เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 19
“ แซนวิชสำหรับมื้อเช้าเสร็จแล้วจ๊ะ " ผมบอก ก่อนจะวางแซนวิชอบร้อนที่ซื้อมาเมื่อวานใส่จานให้หัวหอม พร้อมกับนม ก่อนจะเดินเข้าไปเอาของไอ้ภาพแล้วก็ของตัวเอง " อันนี้ของภาพ นะจ๊ะ แล้วอันนี้ก็ของขม "
“ ขอบคุณนะจ๊ะขมจ๋า "
“ จ๊ะภาพ ไม่เป็นไร " นั่งลงข้างอีกคนเรียบร้อย หัวหอมที่มองหน้าเราด้วยแววตาที่ขมวดคิ้วจนยุ่ง ผมก็ถาม " เป็นอะไรครับ ทำไมไม่กินละ "
“ อาขม ทำไม อาขมต้องพูดกับอาภาพแบบนั้น "
“ แบบไหนเหรอ "
“ แบบจ๊ะๆ ทำไมต้องพูด จ๊ะๆ ตลอดเลย " หน้าตาเหยเกของมันเอ่ยถามผมที่ก็นิ่งไป " กาลิคไม่เห็นชอบให้พูดแบบนั้นเลยอะ "
“ ทำไมอะ เพราะออกนะ น่ารักดีด้วย เอาไว้ไปพูดกับเพื่อนที่โรงเรียนไง แบบว่า กาลิคว่านะจ๊ะ รินเน่ "
“ ไม่เอาอะ กาลิคไม่พูดหรอก จะเรียกตัวเองว่า กาลิคเฉยๆ ถ้าพูดจ๊ะๆมันดูไม่แมนอะ " ผมเบิกตามองคำคอมเม้นท์ของคนข้างๆ แต่ไอ้ภาพที่แทบจะสำลักนมที่กินอยู่
“ มันดูไม่แมน "
“ ถ้าพูด จ๊ะๆ มันไม่แมนอะ กาลิคไม่ชอบเลย ขนาดรินเน่เป็นผู้หญิง รินเน่ยังเรียกตัวเองว่า รินเน่เฉยๆเลย ไม่มีจ๊ะ " มันส่ายหน้าบอก " อาขม อาภาพอย่าพูดเลย มันดูไม่แมนนะ "
“ เชี้ย " ผมกัดฟันสบถออกมา " นี่คือกูโดนเด็กสี่ขวบคอมเม้นท์ว่า ว่ากูไม่แมนถูกมั้ย "
“ ก็คงอย่างงั้นอะจ๊ะ " ไอ้ภาพตอบผมก็แบะปากใส่มันกลับไป
“ กาลิคไม่ชอบเลย มันแปลก "
“ แล้วชอบให้พูดแบบไหน " ภาพ ถามมันก็คิด
“ พูดเหมือนเดิม "
“ แบบเดิมมันไม่เพราะ " ผมบอก " ถ้าพูดแบบเดิมเดี๋ยวหัวหอมเอาไปใช้ที่โรงเรียน คุณครูก็จะบอกว่า หัวหอมเป็นเด็กไม่น่ารักอีกนะ "
“ กาลิคจะไม่พูด " มันโบกมือไปมา " กาลิคเป็นเด็ก อาขมบอกว่าเด็กจะไม่พูดคำพูดไม่เพราะ แต่ว่า ผู้ใหญ่พูดได้ อาขมบอก "
“ ก็จริงอยู่แต่ว่า อาขมก็กลัวกาลิคเอาไปพูด " ถ้ามันพูดตอนที่มันโตแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก ผมถือว่ามันแยกแยะอะไรได้เองแล้วในตอนนั้น แต่ตอนนี้จากที่คุณครูเล่ามาผมก็คิดได้มันคงแยกแยะไม่ได้หรอก ก็เลยติดสินใจพูดให้มันเพราะๆกับภาพ
“ กาลิคจะไม่พูด " มันยังคงยืนยัน
