เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 7
ปรับเกียร์เข้าสู่โหมดพักก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นมาเพราะรู้ว่าอีกนานแน่ กว่ารถของผมจะเคลื่อนตัวออกไป คิดถึงคำพูดของไอ้ขมตอนที่พูดเรื่องไอ้ชัดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา สายตาที่มองผมแบบล้อเลียนนั้นเหมือนมันมั่นใจในความคิดตัวเองทั้งหมดแล้ว แต่ก็แค่มาถามย้ำล้อๆกันก็เท่านั้น หันมองแก้วชาเย็นที่มีน้ำไหลซึมออกมาตามแก้ว ผมยกมันขึ้นมาก่อนจะดูดน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งนั้นทั้งหมด ตัดน้ำแข็งใส่ปากก่อนจะชูมันขึ้นตรงหน้าตัวเองเซ็งๆ
" เพราะมึงเลย เพื่อนกูก็เลยเข้าใจผิด "
ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากตอนเรียนปีหนึ่งวันที่ไอ้ขมแนะนำไอ้ภาพให้ผมรู้จัก เพื่อนสนิทของมันที่เป็นเด็กคณะบริหารรูปร่างสูงแถมหน้าตายังหล่อเหลา แล้วต่อมาหลังจากนั้นไม่นาน ภาพก็พาไอ้ชัดมาแนะนำให้เรารู้จัก ความรู้สึกแรกที่ผมเห็นคือ ' น่ากลัว ' มันเป็นผู้ชายผิวสองสี หน้าตาคมเข้ม แถมยังไว้ผมยาวปะป่ามัดครึ่งหัวอีก ลักษณะแบบนั้นยิ่งชวนให้มันดูน่ากลัวขึ้นไปอีกในความรู้สึกของผม
คิดถึงสมัยม.ปลายที่แก้งค์เพื่อนเผลอไปมีเรื่องกับคนท่าทางแบบนี้ตอนไปฉลองเรียนจบที่หัวหินเลย ทั้งๆที่เราเดินอยู่ริมหาดแล้วเพื่อนคนนึงของผมดันเผลอไปสะดุดขวดเหล้าที่เพิ่งเปิดล้มลงก็เท่านั้น ตอนนั้นคิดว่า ขอโทษคงจบ แต่เปล่าเลย มันไม่จบแค่นั้นเพราะพี่แกเสือกเมาอยู่ ท่าทางที่จะต่อยหาเรื่องเราให้ได้ พอผมพูดว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้มันก็เบนเข็มมาทางผมแล้วคว้าคอเสื้อไปจนต้องคว้าไปให้ตั้งสองพัน แถมเพื่อนยังไม่ช่วยออกสักบาทเดียว
เพราะเพื่อนชอบคิดกันว่ารวยที่สุดในกลุ่ม เงินเท่านั้นผมจ่ายได้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ไม่มีความหมายอะไร ติดว่ารวยสุดในกลุ่มแล้วเป็นแบบนี้ทุกที ตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้ไอ้ขมฟังมันพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ
“ ไม่เป็นไรหรอก กูว่าชัดนิสัยดีนะมึง มันเงียบๆก็เถอะ แต่มันชอบช่วยเหลือคนอื่นนะ ไม่ใช่พวกกร่างๆแบบที่มึงเจอหรอก ไม่ต้องกลัว " มือที่ยื่นมาตบหลังปลอบๆ " แต่ถ้ามึงไม่โอเค กูจะไม่ให้มันอยู่ใกล้มึงเลย ถ้าเกิดว่ากูไม่อยู่ตรงนั้น โอเคปะ กูเข้าใจกูก็ไม่ชอบแมลงสาปเหมือนกัน มันคงฟิวเดียวกัน "
“ เปรียบเทียบอะไรของมึงแบบนั้นวะ " กูกลัว ไม่ได้เกลียดสักหน่อยไอ้บ้า แต่ถึงอย่างงั้น ขมมันก็ทำตามที่พูดไว้จริงๆ ถ้ามีไอ้ชัดแล้วผมต้องไปด้วยมันจะชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ไม่ให้ผมรู้สึกกลัวเท่าไหร่ แม้มันจะมองผมแล้วชวนคุยบ้างแต่ก็มีขมอยู่ด้วยตลอด มันจะชวนคุยไม่ให้ผมต้องรู้สึกหนักใจเมื่อต้องคุยกับไอ้ชัด แต่ดูท่าทางไอ้ชัดมันจะรู้เหมือนกัน ถ้าไม่มีไอ้ขมมันก็ไม่เคยเข้ามาคุยกับผมหรอก
