ติณณ์ภพไม่ได้มาหาเขาในวันนั้น เหนือฟ้ารู้จากวงซุบซิบของเพื่อนในห้องว่าร่างสูงพาเพื่อนคนหนึ่งในห้องเขาไปดินเนอร์ ก่อนจะเข้าโรงแรมไปกับรุ่นพี่อีกคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก
เหนือฟ้ารู้สึกว่าเขาไม่ควรจะเจ็บแล้ว
ร่างสูงกรีดแผลที่ยังไม่หายดีของเขาซ้ำแล้วซ้ำซ้ำเล่าจนเขาไม่คิดว่ามันจะสามารถลึกกว่านี้ได้อีกแล้ว
แต่เขาก็ยังเจ็บ
ถึงอย่างนั้น ในช่วงเวลาของความขมขื่น ก็ยังมีช่วงเวลาดีๆ ที่ทำให้เหนือฟ้าสามารถลืมสิ่งที่ร่างสูงทำให้เขาเจ็บได้ชั่วคราวอย่างในตอนนี้
“อยากไปไหน?” ร่างสูงสวมหมวกกันน็อคให้คนตัวเล็กกว่า ติณณ์ภพก้มลงรัดสายหมวกกันน็อคให้พอดีกับศีรษะของคนรัก ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มมีสีหน้าขัดเขินกับความเอาใจใส่ของเขา
“แล้ว...พี่ติณณ์อยากไปไหนครับ?” เด็กหนุ่มถามตามความเคยชิน
“พี่ถามฟ้าอยู่นะ ไม่ใช่ให้ฟ้ามาย้อนพี่” ติณณ์ภพกอดอก เมื่อเห็นว่าร่างสูงเริ่มไม่พอใจ เหนือฟ้าจึงรีบคิดหาสถานที่ที่ตนอยากไปทันที
“มาเดินห้างเนี่ยนะ?”
ติณณ์ภพบ่น ทั้งที่เขาปล่อยให้อีกฝ่ายเลือกตามใจชอบว่าอยากไปไหน เหนือฟ้ากลับเลือกที่จะให้เขาพามาห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านเสียอย่างนั้น เขาคิดว่าเหนือฟ้าจะมีอะไรน่าสนใจว่ากว่าพวกผู้หญิงน่ารำคาญที่ชอบลากเขาไปซื้อข้าวของให้
“เอ่อ...เรากลับกันก็ได้นะครับ” เหนือฟ้ารีบพูดอย่างเกรงใจ เขาพอจะรู้ว่าติณณ์ภพไม่ใช่คนที่ชอบมาเดินห้างเท่าไหร่ แต่ในตอนนั้นเขากลับลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียอย่างนั้น
“เอาเถอะๆ อยากได้อะไรล่ะ เดี๋ยวจะซื้อให้”ติณณ์ภพตัดบทอย่างหงุดหงิด หยิบบัตรเครดิตที่บิดาทำให้เป็นบัตรเสริมออกมา
“เอ๊ะ? เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น” เหนือฟ้ารีบส่ายหน้า “ผมแค่...อยากมาเดินดูของ”
“ตามใจ” ติณณ์ภพเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ จริงๆที่เขาพาอีกฝ่ายมาวันนี้แค่เพราะรู้สึกผิดหน่อยๆที่ทิ้งเหนือฟ้าไว้คนเดียวในวันวาเลนไทน์ แต่ดูเหมือนเหนือฟ้าจะไม่ได้โกรธเขาเท่าไหร่ สังเกตได้จากการที่ร่างโปร่งไม่ได้โวยวายใส่เขาเหมือนคู่ควงคนอื่นๆ
ไม่สิ...ต้องบอกว่าเหนือฟ้าไม่เคยโวยวาย หึงหวง หรือออดอ้อนให้เขาอยู่กับตัวเองเลยสักครั้ง
ไม่รู้ทำไม นั่นกลับทำให้ติณณ์ภพรู้สึกหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาเดินไปตามร้านต่างๆด้วยความเงียบ เหนือฟ้าพยายามนึกหาหัวข้อสนทนาที่จะสามารถทำให้ติณณ์ภพอารมณืดีขึ้นได้แต่ก็ไม่พบ สุดท้าย เขาจึงยอมแพ้แล้วสนใจกับร้านต่างๆแทน