“ ก็เอาแบบนี้สิ เวลาเราพูดกับกาลิค เราก็พูดให้มันดีๆหน่อย ไม่พูดมึงกูกับกาลิค แต่เวลาเราคุยกัน เราก็คุยกันเหมือนเดิม แต่ลดคำหยาบลง แบบว่า ..” ภาพเงียบไปก่อนจะพูดไม่ออกเสียง " เหี้ย สัด ควาย ส้นตีน อีห่า "
“ เดี๋ยวๆ นั่นด่ากูรึเปล่า หน้าตาดูจริงจัง "
“ อุ้ย รู้..” มันสะดุ้งตัวถอยหลังนิดหน่อยผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา " คำพูดพวกนั้นเราก็ไม่ต้องพูด ไว้ด่ากันส่วนตัว "
“ แต่กูกลัวกาลิคจะเอาไปพูด "
“ กาลิคไม่พูดหรอก เด็กไม่พูดกัน " มันว่าก่อนจะยกนมขึ้นดื่ม
“ จริงนะ ไม่พูดจริงๆนะ " มันพยักหน้ารับผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ กาลิคไม่ชอบที่อาขม อาภาพพูดแปลกๆ มันแปลกๆ "
“ มันแปลกยังไงละ " ภาพถาม
“ ก็มันแปลกๆนะ มัน.. มัน..” มันคงอธิบายไม่ถูกว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกคืออะไร " มันไม่ใช่อะ อย่าพูดเลยนะ มันไม่แมนด้วย ผู้ชายเค้าไม่พูด จ๊ะๆกันหรอกนะ "
“ รู้ดีไปอีก แต่มันก็มีคนพูดกันนะ " ผมบอก
“ ขนาดคุณครูที่โรงเรียนยังเรียกกาลิคว่า กาลิคครับเลย คุณครูดูแมนกว่าอาขมอาภาพไปแล้ว "
“ โอเค โอเคยอมละ ไม่พูดก็ได้ ไม่พูดแล้ว " ยื่นมือไปลูบหัวอีกคนไอ้ภาพก็บอก
“ ที่กาลิคบอก อาจจะหมายถึงว่า ที่เราพูดมันดูไม่ธรรมชาติอะ หรือจะพูดง่ายๆก็คือ.. " มันเว้นเสียงก่อนจะพูดไม่ออกเสียงแต่กลับทำหน้าจริงจังใส่หน้าผมตอนที่พูดคำพูดนั้น " ตอแหล "
“ จ๊ะ " พยักรับมัน คือผมก็รู้สึกแบบนั้นแหละ ว่าหัวหอมมันต้องอยากจะพูดอะไรแบบนั้น แต่เพราะหัวหอมมันยังไม่รู้คำพูดพวกนั้นไง ว่าแบบนั้นเรียกว่าอะไร เลยพูดออกมาไม่ถูก " ว่าแต่เย็นนี้กลับจากโรงเรียนอยากจะกินอะไร "
“ อยากจะกินเหมือนที่บ้านคุณย่า อยากกินวูด แล้วก็กุ้งทอด "
“ แกงจืดกับกุ้งชุปแป้งทอดนั่นเองนะครับ " ไอ้ภาพบอก ผมก็พยักหน้ารับ จะว่าไปเมื่อคืนก็นอนไม่หลับ ผมเลยจัดการดูคลิปวิดีโอสอนทำอาหารในเน็ตแล้วรู้สึกว่า มันก็ไม่ยากอะไรเลยนะ ถ้าหัดผมคงทำได้แหละ
“ งั้นอาขมจะทำให้กินนะ "
“ ห๊ะ ? อาขมว่าอะไรนะ ขออีกที " ร่างสูงตรงหน้าเอียงหน้าถามด้วยสายตาไม่เชื่อเท่าไหร่ ผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ อาขมจะทำให้หัวหอมกินเอง แค่สองอย่างใช่มั้ยละ "
“ อื้ม "
“ จะดีเหรอ " ภาพถาม " ค่ารักษาที่โรงพยาบาลแพงนะ "