ตลอดสองปีมันเป็นแบบนั้น จนช่วงขึ้นปีสามแรกๆ ที่ผมมีนัดกับเพื่อนสมัยม.ปลายอีกครั้ง ที่ผับดังย่านเอกมัย เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม เสียงคุยของเราเหมือนกับต้องแข่งกับเพลงพวกนั้น ผมนั่งยิ้มนั่งเม้าส์กับเพื่อนตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อนจะหันไปเจอใครบางคนที่ก็จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว ตาผมเบิกกว้างเพราะตกใจไม่น้อยเลยที่ต้องมาเจอคนรู้จักที่นี่
“ อ้าว ชัด " ผมพูดออกไปตามมารยาท มือที่ยกขึ้นทักมัน อีกคนก็ยิ้มก่อนจะยกแก้วเบียร์ในมือขึ้นทักผมเหมือนกัน
“ รู้จักกันเหรอวะโม " เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะถาม ผมก็พยักหน้ารับ
“ อื้ม เป็นเพื่อนของเพื่อน ของเพื่อนน่ะ "
“ ห๊า ? “ มันเอ่ยปากงงๆ " งงวะ อะไรของมึง "
“ ช่างเถอะ กูไม่ได้สนิทอะไรกับเค้าหรอก " บอกปัดไปแบบนั้น ไม่อยากจะสนใจอะไรมากมาย ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจแต่ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกสนุกที่ได้นั่งคุยเรื่องตอนม.ปลายกับเพื่อนแล้ว เพราะไอ้ชัดมันเอาแต่คอยมองผมตลอด มองจนเพื่อนผมที่นั่งคุยด้วยยังรู้สึกว่าถูกจ้องตลอดเวลา
“ โม เพื่อนของมึง จ้องมึงตลอดเลยวะ "
“ อื้ม กูรู้แล้ว " คว้าแก้วเหล้าขึ้นมากิน ไม่กล้าจะเหลือบมองไปเลย กลัวว่าจะสบกับสายตาคมนั้นที่จ้องมองมา " ทำไมต้องจ้องด้วยวะ อึดอัด น่ากลัวด้วยอีเหี้ย " ก้มหน้าลงพูดกับตัวเอง ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะวางแก้วลงกับโต๊ะ " กูอยากจะกลับแล้ววะ " ผมบอกเพื่อนที่นั่งข้างๆ ตอนที่ลุกขึ้นยืนยังไม่ทันจะหันตัวไปไหน ก็มีผู้ชายคนนึงที่เมาเหล้าได้ที่โซซัดโซเซมาชนผมเข้าอย่างจังแถมยังเซไปชนกับเด็กเสิร์ฟเหล้าที่หอบเหล้าชุดใหญ่เดินผ่านมาอีก
“ เชี้ยยย !! “ คนเมาร้องเสียงดัง ผมที่สะดุ้งตัวด้วยความตกใจยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งๆที่ยังไม่ทำอะไรแต่คนที่ล้มก็หันมาชักสีตาหาเรื่องใส่ทันที ผู้ชายตัวสูงแขนล่ำที่แน่นอนว่าถ้าใครโดนมันชกคงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่ๆ " มึงผลักกูทำไมวะ "
“ ห๊ะ ? “ ผมเอ่ยออกไปงงๆ ตอนไหนวะที่กูไปผลักมึง กูก็ยืนอยู่เฉยๆของกู " กูไม่ได้ผลักมึงสักหน่อย กูยืนอยู่เฉยๆ ผลักเหี้ยไรวะ "
“ ไอ้เหี้ยมึงเถียงเหรอ มึงผลักกูชัดๆ จ่ายค่าเหล้าที่กูชนให้กูเลยนะไอ้สัด มึงต้องรับผิดชอบ!! " มันลุกขึ้นจากพื้นที่มันล้มโซเซมาคว้าเอาคอเสื้อผมก่อนจะดึงเข้าไปใกล้ " ไม่งั้น กูอัดมึงเละแน่ "
“ เชี้ยโม! มันเอาจริงแน่ๆเลย จ่ายๆ เค้าไปเถอะ ค่าเหล้าแม่งถูกกว่าค่านอนโรงพยาบาลนะมึง " เพื่อนข้างๆผมกระซิบและผมก็เห็นด้วยแบบนั้น แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยพูดตกลงอะไร ร่างสูงที่จ้องผมมาตลอดก็เดินเข้ามาใกล้ ไอ้ชัดคว้ามือผู้ชายคนนั้นที่จับคอเสื้อผมก่อนจะบิดข้อมือนั้นจนใบหน้าหาเรื่องนั้นได้แต่ทำหน้าเจ็บปวดออกมา เค้ายอมปล่อยมือจากคอผมก่อนจะถูกชัด ผลักให้ออกห่าง ออกก่อนจะดึงให้ออกห่าง ก่อนที่เค้าจะเดินมายืนขวางหน้าผม ปกป้องผมไว้ เสียงทุ้มๆที่เอ่ยบอกผู้ชายคนนั้น
