16
☷ รางวัลของผู้ชนะ ☷
ตอนเช้าผมมาดูขบวนพร้อมกับคิน เห็นเอ็มยิ้มร่าเริงมาแต่ไกลต่างจากหญิงที่สาวที่ถือป้ายเดียวกัน ป่านดูหงุดหงิดและส่งตาขวางให้เอ็มหลายครั้ง ดูไม่ชอบหน้าอย่างไรบอกไม่ถูก
ตอนแรกคินไม่ยอมให้มาเพราะกลัวจะเกิดโน่นนั่นนี่ขึ้นกับผม แต่ผมไม่อยากพลาดขบวนในปีแรกนี่นาก็เลยดึงดันจะมาให้ได้ ถ้าคินไม่ให้มาด้วยก็จะหนีมาเอง
สุดท้ายคินก็ยอมครับแต่มีข้อแม้ว่าห้ามปล่อยมือเด็ดขาด นั่นทำให้ผมทั้งเขินและอายสายตาจากบรรดาสาวๆ ที่มองมายิ้มๆ
บางคนก็เข้ามาขอถ่ายรูปกับพวกเรา โดยเฉพาะเดือนมหาวิทยาลัยปีนี้ที่ดูเหมือนจะมีสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
ระหว่างถ่ายรูปคินไม่ยอมปล่อยมือจากผมเลยครับ พอคนที่เข้ามาบอกอยากถ่ายรูปคู่กับคิน มันก็มักจะลากผมมาถ่ายด้วยเสมอจนผมต้องยืนหลบข้างหลังคิน เพราะตัวสูงน้อยกว่าก็เลยไม่เห็นผมในรูปถ่าย แต่มือของคินก็ยังจับมือผมไว้ครับ
พอเอ็มกับป่านเดินผ่านไปก็ปรากฏร่างสูงของเก่งยืนควงไม้คทาเป็นวงกลม ตามด้วยโบ๊ทกับวีที่อยู่ด้านหลัง โบ๊ทมีสมาธิมากจนไม่ได้สังเกตว่าผมมองมันอยู่
โบ๊ทดูเท่และสง่างามยามควงไม้ในมือ ผมกดถ่ายรูปโบ๊ทหลายรูปจนกระทั่งมันเดินผ่านไป
เพื่อนรุ่นเดียวกันแต่อยู่ฝ่ายอุปกรณ์เดินเป็นลำดับต่อมา พอเห็นผมพวกเขาก็โบกไม้โบกมือให้ ผมเคยไปช่วยทำบางชิ้น ที่เหลือก็เห็นพวกเขาอดหลับอดนอนทำตั้งหลายวันกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
ส่วนคนที่ถือของหนักอย่างลูกโลกยักษ์นั้นก็ส่งเพียงรอยยิ้มมาให้ผม พวกเขาคงรู้เรื่องที่ผมถูกทำร้ายเมื่อวานแล้ว
“หลีดพร้อม!” เสียงแหลมแสบแก้วหูมาพร้อมกับหญิงสาวสามคนและผู้ชายอีกสี่คนยืนเอามือไพล่เชิดหน้าท้าแดด โจจัดเต็มมากครับ
มันใส่สูทปกตั้งสีน้ำเงินขลิบทองทับเสื้อเชิร์ตสีขาวและกางเกงสแล็คขายาวสีน้ำเงินเข้ม แต่งหน้าได้ดูดีเกินหน้าเกินตาเดือนมหาลัยข้างผมอีก
“ไอ้โจโคตรหล่อเลย” ผมกระซิบบอกคิน เห็นมันทำหน้าบึ้งแล้วกระซิบบอกผม
“กูหล่อกว่ามันอีก” ผมหัวเราะแล้วหันไปมองบรรดาหลีดคณะยืนขยับมือไปตามเพลง พอเพลงจบก็เชิดหน้าเดินต่อไป
“ปะ ไปหาที่นั่งกัน เดี๋ยวตอนแข่งหลีดจะได้ดูใกล้ๆ” ผมดึงแขนคินให้เดินตามมาหลังจากคณะสุดท้ายเดินผ่านเราไป ต้องรีบจองที่เดี๋ยวไม่ทัน
ผมนั่งแล้ววางกระเป๋าจองที่เผื่อเอ็มกับโบ๊ทไว้ ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาเพราะคณะเราเดินก่อนก็เลยได้ออกมาก่อน
“โคตรร้อนเลยว่ะ” เอ็มบ่นแล้วรับขวดน้ำที่ผมยื่นไปให้ อีกขวดก็ส่งให้โบ๊ทที่เหงื่อออกไม่แพ้กัน ผมส่งทิชชู่ให้ทั้งคู่เช็ดคราบเมคอัพบนหน้า ทั้งๆ ที่บอกให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ไม่ยอม
