ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561  (อ่าน 44736 ครั้ง)

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

***************************************************************






เหตุการณ์เมื่อ 5 เดือนก่อน



   มินิคูเปอร์สีขาวแล่นเข้าสู่เส้นทางของจังหวัดกรุงเทพมหานครในช่วงสี่ทุ่มวันเสาร์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าปี เจ้าของใบหน้าสวยคม ผมยาว จมูกโด่งเป็นสัน สูงราวร้อยหกสิบเซนติเมตร ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวกำลังขับเคลื่อนเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็ว หากแต่เมื่อพารถคันสวยมาได้ไม่กี่กิโลเมตรก็เกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอลองแล้วลองอีกแต่ก็ไม่ได้ผล ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางอย่างเธอซ่อมรถเป็นเสียที่ไหน ขับเป็นอย่างเดียวนั่นละ

   “แย่จัง” อารดากำลังหงุดหงิดไม่น้อยขณะกำลังพยายามบิดกุญแจรถ

   เอาไงดี…

   ร่างของหญิงสาวก้าวลงจากรถยนต์ เหลียวมองไปรอบกายท่ามกลางความมืดสลัวมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ส่องแสงรำไรบวกกับสองข้างทางที่มีต้นไม้สีเขียวขจีปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้เธอยิ่งรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาอย่างประหลาด ได้แต่ภาวนาให้ใครสักคนขับรถผ่านมายังเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนก็ยังดี เผื่อจะขอความช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

   อารดายืนอยู่ราวๆ สิบนาที มันยาวนานมากพอแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดไปหาคนขับรถที่บ้านให้มารับเธอยังจุดที่ยืนคอย ทว่าหญิงสาวก็ต้องหน้ามุ่ยลงอีกรอบเมื่อโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเอาเสียเลย

   เจ็บใจตัวเองนิดหน่อย หลังจากไปสัมมนาที่รีสอร์ทหรูจังหวัดภูเก็ตแล้วอยู่เลี้ยงฉลองจนดึกดื่น จะค้างที่นั่นก็ไม่ได้เพราะพรุ่งนี้เช้ามีประชุมที่บริษัท ซึ่งเป็นกิจการที่เธอกับพี่ชายเพียงคนเดียวอย่างไอศูรย์ช่วยกันบุกเบิกมันขึ้นมากับมือ หากตอนนี้อารดากลับต้องดูแลเพียงลำพัง เพราะไอศูรย์หันไปทำธุรกิจจิวเวอร์รี่ที่ประเทศอิตาลี่ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตากันบ่อยอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว สามสี่เดือนพี่ชายจะกลับมาที่ไทยสักที แต่ก็มีโทรศัพท์ถามไถ่กันบ้างในบางครั้งถ้าว่างเว้นจากเรื่องงาน
   “จะเอายังไงดีเรา” อารดาถอนใจยืดยาว ไม่นานเธอก็เห็นแสงไฟสีส้มสาดส่องลงมายังร่างของเธอ หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความดีใจ ก้าวมายืนขวางกลางถนนแล้วยกแขนโบกไปมาเป็นการส่งสัญญาณ

   รถคันดังกล่าวที่กำลังวิ่งตรงมาเบรคอยู่ตรงหน้าเธอทันที พร้อมกับชายหนุ่มสองคนที่ดูท่าจะอายุอานามรุ่นราวคราวเดียวกับเธอก้าวลงมาจากรถยนต์

   “ขอโทษนะคะ พอดีรถฉันเสีย อยู่ๆ ก็สตาร์ทไม่ติด คุณสองคนพอจะช่วยดูให้ได้มั้ยคะ หรือว่าขอยืมโทรศัพท์โทร.หาคนขับรถที่บ้านหน่อยก็ดีค่ะ” อารดาบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไป หากเมื่อเธอลองสังเกตชายสองคนตรงหน้าจึงรู้ว่าพวกเขามีสภาพเมาเล็กน้อย

   กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาทางเธอจนต้องยกมือปิดจมูกโดยอัตโนมัติ  การขอความช่วยเหลือของเธอกลับกลายเป็นชายหนุ่มสองคนไม่ใคร่จะใส่ใจเท่าใดนักแต่กลับมองหน้ากันด้วยแววตาที่รู้ว่าควรจะทำยังไง ก่อนหันมาทางหญิงสาวอีกครั้ง

   “รถเสียเหรอครับ” หนึ่งในนั้นถามขึ้น ก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวแล้วใช้ปลายนิ้วแกร่งแตะที่ปลายคาง

   “เอ่อ...คะ ค่ะ” อารดารีบปัดมือหยาบกร้านออกไป ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ เธอขยับขาถอยห่างด้วยความไม่ไว้ใจชายทั้งสองคน

   หากก็ช้ากว่าร่างสูงกำยำสองร่างที่ตรงปรี่เข้ามาดึงหญิงสาวเอาไว้กับตน บวกกับความเมามายที่ครอบงำสติเกินการควบคุม
   “ปล่ะ..ปล่อยนะ ช่วยด้วย กรี๊ด!!!” หญิงสาวกรีดร้องขึ้นจนสุดเสียง รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากฝ่ามือหยาบกร้านของชายทั้งสอง เธอพยายามดิ้นรนและร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังแต่กลับถูกลากเข้ามาในพรงหญ้าข้างทาง พร้อมกับเสื้อผ้าที่ถูกดึงทึ้งจนเกือบเปลือย



   “ฮึก..มะ..ไม่ ปล่อยฉันนะ ปล่อย!!” ไม่ว่าจะร่ำร้องอ้อนวอนยังไง หญิงสาวก็ไม่สามารถต้านทานแรงผู้ชายสองคนเอาไว้ได้ จนทำให้ต้องเผชิญหน้ารับชะตากรรมอันเลวร้ายด้วยความไม่เต็มใจ เธอขยะแขยงทุกรสสัมผัสอันหยาบกระด้างที่แตะต้องบนเรือนกายของเธอ ขยะแขยงจนอยากจะตายไปให้พ้นๆ!






   ไอศูรย์ทอดมองร่างบอบบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยแววตาเศร้าหมอง นานเท่าไหร่แล้วที่น้องสาวของเขาต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่อย่างนี้ นานจนเขาแทบสิ้นหวัง เธอไม่ตายก้เหมือนตาย และสะเทือนใจทุกครั้งเมื่อนึกไปถึงตอนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเห็นอารดานอนชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปากอยู่บนพื้นห้อง

   น้องสาวของเขาพยายามจะฆ่าตัวตาย ชายหนุ่มรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วและได้รับคำบอกกล่าวจากนายแพทย์เจ้าของไข้ว่าเธอปลอดภัยดี แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สภาพจิตใจไม่ค่อยปกตินัก สองเดือนต่อมาเขาค่อยวางใจที่อารดากลับมาเหมือนคนปกติอีกครั้ง เขาพยายามถามเอว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้องสาวไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ เอาแต่ส่ายหน้า แววตาไหวระริกราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และหลังจากนั้นเขาก็เลิกจะตั้งคำถาม เลิกซักไซ้ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร รอจนกว่าเธอพร้อมคงยอมบอกเอง แต่อารดาก็ไม่มีโอกาสได้บอกเขา  เธอขับรถออกมานอกบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุ จนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทั้งที่เขาสั่งกำชับนักหนาว่าไม่ให้ขับรถหรือไปไหนตามลำพังอีก ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่

   หลังจากนั้นชายหนุ่มพยายามตามสืบสาวจนได้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น และตอนนี้เองเขาก็ได้ทราบแล้วว่าใครกันที่เป็นคนชั่วทำลายชีวิตน้องสาวสุดที่รัก ไอศูรย์ไม่ต้องการแจ้งความเพื่อให้อารดาขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยคดีที่น่าอับอาย เขาอยากจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง

   จัดการพวกมันให้เจ็บปวดทรมานกว่าน้องของเขาหลายพันเท่า!

   เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มต้องละสายตาจากร่างบางมองไปยังบานประตูไม้สัก อลงกรณ์ลูกน้องคนสนิทก้าวเข้ามาหาเขาพร้อมกับรายงานเรื่องที่ผู้เป็นเจ้านายให้ไปจัดการ

   “จัดการเรียบร้อยแล้วครับคุณไอศูรย์”

   “ดี อย่าให้มันออกมาได้อีก”

   “แต่ยังเหลืออีกหนึ่งครับ”


   “กายครับ” อลงกรณ์ตอบเสียงหนักแน่นเห็นแววตาคมของคนเป็นเจ้านายดุกร้าวขึ้นชัดเจน

   “ครอบครัวมันเป็นยังไงตอนนี้”

   “ไอ้หมอนี่เห็นว่ามันติดการพนันอย่างหนัก พอๆ กับแม่ของมัน แล้วก็มีน้องชายกำลังเรียนอยู่มหา’ลัยปีหนึ่ง”
ไอศูรย์ครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกน้องแล้วกระตุกยิ้มร้ายก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นน่าเกรงกลัว

   “ก็ดี! ฉันจะได้จัดการพิพากษาพวกมันทุกคนอย่างสาสม!”

   หวายก้าวเข้ามาในบ้านของตัวเองช่วงหัวค่ำ ทันทีที่ย่างกายเข้ามาในมุมรับแขกก็พบกับพี่ชายต่างมารดากับผู้เป็นแม่เลี้ยงของเขานั่งหน้าเครียดอยู่ด้วยกันทั้งคู่ ศรัณตวัดสายตามาทางน้องชายที่เพิ่งถอดรองเท้าเสร็จก่อนจะตรงปรี่เข้ามาหา

   “มึงหายหัวไปไหนมาวะ ถึงกลับเอาป่านนี้”

“ออกไปทำงานมาดิ ไม่ได้ว่างงานเหมือนคนแถวนี้สักหน่อย”

“อย่ามาพูดจากวนตีนกู ไหนเงิน” คนเป็นพี่แบมือทวงเงินที่ให้หวายออกไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนทุกวัน หากเด็กหนุ่มกลับควักเงินจำนวนหนึ่งพันบาทวางลงบนมือ

ชินแล้วกับที่ต้องทำเพื่อคนอื่น…

คนอื่นที่เป็นคนในครอบครัว อยากจะเรียกแบบนั้นก็กระดากปากตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ว่าพี่ชายหรือแม่เลี้ยงไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเขาเลยสักคน สนใจแต่เงินทองของมีค่า

เขาเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่คอยรองมือรองตีนคนในบ้านเวลาไม่สบอารมณ์

   “อะไรวะ พันเดียวจะพอแดกห่าอะไร?” ศรัณสบถอย่างหงุดหงิดมองน้องชายด้วยสีหน้าขัดใจเป็นที่สุด นึกว่าหวายจะได้เงินมาสักสี่ห้าพัน

   “ไปช่วยเขาเสิร์ฟอาหารที่โรงแรมมันก็ได้เท่านี้แหละ พี่กายอยากได้เงินเยอะๆ ก็ออกไปหาเอาเองดิ แค่นี้ก็เหนื่อยรากเลือดแล้ว”

   “มึงไม่ต้องมาย้อนกู มึงเป็นน้อง มีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณกูกับแม่ ไม่มีสิทธิ์มาบ่นเชี่ยอะไรทั้งนั้น” ศรัณกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเดิม

บุญคุณ

ฟังคำนี้ทีไรแล้วรู้สึกสยดสยองขนพองทุกที ต่อให้ชาตินี้ทั้งชาติก็ทดแทนกันไม่หมดหรอกไอ้บุญคุณที่มันทิ่มคออยู่เนี่ย

   “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ รู้งี้ฉันไม่รับช่วงต่อจากนังเพลินแม่แกก็ดี พวกกาฝากทั้งแม่ทั้งลูก พึ่งพาไม่เคยได้เลยสักคน”
หวายกำมือแน่นเมื่อถูกกระทบกระทั่งและผู้เป็นแม่เลี้ยงกำลังพาดพิงไปถึงมารดาแท้ๆ ของเขาที่เสียชีวิตไปหลายปีพร้อมกับผู้เป็นบิดาด้วยอุบัติเหตุ

   “ป้าจันทร์ ทำไมต้องว่าแม่ผมด้วย มันไม่เกี่ยวกับแม่สักหน่อย”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ตอนพ่อแม่แกตายฉันก็ต้องเสียเงินมาจัดงานศพให้ นี่ยังไม่ได้คืนสักบาทเลย”

“ผมก็ไม่เห็นว่าวันๆ ป้าจะทำมาหากินอะไร เอาแต่ใช้เงินไปถลุงที่บ่อนจนหมด”

“ไอ้หวาย ไอ้เด็กอกตัญญู นี่แกกล้าด่าฉันเรอะ!”

“ผมพูดความจริง ขนาดบริษัทพี่กายยังไม่เคยสนใจไปทำจนมันจะเจ๊งอยู่แล้ว คิดว่าอยู่บ้านเฉยๆ แล้วเงินมันจะหล่นลงมาจากฟ้าหรือไง” หวายโมโหอย่างขีดสุดจนต้องเถียงขึ้นเสียงดังกลางบ้าน ปกติเขาก็เถียงแบบนี้ประจำแต่ไม่แรงเท่า ครั้งนี้มันสิ้นสุดความอดทนจริงๆ แถมเขายังเหนื่อยสายตัวแทบขาด กลับบ้านมาเจอแม่เลี้ยงกับพี่ชายด่าฉอดๆ ไม่หยุดปาก ว่าเขาคนเดียวเขายังทนได้ แต่นี่ดันพาดพิงถึงบุพการีที่เสียไปแล้วให้ตายก็ไม่ยอม

   เพียะ!

   ฝ่ามือหนาของแม่เลี้ยงตวัดเข้ากับแก้มเนียนของเด็กหนุ่มหลังจบถ้อยคำก้าวร้าว หวายรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหลตรงมุมปากพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติแต่พยายามบังคับน้ำตาไม่ให้ไหล

   เจ็บกายไม่เท่าไร แต่เจ็บใจมากกว่าหลายล้านเท่า

   ไม่รู้เขาต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

   จนตายเลยหรือเปล่าวะ

   ชีวิตบัดซบเหี้ยๆ!

   มนุษย์หน้าไหนแมร่งอยากจะมีชีวิตแบบเขา

   นั่นสินะ คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ เลือกที่จะเป็นยังไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ

   “กล้าพูดอย่างนี้กับฉันเหรอ ไอ้เด็กเหลือขอ วันนี้ฉันจะตบแกให้ตายคามือเลยกาย..จับมันให้แม่หน่อย แม่จะสั่งสอนไอ้หวายมัน” เด็กหนุ่มพยายามยกมือปัดป้องเมื่อจะถูกทำร้ายร่างกายหากแต่พี่ชายต่างมารดากลับเข้ามารวบแขนบางไขว้หลังเอาไว้แล้วปล่อยให้พิมพ์จันทร์ทุบตีอย่างสาแก่ใจ

   หวายไม่เคยคิดจะอ้อนวอนร้องขอ หรือลงไปกราบแทบเท้าร้องไห้ให้พิมพ์จันทร์กับศรัณหยุดการกระทำอันป่าเถื่อน
   เพราะรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะหยุดสองคนแม่ลุกได้นอกจากเงิน

   “ไอ้เด็กเลว ปากดีนัก มึงตายแน่!” มืออวบอูมที่กำลังจะเงื้อขึ้นอีกครั้งของแม่เลี้ยงกลับถูกคว้าหมับจากฝ่ามือแกร่งของใครบางคนที่เข้ามาช่วยห้ามทัพไว้ได้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะถุกตบหน้าอีกเป็นครั้งที่สาม

   “ถึงขนาดต้องตบตีกันเลยเหรอป้า ไม่ป่าเถื่อนไปหน่อยหรือไง ไอ้หวายมันก็เหมือนลูกหลานป้านะ”

   “มึงอย่าเสือกไอ้พล”

   “พี่พล” หวายรีบสลัดกายออกจากศรัณไปหลบอยู่หลังณพลทันทีที่มีโอกาส

   “แส่อะไรด้วยวะ เรื่องของคนในครอบครัว กูกับแม่จะตีมัน มันก็สิทธิ์ของกู คนนอกไม่เกี่ยวเว้ย” ศรัณถลาเข้ามาหาร่างสูงของชายหนุ่มที่เข้ามาเยือนหากต้องชะงักเพียงเท่านั้นเมื่ออีกฝ่ายเงื้อหมัดขึ้นพร้อมกระแทกใส่หน้า

   “เข้ามาเดี๋ยวกูต่อยฟันร่วงแน่ไอ้กาย” คำขู่นั้นทำเอาคนที่อวดเก่งตอนแรกต้องถอยทัพกลับอย่างขี้ขลาดเมื่อเห็นสีหน้าเดือดดาลของณพล

   เขายังไม่อยากเสี่ยงหน้าแหกตอนนี้

   “อย่าทำอะไรลูกฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจจับแกเข้าคุก ไอ้เศษสวะ” พิมพ์จันทร์ดึงแขนลูกชายออกมาก่อนจะข่มขู่อีกฝ่ายเสียงเข้ม

   “ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ฟ้องป้ากับลูกชายข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก” สองแม่ลูกรีบมองหน้ากันเลิกลั่กแล้วเงียบเสียงเอาไว้เพราะไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อนก่อนจะเห็นแขกไม่ได้รับเชิญพาหวายออกไปจากบ้าน

   “ไปหอพี่ก่อนดีกว่าหวาย อยู่กับอีคนใจยักษ์พวกนี้มีหวังได้เจ็บตัวทุกวัน”

   “เออ...ไปเลยมึง แล้วไม่ต้องกลับมาเลยนะ ถุย กะอีแค่ช่างซ่อมรถกระจอกๆ จะมีปัญญาเลี้ยงดูมันได้แค่ไหนกันวะ แล้วกูจะคอยดูว่าจะไปได้สักกี่น้ำ”



                                                           ..............................................


