว่ามันจะปิดรับสมัครแล้ว มึงยังไม่ส่งใบสมัครเลยนี่”กวินภพว่า “มีปัญหาอะไรรึเปล่า กูออกตังค์ให้ก่อนได้นะ”
“ไม่ต้องๆ ไม่มีไรหรอก”ร่างโปร่งรีบปฎิเสธ แต่เมื่อเห็นว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะลองคุยกับเพื่อน เขาจึงลองหยั่งเชิงดู “แต่ว่า..ถ้าเกิดว่ากูไม่ได้อยากเข้ามอนั้น มึงจะทำยังไงวะ”
“ก็ไม่เข้า กูจะเข้ามอเดียวกับมึง”
วิธีที่กวินภพพูดดูสบายๆจนเหมือนกับว่าไม่ได้กำลังคุยเรื่องอนาคตของตัวเอง เหนือฟ้าหันขวับมาเพื่อนรักอย่างตกใจ
“เฮ้ย จะบ้าเหรอ มอนั้นมันดังเรื่องคณะบริหารมากไม่ใช่รึไง มึงจะไม่เข้าเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ”
“ไม่อ่ะ ถ้าไม่มีมึง กูก็ไม่อยากเข้า”ร่างสูงว่า “ถ้าไม่มีมึง ใครจะดูแลกู”
กวินภพเอ่ยเชิงหยอกล้อ ก่อนจะนิ่วหน้าแล้วเอามือกุมท้องของตัวเอง เหนือฟ้ารีบคว้าขนมปังที่วางอยู่ในจานแถวนั้นพร้อมกับน้ำเปล่า แล้วล้วงยาออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังข้างซ้ายที่เขารู้ดีว่าเพื่อนเก็บไว้
“กินอะไรเข้าไปก่อนแล้วค่อยกินยา นี่”
ร่างโปร่งบิยาหลายเม็ดให้เพื่อนอย่างคล่องแคล่วโดยไม่จำเป็นต้องดูฉลาก กวินภพพยักหน้าขอบคุณ ปล่อยให้เหนือฟ้าประคองเขาไปนั่งแล้วทำตามที่ร่างโปร่งสั่ง
ถึงแม้คำพูดเมื่อครู่ของกวินภพจะเป็นเพียงการพูดเล่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เหนือฟ้ารู้ดีว่าหากไม่มีเขา ไม่ช้าก็เร็วอีกฝ่ายจะต้องสร้างเรื่องให้เขากระวนกระวายใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ดี
เขาสัญญากับกวินภพไว้แล้ว ว่าต่อให้คนทั้งโลกเลือกพี่ชายของอีกฝ่าย เขาจะเป็นคนเดียวที่ให้ความสำคัญกับกวินภพเป็นที่หนึ่งเสมอ
และวันนี้เขาจะไม่ยอมให้เรื่องของติณณ์ภพ มาทำร้ายความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนรักเป็นอันขาด
เขารักกวินภพ
รัก...จนสามารถตายแทนได้ และเขาก็เชื่อว่าเพื่อนของเขาก็สามารถตายแทนเขาได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นเขาจะหยุดทำร้ายตัวเอง หยุดทำร้ายกวินภพที่ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องอะไรแต่ก็มักจะมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นห่วงเสมอ
เขาจะหยุดทุกอย่างเอง
“เรื่องใบสมัคร จริงๆกูกรอกไว้แล้วแหละ แต่ขี้เกียจไปส่งไปรษณีย์ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปทำให้เสร็จ มึงจะได้เลิกฟุ้งซ่านเรื่องไม่เป็นเรื่อง โอเค้?”