เรารอกันเกือบชั่วโมงหลีดทุกคณะก็กลับมาประจำแสตนของตัวเองพร้อมกับฝ่ายเชียร์ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ฝั่งตรงข้ามแสตนคือที่นั่งคนดู ส่วนคณะกรรมการจะเดินไปแต่ละแสตนเองเพื่อตัดสินว่าคณะไหนจะคว้าชัยชนะไป
“โห ขนลุกเลยอะ” ผมมองไปยังเพื่อนๆ บนแสตนของคณะเราที่ตบหน้าขาตัวเองเป็นจังหวะอย่างพร้อมเพียง รวมถึงหลีดคณะที่ทำมืออย่างเข้มแข็งและสวยงาม
จริงๆ ท่าหลีดก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแต่วัดกันที่ความพร้อมเพียงและประสานเป็นหนึ่งเดียวระหว่างหลีดกับฝ่ายเชียร์ ถ้าทั้งสองฝ่ายไปด้วยกันไม่ได้ก็คงไม่สวยงาม
พวกเรานั่งดูคณะต่างๆ ที่วางฟอร์มมาอย่างดี มีลูกเล่นที่อุปกรณ์แปลกใหม่ตามแนวคิดและคอนเซ็ปต์ของคณะ ผมดูแล้วก็เสียวว่าเราจะชวดที่หนึ่งไป แต่ถ้าวัดที่ความพร้อมเพียงละก็คณะเราไม่แพ้แน่ครับ
เมื่อกรรมการเดินดูครบทุกคณะก็กลับมาประชุมเพื่อลงคะแนนเสียงและประกาศผลคณะที่ชนะ น่าเสียดาย เราแพ้คณะวิทยาศาสตร์ไปเพียง 1 คะแนนเท่านั้นเอง
“พวกมันเอาเวลาที่ไหนมาคิดอะไรเจ๋งๆ แบบนี้วะ นึกว่าอยู่แต่ในแลปไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันซะอีก” คนที่ดูเจ็บใจที่สุดก็ไม่พ้นเอ็มครับ แต่นั่นมึงชมหรือว่าอะไร
พอประกาศผลแล้วนักศึกษาก็แยกย้ายครับ คนที่ดูจะเนื้อหอมสุดก็คงไม่พ้นคิน มีสาวๆ มาขอถ่ายรูปไม่ขาดสายเลย จริงๆ
ตอนที่แข่งหลีดกับแสตนก็มีคนแอบถ่ายรูปมันนะ แต่คินไม่สนใจก็ยังคงนั่งโอบไหล่ผมตลอดการแข่ง ปล่อยให้เอ็มแซะเล่น
ส่วนโบ๊ทก็แค่เหลือบมองเรายิ้มๆ แล้วหันกลับไปสนใจหลีดคณะสุดหล่อบนเวที
เราสี่คนเดินไปหาโจที่เพิ่งผละออกมาจากเพื่อนหลีดแล้วตบบ่ามันคนละที มันยิ้มกว้างแล้วคว้าตัวโบ๊ทเข้าไปกอดเต็มรัก
ผมกับเอ็มก็ได้แต่โห่แซวจนโบ๊ทหน้าแดง จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนสุดและนัดเจอกันที่ร้านเจ๊อิมเจ้าประจำของผม
คราวนี้โจไม่ตักกุ้งให้ผมแล้วครับ แต่ตักของชอบมาให้ผมทั้งหมดเพื่อเอาใจในฐานะที่ผมซวยซ้ำซวยซ้อน ตบท้ายด้วยการโบกหัวผมเพื่อไล่ความซวยจนข้าวพุ่งออกจากปาก
แน่นอน ไม่ล้างแค้นไม่ใช่โซ่ครับ
ผมจัดการยัดพริกในจานส้มตำใส่ปากโจแล้วปิดปากมันไว้แน่น ไม่มีใครคิดช่วยมันหรอกครับแม้แต่โบ๊ทเองก็หัวเราะที่ผมแก้แค้นโจ เห็นมันดิ้นพราดๆ เพราะความเผ็ดก็ยิ่งสะใจ โจกินเผ็ดไม่ได้ครับ
“เออ แล้วเรื่องรับน้องนอกสถานที่นี่ยังไง ไปเกาะส่วนตัวเลยเหรอ” เอ็มถามขึ้น ผมก็พยักหน้าเพราะรุ่นพี่บอกตั้งแต่ที่เราเข้าห้องเชียร์แล้ว มีแต่พวกมันนั่นแหละที่ถูกเรียกตัวไปซ้อมเลยไม่รู้อะไร
“งานนี้คนนอกไม่มีสิทธิ์เข้า คนร้ายคงไม่กล้าตามไปแล้วล่ะ” ผมบอกเพื่อนๆ เมื่อเห็นพวกมันมีสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก พอได้ยินที่ผมบอกก็มีสีหน้าโล่งใจตามกันไป
“ยังไงก็ต้องระวังไว้ เข้ามาถึงคณะได้ก็ใช่ว่าจะแอบเข้าไปถึงเกาะนั้นไม่ได้” โบ๊ทพูด ยังคงมีสีหน้ารู้สึกผิดจนผมต้องตบไหล่มันเบาๆ