“ นี่ มึงอย่ามาดูถูกกู " ผมบอก " ถ้ากูทำอร่อยขึ้นมา มึงอย่ามาขอข้าวเพิ่มนะเว้ย "
“ โอ้โหหหหห กล้าที่จะพูดคำนั้น ปกติ มึงทอดแต่ไช่ดาว ไข่เจียวไม่ใช่รึไง "
“ แต่นั่นก็เรียกว่ามีพื้นฐานงานครัวมั้ยละวะ กูต้องทำได้แน่นอน แล้วจะอร่อยด้วย "
“ อย่าใส่ผงชูรสเยอะ จนแดกทีผมร่วงหมดหัวละ " มันบอก ผมก็เชิดหน้าหนีไม่ใส่ใจ จำไว้กูจะต้องทำให้อร่อยจนมึงต้องขอข้าวเพิ่มให้ได้เลย
“ เอาเป็นว่าวันนี้เดี๋ยวอาภาพ ไปรับหัวหอมกลับจากโรงเรียน อาขมจะเตรียมทำอาหารรอไว้นะ ตกลงมั้ย "
“ ได้ครับ " มันพยักหน้ารับ " เอาอร่อยๆเลยนะอาขม " คำพูดที่ชวนให้ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ เอาจริงดิ อย่าให้สัญญาณเตือนไฟไหม้ดังนะมึง เดี๋ยวยุ่ง "
“ มึงแม่งโคตรดูถูกอะ " ผมบอกด้วยสีหน้ามุ่ยๆที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ กับกานที่มันเอาแต่ดูถูกฝีมืองานครัวของผม เคยทอดไข่ไหม้แล้วไงวะ ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์ไม่ใช่รึไง แล้วไม่ลองทำมันจะไปรู้รึไงว่าทำได้รึเปล่า อาจจะอร่อยก็ได้ใครจะไปรู้
“ ดูถูกนั่นก็ถูกแล้วนี่ ก็ดีกว่าดูผิดปะวะ "
“ หนอยยยยย มึง " ผมกัดฟันพูด อีกคนก็ยักคิ้วให้ ไหนใครแม่งบอก ภาพก็อยากจะกินอาหารฝีมือขม เมื่อวานแม่งยังพูดอยู่เลย
“ ก็หวังว่าคงไม่ต้องสั่งอาหารเดลิเวลี่มากินละนะ "
“ เออ!!” ผมตะคอกมัน ก่อนจะก้มหน้าลงกินแซนวิชที่ตั้งอยู่ในหมด ไอ้ภาพที่ส่ายหน้าไปมายิ้มๆ คอยดู กูจะทำให้มึงต้องชมว่า อาหารกูอร่อยให้ได้เลย แล้วคราวนี้พอมึงอยากจะให้กูทำให้มึงทำอะไรให้มึงกิน กูจะเล่นตัวกับมึงบ้าง ไอ้สัด จำไว้!!
จัดการส่งหัวหอมที่โรงเรียนก่อนจะขับตรงมาที่มหาลัย ไอ้ภาพจอดรถส่งผมที่หน้าคณะแต่ก็ไม่วายเอ่ยบอกสิ่งทีมันดูถูกผมไว้ตั้งแต่คอนโด ' ออกไปกินข้าวที่ร้านกันดีกว่าน่า ' ผมหันไปชักสีหน้ามัน ที่ก็ยกยิ้มอยู่แบบนั้น ลงจากรถขึ้นมาบนตึกเรียนก่อนจะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
“ อะไรของมึงวะ เสียงดังจัง " ไอ้โมทัก ผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา " ไปแดกรังแตนที่ไหนมาอีกเหรอละ ทะเลาะกับไอ้ภาพเหรอ "
“ เออ แม่งกวนตีนกู!”
