.
.
.
“สวัสดีคร้าบบบบบบบ มิตรรักชาวมหาลัยทุกท่าน” เสียงดังผ่านไมค์จนต้องอุดหู ผมมองขึ้นไปบนเวทีที่สูงกว่าพื้นแค่นิดเดียว เนื่องจากวันนี้เราทำฝายเสร็จแล้ว เหมือนมิชชั่นสำเร็จครับ ทุกคนเลยเสนอให้ทำมินิปาร์ตี้เฉลิมฉลอง เราจึงมีการแสดงเล็กๆน้อยพร้อมกับเปลี่ยนโรงอาหารให้เป็นโต๊ะจีนย่อมๆ ต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้าเค้า
“สวัสดีครับ ผมแป๊ะ ผลิตลูก หน้าตาอาจจะติดลบ ได้คบจะติดโรคครับผมมม”
“ส่วนผมเติ้ล รูมสามหนึ่งศูนย์ประตูห้องล็อคไม่ได้ มองหาคุณตันถ้าอยากได้เงินแสน แต่ถ้าอยากได้แฟนให้มองมาที่โผมมม”
อืม...
ผมกระดกเบียร์เข้าปาก เสี่ยวจนกูยอมใจ
“วันนี้พวกเราก็จะมาทำหน้าที่เป็นสีสันให้กับค่ายสร้างฝายโดยการมาเล่นดนตรีนะครับ ใครคนไหนอยากฟังเพลงไหนก็พอขอมาได้นะครับ เล่นได้หรือไม่นั่นก็อีกเรื่อง”
“เอ่อ ขอเป็นเพลงไทยนะครับผม พอดีว่าสำเนียงอังกฤษผมบริทิชมาก ร้องเพลงอังกฤษอาจจะฟังยากไป”
“อ้าวคุณเติ้ล คุณมาจากอิงลั่นหรอครับ”
“ใช่ครับ ผมนี่มาจากลึนดึ้น” กูหล่ะเกลียดความกระดกลิ้นจริงๆ
“เห้ย ผมก็อิมพอร์ตนะครับ”
“เห้ยๆ ใช่หรอครับ ประเทศอะไรครับคุณแป๊ะ”
“ประเทศ จ่าไม่เอาแล้ว จ่ากลัว”
“คือประเทศอะไรครับ!!”
“จ่าไม่กล้า!!”
“นั่นจาไม่ก้า!!!”
โอ้ย
ผมถอนหายใจหนัก เกือบสำลักเบียร์เลยทีเดียว
“แหม่พูดไปครับ นี่เพื่อนผมนี่ก็เป็นคนต่างประเทศเหมือนกัน”
“ประเทศอะไรครับ”
“เนไฝ เนฝี”
“นั่นเนปาน!!!”
“แฮ่!!!”
“โหย อย่าว่าแต่พี่แป๊ะมีเพื่อนอิมพอร์ตเลยครับ เพื่อนผมนี่ก็บินมาเลย”
“โอ้โห บินข้ามน้ำข้ามประเทศ มาจากประเทศไหนครับน้องเติ้ล”
“เอธิโอหวี เอธิโอยาง”
“เอธิโอเปีย!!!”
“พ่าม!”
ยัง.. ยังไม่หยุดอีก
ไหนพวกมึงบอกมาเล่นดนตรี นี่ยิงมุกมาได้สิบนาทีแล้ว ไอ้ภูมินี่ก็ขำจนหอบ ขำจนต้องขอตัวออกไปด้านนอก เนื่องจากหัวเราะเยอะแล้วเดี๋ยวเสียลุคคูลที่คีพมาหลายปี เปล่าครับหาเหตุผลให้ดูดีแท้จริงเดินออกไปสูบบุหรี่
“แหมๆ ไม่แค่นั้นครับ นี่ปันปันเพื่อนผมก็อิมพอร์ตเลยครับ มาจากกรีซ”
“โอ้โห บินข้ามน้ำทะเลมาจากดินแดนในเทพนิยายที่มีตำนานเทพต่างๆน่าบูชาหรอครับ!!”