“เอาน่า เราอยู่ด้วยกันจะไปมีเรื่องอะไรล่ะ” ผมยิ้ม ทุกคนก็พยักหน้ารับแล้วนั่งกินข้าวไปคุยไปเรื่อยเปื่อยเหมือนอย่างเคย
ผมก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้นตลอดไป
✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣✣
เรามารับน้องนอกสถานที่ในสัปดาห์ต่อมา จริงๆ จะเรียกว่ารับน้องก็ไม่ถูกเพราะพี่ต้อมบอกว่าใครจะมาก็มาใครไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา ไม่บังคับอะไรทั้งนั้น แต่เกียร์อยู่ที่พี่ ไม่มาก็อด
ทุกคนก็ต้องมาหรือเปล่าวะพี่
ผมเดินสะพายกระเป๋าลงจากเรือพร้อมเพื่อนๆ แล้วเดินบนสะพานไม้ไปยังเกาะของพี่ต้อม พี่ต้อมแต่งตัวชิวมากครับ
เสื้อยืดย้วยๆ กางเกงเจเจ และสวมแว่นกรอบเหลี่ยมเหมือนเดิม ที่ต่างจากเดิมก็คงเป็นรอยยิ้มดีใจที่เห็นพวกผมมากันครบ
“เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไปๆ ไปพักก่อนโปรแกรมเที่ยวมีตอนบ่ายโน่นแหละ”
เพราะกว่าพวกเราจะมาถึงก็เช้ามืดแล้วต่างหาก เรานั่งรถทัวร์ตั้งแต่เมื่อคืนมายังเกาะทะเลทางใต้จึงใช้เวลานานกว่านั่งเครื่อง
ตอนแรกคินก็เสนอให้พวกเรานั่งเครื่องมาลงจะเร็วกว่า แต่พี่ต้อมแกบอกว่าถ้าแค่นั่งรถยังอดทนไม่ได้ก็ไม่ต้องมา
เราก็เลยจำใจนั่งรถทัวร์ที่พี่จัดมาให้ครับ แล้วนั่งเรือต่อมายังเกาะของพี่ต้อมอีกเกือบสองชั่วโมง นั่งจนก้นชาเลย
ผมมองรอบๆ เกาะที่สร้างเป็นรีสอร์ททอดยาวไปถึงชายหาด เป็นส่วนตัวและเงียบสงบ เจ้าของก็คือพี่ต้อมนั่นแหละครับ
ได้มรดกที่ดินจากพ่อก็บริหารสร้างเป็นรีสอร์ทส่วนตัวสำหรับนักธุรกิจหรือดาราที่อยากหลบมาพักเงียบๆ แต่ต้องจองล่วงหน้าเป็นปี
ซึ่งพวกเราที่มาพักได้ก็เพราะพี่ต้อมสิ่งปิดเกาะให้ตั้งแต่ปีที่แล้วครับ ที่นี่จึงมีแค่พวกเราเหล่าวิศวกรรมศาสตร์
“ทำไมต้องเป็นกูทุกที” เอ็มบ่นแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนทราย
รุ่นพี่บอกว่าห้องหนึ่งพักได้สองคน แน่นอนว่าเหลือเศษก็คือเอ็ม มันก็เลยบ่นก่อนจะลุกไปตามหาเพื่อนในคณะที่ยังไม่มีรูมเมท
“ปะ เข้าห้องกัน” คินเดินนำผมเข้าห้อง ผมรู้สึกแปลกๆ เมื่อเราต้องมาอยู่ห้องเดียวกัน เมื่อก่อนก็ไปค้างบ้านคินบ่อยๆครับ
แต่ตอนนี้สถานะและความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วไง จะหยิบจะจับอะไรก็ประหม่าแปลกๆ ผมก็เลยเดินวนไปวนมาในห้องจนกระทั่งคินออกจากห้องน้ำ
“เป็นอะไร” คินหยิบผ้าขนหนูเช็ดหน้าแล้วเดินไปนั่งบนเตียง ขณะที่ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งไกลจากคินพอสมควร
“ป...เปล่า” ผมมองโน่นนี่ไปเรื่อย ไม่กล้าสบตาคินเลยครับ
“กลัวกูเหรอไง” เหมือนคินจะรู้ทัน มันยิ้มมุมปากนิดๆ