“ อะไรกันอีกละวะ " มันว่ายิ้มๆ ผมก็พูดเสียงเบาๆ
“ ก็วันนี้กูจะทำกับข้าวให้มันกิน แล้วมันก็บอกว่า น่าจะท้องเสียให้ออกไปหาอะไรแดกดีกว่า มันหาว่ากูทำกับข้าวไม่น่าจะอร่อยอะ แล้วก็บอกว่ากูไม่มีแววเป็นแม่ครัวด้วย "
“ ก็จริงของมันนี่ " โมบอกผมก็หันไปขมวดคิ้วมองมัน
“ มึงแม่งง ก็เอากับมันด้วยเหรอวะ ทำไมอะ เดี๋ยวนี้พอแฟนตัวเองเป็นเพื่อนกับไอ้ภาพ ก็เข้าข้างไอ้ภาพเหรอ กูเพื่อนมึงนะเว้ย อย่าได้แฟนทิ้งเพื่อนสิโม "
“ เชี้ยย พูดอะไรของมึง ใครแฟนไอ้ชัดกัน " มันเถียงด้วยหน้าแดงๆ ของตัวเองผมก็ถอนหายใจออกมา
“ กูยังไม่พูดเลย ว่าเพื่อนคนไหนของไอ้ภาพ พูดเอง เออเองเลยนะ ว่าเป็นไอ้ชัด "
“ อะไรของมึง " มันหันหน้าไปอีกทาง ผมก็หลุดยิ้ม
“ ว่าไงถึงไหนแล้วละ "
“ ถึงไหนเหี้ยอะไรวะ ก็เรื่อยๆ ไม่ได้อะไรทั้งนั้นอะ " คำตอบโกหกของมันพูดออกมาเหมือนผมนี่โง่เอามากๆ
“ นี่มึงคิดว่าพูดออกมาแบบนั้นแล้วกูจะเชื่อมึงจริงๆเหรอวะ " ผมถาม อีกคนก็ก้มหน้าลงกับกระเป๋าตัวเอง พอพูดตรงใจเข้าหน่อยก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ไม่ใช่ไม่รู้สักหน่อยว่ามันไปกินข้าวกับไอ้ชัดหลังเลิกเรียนบ่อยๆ ไอ้ชัดออกตัวแรงมากว่าชอบมัน แต่ก็เหมือนมีแต่ไอ้โมนี่แหละที่ยังลังเล ไม่ยอมบอกออกไปตรงๆสักทีว่าใจตรงกับเค้า " ระวังเถอะมึง ถามว่าเป็นอะไรกันแล้วมัวเขินอยู่แบบนี้ ระวังคนอื่นจะคาบไปแดกนะจ๊ะ " โมเงยหน้าขึ้นมามองผมที่พูดแบบนั้น สายตาที่ดูกังวลของมันสีหน้าแดงๆที่กำลังเขินเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที
“ อื้ม กูก็รู้แหละ "
“ เดี๋ยวๆ กูแค่พูดเล่น ไม่ต้องดราม่าอะไรขนาดนั้นก็ได้นะ "
“ กูไม่ได้ดราม่า " มันว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา " จริงๆ มันก็เป็นอย่างที่มึงพูดแหละ แต่กูไม่รู้จะทำยังไงนี่หว่า " ฟุบลงบนกระเป๋าตัวเองอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาดังๆ โมเงยหน้าขึ้นมามองผม " ชัดมันขอกูเป็นแฟนตรงๆแล้ว แต่กู ไม่กล้าตอบมันออกไปตรงๆวะ "
“ ห๊ะ ? “ ผมสบถออกมาอีกคนก็ยิ่งถอนหายใจ หน้าตาที่ดูเหมือนหนักใจเอามาก
“ อื้ม กูไม่กล้าตอบ "
“ ทำไมไม่กล้าตอบวะ "
“ กูเป็นผู้ชายนะเว้ย มันก็แปลกมากแล้วไม่ใช่เหรอวะที่กูต้องมารู้สึกแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันเอง แล้วจะให้กูตอบออกไปตรงๆว่า ได้สิ คบกันนะ เหรอ อย่างงั้นเหรอ กูไม่กล้าอะ กูไม่รู้ว่ากูรออะไรทั้งๆที่ใจกูมันก็บอกใช่ไปแล้ว แต่กูก็ยังไม่กล้าอยู่ดี แล้วพอกูมานั่งคิดว่า ยิ่งไม่พูดอะไรแบบนี้สักวันชัดมันอาจจะเบื่อคนเล่นตัวแบบกูก็ได้ พอคิดแบบนั้น กูก็กลัววะ "