“สงขลา!! กรีซยางอยู่ใต้ไม่ปลอดภัย มาขับขี่มอเตอร์ไซต์อยู่ในกอทอม้อออ”
“นั่นกรีด ไอ่ซัซ!!!”
“แฮ่!”
“เห้ย ไอ้สัด กูเด็กกรุงเทพโว้ย” ไอ้ปันเอ๋อโวยวายลั่นทันที หลังจากตกเป็นชื่อคนในมุกชอบร้องเพลงคาราบาวไปแล้วเรียบร้อย
ได้ไปอีกหลายฮาจากคนดู ผมส่ายหัวเบาๆ ถึงจะแอบขำในใจก็เถอะ ขำในความกล้าเล่น มุกแม่งแห้งกริบจนขนาดจะช่วยขำก็ยังขำไม่ออก แต่เอาจริงๆผมไม่ได้สนใจพวกมันเท่าไหร่เพราะมัวแต่ชายตามองไอ้ลูกหมาที่นั่งจิ้มของกินอยู่ข้างๆ ดูเจริญอาหารดี เคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มเป็นลูก เห็นแบบนี้มันอยากจะพาไปกินของอร่อยทุกวันเลย บ๊ะ นับวันยิ่งดูเหมือนเสี่ยเลี้ยงอีหนู
...ว่าแต่โต๊ะเรามีเสต๊กได้นี่อำนาจเงินพี่มึงที่นั่งอยู่ข้างๆใช่ไหม เดี๋ยวกูก็จับล้วงคอเลย
“แหม เห็นเพื่อนๆตะโกนอะไรยังๆ สงสัยจะชอบทาทายังกันนะครับ”
“ยังอีก”
“ยังไม่เล่นเพลงทาทายังอีก?”
“ยังไม่หยุดเล่นอีก พวกเราเนี่ย!!”
“พ่าม!!”
อืม...
ดูท่าจะอีกนานจริงๆแหล่ะ กูหล่ะปวดหัว แต่ถึงจะแป้กยังไง ก็ยังมีคนชวยขำอยู่ครับ พวกเส้นตื้นอย่างไอ้ภูมิ ไอ้น้องปัน รวมถึงไอ้อู้ที่สำลักน้ำเปล่าไปแล้วสี่ครั้ง
“พอครับเลิกเล่นมุก เรามาเล่นดนตรีดีกว่าเนาะพี่แป๊ะเนาะ” ไอ้เติ้ลคว้ากีตาร์ขึ้นมาจับคอร์ดครับ มันเริ่มด้วยการเกาคอร์ดช้าๆ ดูเรียกบรรยากาศโรแมนติกคืนจากตลกนรกเมื่อกี้ได้อย่างรวดเร็ว ซักทีเถอะพวกมึง นี่คิดว่าเอากีตาร์มาเป็นของประกอบเล่นตลกแล้ว
“ครับ เพลงแรกที่เราจะร้องนะครับนะครับ คือเพลงวอลเดอมอร์”
“คือเพลงอะไรครับ!”
“คนที่คุณก็รู้ว่าใคร!”
“อาวาคาดาฟรา!! โถ่ ไอ่ซั๊ซซซซ!!”
เอากับพวกมัน เพลงรักก็ยังจะเล่นมุก ผมหัวเราะในลำคอพร้อมกับเนียนเขี่ยนิ้วที่ตักไอ้ลูกหมามันเล่นด้วย ซึ่งมันก็หันมาขมวดคิ้วใส่แปลได้ว่าคนจะแดกอย่ามายุ่ง ซึ่งผมทำไม่ได้ครับ ก็วนแกล้งอยู่เท่าที่ตัวเองสัมผัสได้ เขี่ยหูบ้าง คอบ้าง ให้มันหันมาด่า สลับกับมันหันไปตอบคำถามไอ้โยที่พยายามเรียกร้องความสนใจจากมันมาก ดูแล้วปวดหัวแทน
แต่กูก็ไม่ยอมหรอกโว้ย!!!
สนใจกู!!
“พี่หมอ รุงรังจังวะ” มันเอาเท้าเหยียบป้าปเข้ามาเต็มตีนผม
“ก็อยากจะ...” ผมเตรียมเล่นมุกเสี่ยวเยี่ยวราดแต่ก็ชะงัดไว้ก่อน
“...หือ”
“ช่างเถอะ” ผมดึงมือเองกลับจากการเขี่ยคอมันมากุมไว้แน่น ลืมไปเลยว่าช่วงนี้คงต้องพักการรุกมันแรงๆไว้เดี๋ยวไก่ตื่นแล้ววิ่งหนีหายไปไหน อู้ทำท่าเหมือนจะเถียงอะไรมาแต่ก็โดนไอ้โยถามคำถามไร้สาระขัดมาซะก่อน มันเลยหันไปตอบแบบเสียไม่ได้
บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะลูกหมาอารมณ์บูด กระแทกตะเกียบมาสองสามรอบแล้ว แถมเคี้ยวเหมือนโมโหอะไรมาซักอย่าง อยากจะบอกใจเย็นๆ นั่นเนื้อไม่ใช่หญ้า แต่ดูหน้าดูตาแล้วดูหงุดหงิดดูน้ำลายฟูมปากไม่น่าจะเล่นด้วยเลยอยู่เงียบๆดีกว่า
ปาร์ตี้ก็มีอยู่ซักพักทุกคนก็แยกย้ายครับเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ส่วนบ้านผมก็กลับไปดื่มต่อกันที่บ้านพักตามภาษาชาวขี้เมา เนื่องจากพรุ่งนี้ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าก็จัดเต็มไปเลยครับ
ดื่มไม่ยั้ง หมดแก้วกันตลอด กินกันไวจนหน้าแดง ลิ้นเปรี้ย เริ่มเลื้อย ทั้งหมดที่พูดมานั้นเกิดแค่กับลูกหมากับผมกับเพื่อนเอ๋อของมันครับ สายโดนมอมที่แท้จริง หมดแก้วจริงทุกรอบ ตอนแรกก็เมาธรรมดาครับหน้าแดงๆพูดไปเรื่อย ซักพักคุณลุงเอาเหล้าอุมาให้ลองกินเห็นว่าเราเป็นกลุ่มเดียวที่ปาร์ตี้อยู่น้องๆมันก็กระดกกันไป ผลคือเริ่มยิ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วเรียบร้อย โคตรอ่อน นี่ดีนะ ไอ้โยหายหัวไปคุยกับน้องเจ้าของควายแล้วเพราะงั้นไอ้ลูกหมาเลยเลื้อยมาทางผมเต็มๆ ทั้งมุดทั้งถูพูดจาอ้อแอ้
หน้าตาผมอาจจะนิ่ง แต่ในใจนี่หยุดยิ้มไม่ได้เลยโว้ยยยยยยยยยยยยยยย
เอาอีก!! ถูอีก!! ไหลอีก!! ต่ำอีก!!
“อู้ เมาแล้วหรอวะ” ไอ้เติ้ลถามลูกหมาของผม
“ไม่!!”
“ไม่เมา?”
“ไม่มีแรงแล้วววววววว คอหนักมากกกก”
ปั้ก!
พูดจบมันก็เล่นเอาปักลงจานถั่วดังปั้กจนถั่วลอยกระเด็น
“เห้ยๆๆ” ผมรีบดึงหัวมันขึ้นมา อื้อหือ ถั่วติดหัวไปหมด ไอ้ลูกหมา!