“ใครกลัว” พูดจบผมก็เดินมานั่งบนเตียง กอดอกเชิดหน้าใส่ คินหัวเราะแล้วรวบผมไปกอดไว้ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง ผมก็ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของมัน
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก กูยังไม่ทำอะไรมึงทั้งนั้น” ผมหยุดดิ้นแล้วเงยหน้ามองคิน มันก้มลงมาสบตาผมแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“รอมึงกลับร่างเดิมก่อนค่อยว่ากัน”
“ฝันไปเถอะ!” ผมดิ้นหลุดจากคินจนได้ แล้วก็ชี้หน้ามัน “กูไม่อยู่ล่างแน่ๆ” คินยิ้ม ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดผมเลย
“จะออนท็อปให้ว่างั้น” ผมฟาดต้นแขนมันแรงๆ หลายที
“กูจะกดมึงโว้ย!” มันยิ้มเขินๆ ผมก็เลยถามว่าจะเขินทำไม คำตอบมันทำให้ผมรีบมุดผ้าห่มหนีทันที
“ดีใจที่มึงคิดจะทำเรื่องนั้นกับกูด้วยอะ” ไม่ได้คิดโว้ย
คินพยายามดึงผ้าห่มออก บอกว่าเดี๋ยวขาดอากาศหายใจ พอผมยอมลดผ้าห่มลงมันก็กอดผมจากข้างหลัง กระซิบแผ่วเบา
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ” ผมปล่อยให้คินกอด รู้สึกถึงความอบอุ่นจากแรงกระชับในอ้อมแขน ผมหาวนิดๆแล้วเผลอหลับไปด้วยความเพลีย
.
.
.
“ตื่น!” เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงทรงพลังของเฮดว้ากปี 3 ทำผมสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมคิน หน้าของเราห่างกันแค่คืบเดียว
ตามันแดงมากเหมือนคนหลับลึกแล้วต้องตื่นขึ้นกะทันหัน แต่คินก็ยิ้มกว้างแล้วก้มหน้าลงมาจุ๊บปากผมแล้วผละออก
“อยากให้เป็นแบบนี้ทุกเช้าเลย” ผมรู้สึกถึงความร้อนผะผ่าวบนแก้มทั้งสองข้าง หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ คินถึงก้มลงมาหอมอีกสองฟอดให้ตบท้ายด้วยคำว่า ‘น่ารัก’
เขินครับ เขินเหี้ยๆ เลย
“รีบลุกได้แล้ว เดี๋ยวพี่ต้อมเข้ามาเห็นก็ล้อกันพอดี” ผมลุกขึ้นนั่งสะบัดหัวอย่างมึนงง คินลุกตามมาหาวและบิดขี้เกียจ
หัวมั่นยุ่งมากจนผมต้องเอื้อมมือไปจัดทรงให้ คินปล่อยให้ผมจัดจนเสร็จแล้วดึงมือผมมากุมไว้ สบตาผมด้วยแววตาหวานเชื่อม
“มีความสุขว่ะ อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป” ผมยิ้มขำนิดๆ ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะมีมุมนี้ด้วย
“เหมือนกัน” พูดจบคินก็ปิดปากผมด้วยปากของมัน จนกระทั่งพี่ต้อมมาเคาะประตูอีกครั้งเราก็เลยจำต้องผละออกจากกัน
พวกเราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปข้างล่าง ที่หาดเพื่อนร่วมคณะกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่บนหาดทรายสีขาว รุ่นพี่ก็ยืนคุยกันอยู่ตามมุมต่างๆ
“ไง เอากันอยู่หรือไงถึงได้นานขนาดนี้” เอ็มทักขึ้น ผมก็เลยตบหัวมันไปหนึ่งที
“อาบน้ำไง ใครจะซกมกเหมือนมึง” เอ็มใส่ชุดเดิมครับ มันบอกว่าเดี๋ยวรุ่นพี่ให้ทำกิจกรรมเสียเหงื่อก็ต้องอาบใหม่อยู่ดี สู้อาบก่อนนอนทีเดียวดีกว่า มันก็เลยได้รับสายตารังเกียจจากพวกเราครับ
เราคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ พี่ต้อมก็กลับมา คราวนี้มาพร้อมกับถังน้ำหูหิ้วใบเล็กมีม้วนกระดาษหลากสีอยู่ในนั้นครับ
“กิจกรรมวันนี้ก็ง่ายๆ จับกลุ่มเล่นเกม กลุ่มไหนชนะได้รางวัลจากผม” พี่ต้อมอธิบายสั้นมากเลยครับ
“รางวัลอะไรครับ”
“อาหารแบบฟูลคอร์ส ส่วนกลุ่มที่แพ้ก็หากินตามยถากรรม” ทุกคนร้องโห่เลยครับ
“เงียบครับ!” พี่ต้อมกวาดตามองพวกตัวซ่าๆ แล้วพูดขึ้น “ไม่ได้บังคับให้เล่นนะ ใครที่เล่นก็มีข้าวเย็นกิน ส่วนใครใจเสาะก็อดมื้อเย็นไป ง่ายๆ แค่นี้เอง”
แล้วใครจะไม่เล่นล่ะครับพี่
พี่ต้อมให้พวกเราเดินไปหยิบม้วนกระดาษสีทีละคน มีทั้งหมด 10 สี คือ ขาว น้ำตาล ม่วง น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง ส้ม แดง ชมพู แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ผ้าผูกแขนคนละสี
ผมกับเพื่อนแยกกันไปคนละสีเลย ตอนแรกได้สีเดียวกับเอ็มครับ แต่พี่ต้อมกระแอมไอจนผมต้องหยิบใหม่
โชคดีที่อย่างน้อยอยู่กลุ่มเดียวกับวี มันก็นั่งเงียบๆ แชทกับแฟนไป สรุปว่าดีหรือไม่ดีครับเนี่ย พี่ต้อมบอกว่าเราจะมีพี่แต่ละกลุ่มเป็นผู้ดูแล และอธิบายกิจกรรมที่เราจะทำในวันนี้นั่นคือ
สร้างหอคอย
โดยเราจะใช้วัสดุอะไรก็ได้ที่หาพบตามบริเวณหาด รวมถึงพวกอุปกรณ์ที่พี่ๆ เอาไปซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อสร้างหอคอยที่แข็งแรงและโต้ลมทะเลได้ดี
ต้องหาตำแหน่งวางเอาเองเพราะต้องทิ้งไว้อีกหนึ่งคืน ส่วนวันนี้แค่สร้างให้สูงที่สุดก็ชนะครับ พี่ต้อมเตรียมตลับเมตรมาให้พวกรุ่นพี่วัดเรียบร้อย
และมีข้อแม้ว่าห้ามลงน้ำจนกว่าหอคอยที่สร้างจะเสร็จ ทำให้คนที่หวังจะแอบไปเล่นน้ำระหว่างกิจกรรมต้องโห่อีกรอบ
“ทำงานให้เสร็จแล้วพักเป็นหน้าที่ของวิศวกรที่ดี ถ้าคุณไปสร้างบ้านให้ลูกค้าและละเลยหนีไปเที่ยวเล่นจนเกิดข้อผิดพลาดจนบ้านหลังนั้นพัง หรือเสร็จไม่ทันตามกำหนดคุณก็ไม่ใช่วิศวกรที่ดี” พี่
ต้อมพูดให้คิดแล้วสั่งให้พวกเราแยกย้าย
กลุ่มผมมีพี่น้ำตาลกับพี่ป้อง ระหว่างทางจึงไม่เงียบเหงาและสนุกสนานไปกับมุกตลกของที่พี่ป้องสรรหามาเล่นกับพวกเรา
ส่วนพี่น้ำตาลก็ได้แต่เขินอายที่ถูกพวกเกรียนๆ รุมจีบ พี่เขาบอกว่ามีแฟนแล้วอย่าจีบเขาเลย น่ารักจริงๆครับ ใครได้ไปเป็นแฟนโคตรโชคดีอะ รักเดียวใจเดียวมาก
อยู่ๆ ผมก็นึกถึงคินขึ้นมา ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ กลุ่มมันสาวๆ สวยๆ จับได้สีเดียวกับมันเยอะครับ อีกทั้งยังส่งสายตาอยากได้กันอย่างไม่ปิดบังทำให้ผมกังวลหน่อยๆ
ไม่ได้กลัวคินนอกใจครับ กลัวคินปฏิเสธพวกเธอไปตรงๆ นี่แหละ เดี๋ยวตำแหน่งก็ถูกริบคืนไปพอดี ไม่ได้ทำหน้าที่เดือนมหาวิทยาลัยที่ดีเลย
