10
☷ แผนล่อเสือออกจากถ้ำ ☷
“มึงจำที่กูบอกได้ไหม” เซียถามย้ำ
“เออ จำได้”
“ให้เนียนนะโว้ย มึงจะมาทำตัวห่ามๆ แบบเดิมไม่ได้”
“กูจะพยายาม” ผมรับคำเสียงเข้ม
“พูดใหม่” เซียกอดอกทำหน้าเคร่งขรึม และคงไม่ปล่อยผมไปตราบใดที่มันยังไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ
“เค้าจะพยายาม เหี้ย แสลงปากมาก” เซียยิ้มค้างแล้วจะเอื้อมมือมาตีผม แต่เห็นว่าเป็นร่างเต้เลยตีเบาๆ
เบาจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลย ตีทำไม
“เกือบดีล่ะ ไม่ต้องพูดเค้าก็ได้แต่ต้องให้เนียน ไหนลองใหม่ซิ”
“เราจะพยายาม” ผมพูดเสียงค่อย บีบเสียงให้น่ารักนิดนึงตามที่เซียสอน
“ดีแล้วๆ ไปได้” เซียดันผมออกจากรถยนต์คันหรูแล้วรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอย่างไม่มั่นใจในเสื้อฟิตอก กางเกงฟิตก้นจนแทบจะไม่เหมือนชุดนักศึกษา ผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมามองผมด้วยสายตาหื่นกระหายจนแทบอยากจะถลาเข้าไปต่อยตาแตก
เย็นไว้ไอ้โซ่ ใจเย็นไว้
ผมเดินเชิดหน้าบิดก้นนิดๆ เดินเข้าคณะไป จริงๆ ชุดนักศึกษาที่ผมใส่อยู่ก็ถูกระเบียบครับแต่ปกติผมใส่ไซส์ใหญ่กว่าเดิมเบอร์หนึ่ง พอต้องมาใส่พอดีตัวจึงรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยบวกกับสายตาคนรอบข้างที่มองมาทำให้ยิ่งไม่มั่นใจมากขึ้น แต่จำเป็นต้องทำครับเพราะผมกับเซียมีแผนบางอย่างที่จะล่อคนร้ายออกมา
“ทางนี่ไอ้เต้!” โจกวักมือเรียกผม เห็นทุกคนมากันครบแล้วผมก็ดีใจ เพราะผมจำเป็นต้องยืมมือพวกมันมาช่วยเหลือเต้ ส่วนเรื่องของคิน ผมยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเพราะอยากพิสูจน์ก่อนว่าผมรู้สึกอย่างไรกับคินกันแน่
“กูมีเรื่องจะให้พวกมึงช่วย”
“ช่วยระบายความใคร่?” ผมตีปากเอ็มไปหนึ่งทีแล้วขอเสื้อกันหนาวจากโบ๊ทมาใส่
“กูกำลังถูกหมายหัวโดยคนที่กูไม่รู้จัก ช่วงนี้กูอาจทำอะไรแปลกๆ ไปบ้าง พวกมึงสืบให้กูทีว่าเป็นใคร”
“ไอ้เอ็มคือผู้ต้องสงสัยคนแรก มันหมายปองนมมึง” เอ็มผลักหัวโจไปทีหนึ่งแล้วหันถามผมอย่างจริงจัง
“ความจริงกูสืบเรื่องมึงตั้งนานแล้วแหละ” หะ มึงไปสืบมาตอนไหน เอ็มเห็นสีหน้าสงสัยของผมจึงยอมบอกความจริง
“ตอนแรกกูไม่ไว้ใจมึงหรอกนะเต้ มึงคือคนที่มีประวัติฉาวโฉ่ที่สุดในบอร์ดโรงเรียนเขตนี้ กูอยากรู้ว่ามึงเข้าหาพวกกูเพราะอะไรก็เลยสืบดูและก็ได้รู้ว่ามึงความจำเสื่อม ซึ่งอธิบายได้ดีว่าทำไมมึงตอนนี้ถึงต่างจากข่าวลือ”
เอ็ม มึงไปเป็นนักสืบเถอะ ไม่ต้องรงต้องเรียนมันแล้ว ผมอุตส่าห์ซ้อมบทพูดมาเปล่าประโยชน์ไปเลยเพราะเอ็มบอกเรื่องนี้กับทุกคนหมดแล้ว