“ กลัวว่าจะเสียมันไป " ผมขยายความอีกคนก็นิ่ง
“ อื้มมม ก็ไม่เชิงอย่างงั้น "
“ แล้วมึงกลัวอะไร "
“ กลัวอะไรเหรอ " มันทวนคำถามก่อนจะคิด " กลัวว่าจริงๆ ตัวเองจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น แค่รู้สึกว่ามันดีด้วยเลยรู้สึกดีไปกับมันก็แค่นั้น "
“ มึงอยากจะมั่นใจมากกว่านี้ก่อนสินะ "
“ อื้ม " โมพยักหน้ารับ " กูเคยชอบผู้หญิงมาก่อน กูเลยลังเล กูถามตัวเองว่าดีแล้วเหรอที่ชอบมัน ถ้าเกิดว่ากูแค่ประทับใจละ แต่อีกใจก็บอกว่าก็ถ้าชอบก็แค่ชอบ ถ้าเราไม่ลองดูจะไปรู้ได้ไง "
" นั่นนะสิ มึงก็ต้องลองก่อน ถ้าไม่ใช่ก็แค่เลิก ถอยออกมา สมัยนี้อะความรักมันไม่จำกัดเพศนะ อย่าคิดว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงสิวะ คิดแค่ว่า มึงชอบมันมั้ย เท่านั้นก็พอ ถ้าชอบก็ลุยเลย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ถอยออกมา "
" ความรัก มันถอยออกมาไม่ได้ง่ายๆอย่างตอนที่เดินเข้าไปหรอกนะมึง " โมพูดสั้นๆ " ถึงปากเราจะบอกว่าแค่ลองดูกลัวอะไร แต่พอหัวใจมันเจ็บเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้ลืมง่ายๆเหมือนปากที่บอก ถ้าไม่ใช่ก็ถอยออกมาหรอก "
" แล้วมึงจะเป็นอย่างงี้เหรอ " ก็เข้าใจอยู่ที่มันกลัวกับความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ไม่เคยมี แต่อีกใจผมก็รู้สึกว่า ถ้าไม่ตัดสินใจทำอะไรเลย ปล่อยไปแบบนี้สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง " ความรู้สึกชอบที่ไม่ถูกตอบรับจากอีกฝ่าย มันน่าเบื่อนะมึงที่ต้องเป็นฝ่ายให้ไปข้างเดียวอะ "
" อื้ม กูรู้ " มันพูดสั้นๆ ในตอนนั้นผมก็เอื้อมมือไปจับไหล่มัน
" คิดให้ดีก็ได้ รอบคอบมันก็ดี แต่อย่านานเกินไปจนเค้าทนไม่ไหวละกัน " ผมเตือนมัน ไม่อยากจะให้มันเสียใจเพราะการกระทำที่เชื่องช้าแล้วแสนจะปากแข็งของตัวเอง ผมรู้ว่ามันชอบไอ้ชัดแหละ แต่แค่ไม่กล้าจะบอกเท่านั้นเอง หรือไม่อีกอย่างยังไม่มีอะไรกระตุ้นให้มันรู้สึกว่าสำคัญ แบบนั้นมันก็เลยยังลังเลอยู่
“ เลิกพูดเรื่องกูเถอะ เอาเรื่องของมึงอะ ตกลงว่าวันนี้จะทำกับข้าวจริงๆอะ " มันว่ายิ้มๆ ผมก็ถอนหายใจออกมา
“ เออ จริง คอยดู ว่ามันต้องอร่อย แน่นอน! "
