ตอนหน้าเข้านอนNC NCเราจะเอาNC อิอิ
ยังค่ะยัง รอก่อนยังไม่มืดเลย
บทที่ 48
-----------------------------------
พวกเขาไม่ต้องการคบกับผม เขาไม่ได้บอกออกมาชัดเจนเป็นคำพูด แต่จากสีหน้าแววตาที่แสดงออก ก็ทำให้ผมรับรู้ได้ และมันก็ทำให้ผมรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อไม่มีอะไรทำ ผมก็เดินเงื่องหงอยกลับมาที่พัก เคลวินไม่ได้อยู่ในห้อง เขาไปเตรียมตัวสำหรับงานตอนเย็นนี้ พี่นนนี่บอกว่าจะมีการแสดงเซอร์ไพรส์จากผู้บริหาร ซึ่งเก็บเงียบไม่ให้ใครรู้ว่าแสดงอะไร
แม้แต่พี่นนนี่ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปดูในห้องที่เขาเตรียมไว้ให้ผู้บริหารได้ซ้อมกัน ดูเหมือนผู้บริหารแต่ละคนตั้งใจฝึกซ้อมกันอย่างเต็มที่ ไม่ยอมแพ้พนักงานที่เตรียมการแสดงมาประกวดประชันกัน
ผมเดินไปเดินมาในห้องโถง ที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องพักของผมกับห้องพักของเคลวิน มันเป็นโถงแคบๆไม่กว้างมากนัก ผมเดินกลับไปกลับมาจากประตูห้องเขาถึงประตูห้องผมหลายรอบในระยะเวลาไม่อันสั้น
ทว่าผมกลับรู้สึกว่ามันนาน แถมห้องก็ดูกว้างเหลือเกิน คงเป็นเพราะคนที่ทำให้เวลาในชีวิตของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเป็นคนที่ทำให้ห้องไหนๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน คับแคบไปถนัดใจ ไม่ได้อยู่ด้วย ณ ที่นี้ ทุกอย่างมันเลยดูโล่งๆ โหวงๆ ไปหมด
เมื่อไม่มีอะไรให้ทำ ผมก็เลยรู้สึกเคว้งคว้าง ผมไม่ต้องไปซ้อมการแสดงเหมือนคนอื่นๆ เพราะเขาตัดผมออกกลุ่ม กีดกันไม่ให้เข้าร่วมด้วยท่าทีสุภาพ ในขณะที่เคลวินก็แยกไปซ้อมกับผู้บริหารตามลำพัง ผมเลยมีเวลาว่างมากมาย โดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร
อีกตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาปาร์ตี้ จะแอบงีบหลับตอนนี้ แล้วค่อยตื่นมาแต่งตัวไปงาน ผมก็ยังไม่ง่วง ช่วงหลังๆนี้ ผมนอนดึกบ่อย จนชินแล้ว จะให้มาหลับกลางวัน ผมก็ทำไม่ได้
ในเมื่อผมกลายเป็นคนว่าง ไม่มีอะไรทำอยู่คนเดียว ผมเลยหาเรื่องแก้เซ็งให้กับตัวเอง โดยการไปเล่นที่ชายหาดซึ่งยามนี้ ร้างผู้คน เพราะนี่เป็นหาดส่วนตัว บริษัทได้เหมาโรงแรมไว้ทั้งหมด จึงไม่มีแขกอื่นใดพัก
ตอนนี้ก็ไม่มีคนลงมาที่หาด เพราะทุกคนวุ่นวายอยู่กับการเตรียมการแสดง คนที่ไม่มีหน้าที่อะไร ก็พักผ่อนเอาแรง มีแต่ผมที่มาเดินท่อมๆ อยู่คนเดียวอย่างเหงาหงอย
ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ตามชายหาด ถลกขากางเกงยีนส์ที่สวมมา จนถึงหัวเข่า ถอดรองเท้า แล้วเดินย่ำไปบนทรายที่เปียกจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง บ่ายคล้อยมากแล้ว แต่แสงแดดยังแรงอยู่ พอให้ร้อนกาย ทว่าน้ำทะเลเย็นๆ ที่ผมเดินลุยไป ก็ช่วยทำให้คลายร้อนได้บ้าง