นิยายเรื่องนี้มีลงที่เล้าและเว็บเด็กดีนะค้า ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายเรื่องอืนๆได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2018 23:17:08 โดย prowprow »

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
     






     ณพลพาหวายมายังที่พักของเขาซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นต์เก่าๆ ห้องนี้ถึงมันจะดูไม่กว้างขวางใหญ่โตและมีเฟอร์นิเจอร์นับชิ้นได้ แต่มันก็เป็นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กหนุ่มที่สุดแล้ว เพื่อให้พ้นจากเงื้อมมือของสองแม่ลูกนั่นได้ชั่วคราว

   “ผมไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงเลย” หวายพูดขึ้นขณะที่คนตัวสูงเพิ่งจัดการทายาบริเวณใบหน้าให้อย่างเบามือเพราะมันเป็นรอยแดงจ้ำๆ ข้างแก้มจากการถูกตบตี

   “เรื่องเล็กน้อยว่ะ” ชายหนุ่มตบไหล่เบาๆ ก่อนจะเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บที่ชั้นวาง

   “แล้วกินข้าวมายัง หิวหรือเปล่า”

   “ไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ด ผมเลิกเรียนก็ไปเสิร์ฟอาหารที่โรงแรมต่อเลย เสร็จแล้วก็ตรงกลับบ้าน แต่โดนป้าจันทร์กับพี่กายเล่นงานซะก่อน”

   “ทนอยู่ได้ยังไงกับคนใจยักษ์พวกนั้นน่ะ” ณพลขบกรามแน่นเมื่อนึกไปถึงสองแม่ลูกจิตใจตกต่ำที่คอยแต่ใช้งานหวายอย่างกับทาส แถมยังทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เงินส่วนใหญ่ที่มาจุนเจือในบ้านก็มาจากเด็กคนนี้ทั้งสิ้น

   บริษัทเล็กๆ ที่ศรัณหุ้นกับตรีภพเพื่อนสนิทของมัน เขาได้ข่าวว่าก็กำลังจะเจ๊งไม่เป็นท่าเนื่องจากเจ้าของไม่คิดจะไปดูแลกิจการ แถมตอนนี้ตรีภพยังถูกจับคดีมียาเสพติดเอาไว้ครอบครองจนต้องเข้าไปนอนอยู่ในเรือนจำเพื่อรอศาลตัดสิน

   “ยังไงป้าจันทร์ก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่พ่อกับแม่ตาย อีกอย่างพี่กายก็เป็นพี่ชายของผม”

   “แล้วคนพวกนั้นมันเคยเห็นหวายเป็นน้องหรือลูกหลานบ้างหรือเปล่า เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วมาใส่คนอื่น พอกันทั้งหัวหงอกหัวดำ พูดแล้วน่าโมโหว่ะ” ณพลแสดงสุ้มเสียงหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าหวายกำลังเอาเรื่องบุญคุณงี่เง่ามากล่าวอ้าง ทั้งที่พิมพ์จันทร์ผู้เป็นแม่ของศรัณก็ไม่ค่อยจะสนใจลูกเลี้ยงสักเท่าไหร่ ไม่สิ เรียกว่าไม่เคยสนใจเลยดีกว่า เพราะถือเป็นลูกนอกไส้ไม่ใช่ลูกตน แถมยังไม่สนับสนุนให้เรียนหนังสือต่อเพราะสิ้นเปลืองเงินทอง ก็อย่างว่า พ่อแม่ของหวายตายไปหมดแล้ว หวายเป็นแค่ลูกเลี้ยง แถมยังไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกับสองคนนั้น ตอนแม่หวายเสียชีวิต พ่อก็มีภรรยาใหม่คือพิมพ์จันทร์ที่มีลูกติดจากสามีเก่าคือนายศรัณ หลังจากพ่อมาด่วนจากไปอีกคน หวายก็เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อสู้ดิ้นรนชีวิตด้วยตัวเองมาตลอด

   ในขณะที่ศรัณกลับเรียนจบปริญญาตรีแล้วได้งานทำเงินเดือนหลายหมื่นบาทก่อนจะมาร่วมหุ้นเปิดบริษัทกับเพื่อน แต่เด็กอายุยี่สิบอย่างหวายกลับต้องมาทำงานงกๆ เพื่อส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ ในเมื่อพิมพ์จันทร์ไม่ส่งเงิน ไม่สนับสนุนก็ต้องหาลู่ทางเก็บเงินเอง หลังเลิกเรียนยังต้องไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่โรงแรม ไม่เคยได้มีวันว่างพักผ่อนไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันสักเท่าไหร่

   “ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป เดี๋ยวพี่จะทำอะไรให้กิน” ณพลพูดขึ้นแล้วเตรียมลุกจากโซฟาเพื่อไปทำอาหารในมุมเล็กๆ ตรงระเบียงห้อง

   “ให้ผมช่วยไหมพี่พล”

   “ไม่ต้องหรอกหวาย เดี๋ยวพี่ทำเองดีกว่า” คนพูดชะโงกหน้าออกมาจากระเบียง มองเด็กหนุ่มที่เตรียมจะลุกไปอาบน้ำตามคำบอกของเขา


   อาหารค่ำวันนี้เป็นข้าวไข่เจียวกลิ่นหอมฉุยฝีมือเจ้าของห้องที่นานๆ ครั้งจะได้ลงมือทำอาหารเอง ณพลเอ็นดูหวายเสมือนน้องชายคนหนึ่งและเด็กหนุ่มเองก็นับถือณพลอย่างกับพี่ชายแท้ๆ ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยนอกจากนั้น ห้องพักของชายหนุ่มเป็นเตียงเหล็กขนาดสามฟุต แค่ณพลนอนคนเดียวก็เต็มเตียงเพราะเขาตัวสูงใหญ่กว่าหวายมากเลยย้ายตัวเองมานอนโซฟาเก่า
หวายเกรงใจเจ้าของห้องแทบแย่ แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับณพลที่พยายามยกเหตุผลมาอ้างกับเขาอยู่ดี






       
        หลังเลิกเรียนวันนี้ หวายยังคงเข้ามาในโรงแรมธัญธาราเพื่อทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารเหมือนเดิม เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน มีแค่ช่วงเช้าแวะไปเอาชุดนักศึกษา โชคดีที่แม่เลี้ยงกับพี่ชายไม่อยู่บ้าน หวายจัดการเปลี่ยนชุดเสียใหม่เพื่อเตรียมตัวทำงานได้อย่างเต็มที่

       เขาเห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทหรูสีเทากำลังย่างกายเข้ามาในห้องอาหารแล้วทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้  เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบก้าวไปยังโต๊ะดังกล่าวเพื่อบริการลูกค้า เห็นเขากำลังไล่อ่านเมนูอาหารแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาพอดี

       “ขอแซลมอนสเต็กกับไวน์แดง”

        “ครับ” รับคำเสร็จก็ล่าถอยออกไปทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ว่าสายตาของลูกค้าคนดังกล่าวกำลังจับจ้องหวายอยู่ทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเขาก็ยังคอยจับตามองตลอดเวลา จนกระทั่งหวายนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

       “อาหารได้แล้วครับ” เด็กหนุ่มวางจานอาหารลงตรงหน้าด้วยท่าทางนอบน้อม พร้อมกับจัดการรินไวน์ใส่แก้วให้เขาด้วยความคล่องแคล่วก่อนจะถอยห่างออกไปเพื่อให้ลูกค้าได้มีความเป็นส่วนตัว

       ไอศูรย์มองตามชายร่างเล็กที่เดินออกไปแล้ว พลางกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลงมือจัดการอาหารมื้อเย็นตรงหน้า ที่จริงวันนี้เขามีประชุมสำคัญที่โรงแรมธัญธาราจนกระทั่งเย็นก็เลยหาโอกาสทานอาหารและพักผ่อนที่นี่เสียหนึ่งคืน หากแต่เหตุผลสำคัญอีกอย่างคือเขาต้องการมาจับตาดูใครบางคนด้วยต่างหาก

      หลังจากที่ให้ลูกน้องคนสนิทไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับศรัณจนแน่ชัด จึงทำให้รู้ความเคลื่อนไหวของครอบครัวนี้ว่าใครทำอะไรที่ไหนกันบ้าง

     ชายหนุ่มใช้เวลาจัดการอาหารตรงหน้าไม่นานก่อนจะเรียกพนักงานมาเช็คบิล ซึ่งคนที่เดินมาทางเขาคือพนักงานคนเดิมที่มาเสิร์ฟอาหาร หวายจึงบอกค่าอาหารกับลูกค้าไป แล้วก็ได้เงินเกินจำนวนมาเยอะพอสมควร

    “ฉันให้ทิป” เขาพูดเสียงราบเรียบแล้วลุกออกจากโต๊ะไป แต่ไม่วายหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังตะลึงกับเงินที่ได้รับมาฟรีๆ จำนวนสองพันบาท!

      “ฉันอยากให้นายไปเสิร์ฟไวน์ที่ห้องฉันตอนสี่ทุ่ม”
     “ผมเหรอครับ?” หวายชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ ปกติไม่เคยมีลูกค้าคนไหนให้เขาไปทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย
       “ใช่”
     “ปกติแล้วผมจะไม่…”
      “ฉันจะรอนะ” เอ่ยจบก็ผละจากไปทันที ทำให้หวายมองตามหน้าเหวอว่าไปรับปากกับเขาเอาไว้ตอนไหน
      นั่นสิ
    ตอนไหน…




     เด็กหนุ่มเคาะประตูสองสามครั้งพอเป็นพิธี เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าผู้ชายที่สั่งให้เขามาเสิร์ฟเครื่องดื่มที่ห้องตอนสี่ทุ่มเป็นแขกวีไอพีของโรงแรมธัญธารา
    หวายยืนรอไม่นานก็เห็นคนเป็นเจ้าของห้องเปิดประตูแง้มหน้าออกมา แล้วเบี่ยงตัวหลบให้ตนเข้ามาด้านในโดยสะดวกก่อนที่ชายหนุ่มจะออกคำสั่ง
    “ช่วยรินไวน์ให้ฉันหน่อยสิ”
    “ได้ครับ” หวายหันไปทำตามแต่โดยดี ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ติดจะดุกับแววตาคมกริบคู่นั้น       ผู้ชายคนนี้เคยยิ้มบ้างหรือเปล่านะ หน้าตาก็หล่อเหลาดูดีอยู่หรอก แต่ทำไมชอบตีหน้าเข้มขรึมตลอดเวลา หรือจะเป็นพวกเสือยิ้มยากก็ไม่รู้

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” หวายกล่าวด้วยถ้อยคำสุภาพ ก็ในเมื่อเขาแค่ให้เข้ามาบริการเสิร์ฟไวน์ในห้อง เมื่อหมดหน้าที่ก็ควรออกไป หากแต่ฝ่ามืออุ่นกลับคว้าหมับเข้าที่แขนบางแล้วออกแรงดึงมาปะทะร่างกำยำทำให้หวายตกใจผงะเล็กน้อย
“จะรีบไปไหนเล่า”
“เอ่อ คุณมีอะไรจะใช้ผมเหรอ” หวายพยายามพาตัวเองออกมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าใดนัก ผิดกับตอนเย็นที่เขาดูไม่ทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้กับพนักงานคนไหน หรืออาจจะเป็นเพราะอยู่ในที่โล่งแจ้งเลยไม่กล้า แต่ตอนนี้อยู่กับเขาเพียงลำพังในห้องที่เปิดไฟสลัวๆ
“เหนื่อยหรือเปล่า”
“อะไรครับ”
“งานที่นายทำอยู่ตอนนี้ไง”
“ไม่ครับ”
“แต่ฉันว่านายคงเหนื่อยน่าดู”
“ผมชินแล้ว ไม่เหนื่อยหรอกครับ” หวายพาตัวเองออกมาห่างจากร่างของชายหนุ่มจนสำเร็จ แล้วลูบแขนตัวเองที่โดนบับเมื่อครู่ ลูกค้าวีไอพีคนนี้จะมาเล่นตลกอะไร ท่าทางดูแปลกๆ พิกล
แปลกจนไม่น่าเข้าใกล้เลยแม้แต่นิดเดียว
“อยากได้เงินใช้แบบไม่ต้องลำบากหรือเปล่า”
“…..”
“ฉันช่วยนายได้นะ”
“ที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็ดีมากพอแล้วครับ”
“ฟังฉันก่อนสิ แล้วค่อยปฏิเสธ”
“คุณลูกค้า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ” หวายเตรียมก้าวออกมา ท่าทางเขาจะพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่แน่ใจว่าเมาหรือเปล่าเพราะไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาแตะจมูกตอนที่เข้าไปปะทะกับร่างเขา แต่ประโยคต่อมาของชายหนุ่มกลับตรึงหวายเอาไว้กับที่ราวต้องคำสาป
“งานง่ายๆ แค่บริการเรื่องบนเตียงให้ถูกใจ ฉันยินดีจะจ่ายคืนละสามหมื่น!”
ผลัวะ!
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรให้ยืดยาว หวายโมโหจนตัวสั่นไปหมดก่อนหันมาชกหน้าคนพูดไปหนึ่งครั้งเพราะควบคุมสติตัวเองไม่อยู่
เป็นไงเป็นกัน
แมร่ง! ดูถูกเหยียดยามศักดิ์ศรีความเป็นคนกันเกินไปแล้ว
นั่นน่ะนะ งานง่ายๆ ที่มันว่า!
ไอศูรย์ตวัดสายตาคมมามองอีกฝ่ายก่อนกระชากร่างเล็กกว่าเข้าหาตัวอย่างแรง และแรงกว่าครั้งแรก นึกอยากบดร่างพยศให้แหลกคามือ
“ชอบซาดิสต์ก็ไม่บอก ฉันจะได้สนองให้แบบถึงใจ” ริมฝีปากอุ่นหนาจัดการบดขยี้ลงบนเรียวปากบางสีเรื่อเพื่อเป็นการลงทัณฑ์สำหรับการถูกชกหน้าอย่างแรง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน เด็กนี้มันกล้ามาก กล้าเกินไปแล้ว
ไอศูรย์จับมือที่เตรียมจะชกเขาอีกครั้งไพล่หลังเหมือนผู้ต้องหา ก่อนจะซุกไซร้จมูกไปทั่วลำคอขาวเนียนเพื่อฝากประทับรอยแดงจ้ำเอาไว้  เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสป่าเถื่อนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
“ไอ้…เลว”
 “ก็ไม่ต่างกับนายนักหรอก” ไอศูรย์กระซิบบอกหลังจัดการลงโทษจนหนำใจ เขาแสยะยิ้มเย็น มองคนที่โกรธจนตัวสั่นหน้าแดง คงแทบอยากฆ่าเขาให้ตายแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกำหมัดแน่นแล้ววิ่งหายไปจากห้องพัก
“อีกไม่นาน นายคงได้รู้จักฉันมากกว่านี้”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2017 17:00:48 โดย prowprow »

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
      หวายเร่งฝีเท้าเข้ามาในห้องน้ำ เขาจัดการเปิดก๊อกแล้วล้างหน้าล้างตาเพื่อเอาคราบความสกปรกออกไปให้หมด โดยเฉพาะริมฝีปากบางที่พยายามถูไปถูมาราวกับมันไปสัมผัสเชื้อโรคมาเป็นล้านๆ ตัว
“ไอ้โรคจิต!!” ใช่! ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันโรคจิตชัดๆ อยากรู้นักว่ามันใช้อวัยวะส่วนไหนคิดออกมา ถึงยื่นข้อเสนอให้เขาทำงานขายตัวแลกเงิน ถึงจะเป็นผู้ชายแต่เขาก็มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่พอจนตรอกก็แก้ผ้านอนอ้าขาขึ้นเตียงอย่างเดียว
แม่งเอ๊ย!
เขาอยากซัดมันอีกรอบจริงๆ!
เด็กหนุ่มมองตัวเองในกระจกแล้วสบถออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่มีความคิดต่ำทรามผู้นั้น
หวายกำมือแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธกรุ่น
อย่า! อย่าให้เจออีกแล้วกัน!
 เมื่อล้างหน้าจนพอใจจึงตัดสินใจเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ได้เวลาเลิกงานพอดีจึงหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
หวายพาตัวเองออกมาจากโรงแรมธัญธาราในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง พอก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก็เห็นว่ามันดึกมากแล้ว รถโดยสารประจำทางสายที่ผ่านบ้านเขาคงจะหายาก ไม่งั้นคงต้องยืนแกร่วคนเดียวอีกนาน เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินเท้าออกมาตามริมฟุตบาทอีกสามป้ายรถเมล์ก่อนจะเข้าซอยบ้านไปอีกราวๆ สองร้อยเมตร
อันที่จริงเขาควรจะเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือว่าอาศัยแท็กซี่กลับบ้านตอนดึกดื่นน่าจะสบายกว่ามาเดินให้เมื่อยขา แต่เพราะตอนนี้เงินในกระเป๋ามันเริ่มแห้งขอด เรื่องอะไรจะต้องเสียค่ารถอีกตั้งหลายบาท เก็บเงินไว้ซื้อข้าวกินพรุ่งนี้ดีกว่า เดินไปแค่ไม่ถึงสามสิบนาทีก็ถึงบ้านแล้ว
พูดถึงเรื่องกิน
นี่เขาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ไปรบรากับไอ้บ้าโรคจิตมาจนหิวไส้จะขาด ไม่รู้กลับไปจะมีอะไรกินหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็คงต้องซื้อบะหมี่ไปต้มกินประทังชีวิตอีกเหมือนเคย
คิดแล้วก็หงุดหงิดเหมือนกัน ทำไมเขาต้องเกิดมาจนด้วยก็ไม่รู้ ถ้ามีเงิน มีงานทำมั่นคง อะไรๆ มันคงจะดีกว่าที่เป็นอยู่
ช่างเหอะ คิดไปก็ปวดหัวเปล่า
หวายกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางข้างหน้า อยากหาอะไรกิน อยากอาบน้ำอยากนอนพักเต็มกลืนแล้ว เขาเหนื่อยมาทั้งวันจนสายตัวแทบขาด หากเดินไปไม่ถึงครึ่งทางก็มีชายฉกรรจ์สองคนเดินสวนกับเขา
หวายรีบสาวเท้าด้วยความระแวดระวัง เพราะเวลานี้ในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบสงบและไร้ผู้คนสัญจรไปมา แม้แต่ร้านขายอาหารตามสั่งหรือร้านค้าก็ปิดบริการกันไปจนเรียบร้อยหมดทุกร้าน
ทว่าเด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่าชายฉกรรจ์ท่าทางไม่น่าใว้ใจสองคนนั้นกำลังเดินตามติดมาห่างๆ ไม่นานพวกมันมาขวางทางเขาเอาไว้
“จะรีบเดินไปไหนน้อง”
เด็กหนุ่มรู้สึกอาการหายใจติดขัดขึ้นมาทันที เมื่อชายสองคนมองใบหน้าหวานอย่างกระหายเหยื่อ แววตาคมปลาบสองคู่ดูดุดันน่ากลัวเสียจนอยากหนีให้ไกล ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยอะไรนักหนา หนีเสือมาปะตัวเหี้ยชัดๆ
“ถอยไปพี่ ผมจะกลับบ้าน”
“จะรีบกลับไปทำไมวะ คุยกับพวกพี่ก่อนดิ” ชายฉกรรจ์หนึ่งในสองคนยกมือแตะที่ใบหน้าขาวเกลี้ยงที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายเล็กน้อยแล้วใช้สายตาโลมเลียราวกับอยากกินหวายลงท้องเต็มแก่ เด็กหนุ่มปัดมือหยาบกร้านเหม็นสาบนั้นออกห่างแล้วทำท่าจะเดินหนี แต่พวกมันก็ตามมาอย่างไม่ยอมลดละเช่นกัน
“หลีกไปโว้ย กูจะกลับบ้าน” หวายเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าใช้คำพูดดีด้วยแล้วไม่ได้ผล แถมคนพวกนี้ยังตามตื๊อไม่เลิกราสักที
“ไปสนุกกับพวกพี่ดีกว่า”
“อยากสนุกด้วยเนี่ย ถามความเห็นจากกูรึยัง”
“ปากดีแบบนี้กูชอบ เฮ้ยมึง! จัดมันหนักๆเลย เอาให้แม่งครางไม่หยุด” พวกมันลูบคางอย่างหมายมาด ก่อนช่วยกันดึงช่วยกันลากร่างเล็กที่ขัดขืนอย่างสุดแรงเกิดไปข้างทางที่รกร้าง
“ปล่อยกู!”
“ปล่อยให้โง่สิวะ”
 “ช่วยด้วย โอ๊ะ!!” หวายทั้งถีบทั้งเตะสารพัดเลยโดนหมัดหนักๆ ของพวกมันกระแทกเข้าที่กลางท้องน้อยอย่างจัง
จุก! จุกฉิบหาย!
“ฤทธิ์มากนัก”
 ใบหน้าหวายยับย่นเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ หวายยกมือกุมท้องตัวงอเป็นกุ้งถูกน้ำร้อนลวก ก่อนที่พวกมันจะช่วยกันดึงทึ้งเสื้อผ้าของคนใต้ร่างที่นอนร้องโอดครวญบิดไปบิดมาปากซีดตัวสั่นเพราะคิดว่าไม่รอดมือพวกใจหยาบชาติหมาได้แน่ๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะถูกพวกมันกระทำย่ำยี เท้าหนักๆ จากใครบางคนก็อัดโครมเข้ากลางแผ่นหลังหนาทันที
พลั่ก!
ชายฉกรรจ์สองคนกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นมาเตรียมปล่อยหมัดใส่คนที่มาขัดขวางความสุขพวกมัน หากแต่บุคคลที่มาใหม่กลับแข็งแรงกว่า คว้าหมับข้อมือหนาแล้วออกแรงบิดก่อนเตะเข้ากลางอกไปสองทีซ้อน
ผลัวะๆ
กำปั้นหนักๆ ถูกปล่อยเข้าใส่ชายฉกรรจ์อีกคนที่เข้ามาช่วยเพื่อนของมัน ก่อนจะทรุดฮวบลงไปนอนกองแล้วถูกเตะเข้าที่ชายโครงจนหมดทางต่อสู้
“แอ่กก!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของพวกมันทำให้คนร่างสูงที่ยืนจ้องเขม็งตวาดดังลั่นตัวสั่นเทิ้ม
“ไสหัวไปซะ ก่อนที่กูจะกระทืบมึงตายคาตีน ไป๊!”
ชายสองคนลนลานลุกขึ้นก่อนจะผลุนผลันออกไปจากบริเวณนั้นทันทีโดนไม่คิดรอปลายเท้าหนักๆ ที่ยกขึ้นเตรียมสะบัดใส่ร่าง
“อย่าให้กูเจออีกนะมึง ไอ้พวกขยะสังคม” เอ่ยจบก็รีบหันไปหาคนที่นอนกุมท้องตัวเองอยู่อีกทางด้วยความห่วงใยเป็นล้นพ้น
“ลุกขึ้นไหวมั้ย”
“หวะ…ไหว ขอบคุณมาก พี่พล” หวายมองใบหน้าคนที่เข้ามาช่วยด้วยแววตาขอบคุณก่อนจะเปล่งเสียงออกมาเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
“ถ้าไม่ได้พี่ ผมคง..ตายแน่”
“เฮ้ย ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอ” ณพลจัดการประคองคนเจ็บขึ้นมา ก่อนจะพามาจนถึงหน้าปากซอยเพื่อเรียกรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้โดยเร็ว