“ ผลเป็นไงบอกกูด้วยละกัน " ขนาดไอ้โมยังมีสีหน้าดูถูกผม หนอยพวกมึง... ดูถูกกูกันเข้าไป กูทำอร่อยแล้วอย่ามาง้อนะเว้ย
หลังเลิกเรียนผมติดรถไอ้ม่านกับไอ้มู่กลับมาที่คอนโดก่อน วันนี้ไอ้ภาพจะเป็นคนไปรับหัวหอมที่โรงเรียน ส่วนผมจะเป็นคนที่ทำกับข้าวรอมันทั้งสองกลับมาที่บ้าน ดูมีความแม่ศรีเรือนอย่างที่สุด แวะเข้าไปในห้างก่อนจะกลับคอนโด ตรงไปที่ซูปเปอร์ที่ขายของสด ผมคว้ารถเข็นก่อนจะเข็นไปตามทางเรื่อยๆ
“ หัวหอมบอกว่า มันอยากจะกินแกงจืดกับกุ้งทอดสินะ " ผมพูดงึมงัมกับตัวเองตอนที่เข็นรถเข็นไปเรื่อยๆ แล้วหยิบผักกาดขาวขึ้นมาเป็นอย่างแรก แล้วก็หยิบเนื้อหมูทั้งแบบบดแล้ว และเป็นแผ่น มีทั้งเห็ดแล้วก็วุ้นเส้น แล้วก็ เต้าหู้ไข่ " แค่คิดก็ดูน่าอร่อยแล้ว ต้องอร่อยมากแน่นอน แล้วก็ไปซื้อกุ้ง แล้วก็แป้งสำหรับทอด แค่นี้ก็เสร็จ " จัดการซื้อของเรียบร้อยแล้วเดินหิ้วกลับมาที่คอนโด ผมวางกระเป๋าลงที่โซฟาก่อนจะเดินเข้ามาในครัว วางหม้อใบเล็กลงบนเตาใส่น้ำสำหรับกินสามคนลงไป จากนั้นก็จัดการหั่นผักทุกอย่างโยนลงไป รวมทั้งหมูก็ด้วย " เวลาทำต้องให้น้ำสุกก่อนแล้วต้องใส่ปะวะ " ผมถามตัวเองทั้งๆที่ของทุกอย่างก็อยู่ในหม้อนั่นแล้ว " ช่างเถอะ ถ้าแม่งอร่อยแม่งก็ต้องอร่อยแหละ คราวนี้ก็หุงข้าว " การหุงข้าวถือว่าเป็นงานถนัดของผม ทั้งชีวิตนี้เหมือนจะรอดมาได้เพราะหุงข้าว แล้วก็ทอดไข่เจียว ไข่ดาวได้นี่แหละ " จากนั้นก็ทำกุ้งชุปแป้งทอด "
ผมเอากุ้งขึ้นมาวางบนเค้าเตอร์ ผมผ่ากุ้งไม่เป็นด้วยแต่เท่าที่รู้คือเอาหัวออกไปก่อน ผมจัดการเอาหัวออก แล้วโยนกุ้งลงไปในแป้งทีผสมน้ำแล้วเรียบร้อย จากนั้นก็ตั้งกระทะใส่น้ำมันแล้วก็โยนกุ้งทั้งหมดลงไป
“ ไหนมาชิม แกงจืดหน่อย " คนทุกอย่างให้เข้ากัน ผมตักผักขึ้นมาแต่รู้สึกว่า มันติดกันเป็นแพเพราะตัดไม่ขาดด้วยความรีบ " ไหงผักไม่ขาดวะ " ผมคว้ากรรไกรที่อยู่แถวนั้นล้างให้เรียบร้อยก่อนจะตัดมัน ชิมรสชาติของน้ำซุปที่ดูเหมือนจะอ่อนไปหมด " ขาดอะไรไปวะ น่าจะพริกไทย น้ำตาล แล้วก็เกลือ " จัดการใส่ทุกอย่างที่คิดว่าน่าจะทำให้มันอร่อยขึ้นลงไปแล้ว ปิดฝากอีกครั้ง ก่อนจะหันมาดูกุ้งทอดที่ก็ไหม้แล้ว " เหี้ยๆๆๆ ไหม้แล้ว ไหม้ๆ " คว้าช้อนที่อยู่ใกล้มือตักกุ้งที่กำลังไหม้พวกนั้นใส่จาน หน้าตาที่ดูไม่น่ากินของมันทำให้ผมถอนหายใจออกมา " จะแดกได้เปล่าวะ "
“ อาขมมมม กาลิคกลับมาแล้วครับ " เสียงจากหน้าประตูที่มาพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่เปิดประตูเข้ามาเป็นคนแรก หัวหอมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนจะมองมาที่ผม " อาขมทำอะไร "