“ จะให้คนที่ไม่ได้ผลักมึงล้ม จ่ายค่าเหล้าที่มึงต้องรับผิดชอบเอง มันไม่ใช่มั้งกูว่า "
“ แล้วมึงเสือกอะไรวะ! ” ผู้ชายคนนั้นว่าก่อนจะผลักอกไอ้ชัดที่ก็ไม่มีทีท่าว่าหลีกไปไหน
“ ชัด ไม่เป็นไรหรอกมึง กูจ่ายให้เค้าก็ได้ เรื่องจะจบๆไป " กระซิบบอกมันแบบนั้นอีกคนก็หันมามองหน้าผม สายตาคมดุๆของมันบอกว่ามันไม่เห็นด้วยที่ผมจะจัดการเรื่องนี้ด้วยเงิน " ช่างเถอะ "
“ ไม่ได้! " มันปฎิเสธ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้คนเมายั๊วะหนักขึ้นมา
“ มึงแม่งเสือกวะ ไอ้เชี้ยนี่มันทำกูล้มลง มันต้องรับผิดชอบสิวะ กูเดินของกูดีๆ "
“ มึงเมา แล้วมึงก็ชนมัน พอหันไปเห็นว่าคนใกล้ๆ หน้าตาไม่น่าเอาความ มึงก็จะปัดความรับผิดชอบ ไม่จ่ายค่าเหล้าแบบนี้ มันหน้าตัวเมียนะกู ทำอะไรก็รับผิดชอบสิที่ตัวเองทำสิวะ " มันบอกผู้ชายคนนั้นก็คว้าเอาเสื้อไอ้ชัด ใบหน้าแดงกล่ำด้วยความโกรธ เค้าพูดรอดไรฟัน
“ แล้วมึงเห็นรึไง ว่ากูเป็นคนชน อย่าเสือกจะได้มั้ย มึงอยากจะตายรึไง ถึงได้มาทำตัวเป็นพระเอก ทำเก๋าอยู่แถวนี้ ห๊า! "
“ กูมองโมมันอยู่ตลอดเวลา มันอยู่ในสายตาของกูตลอด กูเลยมั่นใจว่ามันไม่ได้ชนมึงแน่ " ชัดบอก คำพูดที่ชวนให้ผมนิ่งไป " แต่ถ้าจะเอาจุดอ่อนของมันที่ไม่ชอบมีเรื่องของคนอื่นมาบีบให้มันรับผิดชอบเรื่องที่มึงทำแล้วละก็ กูคงยอมไม่ได้เพราะมันเป็นเพื่อนกู กูต้องปกป้องเพื่อนกู "
ผมเงยมองคนที่ออกตัวปกป้องผมทั้งๆที่ผมไม่เคยเรียนมันว่าเพื่อนเลยสักครั้ง แถมยังทำทีออกห่างมันมาตลอดอีก แต่ตอนนี้กลับเป็นมันคนเดียวที่ยื่นมือมาปกป้องผม ต่างจากคนที่ผมเรียกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ คนที่สอนให้ผมเอาเงินทองของตัวเอง จ่ายแก้ปัญหาตลอด โดยไม่คิดเลยว่า บางทีคนที่มันมองว่ารวย มีเงินเยอะจ่ายกับความคิดที่ว่า ' แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก โมมันรวย มันจ่ายได้ ' แต่บางทีผมก็ไม่อยากจะจ่ายให้กับเรื่องงี่เง่าที่ผมไม่ได้ผิด และ ผมไม่ได้ก่อหรอก เงินไม่ว่าจะกี่บาทก็มีค่าสำหรับผมเหมือนกัน
“ แม่งพูดซะกูเป็นหมาเลย ที่บอกให้มึงจ่ายๆเงินไปจะได้จบเรื่อง " เพื่อนผมเอ่ยบอกเบาๆ
“ นี่มึงยังไม่เลิกเสือกใช่มั้ย " ผู้ชายที่หาเรื่องผม มันยังไม่จบง่ายๆ
“ มึงดูท่าทางว่าจะไม่ใช่นะ เอาแบบนี้ละกัน " ชัดเงยมองไปที่กล้องวงจรปิด มันชี้ขึ้นไป " เอามันลงมาดู คงรู้แหละว่าตกลงใครผิดใครถูก "
“ มึง..” เสียงกัดฟันที่พูดรอดไรฟันออกมา มือหนากำหมัดแน่นแล้วในตอนนั้นเองเค้าก็ง้างหมัดตัวเองออกแต่คงช้าไปเพราะ ชัดมันกลับต่อยเข้าที่ท้องของผู้ชายคนนั้นเต็มๆ แรงอัดที่ทำให้คนหาเรื่องงอตัวลงช้าๆ มันก้มลงไปกระซิบอะไรสักอย่างเป็นคำพูดที่ผมไม่ได้ยิน
“ ตกลงมึงจะจ่ายมั้ย "
“ จ่าย กูจ่ายเอง " ชัดยกยิ้มขึ้นมาตอนที่ได้ยินคำตอบนั้น ก่อนจะหันมามองผม
“ จะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ มาสิเดี๋ยวไปส่งที่รถ "
“ อะ อื้ม " พยักหน้ารับมันก่อนจะหันไปบอกเพื่อนตัวเอง " งั้นพวกมึงกูกลับบ้านก่อนนะ ไว้เดี๋ยวโทรคุยกัน "