“ตอนที่ตามเรื่องมึง นักสืบของพ่อกูก็เจออะไรแปลกๆ ไม่ทันได้ถามอะไรก็ขาดการติดต่อไปเป็นอาทิตย์ ล่าสุดออกข่าวว่าแขวนคอตายในบ้านตัวเองพร้อมจดหมายตัดพ้อเรื่องตกงาน แปลกไหมล่ะ”
ขนลุกเกรียว นี่มันเกินกว่าที่ผมจะสู้ไหวหรือเปล่า ได้แต่มองเพื่อนทีละคนอย่างใจเสียแต่ไม่มีใครหวาดกลัวหรือคิดจะทอดทิ้งผมเลย กลับกันผมได้รับสายตาห่วงใยจากทุกคน โดยเฉพาะคินที่มองผมต่างออกไป ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขามองผมเป็นศัตรูหัวใจ หรือเป็นเพราะผมที่หวั่นไหวกับแววตาคู่นั้นจนคิดว่ามันแตกต่างไปจากเดิม
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป” โจถาม
“เล่นละครตบตามันไง ถ้ามันรู้ว่าความจำกูกลับคืนมามันต้องรีบมาหากูแน่นอน”
“ทำไมมึงคิดอย่างนั้น” เอ็มขมวดคิ้วสงสัย
“ที่กูมีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้เพราะมันรู้ว่ากูจำอะไรไม่ได้ เลยไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องฆ่ากู”
“แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเขารู้ว่าเต้จำได้ก็จะมาจับตัวไปเหรอ” ผมยิ้มให้โบ๊ท บทจะเข้าใจก็เข้าใจได้นี่หว่า
“ใช่”
“มึงก็เลยต้องแสร้งทำเหมือนปกติหรือก็คือตัวมึงคนก่อนหน้านี่ อย่างนั้นใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับคำคิน
“เพราะฉะนั้นกูต้องขอความร่วมมือจากพวกมึง อ้อ มีเซียอีกคนที่สืบอยู่ลับๆ พวกเดียวกันเข้าใจไหม”
“โอเค แก๊งหล่อ เอ้ย แก๊งบอยเฟรนด์ สู้” เอ็มวางมือไว้บนโต๊ะ พวกเราก็เลยวางมือซ้อนกันแล้วตะโกนพร้อมกัน
“สู้!”
“สู้อะไรกันคะนักศึกษา” อาจารย์ประจำวิชาถามผ่านไมโครโฟน
“สู้เพื่อเกรดครับ!” โจตอบอย่างกระตือรือร้น เมื่ออาจารย์ได้รับคำตอบน่าพอใจก็สอนอย่างอารมณ์ดีตลอดทั้งคาบ
.
.
.
“คิน อยากกินน้ำแข็งไสอะ” ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยขณะควงแขนคินมายังโรงอาหาร เพื่อนคนอื่นๆ รุ่นพี่เรียกไปซ้อมครับเราสองคนก็เลยมาล่อเป้าฆาตกรไปพลางๆ ก่อน ผมเอียงคอไปซบไหล่แล้วช้อนตามองอ้อนๆ เห็นหน้าคินแดงๆ เลยกระซิบถาม
“เขินเหรอมึง” คินเบือนหน้าหนีไปนิดแล้วก้มลงมาหอมแก้มผมแรงๆ
ผมเบิกตากว้างกำหมัดแน่น เกือบจะวางมวยแล้วครับถ้าคินไม่รวบตัวผมเข้าไปกอดเสียก่อน
“เดี๋ยวแผนก็แตกหรอก” คินพูดเสียงเบา ผมได้แต่ฮึดฮัดแล้วยอมเดินตามคนตัวสูงไป
“แล้วมึงจะเล่นใหญ่ทำไมหะ ให้กูเล่นคนเดียวพอ”
“เดี๋ยวไม่สมจริงไง นี่กูช่วยมึงนะ” ผมถอนหายใจแล้วยอมเล่นไปตามน้ำ