“ถ้าได้ฟูลคอร์สจริงๆ มึงจะแดกอะไร” จู่ๆ วินก็ถามขึ้นครับ อะไรของมึงเนี่ย
“ก็ต้องกินทุกอย่างสิวะ แต่ต้องงดล็อบเสตอร์ว่ะ กูแพ้กุ้ง” ตั้งแต่อยู่ในร่างเต้ก็ไม่ได้กินของดีมานานครับ จะกินให้เต็มคราบเลย
“งั้นกูจองล็อบเสตอร์มึงนะ” ผมพยักหน้ารับปล่อยให้มันคุยแชทกับแฟนต่อ หันไปเล่นมุกกับพี่ป้องบ้างเป็นสีสัน
จนกระทั่งเรามาถึงบริเวณหนึ่งของเกาะ พี่ๆ ก็ปล่อยให้เราหาอุปกรณ์มาสร้างหอคอยกันเองครับ ซึ่งดูเหมือนเพื่อนร่วมคณะผมจะเข้าใจผิดไปมากทีเดียว
มันเก็บเปลือกหอยหลากชนิดพร้อมปลาดาวอีกหนึ่งตัว พวกผมเลยโบกหัวมันไปคนละทีแล้วไล่ให้มันไปหาใหม่
เราแยกย้ายกันหา ผมเจอกาวกระปุกก็รีบเอามาวางกองรวมกันไว้กับเชือกและลวดที่เพื่อนๆ หาเจอ
ผ่านไปครบชั่วโมงเสียงนกหวีดจากพี่ป้องก็ดังขึ้นเรียกให้พวกเรากลับมาประจำที่ พอนับคนครบไม่ขาดหายก็ให้ลงมือสร้างหอคอยกันเลยครับ
.
.
.
“ปรี๊ด!” เสียงนกหวีดดังขึ้นในอีกสองชั่วโมงต่อมา แต่หอคอยเรายังไม่เสร็จเลยครับ มัวแต่ทำฐานให้มั่นคงนานไปหน่อยส่วนสูงก็เลยไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก
“โห่พี่ ขออีกนาทีไม่ได้เหรอให้มันสูงกว่านี้นิดนึง”
“ไม่ได้โว้ยไอ้ที หมดเวลาแล้ว เอาไปวางไว้ในที่ๆมันจะไม่พังไป” พี่ป้องถ่ายรูปแล้ววัดส่วนสูงก่อนจะให้พวกผมยกหอคอยไปไว้ในถ้ำเล็กๆ แล้วหาหินก้อนใหญ่มาปิดไว้ ทำสัญลักษณ์กากบาทเพื่อให้รู้ว่าหอคอยเราอยู่ตรงนี้
“อย่างน้อยผมก็เชื่อว่าหอคอยพวกเรามั่นคงกว่ากลุ่มอื่นแหละว้า” ทีพูดขึ้นแล้วเดินนำไปพร้อมกับพี่ป้อง
“เออ อย่างน้อยพรุ่งนี้กลุ่มมึงก็คงได้รางวัลใหญ่” พี่ป้องตอบ
“บอกพวกเราไม่ได้เหรอพี่ว่ารางวัลอะไร” ผมถาม
“ให้ไอ้ต้อมมันเฉลยเอง” พูดจบพี่ป้องก็เดินไปหาพี่น้ำตาลเลยครับ ทิ้งให้พวกเราได้แต่เดาไปต่างๆ นานาว่ารางวัลที่ว่าคืออะไร
พอเรากลับมาถึงที่พักก็เห็นเพื่อนร่วมคณะถอดเสื้อลงทะเลกันแล้วครับ เห็นไอ้เอ็มแวบๆ กำลังสาดน้ำใส่โบ๊ทที่อยู่ในอ้อมแขนโจ น่ารักดีครับ
มองหาแฟนตัวเองบ้างก็ไม่เห็นวี่แววเลย เจอแต่เพื่อนร่วมกลุ่มคินนั่งอินดี้ฟังเพลงอยู่ใต้ต้นไม้
“ไงป่าน” ผมนั่งลงข้างๆ เธอ
“ก็ไม่ไง หอคอยเสร็จแล้ว คินไปเข้าห้องน้ำเผื่ออยากรู้” ผมยิ้มนิดๆ ดูเหมือนเธอรู้ว่าผมจะถามอะไร เธอเงียบไปนิดแล้วพูดเสียงจริงจัง
“วิญญาณเต้หดเล็กลงอีกแล้ว คงเป็นผลกระทบจากวันก่อนที่คนร้ายทำร้ายนาย” ผมหน้าซีด ถามหาวิธีเพิ่มกำลังใจให้เต้
“ฉันไม่รู้หรอก เขาไม่สื่อสารอะไรกับฉันเลย” ผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดหนทาง
“ถ้าเขาหายไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา” ผมถามเธอด้วยแววตาสั่นๆ จู่ๆ ผมก็เกิดกลัวขึ้นมา
“นายอาจจะติดอยู่ในร่างนี้ตลอดไป หรือได้กลับไปร่างเดิม ส่วนร่างนี้ก็คงค่อยๆตายไปเพราะเจ้าของไม่อยู่แล้ว” เธอพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง สบตาผมแล้วบีบไหล่เบาๆ
“อยู่ที่นายทั้งนั้นโซ่ อยู่ที่นายว่าจะช่วยเขาได้หรือเปล่า” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
ไม่รู้ว่าผมนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นนานเท่าไร จนมีคนสวมกอดผมถึงได้รู้สึกตัว
“เป็นอะไร” ผมหันไปหาคินแล้วกอดมันเงียบๆ ไม่พูดอะไร คินลูบหัวผมเบาๆ ไม่คาดคั้นอยากรู้ว่าผมเป็นอะไร เราแค่นั่งกอดกันจนกระทั่งพี่ๆ เรียกรวมเราถึงผละออกจากกันแล้วเดินจูงมือไปนั่งฟัง
“สิ่งที่ผมให้พวกคุณทำวันนี้คือหอคอยที่สร้างจากอะไรก็ได้ใช่ไหม ก็เหมือนการเลือกวัสดุในการสร้างบ้านสักหลัง แต่พวกคุณรู้ไหมว่าการจะสร้างอะไรสักอย่างหนึ่งมันไม่ได้เพียงเพื่อให้สำเร็จไปเท่านั้น
พวกคุณต้องคิดด้วยว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งที่พวกคุณสร้างอยู่ไปได้อีกนาน จริงอยู่กลุ่มที่ทำได้สูงที่สุดวันนี้เป็นฝ่ายชนะ เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถปฏิบัติตามที่สถาปนิกต้องการได้จริง
แต่พรุ่งนี้จะเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าสิ่งที่พวกคุณสร้างมีคุณภาพมากแค่ไหน”
ผมฟังคำพูดพี่ต้อมแล้วคิดว่ามันเจ๋งจริงๆ ตอนแรกผมคิดว่าเราถ่อมาตั้งไกลเพื่อทำหอคอยง่อยๆ เพื่ออะไร แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ
“และแน่นอนว่าทีมที่ชนะได้แก่...สีแดงครับ” ทีมสีแดงเฮลั่น ผมหันไปมองคินที่ไม่ได้ยินดีไปกับผลการแข่งขันแต่กำลังมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง ไม่รู้ว่ามองตั้งแต่ตอนไหนเพราะผมมัวแต่ฟังสิ่งพี่ต้อมพูดสลับกับนึกถึงเรื่องที่คุยกับป่าน
“ไม่ดีใจรึไง” ผมถามแล้วส่งยิ้มทะเล้นให้ พอเห็นผมยิ้มคินก็คลายความกังวลแล้วคว้าคอผมเข้าไปแล้วหอมแก้มแรงๆ
“เพลาๆ บ้างก็ได้มั้ง ที่สาธารณะนะมึง” ผมบ่นนิดๆ
“ก็มึงน่ารัก อยากกอด อยากหอม อยากจูบตลอดเวลา” ผมเขินจนต้องเบือนหน้าหนี
พูดอะไรของมึงเนี่ย
ผมเหลือบไปเห็นพนักงานหลายคนยกโต๊ะมาตั้งริมทะเลก่อนจะละสายตามาสนใจพี่ต้อมที่กำลังพูดถึงรางวัลใหญ่สำหรับหอคอยที่แข็งแรงท้าล้มทะเล รางวัลคือตั๋วเครื่องบินขากลับ
พวกที่แพ้ไปในวันนี้ร้องเฮลั่นเพราะนั่นหมายความว่าถ้าชนะพวกเราจะได้ไม่ต้องนั่งรถทัวร์
“กลุ่มกูชนะแน่นอน” ผมมั่นใจมากครับ ฐานเรามั่นคงมากแถมยังเก็บในถ้ำปิดด้วยก้อนหินยักษ์ แม้ลมพายุจะพัดมาก็ไม่พังแน่นอน
“งั้นกูก็ต้องนั่งรถทัวร์กลับคนเดียวน่ะสิ กลุ่มกูสร้างให้สูงๆ แค่นั้นเอง” คินพูดเสียงหงอยๆ ผมก็เลยยืดตัวกระซิบที่หูมัน
“มึงก็ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับสิ ซื้อเผื่อกูด้วยถ้ากลุ่มกูไม่ชนะ” คินยิ้มกว้างเลยครับ แล้วก็กอดผมแน่นจนพี่ต้อมตะโกนลั่น
