ตอนที่21
หลังจากพาเด็กๆเข้านอนกันหมดแล้ว ผมก็กลับมาที่ห้องนอนบ้าง ไอ้แก่มันกำลังทำงานอยู่อีกห้องหนึ่ง มันกลับมาถึงบ้านก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากินข้าวเย็นแล้วก็ขึ้นไปทำงาน ไม่ได้สนใจลูกๆมันเลย เด็กสองคนก็เหมือนจะชินกับการกระทำของมันแบบนี้ แต่ผมก็ยังแอบเห็นเด็กๆมองตามหลังพ่อขึ้นไปบนห้องทำงานเหมือนกัน รู้สึกปวดใจนิดๆแฮะ ผมเลยพาทั้งสองคนอาบน้ำหลังจากกินข้าวเสร็จ คือผมต้องอาบพร้อมด้วยเลยอ่ะครับเพราะเปียกทั้งตัว
จากนั้นก็มานั่งดูทีวีกันเล่นของเล่นเป็นเพื่อนไปด้วย พอสามทุ่มก็พาไปแปรงฟันเตรียมตัวนอนป้อนยากินนมอะไรกันเสร็จก็ตามด้วยเล่านิทาน ซึ่งวันนี้เหมือนจะมีแค่จงชินที่เสนอเรื่องเข้ามาคนเดียว เลยไม่ต้องฟังฉบับรีเมคเหมือนเมื่อวานพอเด็กๆหลับผมก็กลับมาที่ห้องเพื่อเริ่มดูเอกสารที่ต้องอ่านก่อนสอบเหมือนกัน
วันนี้ผมสังเกตได้ว่า เด็กทั้งสองคนมีนิสัยที่ต่างกันพอควร ฉิงฉิงเป็นผู้หญิงแบบฉบับพวกลูกคุณหนูในการ์ตูนเลยครับ คือเอาแต่ใจ ไม่ชอบอะไรก็โวยวาย ค่อนข้างกล้าแสดงออก แต่บ้างครั้งก็กลับขี้อายรู้สึกอีกอย่างแต่แสดงออกอีกอย่างเวลาอายหรือเขิน แต่จงชิงเป็นเด็กผู้ชายที่ค่อนข้างนิ่มนวลกลัวโตไปจะเป็นตุ๊ดเหมือนกัน ขี้อายไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่ก็เป็นเด็กที่รู้สึกแบบไหนก็แสดงออกมาแบบนั้น ขี้แยหน่อยๆ แต่ขี้อ้อนสุดๆ ซึ่งเหมือนนิสัยจะสลับกับฉิงฉิงเลย ผมบังเอิญไปเจอเอกสารเดินทางของเด็กทั้งสองคนเลยแอบหยิบกลับมาอ่านที่ห้อง เลยรู้ว่าเด็กทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกัน ไม่ค่อยตกใจเรื่องนี้เท่าไหร่เพราะคิดไว้แล้ว เพราะถ้าไว้ผมทรงเดียวกันนี่แยกยากเลยครับ ทั้งสองคนอายุ4ขวบ เกิดและอาศัยอยู่ที่ประเทศจีน มีไอ้แก่เป็นพ่อและมีผู้หญิงที่ชื่อแคลเทอรีน จาง เป็นแม่ ซึ่งตรงนี้คือจุดที่ผมสะดุดใจมากที่สุด
ผมเลยเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อลองเสิร์ชหาข้อมูลของเธอถ้าผู้หญิงคนนี้คือเมียไอ้แก่ผมก็ว่าน่าจะมีข้อมูลของเธอในอินเตอร์บ้างไม่มากก็น้อย ใจหนึ่งก็อยากจะรู้ว่าเธอเป็นใคร แต่อีกใจก็กลัวที่จะรู้จักเธอ เพราะผมคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกผิดที่ผมนอนกับสามีของเธอถึงแม้ผมจะไม่ได้เริ่มก่อน แต่ผมก็ทำมันอยู่ดี เห็นข้อมูลของเธอขึ้นมาพร้อมกับภาพผู้หญิงสวยสุดๆบนคอมพิวเตอร์ เม้าชี้ที่ลิ้งเว็บเข้าไปอ่านเรื่องของเธอ แต่มือผมกับสั่นจนไม่กล้ากดลงไป
พริบ!