“ อื้ม " ยิ้มให้เสียงตอบรับพวกนั้นผมเดินตามหลังชัดออกมาจากในผับ มาถึงรถคันสีขาวของตัวเอง มันหยุดยืนที่หน้ารถผมก่อนจะก้มลงมองหน้าผมที่ก็เป็นจังหวัะเดียวกันที่ผมเงยหน้ามองมัน
“ เอ่อ ขอบใจมากมึงที่ช่วยกูไว้ "
“ ทีหลังถ้ามีคนไถเงินแบบนั้นอย่าไปยอมละ ถ้ายอมก็ต้องยอมไปเรื่อยๆ " มันว่า ผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา " เงินมันมีค่านะ พ่อแม่หามาให้มึงใช้ไม่ได้หามาให้มึงเอาไปจ่ายอะไรแบบนั้น "
“ รู้แล้วน่า ก็กูไม่ชอบมีเรื่องกับคนอื่น ค่าโรงพยาบาลมันแพงกว่าค่าเหล้านะ มึงไม่คิดงั้นเหรอ " มันยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะเบือนหน้าหนีคำพูดของผม แต่ก็ยอมพยักหน้ารับเห็นด้วย
“ นั่นก็จริง "
“ ยังไงกูก็ต้องขอบใจมึงนะ ที่ช่วยมึงไว้ ดูท่าทางว่าถ้ามึงไม่ช่วยไว้ กูต้องต้องจ่ายค่าเหล้าแน่ๆ เพราะเพื่อนกูคงไม่ออกตัวช่วยหรอก อย่างมากก็แค่บอกให้จ่ายๆไปเหมือนทุกที "
“ ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเพื่อนกัน เพื่อนก็ต้องปกป้องเพื่อน " มันบอกก่อนจะหันไปมองทางอื่น เราที่ยืนข้างกันเงียบๆแบบนั้น ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับมันแล้ว ไอ้ชัดที่เห็นแบบนั้นมันเลยเอ่ยถามขึ้นมา " แล้วจะกลับบ้านเลยเหรอ "
“ ก็แบบนั้นแหละ มึงละ คงกลับไปกินเหล้าข้างในต่อใช่มั้ย "
“ ก็คงแบบนั้น " ผมพยักหน้ารับ " งั้นก็ขับรถกลับบ้านดีๆ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับมันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าต้องแสดงท่าทางหรือความรู้สึกแบบไหนต่อนหน้ามัน คงเพราะปกติเราไมไ่ด้คุยกันแบบนี้ทุกอย่างก็เลยดูเกร็งไปหมด มันเกร็งแบบแปลกๆ รู้สึกหน้าของผมมันร้อน ใจของผมมันเต้นแรง หันไปยิ้มให้มันอีกครั้งตอนที่เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ จัดการคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย สตาร์ทรถ สบสายตาคมที่ยังคงมองอยู่ผมขับรถออกมา มองดูชัดที่มองผมและคิดว่ามันคงมองอยู่แบบนั้น จนกว่าจะลับสายตาของมัน
ขับรถกลับมาถึงบ้านของตัวเอง ผ่อนตัวลงนอนบนเตียงนุ่มก่อนจะคิดถึงใบหน้าคมที่เข้ามาช่วยกันไว้เมื่อครู่ บางทีผมคงต้องมองมันใหม่แล้วมั้ง ถึงจะหน้าตาน่ากลัวไปหน่อยแต่ว่า จริงๆมันก็เป็นคนใจดีแถมยังเป็นห่วงเป็นใยผมอีก คิดถึงคำพูดของมันที่พูดว่าต้องปกป้องผมเพราะผมเป็นเพื่อนมัน ก็ชวนให้ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ครืน ครืน ... เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาผมกดรับสายไอ้ยิมเืพ่อนร่วมแก้งค์ที่ไปกินเหล้าด้วยกันวันนี้ มันที่ตอนนี้ฟังจากเสียงก็คงอยู่ในรถและกำลังขับกลับบ้านแล้ว
' ไอ้โม กูมีอะไรจะเล่า กูรู้แล้วว่าทำไมไอ้คนที่จะให้มึงจ่ายค่าเหล้าให้ มันถึงยอมเพื่อนมึงง่ายจัง '
“ อ่าห๊ะ ทำไม "
' เพื่อนมึงมันเป็นนักมวยเว้ย อยู่ยิมดังเค้าเลยกลัวไม่กล้าจะสู้ต่อ '
“ เหรอ " เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันเป็นนักมวยแต่รู้จักกันมาสองปีก็เคยมีแผลที่หน้านะ เป็นนักมวยแบบไหนของมันกันวะ แค่นักมวยที่ซ้อมให้พวกสาวๆ ดาราที่มาออกกำลังกายต่อยมวยรึเปล่าเถอะ เพราะมันก็หล่อแล้วก็ดูดีอยู่นะ