“อะ” คินยืนลูกชิ้นปลามาให้ผม แต่ผมเนียนไปมองทางอื่น ความจริงผมเกลียดลูกชิ้นปลาครับแต่เรื่องอะไรจะบอกจุดอ่อนให้คินรู้ล่ะเดี๋ยวมันก็หาเรื่องแกล้งผมอีก พอเห็นดาวคณะบัญชีเดินผ่านมาก็อยากจะเข้าไปขอเบอร์จริงๆ ขาสวยชิบหาย
เธอหันมาทางผมแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้โต๊ะพวกเรา หรือว่าเธอจะมีพลังจิตหยั่งรู้ว่าผมอยากได้เบอร์เธอ
“คิน รุ่นพี่ให้มาตามไปซ้อมเดินบนเวทีน่ะ” แป่ว
“เดี๋ยวเราตามไป เต้ อ้าม” ยังมีหน้ามาป้อนลูกชิ้นผมอีก ดีนะมันเปลี่ยนเป็นลูกชิ้นสาหร่ายผมถึงยอมกิน
“เอ่อ งั้นเราขอตัวก่อนนะ” เธอหน้าเจื่อนนิดหน่อย รีบเดินหนีไปทันที
“เดี๋ยวมึงไปกับกูนะ” คินพูดขึ้นหลังจากจิ้มลูกชิ้นสองลูกสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มป่อง ผมเอานิ้วจิ้มแก้มมันเล่น มันก็ปล่อยให้เล่นไม่ปัดมือออก
“ไปทำไม คิกๆ หน้ามึงตลกอะ” มันยิ้มนิดๆ แล้วขโมยแก้วน้ำผมไปดูด อ่าว ก็แดกได้นี่ แล้วทำไมตอนนั้นแดกไม่ได้
“ไปเป็นเบ๊ให้กูไงครับ” โห่ ผมนึกว่ามันลืมสัญญานั่นไปแล้วนะ
“เออๆ แค่นั่งเฝ้าใช่ไหม” คินพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเอาจานไปเก็บก่อนจะตั้งแขนให้ผมควงเดินออกมา รู้หน้าที่ดีจริงๆ
คินฝากกระเป๋าไว้กับผมแล้วมันก็เดินไปรวมกับพวกดาวและเดือนคณะอื่นๆ ผมปีนขึ้นไปนั่งบนแสตนเหลือบไปเห็นเอ็มที่เพิ่งซ้อมบอลเสร็จกำลังวิ่งลัดสนามมาหาผม รับขวดน้ำจากผมไปดื่มเพียงครึ่งขวดส่วนที่เหลือก็ราดหัวดับความร้อน
“เถิบไปหน่อยดิ๊” ผมเขยิบที่ให้มันนั่งทั้งๆที่บนแสตนมีผมกับมันนั่งกันอยู่สองคน จะมาเบียดกูเพื่อ?
“กูได้กลิ่นทะแม่งๆ” เอ็มเข้ามากระซิบใกล้ๆ แต่ผมดันหน้ามันออก
“กลิ่นเหงื่อมึงไง ถอยออกไปห่างๆ กูเลย” ผมยื่นทิชชู่ให้มันเช็ดหน้า มันรับไปซับจนหน้าแห้ง
“ไม่ใช่กลิ่นเหงื่อกู แต่เป็นเรื่องของมึง” เอ็มหันหน้าไปทางเวทีที่ดาวและเดือนคณะกำลังซ้อมเดินทีละคน
“ยังไงวะ”
“พี่ภู แฟนคนสุดท้ายของมึงไง เดือนมหาวิทยาลัยปีสาม”
“เป็นถึงเดือนมหาลัยเลยเหรอวะ” ผมชักอยากรู้แล้วสิว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง
“อืม แต่เพิ่งลาออกจากมหาวิทยาลัยทั้งที่อีกปีเดียวจะจบ มึงไม่คิดว่าแปลกเหรอ” ผมคิดตามคำพูดเอ็ม จะว่าไปนั่นเป็นช่วงที่เต้คบหากับพี่ภูพอดี
“หรือว่าพี่ภูเป็นคนร้าย”
“ยังไม่แน่หรอก คนร้ายอาจจะหลอกให้เราคิดไปแบบนั้นก็ได้” ก็จริง ผมกับเอ็มก็ได้แต่เดาไปต่างๆ นานา นั่งดูดาวคณะแจ่มๆ แล้วพูดทะลึ่งกันอยู่สองคน จนกระทั่งโบ๊ทวิ่งหน้าตื่นมาพร้อมไม้คทาแล้วบอกว่าโจเป็นลม ผมกับเอ็มขำก๊ากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ถึกๆ อย่างไอ้โจก็สู้พี่โหดไม่ได้เหรอเนี่ย