“ กำลังทำกับข้าวให้หัวหอมไง " ผมบอกมันก่อนจะยิ้มแห้งๆให้อีกคน ไอ้ภาพที่เดินเข้ามาสะดุ้งตัวนิดหน่อยก่อนจะปิดประตูแล้ว ดมกลิ่นที่กำลังอบอวนอยู่ในห้อง
“ กลิ่นเหี้ยอะไรวะเนี้ย "
“ กูทำกับข้าวไง "
“ นี่มึงเอาจริง " มันหันหน้ามามองหน้าผมก่อนจะเดินเข้ามาในครัว ภาพมองไปจานกุ้งก่อนจะเบิดตาขึ้นมา " เชี้ย นี่กุ้งทอดหรือมึงเอาไปคลุกถ่าน ทำไมดำงี้อะ "
“ ก็กู เอามันขึ้นมาจากกระทะไม่ทันอะ " ผมตอบอีกคนก็หยิบใส่เข้าปากไป ไอ้ภาพเคี้ยวแค่แปปเดียวก่อนจะอ้าปากแล้วหยิบทิชชูแถวนั้นมาคายอาหารในปากนั่นทิ้ง " ไอ้เชี้ยย มึงคายทำไม "
“ ไอ้เหี้ยย แดกไม่ได้เลย รสชาติเหี้ยมาก เหมือนแดกดินอะ " มันว่า ผมก็หน้ามุ่ยลงทันที
“ แล้วต้องพูดรุนแรงขนาดนั้นเหรอวะ " ผมถาม ร่างสูงก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ มึงลองกิน " มันหยิบกุ้งให้ผม ที่ก็รับไปเคี้ยวก่อนจะคายออกมาทันทีเหมือนกัน " เป็นไง "
“ กุ้งยังไม่สุกนี่หว่า " ผมว่า " งั้นทอดใหม่ " ผมหยิบจานใส่กุ้งพวกนั้นเทลงไปในกระทะอีกครั้งไอ้ภาพก็ตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจ คงไม่คิดว่าผมจะหน้าด้านอะไรเบอร์แรงขนาดนี้ ทั้งๆที่ทำอาหารไม่เป็นก็ยังจะพยายามต่อไป " ถ้าทอดให้มันสุก มันคงอร่อยอะ กูว่ารสชาติมันก็ไม่ได้แย่ "
“ รสชาติไม่แย่ " ไอ้ภาพทวนคำพูดนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมา มันเดินตรงเข้าไปที่หม้อแกงจืด ปิดฝาดูก่อนจะปิดแก๊สทันที
“ ไหม้แล้วไอ้สัดขม "
“ เชี้ยไหน " ผมหันไปดูและมันก็จริงอย่างงั้น " เหมือนจะแค่ใส่ผักเยอะเกินไป เดี๋ยวเติมน้ำหน่อยก็โอเค "
“ นี่มึง..” ไอ้ภาพพูดสั้นๆ มันคงเหนื่อยใจกับความดื้อดึงของผม
“ เอาน่าๆ มันจะอร่อยกว่านี้ มึงไปนั่งที่โต๊ะเลย ข้าวสุกแล้วเดี๋ยวกูตักให้นะ " ดันหลังมันออกไปจากในครัว รวมถึงไอ้ตัวเล็กที่ยังยืนงุนงงกับสถานการณ์นั้นอยู่ " หัวหอมไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวนะ เดี๋ยวอาขมจะตักข้าวให้ "
“ จะกินได้จริงๆเหรอครับ " มันถาม ผมก็ยิ้มกว้างออกมา
“ แน่นอน อร่อยที่สุด ไปนั่งเลย ไปๆ " ดันหลังทั้งสองคนไปนั่งที่โต๊ะ ผมก็จัดการแก้ไขกับข้าวที่ยังไม่โอเค ใส่น้ำลงไปในแกงจืดอีกแล้วก็ทอดกุ้งใหม่ใส่จานไว้ ตักข้าว รอให้แกงจืดเดือดก็เอามาเสิร์ฟให้กับทุกคน