ผมสะดุ้งทันที เพราะไอ้แก่ที่เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้ จู่ๆมันก็มาพับปิดหน้าจอลงพร้อมดึงโน้ตบุ๊กของผมออกจากจากมืออย่างรวดเร็ว ลมหายใจเข้าออกของมันแรงกว่าปกติแสดงสีหน้าเหมือนตกใจกับอะไรบ้างอย่าง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของมัน
“อย่าดู”มันบอกผม แล้วเอาโน้ตบุ๊กของผมไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ ผมที่ยังอยู่ในอาการตกใจมองมันอย่างสงสัย
“อย่าดู อย่าอยากรู้ มันไม่ใช่เรื่องของมึง”มันบอกด้วยสีหน้าจริงจัง จ้องผมเพื่อกดดันให้ตอบรับในสิ่งที่มันสั่ง ผมเบนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าขอบตาร้อนพราว รู้สึกเหมือนโดนต่อยหน้าอย่างแรงแต่กลับรู้สึกเจ็บในอก
“......”ผมเบนหน้าหนีเพราะจู่ๆก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ นี่ผมคงเป็นบ้าจริงๆถึงได้คิดอะไรแบบนี้
“เรื่องคนเธอคนนั้น มันไม่มีความสำคัญอะไรที่ต้องรู้จัก ทั้งกับมึงหรือกับพวกกู”ผมไม่รู้ว่าตัวเองแสดงอาการยังไง มือของไอ้แก่วางลงบนหัวผมแล้วลูบไปมา คำพูดแข็งกระด้างของมัน กลับทำให้ใจที่เหมือนถูกทุบเมื่อกี้ได้รับการรักษา
แต่ทว่า สายตาของมันนั้นกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“อืม”ผมตอบรับคำของมันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบชีทเรียนมาอ่านแทน พอเห็นผมอ่านชีทมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป ตาผมยังคงจับจ้องไปที่ โน้ตบุ๊กของตัวเองที่ถูกพับหน้าจอวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในใจก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมไอ้แก่ถึงดูกลัวที่ผมจะรู้เรื่องเธอคนนั้นนัก คำพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง และเพราะอะไรถึงทำให้ผมเห็นความเจ็บปวดในแววตาคู่นั้น
มีคำถามมากมายที่ผมสงสัย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะส่ายหัวไล่ความคิด แล้วกลับมาอ่านชีทของตัวเอง
ไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปตอนไหน แต่มารู้สึกอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นที่บริเวณซอกคอ กลิ่นแชมพูเย็นๆลอยขึ้นมาแตะจมูกชวนให้อยากหลับตาลงอีกครั้ง แต่เพราะร่างกายที่กำลังถูกลวนลามผมเลยต้องพยายามลืมตาขึ้นมา
“กูง่วง”ผมบอกพยายามดันไอ้หัวกลมๆออกจากซอกคอ และครั้งนี้มันได้ผล ไอ้แก่เงยหน้าขึ้นจากซอกคอของผม ในความมืดสลัวๆนั้นผมเห็นมันยกยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ กว่าจะรู้ทัน มันก็ก้มลงมาจูบผม จูบที่แทบจะดึงเอาวิญาณผมไป ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในปากเกี่ยวรัดไล่ต้อนลิ้นของผมอย่างชำนาญ รสจูบที่ห่างหายไปนานทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างฉับพลัน มือเย็นๆของมันสอดเข้ามาใต้เสื้อนอนของผม ลูบไล้ที่หน้าท้องไปมาก่อนจะไต่ขึ้นสูง ปัดป้ายจนไปโดนยอดอกเล็กๆ ผมเกร็งท้องอย่างห้ามไม่ได้เมื่อความเสียวแล่นขึ้นมาจนถึงหัว ปากของมันยังคงทำหน้าที่บดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างไม่เปิดโอกาสให้ผมประท้วงการกระทำหยาบโลน
มือของผมเริ่มอยู่เฉยไม่ได้พยายามหาที่ยึดเกาะเพื่อตั้งหลัก
“ปาป๊า”ทั้งผมและไอ้แก่เด้งตัวออกจากกันแทบจะทันที เมื่อประตูห้องนอนถูกเปิด พร้อมกับเด็กสองคนที่จับมือกันมายืนอยู่หน้าห้อง ผมเอื้อมไปเปิดโครมไฟ เห็นจงชิงน้ำตานองหน้ามือหนึ่งจับมือของฉิงฉิงเอาไว้ อีกมือก็ถือตุ๊กตาแกะตัวโปรด
“ครับ”ไอ้แก่เดินไปหาลูกมัน
“น้องฝันร้าย”ฉิงฉิงบอก ผมเลยลุกขึ้นเดินไปหาเหมือนกัน พอผมเดินไปจงชิงก็เอนตัวมาหาผม ผมเลยอุ้มขึ้นมา
“งั้นนอนด้วยกันไหม”ผมถามจงชิง นี่เป็นโอกาสดีเลยที่ผมจะรอดพ้นจากงื้อมือไอ้แก่คืนนี้
“นอน!”ฉิงฉิงรีบตอบตกลงอย่างดีใจ วิ่งขึ้นเตียงอย่างไวจนไอ้แก่ไม่ทันได้ห้ามหรือโต้แย้งอะไร ผมเลยอุ้มจงชิงที่เงียบแล้วมานอนด้วย
แอบเห็นไอ้แก่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายมันก็ยอมปิดประตูห้องนอนอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นมันทำท่าถูกขัดใจแบบนี้ ดูไม่ได้จริงๆ อย่างว่าแหละดุแค่ไหนก็แพ้ให้กับลูกตัวเอง เหมือนพ่อผมไม่มีผิด แอบสะใจนิดๆเหมือนกัน
และเรื่องคืนนั้นก็จบลงด้วยการที่ไอ้แก่เดินเข้าห้องน้ำไปเป็นชั่วโมง จนผมเผลอหลับไปพร้อมลูกๆของมัน
สองสามวันที่ผ่านมาผมใช้เวลาไปกับการติวและเป็นเหมือนพี่เลี้ยงเด็กให้ลูกๆไอ้แก่ไปในตัว กิจวัตรประจำวันของผมเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ปกติในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาผมต้องกลับบ้านไม่เกิน1ทุ่มเพื่อมา เป็นตุ๊กตายางรองรับอารมณ์ของไอ้แก่ แต่ตอนนี้ทุกเย็นผมต้องมาค่อยรองรับอารมณ์ของลูกๆมันแทน จะบอกว่ามันดีกว่าก็ไม่เชิง เพราะบ้างครั้งผมก็รู้สึกว่าการต้องโดนไอ้แก่ทำมิดีมิร้ายยังจะดีกว่าการค่อยวิ่งไล่จับลูกๆของมันที่สุดแสนจะไฮเปอร์นี่ซะอีก ผมไม่เคยเห็นทั้งสองคนอยู่นิ่งๆเกิน30วิ ถ้าไม่หลับหรือพ่อมันไม่นั่งคุมอยู่ด้วยก็ไม่มีทาง
การติวแสนหนักหน่วงของผมกลายเป็นเรื่องสบายๆเลยเมื่อเทียบกับการต้องมาดูแลลูกของไอ้แก่ในทุกวัน
ถ้าถามว่าทำไมไม่จ้างพี่เลี้ยงมา ผมก็ตอบเลยครับว่าไม่รู้เหมือนกัน ที่บ้านหลังนี้มีแม่บ้านอยู่ราวๆ5คน คนสวนกับคนงานส่วนอื่นๆอีก2-3คน ซึ่งแต่ล่ะคนก็ดูเหมือนจะเป็นคนไทยซะส่วนใหญ่ เลยไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้แล้วที่เป็นปัญหาก็คงจะเป็นลูกๆของไอ้แก่ที่ไม่ยอมพูดภาษาไทยกับใครนอกจากผม เลยกลายเป็นว่าแม่บ้านคนอื่นๆก็ไม่สามารถเข้ามาดูแลได้
วันนี้เป็นหนึ่งวันที่ผมได้อยู่อ่านหนังสือที่บ้านหลังจากไปติวกับพี่ปอนด์พี่เทมและกับเพื่อนๆมาตลอด3-4วันที่ผ่านมา
“น่านนนนนนนนนนนนนนนนนน”เสียงแปดหลอดดังลั่นไปทั่วทั้งบ้าน ทำให้ผมเงยหน้าจากหนังสือในมือที่นั่งอ่านที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่เช้า มองหาต้นเสียง ไม่นานร่างกลมๆสั้นๆของจงชิงก็วิ่งน้ำตานองหนาเข้ามาหา ผมได้แต่ลอบถอนหายใจก่อนจะวางหนังสือแล้วเดินไปจูงมือจงชินมานั่งที่โซฟา
“เป็นอะไรอีกฮึ”ผมถามพร้อมปาดคาบน้ำตาบนใบหน้าให้
“เจ้ แกล้ง “บอกสาเหตุเสร็จก็ปีนขึ้นมาบนตักเอนซบใบหน้าเข้ากับอกของผม สองแขนสั้นๆโอบกอดแน่นเท่าที่จะสามารถทำได้ ส่วนผมก็ได้นั่งลูบผมนิ่มๆนั้นอย่างปลอบโยน ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนมาเป็นพวกรักเด็กหรอกนะครับ ก็แค่ทำไปตามปกติอย่างที่ทำอยู่ทุกวันในช่วงนี้
เห็นไอ้แก่บอกว่าทั้งสองคนเข้าเรียนอนุบาลแล้วที่จีน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวของจีน ซึ่งหน้าหนาวของจีนทุกคนคงรู้ๆกันอยู่ว่ามันเลวร้ายแค่ไหน ทุกปีช่วงนี้ ฉิงฉิงและจงชิงจะมาอยู่ที่ไทย ปกติจะมีพี่เลี้ยงมาด้วย แต่รู้สึกว่าคนที่เป็นพี่เลี้ยงทั้งสองคนจะล้มป่วยปีนี้เลยมีแค่เด็กทั้งสองคนที่มา แล้วสัปดาห์หน้าผมก็ต้องสอบแทบทุกวันคงจะต้องบอกไอ้แก่ให้หาพี่เลี้ยงมาดูสักอาทิตย์สองอาทิตย์แล้ว
“......”ฉิงฉิงที่วิ่งตามมาที่หลังก็ตรงเข้ามาหาจงชิงในมือเล็กมีจิ้งจกตัวจิ๋วถูกจับห่างห้อยหัวลงเหวี่ยงไปมา
“กรี๊ดดดดดดดดดด!”จงชิงแผดเสียงร้องลั่นทันที ที่หันมาเจอฉิงฉิงถือจิ้งจกอยู่ใกล้ๆ แขนเล็กกอดผมแน่นขึ้นด้วยความกลัว ผมได้แต่หัวเราะในคอ เห็นบุคลิกของฝาแฝดชายหญิงที่สลับกันจนน่าขำ
“ฉิงฉิง น้องกลัว เอาไปปล่อย”ผมบอก กอดจงชิงทั้งตัว เด็กๆนี่ตัวนุ่มนิ่มน่ากอดจริงๆ แถมกลิ่นก็หอมอีก นั่งกอดแบบนี้ทั้งวันเลยยังได้
“ไม่!”ฉิงฉิงก็ยังเป็นฉิงฉิงถึงจะอยู่ด้วยกันว่าหลายวันแต่ก็ยังคงดื้อเพ่ง ไม่ฟังใครนอกจากไอ้แก่คนเดียว
“สงสารมัน ปานนี้พ่อแม่มันตามหาแล้วมั้ง มันเจ็บด้วยเห็นไหมดิ้นใหญ่เลย”ผมบอกทำหน้าตาสงสารจิ้งจกแบบแสแสร้งสุดๆ
ฉิงฉิงนิสัยคล้ายเด็กผู้ชาย ดื้อซนไม่กลัวอะไรสักอย่างผิดกับจงชิงที่กลัวทุกอย่างแม้กระทั้งมดตัวเล็กๆ กับจงชิงแค่บอกว่าอย่าแล้วทำเสียงเข้มนิดหน่อยก็ยอมหยุดแล้ว แต่ฉิงฉิงทำแบบนั้นไม่ได้ กับฉิงฉิงต้องใช้เหตุผลและการแสดง ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ ที่ผมกำลังทำอยู่ในขณะนี้
ฉิงฉิงหน้าหมองลงทันทีที่ฟังผมพูดจบ มองจิ้งจกในมือกับหน้าผมสลับไปมา สุดท้ายก็เลิกจับหางมันเปลี่ยนเป็นวางไว้บนฝ่ามือแทนใช้มือทั้งสองข้างช้อนติดกัน พาจิ้งจกออกข้างนอก แล้วก็เดินกลับเข้ามาพร้อมใบหน้าเศร้า อ้อมมาอีกฝั่งเพื่อปีนขึ้นโซฟาตัวเดียวกันกับที่ผมนั่ง
ผมยกมือขึ้นยีหัวฉิงฉิงอย่างเอ็นดู เห็นเด็กผู้หญิงสวยขนาดนี้หน้าเศร้าเพราะรู้สึกผิด ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งคงอยู่เฉยไม่ได้
ผมหยิบกระดาษเช็ดชู่เปียกซึ่งตอนนี้กายเป็นของที่ผมต้องมีไว้ข้างตัวตลอดเวลาเพื่อไว้เช็ดมือให้กับฉิงฉิงและจงชิง
“ยื่นมือมา”ผมบอกฉิงฉิง ฉิงฉิงยื่นสองมือมาอย่างว่าง่าย ผมเลยใช้กระดาษเช็ดชู่เปียกเช็ดมือทั้งสองข้างให้
“แล้วมันจะหาพ่อแม่เจอไหม”ฉิงฉิงถามเสียงอ่อน
“เจอซิ เจออยู่แล้ว”ผมบอก จงชินเงยหน้าจากอกของผมขึ้นมามองพี่สาว ด้วยอีกคน
เสียงรถคุ้นหูดังขึ้นที่หน้าบ้านทำเอาทั้งผมทั้งเด็กทั้งสองคนหันไปมองหน้าประตูบ้านเป็นทางเดียวกัน
“ปะป๊า/ปะป๊า”ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกันก่อนที่ทั้งคู่จะกระโดดลงจากโซฟาวิ่งไปทางหน้าบ้าน ผมมองดูนาฬิกาที่ฝ่าผนัง บอกเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ ทำไมกลับมาไว
ไม่นานผมก็เห็นไอ้แก่ที่ตอนนี้สองแขนของมันอุ้มลูกๆไว้ทั้งสองข้าง เดินตรงมาหาผม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆ
“ทำไมกลับมาไว”ผมถาม เลิกคิ้วมองมันอย่างสงสัย ปกติวันไหนมันไม่ต้องไปรับผมมันก็จะถึงบ้านเกือบๆ2ทุ่ม แต่วันนี้กลับมาถึงเร็ว
“งานเสร็จเร็ว”มันบอกจูบลงบนหัวลูกๆของมัน ผมเลยเลิกสนใจครอบครัวสุขสันข้างๆหันกลับมาสนใจหนังสือที่หยุดอ่านไปเมื่อกี้แทน
“ไปแต่งเตรียมตัว เดี๋ยวพาไปกินข้าวข้องนอก”ไอ้แก่สั่ง ก่อนจะลุกขึ้นอุ้มลูกๆมันขึ้นไปชั้นสอง ทิ้งให้ผมมองตามอย่างไม่เข้าใจ
TBC.
เบาๆก่อนเข้าดราม่า
ตอนนี้เปิดจองร้ายจน...รักอยู่ ใครสนใจอย่าลืมเข้าไปจองนะครัช อุดหนุนเพื่อนิยายเรื่องต่อๆไปด้วย