ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ***************************************************************
เหตุการณ์เมื่อ 5 เดือนก่อน
มินิคูเปอร์สีขาวแล่นเข้าสู่เส้นทางของจังหวัดกรุงเทพมหานครในช่วงสี่ทุ่มวันเสาร์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าปี เจ้าของใบหน้าสวยคม ผมยาว จมูกโด่งเป็นสัน สูงราวร้อยหกสิบเซนติเมตร ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวกำลังขับเคลื่อนเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็ว หากแต่เมื่อพารถคันสวยมาได้ไม่กี่กิโลเมตรก็เกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอลองแล้วลองอีกแต่ก็ไม่ได้ผล ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางอย่างเธอซ่อมรถเป็นเสียที่ไหน ขับเป็นอย่างเดียวนั่นละ
“แย่จัง” อารดากำลังหงุดหงิดไม่น้อยขณะกำลังพยายามบิดกุญแจรถ
เอาไงดี…
ร่างของหญิงสาวก้าวลงจากรถยนต์ เหลียวมองไปรอบกายท่ามกลางความมืดสลัวมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ส่องแสงรำไรบวกกับสองข้างทางที่มีต้นไม้สีเขียวขจีปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้เธอยิ่งรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาอย่างประหลาด ได้แต่ภาวนาให้ใครสักคนขับรถผ่านมายังเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนก็ยังดี เผื่อจะขอความช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
อารดายืนอยู่ราวๆ สิบนาที มันยาวนานมากพอแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดไปหาคนขับรถที่บ้านให้มารับเธอยังจุดที่ยืนคอย ทว่าหญิงสาวก็ต้องหน้ามุ่ยลงอีกรอบเมื่อโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเอาเสียเลย
เจ็บใจตัวเองนิดหน่อย หลังจากไปสัมมนาที่รีสอร์ทหรูจังหวัดภูเก็ตแล้วอยู่เลี้ยงฉลองจนดึกดื่น จะค้างที่นั่นก็ไม่ได้เพราะพรุ่งนี้เช้ามีประชุมที่บริษัท ซึ่งเป็นกิจการที่เธอกับพี่ชายเพียงคนเดียวอย่างไอศูรย์ช่วยกันบุกเบิกมันขึ้นมากับมือ หากตอนนี้อารดากลับต้องดูแลเพียงลำพัง เพราะไอศูรย์หันไปทำธุรกิจจิวเวอร์รี่ที่ประเทศอิตาลี่ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตากันบ่อยอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว สามสี่เดือนพี่ชายจะกลับมาที่ไทยสักที แต่ก็มีโทรศัพท์ถามไถ่กันบ้างในบางครั้งถ้าว่างเว้นจากเรื่องงาน
“จะเอายังไงดีเรา” อารดาถอนใจยืดยาว ไม่นานเธอก็เห็นแสงไฟสีส้มสาดส่องลงมายังร่างของเธอ หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความดีใจ ก้าวมายืนขวางกลางถนนแล้วยกแขนโบกไปมาเป็นการส่งสัญญาณ
รถคันดังกล่าวที่กำลังวิ่งตรงมาเบรคอยู่ตรงหน้าเธอทันที พร้อมกับชายหนุ่มสองคนที่ดูท่าจะอายุอานามรุ่นราวคราวเดียวกับเธอก้าวลงมาจากรถยนต์
“ขอโทษนะคะ พอดีรถฉันเสีย อยู่ๆ ก็สตาร์ทไม่ติด คุณสองคนพอจะช่วยดูให้ได้มั้ยคะ หรือว่าขอยืมโทรศัพท์โทร.หาคนขับรถที่บ้านหน่อยก็ดีค่ะ” อารดาบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไป หากเมื่อเธอลองสังเกตชายสองคนตรงหน้าจึงรู้ว่าพวกเขามีสภาพเมาเล็กน้อย
กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาทางเธอจนต้องยกมือปิดจมูกโดยอัตโนมัติ การขอความช่วยเหลือของเธอกลับกลายเป็นชายหนุ่มสองคนไม่ใคร่จะใส่ใจเท่าใดนักแต่กลับมองหน้ากันด้วยแววตาที่รู้ว่าควรจะทำยังไง ก่อนหันมาทางหญิงสาวอีกครั้ง
“รถเสียเหรอครับ” หนึ่งในนั้นถามขึ้น ก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวแล้วใช้ปลายนิ้วแกร่งแตะที่ปลายคาง
“เอ่อ...คะ ค่ะ” อารดารีบปัดมือหยาบกร้านออกไป ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ เธอขยับขาถอยห่างด้วยความไม่ไว้ใจชายทั้งสองคน