“อ๊ะ…”
สายตาของร่างโปร่งสะดุดเข้ากับสร้อยข้อมือสีเงินที่วางโชว์อยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับ เหนือฟ้าชอบเครื่องประดับ ไม่ใช่เครื่องประดับเครื่องเพชรหรูหราราคาแพง แต่เป็นสร้อยข้อมือเรียบๆ ต่างหูผู้ชาย หรือแม้แต่นาฬิกาข้อมือ เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเวลาที่ได้เดินดูของพวกนี้
ถึงแม้ราคาของพวกมันจะทำให้เขารู้สึกเครียดขึ้นมาอีกรอบก็ตาม
ติณณ์ภพขมวดคิ้วเมื่อเห็นเหนือฟ้าจ้องสร้อยข้อมือเส้นนั้นไม่วางตา แต่ก่อนจะได้ถามร่างโปร่งก็ผละออกมาจากหน้าตู้กระจกนั้นเสียแล้ว ร่างสูงหันกลับไปมองสร้อยข้อมือที่ค่อนข้างมีราคา แต่ก็ไม่ได้แพงไปกว่ากระเป๋าถือที่เด็กสาวทั้งหลายรบเร้าให้เขาซื้อให้เลย แต่เมื่อเหนือฟ้าไม่ได้ขอ เขาจึงไม่ได้เสนอตัวจะซื้อให้
“ไปหาอะไรกินกันมั้ย?”
ติณณ์ภพยังคงพยายามที่จะไถ่โทษถึงแม้ความรำคาญจะเริ่มเอาชนะความรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เหนือฟ้าที่ยังคงเพลียจากคืนก่อนที่ติณณ์ภพมาค้างที่บ้าน ประกอบกับความเกรงใจไม่อยากให้คนรักต้องเสียเงินส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว”
“ตามใจ” ร่างสูงชักเสียงห้วน หยิบธนบัตรสีเทาสองสามใบออกมาจากกระเป๋าเงินส่งให้เหนือฟ้า “อยากได้อะไรก็ซื้อ หาทางกลับเองได้ใช่มั้ย”
“เอ๊ะ..อ๊ะ...พี่....” เด็กหนุ่มเดินจากไปก่อนที่เขาจะได้รั้งไว้ ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกทิ้งไว้ตอนที่มาเที่ยวด้วยกัน แต่มันก็เจ็บไม่ต่างกันกับครั้งไหนๆ
เจ็บ...แต่ก็ชินแล้วล่ะ
เหนือฟ้าถอนหายใจ ก่อนจะเก็บธนบัตรพวกนั้นใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินตามหาแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน
ติณณ์ภพบอกตัวเองว่าเขาไม่ผิด
เหนือฟ้ามักจะทำตัวน่ารำคาญแบบนี้เสมอ พยายามทำตัวเงียบๆ ไม่เคยโวยวาย ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของเขา แต่ดวงตาสีน้ำตาลหม่นมักจะฉายแววตัดพ้ออยู่ตลอดเวลาที่เห็นเขาอยู่กับใคร ทำเหมือนเขาเป็นฝ่ายผิดทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยห้ามอะไร
เหนือฟ้าคิดว่าเขาไม่เห็น แต่ติณณ์ภพสังเกตเห็นทุกครั้งที่อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เวลาที่เขาหันหลังเดินออกมา
และแววตาแบบนั้นของอีกฝ่ายมักจะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวเสมอ
ถ้าอยู่กับเขาแล้วมันฝืนใจนัก...แล้วจะอยู่ทำไม?