เหนือฟ้าขยี้ผมเพื่อนรักอย่างหมั่นเขี้ยว รอยยิ้มสบายๆถูกครอบบนใบหน้าของเขาประหนึ่งหน้ากากชั้นดีที่ทำให้คนมองไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ภายใน กวินภพยิ้มอย่างสบายใจ ก่อนจะหันไปสนใจขนมปังในมือต่อ
“เออกล้า วันนี้กูคงอยู่ช่วยงานได้แค่นี้นะ ม๊าให้กูกลับไปเช็คอะไหล่ที่เพิ่งมาส่ง”
เหนือฟ้าเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ที่เขาสามารถแยกได้ด้วยความเคยชินว่าเป็นเสียงรถของใคร กวินภพพยักหน้า ร่างโปร่งจึงเดินออกมาจาตัวบ้าน ทิ้งเพื่อนรักให้เคี้ยวขนมปังตุ้ยๆอยู่ในครัว หน้าบ้านตอนนี้มีเพียงรถมาสแตงคันหรูจอดอยู่ ทุกคนในบ้านกำลังเตรียมงานอยู่ในสวนด้านหลัง ติณณ์ภพเปิดประตูลงมาจากรถ ร่างสูงยิ้มออกเมื่อเห็นร่างที่เขาเฝ้าคิดถึงมา
ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ที่หอ
“ฟ้า…”
“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่ติณณ์”
เหนือฟ้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นของขวัญให้ร่างสูง ติณณ์ภพรับมันมาพร้อมรอยยิ้มขอบคุณ เขาอดตื่นเต้นไม่ได้กับของขวัญที่ตนซื้อให้เหนือฟ้าที่วางอยู่ในรถ วันนี้เป็นวันเกิดของเขา เขาอยากให้คนที่สำคัญที่สุดของเขา ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ
หวังว่าเหนือฟ้าจะชอบสร้อยข้อมือเส้นนั้นนะ
“ฟ้ามีเรื่องจะคุยกับพี่”
ในที่สุดเหนือฟ้าก็รวบรวมความกล้าเปิดบทสนทนา ติณณ์ภพยืนนิ่งรอฟังสิ่งที่คนรักต้องการจะบอกเขาอย่างใจจดใจจ่อ สีหน้าของเหนือฟ้าตอนนี้เหมือนกับทุกครั้ง รอยยิ้มจางๆที่ริมฝีปากกับแววตาที่ดูหม่นแสงอยู่ตลอดเวลา แต่เขารู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ
“ฟ้ารักพี่ติณณ์ครับ”
คำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจพองโตขึ้นเป็นสิบเท่า ติณณ์ภพยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในเวลานี้เขาไม่สนใจวาใครจะมาเห็นพวกเขา เขาอยากจะกอดเหนือฟ้าไว้แน่นๆ ป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ว่าคนตรงหน้าเป็นคนรักของเขา
“พี่ก็...”
“แต่…”ติณณ์ภพหุบปากฉับเมื่อเห็นว่าเหนือฟ้ายังพูดไม่จบ “...ฟ้าไม่ชอบตัวเองที่รักพี่ติณณ์”
“ฟ้า…”ร่างสูงเรียกคนรักเสียงแผ่ว ประโยคเมื่อครู่เพียงประโยคเดียวบีบหัวใจจนเขาแทบจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ฟ้าไม่ชอบคนที่ฟ้ากำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ คนโง่ๆที่ทำตัวเหมือนหมาที่ชะเง้อมองเข้าของอยู่ในบ้านไปวันๆ กระดิกหางดีใจทุกครั้งที่เห็นพี่ แกล้งโง่ทำเป็นไม่ได้กลิ่นหมาตัวอื่นที่พี่แวะเล่นด้วยระหว่างทาง”
เหนือฟ้ารู้สึกประหลาดใจที่ตนสามารถกลั่นกรองคำพูดนั้นออกมาได้อย่างเยือกเย็น แต่นั่นอาจเป็นเพราะเขาเหนื่อยจนไม่มีแรงใส่อารมณ์กับคำพูดพวกนี้แล้วก็เป็นได้
“ฟ้า..ผมพอแล้ว ผมไม่ไหวแล้วครับ ผมไม่อยากถูกพี่ล่ามโซ่ไว้แบบนี้อีกแล้ว”
เหนือฟ้ายกมือขึ้นพนมที่หน้าอกแล้วก้มลงเล็กน้อย
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะครับพี่ติณณ์ ผมไม่เคยเสียใจที่ผมรักพี่ แต่ผมเสียใจ ที่ความรักที่ผมมีให้กับพี่มันเป็นยาพิษที่ทำให้ผมเกลียดตัวเอง”
ติณณ์ภพได้แต่ยืนนิ่ง สมองไม่อยากรับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
“ผมขอโทษที่ผมอาจจะต้องหายไปจากชีวิตพี่ แต่วันที่ผมกลับมา ผมสัญญาว่าจะเป็นแค่เพื่อนของน้องชายพี่ และจะยังเคารพพี่ติณณ์ในฐานะพี่ชายที่ดีของกล้าต่อไป”
เหนือฟ้ายิ้ม ทั้งที่หัวใจถูกบีบจนแทบจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ
“ลาก่อนครับพี่ติณณ์ ถ้าซักวันพี่ติณณ์ได้เจอคนที่มีค่าพอที่จะให้พี่ติณณ์หยุดทุกอย่างเพื่อเขา อย่าปล่อยเขาไปนะครับ”
ร่างโปร่งเดินผ่านคนที่ยืนนิ่งราวกับรูปสลักไป
จบแล้วเหนือฟ้า...