“อู้กากมากกกกกกก”
“ปันปัน มึงก็เมา”
“อ้าว ปันปันก็กากหรอออออ” ไอ้ปันพูดจบก็ฟาดหัวใส่ไหล่ผมดั้งปั้ก
ใครจับกูมานั่งตรงกลางระหว่างไอ้ลูกหมากับไอ้ปันมันวะ โอเคยอมรับแมนๆ ผมชอบที่อู้เลื้อยกับผม ตัวแค่นี้ดูแลได้อยู่แล้ว ยิ่งกับคนที่หาเวลาแทะเล็มหาเศษหาเลยตลอดเวลามีกระดูกมาคลอเคลียขนาดนี้ บอกเลยว่าโคตรปริ่ม อยากให้มันถูอีก เอนอีก แต่ไอ้ปันเพื่อนมันนี่ไม่นับครับ ไม่ได้เอ็นดู แม่งเอาหัวกระแทกไหล่กูติดสามรอบแล้ว เอาตีนยันจะดูสองมาตราฐานชัดเจนไปไหมวะ
“อู้ กูถามอะไรหน่อยดิ” ผมหันไปมองเพื่อนมัน ถามบ้าอะไร ตอนนี้ให้มันเลิกเอาหัวทิ่มจานถั่วให้ได้ก่อนดีกว่า ผมประครองหัวมันให้มาพิงอยู่ที่ไหล่ผม กลัวหัวปักลงไปอีก ส่วนเพื่อนมันหัวปักเซปักลงพื้นไหลไปอีกด้านแล้วเรียบร้อย ก็.. ช่างมันครับ
“มึงชอบพี่หมอหรอ”
เห้ย!!
ผมมองเพื่อนลูกหมาที่ชื่อพีตาโต ไม่เชิงว่าตกใจว่ารู้ได้ไง แต่ตกใจที่เล่นถามไม่รอให้เวลาทำใจก่อนเลยหรอ
“มันชอบบ แต่นี่ไม่ชอบบบบบ”
โห...
ฟู่วววววว...
ไม่ใช่เสียงตดใคร เสียงหัวใจโดนเจาะลม ถ้าผมมีหูคงแม่งลู่แล้วลู่อีก
“งั้นเกลียดพี่หมอหรอวะ”
“ไม่เกลียดดดดดด”
“เอ้า!”
“ฮือออออ ไม่รู้” มันส่ายหัวดุ๊กดิ๊กไปมา ใจที่โดนเจาะลมจนฟี่บเริ่มพองโตขึ้นมาอีกครั้ง เออวะ อย่างน้อยก็ไม่เกลียดกันก็ยังดี
“แต่ปันชอบพี่นะพี่หมออออ ดุดีอ่ะ อยากอาวไปฝ้าวบ้านนนน” ไอ้เอ๋อนี่วอนแล้ว กูคนไม่ใช่หมา เดี๋ยวเตะร่วงเลย
“อื่อ ไม่ให้”
หืม?
อะไรนะผมหูฝาดหรอ ผมรีบก้มลงไปมองหัวทุยตรงอกทันที ใจนี่เต้นรัวจนกลัวคนอื่นได้ยิน
“พูดว่าอะไรนะอู้” ผมถามย้ำสัมผัสได้เลยว่าเสียงตัวเองสั่นแล็กน้อย
“ไม่ให้ ไม่ให้พี่หมอ”
บู้มมมมมมมมมมมม!!!ระเบิดลงกันไปเลย ไม่ต้องนับศพเพราะกูตายคนเดียว ผมรู้เลยว่าตอนนี้ปากกูแตะขมับอีกแล้วแน่ๆ โอ๊ยยยย เด็กมันน่ารักโว๊ย ถ้ารู้ว่าเมาแล้วพูดจาน่ารักขนาดนี้กูมอมเหล้าขาวทุกวันไปแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย อยากฟัดแก้มให้ช้ำไปข้างเลย
“อู้ พี่หมอเป็นอะไรสำหรับมึงวะ” ผมตวัดตาจ้องไอ้พีเพื่อนมันอย่างจริงจัง ซึ่งมันก็จ้องผมกลับไม่วางตาเช่นกัน สายตาที่จริงจังและดูเชิงอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรที่เด็กมาห้าวใส่รู้สึกดีด้วยซ้ำที่โดนเพื่อนมันแสกนกลางวงขนาดนี้ เพื่อนมันคงต้องการความชัดเจนเพื่อที่จะเลือกปฏิบัติถูกว่าควรทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ชมพูอมๆม่วงของผมกับเพื่อนมัน
ถึงตอนนี้ถ้าอู้ปฏิเสธอย่างจริงจัง ดูจากหน้าเพื่อนมัน คงไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้หรือแตะเนื้อต้องตัวอู้มันอีกแน่นอน
“เป็นไม้”
“ห๊ะ!!”