เขาไม่ได้ล่ามโซ่ไว้เสียหน่อย
ที่เขายังคงคบกับเหนือฟ้าอยู่ ก็แค่เพราะพึงพอใจกับสิ่งที่เด็กหนุ่มหยิบยื่นให้เขาบนเตีียงเท่านั้น
ใช่...ติณณ์ภพหลงใหลท่าทีเขินอายราวกับทุกทุกครั้งเป็นครั้งแรก เสียงครางหวานหู และดวงตาของอีกฝ่ายที่มองเขาเหมือนเขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกก็เท่านั้น
เท่านั้นจริงๆ
และที่เขาถ่อสังขารนั่งแท็กซี่มาถึงหน้าบ้านของเหนือฟ้าตอนค่ำมืดโดยที่ทิ้งมอเตอร์ไว้บ้านเพื่อนหลังจากรู้สึกมึนๆได้ที่จาก
เครื่องดื่มมึนเมาที่ไปกินกับเพื่อนก่อนหน้านี้เป็นเพราะเขาอยากได้เรือนร่างขาวเนียนนั้น ไม่ใช่สติสัมปชัญญะที่ลดลงทำให้เขาอยากจะกลับมาขอโทษอีกฝ่าย
ไม่ใช่ซักนิด
ร่างสูงเปิดประตูเดินเข้าไปในตัวบ้านราวกับเป็นที่ของตัวเอง ติณณ์ภพขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นรองเท้านักเรียนชายไซส์ใหญ่กว่าของเหนือฟ้ามากวางอยู่ ร่างสูงขยับหลบเข้าไปในห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“เหนือ มึงโอเคใช่มั้ย ตาบวมหมดแล้ว”
เสียงของน้องชายของเขาดังขึ้น ติณณ์ภพกำหมัดแน่น เขาน่าจะรู้ว่าใครที่สามารถเข้าออกบ้านนี้ไปอย่างอิสระเสียยิ่งกว่าเขา ถึงแม้เจ้าตัวจะชอบให้เหนือฟ้าไปหาที่บ้านมากกว่า
“เออ ก็บอกว่าภูมิแพ้ไง กินยาเดียวก็หาย” เสียงอู้อี้ของเหนือฟ้าตอบเพื่อนรัก ติณณ์ภพขมวดคิ้ว ตอนที่แยกกันเหยือฟ้าก็ยังดูดีๆอยู่นี่
เด็กหนุ่มแง้มประตูออกดู ร่างทั้งสองยืนคุยกันอย่างสนิทสนม ความใกล้ชิดของคนทั้งคู่ที่มักจะทำให้เขาไม่สบอารมณ์อยู่เสมอในวันนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากกระทืบน้องชายมากขึ้นหลายเท่า กวินภพก้มลงเอาหน้าผากแตะกับหน้าผากของเพื่อนรัก เมื่อผละออกมาเขาถึงได้เห็นใบหน้าขาวที่ดวงตาบวมแดงและจมูกแดงเป็นปื้นราวกับผ่านการร้องไห้มาเป็นเวลานาน
“ตัวไม่ร้อน งั้นรีบกินยานอนนะ”
“อือ กลับดีๆนะ”
เหนือฟ้าโบกมือลาเพื่อนรัก แล้วคล้องกุญแจล็อคประตูบ้านเพื่อเตรียมขึ้นไปอาบน้ำนอน เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกกระชากไปด้านหลังอย่างรุนแรง
“มานี่”
“พี่ติณณ์...” เหนือฟ้าเบิกตากว้าง แต่ก็ยอมให้ร่างสูงลากเขาไปที่ห้องนอนแต่โดยดีด้วยรู้ว่าสู้แรงไม่ไหว ร่างบอบบางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่เบานัก ก่อนจะถูกร่างของติณณ์ภพคร่อมไว้ไม่ให้หนี
“ถ้าอยากมากทำไมไม่เรียก” ติณณ์ภพคำรามเสียงต่ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้อารมณ์ของเขาอยู่เหนือเหตุผลยิ่งกว่าทุกครั้ง เหนือฟ้าที่เห็นว่าติณณ์ภพดูไม่ปกติพยายามดันร่างของอีกฝ่ายออกแต่ไม่เป็นผล เด็กหนุ่มก้มลงซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นสบู่บ่งบอกว่าเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ ริมฝีปากได้รูปขบลงบนผิวกายบอบบางอย่างไม่ออมแรง ดูดดึงรอยแดงที่ผิวจนขึ้นสีเข้มกว่าเดิม
“อ๊ะ..พี่ติณณ์...”เหนือฟ้าพยายามเบือนหน้าหนีขยับออกห่างจากคนรักแต่ไม่เป็นผล มีแต่จะยิ่งทำให้ติณณ์ภพไม่สบอารมณ์มากไปกว่าเดิม ร่างสูงกระชากกระดุมเสื้อนอนของร่างที่อยู่ข้างใต้จนขาดวิ่น ดวงตาคมไล่ตามผิวกายเนียนเรียบอย่างโหยหา ก่อนจะก้มลงฝากรอยแสดงความเป็นเจ้าของของเล่นชิ้นโปรดชิ้นนี้
“ฟ้า…”ริมฝีปากที่แนบชิดแผ่นอกแผ่นราบที่สะท้อนขึ้นลงขยับพรมจุมพิตอย่างหลงใหล “...ของพี่”
“พะ...พี่ติณณ์...เมามากแล้วนะครับ” เหนือฟ้าพยายามให้เหตุผลด้วยเสียงอันสั่นเทาจากอารมณ์ที่เริ่มสูงขึ้น แต่นั่นกลับทำให้ร่างสูงหงุดหงิดขึ้นมา ติณณ์ภพบีบคางเรียวให้มองตรงมาที่เขา จ้องตรงมาที่ดวงตาสีน้ำตาหม่น
“เก็บปากไว้ครางเสียงหวานๆให้พี่ฟังดีกว่า อย่าทำให้พี่หงุดหงิด”
เหนือฟ้าหุบปากฉับอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความสุขกับการได้เป็นหนึ่งเดียวกับคนที่เขารัก....แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนที่ระบายความใคร่ มากกว่าเป็นคนที่ติณณ์ภพรู้สึกดีด้วยมากพอที่จะทำอะไรแบบนี้ และนั่นทำให้เหนือฟ้ารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ายิ่งกว่าคู่นอนคนไหนๆที่ผ่านมาของร่างสูง
แต่อย่างน้อย...เขาก็เป็นคนไร้ค่าที่อยู่ในสายตาของพี่ติณณ์
“ฮะ….”
เสียงหวานดังลอดออกมาจากริมฝีปากเรียวเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในร่างกายโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เหนือฟ้ายกมือขึ้นกัดด้วยความเจ็บปวด แต่นั่นยังไม่สามารถทุเลาอาการที่เกิดขึ้นได้ ในม่านหมอกแห่งความเจ็บปวดนั้น สิ่งเดียวที่เหนือฟ้าคิดได้ คือความกังวลว่าร่างสูงจะเจ็บเหมือนที่เขากำลังรู้สึกหรือไม่
“พี่ติณณ์...ฮึก...ออกไปก่อนได้มั้ยครับ...”เสียงสะอื้นหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากโดยไม่ได้ตั้งใจ เหนือฟ้าพยายามผ่อนคลายตัวเองเพื่อไม่ให้ทำร้ายร่างที่ยังคงไม่สนใจฟังคำขอของเขา แต่ความเจ็บปวดยิ่งทำให้ร่างของเขาเกร็งมากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มผวาเฮือกกอดร่างของคนรักไว้แน่นเมื่อความเจ็บปวดนั้นค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอื่นทีละน้อย
“ฟ้าเป็นของพี่..”เสียงทุ้มยังคงกระซิบซ้ำไปซ้ำมา ราวกับจะสลักย้ำคำพูดนั้นเข้าไปในหัวใจของเหนือฟ้าในทุกการขยับร่าง
“ของพี่คนเดียว...”
เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับไหล่กว้าง ปล่อยให้ร่างสูงควบคุมจังหวะรักที่หนักหน่วงเสียจนเขาแทบหายใจไม่ทัน
“ครับ...”เหนือฟ้าตอบรับอย่างว่าง่าย ขยับตามจังหวะที่ร่างสูงเป็นคนกำกับอย่างไม่ประสีประสา “อ๊ะ...พะ..พี่ติณณ์..อ๊ะ...อะ...”
“ฟ้า…”
เสียงพึมพำครั้งสุดท้ายพร้อมกับความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง ติณณ์ภพฟุบลงนอนกอดร่างโปร่ง เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วเพราะฤทธิ์เหล้าในร่างกาย
เหนือฟ้าหลับตาลง รอให้ความเจ็บปวดค่อยๆลดลงก่อนจะชันตัวลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ นิ่วหน้าด้วยความเจ็บร้าวที่สะโพก
ร่างโปร่งลากสังขารของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะทรุดตัวลงบนพื้นที่เย็นเฉียบ แล้วกอดเข่าของตัวเองพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมา
เหนือฟ้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมความเจ็บปวดที่ทุเลาลงไปมากแล้ว ร่างโปร่งชันตัวลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะพบว่าสะโพกของตนถูกรองไว้ด้วยหมอนอีกใบที่ควรจะเป็นหมอนของติณณ์ภพ ทำให้เขาไม่เจ็บสะโพกเท่าที่ควร
“ตื่นแล้วเหรอ?”ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดที่ใส่ถ้วยร้อนๆควันฉุย ติณณ์ภพวางมันลงบนโต๊ะข้างเตียง เหนือฟ้าถึงได้เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในหม้อคือต้มเลือดหมูหน้าตาน่าทาน
“พี่ติณณ์...” ร่างโปร่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เขาไม่มั่นใจว่าร่างสูงในตอนนี้อยู่ในอารมณ์แบบไหน
“กินข้าวซะ จะได้กินยา” ติณณ์ภพนั่งลงข้างเขา เหนือฟ้ากระถดตัวหนีเล็กน้อยตามสัญชาตญาณก่อนจะยั้งตัวเองไว้ได้ทัน โชคดีที่ดูเหมือนติณณ์ภพจะไม่ได้สังเกต ร่างสูงยกถาดมาวางไว้ที่ตักของตนแล้วตักหมูสับปั้นก้อนขึ้นมาเป่าจนหายร้อน ก่อนจะยื่นช้อนมาจ่อที่ริมฝีปากของคนที่ยังหมดแรงจากเมื่อคืน
เหนือฟ้าอ้าปากรับ เคี้ยวเนื้อหมูในปากอย่างเชื่องช้า ร่างโปร่งรีบเคี้ยวให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงหันมามองเขา เขาลืมไปได้ไงว่าติณณ์ภพไม่ชอบคนชักช้า
“ค่อยๆกินก็ได้ พี่ไม่ไปไหนหรอก” ผิดคาด เสียงอ่อนโยนของร่างสูงทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในห้วงความฝันที่เขาไม่อยากตื่นขึ้นมา
เหนือฟ้าอ้าปากรับเนื้อหมูอีกคำอย่างขัดเขิน เคี้ยวตุ้ยๆตามประสาเด็กดีไม่เรื่องมาก เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแก้มป่องๆจากอาหารถูกขโมยหอมไปฟอดใหญ่
“ทำตัวน่ารักกับเขาก็เป็นนี่”ร่างสูงกระซิบยิ้มๆ เหนือฟ้าที่ไม่เคยชินกับความใจดีแบบนี้อายม้วน ไม่ใช่ว่าติณณ์ภพไม่เคยใจดีกับเขา แต่มันหายากเสียยังกว่าสุริยุปราคาจนเหนือฟ้าไม่ชินเสียที
“ขอบคุณครับ”ร่างโปร่งพึมพำ ได้รับรางวัลเป็นอ้อมกอดอุ่นจากคนรับที่แทบจะอุ้มเขามานั่งตัก
“กินยาแล้วนอนพักซะ วันนี้พี่จะดูแลฟ้าเอง” ติณณ์ภพจุมพิตที่ขมับของเด็กหนุ่มเบาๆก่อนจะส่งแก้วเล็กๆที่ใส่ยาไว้ให้
เหนือรับมาโยนเข้าปาก แล้วรับแก้วน้ำที่ร่างสูงหยิบให้มาดื่มอย่างกระหาย ติณณ์ภพโอบเอวของเหนือฟ้าไว้พร้อมกับวางคางลงบนไหล่บาง ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันพอสมควรทำให้เหนือฟ้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจมหายเข้าไปในอ้อมกอดนั้น
Rrrrrr
แล้วเสียงที่เหนือฟ้าเกลียดที่สุดก็ดังขึ้น ติณณ์ภพเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือของตน ตั้งใจว่าจะกดตัดสาย แต่เมื่อเป็นชื่อบนหน้าจอ ร่างสูงจึงกดรับอย่างไม่มีทางเลือก
“ตาล มีอะไรรึเปล่า”
เหนือฟ้าหลับตาลง และแล้วความฝันของเขาก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ร่างโปร่งขยับตัวออกห่างจากติณณ์ภพ ร่างสูงทำท่าเหมือนจะรั้งเขาไว้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง
“อือ จะไปเดี๋ยวนี้”
ร่างสูงหยิบกระเป๋าเงินจากโต๊ะทั้งที่ยังไม่วางสาย หันมามองเหนือฟ้าราวกับจะขออนุญาต แต่เขารู้ดีว่าติณณ์ภพไม่ได้ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเขาขนาดนั้น
‘เจอกันนะครับ’
เหนือฟ้าขยับริมฝีปากโดยไม่ออกเสียง พร้อมกับรอยยิ้มที่ฝืนทนเต็มที ติณณ์ภพขยับยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เหนือฟ้าทิ้งตัวลงบนเตียง เหม่อมองเพดานห้องของตนพลางนึกสงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่นี้ มันคุ้มค่ากับความเจ็บปวดจริงๆหรือ
“ขอโทษนะที่เรียกติณณ์ออกมาเช้าขนาดนี้”
น้ำตาล เพื่อนร่วมห้องที่สนิทกับเขาพอสมควรมาตั้งแต่สมัยเด็กๆกล่าวขอโทษขอโพยอย่างเกรงใจ รถมอเตอร์ไซค์ของเด็กสาวถูกรถยนต์ขับมาชน โชคดีที่มีแค่แผลถลอกเล็กน้อยและต้องรอประกัน แต่ทางตรงนั้นเป็นทางเปลี่ยว และคนที่ขับรถมาก็เป็นชายร่างใหญ่สามสี่คนซึ่งทำให้แม้แต่เด็กที่ไม่ค่อยกลัวอะไรง่ายๆอย่างน้ำตาลยังต้องขอกำลังเสริมเพราะทั้งพ่อและแม่ไปประชุมที่ต่างประเทศ ติณณ์ภพถือสายคุยกับเพื่อนตลอดทางที่ขึ้นแท็กซี่มาจากบ้านของเหนือฟ้าด้วยกลัวว่าเด็กสาวจะถูกทำอะไร ตอนนี้ร่างสูงจึงมานั่งรอประกันกับเพื่อนอยู่ข้างถนน
“ไม่เป็นไร ดีแล้ว อยู่คนเดียวอันตราย” ติณณ์ภพตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่เราคงไม่ได้กวนเวลาติณณ์กับบรรดาเด็กในสต็อกใช่มั้ยเนี่ย” น้ำตาลแซวเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ติณณ์ภพดันพยักหน้าเสียอย่างนั้น
“อือ กวน”
เด็กสาวขำค้าง ปกติติณณ์ภพมักจะยกเพื่อนและครอบครัวไว้เหนือบรรดาของเล่นทั้งหลาย เธอจึงแปลกใจเล็กน้อยที่ร่างสูงก้มเช็คโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาราวกับกังวลเรื่องใครอยู่ตลอด
ติณณ์ภพยังคงห่วงเหนือฟ้า เมื่อคืนหลังจากที่เขาสร่างเมา ความทรงงจำทั้งหมดที่ตนยัดเยียดความเป็นเจ้าของให้ร่างโปร่งกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับความรู้สึกขยะแขยงตัวเอง และความรู้สึกผิดต่อเหนือฟ้าอย่างเต็มหัวใจ
ทั้งที่วันนี้อยากจะอยู่ดูแลฟ้าแท้ๆ
“เราว่า...พักนี้ติณณ์ดูแปลกไปนะ”เด็กสาวเอ่ยขึ้น เรียกความสนใจจากร่างสูง
“หือ?”
“ไม่รู้สิ เราว่าหมู่นี้ติณณ์ทำตัว...เป็นผู้เป็นคนขึ้นมั้ง?”น้ำตาลหัวเราะตามประสาคนอารมณ์ดี “ติณณ์ไม่สังเกตเหรอว่าตัวเอง
ไปเที่ยวกับผู้หญิงน้อยลงมาก จริงๆเรารู้สึนะว่าบางครั้งที่ติณณ์ไป เพราะหงุดหงิดหรืออยากประชดใครมากกว่า”
“คิดมาก”ติณณ์ภพตอบปัด ทั้งที่สมองเริ่มคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย
“เอ้าๆ คิดมากก็คิดมาก”เด็กสาวยิ้มขำ “แต่โทรศัพท์น่ะ จ้องมันไปมันก็ไม่โทรหาคนที่อยากโทรให้เราหรอกนะ”
“แค่ดูนาฬิกา”ติณณ์ภพเฉไฉ เบือนหน้าหนีไม่ยอมพูดกับเพื่อนต่อ
เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหนือฟ้า
ที่พิเศษกว่า ก็แค่เพราะฟ้าเป็นเพื่อนของน้องชาย
แค่นั้น...
แค่นั้นจริงๆ
--------------
สอบเสร็จแล้วววววววววววว
แต่เดี๋ยวก้สอบอีก
ไม่เป็นไร เขาติณณ์เหนือมาเสิร์ฟก่อนนนนนนนนน