วางแกงจืดถ้วยขนาดกลางลงตรงหน้าทั้งสองคนพร้อมกับข้าวสวย แล้วก็กุ้งทอดจานใหญ่ไว้ตรงกลาง ยื่นช้อนให้พวกมันไอ้ภาพถอนหายใจออกมา พรอมกับหัวหอมที่ดูลังเล
“ กินเลย อร่อยแน่นอน มันไม่เหมือนที่มึงชิมครั้งแรกแน่ๆ " ผมบอกไอ้ภาพก็ตักน้ำซุบขึ้นชิมเป็นคำแรก " เป็นไงภาพ เป็นไง "
“ เหมือนกินน้ำเปล่าอะ " มันบอกผมก็ตักซุปของตัวเองขึ้นชิมบ้าง แล้วก็รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ เหมือนน้ำเปล่าที่มีรสชาติแปลกๆ
“ อาขมนี่คืออะไร " หัวหอมถามมันดึงผักที่เป็นแพยาวขึ้นมาจนสุดแขน
“ ผักที่ยังหั่นไม่ขาดน่ะ " ไอ้ภาพอีกคนก็วางลงก่อนจะชิมน้ำซุปเข้าไป หัวหอมวางช้อนทันที
“ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งถอดใจ ลองกินกุ้งทอดก่อน กุ้งทอดอาจจะอร่อยนะ "
“ อาจจะอร่อย " ไอ้ภาพว่า ผมก็ถอนหายใจออกมาแล้วหันมามองหัวหอมที่ยังนิ่ง
“ หัวหอม กุ้งทอดอะ "
“ อาขม " มันเรียกผมเสียงเบาๆก่อนจะหันมามอง " กาลิคไม่กล้ากิน กาลิคกลัวปวดท้องอีก "
“ ไม่ปวดหรอกน่า ลองดู "
“ ไม่เอา ก็มันดูไม่เหมือนกุ้งทอด เหมือนอะไรก็ไม่รู้ ที่น่ากลัวๆ ดำๆ กลมๆ ไม่เอา กาลิคไม่กินนะ " มันว่าก่อนจะลุกจากที่นั่งวิ่งไปที่ทีวี ตรงชั้นล่างตู้วางทีวีที่ผมใส่แฟ้มโปรชัวอาหารเดลิเวอรี่ไว้ มันหยิบแล้ววิ่งเอามาให้ " อาขมนี่ครับ "
“ อะไร " ผมถาม แต่ไอ้ภาพกลับหัวเราะเสียงดังลั่นไปแล้ว
“ สั่งข้าวมากินกันเถอะนะ "
“ เอ่อ..” เหมือนโดนแฟ้มโปรชัวฟาดเข้าที่หน้าอย่างจัง ในตอนนั้นมันที่ยิ้มกว้างให้ผม เป็นความไร้เดียงสาที่ทำร้ายความเป็นแม่ครัวของผมไปเสียหมดสิ้น พร้อมด้วยคำพูดใสซื่อคำสุดท้ายของมัน
" สั่งอาหารกันครับ กาลิคอยากจะกินของอร่อยๆ " แล้วของกูที่ทำมันไม่อร่อยรึไงวะ!!!
แต่ก็อย่างที่เค้าบอก เด็กไม่พูดโกหก และผู้ใหญ่ก็ควรยอมรับความจริงด้วย!
.................................................................
เอ็นดูขม โถ่ แม่ครัววว โดนกาลิคจัดการเข้าให้ เป็นไงละ
เอ็นดูกาลิคอะ เด็กอะไรทำไมน่ารักอย่างงี้ #กอดน้องงงงงงงง
คนอ่านหลายคนยังรับคำพูดของภาพขมไม่ได้ กาลิคมันจะไปรับได้ไงงง
แต่จริงๆการพูดจ๊ะจ๋าของภาพขมมาก หนมแค่เขียนให้มัน อ่านแล้วขำๆ ปวดประสาทกับพวกมันมากกว่าอะ แบบ ทำอะไรของพวกแกกกก ไม่ได้คิดจะเขียนให้พูดตลอดไปน้าาาา ฮ่าๆๆๆ เพราะถ้าให้เขียนนี่ก็เขียนไม่ได้เหมือนกัน ขำไปเขียนไป
โอเชชชช งั้นก็เจอกันตอนหน้า
ฝากแท็ก #มมชลก ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์น้าาา