หากก็ช้ากว่าร่างสูงกำยำสองร่างที่ตรงปรี่เข้ามาดึงหญิงสาวเอาไว้กับตน บวกกับความเมามายที่ครอบงำสติเกินการควบคุม
“ปล่ะ..ปล่อยนะ ช่วยด้วย กรี๊ด!!!” หญิงสาวกรีดร้องขึ้นจนสุดเสียง รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากฝ่ามือหยาบกร้านของชายทั้งสอง เธอพยายามดิ้นรนและร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังแต่กลับถูกลากเข้ามาในพรงหญ้าข้างทาง พร้อมกับเสื้อผ้าที่ถูกดึงทึ้งจนเกือบเปลือย
“ฮึก..มะ..ไม่ ปล่อยฉันนะ ปล่อย!!” ไม่ว่าจะร่ำร้องอ้อนวอนยังไง หญิงสาวก็ไม่สามารถต้านทานแรงผู้ชายสองคนเอาไว้ได้ จนทำให้ต้องเผชิญหน้ารับชะตากรรมอันเลวร้ายด้วยความไม่เต็มใจ เธอขยะแขยงทุกรสสัมผัสอันหยาบกระด้างที่แตะต้องบนเรือนกายของเธอ ขยะแขยงจนอยากจะตายไปให้พ้นๆ!
ไอศูรย์ทอดมองร่างบอบบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยแววตาเศร้าหมอง นานเท่าไหร่แล้วที่น้องสาวของเขาต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่อย่างนี้ นานจนเขาแทบสิ้นหวัง เธอไม่ตายก้เหมือนตาย และสะเทือนใจทุกครั้งเมื่อนึกไปถึงตอนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเห็นอารดานอนชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปากอยู่บนพื้นห้อง
น้องสาวของเขาพยายามจะฆ่าตัวตาย ชายหนุ่มรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วและได้รับคำบอกกล่าวจากนายแพทย์เจ้าของไข้ว่าเธอปลอดภัยดี แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สภาพจิตใจไม่ค่อยปกตินัก สองเดือนต่อมาเขาค่อยวางใจที่อารดากลับมาเหมือนคนปกติอีกครั้ง เขาพยายามถามเอว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้องสาวไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ เอาแต่ส่ายหน้า แววตาไหวระริกราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และหลังจากนั้นเขาก็เลิกจะตั้งคำถาม เลิกซักไซ้ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร รอจนกว่าเธอพร้อมคงยอมบอกเอง แต่อารดาก็ไม่มีโอกาสได้บอกเขา เธอขับรถออกมานอกบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุ จนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทั้งที่เขาสั่งกำชับนักหนาว่าไม่ให้ขับรถหรือไปไหนตามลำพังอีก ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่
หลังจากนั้นชายหนุ่มพยายามตามสืบสาวจนได้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น และตอนนี้เองเขาก็ได้ทราบแล้วว่าใครกันที่เป็นคนชั่วทำลายชีวิตน้องสาวสุดที่รัก ไอศูรย์ไม่ต้องการแจ้งความเพื่อให้อารดาขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยคดีที่น่าอับอาย เขาอยากจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง
จัดการพวกมันให้เจ็บปวดทรมานกว่าน้องของเขาหลายพันเท่า!
เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มต้องละสายตาจากร่างบางมองไปยังบานประตูไม้สัก อลงกรณ์ลูกน้องคนสนิทก้าวเข้ามาหาเขาพร้อมกับรายงานเรื่องที่ผู้เป็นเจ้านายให้ไปจัดการ
“จัดการเรียบร้อยแล้วครับคุณไอศูรย์”
“ดี อย่าให้มันออกมาได้อีก”
“แต่ยังเหลืออีกหนึ่งครับ”
“กายครับ” อลงกรณ์ตอบเสียงหนักแน่นเห็นแววตาคมของคนเป็นเจ้านายดุกร้าวขึ้นชัดเจน
“ครอบครัวมันเป็นยังไงตอนนี้”
“ไอ้หมอนี่เห็นว่ามันติดการพนันอย่างหนัก พอๆ กับแม่ของมัน แล้วก็มีน้องชายกำลังเรียนอยู่มหา’ลัยปีหนึ่ง”
ไอศูรย์ครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกน้องแล้วกระตุกยิ้มร้ายก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นน่าเกรงกลัว
“ก็ดี! ฉันจะได้จัดการพิพากษาพวกมันทุกคนอย่างสาสม!”