 :hao6: :hao6: :hao6:


“โธ่เว้ย! เป็นอย่างนี้ไปได้ไงวะ” ศรัณสบถเสียงดังออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเขาเสียพนันอีกครั้ง ทว่าหนนี้มันกลับเลวร้ายกว่าครั้งไหนๆ เพราะเขาเล่นไปจนสิ้นเนื้อประดาตัวไม่เหลือทรัพย์สินที่จะพอเอาไปใช้หนี้เจ้าของบ่อนคาสิโนได้อีก
“แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปใช้เขาล่ะกาย เงินแม่ก็ไม่มีแล้วนะ” พิมพ์จันทร์ผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ มีอาการเครียดไม่ต่างจากลูกชายที่ตอนนี้กำลังกลุ้มใจเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้อีก
“ผมว่าพวกคุณเข้าไปคุยกับเจ้าของคาสิโนดีไหมครับเผื่อจะมีทางออก” อลงกรณ์กับลูกน้องอีกสองคนชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่สองแม่ลูกจนหวาดกลัวตัวสั่นเทิ้มไปหมด แล้วจัดการพาตัวคนทั้งสองเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งที่มีใครบางคนรอคอยอยู่ก่อนแล้ว




 :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2:

     ไอศูรย์มองสองแม่ลูกที่เข้ามาในห้องรับรองส่วนตัวของเขาที่อยู่ในบ่อนคาสิโนด้วยแววตาดุดันน่ากลัว ร่างสูงในชุดสูทราคาแพงสีดำก้าวมานั่งโซฟาหนังฝั่งตรงข้ามกับพิมพ์จันทร์และศรัณ เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ก่อนที่น้ำเสียงเย็นเรียบจะถูกเปล่งออกมาในที่สุด
 “เงินที่ติดผมไว้สิบล้าน คุณจะหามาชดใช้ยังไง”
เมื่อได้ยินดังนั้นศรัณถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาหันไปสบตากับผู้เป็นแม่ที่นั่งบีบมือลูกชายเอาไว้ด้วยสีหน้าราวกับอยากจะหายตัวไปเสียตรงนี้ เมื่อเห็นลูกน้องของไอศูรย์สามคนกำลังยืนคุมเชิงพร้อมอาวุธปืนครบมือ
“ว่ายังไง ตอบ!” ไอศูรย์ถามเสียงดังกว่าเดิมเมื่อสองแม่ลูกยังไม่มีคำตอบให้แก่เขา ร่างสูงมองกวาดใบหน้าของคนทั้งคู่ด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ยิ่งเห็นหน้าศรัณเขายิ่งอยากเข้าไปบีบคอให้ตายคามือ แต่ยังหรอก...มันคงจะง่ายเกินไป มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่ศรัณทำไว้กับอารดา น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา!
ชายหนุ่มคอยวางแผนการสารพัด โดยให้อลงกรณ์ชักจูงศรัณเข้ามาถลุงเงินในบ่อนคาสิโนลับๆ ของเขาที่เปิดเอาไว้ให้พวกนักพนันเข้ามาใช้บริการ เขายัดเงินจำนวนมหาศาลสำหรับธุรกิจด้านมืดแห่งนี้โดยที่น้องสาวของเขาเองก็ยังไม่ทราบเรื่อง และสุดท้ายก็เป็นไปตามความคาดหมายเมื่อเหยื่อจนมุมอย่างไม่มีทางเลือก
“ผะ...ผมกับแม่ขอผ่อนผันไปก่อนได้มั้ยครับคุณไอศูรย์”
“นานแค่ไหนล่ะ”
“…..”
“สามวัน หนึ่งอาทิตย์ สองเดือน หรือเป็นปี สิบปี”
“เอ่อ...คือ”
“เงินตั้งสิบล้านนะไม่ใช่สิบบาท กี่ปีกี่ชาติถึงจะใช้หมด หรือว่าจะต้องใช้ด้วยชีวิตดีล่ะถ้างั้น” คำขู่ของไอศูรย์ทำเอาสองแม่ลูกขนลุกเกรียวไปตามๆ กัน ก่อนที่ศรัณจะกระซิบถามผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะกลัวหัวหดไปหมดแล้ว
“เอาไงดีแม่ ถ้าเราไม่มีเงินให้เขาเราไม่รอดแน่”
“แม่คิดไม่ออกแล้วกาย แม่กลัว พวกนี้พกปืนเต็มไปหมดเลย จะโดนฆ่าหมกบ่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้” พิมพ์จันทร์นั่งตัวสั่นเทาจนศรัณเองก็ลำบากใจและหวาดกลัวไม่ต่างกัน แต่พลันความคิดชั่วร้ายวูบหนึ่งก็ผุดขึ้นมาทันทีอย่างช่วยไม่ได้
ใช่! มันช่วยไม่ได้จริงๆ
ยังไงเขากับแม่ก็ต้องรอด
“เรามีทางออกแล้วแม่”
พิมพ์จันทร์เหลือบตามองลูกชายด้วยความสงสัยก่อนจะเห็นศรัณหันไปบอกกับไอศูรย์ในที่สุด
“ผมมีข้อเสนอ”
“ว่ามา... ถ้ามันสมน้ำสมเนื้อกับเงินสิบล้าน”
“ผมจะขายน้องชายให้คุณแทนการใช้หนี้”
ไอศูรย์กระตุกยิ้มมุมปากกับข้อเสนอของศรัณ มันช่างเป็นพี่ชายที่ดูชั่วดีจริงๆ ที่ขายน้องชายตัวเองเพื่อความอยู่รอด
“ขายคนแทนการใช้หนี้ว่างั้น”
“แล้วไอ้หวายมันจะยอมเหรอ” พิมพ์จันทร์กระซิบกระซาบถามลูกชายก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายตอบมาว่า
“มันไม่ยอม เราก็ทำให้มันยอมสิแม่ ไม่เห็นยาก” ศรัณพูดออกไปก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มร่างสูงสง่าตรงหน้า
“ตกลงไหมครับคุณไอศูรย์”
ดูเหมือนสองแม่ลูกจะรอคำตอบกันด้วยใจระทึกไปพร้อมกับความตื่นกลัวก่อนจะได้ยินเสียงห้าวทุ้มกล่าวขึ้น
“ก็ไม่เลว”
“เป็นอันว่าคุณไอศูรย์ตกลงใช่ไหมครับ”
“อีกสองวันจะส่งคนไปรับสินค้าของนาย ถ้าเล่นตุกติกเมื่อไหร่ คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”


 ............................................ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน


ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณไอร์สูรคะให้ลูกน้องไปสืบเรื่องน้องแล้วช่วยสืบให้รู้ว่าน้องนิสัยยังไงด้วยนะะคะหมั่นไส้ค่ะะะ

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แก้แค้นผิดคนแล้วคุณณณ อิพวกนี้ไม่รู้สึกอะไรหรอกกก
สงสารน้องงงง

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ติดตามมมมม
มาเป็นกำลังใจให้น้องหวายย
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เลวทั้งแม่ทั้งลูก  :z13:

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
    หวายกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพที่บอบช้ำจากการถูกทำร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ได้ณพลมาช่วยเหลือไว้ได้ทันเวลา เขาจึงรอดพ้นจากเงื้อมมือพวกเดนมนุษย์ทั้งหลายก่อนถูกพาส่งโรงพยาบาลไปพักฟื้นร่างกาย โดยไม่ได้ไปทำงานและเรียนหนังสือเพราะณพลกำชับว่าควรจะรอให้หายดีก่อนดีกว่า
เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินเข้าบ้านอย่างคนหมดเรี่ยวแรงหลังออกมาจากโรงพยาบาล ถุงยาแก้อักเสบแก้ปวดสารพัดยังคงถือติดมือเข้ามาด้วย รอยฟกช้ำตามเนื้อตัวยังมองเห็นจางๆ ลงบ้างแล้วและทำให้พอมีเรี่ยวแรงขยับกายเดินเหินได้แม้จะเจ็บระบมอยู่นิดๆ บ้างก็ตาม
“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงพิมพ์จันทร์ร้องทักพร้อมส่งยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีที่น้อยครั้งนักหวายจะได้เห็นก่อนเดินเข้ามาประคองเขาเข้าไปนั่ง แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าหวานที่มีร่องรอยฟกช้ำดูไม่จืดก็อดถามขึ้นไม่ได้
“ตายแล้วหวาย ไปโดนอะไรมาเนี่ย”
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะป้าจันทร์ ผมเลยไปนอนโรงพยาบาลมาเมื่อคืน” หวายตอบขณะปรายตามองไปทางพี่ชายคนละสายเลือดที่นั่งอยู่สบายอารมณ์ตรงโซฟาอีกฝั่ง
เกิดเป็นนายศรัณนี่ก็ดีเหมือนกันนะ วันๆ ไม่ต้องทำห่าอะไรนอกจากนั่งแกว่งเท้าแบมือขอเงินน้องใช้
“มิน่าล่ะสภาพถึงดูเหมือนไปฟัดกับหมามา” ศรัณเบ้หน้าอย่างสมเพช
 “ทำไมพูดอย่างนั้นละกาย น้องเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” พิมพ์จันทร์แสร้งทำเป็นเอ็ดลูกชาย ถ้าไม่ใช่เพราะหนี้มหาศาลที่กำลังรอการชดใช้ ไม่งั้นป่านนี้นางเองก็คงอยากตบลูกเลี้ยงให้หัวทิ่มหัวตำเหมือนกัน โทษฐานที่หายหัวออกไปจากบ้านงานการไม่ยอมทำแถมยังไปมีเรื่องกับใครไม่รู้ให้ต้องมาเสียค่ารักษา
“เออ ก็รู้น่า แต่เห็นแล้วมันอดปากไม่ได้นี่แม่ แล้วอย่างนี้จะขา...”
“กาย เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!” พิมพ์จันทร์หันไปปรามลูกชายเสียงเข้ม ขยิบตาส่งสัญญาณว่าให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหลุดพูดอะไรออกมาและอย่าพาลหาเรื่องน้องมันอีกเดี๋ยวจะเสียแผน ไม่อย่างนั้นคงได้เดือดร้อนกันถ้วนหน้าถ้าไม่มีสินค้าไปส่งให้ไอศูรย์
“แล้วอย่างนี้มึงจะไปทำงานไหวเหรอวะ” ศรัณรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อไม่ให้น้องชายเกิดความสงสัย เขาเกือบพลั้งปากพูดถึงเรื่องที่จะส่งตัวหวายให้ลูกน้องของไอศูรย์ในวันพรุ่งนี้เสียแล้ว
“เป็นห่วงเรื่องปากท้องตัวเองขนาดนั้นทำไมไม่หางานทำล่ะพี่” หวายสวนให้อย่างเหลืออด เขาเจ็บตัวอยู่แท้ๆ แทนที่จะถามไถ่หรือแสดงความห่วงใยกันบ้าง แต่ไม่มีเลย
ให้ตายสิ ไอ้พี่เวร คนอย่างมันเคยคิดห่วงใครบ้างไหม!
“เอาเถอะๆ อย่าทะเลาะกันเลย แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง ป้าทำผัดกะเพราหมูคลุกข้าวไว้ให้หวายด้วยนะ” พิมพ์จันทร์พูดเอาอกเอาใจจนหวายต้องขมวดคิ้วสงสัย เพราะปกติแม่เลี้ยงของเขาไม่เคยทำกับข้าวให้กินด้วยซ้ำ วันนี้นึกครึ้มใจอะไรขึ้นมา หรือเข้าบ่อนแล้วได้ทุนคืน ไม่น่าใช่ หรืออาจถูกรางวัลที่หนึ่ง ไม่! ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
“มีอะไรหรือเปล่าป้าจันทร์”
“ไม่มีอะไรหรอก ป้าก็แค่ทำกับข้าวเผื่อไว้ให้ เห็นทำงานงกๆ ทุกวัน” คนเป็นแม่เลี้ยงลูบหลังลูบไหล่เป็นการใหญ่ ยังคงส่งยิ้มหวานให้หวายไม่หยุด หวายจึงพยักหน้ารับก่อนสาวเท้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเตรียมตัวกินข้าว วันนี้เขาปวดหัวตุบๆ เพิ่งซัดยาแก้ปวดไปสองเม็ด ร่างกายก็มาฟกช้ำแบบนี้อีกเลยไม่อยากคิดอะไรมาก อยากหาข้าวกินแล้วนอนพักผ่อนเต็มแก่แล้ว
ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเด็กหนุ่มก็ลงมาจากชั้นบนแล้วทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะอาหาร จานข้าวผัดกะเพราส่งกลิ่นหอมฉุยถูกวางอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยหลังจากหวายเปิดฝาชีที่ครอบไว้ออก มีแก้วน้ำและถ้วยน้ำปลาพริกวางเตรียมไว้ข้างๆ เห็นพิมพ์จันทร์กับศรัณไม่มาร่วมโต๊ะด้วยจึงเดินไปที่โซฟา
“กินข้าวกันแล้วเหรอ”
“ป้ากับกายกินแล้ว หวายไปกินให้อิ่มเถอะ”
“อือ” ร่างบางพยักหน้ารับรู้ หมุนตัวเดินกลับไปที่เดิมโดยไม่ทันเห็นสองแม่ลูกหันมาขยิบตาให้กันอย่างมีความหมายแอบแฝง
เด็กหนุ่มนั่งกินอาหารตามลำพังโดยไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังเข้ามาเยือนและอาจเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล กระทั่งข้าวในจานหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือสักเม็ดเพราะความหิว บอกลาสองแม่ลูกเตรียมจะขึ้นไปพักผ่อนข้างบน แต่อาการง่วงหงาวหาวนอนมันกลับแล่นพล่านอย่างรวดเร็ว และในเวลาต่อมาร่างเล็กก็ฟุบหลับลงบนพื้นไปโดยปริยาย
พิมพ์จันทร์หันไปสะกิดลูกชายเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ยานอนหลับที่แอบใส่ลงไปในอาหารออกฤทธิ์เร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
“ไปเร็วกาย หาเชือกมามัดมันไว้แล้วลากขึ้นไปบนห้องนอน” ศรัณจัดการตามที่มารดาบอกทุกขั้นตอน ก่อนจะลงกลอนล็อกกุญแจแน่นหนา และคาดว่ากว่าที่หวายจะลืมตาตื่นขึ้นมาคงเป็นพรุ่งนี้เช้าซึ่งพอดีกับเวลาที่อลงกรณ์ลูกน้องของไอศูรย์มารับตัวไปแล้ว!