พวกเรารีบไปหาโจที่ห้องพยาบาล ตอนแรกก็คิดว่ามันสำออยครับแต่พอเห็นสภาพก็ได้แต่สงสาร โจนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงโดยมีพี่โหดเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้อยู่ ผมหันไปมองโบ๊ทนิดๆ เห็นมันไม่มีปฏิกิริยาอะไรก็เลยเฉยๆ ไว้
“พวกมึง” โจครางเสียงแผ่ว พี่โหดจึงลุกจากเก้าอี้ปล่อยให้พวกเราเข้าไปหาโจ
“เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลยทำไมตอนนี้ดูโคตรป่วย” เอ็มถาม
“หิวไหม เดี๋ยวเราไปซื้ออะไรให้กิน” โบ๊ทถาม
“ขอน้ำส้มเย็นๆ สักแก้วก็ดี” โบ๊ทฝากคทาไว้ที่ผมแล้วรีบวิ่งออกไปทันที โจมองตามโบ๊ทก่อนจะหันมามองพวกผมด้วยแววตาจริงจัง
“กูโดนวางยา” สิ่งที่โจบอกทำให้ผมกับเอ็มหันมามองหน้ากัน
“ใครทำ” ผมถามกวาดตามองไปรอบๆห้องพยาบาลเผื่อคนร้ายซุ่มดูอยู่
“กูไม่รู้ แต่เป็นของกินที่ฝากมาให้มึง...เต้” ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง นี่มันกะจะวางยาผมเลยเหรอ
ผมมองโจอย่างรู้สึกผิด เป็นเพราะผมโจถึงต้องโดนลูกหลงไปด้วย พอโจเห็นสีหน้าของผมก็เอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ แล้วยิ้มเซียวๆ มาให้
“กูไม่เป็นไรแล้ว แดกไปนิดเดียวเอง ไม่สะเทือนกระเพาะกูเท่าไหร่ แต่มึงน่ะ อย่ารับของใครมาสุ่มสี่สุ่มห้านะ”
“เพราะมึงตะกละแดกของเพื่อนไงเทวดาเลยลงโทษ” โจหัวเราะเพราะคำพูดของเอ็มพลอยให้ผมรู้สึกดีขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะของที่โจกินจงใจส่งมาให้ผม ผมก็คงหัวเราะไปด้วยกันอย่างสบายใจ
“น้ำส้มมาแล้ว” โบ๊ทถือน้ำส้มคั้นแก้วใหญ่มาให้โจ แต่พวกเรารู้ว่ามันกินไม่ได้จึงชิงดูดกันเกือบหมด ทิ้งให้โบ๊ทยืนงอนผมกับเอ็ม ไม่พูดไม่จา ทั้งที่โจให้โบ๊ทไปซื้อน้ำก็เพื่อกันไม่ให้โบ๊ทรู้ความจริง คงเพราะกลัวว่าโบ๊ทจะเป็นกังวลเกินเหตุ ยิ่งชอบคิดไปไกลอยู่
“แล้วสรุปใครวางยาโจเหรอ” โบ๊ทถามซื่อๆ เราสามคนเลยได้แต่ถอนหายใจออกมา คิดว่าปิดได้แล้วเสียอีก
“ใครบอกมึงว่าโจโดนวางยา” เอ็มถาม
“พี่โหดไง เห็นตามเรื่องให้อยู่ ทำไม จะเก็บเป็นความลับกันเหรอ” โบ๊ทเข้าโหมดงอนอีกแล้วครับ พวกเราต้องแก้ตัวเป็นพัลวันกว่าโบ๊ทจะหายโกรธ
“แสดงว่าแผนเราสำเร็จ เต้ มึงเล่นใหญ่ต่อไป กูว่าคนร้ายใกล้ตัวพวกเรามากกว่าที่คิด อย่างน้อยก็รู้ว่าอยู่มหาลัยเดียวกัน” ผมพยักหน้ารับคำเอ็มแล้วขอตัวไปเล่นใหญ่กับคินก่อน
กูจะต้องรู้ให้ได้ว่ามึงเป็นใคร.