เดินจนเหนื่อย ผมก็เลยหลบมาพักที่ใต้หินก้อนใหญ่ ตรงสุดอาณาเขตของรีสอร์ทที่พัก ซึ่งจะเป็นกลุ่มโขดหิน ไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ แต่เป็นที่นั่งพักผ่อนมากกว่า
ผมเลือกนั่งหันหน้าไปทางทะเล ตามองยังผืนน้ำสีครามที่ระยิบระยับไปด้วยประกายเจิดจ้า ของแดดที่ตกกระทบผิวน้ำ ทำให้ตาพร่า ไกลออกไป เป็นภูเขาลูกย่อมๆ ที่โผล่ขึ้นมากลางทะเล และมีเรือนักท่องเที่ยวหลายรำ แล่นอยู่ลิบๆ
ขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการชมธรรมชาติอยู่นั้น หูของผมก็แว่วยินเสียงหนึ่งที่ทำลายความเงียบขึ้นมา
เสียงของคนที่พูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกัน ….
เสียงของผู้ชายกับผู้ชาย....
เสียงของคุณชาตรี และ....
มอด.....
เสียงนั้นดังขึ้นหลังโขดหินที่ผมนั่งพิงอยู่นั้นเอง.....
---------------------
นาฬิกาข้อมือที่ผมมองดูอยู่ขณะนี้ บอกเวลา 17.30 น. อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ฝ่ายกิจกรรมพนักงานก็จะเปิดให้คนเข้าไปในห้องที่จัดงานเลี้ยง
ซึ่งจะมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นอีกครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงการเปิดงานปาร์ตี้ “หาดทราย สายลม และผองเรา” อย่างเป็นทางการ
ผมและทีมผู้บริหาร ติดแหงกอยู่ในห้องซ้อมการแสดงเกือบสองชั่วโมงแล้ว คืนนี้ เราจะมีการแสดงเพื่อเป็นการเซอร์ไพรส์ให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นแนวคิดของผมเองที่ต้องการลดช่องว่างระหว่างเจ้านายกับลูกน้องให้ลดน้อยลง
ผมอยากได้บรรยากาศการทำงานที่อบอุ่นแบบครอบครัว ที่พนักงานทุกคนต่างมีความรัก และความรู้สึกดีๆให้แก่กัน ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น
และแน่นอนว่า ถึงแม้ผมจะอยากได้ความเป็นกันเอง และการถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในการทำงาน แต่ที่จะต้องไม่ลืมก็คือ การทำงานอย่างมุ่งมั่น ขยัน และอดทน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้องผองเพื่อนของตัวมากกว่า
ประโยชน์ของบริษัท พนักงานจึงต้องมีพฤติกรรมการทำงานทั้งสองด้าน ถึงจะเป็นพนักงานที่ดีได้
และแล้วเสียงนกหวีดก็เป่าปรี๊ดหมดเวลา หลังจากซ่อมแบบเอาจริงเอาจังเกือบสองชั่วโมง ผู้ฝึกซ้อมการแสดงของผู้บริหารก็ปล่อยให้พวกเรากลับไปยังที่พักได้ เพื่อให้ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะกลับมาแต่งตัวเตรียมแสดงเปิดงาน
เมื่อได้เวลาส่วนตัวกลับคืนมา ผมก็เดินจ้ำอ้าวๆกลับไปยังที่พักทันที ไม่เสียเวลาคุยกับใคร ฝ่ายบริหารคนอื่นๆ ต่างก็รีบกลับไปยังที่พักของตัวเองเช่นกัน เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่มาก ก็จะเริ่มงานแล้ว
ใจผมจดจ่ออยู่ที่บ้านพัก คิดถึงสุดที่รักใจจะขาด ป่านนี้เคน จะเป็นไงหนอ เขาจะได้ร่วมฝึกซ้อมการแสดง ในค่ำคืนนี้หรือเปล่า
ผมอยากรู้ว่าเคนจะแสดงอะไร ละคร เต้น ร้องเพลง หรือทอล์คโชว์ เวลาที่เขาอยู่บนเวที คงจะน่ารักดี คิดแล้วผมก็แทบจะอดใจรอดูไม่ไหว
ไม่เกิน 10 นาที ผมก็เดินถึงที่พัก เคนไม่อยู่ในห้อง สงสัยไปซ้อมยังไม่กลับมา ผมเลยเข้าไปอาบน้ำอาบท่าก่อนระหว่างที่รอสามีสุดที่รักของผม
ขณะที่ผมกำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง ผมก็ได้ยินเสียงประตูเปิด เคนคงกลับมาแล้ว สงสัยคงจะเหนื่อย ผมหันซ้ายหันขวาเจอตู้เย็นที่ตั้งอยู่ในซอกใต้โต๊ะแต่งตัว
ผมจึงเดินไปเปิดประตูตู้ หยิบขวดน้ำเย็นขึ้นมา และรินใส่แก้ว แล้วเดินออกจากห้องไปหาเขา
เคนนั่งทอดตัวอยู่ที่โซฟากลางห้องโถงที่อยู่กึ่งกลางระหว่างห้องเขาและห้องผม หลังพิงพนัก เหยียดขาวางบนพื้น
ท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และเขาคงจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่งไม่สังเกตเห็นว่าผมเดินมานั่งข้างๆเขา และนั่งมองหน้าคนที่กำลังเหม่อ
“เหนื่อยไหมครับ”
หลังจากที่เคนไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวว่ามีผมอยู่ในบ้านด้วย ผมก็อดรนทนไม่ไหว เอื้อมมือไปแตะมือของเคน และเอ่ยปากถาม
“เอ้อ...อะไรนะครับ”
นั่นไง คิดแล้วไม่มีผิด เคนต้องกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ เห็นสีหน้าของเขาแล้ว ผมก็รู้สึกกังวลใจ มันเหมือนคนที่เหนื่อยหน่าย และไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง เคนมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอะไรอยู่หรือเปล่านะ
“เคนเป็นอะไรครับ ท่าทางเหม่อลอย มีเรื่องอะไรกลุ้มใจเหรอ บอกผมได้ไหมครับ”
ถามออกไปด้วยความห่วงใย มือก็บีบนวดแขนให้เคนไปด้วย อยากให้เขาคลายความกังวลใจ อยากให้เขาแชร์เรื่องทุกอย่างให้ผมได้รับรู้บ้าง อยากร่วมรับรู้ทุกข์สุขไปกับเขา
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
เคนปฏิเสธ แล้วเอามือมาบีบมือผม ทว่าสีหน้าของเขากลับไม่สู้ดีนัก ผมรู้ว่าเคนต้องโกหกผมแน่ๆ แต่ไม่รู้ไม่อยากเล่าเรื่องที่เขาไม่สบายใจให้ฟัง
ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าเคนมีนิสัยไม่ขี้บ่น ไม่โวยวาย ไม่ชอบเล่าเรื่องตัวเองให้ใครฟัง ผมก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ ที่เขาไม่ยอมแบ่งปันความทุกข์ใจให้ผมได้รู้บ้าง
ผมเป็นภรรยาของเคนนะ ผมก็อยากรู้บ้างสิ ว่าสามีของผมกำลังมีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาเขาเครียดอยู่ขณะนี้
“เคนโกหก เคนไม่ไว้ใจผมใช่ไหมครับ”
ต่อว่าเขาเสียงกระเง้ากระงอด รู้สึกงอนจริงๆ ที่เขาไม่บอกให้ผมรู้
---------------------------