“สองคนตรงนั้นน่ะเลิกสวีทกันได้แล้ว” ทุกคนหันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียวเลยครับ มีทั้งยิ้มล้อและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนเราสองคนต้องผละออกแล้วนั่งตัวตรงดีๆ
พี่ต้อมให้พวกเราไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมากินอาหารเย็น สำหรับกลุ่มแพ้ทั้งหลายเป็นบุฟเฟ่ต์ครับ มีทั้งอาหารไทยและเทศ แม้จะแพ้แต่อาหารเต็มขนาดนี้ก็โอเคครับ
ส่วนกลุ่มที่ชนะได้กินอาหารแบบฟูลคอร์สริมทะเล เห็นแวบๆ ว่าเสิร์ฟไวน์กับแชมเปญด้วย น่าอิจฉามาก
“อยากกินอะไร กูจะแอบเอามาให้” คินบอกผมเมื่อกลุ่มมันเรียกไปนั่งที่โต๊ะ ขณะที่ผู้แพ้อย่างผมต้องนั่งกินบนเก้าอี้พลาสติกธรรมดา พวกเราได้เพียงคนละตัว จะลุกไปไหนก็ต้องพกเก้าอี้ไปด้วยเดี๋ยวไม่มีที่นั่งครับ
“ไม่อะ อาหารที่พี่ต้อมจัดให้ก็เยอะจนกินแทบไม่หมดแล้ว มึงไปเถอะ” ผมดันคินไปนั่งที่โต๊ะ ตอนแรกมันจะไม่ไปแล้วครับเพราะอยากนั่งกินกับผม
แต่พี่ต้อมบอกว่าอาหารของมันไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ ถ้ามันไม่ไปนั่งกินตรงโน้นก็อดมื้อนี้ครับ ผมก็เลยต้องให้มันไปนั่งกินกับกลุ่มชนะ
“ไง มานั่งหงอยอะไรคนเดียว” พี่ก็อตวางเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างผมก่อนจะยื่นถ้วยซุปมาให้ ควันหอมฉุยเชียว
“พวกเพื่อนผมไปตักอาหารอยู่ครับ นี่ก็นั่งจองให้พวกมันอยู่” ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ซ้อนกันสี่ตัวทำให้สูงขึ้นอีกนิดหน่อย
“หึ เข้าใจคิดนะ เอ้ากินสิ เดี๋ยวเย็นหมด” ผมยกซุปขึ้นซด รสชาติคุ้นเคยทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกินอะไรเข้าไป แต่บางส่วนกลืนไปแล้วจึงยากจะคายออกมา
“เฮ้ยโซ่!” เสียงเรียกมาพร้อมกับเอ็มที่ดึงถ้วยซุปออกไปจากมือผม
“มึงรู้ไหมว่าแดกอะไรเข้าไป!” โจตะโกนอย่างโมโหแล้วบอกให้โบ๊ทไปขอยาแก้แพ้จากรุ่นพี่
“เอ่อ...” พี่ก็อตเอ่ยแค่นั้นก่อนที่เอ็มจะกระชากคอเสื้อพี่ก็อตขึ้น
“พี่รู้ไหมว่ามันแพ้กุ้ง! นั่นซุปกุ้ง พี่จะฆ่ามันรึไง”
“พะ...พี่ไม่รู้” พี่ก็อตหน้าซีดแล้วหันมาขอโทษผม ผมยิ้มเซียวๆ ให้ รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมานิดหน่อย
“เกิดอะไรขึ้นวะ” คินรีบวิ่งมาหาผมที่นั่งพิงโจอยู่ ผมยื่นมือไปหามันที่ทรุดตัวลงนั่งกับทรายโดยไม่กลัวเปื้อน
“แดกซุปกุ้งไง” โจตอบแทนเพราะผมไม่มีแรงพูดแล้ว
“ยามาแล้ว!” โบ๊ทวิ่งมาพร้อมยาแก้แพ้และน้ำ
พอผมกินเสร็จคินก็อุ้มผมกลับที่พัก ผมรับรู้เพียงสัมผัสอุ่นที่กุมมือผมไว้แน่นก่อนจะหลับไปด้วยฤทธิ์ยา
Tbc.
เรื่องนี้มีเงื่อนงำค่ะ แต่จะเป็นอย่างไรนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป 5555 
---------------------------------------------------------------------------------