.
.
“คินคิน” ผมเรียกคินเสียงหวานทันทีที่เห็นมันซ้อมเสร็จ เดินเข้าไปกอดเอวร่างสูงอย่างอ้อนๆ ส่งสายตาหวานเชื่อมให้คนรอบข้างอิจฉาเล่น ข่าวจะได้แพร่สะพัดไปเร็วๆ ว่าผมกับคินสวีทกันแค่ไหน
คินผงะไปนิดที่เห็นผมเปลี่ยนไปแต่มันก็เข้าใจสถานการณ์ดีเลยตอบกลับไม่แพ้กัน
“ครับ ที่รัก” คินโอบเข้าที่เอวของผม ส่งรอยยิ้มหวานๆ และจมูกโด่งที่เข้ามาคลอเคลียข้างแก้มผมทำให้รู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ
“เอ่อ เรามีนัดถ่ายแบบกันนะ ระ...รีบไปกันเถอะ” ผมดันตัวคินให้ห่างออกมาหน่อย แต่มันกระชับตัวผมเข้าไปแนบชิดมากขึ้น
“จะรีบไปไหนล่ะครับ ไปหาข้าวกินกันก่อนดีกว่าโน๊ะ” ผมพยักหน้า รีบไปเถอะกูเริ่มอายนิดๆ ล่ะ
คินพาผมเดินออกจากบริเวณนั้น พอถึงรถผมก็รีบผละจากคินแล้วเปิดเข้าไปนั่งบนรถทันที หลบสายตาใครต่อใครที่เดินผ่านไปผ่านมา ก็รู้ครับว่าต้องล่อคนร้ายออกมาแต่หัวใจผมทำงานหนักเกินไปแล้ว ตอนเข้าไปใกล้คินก็ไม่รู้สึกอะไรนะ เล่นไปตามบทบาทที่วางแผนไว้ในหัว แต่เมื่อไหร่ที่คินเล่นด้วย โอย ทำไมรู้สึกเครียด
“จะกินอะไร” คินถามเมื่อเราออกจากมหาวิทยาลัยมาได้สักพัก
“ใกล้ๆ สตูฯก็ได้” พูดจบก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ความเงียบทำให้ผมอึดอัดจนทนไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปเปิดวิทยุฟัง
มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน
ยังยืนอยู่ตรงนี้
มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน
ไม่ยอมหยุดเสียที เมื่อได้ยินว่าเป็นเพลงอะไรผมก็ชะงักแล้วเอื้อมมือจะกดเปลี่ยนเพลง แต่คินห้ามไว้มันบอกอยากฟังเพลงนี้ผมก็เลยต้องนั่งฟังไปด้วย แค่ฟังไม่เท่าไหร่ครับจู่ๆ คินก็ร้องคลอไปตามเพลงด้วยนี่สิ โอย เสียงหล่อละลายครับ
แล้วหัวใจผมเต้นตามเสียงคินไปทำไมเนี่ย!
แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส
แม้ว่าฉันต้องพลาดไปกี่สักที
แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้ผมหลบสายตาที่มองมา ใจเย็นลูกใจเย็น มึงจะเต้นอะไรนักหนาห้ะไอ้หัวใจบ้า
ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรัก
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน
ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อมผมนั่งตัวเกร็งอยู่บนรถ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าคินร้องเพลงนี้ให้ผม เห็นเหลือบมองผมบ่อยๆ แล้วยิ้มมุมปากผมเลยไม่กล้าสบตามัน ได้แต่หันไปมองวิวข้างทางที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ เม้มปากแน่นและพยายามสงบใจตัวเอง
ใจเย็น คินมันคงหมายถึงโซ่
อ่าว โซ่ก็กูไง
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน...Tbc.
ชื่อตอนกับท้ายตอนนี่คนละเรื่องเลย คินคินทำแบบนี้ทำไมนะ 555 
ลงบ่อยเพราะเห็นคนอ่านมาเม้นเยอะก็เลยมีกำลังใจเขียนอิอิ เจอพี่คินตอนหน้าค่ะ
มันคงเป็นความรัก-STAMP เนื้อเพลงอ้างอิงจาก http://lyricth.blogspot.com/2014/06/supermarket6.html -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------