มึงเป็นอิสระแล้ว...
แต่ทำไม...หัวใจถึงได้เจ็บขนาดนี้กันนะ
ติณณ์ภพกดล็อคกลอนประตูห้องนอนของตัวเอง ร่างสูงทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง เขาไม่รู้ว่าเขาขึ้นมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายรู้สึกเหมือนภาพเบลอ
ฟ้า...ไปแล้ว
เพราะนิสัยเลวๆของเขา ทำให้คนที่เขารักเดินจากไป
ทั้งที่คิดว่าไม่ว่าเขาจะหันกลับมาเมื่อไหร่ เหนือฟ้าก็จะยังคงยืนส่งยิ้มให้เขาจากด้านหลังเสมอแท้ๆ แต่เขากลับไม่คิดเลยว่าความไม่ชัดเจนของตัวเองกลับทำร้ายร่างโปร่งจนทนไม่ไหว
หากเพียงเขากลับใจให้เร็วกว่านี้ แสดงความรักให้เหนือฟ้าเห็นมากกว่านี้
ทำให้เหนือฟ้ารู้สึกมั่นคงมากกว่านี้
เขาอาจจะยังมีคนรักอยู่ข้างกาย
ติ๊ก...
เข็มนาฬิกาที่มักจะส่งเสียงเป็นประจำเวลาที่เข็มวินาทีขยับเงียบลง ติณณ์ภพก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าที่เพิ่งจะหมดอายุขัยลง ราวกับจะย้ำเตือนว่าเวลาที่เขามีกับเหนือฟ้าได้หมดลงแล้ว
ติ๊ก...ติ๊ก...
ทว่าเสียงเข็มนาฬิกาที่ดังขึ้นจากด้านในกล่องของขวัญทำให้ร่างสูงหยิบมันออกมาดู ภายในกล่องมีนาฬิกาผู้ชายที่แม้จะเรียบแต่ดีไซน์กลับดูมีราคา ไม่ต้องลองก็รู้ว่าพอดีกับข้อมือเขาราวกับสั่งทำ
‘ถ้าซักวันพี่ติณณ์ได้เจอคนที่มีค่าพอที่จะให้พี่ติณณ์หยุดทุกอย่างเพื่อเขา อย่าปล่อยเขาไปนะครับ’
พี่เจอคนคนนั้นแล้วฟ้า
พี่เจอคนที่พี่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยจนลมหายใจสุดท้ายแล้ว
แต่พี่ปล่อยเขาหลุดมือไปแล้วล่ะ
เหนือฟ้าสมควรได้พบคนที่ดีกว่าเขา เหนือฟ้าคู่ควรกับคนดีๆ ที่สามารถมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เหนือฟ้าได้ตามที่ใจของร่าง
โปร่งปรารถนา
คนอย่างเขา ไม่คู่ควรแม้แต่จะใช้ลมหายร่วมกับอีกฝ่าย
คนโง่ๆที่ไม่รู้ค่าสิ่งที่มีอยู่อย่างเขา..ไม่คู่ควรกับเหนือฟ้าสักนิด
ร่างสูงเอนพิงประตูห้อง เหม่อมองเพดานสีขาวอน่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ไม่มีแรงแม้แต่จะร้องไห้ออกมา
THE END
--------
จบแล้ววววว//จุดพลุฉลอง
ตอนพิเศษอื่นๆสามารถติดตามต่อได้ในเล่มเน้อ แล้วถ้ามีหลังจากนี้อาจจะมาอัพเป็นครั้งเป็นคราว แล้วแต่ว่าจะปั่นเรื่องอื่นเสร็จมั้ย55555
ขอบคุณที่อยู่กับเรามายาวนานเหลือเกิน
ฝากติดตามรูปเล่มของน้องแว่นกับสนพ.เฮอร์มิทด้วยนะคะ
ฝากผลงานเรื่องอื่นๆของเราด้วยเน้อออออออออ