หวายก้าวเข้ามาในบ้านของตัวเองช่วงหัวค่ำ ทันทีที่ย่างกายเข้ามาในมุมรับแขกก็พบกับพี่ชายต่างมารดากับผู้เป็นแม่เลี้ยงของเขานั่งหน้าเครียดอยู่ด้วยกันทั้งคู่ ศรัณตวัดสายตามาทางน้องชายที่เพิ่งถอดรองเท้าเสร็จก่อนจะตรงปรี่เข้ามาหา
“มึงหายหัวไปไหนมาวะ ถึงกลับเอาป่านนี้”
“ออกไปทำงานมาดิ ไม่ได้ว่างงานเหมือนคนแถวนี้สักหน่อย”
“อย่ามาพูดจากวนตีนกู ไหนเงิน” คนเป็นพี่แบมือทวงเงินที่ให้หวายออกไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนทุกวัน หากเด็กหนุ่มกลับควักเงินจำนวนหนึ่งพันบาทวางลงบนมือ
ชินแล้วกับที่ต้องทำเพื่อคนอื่น…
คนอื่นที่เป็นคนในครอบครัว อยากจะเรียกแบบนั้นก็กระดากปากตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ว่าพี่ชายหรือแม่เลี้ยงไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเขาเลยสักคน สนใจแต่เงินทองของมีค่า
เขาเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่คอยรองมือรองตีนคนในบ้านเวลาไม่สบอารมณ์
“อะไรวะ พันเดียวจะพอแดกห่าอะไร?” ศรัณสบถอย่างหงุดหงิดมองน้องชายด้วยสีหน้าขัดใจเป็นที่สุด นึกว่าหวายจะได้เงินมาสักสี่ห้าพัน
“ไปช่วยเขาเสิร์ฟอาหารที่โรงแรมมันก็ได้เท่านี้แหละ พี่กายอยากได้เงินเยอะๆ ก็ออกไปหาเอาเองดิ แค่นี้ก็เหนื่อยรากเลือดแล้ว”
“มึงไม่ต้องมาย้อนกู มึงเป็นน้อง มีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณกูกับแม่ ไม่มีสิทธิ์มาบ่นเชี่ยอะไรทั้งนั้น” ศรัณกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเดิม
บุญคุณ
ฟังคำนี้ทีไรแล้วรู้สึกสยดสยองขนพองทุกที ต่อให้ชาตินี้ทั้งชาติก็ทดแทนกันไม่หมดหรอกไอ้บุญคุณที่มันทิ่มคออยู่เนี่ย
“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ รู้งี้ฉันไม่รับช่วงต่อจากนังเพลินแม่แกก็ดี พวกกาฝากทั้งแม่ทั้งลูก พึ่งพาไม่เคยได้เลยสักคน”
หวายกำมือแน่นเมื่อถูกกระทบกระทั่งและผู้เป็นแม่เลี้ยงกำลังพาดพิงไปถึงมารดาแท้ๆ ของเขาที่เสียชีวิตไปหลายปีพร้อมกับผู้เป็นบิดาด้วยอุบัติเหตุ
“ป้าจันทร์ ทำไมต้องว่าแม่ผมด้วย มันไม่เกี่ยวกับแม่สักหน่อย”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ตอนพ่อแม่แกตายฉันก็ต้องเสียเงินมาจัดงานศพให้ นี่ยังไม่ได้คืนสักบาทเลย”
“ผมก็ไม่เห็นว่าวันๆ ป้าจะทำมาหากินอะไร เอาแต่ใช้เงินไปถลุงที่บ่อนจนหมด”
“ไอ้หวาย ไอ้เด็กอกตัญญู นี่แกกล้าด่าฉันเรอะ!”
“ผมพูดความจริง ขนาดบริษัทพี่กายยังไม่เคยสนใจไปทำจนมันจะเจ๊งอยู่แล้ว คิดว่าอยู่บ้านเฉยๆ แล้วเงินมันจะหล่นลงมาจากฟ้าหรือไง” หวายโมโหอย่างขีดสุดจนต้องเถียงขึ้นเสียงดังกลางบ้าน ปกติเขาก็เถียงแบบนี้ประจำแต่ไม่แรงเท่า ครั้งนี้มันสิ้นสุดความอดทนจริงๆ แถมเขายังเหนื่อยสายตัวแทบขาด กลับบ้านมาเจอแม่เลี้ยงกับพี่ชายด่าฉอดๆ ไม่หยุดปาก ว่าเขาคนเดียวเขายังทนได้ แต่นี่ดันพาดพิงถึงบุพการีที่เสียไปแล้วให้ตายก็ไม่ยอม
เพียะ!
ฝ่ามือหนาของแม่เลี้ยงตวัดเข้ากับแก้มเนียนของเด็กหนุ่มหลังจบถ้อยคำก้าวร้าว หวายรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหลตรงมุมปากพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติแต่พยายามบังคับน้ำตาไม่ให้ไหล
เจ็บกายไม่เท่าไร แต่เจ็บใจมากกว่าหลายล้านเท่า
ไม่รู้เขาต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
จนตายเลยหรือเปล่าวะ
ชีวิตบัดซบเหี้ยๆ!
มนุษย์หน้าไหนแมร่งอยากจะมีชีวิตแบบเขา
นั่นสินะ คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ เลือกที่จะเป็นยังไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ
“กล้าพูดอย่างนี้กับฉันเหรอ ไอ้เด็กเหลือขอ วันนี้ฉันจะตบแกให้ตายคามือเลยกาย..จับมันให้แม่หน่อย แม่จะสั่งสอนไอ้หวายมัน” เด็กหนุ่มพยายามยกมือปัดป้องเมื่อจะถูกทำร้ายร่างกายหากแต่พี่ชายต่างมารดากลับเข้ามารวบแขนบางไขว้หลังเอาไว้แล้วปล่อยให้พิมพ์จันทร์ทุบตีอย่างสาแก่ใจ
หวายไม่เคยคิดจะอ้อนวอนร้องขอ หรือลงไปกราบแทบเท้าร้องไห้ให้พิมพ์จันทร์กับศรัณหยุดการกระทำอันป่าเถื่อน
เพราะรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะหยุดสองคนแม่ลุกได้นอกจากเงิน
“ไอ้เด็กเลว ปากดีนัก มึงตายแน่!” มืออวบอูมที่กำลังจะเงื้อขึ้นอีกครั้งของแม่เลี้ยงกลับถูกคว้าหมับจากฝ่ามือแกร่งของใครบางคนที่เข้ามาช่วยห้ามทัพไว้ได้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะถุกตบหน้าอีกเป็นครั้งที่สาม
“ถึงขนาดต้องตบตีกันเลยเหรอป้า ไม่ป่าเถื่อนไปหน่อยหรือไง ไอ้หวายมันก็เหมือนลูกหลานป้านะ”
“มึงอย่าเสือกไอ้พล”
“พี่พล” หวายรีบสลัดกายออกจากศรัณไปหลบอยู่หลังณพลทันทีที่มีโอกาส
“แส่อะไรด้วยวะ เรื่องของคนในครอบครัว กูกับแม่จะตีมัน มันก็สิทธิ์ของกู คนนอกไม่เกี่ยวเว้ย” ศรัณถลาเข้ามาหาร่างสูงของชายหนุ่มที่เข้ามาเยือนหากต้องชะงักเพียงเท่านั้นเมื่ออีกฝ่ายเงื้อหมัดขึ้นพร้อมกระแทกใส่หน้า
“เข้ามาเดี๋ยวกูต่อยฟันร่วงแน่ไอ้กาย” คำขู่นั้นทำเอาคนที่อวดเก่งตอนแรกต้องถอยทัพกลับอย่างขี้ขลาดเมื่อเห็นสีหน้าเดือดดาลของณพล
เขายังไม่อยากเสี่ยงหน้าแหกตอนนี้
“อย่าทำอะไรลูกฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจจับแกเข้าคุก ไอ้เศษสวะ” พิมพ์จันทร์ดึงแขนลูกชายออกมาก่อนจะข่มขู่อีกฝ่ายเสียงเข้ม
“ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ฟ้องป้ากับลูกชายข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก” สองแม่ลูกรีบมองหน้ากันเลิกลั่กแล้วเงียบเสียงเอาไว้เพราะไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อนก่อนจะเห็นแขกไม่ได้รับเชิญพาหวายออกไปจากบ้าน
“ไปหอพี่ก่อนดีกว่าหวาย อยู่กับอีคนใจยักษ์พวกนี้มีหวังได้เจ็บตัวทุกวัน”
“เออ...ไปเลยมึง แล้วไม่ต้องกลับมาเลยนะ ถุย กะอีแค่ช่างซ่อมรถกระจอกๆ จะมีปัญญาเลี้ยงดูมันได้แค่ไหนกันวะ แล้วกูจะคอยดูว่าจะไปได้สักกี่น้ำ”
..............................................
นิยายเรื่องนี้มีลงที่เล้าและเว็บเด็กดีนะค้า ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายเรื่องอืนๆได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน
https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/