" แล้วอีกอย่างที่มึงต้องฟังไว้ มันบอกไอ้ผู้ชายคนนั้นว่า อย่ามายุ่งกับมึงเพราะมึงเป็นแฟนมันวะ โคตรเชี้ยยย พูดแบบนั้นได้ไงวะ มึงเสียหายหมดว่ามั้ย ช่วยมึงก็ดีอยู่หรอกแต่พูดแบบนี้ก็ไม่ไหวเปล่าวะ " เหมือนสมองผมไม่ได้ฟังคำพูดที่เพื่อนออกความคิดเห็นอะไรสักเท่าไหร่ ทุกอย่างมันหยุดลงตอนที่ได้ฟังว่า ไอ้ชัดบอกกับคนนั้นว่า ผมเป็นแฟนมันตังหาก
" มันบอกว่ากูเป็นแฟนมันจริงๆเหรอ "
" อื้ม " ไอ้ยิมตอบรับ " กูได้ยินมันพูดกับเพื่อนมันอะ ว่าอย่ามายุ่งกับกลุ่มเรานักมวยคุมงี้ "
" อื้ม " พยักหน้ารับลง เผลอกลืนน้ำลายตัวเองด้วยความประหม่าหน้าแดงๆของผมตอนนี้ไม่มีคำพูดอะไรมากกว่านี้อีก เหมือนมันพูดไม่ออกแถมใจยังเต้นแรงแปลกๆอีก
" มึงไม่โอเคใช่มั้ยไอ้โม เหี้ยวะ พูดแบบนั้น "
" ช่างเถอะ " ผมบอกปัด " พูดไปแล้ว มันเอากลับคืนมาไม่ได้หรอก "
" มึงแม่งก็ใจดีเกินไป ไปบอกมันเลยว่าทีหลังอย่าพูดแบบนั้น มึงเสียหาย มึงไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย ถ้าสาวๆมาได้ยินเค้าจะหนีมึงหมดนะสัด "
" นั่นนะสินะ เออๆ กูจะจัดการเอง ยังไง ขอบใจมึงมากที่โทรมาบอกนะ " บอกแบบนั้น ผมผ่อนลมหายใจออกมาจก่อนจะวางสายลง " บอกว่าเป็นแฟนเลยเหรอวะ " คิดถึงใบหน้าของมันตอนที่จ้องมองผมแล้วเอ่อยคำนั้นออกมา ก่อนจะเบือนหน้าหนีความคิดตัวเองที่กำลังทำให้ใจเต้นรัวแบบไม่เป็นจังหวะ " อย่าคิดมากน่าไอ้โม เค้าก็คงแค่พูดไป คงไม่ได้มีอะไรหรอก "
.........................................................
“ คุณโมครับ จะให้ผมมารับกี่โมงดีครับ " เสียงของคนขับรถที่วันนี้ขับรถมาส่งผมที่มหาลัยเอ่ยถาม ยกนาฬิกาขึ้นดูจริงๆก็มีนัดกับไอ้ขมไว้แล้วว่าสอบเสร็จจะไปกินเหล้าที่คอนโดมันต่อ ไม่รู้เลยว่าจะกลับตอนไหน แถมรถส่วนตัวที่มีก็ดันต้องเอาไปเช็คระยะวันนี้อีก
“ ยังไม่รู้เลยครับ ยังไงถ้าจะกลับเดี๋ยวโมโทรบอกนะครับ อาจจะค้างคืนบ้านเพื่อน ขอบคุณมากครับคุณลุงที่มาส่ง "
“ ครับคุณโม " ลุงคนขับรถพยักหน้ารับ ผมก็เดินลงจากรถ วันนี้เป็นสอบวันสุดท้ายแล้วหลังจากนี้ก็จะหยุดยาวเป็นอาทิตย์ ตั้งใจจะนอนนิ่งๆ ทั้งวันแบบไม่ออกไปไหนเลย
หลังจากสอบเสร็จเรียบร้อยผมที่ออกมาหลังไอ้ขม เดินเข้าไปหามันที่นั่งรออยู่แล้ว " มึง ไปกันเลยมั้ย ไอ้ภาพสอบเสร็จยัง "
“ กูมีอะไรต้องบอกมึงวะ คือ ไอ้ภาพมันเสือกชวนไอ้ชัดไปด้วยวะ ได้มั้ยวะ มึงโอเครึเปล่า " ไหงดันมีชื่อคนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้าอยู่ด้วยวะ ตั้งแต่วันนั้นที่เจอมันที่ผับ ได้ยินเรื่องราวที่มันบอกชายคนนั้นจากเพื่อน ผมก็หลบหน้ามันตลอดเพราะเป็นช่วงสอบด้วย สอบเสร็จก็กลับ แต่สุดท้าย หนียังไงแม่งก็ไม่รอด ต้องเจออยู่ดี " โม มึงดูไม่โอเคเลยวะ ยังไงเรานัดกินเหล้ากันหลังจากนี้ก็ได้ ขอโทษจริงๆมึง " หน้าตารู้สึกผิดของมันชวนให้ผมหนักใจพอๆกับการต้องไปเจอไอ้ชัดนั่นแหละ
“ ไม่เป็นไรมึง กูไปได้ " ผมบอกมันอีกคนก็ยิ้มกว้างออกมา
“ เหรอ โอเค งั้นเราก็ไปกันเลย ไป "
ติดรถไอ้ภาพมาลงที่คอนโดมันสองคน ไอ้ชัเป็นคนแวะซื้อเหล้าแล้วก็พวกของกินทั้งหมด ผมพยายามไม่มองหน้าชัด แค่ยิ้มให้เฉยๆ เพราะไม่อยากให้มันรู้สึกว่าผมแปลกไป แต่ก็ดูเหมือนว่ายิ่งทำแบบนั้น ก็ยิ่งทำให้มันยิ่งจับผิดได้ว่าผมมันไม่ปกติ
“ มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ โม " มันเอ่ยถามตอนที่ผมกำลังเทน้ำแข็งใส่โถจะเอามาตั้งที่วงเหล้า ส่ายหน้าให้มันอีกคนก็ยังมองมาแบบไม่เชื่อกันเท่าไหร่
“ ทำไมวะ "
“ มึงดูเกร็งๆ เวลาอยู่กับกู "
“ ไม่มีอะไรหรอก มึงอะคิดมาก " ผมยิ้มให้มัน ตอนที่เอื้อมมือไปตบไหล่อีกคนก่อนจะเดินออกมา
นั่งกินเหล้าจนแบบสนุกสนาน เสียงหัวเราะที่ดังไม่ขาดการไอ้ภาพไอ้ขมที่ตั้งใจเล่าเรื่องตลกๆ จนผมได้แต่ขำจนลืมเรื่องทุกอย่างไป ช่วงเวลายาวนานที่ผ่านไปเรื่อยๆจนผ่านเข้าสู่อีกวัน ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนที่ถูกปลุกแบบรีบร้อนจากไอ้ขม
“ โม มึงกลับไปก่อน กลับไป กลับๆ " ถูกดึงขึ้นมาจากโซฟาพร้อมกับประโยคของไอ้ขม ผมนั่งมึนๆเพราะยังคงแฮงค์เหล้าที่กินไป มองซ้ายขวาก่อนจะดูภาพที่ปลุกไอ้ชัดอยู่เหมือนกัน
“ มึงตื่นดิว่ะ ไอ้ชัด กลับไปก่อน เหี้ย เร็วๆ " ภาพเอาตีนเขี่ยก่อนที่มันจะลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าโกรธๆ แต่พอไอ้ขมบอกว่าที่มันต้องไล่เพราะแม่มันกำลังจะที่นี่ จากที่นั่งหน้ามึนกันอยู่ทุกอย่างก็เหมือนจะเปลี่ยนไปโดยเร็ว ผมจัดการจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้ดี คว้าโทรศัพท์มือถือสะพายกระเป๋าเป้แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ไอ้ชัดก็เป็นคนถามผมขึ้นมาก่อน
" โม มึงจะกลับพร้อมกูรึเปล่า " คำถามที่ชวนให้ผมนิ่งไป มองหน้ามันที่ไม่รู้จะตอบยังไงจนไอ้ภาพพูดขึ้นมา
“ มึงจะเงียบอีกนานเปล่าว่ะ ไอ้โม วิญญาณยังไม่เข้าร่างเหรอมึง "
“ เออๆ ไป ไปก็ได้ " ผมว่าก่อนจะก้มลงหามือถือของตัวเองแก้เก้อที่เมื่อกี้ตัวเองอึ้งอยู่นานที่ต้องกลับกับไอ้ชัด ผมบ่นออกมา " มือถือกูอยู่ไหนวะ "
“ ก็ถืออยู่ไม่ใช่รึไงว่ะ " ไอ้ชัดบอก ผมก็มองหน้ามันก่อนจะหันมองที่มือตัวเองแล้วตอนนั้น ผมก็ยิ้มแห้งๆให้คนที่บอก
“ จริงด้วยว่ะ "
“ แฮ้งค์สัดอะ กลับบ้านไปอาบน้ำนอนต่อเถอะมึง ไปๆ " ไอ้ขมออกปากไล่ มันแปลกอยู่สักหน่อยที่มันให้ผมกลับกับไอ้ชัดสองคนแบบนี้ทั้งๆที่ปกติ มันก็รู้ว่าผมไม่ค่อยชอบไอ้ชัดเท่าไหร่
“ ไปขึ้นลิฟต์กันเถอะ " ผมเฉไฉไปทางอื่น เดินนำมันไปขึ้นลิฟต์ มือที่กำลังจะกดโทรออกหาคนขับรถที่บ้านให้มารับ ไอ้ชัดก็ถามขึ้น
“ มึงจะให้คนที่บ้านมารับเหรอ "
“ ก็ใช่นะสิ ไม่งั้นจะกลับไงละ "
“ กูไปส่งมั้ย " คำพูดสั้นๆของมัน ทำให้ผมหันไปมองแล้วคิด " ถ้ามึงคอยคนที่บ้านมารับ กว่าเค้าจะมาถึงก็น่าจะใช้เวลานานนะ ให้กูไปส่งก็ได้ จะได้ไม่ต้องคอยไง "
“ เอ่อ..” ผมเม้มริมฝีปากกับคำชวนที่เอ่ยออกมา ก็จริงอย่างที่มันพูดอยู่ ถ้ามันไปส่งผมก็ได้กลับบ้านเร็ว ไม่ต้องคอยให้คนที่บ้านมารับเพราะไม่รู้ด้วยว่าเค้าจะว่างมารับรึเปล่าและไม่รู้ว่าจะมารับเลยได้มั้ย แต่จะให้ไปกับคนที่เคยบอกคนอื่นว่า ผมเป็นแฟนมันนั่นก็ดูแปลกอยู่นะ
“ ว่าไง "
“ ไปก็ได้ " ผมตอบรับ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถของชัดที่จอดอยู่ใต้คอนโด รถญี่ปุ่นทั่วไปสีดำผมเข้าไปนั่งหน้าข้างคนขับที่ก็ขับรถตรงออกไป ผมบอกทางมันเรียบร้อยอีกคนที่พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเอ่ยถาม
“ จริงๆ กูมีเรื่องที่อยากจะคุยกับมึงหน่อย "
“ หื้ม ? เรื่องอะไร " หันไปมองอีกคน สบสายตาคมนั้นก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ในทันทีเลยว่าเรื่องอะไร ' ชิบหายกูก็ไม่น่าขึ้นรถมันมาจะหนีก็ไม่ได้อีก '
“ ตั้งแต่วันที่กูช่วยมึงจากร้านเหล้า กูรู้สึกว่ามึงพยายามหลบหน้ากูอยู่นะ "
“ ไม่หรอก ช่วงสอบด้วยรึเปล่า " ผมเฉไฉ " ช่วงสอบก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน กูจะไปหลบหน้ามึงทำไม "
“ ตอนนั้นกูเดินออกจากห้องน้ำ มึงจะเข้ามาพอมึงเห็นกูมึงทำเป็นมองไปที่อื่นแล้วเดินออกไป " พอเอ่ยเรื่องนี้ออกมาผมก็ถอนหายใจทิ้ง มันเป็นความซุ่มซ่ามของผมเอง อย่างที่มันบอกทั้งๆที่จะเข้าห้องน้ำตอนนั้นเจอกันทักกันก็น่าจะสิ้นเรื่อง แต่ด้วยความตกใจที่เห็นหน้ามัน อยู่ๆหน้าผมก็แดง ใจผมเต้นแรง และกลับกลายเป็นว่าตัวผม กลับหนีมันซะงั้น " มีอะไรรึเปล่า "
“ ก็เปล่าหรอก "
“ โม..”
“ กูไม่อยากจะพูด มึงไม่บีบคั้นกูได้มั้ยวะ กูก็ไม่อยากจะพูดอะ " ผมบอกออกไปก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหันไปมองนอกหน้าต่าง นิสัยร้ายแรงที่ไม่ค่อยแสดงกับใครในที่สุดก็โผล่ออกมาจนได้ ผมไม่ชอบการบีบบังคับ แต่ถ้าไม่อยากจะทำอะไรไม่ว่าใครก็จะบังคับไม่ได้ด้วย เป็นนิสัยแบบคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจโดยแท้
“ โทษที " ชัดพูดเสียงเบา " กูแค่คิดว่าหลังจากวันนั้น เราน่าจะสนิทกันขึ้นก็เท่านั้น ไม่คิดว่าจะโดนหลบหน้าอีก "
ทุกอย่างเงียบไปไม่มีแม้เพลงที่เปิดคลอตอนขับรถ ผมที่ได้แต่ถอนหายใจออกมาในตอนนั้นปากก็เอ่ยถามมันออกไป ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่รู้แน่ชัดอยู่แล้ว
“ วันนั้นที่ผับ ตอนที่ช่วยกูไว้ มึงก้มลงไปบอกคนคนนั้นเหรอ ว่ากูเป็นแฟนมึง "
“ ใช่ กูบอกไปแบบนั้น " มันยอมรับหน้าตาเฉยๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร " กูบอกมันว่า รู้จักยิมนักมวยของกูเปล่า อย่ามายุ่งกับแฟนกู ก็แค่นั้น "
“ แล้วมึงบอกเค้าไปแบบนั้นทำไม "
“ ก็กูกลัวมันจะเข้ามายุ่งกับมึงอีกเลยขู่ไป ทำไมอะ มึงไม่ชอบเหรอ "
“ แล้วกูต้องชอบด้วยเหรอ " ไอ้เหี้ยนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ ผมถอนหายใจออกมา " เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงพูดว่ากูเป็นแฟนมึงได้ไงวะ "
“ คือ จริงๆกูอยากจะให้ ..” มันที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาก่อนจะนิ่งไปสักพัก " คือกูจะบอกว่า กูก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนหน้าตาน่ากลัวนะ แล้วกูก็รู้ด้วยว่ามึงกลัวกู ปกติกูไม่ค่อยแคร์ว่าใครจะชอบ หรือไม่ชอบตัวกูหรอก แต่กลับมึง กูอยากจะให้มึงเลิกกลัวกูสักทีนึงนะ "
“ กูก็ไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้น " เบือนหน้าหนีมัน ไหงเรื่องที่พูดมันถูกเปลี่ยนไปเฉยๆอย่างงั้นว่ะ ผ่อนลมหายใจออกมางงๆ ผมอธิบาย " อย่างน้อยก็ไม่ได้กลัวแล้ว หลังจากที่มึงช่วยกูไว้ แต่แค่เข้าหน้ามึงไม่ติด เพราะเรื่องที่มึงไปบอกคนอื่นว่ากูเป็นแฟนมึงนี่แหละ แต่ถ้ามึงพูดไปเพราะไม่คิดอะไร ก็ช่างเถอะ "
“ กูไม่อยากจะให้เค้าเข้ามาทำอะไรมึง ถ้ามันรู้ว่ามึงเป็นแฟนกู มันคงไม่กล้ายุ่ง " ชัดบอกผมก็พยักหน้ารับ แต่สายตาคมที่ยังคงมองมา เหมือนมีอะไรที่อยากจะพูดอีก
“ จะพูดอะไรรึเปล่าวะ "
“ จะพูดว่า กูสนใจ..มึง " ทุกอย่างเงียบไปทันทีในตอนนั้น ผมเองที่นั่งนิ่งแทบไม่เคลื่อนไหว ในตอนนั้นมันเหมือนมีหมอกที่ชวนอึดอัดลอยเต็มรถไปหมด ชัดหลบตาไปทางอื่นก่อนจะพูดออกมาว่า " กูสนใจมึง เสื้อนักศึกษามึงสวยอะ ซื้อนี่ไหนเหรอ "
“ ห๊ะ ? “ ผมอ้าปากค้าง " เสื้อนักศึกษา ? “ ก้มลงมองดูเสื้อตัวเอง คือก็มีขายทั่วไปตามร้านขายเสื้อผ้านักศึกษา " ตัวนี้ ซื้อที่มหาลัยมั้ง ไม่แน่ใจ "
“ อื้ม สวยดี ไว้ไปซื้อบ้าง " มันพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจ แล้วหันไปตั้งใจขับรถตามเดิม มือที่ยกขึ้นลูบผมตัวเองแบบคนทำอะไรไม่ถูก ผมรู้สึกว่า ใบหูของมันแดงอยู่หน่อยๆ เสียงบ่นเบาๆของคนขับที่ผมได้ยิน " พูดเหี้ยอะไรของกูวะ สัด ไม่ได้เรื่อง "
“ มึงโอเคนะชัด " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับแรงๆ
“ คือโมกูมีอะไรจะถามมึงอีก คือถ้าเกิดว่ากูโทรชวนมึงไปกินเหล้าด้วยบ้าง มึงจะไปมั้ยวะ "
“ ก็ถ้ากูว่าง กูก็ไปได้ " ผมบอกมันไปแบบนั้น ก่อนจะยิ้มให้มัน " จริงๆเราก็เป็นเพื่อนกันได้ "
“ แล้วถ้ามากกว่านั้นละ " คำถามที่เหมือนหลุดออกมาจากปากที่พูดไม่ค่อยคิดอะไรของมัน เป็นผู้ชายตรงๆที่คิดจะพูดก็พูด แต่บางทีก็พูดอะไรไม่รู้ ไม่เข้าใจ เหมือนอย่างที่มันพูดอยู่ตอนนี้
“ ห๊ะ ? ถ้ามากกว่านั้น คือ ? “
“ หมายถึง ถ้าเราเป็นเพื่อนสนิทกันได้ก็ดี "
“ อ๋ออ ได้สิ " ผมพยักหน้ารับ มันก็ถอนหายใจออกมา
“ ยิ่งพูดยิ่งเหี้ยอะไรกันวะ " มันที่เริ่มหัวเสีย ผมก็หลุดหัวเราะออกมามือที่ยื่นไปตบไหล่มัน
“ ไว้ค่อยไปกินเหล้ากันนะ นัดมาแล้วกัน กูก็อยากจะเป็นเพื่อนสนิทกับมึงเหมือนกัน " ชัดหันมามองผมตอนที่พูดแบบนั้น แต่ทว่าในแววตาสบกันเหมือนมันมีคำพูดอะไรสักอย่างอยู่อีก คล้ายว่ามันจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้าพูดออกมาความรู้สึกที่อยู่ๆก็หายไปจากแววตานั้นหลังจากที่จ้องมองผมอยู่นาน ชัดหลบตากลับไปมองถนนมันถอนหายใจออกมา
“ อื้ม เป็นเพื่อนกันไปก่อนก็ได้ "
...........................................................
ตัดมาที่คู่รองกันบ้าง ไม่มีอะไรมากแค่อยากเขียน คัดไม้คัดมือไปหมด
จนแบบเอาว่ะ เขียนหน่อย ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกชอบคู่นี้จัง มันดูหวานๆ น่ารักๆ ใสๆ แบ๊วๆ ยังก็ไม่รู้
ยังไงก็ฝากแท็ก #มมชลก หน่อยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ ค่าาา