มึงเอฟซีบ่าววีหรอ เปรียบดั่งพี่เป็นแค่ขอนไม้ ไอ้ลูกหมา!!!
“ไม้เหี้ยไรของมึง!”
”ไม้ตียุง”“ห่ะ! ตียุง?”
”ไม้แขวนเสื้อ”“ไอ้อู้ เลอะเทอะแล้ว”
”ไม้เรียว ชอบตีตูดกู”“...” ถึงตอนนี้ผมชะงักไปเลย เพื่อนมันก็เงียบไปเหมือนกัน
”ไม้ตีแมลงสาบหนึ่งเดียวววว”“....”
”เป็นไม้แพ พาไปหาหมออ”“...”
”เป็นไม้ของกู”พูดจบก็ซบลงเน้นๆที่อกผม บอกตรงๆเหมือนใช้บุญที่ทำมาตลอดทั้งชีวิตหมดวันนี้เลยครับ หรือว่าพรุ่งนี้กูจะตายแล้ววะ ตกใจพร้อมกับยิ้มจนหยุดไม่ได้ เด็กมันน่ารักโคตรๆ ถึงจะเปรียบเทียบบ่าววีไปหน่อย แต่ความหมายดีให้อภัย ผมก้มลงเอาจมูกปักลงไปบนหัวเหม็นถั่วของมันเบาๆ เมาแล้วพูดจาดีแบบนี้เดี๋ยวจะยอมลงทุนซื้อตู้เย็นมาไว้ในหอแล้วยัดแต่เหล้าเข้าตู้ให้มันกินทุกวัน
ถึงจะยังสับสน แต่อย่างน้อยในความสับสนของมันของยังมีผมอยู่ในนั้น เป็นความสับสนที่จิตใต้สำนึกของเจ้าตัวแสดงความเป็นเจ้าของออกมา อาจจะยังไม่ชัดเจนสำหรับมันว่าสิ่งที่ตัวเองคิดคืออะไร แต่สำหรับผม แค่นี้ก็โอเคแล้ว
ยังไม่ต้องเป็นถึงคนพิเศษ เป็นแค่ความสับสนก็ดีใจแล้ว“พี่แป๊ะๆ ปันปวดขี้ว่ะ”
“บอกกูทำไมหน้ากูเหมือนโถขี้หรอ”
“ฮือออออ ปันเห็นหน้าพี่แล้วปวดขี้จริงๆ ปันขอโทษ ปันปวดขี้ ไอ้พี! พากูไปขี้!” เอ้าๆ ไอ้ปันลุกขึ้นตัวเซแถ่ดๆไปเกาะประตู เล่นเอาทั้งวงร้องเห้ยกันลั่น ไอ้พีนี่ถลาเข้าไปประครองแทบไม่ทัน อ้อ ไอ้แป๊ะด้วยครับ ถึงเพิ่งโดนด่าเป็นสารเร่งขี้แต่ก็ยังคงเป็นพี่รหัสที่ดีของน้องมัน
“เห้ยๆ ไอ้เหี้ย เขามีแต่เมาแล้วเรื้อน เพื่อนปันกูโคตรเฟี้ยว เมาแล้วปวดขี้”
“บ่นเหี้ยไรเติ้ล แดกตีนกูป่าว”
“โห เมาแล้วเปรี้ยวด้วยว่ะ” ไอ้แป๊ะหยีหน้าเพราะโดนไอ้ปันเอาแขนล็อคคอไว้อย่างแน่นหนา
“เปรี้ยวตีนป่าวว ฮืออออออ ปวดขี้อ่ะ ปวดขี้ ปวดขี้เดสสึก๊ะ ไฮ๊ๆ”
“เชี่ย มันจะคูลเกินคนไปแล้วว่ะปัน เมาแล้วปวดขี้พร้อมพูดญี่ปุ่น กูต้องถ่ายคลิปไปลงเพจยูไม่ไลค์แล้ว ไหนมึงมองกล้องซิ”
“มองพ่อมึงอ่ะ ปวดขี้โว้ยยยยยย ปวดขี้เดสสสสสสสส”
“ไหนๆ มึงลองพูดคำว่าสวัสดีครับผมชื่อปันเป็นภาษาญี่ปุ่นให้กล้องซิ”
“แม่เอื้ออออ”
“นั่นชื่อแม่กู!!! ไอ้ห่าปัน!!”
วุ่นวายชิบหาย อย่างกับพวกมึงเล่นละครตลกกันอ่ะ นานซักพักเลยครับกว่าพวกมันจะยกขบวนกันพาไอ้ปันไปขี้ครับ ทิ้งไว้แต่ไอ้ภูมิ ผมแล้วก็อู้ที่แทบไม่มีสติหลงเหลือแล้ว จริงๆผมก็ควรเอามันเข้าไปนอน แต่พอหันไปเห็นหัวทุยๆซบอยู่กับอกแน่นๆของตัวเองแล้ว
ขออยู่อีกซักห้านาทีนะ
“มองขนาดนี้เลียไปเลยก็ได้นะ”
“เห้ย พูดเป็นเล่น” กูแล่บลิ้นเลยเนี่ย
“หึ” ไอ้ภูมิกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมา ผมกำลังจะยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆของอู้คือมันเบาจริงๆนะครับ ไม่รู้ด้วยน้ำหนักหรือเพราะไม่มีสมอง
..เบาจนอยากให้พิงตลอดไปเลย
อ่ะๆ อุ้ยเสี่ยวป้ออีกแล้ว...
แต่ยังไม่ทันได้ลูบ หัวไอ้อู้ก็เด้งผึงขึ้นมาซะก่อน เล่นเอาตกใจทั้งผมทั้งภูมิ
“ไฟไหม้หรอ”
“ห่ะ..ห๊ะ”
“ไฟไหม้!” ชิบหายแล้ว ผมมองซ้ายมองขวา ไม่มีไฟที่ว่าเลยซักนิด ไอ้ลูกหมาลุกขึ้นยืนพรวดพราด เซหัวแทบปักตกระเบียงจนผมต้องรีบคว้าตัวไว้ อะไรอีกวะเนี่ย ความเกรียนเข้าร่างอีกแล้วหรอ
“อู้ๆ ไม่มี ไม่มีไฟไหม้”
“ไฟไหม้ หนี!!!!”
เห้ยยยยยย
มึงจะหนีไปไหนไอ้เตี้ย!!
ผมรีบวิ่งตามไอ้ลูกหมา ที่จู่ๆก็วิ่งหนีออกจากบ้านพักไป ตกใจครับตอนแรกรีบวิ่งตามเลยแต่สุดท้ายเจ้าตัวแม่งขาขัดกันตกบันได้สองขั้นกลิ้งลงไปกองกับพื้นเรียบร้อย ไฟไหม้จริงมึงก็ตายคนแรกเนี่ย เห้อ ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ผมดึงมันขึ้นมาพิงกับอกโดยสอดแขนเข้าใต้วงแขนมัน เอาจริงๆก็คือกอดมันเนียนๆนั่นแหละครับ แต่อย่าพูดดังแล้วรู้ตัว
“อู้ ไม่ใช่ไฟไหม้ นั่นควันบุหรี่ไอ้ภูมิ”
“พี่หมอ”
“หืม?”
“พี่หมอ”
“ว่าไง”
“ผม...”
เห้ยๆๆๆ
เดี๋ยวๆๆ
อย่าเกลิ่นแบบนี้สิวะ ผมนี่อยากรีบคว้ามือถือมากดอัดเสียงเลย ผมอะไรอีกหล่ะ ผมรักคุณรึเปล่า เชี่ย มโนไปล้านแปด คนแอบชอบนี่มันขี้มโนแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าวะ
“ผม..”
“...” โอ่ย .. จะขาดใจ
“ผมรองทรงเบอร์หนึ่งงงง ฮิ้วววววววววววววววววว”
ฮิ้วกับแม่มึง!!!!!
อยากเอาตีนยันให้หน้าปักพื้นแต่ทำไม่ได้ครับ กลัวน้องเจ็บ ได้แต่ด่าแม่มันในใจแล้วก้มมองหน้ามัน อู้ยืนหัวพิงกับอกผมด้วยความหัวหนักก็ปักมันอยู่อย่างนั้น มือเล็กปัดมั่วไปหมดทั้งผลักทั้งจับ บ่นงุบงิบไม่ได้ความ ปกติผมเป็นคนรำคาญคนเมามากเลยนะครับ ยิ่งช่วงรับน้องแล้วต้องคอยดูแลน้องภาคผู้หญิงทั้งเมาทั้งทิ้งตัวอ้วกเลอะเทอะ พวกผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่พวกเมาแล้วปากหมาหาเรื่องเนี่ย ต่อยร่วงให้สงบมากมาหลายรายแล้ว
...แต่ทำไมไอ้อู้เมาแล้วมันน่ารักจังวะ
จับตรงไหนก็ไม่ขัดขืน ทั้งน่ารักทั้งน่าหงุดหงิดไปพร้อมกัน
“อื้อ เมาแล้ววว”
“อือ ไปนอนไหม” ผมลูบหัวไอ้กลุ่มผมทุยๆตรงอก
“นอนกับปันปัน เพราะปันปันพุงนุ่มมมม อยากบีบพุงนุ่มมมม”
“กูไม่ให้”
“จะบีบพุงปันปันนน”
“ไม่ให้ มาบีบกล้ามกูนี่”
“เป็นผัวอ่อมาสั่ง!”
“เออ! อยาก! อยากเป็นจะตายห่าอยู่แล้ว!”เป็นเมียหรอมาทำเป็นถาม เดี๋ยวกูลงภาคปฏิบัติ คร้านจะตื่นมาร้องไห้ เมาแล้วปากดีจริงนะลูกหมา อย่าได้ริไปถามคำถามนี้กับใครบนโลกนะมึง ผมเอื้อมมือไปบีบปากมัน ซึ่งมันก็หลับตายอมให้บีบแต่โดยดี เออ ทำอะไรก็ยอม ทำไมไม่ใจง่ายแบบนี้โดยไม่เมาบ้างวะ
ผมได้ยินเสียงคุยมาจากทางด้านหลัง เดาเอาว่าพวกจนปันไปขี้คงกลับมาแล้ว เสียงดังมาแล้วก็เงียบไป คงเพราะพวกมันเห็นผมยืนกอดเพื่อนมันอยู่แต่ก็ไม่ได้มีใครมาห้ามอะไร คงดูเชิงอยู่
“ไม่ได้ ไม่ให้เป็น” อู้ส่ายหัว
“ทำไม ทำไมเป็นไม่ได้”
“เดี๋ยวเพื่อนทิ้ง”
พูดเสียงอ่อยแล้วก็ทิ้งหน้ามันลงมากับอกผม ผมถอนหายใจยาวเหยียดแล้วลูบหัวมันเบาๆ
“อย่าดูถูกคำว่าเพื่อนสิวะอู้”
“กลัวนี่”
“มึงจะกลัวอะไร”
“กลัวเพื่อนไม่คบ กลัวเพื่อนทิ้ง อือ”
“โอเคๆ กูจะระวังมากกว่านี้” ผมรับฟังแล้วลูบหัวมันต่อเบาๆ หวังว่าเสียงเล็กๆของมันจะดังไปถึงหูของเพื่อนมันด้านหลังบ้าง
“สันดาน”
เอ้า เดี๋ยว
“ห๊ะ มึงด่าหรอ”
“พี่มึงอ่ะนิสัยไม่ดี มีสิทธิอะไรมาโกรธ มีสิทธิอะไรมาไม่คุยด้วยวะ” มันเงยหน้ามาเบะปากใส่ผม โอ๊ย มึงจะโกรธจะด่าก็อย่ามาทำหน้าน่ารักแบบนี้สิวะ
“ขอโทษครับ” ผมยิ้มพร้อมกับลูบหัวมันไปด้วย รู้สึกแปลกเหมือนกันที่พูดครับกับรุ่นน้องผู้ชาย แต่มันน่าเอ็นดูไม่ไหวแล้วว่ะ เสียงตัวเองที่พูดอกไปเมื่อกี๊ดูเอ็นดูจนเดาเอาว่าไอ้ภูมิกับเพื่อนมันที่นั่งอยู่ด้านหลังคงแทบโก่งคออ้วกแล้วแน่ๆ
“ไม่ได้เกลียด ผมไม่ได้เกลียด ผมเกลียดแมลงสาบ เนี่ย มือแดงไปหมดเลยก็ไม่มาช่วย ไหนว่าชอบวะ ไหนว่าจะจีบวะ ไม่เห็นดูแลเลย” มันเบะปากขึ้นเรื่อยพร้อมกับงอแงยกมือขึ้นมาโชว์ให้ดูอีกต่างหาก พอมันเห็นผมยิ้มอยู่ก็เอามือมาตีหน้าผมป้าปๆบอกว่าเจ็บไม่ให้ยิ้ม เอ้า ก็กูจะยิ้ม เป็นเมียหรอมาสั่ง มันซุกหน้าเข้ากับอกผมบ่นงุ้งงิ้ง ยืนก็แทบจะไม่อยู่จนต้องเอื้อมเอาแขนไปพยุงก้นไว้เล็กน้อย ไม่รู้กูคุยกับเด็กปีหนึ่งหรือกำลังเลี้ยงเด็ก
“ขอโทษครับพี่หมอ” มันพูดเสียงอ่อยก่อนจะทิ้งทั้งตัวลงใส่ผม จริงอยู่ที่อู้ตัวเบา แต่โถมมาแบบนี้ผมก็เซไปนิดหน่อยเหมือนกัน ผมกระชับตัวมันในอ้อมอกย่อตัวเอาคางไปวางไว้บนหัวมันเล็กน้อย ใจบางจนจะขาดอยู่แล้วมาทำตัวน่ารักขนาดนี้
อู้...
ในอนาคตถ้าอยากฆ่ากูไม่ต้องเอามีดมาแทงหรอกนะ ลองไปทำแบบนี้กับใคร กูว่ากูก็คงตายจริงๆแหล่ะ
---
TALK
นิยายรักมาแล้ว! กว่าจะมาได้ ปาเข้าไปตอนที่ 17
ฮืออออออออออออ น้องอู้คนน่ารัก ทำอะไรก็น่ารักน่าเอ็นดูไปหมด
เป็นนิยายที่เขียนขึ้นมาให้คนอ่านอารมณ์ดีค่ะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น 5555555555555555
เหมือนเครียดมาทั้งวัน เหนื่อย นอยด์ชีวิต มาอ่านก็กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆอะไรแบบนี้
หวังว่าจะทำให้คนอ่านได้ขำหึหึในลำคอออกมาในวันที่ร้อนจนเครียดนะคะ
ฝากเพจในเฟสด้วยนะคะ
Oiimaps ค่าา