 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:



     ณพลพยายามโทรติดต่อหาหวายว่ากลับถึงบ้านแล้วอาการบาดเจ็บฟกช้ำตามร่างกายเป็นอย่างไรบ้างหลังจากไปนอนที่โรงพยาบาลเสียหนึ่งคืน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่รับสายเขาสักที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า  ชายหนุ่มทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จนกระทั่งเกือบเที่ยงคืนเขาซิ่งรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาที่บริเวณหน้าบ้านของหวายแล้วกดกริ่งไปสองครั้ง
ณพลเห็นศรัณกับพิมพ์จันทร์เดินออกมาด้วยกัน สีหน้าของทั้งคู่ดูไม่รับแขก คงอยากจะเหวี่ยงใส่เขาเต็มประดาที่มายืนกดกริ่งตอนดึกดื่น แต่ทำไงได้ในเมื่อเขาเป็นห่วงหวายมากกว่า กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“ป้าจันทร์  หวายมันเป็นไงบ้าง หลับไปหรือยัง”
ศรัณที่ฟังอยู่หันไปมองหน้ากับมารดา ก่อนจะเป็นคนตอบเสียเอง
“มันหลับไปนานแล้ว”
“เหรอ” ณพลพยักหน้ารับ แต่ไม่วายชะเง้อคอมองไปในตัวบ้าน อยากเข้าไปให้เห็นกับตามากกว่า
“ถ้าอยากเจอมันก็รอตอนเช้า มายืนกดกริ่งทำไมวะ คนจะหลับจะนอน”
“โทษที ก็แค่เป็นห่วงมัน” แขกไม่ได้รับเชิญลอบถอนใจ เขารู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นศรัณกับพิมพ์จันทร์ออกมาเจอเขาเมื่อไหร่คงไม่มีทางได้เจอหวายเป็นแน่ สองแม่ลูกนี่มันคอยกีดกันเขาสุดๆ ได้แต่ข่มตัวเองให้ใจเย็นลงและพร่ำบอกเอาไว้ตลอดเวลา...พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้วะ
“หมดธุระแล้วใช่ป่ะ กูกับแม่จะได้เข้าไปนอนบ้าง”
“เออ” เอ่ยจบณพลก็ผละไปจากรั้วหน้าบ้านแล้วสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจนไกลลิบพ้นซอย ไม่อยากยืนอยู่นานนักหรอก เหม็นขี้หน้าไอ้ห่าศรัณ!
“ไอ้หน้าโง่ คิดว่าจะได้เจอมันรึไง ถุย!” พิมพ์จันทร์สบถออกมาพร้อมรอยยิ้มน่ากลัว ส่งเสียงหัวเราะขบขันกับศรัณเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้ ถ้าลูกเลี้ยงจะถูกขายให้ไอศูรย์แทนการใช้หนี้จำนวนมหาศาล มันก็ไม่ใช่โกงการอะไรของพวกเขาอีกต่อไป  เพราะได้ตกลงการซื้อขายไปเป็นที่เรียบร้อยคงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว


 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:



      ร่างที่นอนสลบมายาวนอนเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับรุนแรงค่อยขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งเพื่อปรับสภาพให้ชินกับแสงไฟภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวาง เด็กหนุ่มลืมตาขึ้น หากแต่ขยับร่างกายแต่ละครั้งก็ปวดแปลบไปหมดก่อนจะรู้สึกว่าข้อมือเล็กทั้งสองถูกพันธนาการด้วยเชือกเส้นหนาเอาไว้ด้วยกัน
“เฮ้ย!” หวายลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ ปรายตามองไปรอบห้องโทนสีเปลือกไข่ไก่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองแน่นอน เพราะมันดูหรูหรา กว้างขวาง สะอาดสะอ้านเกินไป  เขาพยายามทบทวนความทรงจำว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้นกันแน่ ถึงได้จับพลัดจับผลูมาอยู่ที่นี่ แต่ยังไม่ทันได้ค้นหาคำตอบ บานประตูห้องนอนก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
หวายมุ่งสายตาไปยังบุรุษร่างสูงหุ่นสง่างามที่ก้าวเข้ามาใกล้ มองอีกฝ่ายชัดๆ แล้วก็ต้องตาค้างอย่างตกตะลึงราวกับถูกผีหลอก เมื่อใบหน้าของชายหนุ่มนิสัยชั่วคนนั้นมาปรากฎอยู่ตรงหน้า
“คุณ!”
“เจอกันอีกแล้วสินะ” ไอศูรย์ทิ้งกายนั่งลงบนเตียง พลางกระตุกยิ้มเป็นต่อใส่คนที่พยายามบิดข้อมือไปมาให้เชือกเส้นหนาหลุดออกไป แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
“ที่นี่ที่ไหน”
“เป็นคำถามคลาสสิค เหมือนในละครหลังข่าวไม่มีผิดเลยเนอะ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน
“ก็บ้านฉันเอง” คำตอบของเขาดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับตัวเท่าไหร่แต่มันกลับเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดสำหรับหวายเลยก็ว่าได้ที่เข้ามาอยู่ในบ้านของผู้ชายใจทราม คนที่หวายอยากตั๊นหน้าเขาให้ดั้งหักสักสิบรอบ!
“แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ลูกน้องของฉันเป็นคนพามา”
“ลูกน้องคุณ?”
“ใช่”
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“อยู่กับฉันไปสักพักเดี๋ยวนายก็จะเข้าใจเอง”
“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร” หวายตีหน้างง ผู้ชายคนนี้พล่ามอะไรนักหนา แทนที่จะพูดออกมาให้ชัดๆ ไม่ใช่ต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทย
“งั้นฉันจะบอกให้เอาบุญแล้วกัน พี่ชายกับแม่เลี้ยงขายนายให้เป็นสมบัติของฉันแล้ว ทีนี้เข้าใจหรือยัง”
“ตลกเถอะ คิดว่าผมจะเชื่อเรื่องงี่เง่าปัญญาอ่อนพวกนี้หรือไง”
“แล้วถ้างั้นนายลองใช้สมองน้อยๆ คิดสิว่ามีเหตุผลอะไรที่นายต้องมาอยู่ในบ้านของฉัน”
“…..”
“สองคนนั้นโดนผีพนันเข้าสิงจนถอนตัวไม่ขึ้น แล้วก็เป็นหนี้ฉันสิบล้านบาท แต่ไม่มีเงินมาคืนทั้งต้นทั้งดอก เขาก็เลยยื่นข้อเสนอขายคนแทนการใช้หนี้ อ่อ มีลายเซ็นสองแม่ลูกนั่นชัดเจนเลยนะ นายดูสิ” ไอศูรย์โยนเอกสารไปตรงหน้าหวายให้ได้เห็นเต็มสองตา
หวายกวาดสายตาอ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียด เขาจุกที่ลำคอจนพูดอะไรไม่ออก จริงอยู่ที่ศรัณกับพิมพ์จันทร์เคยทำร้ายเขาและใช้งานสารพัดราวกับพวกทาสในละครหลังข่าวที่เคยดู แต่ไม่คิดว่าจะทำกันได้ลงคอถึงขนาดขายเขาให้เจ้าหนี้จอมโหดเพื่อเอาตัวรอด
“ถึงกับอึ้งไปเลยเหรอ”
“…..”
 “ฉันว่าเราคงมีเรื่องที่ต้องตกลงกันระหว่างอยู่ที่นี่แล้วละ ว่านายควรทำตัวยังไงให้น่ารัก”
“ผมไม่อยู่”
“ถ้ามีปัญญาออกไปจากรั้วบ้านฉันได้ก็เชิญเลย” ไอศูรย์ไม่ใช่แค่ข่มขู่แต่เขารู้ว่ายังไงหวายก็ไม่มีทางหนีไปไหนรอด แค่ก้าวออกไปนิดเดียวเขาก็จะลากตัวเด็กนี่มาหวดทำโทษด้วยแส้ม้าสักทีสองทีให้สาสม!
 “คุณนี่แม่ง…”
“แม่งอะไร พูดต่อให้จบสิ” ไอศูรย์ตาวาวโรจนฺเมื่อหวายหลุดคำหยาบคายออกมาให้ระคายหู
“เลวไง”
“ปากดีแบบนี้ฉันเริ่มสนุกแล้วสิ” ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ท้ายทอยอีกฝ่ายเพื่อบังคับให้แหงนหงายใบหน้าขึ้น ชายหนุ่มจ้องลึกลงไปในดวงตากลมคู่หวานที่ทอแสงแห่งความเกลียดชังใส่เขา ก่อนบดขยี้ริมฝีปากลงไปอย่างป่าเถื่อนไร้ความปรานี
เด็กหนุ่มพยายามเบือนหน้าหนีการรุกรานอันแสนหยาบกระด้างของเขาให้พ้น ทว่ามือทั้งสองกลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เพราะถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ หวายรู้สึกหายใจติดขัดเมื่อลิ้นร้อนตวัดเข้ามาโลมเลียในโพรงปากอย่างสนุกสนานและบ้าคลั่ง  แต่ใช่ว่าคนอย่างหวายจะยอมให้เขาถูกเป็นฝ่ายกระทำแต่เพียงผู้เดียวเมื่อสบโอกาสเหมาะที่ไอศูรย์เลื่อนใบหน้ามายังซอกคอขาวเลยจัดการฝังเขี้ยวลงบนท่อนแขนหนาของเขาจนเกิดรอย ทำให้คนร่างสูงหยุดการรุกรานได้ทันที ดวงตาคมสีนิลจ้องเขม็งใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง นึกอยากจับหักคอเด็กบ้าจอมพยศซะเดี๋ยวนี้
“เป็นหมาหรือไงถึงได้ชอบกัดคนอื่น!”
“คุณบังคับให้ผมต้องทำแบบนั้นเองนี่”
“เหรอ ชอบซาดิสต์ก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรก ฉันจะได้จัดให้สมใจอยาก!”
แคว่ก!
ไอศูรย์จัดการฉีกทึ้งเสื้อของเด็กหนุ่มจนมันขาดวิ่น เผยให้เห็นผิวขาวน่าสัมผัส สองมือบีบเข้าที่ไหลเล็กเอาไว้แน่นไม่ให้ขยับหนีเขา ก่อนฝังเขี้ยวคมลงบนไหล่บางจนเกิดรอย
“โอ๊ยย!! ปล่อยนะ เจ็บ..ไอ้เลว!” หวายร้องออกมาด้วยความเจ็บแสบ พลางจ้องตอบอีกฝ่ายตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจนตัวสั่น อย่าให้หลุดไปได้แล้วกัน จะอัดมันให้น่วมเลยคอยดู
“เป็นไง ผลของการฤทธิ์มาก มันน่ากัดให้เนื้อหลุดดีนัก!”
หวายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจากคมเขี้ยวของเขา ส่วนไอศูรย์ได้แต่มองมาด้วยสายตาวาวโรจน์น่ากลัวดั่งซาตาน เด็กนี่ไม่ธรรมดาเลย ทีแรกเขาว่าจะสั่งสอนศรัณกับพิมพ์จันทร์ให้กระอักเลือดเสียหน่อย แต่ตอนนี้คิดว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกันที่เกมการแก้แค้นของเขาจะมีหวายเข้ามาเกี่ยวข้อง!



                                                 :mew2: ............................................. :mew6:


ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
อยากให้ตรงหัวข้อแจ้งวันอัพกับตอนที่เท่าไรด้วยค่ะ

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
         เด็กหนุ่มนั่งอยู่ตามลำพังในห้องนอนกว้างที่ไอศูรย์ให้เขาซุกหัวนอนในระหว่างอยู่ที่บ้านหลังนี้ ผู้ชายใจเหี้ยมคนนั้นเดินออกไปพร้อมปิดประตูตามหลังอย่างแรง หลังมอบความเจ็บแสบมาให้ด้วยการกัดตรงหัวไหล่คนตัวเล็กกว่าจนเกิดรอยเพื่อเป็นการเอาคืนแบบสาสม ก่อนดึงเชือกที่พันรอบข้อมือออกให้แล้วโยนมันทิ้งกลางห้องแบบไม่แยแส การกระทำของคนเป็นเจ้าของบ้านไม่แตกต่างจากพวกผีห่าซาตานเลยสักนิด แต่อย่าคิดว่าคนอย่างหวายจะต้องกลัวจนหัวหดแล้วร้องไห้ขี้มูกโป่งพนมมืออ้อนวอนเสียงกระเส่า
        บอกเลย ไม่มีทาง!
       หวายรีบควานหาเสื้อผ้าในตู้ที่มีอยู่หลายชุดเพื่อมาสวมใส่ปกปิดร่างกายเกือบเปลือย หลังจากถูกดึงทึ้งออกไปจนมันขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ทั้งโกรธทั้งแค้นไปถึงคนเป็นพี่ชายต่างสายเลือดอย่างศรัณกับผู้เป็นแม่เลี้ยงที่เอาเขามาขายใช้หนี้มหาศาลโดยที่เขาไม่เต็มใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไม่น่าทำกับผมแบบนี้เลยนะ” หวายบ่นพึมพำขณะกระแทกตัวนั่งลงบนเตียงหลังคว้ากางเกงยีนส์พอดีตัวกับเสื้อยืดเข้ารูปสีฟ้ามาสวมใส่ ดูเหมือนคนเป็นเจ้าของบ้านจะจัดการเตรียมข้าวของเสื้อผ้าเอาไว้ให้พร้อมเพรียงในห้องนี้แล้ว
แต่แค่นี้หวายไม่คิดว่าเขาเป็นคนดีอะไรหรอก ก็แค่มหาเศรษฐีอวดความร่ำรวยว่าตัวเองมั่งคั่งขนาดไหน…ก็เท่านั้น
เด็กหนุ่มเดินวนไปรอบห้อง เห็นเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ตั้งวางอยู่ตามมุมต่างๆ ห้องนี้มันกว้างขวางมากกว่าห้องเดิมที่ตนเคยอยู่หลายเท่า แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเขามาอยู่ด้วยความไม่เต็มใจ อยากหนีออกไปจากที่นี่แทบทุกลมหายใจเลยด้วยซ้ำ
บ้านที่อยู่แล้วเหมือนตกนรกทั้งเป็น
แต่ถ้าเขาหนีออกไป พี่ชายของเขากับแม่เลี้ยงคงถูกขุดหลุมฝังทั้งเป็นอยู่ที่ไหนสักที่บนโลกใบนี้
อยากจะเป็นบ้าให้มันรู้แล้วรู้รอด
นี่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรือไง
หวายเดินสำรวจในห้องได้ไม่นาน สาวรับใช้คนหนึ่งในชุดเครื่องแบบแม่บ้านสีฟ้าก็ย่างกายเข้ามารายงานด้วยท่าทางนอบน้อมที่ถูกอบรมมาอย่างดีเยี่ยม
“คุณไอศูรย์ให้ดิฉันเชิญคุณไปที่ห้องรับประทานอาหารค่ะ”
“เชิญผม?”
“ใช่ค่ะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
“งั้นตามดิฉันมาเลยค่ะ” สาวรับใช้พูดจบก็เดินนำสมาชิกใหม่ไปทันที หวายถึงกับถอนหายใจยืดยาวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะเดินตามหลังไปเงียบๆ ทั้งที่ในใจก็ไม่อยากจะไปพบหน้าซาตานใจโฉดผู้นั้นแม้เพียงเสี้ยวนาที
จริงๆ เขาก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าผู้ชายคนนั้นชื่อ ‘อสูร’
เหอะ! ชื่อประหลาดเป็นบ้า แต่ช่างเถอะ ดูๆ ไปชื่อก็เหมาะสมกับการกระทำดีแล้ว
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารที่มีข้าวต้มกุ้งส่งกลิ่นหอมฉุยถูกตักใส่ถ้วยเซรามิกลวดลายสวยงามรอเอาไว้ให้จึงปรายหางตาไปยังคนหัวโต๊ะที่นั่งคอยท่าอยู่ อีกฝ่ายตวัดสายตาขึ้นมาจ้องเขม็งที่ใบหน้าใสๆ พร้อมกล่าวตำหนิเสียงดุเล็กน้อย
“นั่งลงสิ นายจะยืนค้ำหัวฉันอีกนานไหม”
“ขอโทษครับ คุณอสูร”
“นายเรียกฉันว่าไงนะ” ไอศูรย์เริ่มฉุนอีกรอบ เด็กนี่อวดดีไม่เลิกบังอาจมาเรียกเขาว่าอสูรงั้นเหรอ
 “ผมก็เรียกชื่อคุณไง”
“ฉันชื่อ ไอศูรย์ ไม่ใช่ อสูร”
“งั้นผมคงฟังผิดมา ขอโทษด้วยแล้วกัน” หวายกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ จะชื่อแซ่อะไรก็ช่าง ไม่ใช่กงการที่ต้องมารู้เสียหน่อย
 “อาหารพวกนี้ใส่ยาพิษหรือเปล่า” หวายมองข้าวต้มในชามแล้วถามประชดโดยที่ยังไม่ได้ตักกิน
“ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอก”
“ก็ดี เพราะผมหิว” เด็กหนุ่มตักอาหารเข้าปาก เขาหิวจริงๆ ไม่ได้พูดจากวนส้นตีนอะไร เพราะไม่มีอาหารลงกระเพาะมาหลายชั่วโมง ยังไงก็ถือคติที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องเอาไว้ก่อน เพื่อมีแรงไปสู้รบปรบมือกับคนแถวนี้
“ถ้าจะกินไปคุยไป คุณคงไม่ว่าอะไรผมนะ”
“นายนี่เป็นเด็กที่มีปัญหาเยอะดีนะ รู้ตัวหรือเปล่า” ไอศูรย์แค่นยิ้มแล้วกินอาหารของตัวเองบ้าง
“ถ้าชีวิตผมไม่มีปัญหาอะไร ผมคงไม่ได้มานั่งกินข้าวต้มกุ้งในบ้านของคุณหรอก”
“อย่ามากวนประสาท มีอะไรก็ว่ามา”
“ผมจะหาเงินมาใช้หนี้คุณแทนป้าจันทร์กับพี่กาย คุณจะว่ายังไง”
คนฟังถึงกับกระตุกยิ้มมุมปาก เด็กนั่นพูดว่าจะหาเงินมาคืนเขา นี่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
“เดี๋ยวนะ…เงินนั่นมันสิบล้าน ไม่ใช่สิบบาท นายแน่ใจเหรอว่าจะหาคนเดียวไหว”
“ผมไหวแน่ถ้าคุณมีเวลาให้ และไม่โหดร้ายกับผม”
“อย่าดันทุรังเลยดีกว่า ต่อให้ชาติหน้านายก็ไม่มีปัญญาหามาได้หรอก”
“แต่การที่ผมต้องมาอยู่ในบ้านคุณซึ่งไม่ต่างจากทัณฑสถาน คุณคิดว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน มันมีอะไรมากกว่าที่นายคิดอีกเยอะเลยละ แต่ตอนนี้นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก กินข้าวไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นคนเป็นลมตายอยู่ในบ้าน”
“แล้วผมควรรู้เมื่อไหร่”
“เมื่อถึงเวลา”
“คงไม่เกินชาติหน้าว่างั้น”
“ถ้านายไม่กวนฉันสักครั้งจะชักดิ้นตายหรือไง” ไอศูรย์นึกอยากจับเด็กปากร้ายมาเขย่าตัวจนหัวสั่นคลอนเสียให้เข็ด หรือไม่ก็มัดกับเสาแล้วจับถอดกางเกงหวดก้นด้วยแส้ให้นั่งไม่ลงไปอีกนาน อยากรู้จริงๆ ว่าจะยังกล้าปากดีกับเขาอีกหรือเปล่า แต่ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดให้อาหารมื้อเช้าเสียอรรถรส
แต่พอนึกถึงใบหน้าของศรัณความแค้นที่สุมอยู่ในอกก็แล่นพล่าน สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นมันทำระยำไว้กับน้องสาวของเขา เขาไม่จบแค่นี้แน่ ยิ่งคิดถึงอารดาน้องสาวสุดที่รักก็ยิ่งแค้นใจเพิ่มอีกล้านเท่า!
ไอศูรย์ยังจำได้ดี ตอนเขาส่งตัวอารดาไปพักรักษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยจ้างพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อที่เขาจะได้จัดการสั่งสอนคนชั่วช้าให้หลาบจำ
แน่นอนว่าเกมการแก้แค้นของเขามันไม่มีทางจบลงอย่างง่ายดายเป็นแน่ ศรัณต้องมีลมหายใจเพื่ออยู่ให้เขาได้ทรมานไปอีกนาน
“กินเสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องด้วย”
“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือไง”
“นายคงไม่คิดว่าการที่มาอยู่ในบ้านของฉัน ฉันจะให้นายทำแค่ กวาดบ้าน หุงข้าว ล้างจานหรอกนะ” ไอศูรย์พูดพร้อมแสยะยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่แสนทุเรศในสายตาของหวายไม่น้อย
 “คุณจะให้ผมทำอะไร”
“ฉันไม่ได้ให้นายทำอะไร”
“…..”
“แต่ฉันมีเรื่องต้องตกลงกับนายในระหว่างที่อยู่กับฉันในบ้านหลังนี้ และมันเป็นเรื่องที่นายคงปฏิเสธฉันไม่ได้”





                                                  ..........................................................




ติดตามนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามนะคะเนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะชอบแนวนี้จัง :mew2:

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
   หลังอาหารมื้อเช้าอันแสนน่าอึดอัดจบลง หวายก็เข้ามาพบคนเป็นเจ้าของบ้านที่ห้องนอนของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ชายหนุ่มร่างสูงยกสองแขนกอดอกแล้วเดินวนรอบคนที่ตัวเล็กกว่าราวๆ สิบกว่าเซ็นเห็นจะได้ซึ่งยืนทื่ออยู่กลางห้องกว้างเหมือนหุ่นยนต์
“คุณจะสำรวจผมอีกนานเท่าไร” หวายอดไม่ได้จะถามเขาขึ้นมา เมื่ออีกฝ่ายหยุดยืนตรงหน้าส่งสายตาประกายบางอย่างที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร สายตาคมๆ ของเขาเหมือนพวกปีศาจร้ายอะไรเทือกนั้นไม่มีผิด ก่อนที่นิ้วแกร่งจะเปลี่ยนมาเชยคางเล็กๆ ของคนถามแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก
 “นายก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ”
“ไร้สาระว่ะ” หวายปัดมือเขาออกจากใบหน้าอย่างนึกรังเกียจ
“การที่ฉันชื่นชมมันเป็นเรื่องไร้สาระตรงไหน”
“ผมไม่ได้ขอร้องให้คุณมาชื่นชมอะไรผมสักหน่อย”
“ตามใจ”
“คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมแล้วใช่ไหม ผมจะได้ออกไปสักที” หวายหงุดหงิดไม่น้อยกับผู้ชายลีลาท่ามากอย่างไอศูรย์ ไหนว่าเรียกเขามาเพราะมีเรื่องสำคัญแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาสักที
“ใจร้อนไปไหนเล่า ฉันกำลังจะพูดอยู่นี่ไง”
“งั้นก็ว่ามาเลย ผมรอฟังนานแล้ว”
“ฉันจะพูดถึงกฎของการอยู่ร่วมกันในบ้านของฉัน”
“กฎบ้าบออะไรของคุณอีก แค่ผมต้องเข้ามาใช้ชีวิตเหมือนนักโทษในเรือนจำยังไม่พอใจหรือไง” หวายไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรนักหนา
 “เลิกถาม แล้วฟังฉัน” ชายหนุ่มจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนดึงให้ไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน
“ข้อหนึ่ง ฉันอนุญาตให้นายไปมหาวิทยาลัยได้เหมือนเดิม แต่ต้องมีคนของฉันไปรับไปส่ง”
“…..”
“ข้อสอง เลิกติดต่อกับศรัณและพิมพ์จันทร์ แล้วก็ผู้ชายที่ชื่อณพลนั่นซะ นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”
“…..”
“ข้อสาม นายต้องอยู่กับฉันเป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากนั้นฉันจะปล่อยนายให้เป็นอิสระอย่างที่นายต้องการ”
“…..”
“และข้อสุดท้าย คนที่นายจะต้องเชื่อฟังคำสั่งมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น…นายทำได้หรือเปล่า”
“เหอะ! ที่คุณพล่ามมาทั้งหมด ผมทำไม่ได้สักข้อ”
“ฉันนึกอยู่แล้วว่านายต้องพูดคำนี้ เพราะถ้านายบอกว่าทำได้แบบง่ายๆ โลกคงถล่มทลายลงมา” ชายหนุ่มยิ้มหยัน เขาเดาอะไรไม่เคยพลาด แต่ก็ดีแล้ว สิ่งที่เขาเตรียมมาจะได้ไม่สูญเปล่า
มีอะไรสนุกๆ ให้เล่นแล้วสิ!
ชายหนุ่มจัดการกดโทรศัพท์ออกไปหาลูกน้องคนสนิทเพื่อสั่งงานสำคัญบางอย่าง เขาอยากจะสั่งสอนให้คนอวดดีบางคนได้รู้สึกรู้สาเสียบ้าง
“ไปกับฉันหน่อยหวาย…ฉันมีอะไรให้นายดู”
“ดูอะไร”
“มาเถอะน่า เดี๋ยวนายจะได้เห็นอะไรดีๆ ที่ฉันเตรียมเอาไว้ให้”

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่าย พอไม่ยอมลุกตามเขา คนตัวโตบ้าอำนาจก็ตามมาฉุดให้เดินไปด้วยกัน กระทั่งถูกพาเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมที่แสนกว้างขวาง มีแสงไฟสีเหลืองนวลสลัวเปิดทิ้งเอาไว้เพียงดวงเดียว
หวายเพ่งสายตาไปยังกลางห้อง สิ่งแรกที่ปรากฏต่อหน้าทำเอาคนมองถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนอุทานลั่น
“พี่พล!” คนถูกเรียกไม่สามารถจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงได้แม้แต่นิดเดียว แขนทั้งสองข้างถูกเชือกเส้นหนามัดโยงไปคนละทางกับขื่อด้านบนเพดาน 
ใบหน้าคมคายที่เคยหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาบัดนี้กลับเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตามตัว เสื้อผ้าเปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำ โดยชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนขนาบข้างซ้ายขวาเพื่อรอรับคำสั่งจากคนเป็นเจ้านาย รวมทั้งอลงกรณ์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง
“คุณทำอะไรพี่ผม” หวายตะโกนใส่หน้าไอศูรย์ หมายจะก้าวไปหาคนที่อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ชายหนุ่มกลับรวบร่างเล็กกว่ามาไว้กับตัว
“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยหมอนั่น ก็ยอมทำตามกฏของฉันทั้งสี่ข้อ ว่ายังไง”
“คุณนี่แม่งเลวสมบูรณ์แบบจริงๆ เลยว่ะ” หวายสบถด่าออกไปอย่างเหลืออด แต่คนถูกด่าทอกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านในอกสักนิด เขากลับคลี่ยิ้มเย็นราวกับปิศาจร้าย
“รู้สึกว่านายจะตอบฉันช้าไปหน่อยนะ ดิว..ช่วยทำให้เขาเปลี่ยนใจหน่อยสิ” จบคำสั่งหมัดหนักๆ ของอลงกรณ์ก็กระแทกเข้าใบหน้าของณพลอย่างแรงหนึ่งครั้ง หวายหันไปมองตามเสียงร้องโอดครวญจากพี่ชายร่วมโลกที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด
“บอกลูกน้องของคุณให้หยุดทำป่าเถื่อนกับพี่ผมได้แล้ว”
“ถ้าอยากให้หยุดก็บอกฉันสิว่านายจะยอมฉัน”
“เออ! ผมยอมแล้ว พอใจหรือยัง!”
 “ดี!” ไอศูรย์เหยียดยิ้มอย่างผู้ได้รับชัยชนะ ก่อนสั่งลูกน้องให้ปล่อยตัวณพลกลับไปในเมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการ
หวายมองสภาพของณพลแล้วรู้สึกสงสารและเป็นห่วงจับใจ ทำท่าจะก้าวเข้าไปหาคนที่ถูกหิ้วปีกจากลูกน้องของอสูรใจทราม แต่กลับถูกกระชากด้วยมือหนาให้เดินออกมากับเขาด้านนอก
“กฏข้อสอง เลิกติดต่อกับศรัณ พิมพ์จันทร์ แล้วก็ผู้ชายที่ชื่อณพล”
“ไม่ต้องมาย้ำ ผมจำได้ดี” หวายสะบัดแขนออกห่างอย่างรังเกียจ ประสานสายตากับอีกฝ่ายโดยไม่กลัวเขา
“แล้วก็รู้เอาไว้ด้วยว่าตั้งแต่ผมเกิดมาไม่เคยเกลียดใครเท่าคุณเลย”
 “ต่อให้นายเกลียดฉันให้ตาย นายก็หนีฉันไปไม่พ้นอยู่ดี..วีรภัทร!”



                                                                          :m31: :m31: :m31: :m31:


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
“เชี่ยแม่ง! ร้อนฉิบหาย แอร์ก็เสีย พัดลมก็มีอยู่ตัวเดียว นี่มันบ้านคนหรือรังหนูวะ” ศรัณกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าสภาพทรุดโทรมด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่น้อย
ตั้งแต่เขากับแม่ต้องระเห็จออกมาจากบ้านหลังเดิมเพราะถูกยึดให้ไอศูรย์ไปแล้ว ทั้งคู่จึงต้องออกมาหาบ้านเช่าหลังซอมซ่ออยู่เพื่อเป็นที่ซุกหัวนอน ส่วนบริษัทที่เคยทำก็โดนยึดไปด้วย รวมไปถึงรถยนต์และเฟอร์นิเจอร์แทบทุกชิ้นที่เคยเป็นสมบัติของตัวเอง
“ทนเอาหน่อยนะกาย อีกไม่นานพอมีเงินเราก็ค่อยขยับขยายไปอยู่ที่อื่นกันไง” พิมพ์จันทร์ที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้านอยู่นั้นเอ่ยขึ้นเหมือนจะให้กำลังใจลูกชาย แต่อีกฝ่ายไม่คิดแบบนั้น
“แม่ก็ได้แต่พูดอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่เงินมันจะงอกขึ้นมา เราสองคนไม่ต้องนอนแห้งตายกันก่อนหรือไง” คนเป็นลูกย้อนกลับด้วยท่าทางขึงขัง อารมณ์ตอนนี้บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตเส็งเครงเต็มทนที่ต้องอดทนอยู่บ้านไปวันๆ แบบไร้จุดหมาย
“กายก็ออกไปหางานทำสิ งานในกรุงเทพมีถมเถไป”
“เหอะ พูดเป็นหนังตลกไปได้” คนฟังเลิกคิ้วขึ้นมองมารดาก่อนแค่นเสียงหัวเราะแห้งๆ
“จะไปยังไงรถก็ไม่มีให้ขับแล้ว”
“ก็ขึ้นรถเมล์ไปก่อนไง  ถ้ามีเงินเราค่อยหาซื้อรถใหม่”
“อย่างกายเนี่ยนะจะขึ้นรถเมล์ ไปยืนเบียดกับคนอื่น ไม่ไหวหรอก มันร้อน อีกอย่างนะ กายไม่อยากไปเป็นลูกจ้างใครเขาแม่ก็น่าจะรู้” ศรัณรู้สึกอารมณ์บูดกว่าเก่าเมื่อได้ฟังคำแนะนำของมารดา ต่อให้พูดหว่านล้อมอย่างไรเขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี ชีวิตที่เคยสุขสบายมีรถยนต์คันหรูขับโฉบไปโฉบมา มีบ้านที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีบริษัทเล็กๆ ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิท แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับสูญสลายไปในพริบตา
“แล้วจะเอายังไง”
“ไอ้หวายมันน่าจะช่วยเราได้ แม่ลองไปขอเงินมันหน่อยดิ”
เราส่งมันไปอยู่กับคุณไอศูรย์แล้ว มันก็ต้องไปเป็นทาสให้พวกเศรษฐีใช้งาน”
“โธ่เว้ย! ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ” ชายหนุ่มสบถเสียงกร้าวเล่นเอาพิมพ์จันทร์ตกใจในท่าทางของลูกชาย หากสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าการเดินเข้ามาปลอบโยนให้กำลังใจอีกครั้ง
“แม่กะว่าจะขายน้ำเต้าหู้ไปพลางๆ ก่อน ถ้ากายไม่อยากทำงานบริษัทมาช่วยแม่ขายก็ได้นี่ ได้เงินไม่เยอะก็ดีกว่าเราไม่ได้อะไรเลย” คนฟังลุกพรวดขึ้นจากโซฟาก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ
“ไม่เอา ใครรู้อายเขาตายเลยแบบนั้น” เอ่ยจบก็กระแทกเท้าขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที ปล่อยให้คนเป็นแม่ได้แต่ถอนใจส่ายหน้าแรงๆ กับท่าทางของลูกชาย ก่อนจะนึกไปถึงใครอีกคนด้วยความเกลียดแสนเกลียด
“เป็นเพราะแกคนเดียวไอ้กาฝาก ชีวิตลูกชายฉันถึงได้ตกต่ำแบบนี้”


                                               :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:



“จัดการสองแม่ลูกนั่นให้ฉันด้วยนะ คอยก่อกวนพวกมันให้ถึงที่สุด ทำยังไงก็ได้ให้มันหมดหนทางทำมาหากิน  ฉันอยากเห็นพวกมันทุรนทุรายจนต้องคลานมากราบแทบเท้าฉัน” ไอศูรย์กรอกเสียงผ่านทางโทรศัพท์กับอลงกรณ์ ลูกน้องคนสนิทเพื่อสั่งการลงไป ก่อนจะวางสาย
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาว สอดแขนทั้งสองข้างไว้ใต้ท้ายทอยเมื่อหวนคิดไปถึงน้องสาวของตัวเองที่ยังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่ต่างประเทศ
เมื่อไหร่จะฟื้นสักทีนะเอย
ไอศูรย์อยากให้อารดาหายกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าจะมีปาฏหาริย์เกิดขึ้นหรือเปล่า แต่เขาก็ยังหวังว่ามันจะมี
มันจะต้องมี
ในสักวัน
ชายหนุ่มมัวแต่นอนหลับตาคิดถึงเรื่องของอารดาเพลินไปหน่อยเลยไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นหวายเข้ามาในห้องทำงานของเขา
 “กาแฟกับของว่างครับ” หวายวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ
“จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
 “ผมยืนเคาะอยู่ตั้งนาน  คุณไม่ได้ยินเองหรือเปล่า”
“งั้นเหรอ”
“ครับ”
“งั้นก็ช่างเถอะ” ไอศูรย์ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงด้วย เขายกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มเพียงนิดเดียวก่อนจะกระแทกลงในจานรองอย่างเก่า
“ชงกาแฟยังไงของนาย หวานอย่างกับทำน้ำตาหกใส่ไปทั้งกระสอบ”
“ผมก็ชงตามที่คุณสั่งไงครับ ครีมสอง น้ำตาลหนึ่ง”
“นายแน่ใจนะ”
“ผมแน่ใจ”
“อย่าให้รู้นะว่านายจงใจแกล้งฉัน ไม่อย่างนั้นนายจะโดนแบบหมอนั่น” ไอศูรย์พูดถึงหมอนั่นหวายก็รู้ทันทีว่าคงหมายถึงณพล คิดแล้วก็อดสงสารไม่ได้ที่พี่ชายร่วมโลกต้องมาเจอเรื่องระยำแบบนั้นเข้า แต่ตอนนี้หวายก็คงไม่มีปัญญาทำอะไรได้ อิทธิพลของไอศูรย์น่ากลัวเกินกว่าเขาจะเอาไปแลกด้วย อีกอย่างกลัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมออกไปได้ใช่ไหมครับ” หวายไม่อยากยืนอยู่ในห้องของเขานานๆ กลัวจะเสียสุขภาพจิตไปทั้งวัน ในเมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการเรียบร้อยก็เลยอยากถอยไปไกลๆ
“ถ้าไม่มี แต่ฉันจะให้นายยืนอยู่อย่างนี้จนกว่าฉันจะทำงานเสร็จ นายจะมีปัญหาอะไรไหม วีรภัทร” เป็นอีกครั้งที่ไอศูรย์เรียกชื่อจริงของหวาย แม้จะไม่ชอบใจเท่าไหร่เพราะรู้สึกระคายหูชอบกล แต่การทะเลาะกับเขาทุกวันก็ไม่เป็นผลดีกับตัวเองเช่นกัน
“ผมไม่อยากมีปัญหากับคุณ”
“งั้นก็ดีแล้ว เพราะงั้นนายก็ควรรู้ด้วยว่า ต้องทำตัวยังไงเวลาที่อยู่กับฉันในบ้านหลังนี้”
“ครับ”  หวายเผลอกำมือแน่นข้างลำตัว จ้องตอบคนที่กระตุกยิ้มอย่างเป็นต่อ แม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรเขาอย่างที่ใจต้องการได้ แต่ก็พยายามจะอยู่ห่างคนใจคอคับแคบให้มากที่สุด
 “ฉันรู้มาว่านายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่งใช่หรือเปล่า” ไอศูรย์เปลี่ยนประเด็นขึ้นมาดื้อๆ และเป็นเรื่องที่ทำให้หวายไม่เข้าใจว่าเขาจะยกเรื่องนี้มาพูดทำไม เพราะคิดว่าการที่ตัวเองจะเรียนอยู่ปีไหนมันคงไม่ได้อยู่ในความสนใจของนายอสูรบ้าบอนี่หรอก
“ใช่ครับ”
“ฉันจะให้นายย้ายจากมหาวิทยาลัยเดิมมาเรียนที่ใหม่ ซึ่งไม่ห่างจากบ้านของฉันเท่าไหร่ นั่งรถไปสิบนาทีก็ถึง”
“ไม่จำเป็นครับ ผมดรอปเรียนที่เดิมเอาไว้ก่อนได้”
“ไหนว่าจะไม่ขัดคำสั่งฉัน” ชายหนุ่มส่งสายตาดุๆ มาให้
“งั้นก็แล้วแต่คุณ ผมไม่ขัดข้อง”
“ไม่คิดจะขอบคุณฉันสักคำเลยหรือไงที่ช่วยสนับสนุนเรื่องการศึกษาของนาย”
“ผมไม่ได้ร้องอ้อนวอนคุณสักหน่อย”
“หวาย! นายจะต่อปากต่อคำกับฉันมากเกินไปแล้วนะ” คราวนี้ไอศูรย์ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ พอกันที! เขาอุตส่าห์ทำใจเย็นที่จะคุยกับไอ้จอมพยศ แต่มันก็ไม่เลิกปากดีกับเขาสักที สงสัยถ้าไม่ได้กำราบดูบ้างก็คงไม่รู้จักจำ
ฝ่ามืออุ่นเข้ามาคว้าหมับท่อนแขนเล็กเอาไว้แน่น ออกแรงบีบเพียงน้อยนิดก็เกิดรอยแดงเป็นจ้ำจนคนถูกกระทำถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บราวกับกระดูกจะแตกออก
“ผม...เจ็บ!”
ไอศูรย์ไม่สนใจว่าหวายจะเจ็บหรือเปล่า เขากลับดันอีกฝ่ายจนชิดผนังห้อง ตรึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้  ไล่สายตาไปจนทั่วใบหน้าเนียนอ่อนใส
อยากสั่งสอนคนปากดีเต็มกำลังแล้ว
มันจะได้สิ้นฤทธิ์บ้าง
“เก่งนักไม่ใช่หรือไง”
“คุณมันโรคจิต ไอ้โรคจิต!” หวายเผลอพูดออกไปในที่สุด ไม่รู้เพราะลืมตัวหรือเพราะความโกรธกันแน่ที่กล้าท้าทายชายหนุ่ม หากผลของการอวดดีครั้งนี้กลับกลายเป็นริมฝีปากหนาที่บดจูบลงมาอย่างรุนแรงและป่าเถื่อนกว่าครั้งไหนๆ
หวายเผลอครางรับเขาออกไป ไม่รู้ว่าพอใจหรืออยากประท้วงให้เขาถอยไปให้ไกล หากอีกฝ่ายกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ยังคงจูบไซร้ไปทั่วลำคอหอมๆ อย่างบ้าคลั่งก่อนย้ายกลับขึ้นมาขมเม้มที่ริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่ม ไอศูรย์สอดลิ้นเรียวเข้าไปควานหาความหวานฉ่ำในโพรงปาก ตักตวงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ให้ขาดทุน แต่พออีกฝ่ายดิ้นหลุดจนสำเร็จหมัดหนักๆ ก็กระแทกเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มอย่างจัง
ผลัวะ!
ไอศูรย์รู้สึกปวดแปลบ มั่นใจได้เลยว่าแก้มเขาต้องมีรอยช้ำขึ้นสีแดง เขายกมือลูบแก้มตัวเองเบาๆ สายตาคมจับจ้องมายังคนที่ประทุษร้ายเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายจะวิ่งผลุนผลันออกจากห้องไปเสียก่อน
อสูรหนุ่มมองตามหลังแล้วเหยียดยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ไหนไอ้เด็กบ้านั่นมันบอกว่าเกลียดเขาเข้าไส้เข้ากระดูกดำ เกลียดเขายิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนหรือสัตว์เลื้อยคลานทุกตัวบนโลกอีกมั้ง แต่อาการที่เห็นตอนโดนเขาบดจูบอย่างบ้าคลั่งเพื่อเป็นการสั่งสอนเด็กดื้อมันกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
“นายเองก็เคลิ้มไปกับฉันเหมือนกันแหละหวาย”



                                                               ..........................................


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
      หวายเดินออกมาจากตึกคณะบริหารธุรกิจช่วงเวลาหัวค่ำ วันนี้อาจารย์ประจำวิชามีนัดสอนเพิ่มในตอนเย็นทำให้เขาต้องเลิกเรียนช้ากว่าปกติและเลยเวลากลับบ้านไปมากพอสมควร
นับตั้งแต่ไอศูรย์ออกคำสั่งให้เขาย้ายเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ เด็กหนุ่มก็ต้องปรับตัวหลายอย่างในเรื่องการเรียนที่ต้องตามงานให้ทันเพื่อนในห้อง และยังคงมุ่งมั่นเลือกเรียนคณะเดิมคือด้านบริหารการโรงแรมและการท่องเที่ยว
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะย้ายปุบปับแล้วได้เรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเล่าเรียนค่อนข้างแพงลิบลิ่ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่คนอย่างนายอสูรใจทรามจะใช้เงินจำนวนมหาศาลของเขาเพื่อให้หวายได้เข้าเรียนแบบชิลๆ แม้มองผ่านๆ จะเหมือนเขาเป็นผู้ชายใจดีมีเมตตา แต่ลึกๆ แล้วหวายกลับคิดว่ามันตรงกันข้ามมากกว่า
ตั้งแต่มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเด็กหนุ่มก็รู้สึกไม่ต่างอะไรจากนักโทษเลยสักนิดกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะคำสั่งเข้มงวดต่อมาของคนเป็นเจ้าของลมหายใจของหวายคือการให้กลับบ้านก่อนหัวค่ำ หรือถ้าช้ากว่านั้นต้องคอยโทร.รายงานทุกครั้งว่าอยู่ที่ไหนและทำอะไร รวมถึงการห้ามพบปะพูดคุยหรือแอบไปมาหาสู่กับณพลอีกเป็นอันขาด
ผู้ชายคนนั้นมันวางอำนาจใส่เขาสุดๆ ชนิดที่เรียกว่าจะกระดิกตัวไปไหนแต่ละทีก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ
หวายถอนหายใจยืดยาวขณะเดินออกมานอกรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อคิดว่าอีกไม่กี่นาทีต้องเผชิญหน้ากับผู้เป็นเจ้าของบ้านหน้าหล่อแต่ใจเหี้ยมก็แทบอยากกัดลิ้นตายมันเสียเดี๋ยวนี้แล้ว ไม่รู้ว่าชาติก่อนทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับเขา ชาตินี้ถึงต้องมาคอยชดใช้ไม่จบสิ้น
ดวงตากลมปรายมองไปโดยรอบ เตรียมโบกเรียกแท็กซี่กลับบ้านจะได้ไปถึงเร็วๆ วันนี้โทรศัพท์มือถือของเขาแบตหมด จึงไม่ได้โทร.รายงานไอศูรย์เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา
ทว่าเสียงสืบเท้าที่ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำให้หวายหันไปมองด้านหลังโดยอัตโนมัติ สัญชาติญาณของเขากำลังบอกว่ามีคนมาหยุดยืนไม่ห่าง แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อพบกับดวงตาคมกริบที่จ้องลงมาแบบเอาเรื่อง
“พี่กาย” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเด็กหนุ่มก็ถูกลากเข้ามาใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลอดผู้คนเดินสัญจรไปมาบริเวณนั้น
“ใช้ชีวิตสุขสบายจนลืมกูกับแม่ไปเลยนะมึง ไอ้คนเนรคุณ” ศรัณปล่อยแขนน้องชายออกแล้วต่อว่าต่อขานด้วยความไม่พอใจ ขณะมองสำรวจชุดนักศึกษาชุดใหม่ขาวสะอาดทั้งชุด
“ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะพี่กับป้าจันทร์วางแผนเอาไว้จนผมต้องมาอยู่กับไอ้บ้าอำนาจนั่นไง แล้วมาหาว่าเนรคุณมันถูกเหรอวะพี่”
“แล้วมึงจะปล่อยให้กูกับแม่ตายห่าด้วยกันทั้งคู่หรือยังไงวะ”
“ผมมีปัญญาทำอะไรได้บ้าง ก็เห็นอยู่ว่าผมไม่ได้อยากไปอยู่กับเขาสักนิด” คนเป็นน้องขึ้นเสียงกับพี่ชายอย่างเหลืออดในความเห็นแก่ตัวของอีกฝ่าย
“เนี่ยนะไม่อยาก ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ที่เห็นนี่คือมึงได้เรียนที่แพงๆ เพราะคุณไอศูรย์เปย์มึงอยู่ไม่ใช่เหรอไอ้หวาย แต่พวกกูนี่สิไม่มีจะกินอยู่แล้ว หัดสำนึกบุญคุณไว้ซะบ้างนะว่าแม่กูเลี้ยงมึงมา ไม่งั้นคนอย่างมึงก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนหรอกเว้ย!”
“เขาให้ผมเรียนก็จริง แต่คนของเขาก็คอยตามผมอยู่ แถมยังต้องทำงานให้เขาทุกวัน”
 หวายเถียงกลับทันควันรู้สึกเลือดขึ้นหน้าที่ศรัณใช้ถ้อยคำหยาบคายพ่นใส่ไม่หยุด แถมยังไม่เคยคิดจะโทษตัวเองกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“มึงไม่ต้องมาแก้ตัว”
“ก็เรื่องของพี่เถอะ แต่รู้ไว้ซะว่าที่เขาให้ผมเรียนก็คงเพราะอยากมีคนไว้ใช้งาน ไว้รองมือรองเท้ามากกว่า เผลอๆ พอผมเรียนจบอาจจะมัดมือชกให้ผมไปเป็นเบ๊เขาต่อก็ได้ พี่ก็รู้นี่ว่าคนพวกนั้นรวยขนาดไหน เขาอยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“อย่ามาตอแหล ที่มึงพูดมาแม่งฟังไม่ขึ้นสักอย่าง”
“งั้นก็แล้วแต่พี่จะคิดเลย เพราะถ้าผมไม่เห็นแก่พี่กับป้า ผมไปจากเขานานแล้ว นี่ไม่อยากเห็นผู้มีพระคุณต้องลงข่าวหน้าหนึ่งว่าโดนยิงดับคาบ้านหรอกนะ”
“ไอ้หวาย นี่มึงแช่งกูกับแม่เหรอ”
“ผมไม่ได้แช่ง พี่ก็คิดดูดีๆ ดิ ถ้าผมหนีไปอะไรมันจะเกิดขึ้น คิดว่าคุณไอศูรย์จะยอมปล่อยเราสามคนลอยนวลโดยที่เขาต้องสูญเงินเป็นสิบล้านไปด้วยหรือไง” หวายฉุนหนัก ไม่รู้ที่พูดไปศรัณจะฟังเขาบ้างหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ต่างจากสีซอให้ควายฟังสักเท่าไร
“ถ้างั้นมึงก็เอาเงินมาให้กูใช้”
“พี่ยังมีหน้ามาขอเงินจากผมอีกเหรอ”
“เออ หรือมึงจะไม่ช่วยกู”
“ไม่ช่วยโว้ย!” หวายเดินหนีพี่ชายนิสัยเสีย เรื่องอะไรเขาจะต้องช่วย ทุกวันนี้ใช่ว่าจะสบายที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่
นั่นมันไม่ต่างจากคุกเลยละ ขอบอก
เขายอมอดมื้อกินมื้อยังดีซะกว่า
เพราะอย่างน้อยก็ได้อิสรภาพคืนกลับมา ไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งคนบ้าอำนาจพรรค์นั้นไปทั้งชีวิต
“ไอ้หวาย ไอ้น้องเลว มึงไม่ต้องมาเดินหนีกูเลย” ศรัณจ้ำอ้าวตามน้องชายที่ทำเมินใส่ไม่คิดจะช่วยเหลือเขากับแม่
“พี่จะเอาเงินอะไรผมไม่มีหรอก”
 “ไม่มีงั้นเหรอ ได้! งั้นกูคงต้องพิสูจน์ว่ามึงไม่ได้โกหกตอแหล” ศรัณเอ่ยจบก็ทำท่ากระชากกระเป๋าสะพายของน้องชายออกมาจากไหล่บาง หากแต่คนเป็นเจ้าของก็รีบคว้าหมับเอาไว้ ยื้อยุดกันไปมาอยู่ได้ไม่นาน ศรัณก็เป็นฝ่ายชนะจัดการเขวี้ยงกระเป๋าสีดำโยนลงบนพื้น เทของในนั้นลงมาจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
“ไอ้เชี่ยพี่กาย มึงทำไรเนี่ย”
“กระเป๋าตังค์มึงอยู่ไหน” ศรัณหยิบของที่ร่วงบนพื้นมาดูทีละชิ้นมีแต่หนังสือกับอุปกรณ์การเรียน แต่กลับไม่พบสิ่งที่เขาต้องการ
“บอกแล้วไงว่าไม่มี จะค้นกระเป๋าไปทำห่าอะไร” หวายสิ้นสุดความอดทนแล้ว วันนี้เป็นไงเป็นกัน เขาจะไม่ยอมให้ไอ้พี่ชายเฮงซวยโขกสับเขาอีก นับว่าโชคยังดีที่เอากระเป๋าสตางค์ยัดใส่ไว้ในกางเกงสแล็คไม่งั้นศรัณคงคว้าหมับไปแน่ๆ
“มึงเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“หูแตกเหรอ บอกว่าไม่มีไงโว้ย”
“มึงไม่ให้ใช่ไหม ดีล่ะ! กูจะตบมึงจนกว่ามึงจะเอาเงินมาให้” ศรัณฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าน้องชายไปหนึ่งครั้ง!
เพียะ!
“คิดว่ามีมือคนเดียวหรือไงวะ” หวายสวนหมัดกลับ ถึงจะไม่แรงมากแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ศรัณทำร้ายเขาฝ่ายเดียว
“มึงต่อยกูเหรอไอ้หวาย”
“เออ! เอาเลือดออกซะบ้างจะได้รู้สึก ไอ้รีดไถ!” หวายโกยข้าวของใส่กระเป๋าจนหมดแล้วเดินผลุนผลันออกมา ขืนอยู่ตรงนั้นต่อมีหวังได้กระโดดถีบขาคู่พี่ชายตัวเองแน่ๆ คนอะไรงานการไม่รู้จักทำ ดีแต่แบมือขอเงินคนอื่นไปวันๆ ไร้ค่าสิ้นดี!




                                                                   ................................



ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถงใหญ่เด็กหนุ่มก็พบกับคนเป็นเจ้าของบ้านยืนกอดอกรอด้วยใบหน้าดุดันราวกับอาจารย์ฝ่ายปกครองรอเด็กนักเรียนที่มาสายเพื่อชำระความผิด
หวายชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวต่อ มองสบอีกฝ่ายพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก
เจอเรื่องน่าเบื่ออีกแล้วสินะ
 ตอนนี้คาดเดาไม่ได้จริงๆ ว่าโดนลงโทษยังไง เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันมันก็เลวร้ายเกินจะทนแล้ว
“หายหัวไปไหนมา ถึงได้กลับเอาป่านนี้”
“ผมขอโทษ พอดีอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนัดสอนเพิ่มช่วงเย็นครับ” เด็กหนุ่มรีบอธิบายให้เขาฟังโดยเร็ว พยายามข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้ใจเย็นและนับหนึ่งถึงสิบในใจ
อย่าโวยวาย
อย่ายอกย้อน
ท้องไว้ไอ้หวาย!
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกฉันก่อน”
“โทรศัพท์มือถือผมแบตหมด”
“ข้ออ้างหรือเปล่า” ไอศูรย์จ้องเขม็งมาที่ใบหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาจับผิด
“งั้นก็แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คุณเชื่อ เพราะคนอย่างผมโกหกปลิ้นปล้อนไม่เป็น ความจริงเป็นยังไงผมก็พูดออกไปแบบนั้น”
“พูดซะยาวเหยียดทำไม กลัวถูกทำโทษที่กลับบ้านผิดเวลาสินะ” ชายหนุ่มยังคงจับจ้องอีกฝ่ายไม่ยอมละสายตาไปไหน เขาขยับเท้าเข้ามาใกล้แล้วเพ่งมองที่ใบหน้าของหวายซึ่งตอนนี้ปรากฏรอยฝ่ามือห้านิ้วเด่นชัด
“แล้วหน้าไปโดนอะไรมา” พูดจบก็สำรวจมองบนเรือนร่างของอีกฝ่าย เห็นเสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปทั้งตัว 
“ผมซุ่มซ่ามเลยเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“ไหนบอกฉันว่าโกหกไม่เป็น” หวายคงไม่คาดคิดว่าเขาจะรู้เรื่องที่นายศรัณเข้ามายื้อแย่งกระเป๋าแล้วตบหน้าสั่งสอน เพราะเขาคอยให้อลงกรณ์คอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง ไม่นานลูกน้องของเขาก็สาวเท้าเข้ามาสมทบในห้องโถงใหญ่เพื่อรอคำสั่งจากเจ้านาย
“ฉันมีอีกเรื่องที่จะต้องบอกนายนะหวาย”
“อะไรครับ”
 “พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยงที่โรงแรม นายต้องไปกับฉันด้วย สูทที่ต้องใส่ไปงานแขวนอยู่ในห้องนอนของนายแล้ว เจอกันหนึ่งทุ่มวันพรุ่งนี้ อย่าช้าแล้วก็อย่าให้ฉันเป็นฝ่ายรอ ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่” 
“ทำไมผมจะต้องไปด้วย” หวายไม่อยากไปออกงานบ้าบออะไรกับเขาสักหน่อย
“พวกลูกหนี้มีสิทธิ์พูดคำนี้ด้วยหรือไง”
“ขอโทษ…ครับ” เด็กหนุ่มจำใจเอ่ยคำขอโทษ รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อต้องไปออกงานกับผู้ชายใจทราม แค่เพียงอยู่ในบ้านร่วมกันยังหายใจไม่ค่อยสะดวก ยังจะหิ้วเขาไปไหนอีก สู้ออกคำสั่งให้เขาอยู่ตัดหญ้า ล้างรถ ซักผ้า หรือทำงานบ้านทั้งวันยังจะดีเสียกว่า
“นายออกไปได้แล้วไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับลูกน้องของฉัน”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำออกไปโดยไม่ลังเล นี่คือประโยคที่อยากได้ยินที่สุดในวันนี้ เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน อยากล้มตัวลงนอนเต็มแก่แล้ว
“เดี๋ยวก่อน” เท้าเรียวเล็กที่กำลังก้าวขึ้นบันไดชะงักกึกเพราะเสียงห้าวทุ้มที่ฉุดรั้งเอาไว้
“อาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้วเข้าไปนวดให้ฉันหน่อย วันนี้ฉันเมื่อย”
 หวายตวัดสายตามองเขาอย่างขัดใจ หากท้ายที่สุดก็ต้องตอบรับออกไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
เมื่อคล้อยหลังเด็กหนุ่ม ไอศูรย์จึงหันกลับมาที่อลงกรณ์อีกครั้ง ซึ่งรอคอยจะตอบคำถามเขาทุกนาทีอย่างรู้หน้าที่ของตัวเอง
“ไอ้หมอนั่นมันมายุ่งอะไรกับคนของฉันบ้าง” เขาเปิดประเด็นสำคัญทันทีหลังจากตลอดสัปดาห์ที่เขาคอยให้อลงกรณ์ดูความเคลื่อนไหวของหวายเอาไว้ในช่วงที่ไม่ได้อยู่ในบ้าน
“สงสัยมันจนตรอกถึงขนาดต้องมาดักรอขอเงินน้องชายครับคุณไอศูรย์” คำบอกเล่าของลูกน้องทำเอาคนฟังกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
“พวกหมาจรจัด ดีแล้ว บีบมันเข้าไปอีก ให้มันทุรนทุราย มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น”
“ได้ครับ”
“หมอนั่นมันตบหน้าหวายใช่ไหม”
“ครับ”
“ลากตัวมันไปตบคืนเป็นสิบเท่า แล้วก็บอกมันด้วยว่า อย่ามายุ่งกับคนของฉันอีก!”




                                                           .................................................




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


ออฟไลน์ munoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอาให้หนักเลยไอศูรย์ กล้าดียังไงมาตบหวาย :fire:

รอติดตามน้าาาา :mew1:

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
หวายเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของตัวเอง จัดการวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่มุมห้องซึ่งมีไว้สำหรับวางของกระจุกกระจิกทั้งหลายแหล่ ก่อนจะเตรียมตัวอาบน้ำให้สดชื่นแล้วลงไปหาข้าวกินในครัว
พอสาวเท้าลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็ตรงดิ่งไปหาอะไรมาใส่ท้องทันที เด็กหนุ่มเห็นสาวรับใช้วัยสามสิบต้นๆ ที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีตั้งแต่เข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับไอศูรย์ อีกฝ่ายกำลังล้างจานอยู่ด้วยความขยันขันแข็งจึงอดไม่ได้จะรับอาสาเพราะเห็นว่านี่มันก็ดึกแล้ว
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับพี่เจน”
“ไม่เป็นไรค่า น้องหวายทานข้าวมาหรือยัง เดี๋ยวพี่เจนอุ่นอาหารให้นะคะ”
“เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่า ดึกแล้วพี่เจนจะได้ไปพักด้วย”
“อาหารอยู่ในตู้นะคะ พี่เก็บเอาไว้ให้แล้ว มีแกงจืดผักตำลึงหมูสับกับไก่ผัดพริกขิงค่ะ” คนทำบอกถึงเมนูอาหารให้หวายฟังขณะที่กำลังหยิบผ้าผืนสีขาวมาเช็ดจานชามที่ล้างจนสะอาดเกลี้ยงเกลา
เจนไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดหรอกว่าหวายมาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะอะไร มีความสำคัญอะไรกับไอศูรย์ เคยแอบถามจากอลงกรณ์ ฝ่ายนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเพียงว่าเป็นญาติห่างๆ ที่ไอศูรย์อยากส่งเสียให้เรียนหนังสือเพื่อจะได้มาช่วยทำงาน
หลังจากนั้นเจนก็ไม่ได้ถามรายละเอียดจากใครอีกเลย แต่พอได้พูดคุยก็รู้สึกถูกชะตากับหวาย เด็กหนุ่มดูเป็นคนที่กินง่ายอยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก คอยช่วยทำงานบ้านสารพัดไม่ปริปากบ่นสักคำ แถมยังแจกยิ้มให้เธอบ่อยๆ
“พี่เจนใจดีอีกแล้ว” หวายเปิดตู้กับข้าว ยกอาหารสองอย่างออกมาวางบนโต๊ะ เตรียมตักข้าวสวยอุ่นๆ ในหม้อใส่จานมานั่งกิน
“มากินด้วยกันไหมครับ เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง”
“ตามสบายเลยค่ะน้องหวาย พี่กินข้าวไปแล้ว อืม…วันนี้แปลกนะคะ”
“หมายถึงผมเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“แล้ว?”
“ก็คุณไอศูรย์น่ะสิคะ”
“หืม มีอะไรหรือเปล่าพี่เจน”
“คุณไอศูรย์กลับมาถึงบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน แถมยังให้พี่ตั้งโต๊ะตอนหกโมงเย็น แล้วก็ไม่แตะอาหาร เอาแต่นั่งมองนาฬิกาตั้งหลายรอบ เหมือนรอใครแล้วก็สั่งพี่ให้ยกอาหารไปเก็บในครัว ตอนแรกก็ดูอารมณ์ดีอยู่นะคะ พอตอนหลังระเบิดลงจนวิ่งหลบกันแทบไม่ทันเลยค่ะ”
คนตัวเล็กชะงักมือที่กำลังตักข้าวใส่ปาก พลางคิดตามไปกับประโยคของสาวรับใช้ที่เล่าให้เขาฟัง แต่จะว่าไปแล้วปกติก็ใช่ว่าไอศูรย์จะดูใจดีอะไร โมโหร้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพียงแต่วันนี้คงผีเข้าแล้วผีดันไม่ออก อาการเลยหนักหน่อย
“เมื่อก่อนคุณไอศูรย์ไม่ค่อยทานข้าวเย็นหรอกค่ะ ตั้งแต่มีน้องหวายมาอยู่ด้วยนี่ล่ะที่เห็นว่ากลับมาทานข้าวที่บ้านบ้าง” คนพูดเอ่ยจบก็เดินไปเช็ดมือหลังจากทำงานของตนเสร็จสิ้น
“ถ้างั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ”
“ราตรีสวัสดิ์นะครับพี่เจน” หวายเห็นอีกฝ่ายเดินหายออกไปจากห้องครัว จึงนั่งทานอาหารเพียงลำพัง หากคำพูดของสาวรับใช้ก็ยังคงลอยวนเวียนเข้ามาอยู่ในหัวสมองตลอดเวลา
เรื่องไอศูรย์จะกินข้าวหรือไม่กินมันเกี่ยวอะไรกับเขาวะ
ไม่ใช่คนคนเดียวกันเสียหน่อย
ท้องก็ไม่ได้เอามาผูกติดกัน
ต่อให้เขาหิว เขาก็คงไม่คิดจะแขวนท้องรอไอ้ปีศาจร้ายนั่นแน่ๆ
เกลียดมัน เกลียดมันที่สุดในสามโลก!
 หวายพยายามสลัดเรื่องของไอศูรย์ทิ้งไปให้หมดหัว  กลัวจะเสียอรรถรสในการรับประทานอาหารมื้อค่ำเปล่าๆ เพราะกับข้าวที่เจนทำนับว่าอร่อยถูกปากเขาจนต้องตักข้าวเพิ่มอีกสองทัพพี  แต่ทำไมเขากลับสลัดมันออกไปไม่ได้ ตักข้าวกินไปแต่ละคำใบหน้าของไอศูรย์ก็ลอยมาให้นึกถึงได้ไม่หยุดหย่อน
บ้าฉิบ!



                                                                 .....................................



เสียงเคาะประตูที่เป็นสัญญาณบอกว่ากำลังมีใครยืนอยู่หน้าห้อง ทำให้ไอศูรย์ต้องขยับร่างที่กำลังเอนหลังพิงหมอนหนุนตรงหัวเตียงเพียงเล็กน้อย
“เข้ามา” เสียงห้วนๆ เอ่ยอนุญาตออกไปทำให้บุคคลที่ยืนรอเปิดประตูเข้ามาช้าๆ แล้วปิดตามหลังอย่างเบามือ หวายมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจเท่าไร
ไม่ไว้ใจว่าเขาจะให้เข้ามาเพื่อ ‘นวด’ เฉยๆ โดยไม่มีอะไรแอบแฝง
คนแบบนี้พูดอะไรเชื่อได้ที่ไหนกัน
สัจจะไม่มีในหมู่โจรฉันใด อสูรก็ไม่เคยมีสัจจะฉันนั้น…
ตอนนี้ชายหนุ่มมีเพียงเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางกับกางเกงบ็อกเซอร์ที่ปกปิดเรือนร่างแข็งแกร่งเอาไว้ ในมือมีหนังสือเล่มหนาที่อ่านค้าง ก่อนที่เขาจะนำไปวางลงบนโต๊ะข้างเตียงนอน สายตาคมกริบที่จ้องมองกลับมาทำเอาหวายร้อนๆ ที่หน้าอย่างประหลาด
ก็บอกแล้วไงว่าเกลียด!
หวายเกลียดสายตาแบบนั้นของเขาอย่างบอกไม่ถูก
ถึงไอศูรย์จะเป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหวายจะต้องง่ายกับเขาไปเสียหมดโดยเฉพาะเรื่องใต้เข็มขัด
“นายจะยืนอยู่แบบนั้นอีกนานแค่ไหน” ไอศูรย์นึกรำคาญที่เห็นท่าทางของหวาย เด็กนั่นทำเหมือนเขาเป็นผีห่าซาตาน ถึงได้ยืนห่างกันเกือบสองเมตร
“คุณจะให้ผมทำอะไร”
“นวดหลังให้ฉันหน่อย”
ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำลงบนเตียงเสร็จสรรพ  หวายค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ทรุดกายลงบนเตียงแล้วก็ได้แต่จดๆ จ้องๆ เหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยนวดให้ใครมาก่อน
“สั่งชาตินี้ ได้นวดชาติหน้าหรือไง ถึงได้ไม่ยอมลงมือสักที”
“ขอโทษ ผมกำลังจะนวดให้อยู่นี่ไงครับ” เด็กหนุ่มจำใจค่อยๆ วางฝ่ามือลงบนแผ่นหลังหนาผ่านเสื้อกล้ามสีขาว ออกแรงบีบอย่างเบามือไปทีละจุด เขาไม่รู้ว่าต้องลงน้ำหนักมือแค่ไหน ถึงจะทำให้อาการเมื่อยล้าค่อยๆ ดี ขึ้น
ความจริงไอศูรย์ก็มีเงินมากมายมหาศาลออกขนาดนั้นแทนที่จะจ้างหมอนวดสักคนสองคน หรือจ้างเป็นสิบคนมานวดเป็นการส่วนตัวก็คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของมหาเศรษฐีกระเด็นออกไปสักเท่าไร
“ออกแรงหน่อยได้มั้ย แบบนี้เขาไม่เรียกว่านวดหรอกนะ” คนที่นอนคว่ำหน้าเริ่มออกคำสั่งตามมา เมื่อฝีมือการบีบนวดของเด็กในปกครองไม่ได้ดั่งใจเขาสักนิด
เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงออกแรงบีบหนักกว่าเก่า แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ได้ผลเมื่อไอศูรย์รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า
“แรงไปแล้ว” คนพูดพลิกกายขึ้นมามองหน้าคนตัวเล็กกว่าที่นั่งสบตาเขาอยู่ก่อน หากแววตาคมเข้มของไอศูรย์กลับช่วยสะกดให้คนที่เคยแผลงฤทธิ์ใส่บ่อยๆ ล้มเลิกถ้อยคำที่จะตอบโต้เขาออกไป
“ฉันให้นายมานวดหลัง ไม่ใช่ให้มาฆ่าฉัน”
“ก็ผมนวดไม่เป็น”
“อย่างนายเนี่ยนะนวดไม่เป็น”
“ผมไม่เคยนวดให้ใคร”
“ไม่เคยเลยเหรอ”
 “ใช่”
“งั้นฉันก็เป็นคนแรกของนายสินะ” คำพูดสองแง่สองง่ามของเขาทำเอาหวายนึกฉุน ตกลงเขากำลังพูดถึงเรื่องนวดหรือเรื่องอะไรกันแน่วะ ยิ่งเจอสายตาดุดันแต่แฝงความเร่าร้อนยิ่งอยากออกไปจากห้องนี้ให้พ้นๆ ยังไม่อยากเป็นอาหารของอสูร
 “หมดหน้าที่ของผมแล้วใช่ไหม”
“ยัง”
“คุณยังไม่หายเมื่อยอีกหรือไง”
“เปล่า แต่ฉันว่าเรามาหาอะไรที่น่าตื่นเต้นทำกันสักหน่อยดีกว่า”
“อะไรครับ”
“จูบฉัน”
“คุณจะบ้าหรือเปล่า” หวายหน้าร้อนพร้อมว่าเขากลับ  สาบานว่านั่นคือเรื่องน่าตื่นเต้นของไอศูรย์ไม่ใช่การปูทางนำไปสู่เรื่องใต้สะดือแต่อย่างใด
“คุณไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง”
“ก็นี่แหละ เรื่องที่ฉันอยากจะทำกับนาย” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดสักหน่อยที่เขาจะใช้สินค้าของตัวเองให้คุ้มค่าที่สุด ในเมื่อเขาจ่ายเงินไปตั้งแพง
“ผมจูบไม่เป็นหรอก”
“ฉันควรจะเชื่อนายดีมั้ยเนี่ย”
“ทำไม ดูผมเป็นผู้ชายช่ำชองมากนักหรือไง”
“ฉันคิดว่านายกับนายณพลไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเสียอีก”
“เราเป็นพี่น้องกัน”
“คำตอบคลาสสิคสินะ” ไอศูรย์อดแขวะไม่ได้ เขาไม่รู้หรอกว่าหวายกับณพลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปถึงขั้นไหน แต่ได้ข่าวว่าเด็กนี่ชอบออกจากบ้านไปนอนค้างที่หอพักของนายนั่นบ่อยๆ
“ฉันเชื่อก็ได้”
“งั้นผมไปนอนได้หรือยัง”
“นายยังไม่ได้จูบฉันเลย”
“ถ้าผมจูบคุณ ผมก็จะออกไปได้ใช่ไหม”
“ใช่”
บ้าอำนาจ สัดๆ!
หวายนึกอยากมีเวทมนตร์คาถาที่หายตัวได้ และถ้ามันมีจริงๆ เขาจะขอหายไปจากชีวิตของผู้ชายที่ชื่อไอศูรย์คนแรกเลย
แต่เอาเถอะ! เขาอยากให้จูบก็จะจูบ มันจะได้จบ!
หวายค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ มองลงมายังริมฝีปากของอีกฝ่ายเขารู้ว่าต้องจูบยังไง เพียงแต่เขาไม่เคยไปจูบกับใคร เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มีช่วงมัธยมปลายที่เคยไปขายขนมจีบเพื่อนต่างห้องอยู่บ้าง แต่ก็แค่คุยกันและไปกินข้าว เดินจับมือถือแขนเป็นบางครั้ง สบตาอย่างเขินๆ ไม่ถึงขั้นกอดจูบหรือเลยเถิดไปถึงขั้นจูบหรือมีเซ็กส์
 เด็กหนุ่มแตะริมฝีปากบางลงไปยังริมฝีปากของไอศูรย์เพียงแผ่วเบาก่อนถอยใบหน้าออกห่างด้วยความรวดเร็ว แล้วก็ต้องพบกับแววตาดุดันที่ดูท่าว่าจะไม่พึงพอใจกับการจุมพิตเมื่อสักครู่
“ไม่รู้สึกอะไรเลย”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมจูบไม่เป็น”
“ฉันเชื่อแล้วล่ะ” คนตัวโตกว่ามองตอบด้วยดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ ฝ่ามืออุ่นเลื่อนไปประคองท้ายทอยอีกฝ่ายเอาไว้มั่น ก่อนจะดันใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ๆ ตัวเขา
“งั้นตอนนี้นายก็จำเอาไว้ ว่าการจูบเขาทำกันยังไง”



                                                             :mew1: :mew1: :mew1:



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ค้างงงงงงง สนุกมากค่ะ รอดตามม ไอศูรไม่ได้โหดร้ายหรอกเราว่า ต้องอยากกันหวายให้ออกมาจากเรื่องที่ตัวเองกำลังทำแน่เลย รอต่อๆ :katai5: :katai4: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ค้างอ่ะ สอนจูบยังไงหรอ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไอศูรย์กำลังจะเริ่มทำการสอนวิธีจูบให้คนที่อ่อนด้อยประสบการณ์ แต่หวายกลับพยายามจะเบี่ยงหน้าหลบจนวุ่นวายไปหมด
 “ผมไม่อยากได้วิชาบ้ากามจากคุณเลยนะเว้ย”
“ถ้าอย่างฉันบ้ากาม แล้วอย่างนายเรียกว่าอะไร ใสใสสินะ” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ
 “จะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณ ผมไม่อยากจูบ อุ๊บ!...” ยังไม่ทันจะพูดจบจนปากของเขาก็ประกบลงมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด มันทั้งป่าเถื่อน รุนแรง แต่แฝงความเร่าร้อนปรารถนาอันแรงกล้าเอาไว้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหวายเองก็ครางรับกลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่! มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิวะ
เขาอยากจูบกับไอศูรย์เสียที่ไหนกัน
 “เป็นไง ติดใจแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกเมื่อเขาพอใจแล้ว ไหนว่ารังเกียจเขานักหนา คำก็ไม่อยาก สองคำก็ไม่ต้องการ แต่ที่เห็นนั่นหวายกลับให้ความร่วมมือเขาเป็นอย่างดี
ไอ้เด็กปากแข็ง!
“เผด็จการ บ้าอำนาจ”
“นายไม่ต้องชมฉันบ่อยๆ หรอก แค่นี้ก็ตัวลอยหมดแล้ว” ไอศูรย์ยิ้มกริ่มมีความสุขที่ได้สั่งสอน แต่หวายกลับคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่หน้าหมั่นไส้ไม่น้อย
“หมดเวลาสนุกของฉันแล้ว นายกลับห้องไปเถอะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
เมื่อได้ยินคำสั่งที่อยากได้ยินมานาน หวายจึงไม่รอช้า รีบพาตัวเองออกมาจากเตียงของเขาแล้วกลับเข้าพักโดยไว เพราะถ้าขืนโอ้เอ้นานกว่านั้นไอศูรย์คงไม่ได้สอนเขาแค่จูบเป็นแน่ มันคงจับเขาแก้ผ้าแล้วสานต่อจากเมื่อกี้จนถึงเช้า





เป็นวันที่แสนน่าเบื่อหน่ายสำหรับหวายอีกวัน!
เขาอยากหลบไปที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องไปงานเลี้ยงกับอสูรบ้ากาม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำอย่างนั้นไม่ได้
และเมื่อเด็กหนุ่มลงมาถึงห้องรับแขกก็เห็นไอศูรย์ยืนคุยกับลูกน้องอย่างอลงกรณ์ก่อนที่จะปรายหางตามาหา สำรวจมองคนตัวเล็กกว่าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยแววตาเป็นประกายพึงพอใจ แต่ก็แค่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น ก่อนเปลี่ยนเป็นเฉยชาดังเดิม
 “ไปขึ้นรถสิ มัวยืนรออะไรอยู่” ชายหนุ่มบอกเสียงห้วนก่อนจะรอให้หวายเดินออกไปแล้วเขาเป็นฝ่ายก้าวตามหลัง หลังจากนั้นรถยนต์คันหรูจึงเคลื่อนตัวออกมาพ้นอาณาเขตคฤหาสน์หลังงาม




ภายในงานเลี้ยงที่จัดแสดงโชว์จิวเวอรี่มูลค่านับพันล้านบาท เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมายในวงสังคมชั้นสูงตบเท้าเดินบนพรมแดงที่ปูทอดยาวเข้าสู่ประตูกว้างของโรงแรมชื่อดัง
ทันทีที่รถยนต์ของไอศูรย์จอดสนิท บรรดานักข่าวต่างให้ความสนใจเขาเป็นอย่างมาก หลายคนกรูกันเข้ามาแชะภาพถ่ายรูปเพื่อทำข่าวสังคมไฮโซ หากเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่ยืนแอบอยู่ข้างกายหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง  เหยี่ยวข่าวทั้งหลายก็หันไปให้ความสนใจไม่ต่างกันเพราะอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้าหวายออกงานไหนกับไอศูรย์มาก่อน
“วันนี้คุณไอศูรย์พาใครมาด้วยเหรอครับ”
คำถามสำคัญที่ไอศูรย์คิดว่าถ้าหากเขาพาหวายมาออกงานด้วยก็ต้องมีคนถามแน่ๆ ชายหนุ่มแย้มยิ้มให้กับนักข่าวทั้งหลายที่ห้อมล้อมเขากับคนตัวเล็กด้านข้าง
“ก็…”
“ผมเป็นคนสวนของคุณไอศูรย์ครับ”
หลังจากหวายตอบคำถามแทรกขึ้นมาจบลงเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นพร้อมกับนักข่าวกดรัวชัตเตอร์กันนิ้วเป็นระวิง คนตอบอมยิ้มเล็กน้อย มีความสะใจซ่อนอยู่ข้างใน ไอศูรย์อยากลากเขามางานด้วยดีนัก
“นายหักหน้าฉันทำไม” ชายหนุ่มกระซิบถามข้างหูคนกวนประสาทที่ชิงตอบก่อนเขา ก่อนที่หวายจะฉีกยิ้มใส่แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว เมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้เอาคืนกับเรื่องที่ผ่านมา
“แล้วผมพูดผิดตรงไหน หรือคุณจะให้ผมตอบว่าเป็นของใช้ที่คุณซื้อมา”
“จริงหรือครับคุณไอศูรย์ ที่คุณพาคนสวนมาออกงาน” บรรดานักข่าวยังคงยื่นไมค์เข้ามาสัมภาษณ์ หากแต่เขาก็ปรายตามองไปยังทุกคนก่อนจะรีบแก้ต่างโดยเร็วเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน
“ไม่ใช่หรอกครับ พอดีน้องชายของผมชอบพูดล้อเล่นแบบนี้อยู่เรื่อยเลยคือเราสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะครับ”
หลายคนที่รอฟังถึงกับร้องอ๋อแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างขบขันไปตามๆ กัน ผิดกับตอนแรกที่ดูตกใจไม่น้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะปลีกตัวเดินเข้างานโดยมีอลงกรณ์กับลูกน้องอีกสองคนก้าวตามหลังไม่ห่างจากผู้เป็นเจ้านาย
หวายทำปากขมุบขมิบด่าใส่เจ้าของแผ่นหลังหนาภายใต้ชุดสูทราคาแพงเมื่อปลอดผู้คน หากเมื่อเขาหันขวับกลับมาราวกับมีกระจกส่องหลังก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเอาไว้
“นายทำฉันแสบมาก”
“ผมทำอะไรคุณ”
“ยังมีหน้ามาถาม ก็เห็นๆ อยู่”
“ที่ผมตอบว่าเป็นคนสวนน่ะเหรอ” หวายหัวเราะคิกคักชอบใจที่เห็นใบหน้ายุ่งเหยิงของชายหนุ่ม
“หรือจะให้บอกว่าผมกวาดบ้านล้างจาน”
“หวาย!”
“ครับ เจ้านาย”
“สรุปนายยังไม่เลิกกวนประสาทฉันใช่ไหม”
“ถ้าคุณจะไม่พอใจมันก็เป็นปัญหาของคุณแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับผม อีกอย่างผมก็ไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติของคุณด้วย โกหกนักข่าวแบบนั้นไม่อายปากบ้างเหรอ”
“ฉันพูดในสิ่งที่คิดว่ามันเหมาะสมที่สุด”
“นึกว่ากลัวเสียหน้าซะอีก”
“เมื่อไหร่จะเลิกยอกย้อนฉันสักทีวะ” ไอศูรย์เริ่มเสียงแข็ง มีน้ำโหกันบ้าง แต่ติดที่อยู่ในงานเขาโวยวายเสียงดังให้ผู้คนแตกตื่นไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นข่าวคึกโครมขึ้นมา
“ก็ผมไม่อยากมาเลยสักนิด คุณลากผมมากับคุณด้วยทำไม ให้ผมล้างรถตัดหญ้าให้คุณมันยังดีซะกว่า”
“เลิกพล่ามได้แล้ว จบจากงานเลี้ยงเมื่อไรเราได้เห็นดีกันแน่!” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การข่มขู่ แต่เขาต้องการสั่งสอนคนที่หักหน้าเขาต่อหน้านักข่าว ชายหนุ่มจัดการกระชับเสื้อสูทเพื่อเตรียมเข้ามาด้านใน ก่อนจะหันไปลากเด็กหนุ่มด้านหลังที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ที่เดิมเข้ามาด้วยความหงุดหงิดใจ




                                                              o18 o18 o18 o18



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน


ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :katai2-1: มาแล้วววว ชอบ555555 กสนประสาทจริงๆ :z2: :z2: คุณอสูรเอ้ยไอศูรยสู้ๆนะคะ  :mew3: :mew1:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
งานจัดแสดงเครื่องเพชรในค่ำคืนนี้ค่อนข้างมีสื่อมวลชนและคนในแวดวงสังคมชั้นสูงให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก และเมื่องานเริ่มขึ้นก็มีบรรดานางแบบชื่อดังร่วมเดินแบบโชว์เครื่องเพชรมูลค่ามหาศาล แม้แต่เจ้าของงานอย่างไอศูรย์ก็ยังถูกสื่อรุมถ่ายภาพกันยกใหญ่ เขาเป็นจุดสนใจของบรรดาเหยี่ยวข่าวไม่น้อย เพราะนานๆ ครั้งจะได้ออกงานสังคมและเป็นงานใหญ่ แถมยังมีหญิงสาวหลายคนพยายามเข้าหาเขาเพื่อพูดคุยและทำความรู้จักกับชายหนุ่ม
แน่ล่ะ! มีใครบ้างจะไม่อยากรู้จักกับนักธุรกิจหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดี ทว่าชายหนุ่มกลับทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ ไม่ใคร่จะสนใจใครในงานมากไปกว่าคนข้างกายที่ยืนถอนหายใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความเบื่อหน่ายและไม่คุ้นชินกับสังคมชั้นสูงที่หวายมองว่ามีแต่คนสวมหน้ากากเข้าหากันเสียมากกว่าใช้ความจริงใจพูดคุย
เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ต้องมาร่วมงานกับเขา จะว่าไปงานหรูหราในโรงแรมมีระดับแบบนี้ก็ไม่เคยมาเลยสักครั้ง แถมยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากกลับบ้านไปนอนอ่านหนังสือการ์ตูนเล่นยังมีความสุขมากกว่า หรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเดินตามก้นนายอสูรแล้วคอยปั้นหน้าส่งยิ้มน้อยๆ ให้คนโน้นทีคนนี้ทีราวกับคนปัญญาอ่อน
“เบื่อหรือไง ทำหน้าอย่างกับจะลาโลกอย่างนั้นแหละ” ไอศูรย์กระซิบถาม เมื่อนักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบกว่าที่เข้ามาสนทนากับเขาเพิ่งผละจากไปเมื่อครู่
“ก็มันไม่ใช่ที่ของผมนี่”
“การที่ฉันพานายมาออกงานก็เพื่อจะฝึกให้นายทำตัวให้ชิน ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง”
“ให้ผมล้างรถตัดหญ้ายังดีซะกว่า”
“ฉันเห็นนายทำอยู่ทุกวัน ก็อยากจะให้เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างก็เท่านั้น” ไอศูรย์อมยิ้มชอบใจ เห็นหน้าหวายไม่รับแขกแล้วสะใจเล็กๆ เขารู้อยู่ว่าหวายคงจะไม่ชอบสังคมและความวุ่นวาย ขนาดมาอยู่กับเขาจะเจอหน้ากันแต่ละวันแทบจะนับครั้งได้
แต่การที่เขาพาหวายมาด้วย ก็เพื่อจะให้ช่วยเป็นไม้กันหมา เวลาพวกผู้หญิงจะเข้าหาเขาด้วยผลประโยชน์บางอย่างหรือชักชวนไปกินดื่มกันต่อเขาจะได้มีข้ออ้างว่าต้องขับรถกลับไปส่งลูกพี่ลูกน้องที่หิ้วมาในงาน
 “ถ้าเบื่อมากก็ไปหาอะไรกิน แล้วก็รีบกลับมา”
“ขอบคุณ…ครับ”
เชี่ย! อยากได้ยินคำนี้มานานแล้ว
หวายแทบจะกระโดดโห่ร้องดีใจยิ่งกว่าสอบได้เกรดA ในที่สุดก็ได้ปลีกตัวออกมาจากไอศูรย์เสียที หากยังไม่ทันก้าวออกมาก็ได้ยินเสียงเขาตามไล่หลัง
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เรื่องที่นายหักหน้าฉันเอาไว้ ยังไงฉันก็ยังไม่ลืม”
หวายไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากเดินออกมาเงียบๆ เรื่องนั้นถือว่าช่างแม่งแล้วกัน ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรผิดไอศูรย์ก็คงหาเรื่องแกล้งเขาอยู่วันยังค่ำ
เด็กหนุ่มเดินมาถึงจุดที่มีอาหารเรียงรายเป็นแถวยาวเหยียด อาหารทุกอย่างถูกจัดเป็นแบบคอกเทลสวยงาม แต่รสชาติจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้เขาไม่เคยลองกินแบบนี้เลยสักครั้ง
หวายรีบหยิบจานสีขาวขึ้นมาเพื่อจะหาอะไรใส่ท้องที่เพิ่งครางประท้วงว่าหิวแล้วหมาดๆ เขาทำงานพาร์ทไทม์ในโรงแรมมาก่อนจึงคุ้นเคยกับอาหารเหล่านี้ดี ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเมนูแสนประหลาดอะไร
หนุ่มน้อยหน้าหวานเลือกตักอาหารลงจานไปเพียงสองอย่างเป็นไส้กรอกพันเบคอนกับแฮมหน่อไม้ฝรั่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่เดิม แต่ดันซุ่มซ่ามเดินชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง โชคดีที่อาหารในจานไม่กระเด็นออกมาด้านนอกให้อับอายขายหน้าแขกเหรื่อไปมากกว่านี้ แต่รู้สึกแค่เพียงว่าศีรษะจะโขกเข้ากับอกหนาๆ ของอีกฝ่ายจนต้องนิ่วหน้า
“ขอโทษครับ” หวายรีบขอโทษขอโพยชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้า เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบหรู
“ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ไม่คิดจะถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด เพราะคิดว่าเด็กคนนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเดินชนเขาเช่นกัน คงเป็นจังหวะที่หันกลับมาแล้วเขาเองก็รีบร้อนเดินเข้ามาพอดี
“เอ่อ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” หวายส่งยิ้มแห้งๆ กลับไป ถึงแม้ว่าคู่กรณีจะไม่เอาความหรือต่อว่าอะไร แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี บุญเท่าไหร่แล้วที่อาหารไม่ไปโดนเสื้อผ้าราคาแพงๆ ของเขา เพราะถ้ามันเลอะเทอะขึ้นมาคงได้จ่ายค่าเสียหายหลายบาทแน่ๆ
“ผมสบายมาก แต่หัวคุณนี่สิท่าจะปูดอยู่นะ” บุรุษแปลกหน้าถามกลับเมื่อเห็นคนตรงหน้ายกมือถูบริเวณศีรษะตัวเองป้อยๆ
“ไม่ครับ เล็กน้อยเอง เอ่อคุณ...”
“ผมไทน์นะ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
“ผมชื่อหวา…”
“สวัสดีครับพี่ไทน์”
หวายยังไม่ทันบอกชื่อเขาออกไป เสียงห้าวทุ้มของใครบางคนก็ดังขัดบทสนทนาขึ้นมาเสียก่อน เด็กหนุ่มมองไปยังเจ้าของเสียงเห็นเขากำลังส่งแววตาคมกริบมาทางนี้พอดีก่อนมายืนเคียงข้างคนในปกครองของตัวเอง
“คุยอะไรกันอยู่ครับ” ไอศูรย์มองหน้าชายหนุ่มร่างสูงก่อนจะหันกลับมายังคนข้างๆ ที่มองเขาสลับกับผู้ชายที่เพิ่งแนะนำตัวไปหมาดๆ
“อ้อ...พี่ไทน์ นี่หวายนะครับเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม หวาย...นี่พี่ไทน์ เป็นนักออกแบบเครื่องเพชรที่เอามาแสดงในงานคืนนี้”
เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้เขาเมื่อไอศูรย์เอ่ยแนะนำก่อนกล่าวสวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แล้วฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับเพื่อเป็นการทักทายตามปกติ หากแต่การกระทำของคนทั้งคู่กลับสร้างความไม่พอใจให้ใครบางคนจนต้องมองด้วยแววตาขุ่นเคืองแล้วยกแก้วบรั่นดีในมือเทเข้าปากรวดเดียวจนหมด
เด็กบ้า! อ่อยผู้ชายไปทั่ว!
ไอศูรย์รู้สึกระคายสายตาไม่น้อยที่หวายส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปทางชายหนุ่มอีกคน แถมยังชวนคุยแบบเป็นกันเองราวกับรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
บ้าฉิบ!
“ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าไอมีลูกพี่ลูกน้องด้วย” ไทน์หันไปทางด้านไอศูรย์ เหมือนสงสัยอะไรบางอย่างในตัวชายหนุ่มรุ่นน้อง
“ญาติห่างๆ น่ะครับพี่ไทน์” ชายหนุ่มรีบบอก ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นพูดคุยไปเรื่องอื่น
“เพิ่งมาถึงเหรอครับ”
“ใช่ ขอโทษทีนะ พอดีต้องรีบเคลียร์แบบเครื่องเพชรที่ทำค้างเอาไว้ส่งลูกค้าถึงปลีกตัวมาได้ งานเป็นยังไงเรียบร้อยดีมั้ย”
“ทุกอย่างโอเคครับ ถ้าเป็นฝีมือของพี่ไทน์แล้วล่ะก็ ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังจริงๆ” ไอศูรย์ตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องหน้าที่การงาน โดยที่หวายไม่ค่อยได้ใส่ใจพวกเขาเท่าใดนัก แต่กลับจัดการอาหารที่ถืออยู่ในจานจนหมดเกลี้ยงเพราะความหิว ไม่กี่นาทีต่อมาไทน์จึงแยกตัวออกมาคุยกับชายต่างชาติคนหนึ่งที่เป็นนักธุรกิจ
“ถามจริงๆ เถอะ ผมไปเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณ” หวายได้โอกาสรีบถามชายหนุ่มด้วยท่าทางไม่พอใจที่เขาเที่ยวบอกใครต่อใครถึงความสัมพันธ์จอมปลอมแบบนั้น
“แล้วนายอยากเกี่ยวดองกับฉันจริงๆ ไหมละ”  เขาส่งสายตาสื่อความหมายบางอย่างมาให้ แถมแววตาคมที่ดูแพรวพราวเจ้าเล่ห์หวายเห็นแล้วอยากเอาส้อมทิ่มตาเสียให้ตาบอด
“ไม่เคยมีความคิดพวกนั้นอยู่ในสมองของผมเลย”
“ถึงว่าสินะ เห็นยืนอ่อยพี่ไทน์ตั้งนานสองนาน”
“ผมไม่ได้อ่อย แต่คุณไทน์ท่าทางเป็นคนน่าคบหา ผมแค่รู้สึกถูกชะตาเลยอยากคุยด้วยไม่เหมือนคนบางคนที่ชอบวางอำนาจ นิสัยเผด็จการกับคนอื่นไม่เลิก”
“พูดขนาดนี้เอ่ยชื่อฉันมาเลยก็ได้นะ”
“…..”
“แต่ก็ดีแล้วที่นายเห็นว่าฉันแบบนั้นมาตลอด เพราะกลับถึงบ้านเมื่อไรฉันจะเผด็จการให้นายดูอีกหลายๆ ครั้ง” เอ่ยจบเขาก็เดินจากไปคุยกับคนในงาน หวายมองตามแผ่นหลังหนาด้วยความหงุดหงิด วางจานอาหารที่ทานหมดเอาไว้ใกล้ๆ แล้วเดินดุ่มๆ ไปรินสีชมพูสีสันสดใสมาดื่มแก้เบื่อ
ปกติหวายไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ เรียกว่านานๆ ครั้งถึงจะแตะต้องมันมากกว่า แต่วันนี้ขอหน่อยเถอะ อย่างน้อยถ้าเมาขึ้นมาก็น่าจะทำให้หลับง่ายขึ้นไม่ต้องมาได้ยินผู้ชายคนนั้นพูดกรอกหูเรื่องไร้สาระจนนึกอยากหนีหายตัวไปจากเขาวันละหลายๆ รอบ









ไอศูรย์กลับถึงบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืน เมื่อรถยนต์จอดสนิทหน้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มจึงจัดการพาร่างที่โงนเงนตามลงมาถึงห้องนอนด้วยความทุลักทุเล ใจจริงอยากจะอุ้มแล้วเหวี่ยงมันลงบนเตียงมากกว่า
เด็กเวรเอ๊ย!
ชายหนุ่มยืนเท้าเอวแล้วยืนมองร่างของหวายด้วยความระอา อยากเขย่าร่างให้หัวสั่นคลอนดีนัก โทษฐานที่ดื่มในงานกลับมาจนเมาเละเทะเหมือนหมาแถมยังอาเจียนใส่ชุดสูทของเขาตอนนั่งมาในรถด้วยกัน
ไอศูรย์รีบถอดเสื้อที่เหม็นคราบอ้วกนั้นออกโยนลงตะกร้าแล้วเข้าไปอาบน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็กลับออกมา แต่ร่างที่เมาแล้วพูดจาเพ้อเจ้อนั่นกลับเงียบเสียงฟุบหลับลงบนเตียงไปเรียบร้อยแล้ว
ดีล่ะ!
เขาจะปล่อยให้มันนอนแก้ผ้าตากแอร์ให้หนาวตายไปเลย
ไอ้เด็กดื้อ ไม่เชื่อฟัง มันน่าจับฟาดก้นให้เข็ด!
ไอศูรย์จัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของหวายออกจนเผยให้เห็นร่างกายที่ขาวเนียนน่าสัมผัส เขาอยากฝากประทับรอยราคีเอาไว้ตามร่างกาย แต่ยังหรอก เขาเองก็เป็นประเภทที่ไม่ชอบลักหลับใครเพราะมันไม่สนุก ชายหนุ่มปลดเข็มขัดและถอดกางเกงสแล็คของหวายก่อนโยนไปอยู่บนพื้นห้องรวมกับเสื้อสูทราคาแพงที่เขาเป็นคนจัดหามาให้
 “ตื่นขึ้นมาเมื่อไร นายโดนจัดชุดใหญ่แน่หวาย” ไม่พูดเปล่า ไอศูรย์ยังจัดการใช้เน็กไทของเขามัดข้อมือข้างหนึ่งของจอมพยศเอาไว้กับหัวเตียง ก่อนเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูดังโครมตามหลัง



                                                     .............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/





ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao6:  5555555ตลก พี่ไทน์คือดียยยย์ o13

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตื่นมาหวายเสร็จแน่ อิอิ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
กรี๊ดดด ตื่นเถอะหวาย เจ๊อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ xirainx@gamil.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมไม่บอกความจริงไปเลยละ
หรือพระเอกรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แล้วยังแกล้งไม่รู้อีก
สนุกนะเนื้อเรืีอง แต่พระเอกโง่เกิน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด