My wife is bigboss by Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My wife is bigboss by Katesnk  (อ่าน 252405 ครั้ง)

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
 :sad4: ยังไม่มาอีกหรอ นานแย้วนะ  :o12:

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
NC ด่วนจ้า

 :5555:

      ^
      ii
      ii
      ii

หื่น  หื๊น  หื่น


อิอิ

February

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้ก็ยัง.....





.....................ไม่มา... :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
มิ้นขอโทษนะคะ  มิ้นอู้เองอ่ะ  ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลย


บทที่ 49

------------------------


“เคลวิน ทำแบบนี้จะดีหรือครับ ...เดี๋ยวใครมาเห็นนะ”

เขาพยามปัดป้อง ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เกิดจากรังเกียจ แต่คงเพราะกลัวจะมีคนมารู้เห็นเรื่องของเรามากกว่า แต่ความรักมันบังตา และความเชื่อมั่นว่าไม่มีใครมายุ่งที่เรือนพักของผมแน่ๆ ทำให้ผมดื้อรั้น ไม่ยอมฟังคำทัดทาน และรุกรานเขาอย่างย่ามใจ

“ไม่มีใครผ่านมาแถวนี้หรอกครับ หากผมไม่ได้เรียก ที่นี่มีแค่เราสองคนเท่านั้นเองนะครับ”

ผมโน้มน้าวเคนด้วยวาจา มือไม้ก็ซุกซนไปเรื่อย หวังปลุกอารมณ์ของเคน รู้สึกผิดนิดหน่อยที่คอยหื่นทุกสถานการณ์ ตอนนี้เคนไม่สบายใจ ผมกลับหาประโยชน์ จากตัวเขา

แต่คิดอีกที นี่อาจจะเป็นโอกาสเหมาะ ในการที่จะทำให้เคนคลายความเครียด การที่เราแสดงความรักต่อกัน น่าจะทำให้เคนปลดปล่อยอารมณ์ได้บ้าง

“ยังไงมันก็ไม่ดีหรอกครับ เคลวิน เดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ คุณมีคิวที่ต้องแสดงด้วยนี่ครับ”

คนน่ารักของผมพยายามจะเตือนสติให้ผมห่วงงานมากกว่าจะมาเสียเวลากับเรื่องส่วนตัว แต่ผมคำนวณเวลาเอาไว้แล้วว่าหากเราจะกุ๊กกิ๊กกัน คงไม่ต้องใช้เวลานานมากนัก ถึงไง ผมก็ไปทันก่อนงานเริ่มอยู่ดี

“เหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง...ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เขามีกิจกรรมต่างๆมากมาย ให้พนักงานสนุกสนานกันก่อนเริ่มงาน เราสองคนก็มีเวลาเหลือเฟือนะครับ กุ๊กกิ๊กกันสองสามรอบสบายๆ”

ผมพูดเว่อร์เกินจริง เพื่อโน้มน้าวใจเคนให้ยอมทำตามใจผม แต่สุดที่รักของผม ก็ไม่ยอมคล้อยตามอยู่ดี ดื้อชะมัดยาด

“เคลวินอย่าเอาแต่ใจตัวเองสิ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาทำอะไรกันแบบนั้นนะครับ งานต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัวต้องมาทีหลัง เคลวินพูดแบบนี้เสมอไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงจะทำผิดกฎเสียเองล่ะ “
เขาทำเสียงดุผม ช่วงหลังๆนี้ เคนเริ่มกลัวผมน้อยลง และดุผมมากขึ้น แต่ผมกลับไม่โกรธเขา กลับรู้สึกดีที่สามีของผมเป็นลูกผู้ชายที่เข้มแข็ง

ต่อไปในภายภาคหน้าเขาคงเป็นผู้นำผมได้ แล้วสิ่งที่เขาว่า ก็มาจากความปรารถนาดีที่มีต่อผม เขาพยายามปกป้องไม่ให้ผมโดนครหานินทาจากพนักงานคนอื่นๆต่างหาก

“เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกมากนะครับ ทำไมรีบร้อนนักล่ะ วันอื่นก็ได้ ผมไม่ได้อยู่กับเคลวินวันนี้วันเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะ”

สามีพยายามจะทำให้ผมเปลี่ยนใจ

“เอาไว้วันหลังนะครับ”

เคนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ผมหลงรักความซื่อของเคนเหลือเกิน ความที่เขาหวังดีกับผม เลยพูดประโยคนั้นออกมาเพื่อให้ผมเลิกล้มความตั้งใจของตัวเองที่จะมีอะไรกับเขาตอนนี้

เคนคงไม่รู้หรอกว่า คำพูดของเขามันทำให้ผมมีความหวัง และผมก็ชอบตีความเข้าข้างตัวเองอยู่แล้ว

ดังนั้นการที่เขาพูดว่า เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน และ เขาก็ไม่ได้อยู่กับผมแค่วันเดียว ทำให้ผมฝันไปไกล ถึงการได้อยู่ร่วมกันกับสามีสุดที่รักของผมไปตลอดชีวิต

“สัญญาแล้วนะ....”

ผมเอานิ้วก้อยไปเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของเคน แล้วเกี่ยวนิ้วเขาขึ้นมา ให้มือมาชูอยู่ตรงหน้าเราสองคน และทวงคำมั่น

“อะ...อะไรเหรอครับ”

สามีสุดที่รักของผม ทำท่าเงอะงะ หน้าตาตอนเอ๋อๆ นี่น่ารักมากๆ จนผมแทบอดใจไม่ไหว

“ก็ที่บอกว่าเคนจะอยู่กับผมอีกนาน ไม่ได้อยู่กับผมแค่วันเดียว”

“เอ้อ......”

มีสีแดงเรื่อ ปรากฏขึ้นที่แก้มของเคน เขากำลังอาย เมื่อเข้าใจความหมายของผม

“ผมหมายความว่างั้นเหรอครับ”

ยังจะมาถามอีก หมายความตามนั้นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมสรุปตามความคิดของผมแล้ว ว่าใช่ พอผมยืนยันความเห็นของตัวเอง เคนก็ยิ้มเขินๆ

การที่เขาไม่ได้ตอบปฏิเสธผม เอาแต่ยิ้ม ทำให้ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก อาการแบบนี้ แปลว่าเคนเริ่มยอมรับในตัวผมหรือเปล่านะ


--------------------
“แต่ถึงยังไงคืนนี้ เคนก็ต้องนอนกับผม แล้วเราก็ต้องกุ๊กกิ๊กกันด้วยนะ”

ผมทวงคำสัญญาที่ตกลงกันไว้

“อ้าว...”

เขาทำหน้างงอีกแล้ว สามีของผมนี่ ลืมจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นจำไม่ได้กันแน่นะ น่าจับลงโทษด้วยการจับกดซะตอนนี้เลย เผื่อว่าจะจำได้ว่าสัญญาอะไรกันไว้

“ก็ผมชนะคุณ 2 ต่อ 1 ไง จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเราพนันกันไว้อย่างไร”

ทวนกติกาให้ฟังอีกครั้ง คราวนี้ เคนหน้าแดงก่ำมากกว่าเดิม เขาคงจำได้แล้วสินะ ว่าเราตกลงกันว่าอย่างไร
“ห้ามเบี้ยวนะ ...”

ผมเกี่ยวก้อยเขย่าไปมา เป็นการย้ำเตือนไม่ให้เขาบิดพลิ้ว

“รู้แล้วครับ...”

เขารีบตอบ คงกลัวว่าผมจะเซ้าซี้มากยิ่งขึ้น หรือไม่ก็กลัวว่าผมจะหาว่าเขาจะเบี้ยว ผมลอบยิ้มอย่างสมหวัง การเป็นคนซื่อๆของเคนมันดีตรงนี้เอง ตรงที่ซื่อสัตย์ รักษาสัญญา และหลอกง่าย ทำให้ผมฉวยโอกาสกับเขาได้บ่อยๆ

“งั้น ผมขอมัดจำเคนไว้ก่อนนะครับ”

โดยไม่รอฟังคำอนุญาต ผมก็ก้มลงไปจูบเบาๆที่แก้ม และพยายามยั้งใจเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนริมฝีปากไปที่อื่นด้วยกลัวว่าผมจะหยุดตัวเองไม่ได้ จะพาลล่วงเกินเขาเลยเถิด จนไปงานไม่ทัน สู้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ฮันนีมูนกับเขาคืนนี้ดีกว่า

จังหวะที่ผมกำลังผละจากเคน เสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น ฟังคล้ายเสียงประตูเปิด และของหล่นลงบนพื้น และจากการที่ได้เห็นดวงตาที่เบิกกว้างของเคนอย่างตกใจ ทำให้ผมคาดเดาเอาว่า ตอนนี้ เราสองคนไม่ได้อยู่กันตามลำพังเสียแล้ว

มีใครบางคนที่บังอาจ โผล่เข้ามาที่บ้านพักของเราสองคน โดยที่ไม่ได้เชื้อเชิญ ผมจำได้ว่าไม่ได้เรียกใครให้มาหาที่บ้านพัก

แม้แต่เลขาคนสนิทอย่างนนนี่ ผมก็ปล่อยให้เขาได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว กับสามีของเขา ไม่ต้องมาตามรับใช้ผม แล้วผมก็มีเคนอยู่แล้วด้วย

หากผมต้องการอะไร ผมจะสั่งที่เคน และกำชับใครต่อใคร ว่าห้ามรบกวน แต่ตอนนี้มีคนฝืนคำสั่งแล้ว และคนๆนั้นจะต้องโดนดีแน่ๆ ที่กล้าขัดคำสั่งผม

“เคล..เอ่อ ท่านประธาน”

เคนกระซิบเบาๆ ท่าทางยังไม่หายตกใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล มือที่ผมกุมไว้ เย็นเฉียบ เขาคงกลัวถูกเปิดโปงความลับ คงกลัวว่างานจะเข้าผม และผมจะเดือดร้อน

“ชู่...”

ผมจุ๊ปาก แล้วส่งสายตาห้ามไม่ให้เคนแสดงปฏิกิริยาอะไร ส่วนตัวผมเอง ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม ไม่แม้แต่จะขยับหันไปมองผู้บุกรุกที่น่ารำคาญ แต่ในใจหมายไว้แล้ว ว่าคนที่เข้ามา ชะตาต้องถึงฆาตแน่


--------------------

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0


“เอาล่ะ ผมเขี่ยผงออกจากตาให้คุณเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวคุณไปหาน้ำสะอาดๆมาล้างตานะ”

พูดด้วยเสียงอันดัง เพื่อให้คนมาใหม่ได้ยิน เป็นการแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าที่ผมคิดได้ขณะนั้น ไม่การันตีว่าคนมาใหม่จะเชื่อหรือไม่

แต่ดีกว่าการที่จะต้องหันกลับไปด่า หรืออาละวาดโวยวาย สู้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า แล้วหาทางจัดการกับคนที่ล่วงล้ำเข้ามาในสถานที่ส่วนตัวของผม และหากเขายังกล้าที่จะพูดมากปากโป้ง คงได้เห็นดีกัน

หลังจากทำเป็นว่าผมเขี่ยผมเข้าตาให้กับเคนแล้ว ผมก็ค่อยๆหันหน้าไปทางประตูบ้านช้าๆ นายชาตรียืนหน้าตาเลิ่กลั่ก เหงื่อแตกอยู่กลางห้อง

จากอากัปกริยาของเขาทำให้ผมเดาได้ทันทีว่า ผู้จัดการเก่าแก่เห็นผมแสดงความรักกับเคนเข้าเต็มตา และเขาคงอยู่ในภาวะละล้าละลัง ว่าจะยืนอยู่ต่อ หรือรีบออกไปดี

ผมยิ้มให้เขาหน้าเครียด ก่อนจะร้องทักทายเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ ทว่าแววตาที่มองเขาใส่ความดุดันเข้าไปเต็มที่

“ว่าไงคุณชาตรี มีอะไรให้ผมรับใช้ ถึงได้มาหาผมถึงบ้านพักส่วนตัวที่นี่”

ผมจงใจเน้นคำลงไปให้เขาได้ตระหนักว่า เขากำลังรุกล้ำอยู่ในเขตหวงห้ามของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต

นายชาตรี ทำหน้าจืดจ๋อย มองผมด้วยสายตาหวาดๆ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะเอาลงมากุมมืออีกข้างที่ตรงหว่างขา

“เอ่อ...ขอโทษครับ ท่านประธาน คือว่า...เอ้อ...พอดี ...ทางสต๊าฟจัดงานเขาถามหาท่านประธาน ผมก็เลยเอ้อ...ก็เลยเดินมาตามท่าน...เอ้อ..ที่นี่ครับ”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก การที่ได้เห็นคนแก่วัยกว่ามาทำท่ากลัวหงอ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจมากขึ้น กลับรู้สึกสงสารแกมากกว่า

หากแต่ความผิดที่แกบังอาจเข้าบ้านพักผมมาโดยพลการ จนทำให้ล่วงรู้เรื่องของผมกับเคนโดยบังเอิญเป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้ จำเป็นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม

การข่มขู่วางอำนาจเหนือเขา จะทำให้นายชาตรีไม่กล้าปากโป้งเอาเรื่องของผมกับเคนไปพูดให้ใครฟังได้สักระยะหนึ่ง ก่อนที่ผมจะคิดวิธีการจัดการกับเขาได้ใหม่

“ผมว่าสัญญาณมือถือก็เต็มอยู่นะ ถึงที่นี่จะเป็นรีสอร์ท อยู่ใกล้ภูเขากับทะเล แต่คลื่นก็เต็ม ผมยังโทรคุยกับพ่อผมอยู่เลย คุณใช้มือถือระบบไหนเหรอ ถึงไม่มีคลื่น จนโทรมาหาผมไม่ได้”

คำพูดประชดประชันของผม ทำให้นายชาตรี ซึ่งยืนหลังงุ้มกุมเป้าคงจะรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลีบเข้าไปใหญ่ ผมเห็นเขาก้มหน้าไหล่ห่อ หมดสภาพผู้จัดการจอมโหด ที่ใครๆก็กลัวเกรง

เกือบจะสงสารแล้ว แต่จำเป็นต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้เขาได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำคือความผิดพลาดขนาดไหน

“เอ่อ...ผม..ผม...ขอโทษครับ...ท่าน...ท่านประธาน ผมไม่..ไม่ทันคิด”

คนที่เคยพูดจาฉาดฉาน กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันที

“เลขาผมก็อยู่ไม่ใช่เหรอ คุณโทรมาหาเลขาผมก็ได้”

ตำหนิเขาอีก เขาไม่โต้ตอบอะไร ทำท่าสำนึกผิด

“เอาล่ะ ครั้งนี้ไม่เป็นไร ผมคิดว่าคุณอาจจะรีบร้อนมาตามผม เลยทำให้คุณไม่ทันได้ฉุกคิดเรื่องความเหมาะสมอย่างที่คุณว่า คราวหน้าคุณคงไม่ทำเช่นนี้อีก”

สำทับเขาไปเป็นการข่มขู่ว่าผมเอาจริง นายชาตรีรีบผงกหัวรับคำ จากนั้นก็รีบลนลานออกจากบ้านผมไป เขาเสร็จธุรการบอกกล่าวของเขาแล้ว และไม่กล้าเสนอหน้าอยู่ต่อ

กลัวผมวีนใส่ ทั้งที่จริงๆ ผมก็ไม่ได้ต้องการจะเอะอะเอ็ดตะโรใส่เขา ผมแค่พูดเสียงเข้ม และทำตาดุใส่เท่านั้น เขาก็เกรงกลัวไปแล้วโดยที่ผมไม่ต้องแสดงพลัง

“เป็นเรื่องแล้วไหม...เคลวิน...เขาจะเอาคุณไปนินทาไหมครับ”

สีหน้าของเคนไม่สู้ดีเลย จนผมอยากจะดึงมากอดปลอบขวัญ เขาห่วงผมมากกว่าห่วงตัวเองเสียอีก คนที่สมควรจะผิดในกรณีนี้ น่าจะเป็นผมมากกว่า ที่ไม่รู้จักระมัดระวัง มั่นใจว่าจะไม่มีใครมายุ่มย่ามแถวบ้านพักของตัวเอง

โดยลืมคิดไปว่า พวกพนักงานหลายคนก็ห่วงใยในตัวผม อยากมาช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้ แม้ว่าผมจะอยู่กับผู้ช่วยเลขาของผมก็ตาม แต่พวกเขาก็คงกลัวว่าผมจะได้รับความลำบาก

นี่ยังไม่นับรวมพนักงานบางจำพวกที่ชอบสอดรู้สอดเห็น

สำหรับนายชาตรี ผมว่าน่าจะเป็นพวกแรกมากกว่า เพราะผมรู้จักเขามานาน นายชาตรีเป็นคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับบริษัท

แม้ว่าส่วนหนึ่งจะทำเพื่อหวังความเติบโตในหน้าที่การงาน และชอบประจบประแจง วางก้าม แต่เขาก็มีส่วนช่วยเหลือบริษัทได้มากโขอยู่

แค่ปรับเปลี่ยนนิสัยบางอย่างของเขาเท่านั้น นี่อาจจะเป็นโอกาสดี ที่ผมจะได้จัดการกับเขาก็ได้

“ผมขอโทษนะครับ ..”

มือใหญ่ของผมยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าของเคนอย่างแผ่วเบา เขาพยายามเบี่ยงหน้าหนี มันทำให้ผมรู้สึกปวดใจ แม้ผมจะรู้ว่าเคนไม่ได้ทำเพราะรังเกียจ แต่กลัวมีคนเห็น ผมก็รู้สึกน้อยใจอยู่ดี

ทำไมผมจึงไม่สามารถจะแสดงความรักกับเขาได้อย่างที่ใจต้องการได้นะ ผมไม่ต้องการการหลบๆซ่อนๆ ผมอยากเปิดเผยเรื่องราวความรักระหว่างเขากับผม

อยากเดินควง อยากที่จะแสดงความรักกับเขาได้อย่างเปิดเผย ผมไม่สนว่าใครจะชิงชังรังเกียจ ผมรักเขา และผมไม่ต้องการดูถูกความรักของตัวเอง การลักกินขโมยกินทำให้ผมรู้สึกแย่

“จะทำอย่างไรดีครับ เคลวิน คุณชาตรี เขาจะเอาเรื่องที่เขาเห็นไปเล่าให้คนอื่นฟังไหมครับ”

น้ำเสียงของสามีแสดงออกถึงความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ผมสบตาของเคนแล้วส่ายหน้า ผมเองก็ไม่รู้จริงๆว่า นายชาตรี เห็นอะไรไปมากน้อยแค่ไหน

แล้วสิ่งที่ผมแก้สถานการณ์ไปเมื่อครู่ มันจะทำให้นายชาตรีเข้าใจหรือเปล่า ว่าผมไม่ต้องการให้เขานำไปพูด

แม้ว่าผมจะค่อนข้างมั่นใจว่าผู้จัดการของผมคนนี้ จะไม่กล้าปากโป้งเอาเรื่องของผมไปพูดคุยกับใครๆฟัง เพราะกลัวหน้าที่การงานสั่นคลอน

แต่สิ่งที่ผมไม่รู้เลยก็คือ เขาจะย้อนเอาสิ่งนี้มาเป็นเครื่องต่อรองกับตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาหรือเปล่า ผมเกลียดมากๆ

หากใครจะมาใช้วิธีการสกปรกเพื่อการเลื่อนขั้น และผมไม่มีทางยอมแน่ๆ หากนายชาตรีขืนใช้เรื่องที่เห็นมาบีบบังคับผม เขาคงได้เจอการตอบกลับอย่างสาสม ผมไม่ห่วงตัวเองอยู่แล้ว แต่ผมห่วงเคนสุดที่รักของผมมากกว่า

“ถ้าเขาเอาไปพูดหมด เคลวินจะทำไงล่ะครับ แล้วพวกพนักงานที่รู้เรื่องนี้ เขาจะพูดถึงเคลวินในแง่ไม่ดีหรือเปล่า

เขาจะศรัทธาคุณเหมือนเดิมไหม จะแสดงปฏิกิริยาที่ไม่ดีใส่ หรือไม่เชื่อฟังคุณ ไม่เคารพคุณหรือเปล่า แล้วคุณจะได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานบริษัทอีกไหมครับ”

สีหน้าของเคนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ตาที่มองมามีแววห่วงใยอยู่ในนั้น

หลังจากที่เขารัวคำถามออกมามากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับผมในวันข้างหน้า ผมก็กางแขนออกโอบไปรอบตัวเคน กอดเขาไว้แนบแน่นด้วยความซึ้งใจกับความทุกข์ที่สามีสุดที่รัก มีต่อเรื่องของผม

“ไม่ต้องกลัวครับ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก นายชาตรีคงไม่ตัดอนาคตตัวเองด้วยการปากโป้งพูดเรื่องของผมกับคุณหรอก”

สร้างความมั่นใจให้กับเขา แต่เคนก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี

“ถ้าคุณโดนรังเกียจ ผมคงอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่มีความสุขแน่ บางที ผมอาจจะลาออกดีไหมครับ คุณจะได้ไม่เดือดร้อน”

อยู่ๆ เคนก็พูดในสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกน้อยใจขึ้นมา

“เคนจะหนีผมไปไหน รังเกียจผมถึงขนาดที่ต้องลาออกเลยหรือครับ”

ตัดพ้อต่อว่าเขา

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้รังเกียจเคลวิน แต่ ...แต่ว่า ถ้าหากคุณชาตรี เอาเรื่องของเราป่าวประกาศไปทั่ว คุณก็ต้องเดือดร้อน พนักงานต้องนินทาคุณให้เสื่อมเสียแน่ๆ”

นี่คือเหตุผลของเขา น่าซึ้งใจยิ่งนัก เคนเสียสละตัวเองเพื่อผม ทั้งที่เขาเองก็มีความจำเป็นเรื่องงานการ ฐานะเขาก็ไม่ค่อยดี ตกงานไปแล้ว

กว่าจะหางานใหม่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เขาจะอยู่อย่างไร ครอบครัวจะอยู่อย่างไร การที่เขาตัดสินใจจะลาออก ก็เพราะกลัวผมจะมีปัญหา แล้วผมจะใจจืดใจดำ เอาตัวรอด ปล่อยให้สุดที่รักของผมไปตกระกำลำบากได้อย่างไร

แขนของผมกางออกเพื่อโอบกอดเคนอีกครั้ง หลังจากที่ผละออกเมื่อครู่เพื่อเค้นหาความจริงจากสามีของผม

ผมกอดเขาไว้แน่น ปรารถนาที่ปลอบโยนไม่ให้เคนคิดมากวุ่นวายใจ ร่างในอ้อมกอดของผมยุกยิก สักพักผมก็รู้สึกว่ามีแขนของใครคนหนึ่งโอบกอดรอบตัวผม …

แขนของเคน....

สามีที่รัก กอดตอบผม

โอ๊ย....

อะไรกันนี่...

ผมอยากจะกรีดร้องด้วยความดีใจ

เคนกอดผม เขาเป็นฝ่ายกอดผมเอง….

ผมจะเป็นลมไหม...

เคนห่วงผม...เคนกอดผม...เขากำลังปลอบใจผมเช่นกัน

หัวใจของผมพองโตคับอก ไม่กล้าแม้จะพูด หรือขยับตัว ด้วยกลัวว่าเคนจะเขิน แล้วชักมือกลับ หากผมทำกระโตกกระตากให้เขาอาย

เคนคงห่วงใยความรู้สึกของผมเช่นกัน ถึงได้มอบอ้อมกอดของเขาให้ผม อ้อมกอดของสามีสุดที่รัก ช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน จนผมแทบละลาย

เคนจ๋า...เคนจะรู้ไหมหนอ สิ่งที่เขาทำให้ผม มันทำให้ผมรู้สึกเป็นสุขมากแค่ไหน พร้อมจะลุยกับทุกๆคนที่จะพรากเราสองคนให้จากกัน

แค่อ้อมกอดของเคน ซึ่งไม่ว่าเขาจะแสดงออกมาโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม มันทำให้ผมเริ่มมั่นใจว่าเคนเองก็มีใจให้ผมอย่างแน่นอน

ผมดีใจมาก มีความสุขที่สุด ทุกสิ่งที่ผมทำ ผมไม่เคยต้องการอะไร นอกจากความเข้าอกเข้าใจ และการยอมรับจากเคน และนี่ก็นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี สำหรับการเริ่มต้นชีวิตของเราสองคน

“ทุกอย่างจะต้องลงเอยด้วยดีนะครับ”

หลังจากเราสองคนกอดกันได้สักพัก ผมก็เป็นฝ่ายผละออกก่อน ที่จริงก็เสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะนานๆ เคนจะเป็นฝ่ายกอดผมก่อน แต่หลังจากที่มีคนโผล่เข้ามาในบ้านพักส่วนตัวของผมโดยไม่บอกกล่าว ผมก็ชักไม่ไว้ใจ

ไม่รู้ว่าตอนออกไปนายชาตรีล็อคประตูบ้านให้ผมหรือเปล่า ตอนผมเข้ามาผมลืมล็อค เพราะมัวแต่มองหาเคน และไม่คิดว่าจะมีใครกล้าดี โผล่เข้ามายุ่มย่าม แต่ตอนนี้ชักเริ่มระแวง

แค่นายชาตรีเห็นคนเดียวก็เกินพอแล้ว ความกังวลที่จะมีคนมาล่วงรู้ความลับของเราสองคน ทำให้ผมหมดอารมณ์ที่จะสวีทหวานอีกต่อไป


--------------------

TBC

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :-[ เคลวินเจ้าเล่ห์จิงๆ

รอดูผลต่อไปคุณชาตรีจะพูดมั้ย  o18

February

  • บุคคลทั่วไป
กำลังหวานได้ที...อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย... :sad4:


ลุ้นๆๆๆ อย่าหายไปนานนะ 


จะรอจ้า.. :กอด1:




ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
 :serius2: -ขี้โกง อ่ะ  NC   NC  เค้าอ่ะ ต้องรอต่อไปใช่ป่ะ  :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
NC หาย ใครพบเจอกรุณาเรียกกลับมาด่วน!!!!!!!


 :m31: :m31: :m31:

ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป

แม๊.... โผล่เข้ามาตอนไหนไม่โผล่  น่าขัดใจจริงเชียว คุนชาตรีเนี่ย.. :beat:

อดเลย  เควิลอดเลย...คนอ่านอย่างไฉไลก้ออดอ่านเช่นกัน กรี๊ดดดดดดด...ด  :z3:

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
ตาลุง(ป้า)ชาตรีเนี่ย  มาโผล่ขัดจังหวะเจงๆ

เคลวินเก็บป้าเอ๊ยลุงแกด่วน

รออ่านตอนต่อไปนะครับ :z2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คุณชาตรี คงไม่พูดหรอกมั้ง เพราะขืนปากโป้ง ดับอนาถแน่ๆๆ  :laugh:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
  :laugh: :laugh:  สำหรับผู้ที่รอ NC ยังต้องรอต่อไปอ่ะ  พี่เคทใจร้าย :sad4:  ส่งนายชาตรีมาขัดจังหวะได้  :เฮ้อ:


บทที่ 50

------------------

“เคนไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ จะได้ไปพร้อมๆกัน”

ผมเสนอว่าจะนั่งรอเขาอยู่ที่นี่ เราจำเป็นต้องไปด้วยกัน เพราะเคนต้องทำหน้าที่คอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ชิดผม การปล่อยให้ผมเดินคนเดียว โดยที่ไม่มีเคนเดินตามมาด้วย จะทำให้เคนถูกตำหนิเอาได้ ว่าไม่ใส่ใจจะดูแลหัวหน้าตัวเอง

ที่จริงห้องจัดเลี้ยงก็ไม่ไกลจากที่พักของผมมากนัก ผมสามารถเดินไปเองได้โดยไม่ต้องให้ใครมาลำบากกับผม แต่ครั้งนี้ ผมยอมรอเคนเพื่อที่จะไปพร้อมกัน เพราะเสียงเรียกร้องจากหัวใจของตัวเอง และไม่อยากให้งานเข้าสุดที่รักของผมด้วย

20 นาทีต่อมา เคนก็ออกมาจากห้องของตัวเอง เขาแต่งกายด้วยเสื้อฮาวายลายดอกที่สต๊าฟจัดงานได้แจกให้กับพนักงานบนรถ เพื่อไว้ใส่กันในค่ำคืนนี้

เคนในเสื้อกล้ามสีขาว สวมทับด้วยเสื้อฮาวายลายดอกสีเขียวฟ้า กับกางเกงเลสีน้ำเงินเข้มดูน่ารักไปอีกแบบ ที่จริงเขาแต่งตัวอะไรก็หล่อที่สุดในสายตาของผม จะยิ่งดูดีเมื่อไม่สวมอะไรเลย

“ไปกันได้แล้วครับ ผมพร้อมแล้ว”

เคนเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นผมเอาแต่จ้องมองเขาตาค้าง มีอาการเขินให้เห็นเล็กน้อย

ผมยื่นมือไปหาเคน เพื่อให้เขาดึงผมขึ้นจากเบาะนั่ง ทว่าเคนรีบเอามือไพล่หลังทั้งสองข้าง แล้วส่ายหน้า สงสัยคงเดาออกว่าผมจะดึงเขามาจูบ เกลียดชะมัดคนรู้ทัน เอาใจกันหน่อยก็ไม่ได้ ยิ่งเครียดที่ถูกคนจับได้อยู่ ผมคิดในใจอย่างพาลๆ

เราสองคนเดินอย่างรีบเร่งไปที่งาน จนแทบจะไม่ได้คุยกัน ถ้าเป็นในยามปกติ ผมก็อยากจะรั้งให้เคนเดินทอดน่องเคียงข้างผม แต่เราสองคนกลับเห็นพ้องต้องกันโดยที่แทบไม่ต้องขอความเห็นกัน นั่นคือ เราต้องไปที่งานให้เร็วที่สุด เพื่อดูว่าข่าวจากคุณปองศักดิ์แพร่ขยายออกไปแค่ไหน

ที่หน้างานตรงประตูทางเข้า ผมแอบมองอย่างสำรวจตรวจตราไปทั่วบริเวณเพื่อมองหานายชาตรี ก็เห็นเขายืนอยู่โดดเดี่ยวอยู่ตรงซุ้มเล่นเกมส์ปาเป้า หันหน้าออกไปยังซุ้มที่อยู่ตรงข้าม ซึ่งเป็นซุ้มสาวน้อยตกน้ำ สายตาของนายชาตรีไม่ได้อยู่ที่สาวน้อยที่ตัวเปียกโชกเพราะถูกปาจนตกลงในแท็งค์ แต่อยู่ที่คนปาที่กำลังหัวเราะอย่างดีกับความแม่นของตัวเองที่ทำให้ได้รับของรางวัลมากมาย

เพื่อทดสอบดูปฏิกิริยาของพนักงานในบริษัท ว่าจะมีใครนินทาว่าร้ายอะไรผมกับเคนหรือเปล่า ผมก็เลยแกล้งเดินผ่านเข้าไปในกลุ่มพนักงานที่กำลังเล่นกันสนุกสนาน มีบางคนที่หันมาเห็นผม ก็หยุดเล่นแล้วก็ยกมือไหว้ ส่งยิ้มให้ บางคนก็ทำตัวลีบด้วยความเกรงกลัว ผมเดินไปหยุดยืนมองคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้บ้าง และเดินผ่านพวกเขาอย่างช้าๆ ทันทีที่ผมคล้อยหลังก็ได้ยินเสียงลอยมาเข้าหู

“ท่านประธานหล่อจังเลยเนอะเธอ”

“มาดแมนแฮนด์ซั่ม”

“ท่าทางไม่เห็นดุอย่างที่เขาพูดกันเลย”

“มีแฟนหรือยังนะ”

ผมยิ้มขำพวกผู้หญิงเหล่านั้นที่จับกลุ่มนินทาผมด้วยท่าทีชื่นชม ทว่าผมอารมณ์ดีได้เพียงครู่ ก็ต้องหัวเสียเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบของพนักงานอีกกลุ่มหนึ่ง ที่พยายามพูดกันเบาๆ ตอนผมเดินผ่านไป แต่หูผมก็ไวพอจะได้ยิน

“เขาว่าท่านประธานกับอีตาเลขาเป็นคู่เกย์กัน เธอเชื่อฉันไหม”

ประโยคนั้นทำให้ผมหุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว ต้องบังคับตัวเองแทบแย่ที่จะไม่หันไปว๊ากใส่คนพูด ผมไม่ได้ต้องการทำให้เรื่องมันใหญ่โตขึ้น แค่ต้องการรู้ว่าใครพูดอะไรถึงผมกับเคนบ้าง

สงสัยมานานแล้วว่ามันต้องมี วันนี้ได้ยินกับหูตัวเองถึงกับอึ้ง พนักงานพวกนี้ กล้านินทาเจ้านายตัวเองที่เป็นถึงประธานบริษัทได้ในระยะเผาขนขนาดนี้เทียวหรือ

“ฮ้า...จริงเหรอ...เป็นไปได้ไง”

คู่สนทนาอีกคนทำเสียงไม่เชื่อถือ ตอนนี้ผมนึกเดาโดยไม่ต้องหันไปมองว่าคนพูดคงกำลังยกมือทาบอก อ้าปากค้าง ทำตาโตมองผมอย่างไม่เชื่อสายตา

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินเขาเล่าๆมา ว่าอีตาเลขาได้ตำแหน่งเพราะคุณเคลวินอยากได้ไปร่วมงานด้วย ทั้งที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่กี่เดือน

แถมก่อนหน้านั้นก็เป็นแค่เด็กลูกจ้างชั่วคราวเท่านั้น ฝีมือก็ไม่มี แต่ก้าวหน้าพรวดๆ ถ้าไม่ใช่ใช้เส้นคุณเคลวินคอยดัน จะไปไกลข้ามหัวคนเก่าๆได้ไง”

นั่นไง ที่พูดมาทั้งหมด เพราะคิดว่าเคนข้ามหน้าข้ามตาพวกเขานั่นเอง พนักงานของผม ยังคงใจแคบอยู่เหมือนเดิม

“นั่งดันนอนดันกันกระมังเลยเติบโตเร็ว”

เสียงที่สามเสริมขึ้น จากนั้นแม่สาวๆพวกนั้นก็หัวเราะคิกคัก ผมอยากจะเห็นหน้าพวกเธอเหลือเกินว่าเป็นใคร ทำงานแผนกไหนกัน จะได้จัดการสั่งสอนให้เข็ด โทษฐานที่ปากดี นินทาเจ้านาย

แทนที่จะเอาเวลาไปคิดเรื่องดีๆ มีประโยชน์ต่อหน้าที่การงาน กลับมาจับกลุ่มพูดคุยในเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่ถึงจะอยากรู้จักว่าพวกเธอเป็นใคร ผมก็ไม่อาจจะทำตามใจตัวเองด้วยการหันไปมองจ้องพวกเธอได้

เพราะไม่ใช่เวลาจะจัดการพวกปากเปราะ ทำได้แค่หยุดยืนนิ่งๆ ห่างจากพวกเธอเพียงนิดเดียว ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะพวกเธอค่อยๆเงียบเสียงลง และหยุดพูดไปทันที

หลังจากเสียงที่พนักงานสาวพวกนั้นสงบปากลง ผมก็ค่อยๆหันไปยังด้านหลัง ด้วยนึกขึ้นได้ว่า เคนเดินตามผมมาห่างๆ และเชื่อว่าเขาต้องได้ยินถ้อยคำที่คนเหล่านั้นนินทาลอยๆเข้าหูบ้าง คำพูดเหล่านั้นคงทำร้ายจิตใจเขาพอสมควร

สิ่งที่ผมเห็นบนใบหน้าเขากลับไม่ใช่ความเศร้าหมอง แต่มันเป็นใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มที่มองมา แม้ว่ามันจะดูฝืนๆ แต่มันก็บ่งบอกให้ผมรู้ว่า เคนไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่ได้ยิน

แววตาของเขาเป็นประกายกล้า เหมือนคนที่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ผมไม่รู้ว่าเคนกำลังรู้สึกอย่างไร แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เกรงกลัวต่อคำนินทาเท่าไหร่

คงเป็นเพราะว่าเขาโดนจนชินแล้ว หรือไม่ก็ เขาไม่ได้รู้สึกผิดที่รักกับผม เมื่อคิดถึงเหตุผลอย่างหลัง ทำให้ผมอดยิ้มตอบเขาไม่ได้ เราต่างส่งกำลังใจให้กันผ่านทางรอยยิ้มจากปากและดวงตา

“อย่าคิดมากนะครับ”

เมื่อเราเดินตามกันเข้ามาในห้องจัดงานเลี้ยง ผมก็แอบพูดกับเขาให้ได้ยินกันสองคน เคนพยักหน้า และยิ้มให้ผม

“ไม่เป็นไรครับเคลวิน มันไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหวังอะไร คิดอยู่แล้วว่าต้องโดนนินทาแบบนี้ ผมเลยเฉยๆครับ โดนจนชินแล้ว จะโดนอีก ก็ไม่รู้สึกเจ็บใจมากไปกว่าเดิมหรอก แล้วเคลวินล่ะครับ เป็นอย่างไรบ้าง โกรธไหม”

ประโยคท้าย เคนถามผมด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเอื้ออาทร จนผมใจอ่อนยวบเมื่อได้สัมผัสด้านอ่อนไหวของเคนอีกครา เขาห่วงใยความรู้สึกของผม เขาห่วงภรรยาของเขา ดีใจจัง....

“นิดหน่อยครับ ไม่คิดว่าพนักงานของตัวเองจะกล้านินทาเจ้านายขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะ โลกเสรี ทุกคนมีสิทธิ์พูด มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เห็น

ผมมาคิดอีกที อย่าเอาเรื่องพวกเขาเลยดีกว่า คนมีปากก็สักแต่พูดไป หากเราไม่ใส่ใจ ไม่ให้ความสำคัญกับมัน เดี๋ยวเขาก็เลิกพูดกันไปเอง”

ผมตอบเคนอย่างปลงๆ ตอนได้ฟังครั้งแรก ผมอยากเอาเรื่องผู้หญิงพวกนั้น แต่พอได้เห็นใบหน้าเรียบเฉยของเคน อารมณ์ของผมก็สงบลง

บางทีนิสัยเย็นๆ ไม่ทุกข์ร้อน หรือคิดร้ายอะไรกับใครของเคน ก็เป็นเรื่องดีในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะในกรณีนี้

จะโกรธไปทำไมมี เพราะมันก็คือเรื่องจริง เขาพูดความจริง ผมก็ไม่ควรต้องโกรธ เพราะหากโกรธ ก็แปลว่าผมก็รับไม่ได้กับการไม่ยอมรับของใครต่อใคร ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนจะมองความสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกันว่าไม่เป็นเรื่องผิดปกติ

เราสองคนต้องฝ่าฟันอะไรกันอีกเยอะ ดังนั้นโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า เขาอยากนินทาก็ให้เขาพูดไป นินทาจนเบื่อก็เลิกพูดไปเอง สักพักก็เกิดความชิน และในที่สุดก็จะมองเรื่องของผมกับเคนเป็นเรื่องปกติ

“ถ้าเคนไม่โกรธ ผมก็ไม่โกรธครับ”

ย้ำให้สามีของผมสบายใจ เขายิ้มกว้างยอมรับในการตัดสินใจของผม แววตาของเขาเต้นระริก เหมือนจะดีใจที่ผมไม่โกรธเคือง และไม่คิดเอาเรื่องกับใคร

เราสองคนคงจะยืนยิ้มให้กันอีกนาน หากไม่มีใครมาขัดจังหวะ ด้วยการทักผมเสียงดัง เมื่อหันไปมองก็เห็นสต๊าฟที่คุมคิวการแสดงของผู้บริหาร เดินตรงมาหาผม กล่าวขออนุญาตที่มาขัดจังหวะด้วยท่าทีนอบน้อม

จากนั้นก็แจ้งให้ผมทราบเรื่องกำหนดการคร่าวๆเกี่ยวกับคิวงานการแสดงเซอร์ไพรส์ของผู้บริหารที่จะต้องเล่นก่อนเปิดงานอย่างเป็นทางการ

และดึงตัวผมแยกจากเคน เพื่อไปแต่งหน้าแต่งตัว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานที่จะเริ่มในอีกไม่ถึงชั่วโมง



--------------------

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0







ผมยืนมองเคลวินที่ถูกดึงตัวไปยังห้องแต่งตัว พลางยิ้มส่งกำลังใจไปให้เขา หลังจากเคลวินเดินจากไปแล้ว ผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปดูโต๊ะที่นั่งของวีไอพีว่าอยู่ที่ไหน

ผมไม่แน่ใจว่าผมจะต้องนั่งโต๊ะเดียวกับท่านประธานหรือเปล่า โดยปกติผมจะต้องนั่งอยู่ใกล้ๆเขา เพื่อคอยจด หรือรับคำสั่งต่างๆ แต่ในงานรื่นเริงสังสรรค์แบบนี้ ผมไม่รู้ว่าเราควรจะนั่งโต๊ะเดียวกับเขา หรือแยกออกไปดี

ใจจริงผมอยากนั่งร่วมวงกับพนักงานคนอื่นๆมากกว่า จะได้พูดคุยทำความรู้จักกันไปด้วย เพราะผมเองมีเพื่อนสนิทในที่ทำงานนี้น้อยมาก

คนส่วนใหญ่ชอบมองผมด้วยสายตาแปลกๆ มีคนพูดคุยกับผมบ้าง แต่ก็ผิวเผิน และดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีความจริงใจกับผมสักเท่าไหร่

แม้ว่าผมจะทำงานด้วยความมุ่งมั่นอดทน แต่อคติในใจของพวกเขาก็ยังไม่เลือนหาย พวกเขายังคงไม่เชื่อว่า ผมได้มาทำงานนี้

เพราะเคลวินเล็งเห็นถึงความสามารถของผม แต่มองว่าผมใช้ร่างกายเบิกทางมากกว่า

ได้ฟังครั้งแรกผมรู้สึกไม่พอใจที่พวกเขาดูถูกผม และคนที่พูดเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเขาไม่เข้าใจประธานของเขาดีพอ

ผมไม่เชื่อว่าเคลวินจะเป็นคนเช่นนั้น ถ้าเขาเป็นคนที่ชอบผลักดันพนักงาน โดยหวังเพียงแค่เซ็กส์เป็นสิ่งตอบแทน ป่านนี้คนคงเกลียดเคลวิน และนินทาว่าร้ายเขาทั้งบริษัท

แต่นี่ ผมได้ยินแค่คนบางคนพูดลับหลังเท่านั้น และเป็นช่วงที่ผมเริ่มมาทำงานกับเขา นอกนั้นพนักงานหลายคนที่ดีๆ ก็ยังมองเขาด้วยสายตาที่ชื่นชมยกย่อง

“เป็นไงเคน”

ขณะที่ผมกำลังยืนคิดว่าผมจะนั่งตรงไหนดี พี่นนนี่ซึ่งมายืนอยู่ข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก็ทักขึ้นด้วยเสียงอันดัง

“คิดอะไรอยู่เหรอ”

ถามอย่างรู้ทัน เธอคงเห็นผมยืนเหม่ออยู่

“กำลังคิดว่า ผมจะนั่งตรงไหนดี”

ตอบไปตามตรง มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากของพี่สาวสุดสวยอย่างล้อเลียน

“ไม่อยากนั่งกับคุณเคลวินเหรอ”

“เอ้อ..ปละเปล่าครับ คือ ผมไม่แน่ใจว่า งานแบบนี้ ผมต้องนั่งโต๊ะเดียวกับท่านประธานหรือเปล่า หรือสามารถแยกไปนั่งรวมกับคนกลุ่มอื่นๆได้”

รีบปฏิเสธ กลัวพี่นนนี่เข้าใจผิด

“แหม แซวเล่น รีบปฏิเสธเลยนะ ...อืม...สำหรับพี่คิดว่า งานปิกนิก ที่จัดให้พนักงานสังสรรค์เฮฮากันแบบนี้ คุณเคลวินคงไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องใช้งานเคนหรอก จะไปนั่งที่โต๊ะอื่นๆก็คงไม่ผิด

แต่ก็ควรจะอยู่ใกล้ๆ เผื่อเวลาคุณเคลวินเรียกใช้ หรือไม่ก็ต้องเปิดโทรศัพท์เอาไว้ จะได้ตามตัวมาได้ง่ายๆ ว่าแต่มีเพื่อนที่จะไปนั่งด้วยไหมล่ะ”

คำถามประโยคต่อมาของพี่นนนี่ แทงใจผมอย่างจัง ผมไม่ได้รู้สึกว่าพี่สาวคนสวยจะพูดถากถางผม เธอคงพูดไปโดยไม่ทันคิดมากกว่า ซึ่งผมก็ยอมรับว่ามันโดนอย่างจัง

จริงสิ ผมมีเพื่อนที่จะนั่งด้วยแล้วหรือ นอกจากพี่นนนี่ซึ่งให้ความรักใคร่เอ็นดูผมแล้ว ก็ยังมีป้าแม่บ้าน ที่คุยดีกับผม และมอดซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ แต่ก็ยังไม่พอที่จะเปิดโต๊ะนั่งเอง

และแถมแต่ละคนอาจจะมีเพื่อนที่จะรวมกลุ่มเพื่อนั่งโต๊ะกันหมดแล้วก็ได้ ผมไม่มีทั้งเพื่อนสนิทที่จะนั่งสังสรรค์กัน

และไม่มีแม้แต่โทรศัพท์ที่จะให้เคลวินได้ตามตัว สงสัยคงต้องนั่งอยู่กับเขาอีกตามเคย และนั่นก็คงจะทำให้ผมกับเคลวินถูกนินทาอีกครั้ง แม้ว่าผมจะทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ตาม

“เสียดายนะ ที่พี่พาครอบครัวมาด้วย แล้วก็รวมโต๊ะกับเพื่อนที่เขาพาครอบครัวมาด้วยไปแล้ว ไม่งั้นจะชวนเธอมานั่งด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่า นั่งใกล้ๆท่านประธานดีกว่า เพื่อท่านจะมีอะไรเรียกใช้”

“อืม...นั่นก็เป็นความคิดที่ดี พี่คิดว่า คุณเคลวินเอง ก็คงเบื่อจะนั่งโต๊ะเดียวกับผู้บริหารเช่นเดียวกัน เพราะอยู่ที่บริษัทก็เจอหน้ากันออกบ่อยๆ คงอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง

ถ้าไงก็ช่วยนั่งเป็นเพื่อนคุณเคลวินหน่อยนะ อย่างน้อยๆ ท่านจะได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น...”

พี่นนนี่เดินจากไปแล้ว พร้อมทิ้งคำพูดกับรอยยิ้มที่เป็นปริศนาเอาไว้ให้ มันไม่ได้เป็นการเยาะเย้ยถากถาง แต่เหมือนจะเป็นคำพูดจากคนที่รู้อะไรบางอย่าง และยินดีสนับสนุนไม่ขัดขวาง

อยู่ดีๆ ผมก็เผลอยิ้มอย่างมีความสุขออกมา เมื่อรับรู้ได้ว่า ท่ามกลางคนที่ไม่เข้าใจผม ก็ยังมีพี่นนนี่ ที่เป็นมิตรกับผมเสมอ เธอมีความรักในตัวเจ้านายของเธออย่างมาก ชื่นชมและยกย่อง แถมเผื่อแผ่ มาถึงผมอีกด้วย

ผมคิดว่าพี่นนนี่ ก็คงระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับท่านประธานเคลวินอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเธอสนิทกับเขาและทำงานใกล้ชิดมาหลายปี

เรียกได้ว่าเป็นเลขาคนสนิทและรู้ใจเจ้านายมาก ผมไม่รู้ว่าเคลวินเล่าอะไรให้พี่นนนี่ฟังบ้างหรือเปล่า แต่ด้วยสายตาอันแหลมคมของพี่สาวใจดี คงสามารถเดาอะไรได้ออกบ้าง แม้ว่าเจ้านายของเธอจะไม่พูดเลยก็ตาม

โชคดีของเคลวินที่ได้พี่นนนี่เป็นเลขา เพราะเธอไม่เคยปากโป้ง ไม่เคยนินทาเจ้านายให้ได้ยิน เธอรักษาความลับได้เก่งมาก ไม่มีใครจะสามารถง้างปากให้เธอพูดได้

ที่สำคัญเธอไม่ชอบเรื่องซุบซิบ หากได้ยินใครกำลังพูดถึงคนอื่นๆ ในแง่ไม่ดี เธอก็จะแกล้งว่าเหน็บให้ได้อายทุกครั้ง และเพราะเหตุนี้กระมัง

เธอจึงได้รับความไว้วางใจจากเคลวินอย่างมาก จนล่วงรู้เรื่องราวส่วนตัวของเคลวินหลายอย่าง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามีเรื่องของผมด้วยหรือเปล่า

จากสายตา จากคำพูดเป็นนัยๆของเธอหลายอย่าง มันทำให้ผมอดรู้สึกไปเองไม่ได้ว่าเธอรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของผมกับเคลวิน

แต่เธอเลือกที่จะไม่พูดให้ทั้งผมและเคลวินอับอาย เธอเป็นคนที่น่ารักมาก และผมก็รักเธอ เหมือนที่เคลวินก็รักเธอเช่นกัน

ระหว่างที่รอเคลวินมานั่งที่โต๊ะ ผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปแถวๆซุ้มจัดงาน เพื่ออยากจะลองไปเล่นสนุกกับเขาบ้าง

มีซุ้มปาเป้า ซุ้มสาวน้อยตกน้ำ ซุ้มสายไหม ซุ้มสอยดาว บรรยากาศคล้ายงานวัด แต่มาจัดที่รีสอร์ทริมทะเล เลยแปลกไปอีกแบบ

“สอยดาวไหมคะ”

“ปาเป้าไหมคร้าบบบบบบบ”

“สาวน้อยตกน้ำค่ะ ลูกเดียวก็เสียวได้”

เสียงโฆษณาชวนเชื่อให้พนักงานเข้าร่วมเล่นเกมในซุ้มต่างๆดังแข่งกันเซ็งแซ่ไปหมด มีพนักงานหลายคนต่อแถวเข้าคิวเล่นเกม

บางซุ้มก็มีมายืนออกัน มีคนเล่น มีคนเชียร์ ดูน่าสนุกสนานยิ่งนัก ผมเดินดูพวกเขาเล่นกันและนึกสนุกอยากเล่นด้วย เลยเดินเมียงมองว่ามีอะไรที่ผมพอจะร่วมได้บ้าง

ขณะที่เดินมองๆตามซุ้มต่างๆอยู่นั้น ผมก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อมีมือหนึ่งกระชากไหล่ผมให้หันไปด้านหลัง

ผมมองคนที่ทำตัวไม่สุภาพกับผม ก็พบว่าเขาคือคนเดียวกับคนที่ต่อว่าผมเมื่อตอนกลางวัน เรื่องที่ผมแข่งวิ่งแล้วแพ้ทีมของผู้บริหาร ทำให้อดได้รางวัลใหญ่

เขายืนอยู่ข้างหลังผม พร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขาที่รุมด่าผมเมื่อตอนกลางวัน

“ว่าไง ไอ้อ่อน ใหญ่มากนักหรือไง”

เขาพูดกับผมเสียงเหี้ยม หน้าตาถมึงทึง มือข้างหนึ่งยังจับอยู่ที่ไหล่ของผม

“ใหญ่อะไรครับ..พูดอะไรผมไม่เข้าใจ”

ถามเขาอย่างงงๆ

“ก็ได้ทำงานใกล้ชิดเจ้านายใหญ่ เลยทำตัวใหญ่โต กร่างไปทั่วไงล่ะ”

กร่าง เฮอะ ผมนี่นะ ผมไปทำอะไรล่ะ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย

“เมื่อกี้แกเดินเหยียบตีนฉัน จะขอโทษสักหน่อยก็ไม่มี”

สงสัยเขาเห็นผมทำหน้างงๆ ก็เลยช่วยเฉลย แต่สิ่งที่เขาบอก ยิ่งทำให้ผมงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อครู่ถึงผมจะเดินมองดูซุ้มนั้น ซุ้มนี้ แต่ผมก็พยายามระวังตัว ไม่ให้เกะกะขวางทางคนอื่น

แถมซ้ำผมก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่แถวๆที่ผมเดินมา จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะไปเหยียบเท้าใคร และผมก็ไม่ทราบด้วยว่าทำไมเขาจึงมากล่าวหาผมเช่นนั้น

“ขอโทษกูเดี๋ยวนี้นะมึง”

เขาร้องสั่งเสียงกร้าว แถมซ้ำใช้วาจาหยาบคายกับผม ที่จริงคำพูดพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร

เพราะเวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทที่บ้านเดิม ผมก็พูดมึงกูกับพวกนั้นเหมือนกัน แต่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากคนเมือง จากปากพนักงานที่ไม่ได้รู้จักกันมักคุ้นแบบนี้

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่จะให้ขอโทษก็ได้”

แม้จะแน่ใจว่าผมไม่ได้เหยียบเท้าเขาแน่ๆ แต่เมื่อแปรเจตนาของคนพวกนี้ได้แล้วว่าต้องการหาเรื่องผม

จึงป่วยการที่จะไปทุ่มเถียงกับพวกเขา ถ้าคำขอโทษคือสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ยิน และทำให้มันจบเรื่อง ไม่มีปัญหาบานปลายใหญ่โต ผมก็พร้อมจะพูดคำนี้ออกจากปาก ผิดถูกรู้ในใจก็พอ

“หนอย ไอ้อ่อน พูดแบบนี้แปลว่ามึงไม่สำนึกเหรอ”

เสียงของเขาเริ่มดังขึ้น ท่าทางเหมือนไม่พอใจ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นผู้คนเริ่มหันมามองผมและพวกเขาอย่างสนใจใคร่รู้

และดูเหมือนเพื่อนๆของพนักงานในคราบนักเลงโตคนนั้น จะเริ่มกลัวว่าจะมีปัญหา จึงสะกิดเตือนเพื่อให้เขาสงบลง

“เฮ้ย อย่าเพิ่งมีเรื่องเลย คนมองกันใหญ่แล้ว เดี๋ยวเรื่องไปถึงหูท่านประธานจะยุ่ง”

เพื่อนคนหนึ่งพูดเบาๆ ให้ได้ยินเฉพาะในกลุ่ม

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง อย่านึกนะว่าประธานเคลวินจะคุ้มกะลาหัวมึงไปได้ตลอด ไอ้อ่อน”


--------------------

TBC


ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
^

จิ้มคนโพสต์  อิอิ

+1 ให้นะ

ให้กำลังใจ เคน เคลวิน   สู้ๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :angry2:พวกเลว จะทำไรเคน เดี๋ยวไม่ตายดีแน่

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
อย่ายอมนะเคน

ต้องทำไรซักอย่างแล้ว

ไม่งั้นคงโดนกลั่นแกล้งแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แน่

 :fire:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เล่นของสูง สงสัยไม่ตายดี :m16:

คนจะดี ใช่ดีที่ใบหน้า  สมคำโบราณว่าจริง ๆ

มารอตอนต่อไปอยู่นะครับ คุณเคท

+1 ให้หนูมิ้นนะครับ คนดี :กอด1:

ออฟไลน์ yr_meteor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0


คนพวกนั้นน่าจะโดนแบบนี้!!!

 :beat::z6:

เคนน่าสงสารอ่า...สู้ๆ นะ

รอเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ได้อ่านสักที โฮะ ๆ

February

  • บุคคลทั่วไป
ว่าแล้ว มาคุ มาคุซะแล้ว  :sad4:


มาต่อไวๆ นะคะ

เดี๋ยวจะลงแดงซะก่อน ... :กอด1:

ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยยย...แบบนี้ หนุ่มเคนก้อตกอยู่ในอันตรายสิคะ

เควิลอยู่หนายยยยยยยย...ย

อย่าปล่อยให้หนุ่มเคนอยู่ ลำพังคนเดียวนะเค่อะ กลัวว่าจะมีเรื่องตามมาแน่ๆ  o22

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
 :z6:สำหรับไอ้พวกเลว กล้ามากที่มาเรื่องนายเคน




 :z1:ว่าแต่ตอนหน้าจะNCปะครับ อิอิรอมาหลายตอนละครับอิอิ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
น่าสงสาร เคน ไม่รู้จะมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นหรือเปล่า


ปล. ตกลงคนที่เข้าไปเห็นภาพ คือ คุณชาตรี หรือ ปองศักดิ์ ค่ะ   :confuse:

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
        :mc4: ซินเจียยู่อี่ ซินนีฮวดใช้   :mc4:

 :mc4: เจ้าของบ้าน แล้วก็ลูกบ้านทูกคน จ้า  :mc4:

       :mc4:  :mc4:  :mc4:  :mc4:  :mc4:

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
บทที่ 51

------------------

“เฮ้ย อย่าเพิ่งมีเรื่องเลย คนมองกันใหญ่แล้ว เดี๋ยวเรื่องไปถึงหูท่านประธานจะยุ่ง”

เพื่อนคนหนึ่งพูดเบาๆ ให้ได้ยินเฉพาะในกลุ่ม

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง อย่านึกนะว่าประธานเคลวินจะคุ้มกะลาหัวมึงไปได้ตลอด ไอ้อ่อน”

เขาสำรากใส่ผม ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนอยู่ท่ามกลางสายตาคนมองและคำติฉินนินทาถึงเรื่องที่เกิด สิ่งที่ได้ยินมันทำให้ผมหน้าชา ทั้งที่ผมพยายามทำใจตลอดมา

คำกล่าวหาใส่ไคล้เกินจริงเกี่ยวกับเคลวินและผม ทำให้ได้รับรู้ถึงความใจแคบของคนบางคน มันยิ่งทำให้ผมสงสารเคลวินมากยิ่งขึ้น

ผมรู้ว่าเคลวินรักผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเขาก็ไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ในการผลักดันผมให้ก้าวหน้า ที่ผ่านมา

ผมถูกเขาดุด่าว่ากล่าวเกี่ยวกับเรื่องงานบ่อยมาก ไม่เคยทำงานได้เป็นที่พอใจเขาในระยะแรก แต่ระยะหลังเมื่อผมเรียนรู้งานได้มากขึ้น เขาก็ยิ่งมอบหมายงานให้ผมทำอีก เพื่อให้ผมได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองว่าผมทำได้

คนที่มีอคติ ยังไงก็มองพวกเราในแง่ไม่ดีอยู่ดี ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจ และพยายามมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักให้สมกับที่ท่านประธานมอบโอกาสให้กับผม

แต่สิ่งที่ผมเพียรทำ คนกลับไม่เห็นค่า แถมยังพุ่งเป้าโจมตีมาที่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเคลวินอีก ทั้งที่เราไม่เคยทำเรื่องเสียหายให้ใครเห็นเลยแม้แต่น้อย

และในเวลางาน เราก็ไม่เคยนัวเนียประจ๋อประแจ๋กันด้วยซ้ำ เคลวินที่เป็นประธานและเคลวินที่เป็นภรรยาแบ่งบทบาทหน้าที่ได้อย่างลงตัว และไม่มีหลุดสลับบทบาทออกมาให้ใครเห็นอย่างแน่นอน

ผมเดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง ไม่รู้สึกสนุกอีกต่อไป สต๊าฟที่จัดโต๊ะนั่ง รู้ว่าผมเป็นใคร เลยพาไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี ซึ่งจัดไว้ให้เคลวินนั่ง

ซึ่งทั้งโต๊ะว่างเปล่าเนื่องจากผู้บริหารระดับสูงไปแต่งตัวเตรียมขึ้นแสดงกันหมด จึงเหลือผมคนเดียวที่นั่งเฝ้าโต๊ะ เพราะไม่ต้องไปแสดงอะไรกับใครที่ไหน

นั่งมองบรรดาพนักงานที่ทยอยเข้ามานั่งตามโต๊ะต่างๆ จนเกือบเต็มห้อง สักพักไฟก็ดับพรึ่บลง มีเสียงซาวนด์ดนตรีเปิดงาน พร้อมกับสปอร์ตไลท์ส่องสว่างกลางเวที

จอสไลด์เลื่อนลงมาจากเพดาน แล้วภาพจากวีทีอาร์ก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นภาพของพนักงานในบริษัทที่ทางสต๊าฟจัดงานได้ส่งตากล้องไปเก็บภาพอิริยาบถต่างๆของพนักงานมาทำเป็นภาพนิ่งประกอบเพลงสนุกๆ ได้รับเสียงฮือฮา เสียงปรบมือ และเสียงหัวเราะขำดังขึ้นจากพนักงานที่ได้เห็นสไลด์ชุดนี้

มีทั้งภาพที่แสดงถึงความเอางานเอาการของพนักงานแต่ละคน ท่าทางมุ่งมั่นจริงจังของเขาเหล่านั้น เมื่อดูแล้วก็ก่อให้เกิดความรู้สึกชื่นชมกับความตั้งอกตั้งใจที่พวกเขามีให้กับการทำงาน

นอกจากนี้ก็มีภาพหลุดต่าง ๆ เช่นภาพพนักงานง่วงเหงาหาวนอน แอบหลับ แอบกินขนมในที่ทำงาน โทรศัพท์ หรือแม้แต่นั่งคุยกับเพื่อน เรียกเสียงหัวเราะกันลั่น เมื่อภาพจับอิริยาบถอันไม่พึงประสงค์ของแต่ละคนได้

เจตนาของคนทำสไลด์ไม่ได้เป็นการประจาน แต่เป็นการหยิกหยอกกันเล่นๆ ซึ่งในแต่ละภาพก็จะมีคำพูดแซวประกอบด้วย

จบจากสไลด์ จอก็เลื่อนขึ้น ปล่อยเวทีให้มืด สักพักก็มีเสียงโฆษกประกาศว่าการแสดงชุดต่อไป จะเป็นการแสดงเซอร์ไพรส์ซึ่งนำแสดงโดยเหล่าผู้บริหารระดับสูง ซึ่งตั้งใจแสดงเพื่อเป็นการเปิดงาน และต้อนรับพนักงานทุกคนเข้าสู่งานปาร์ตี้อย่างเป็นทางการ

ประกาศจบ ไฟสปอร์ตไลท์ก็ส่องมากลางเวที และเสียงเพลงประกอบการแสดงก็ดังขึ้น เพลง Love Is Color Blind ของ Sarah Conner โดยมีท่อนแร๊พนำมาก่อน สำเนียงคนร้องคุ้นหูมาก และพูดภาษาอังกฤษชัดเป๊ะ

เพลงปลากรอบ

It don't matter if you're black
White or yellow, if you're brown or red
Let's get down to that
Love is color-blind



จบท่อนแร๊พ ซึ่งไม่เห็นตัวหนุ่มคนร้อง ม่านก็เปิดออก แล้วนักร้องกิตติมศักดิ์ท่านแรกก็เปิดตัวออกมา เป็นท่านผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน ซึ่งเป็นสาวสวยเปรี้ยว แม้ว่าจะอายุเข้าหลัก 40 กว่าแล้ว แต่เธอก็แต่งตัวเก่ง และดูอ่อนกว่าอายุ เธอมาในชุดแต่งกายแบบสาวจีน และร้องแบบไม่ต้องลิปซิงค์ แม้จะเพี้ยนหลงคีย์ไปบ้าง แต่ก็แก้ได้ด้วยลีลาประกอบเพลง

[Verse 1:]
I remember when
I was a child and couldn't understand
People having fun
Discriminating all the different ones
Mama just used to say
When you grow up you'll maybe find a way
To make these people see
That everything I do comes back to me

คนต่อมาที่ออกมาร้องท่อนนี้คือ ท่านผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฝ่ายวางแผนธุรกิจ และฝ่ายผลิต ออกมาเป็นนักร้องทรีโอ แต่งกายเลียนแบบนักร้องเคป๊อบ พวกดงบังชินกิ เรียกเสียงฮา เป่าปากกิ๊วก๊าวจากพนักงานได้กระหื่มห้องจัดเลี้ยง

ด้วยท่านผู้อำนวยการทั้งสาม ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บริหารหนุ่มสุดฮอตของบริษัท เพราะเสียงดัง ทำงานเก่ง และดูแลบริหารพนักงานในฝ่ายมีคุณภาพมากสุดเมื่อเทียบกับฝ่ายอื่น

และยังเป็นพวกหัวคิดทันสมัยด้วย ดังนั้นการได้เห็นหนุ่มๆรุ่นใหม่ไฟแรงมาแต่งตัวเลียนแบบนักร้องดัง ทำให้ได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดจากพนักงานบริษัทมากเป็นพิเศษ


[Bridge:]
You gotta live your live
We're all the same, no one's to blame
They gotta live their lives
Just play the game and let love reign

ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาคุณภาพ , ฝ่ายฝึกอบรม เดินออกมาจากข้างเวที และประสานเสียงร้องกัน ทั้งหมดมาในชุดการแต่งกายแบบพวกชาวเผ่าแอฟริกา

งานนี้ดูเหมือนว่าผู้บริหารจะแต่งกายในสไตล์นานาชาติ สอดคล้องกับเนื้อเพลง คงเพื่อจะแสดงให้เห็นว่า ในความรักที่แท้ ไม่มีเรื่องสีผิว เชื้อชาติ วัฒนธรรม ความชอบมาเป็นตัวแบ่งแยก

ผมไม่รู้ว่าใครคิดการแสดงชุดนี้ขึ้นมา แต่ผมฟังเนื้อร้อง บวกกับได้เห็นการแต่งกายและลีลาการแสดงประกอบเพลง ทำให้ผมรู้สึกทึ่ง และชื่นชอบการแสดงชุดนี้มาก

คิดว่ามันต้องมีความหมายอะไรบางอย่างที่ทางคนคิดคอนเซ็ปต์ต้องการสื่อมาให้ถึงพนักงานทุกคน และเดาเอาว่า

เคลวินน่าจะมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นด้วย เพราะเขาเป็นคนลึกซึ้ง ฉลาดและช่างคิด คงไม่ละเว้นที่จะใช้โอกาสนี้ สั่งสอนพนักงานของตัวเอง



[Chorus:]
It don't matter if you're black
White or yellow, if your brown or red
Let's get down to that
Love is color-blind
You're my brother, you're my friend
All that matters in the very end
Is to understand
Love is color-blind

มันไม่สำคัญว่าคุณจะมีสีผิวอะไร ชาติไหน ดำหรือขาว หรือผิวเหลือง รักปราศจากสีผิว นี่ก็พี่ชาย นั่นก็เพื่อนฉัน ทั้งหมดทั้งมวล เพียงอยากให้เข้าใจ ว่าความรักนั้นปราศจากซึ่งการเหยียดกัน นี่กระมังคือสิ่งที่ต้องการบอก และผู้ที่มาขับขาน ก็แสดงออกได้อย่างทรงพลังมากๆ



ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0


[TQ:]
I remember as a young boy
I watched my neighbourhood go up in flames
I saw the whole thang through tears of pain
And a situation's rackin' my brain
I wish I could fly away and never come back again
We need some love you all
We need some real deal help from above you all
I mean the kids watchin'
And I just can't see it stoppin', I don't understand
I mean we all bleed the same blood, man!


พอถึงท่อนต่อมา เสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้น พร้อมๆกับที่ร่างของเคลวินที่เดินออกมาจากเวทีด้านหนึ่ง ทันทีที่เขาโผล่ออกมา เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอย่างถล่มทะลาย เมื่อฝรั่งตัวใหญ่ แต่งตัวในชุดฮิบฮอบออกมาร้องเคลวินร้องท่อนแร๊พ ร้องได้ดี เหมือนนักร้องอาชีพ แถมสำเนียงแบบเจ้าของภาษามาเอง ยิ่งทำให้พนักงานฮือฮากันใหญ่

ผมมองเคลวินที่ทั้งร้องทั้งโยกย้ายส่ายตัวอยู่บนเวทีอย่างเพลิดเพลิน รู้สึกเหมือนปากตัวเองฉีกออกเป็นยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกชื่นชม

ประธานสองหน้านี่ทำอะไรได้หลายอย่างมากมาย นอกจากจะเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ ภรรยาขี้อ้อน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้เขาเป็นนักร้องที่แร๊พได้มันมากอีกด้วย จะเก่งรอบด้านไปถึงไหนกัน

บนเวที ตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ออกมาแสดงกันจนเต็มเวที ด้วยเครื่องแต่งกายนานาชาติ แต่งเป็นฝรั่งบ้าง จีนบ้าง อินเดีย ญี่ปุ่น นักร้องเคป๊อบ บางคนทาสีผิวออกคล้ำๆ

บางคนทาผิวออกสีแดง เต้นจับคู่กันบ้าง สลับคู่กันบ้าง แสดงอารมณ์ประกอบไปตามเพลง คนไหนถนัดร้อง ก็โชว์พลังเสียง คนไหนไม่ถนัดก็ช่วยเป็นแดนเซอร์ให้

แม้จะไม่พร้อมเพรียงแบบมืออาชีพ แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่นักแสดง ทำได้ขนาดนี้ ก็นับว่าเก่งกันมากแล้ว

โดยเฉพาะเคลวินของผม เขาเก่งมากจริงๆ ร้องท่อนแร๊พได้โดดเด่น ราวกับนักร้องอาชีพ เรียกเสียงกรี๊ดได้ทุกครั้งที่ถึงท่อนที่เขารับผิดชอบ เขาทำได้ดี จนผมอยากจะยกสองนิ้วโป้งให้เลย

[Bridge:]
You gotta live your life
Better than our fathers did
Let's make some love, baby, have some kids
They gotta live their lives
And I don't care what color they are, or you are, or we are
It's all love, baby!

[C-Part:]
You have been my mother
You could have been my brother
What if you were my sister
If you were my father?
You could have been my fella
You could have been my teacher
What if you were my friend?
Would be so nice to meet ya

[Verse 2:]
Take it out to the world
Tell every boy and every little girl
Be proud of yourself
Cause you're as good as anybody else
Put away your prejudice
Open your mind, don't need a stick to this
Try to make this earth
A better place without a racial curse

[TQ:]
Yeah, it's time for some changes

[Chorus]

เสียงปรบมือดังกึกก้องเป็นเกียรติให้กับนักแสดงกิตติมศักดิ์ทุกๆคนที่ได้เสียสละเวลามาฝึกซ้อมและแสดงเป็นของขวัญให้กับพนักงานทุกคน

เหล่าคนดูต่างคว้าดอกไม้ที่ปักในแจกันมาให้กับศิลปินจำเป็น แล้วแต่ความชอบของตัว ใครชอบใครก็ให้คนนั้น

บ้างให้เพราะร้องดี บ้างให้เพราะเป็นหัวหน้าโดยตรงของตัวเอง เคลวินได้ดอกไม้เต็มกำมือ รู้สึกจะมากกว่าคนอื่นๆ เสียอีก

เขายิ้มหน้าบาน สายตากวาดไปทั่วห้องจัดเลี้ยง และในท้ายที่สุดก็มาหยุดจ้องที่ผมชั่วขณะ ก่อนที่จะเบนสายตาไปที่อื่นต่อ

พิธีกรขึ้นมาบนเวที กล่าวขอบคุณท่านผู้บริหาร และเชิญทุกคนถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก ก่อนจะเชิญทุกท่านลงจากเวที โดยรั้งตัวเคลวินเอาไว้ เพราะเขาต้องเป็นประธานในการเปิดงาน

เคลวินกล่าวต้อนรับทุกๆคนเข้าสู่งานปาร์ตี้ “หาดทราย สายลม และผองเรา” อย่างเป็นทางการ จากนั้นก็พูดถึงการแสดงของพวกผู้บริหารว่าตั้งใจจัดให้เป็นพิเศษแก่พนักงานทุกคน

เคลวินมีส่วนในการช่วยเลือกเพลงอย่างที่ผมคาดเดาเอาไว้ เขาให้เหตุผลว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่มีความหมายดีมากๆ

โลกนี้จะอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากความรักและความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ความรักไม่มีพรหมแดน ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ

ไม่มีการเหยียดผิว หรือจำกัดอยู่แต่เฉพาะเพศใดเพศหนึ่ง ความรักเป็นสิ่งสวยงาม และความรักช่วยขับเคลื่อนให้โลกหมุนไป

ความรักมีมากมายหลายแบบ ทั้งรักแบบคู่รัก รักในสายโลหิต รักแบบเพื่อนฝูง และความรักที่มีต่อเพื่อนร่วมโลก

ในฐานะเจ้าของบริษัท สิ่งที่เขาอยากเห็นจากพนักงานของเขาทุกคนคือ ความรักใคร่กลมเกลียวกัน ทุกคนในบริษัทเหมือนคนในครอบครัวของเขา

มีอะไรก็อยากให้ช่วยเหลือถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แม้ว่าแต่ละคนจะมาจากต่างที่ ต่างพื้นฐานการเลี้ยงดู และการศึกษา ทำให้มีความคิดที่แตกต่างกัน จะให้คิดเห็นไปในทางเดียวกันคงเป็นไปไม่ได้

ทว่าความแตกต่างไม่ใช่อุปสรรคต่อการทำงาน การได้เห็นมุมมองอื่นๆที่ต่างจากตัวเองบ้าง น่าจะก่อให้เกิดความคิดที่สร้างสรรค์แตกยอดออกไปหลายแขนง ซึ่งจะเป็นการดีที่เราจะยอมรับในความแตกต่างที่มี

การแข่งขันกันทำงานเป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่ลืมคุณธรรม การที่ต้องเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ โดยการเหยียบย่ำทำร้ายคนอื่น เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

นอกจากนี้เคลวินยังบอกอีกด้วยว่า เขายินดีสนับสนุนพนักงานทุกๆคน ถ้าใครเก่งกาจมีความสามารถ และถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติต่างๆตามที่กำหนด เขาก็พร้อมจะผลักดันให้ได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี

เขาพิจารณาคนจากการทำงาน ไม่ได้พิจารณาจากความใกล้ชิดสนิทสนม และยืนยันกับทุกคนว่า เรื่องการเห็นแก่พวกพ้อง หรือคนของตัวจะไม่มีให้เห็นในบริษัทนี้อย่างแน่นอน ขอให้วางใจได้

และใครที่กำลังน้อยอกน้อยใจว่าทำไมตัวเองไม่ถูกพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง แทนที่จะโทษหัวหน้างาน ก็ให้ย้อนกลับมาดูตัวเองก่อน ว่าเพราะอะไร

เราทำเต็มที่หรือไม่ หากทำเต็มที่แล้ว แต่ถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้มาบอกเขา ประตูห้องเขาเปิดต้อนรับทุกคนเสมอ

ในขณะเดียวกัน หากเขาทราบว่าพนักงานคนไหน ไม่ทำงานการ และมัวแต่ร่ำร้องโอดครวญในสิ่งที่ตัวเองไม่ควรจะได้ และอิจฉานินทาว่าร้ายคนอื่น ให้ได้รับความเสียหาย เขาก็จะจัดการอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน

เขาไม่ชอบการนินทาว่าร้ายกันหลับหลัง การปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็นจริง หากพนักงานคนใดเอาเวลาที่ควรจะทุ่มเทให้กับงานการไปคิดในเรื่องวุ่นวายไร้สาระ จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทและเพื่อนร่วมงาน เขาก็จะมีบทลงโทษคนเล่านี้เช่นกัน

เคลวินยังพูดอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับการทำงานหลายๆอย่าง และสรุปตบท้ายด้วยการกล่าวขอบคุณทุกๆคนที่เชื่อมั่นในบริษัทนี้ และขอบคุณที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างหนัก

และเขาสัญญาว่าจะดูแลพนักงานทุกคนให้มีความสุขกันถ้วนหน้า ไม่มีลำเอียงรักใครมากกว่ากัน คนที่ทำความดีย่อมได้ดี

และคนที่ทำไม่ดี ก็ควรจะพิจารณาตัวเองว่าสมควรจะอยู่ที่บริษัทนี้หรือไม่ และถ้าพิจารณาตัวเองไม่ได้ เขาจะเป็นผู้พิจารณาให้เอง

หลังจากเปิดงานด้วยมาดที่เคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง จนพนักงานที่ได้ฟังนั่งกันตัวลีบแล้ว เคลวินก็เบรกอารมณ์ทุกคน ด้วยการบอกให้ทุกคนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เอามือสองข้างแตะไว้ที่คาง แล้วทำท่าถอดหัวโขนที่ทุกคนสวมใส่อยู่ออกไป โดยเขาทำท่าให้ดู

จากนั้นก็ขอให้ทุกคนสนุกสนานรื่นเริงกับงานในค่ำคืนนี้อย่างเต็มที่ ใครใคร่ดื่ม ดื่ม ใครใคร่กิน กิน ใครอยากจะร้องเพลง เต้นรำ ตามสบาย

เขามีเวลาให้พนักงานทุกคนถึงเที่ยงคืน และต้องแยกย้ายกันไปนอน เพราะในวันรุ่งขึ้นจะมีการสัมมนาวิชาการตอนเช้า 1 ชั่วโมงหลังอาหารเช้า ก่อนที่รถบัสจะพาพนักงานไปแวะเที่ยวระหว่างทางที่จะกลับกรุงเทพ

ทันทีที่เคลวินพูดจบ การแสดงจากคาร์บาเร่ต์ที่จ้างมาก็เริ่มต้นขึ้น พนักงานที่นั่งกันสงบเสงี่ยมเมื่อครู่ก็เริ่มร่าเริงมีชีวิตชีวา ตาจ้องอยู่บนเวที ที่มีสาวประเภทสองหน้าตาสะสวยและหุ่นดีออกมาร้องลิปซิงค์บนเวที

“เคน...ผมแสดงเป็นอย่างไรบ้างครับ”

----------------------
TBC


พรุ่งนี้จะมาลงต่อให้อีกค่ะ  สัญญา

คุณ  February   :กอด1:  มากอดกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด