ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561  (อ่าน 44668 ครั้ง)

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไอศูรย์ก้มลงจุมพิตปิดริมฝีปากบางที่กำลังส่งเสียงละเมออู้อี้ไม่รู้เรื่อง รู้ราว เขาดุนดันปลายลิ้นชื้นเข้าในโพรงปากของคนที่ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมานึกอยากแกล้งเสียให้เข็ดโทษฐานที่นอนตื่นสายจนตะวันแยงก้น
แต่ทว่า…
ทำไมยิ่งจูบ ยิ่งดูด ยิ่งลูบไล้ไปมาหนักขึ้น ร่างกายของเขามันกลับร้อนสลับหนาวนึกอยากปลดปล่อยความปรารถนาที่ห่างหายไปยาวนาน
ไอศูรย์หงุดหงิดตัวเองทุกครั้งที่เวลาเขาอยู่ใกล้ชิดกับหวายทีไรมักจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้ ต้องก่อเกิดอารมณ์ทางเพศตลอด คนอย่างเขาถึงจะเคยลองกับทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาบ้างแล้วแต่ก็ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาคลั่งจนอยากจะกลืนกินได้มากขนาดนี้
ห่าเอ๊ย!
ตอนนี้น้องชายของเขามันเริ่มอยากออกมาทักทายนอกกางเกงยีนตัวหนาซะแล้ว
ทำไงดีวะ
ลักหลับแม่งเลยดีมั้ย ไหนๆ ก็ไม่ยอมตื่น
“เชี่ย! แม่ง!” หวายสะดุ้งตื่น นิ่วหน้าพร้อมยกมือกุมขมับ สิ่งแรกที่รู้สึกคืออาการปวดหัวตุบๆ จนแทบระเบิด แถมเมื่อกี้หลับๆ อยู่ก็เหมือนมีใครมาก่อกวนตามร่างกายจนนอนต่อไม่ไหว พอลืมตาตื่นชัดๆ เลยเห็นว่าเป็นไอศูรย์ที่กระตุกยิ้มมุมปากร้ายๆ รอยยิ้มที่เห็นทีไรเป็นต้องนึกอยากเอาเท้าประทับบนใบหน้า
แต่ก็ทำได้แค่คิด
“คุณเข้ามาในห้องผมนานแค่ไหนแล้ว”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแบบมึนๆ รู้สึกอยากหลับอีกรอบเพราะเหมือนนอนมาไม่เต็มอิ่ม คงโดนฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงานเข้าให้ แต่ทำไมวันนี้แอร์มันหนาวผิดปกติแล้วมือเขามันยกขึ้นลำบากยากเย็น แถมปวดเมื่อยไปหมดราวกับไปสนามรบมาเมื่อวาน
เชี่ย!
ข้อมือซ้ายของหวายเหมือนมีรอยแดงๆ อย่างกับถูกเชือกรัดเอาไว้ แถมตัวเขาตอนนี้ยังไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่นอกจากบ็อกเซอร์บางๆ ตัวเดียวอีกด้วย
มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขาวะ
เมื่อคืนจำได้ว่าพาตัวเองมาถึงห้องนอนก็หลบเป็นตาย หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาไม่รู้หรอก จำไม่ค่อยได้ แต่มั่นใจว่าไม่ได้เป็นคนถอดเสื้อผ้าออกเองแน่ๆ คราวนี้สายตาเครียดๆ เลยหันไปทางคนที่นั่งมองมาอยู่ปลายเตียงแบบสบายอารมณ์ไม่รู้ทุกข์ร้อน
“คุณทำอะไรกับตัวผม”
“นึกอยู่แล้วว่าต้องถามแบบนี้”
“…..”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายนี่”
“…..”
“ฉันก็แค่จับนายถอดเสื้อผ้า แล้วมัดมือข้างหนึ่งของนายไว้กับหัวเตียง เพิ่งมาแกะออกให้เมื่อตอนเช้า คิดว่าจะตื่น ที่ไหนได้ต้องให้มาปลุกด้วยปาก สายจนตะวันแยงก้นไม่คิดจะออกนอกห้องไปช่วยฉันทำมาหากินบ้างเลยหรือไงวะ”
“ขอโทษ ก็ผมปวดหัว ผมลุกไม่ไหว”
“สมน้ำหน้า อยากดื่มเข้าไปเอง” ไอศูรย์โยนผ้าขนหนูใส่หน้าคนที่นั่งอยู่ไม่ยอมขยับไปไหน
“ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้กินข้าว”
“แล้วเมื่อกี้คุณจูบผมทำไม”
“มันเป็นวิธีเดียวที่จะปลุกนายให้ตื่น”
“บางทีผมก็ยังสับสนกับชีวิตนะว่าทำไมต้องมาอยู่กับคนแบบคุณด้วยวะ ถึงผมจะมีทางเลือกให้ตัวเองไม่มากนักก็เถอะ”
“เพ้อเจ้ออะไรของนาย ไร้สาระ” ไอศูรย์ขมวดคิ้ว สงสัยเด็กนี่จะยังไม่สร่างเมา เห็นหวายพาตัวเองลงจากเตียงแล้วกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะล้มหัวฟาดพื้น โชคดีที่ไอศูรย์ขยับตัวได้ไวเพื่อรับร่างนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนตำหนิเสียงดุ
“จะรีบไปไหน หัดระวังหน่อย”
 “ผมบอกแล้วไงว่าปวดหัว”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้สำออย”
“งั้นแล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน ผมไม่มีแรงงจะเถียงด้วยหรอก”
“ฉันเพิ่งเห็นนายสิ้นฤทธิ์ก็วันนี้ ดีเหมือนกัน นายจะได้ไม่ดื้อแพ่งกับฉันเหมือนวันก่อนๆ”
ไอศูรย์เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงละครตบตาว่าป่วยเลยสั่งให้นอนพักในห้อง ส่วนตัวเขาออกไปบอกสาวใช้ให้จัดอาหารและยาเข้ามาให้ก่อนที่ชายหนุ่มจะหายเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
ทีแรกตั้งใจไว้ว่าถ้าหวายตื่นขึ้นมาเขาจะจัดการชำระความเรื่องเมื่อวานสักหน่อย ถึงแม้จะยังคิดไม่ออกว่าจะลงโทษเด็กดื้อยังไงให้สาสมความผิดแต่เห็นสภาพที่เหมือนศพเดินได้แบบนั้นเลยไม่อยากรังแกคนที่ร่างกายกำลังอ่อนแอหมดทางสู้
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก่อนจะตามด้วยร่างของสาวรับใช้ที่หวายคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเลยส่งยิ้มน้อยๆ มาให้
“พี่เจน”
“คุณไอศูรย์สั่งให้พี่เอาข้าวต้มกับยามาให้น้องหวายค่ะ”
“คุณอสูรนั่นน่ะนะ?”
“คะ?”
“เอ่อ ผมหมายถึงคุณไอศูรย์สั่งให้พี่เอาข้าวกับยามาให้ เขาเป็นคนใจดีมีเมมตาตั้งแต่เมื่อไร หรือผมพลาดอะไรไปเนี่ย”
“คุณไอศูรย์สั่งพี่จริงๆ นะคะ”
“ไม่น่าเชื่อ”
“เชื่อเถอะค่ะน้องหวาย” เจนพยักหน้ายืนยันว่าเธอไม่ได้โกหก
“สงสัยฟ้าผ่าบ้านพังแน่ๆ ว่าไหมพี่เจน”
“เอ่อ…”
“ช่างเถอะ ผมกำลังหิวอยู่พอดีเลย ขอบคุณมากนะครับ” หวายไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเขาจะใส่ใจกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวเอง หรืออันที่จริงกลัวจะไม่คุ้มค่ากับเงินสิบล้านบาทที่เสียไปถ้าหวายต้องมาตายไปซะก่อนเพราะอาจทำงานให้เขาไม่คุ้ม
ก็คงจะเป็นอย่างนั้น…
เด็กหนุ่มเลิกสนใจว่าผู้ชายคนนั้นจะคิดยังไง ตอนนี้เขาหิวจนไส้จะขาด ไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่ในงานเลี้ยงเมื่อคืนที่กินไปเท่ากับหยิบมือแมว แถมยังอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง
ทรมานเกือบตาย
แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อเขาอยากจะเมาเอง
หวายหายไปอาบน้ำด้วยความรวดเร็วพอให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาบ้างเมื่อเจนออกไปจากห้องแล้ว ก่อนลงมือกินข้าวต้มในชามจนเกลี้ยงแล้วตามด้วยยาแก้ปวดหัว เขายังไม่อยากออกจากห้องนอนของตัวเองตอนที่ยังมึนหัวแบบนี้เลยตัดสินใจล้มตัวลงนอนพักสักชั่วโมง ตื่นขึ้นมาจะได้มีแรงมาสู้รบปรบมือกับจอมเผด็จการที่ไม่รู้ว่าพอปล้นจูบเขาจนปากเปื่อยก็หายหัวไปไหนไม่รู้
แต่จะไปไหนก็เรื่องของมันนี่หว่า
เขาไม่ได้คิดถึงผู้ชายคนนั้นหรอกนะ
ก็แค่สงสัยเท่านั้นแหละ
ปกติเห็นชอบมายืนกอดอกควบคุมเขาอย่างกับนักโทษ
“ไง มีแรงแล้วว่างั้น” นั่นไง จู่ๆ คนที่หวายบอกกับตัวเองว่าไม่ได้คิดถึงก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตู กอดอก ยิ้มมุมปาก ทำหน้าพึงพอใจเมื่อมองเลยไปยังชามข้าวต้มซึ่งไม่เหลือแม้แต่น้ำซุปสักหยดก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาด้านใน
“ดีหน่อยที่ตัวไม่ร้อน” ไอศูรย์ใช้หลังมือแตะลงบนหน้าผากของคนป่วยทำเอาหวายเบี่ยงหน้าหนีไม่ทัน
“ผมขอนอนต่ออีกสักชั่วโมงได้ไหม แล้วตื่นขึ้นมาจะทำงานชดใช้ให้”
“ได้ดิ”
แม่งใจดีจังวะ หรือใส่ยาพิษลงไปในอาหารที่เขากิน
“จะนอนทั้งวันฉันก็ไม่ว่า”
“….”
“และเดี๋ยวฉันจะยกโน้ตบุ๊คมาทำงานในห้องของนาย จะได้เฝ้านายไปด้วย”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ผมยังไม่ตายตอนนี้” หวายแอบประชดเขา เรื่องอะไรจะต้องให้ไอศูรย์มานั่งเฝ้า แทนที่เขาจะได้นอนหลับแบบสบายๆ ไม่มีใครมารบกวน
“เผอิญฉันเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น นายเองก็นอนได้แล้ว” ไอศูรย์ก้าวขึ้นเตียง ดันหวายลงนอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมบนร่างเล็กให้เสร็จสรรพ
“แต่ถ้านายไม่อยากนอน จะทำอย่างอื่นแทนก็ได้นะ ฉันพร้อมเสมอ” ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามผิวแก้มของเด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้า สายตาบอกความหมายบางอย่างที่ทำเอาหวายแทบจะหลับมันเดี๋ยวนี้
“ผมนอนแล้ว เชิญคุณทำงานได้ตามสบาย” คนป่วยรีบหันหลังหนี ยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงจนมิดหัวเล่นเอาไอสูรย์อดขำไม่ได้
นี่มันกลัวเขาปล้ำขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ตลกชะมัด
ไอ้เด็กบ้า!





                                                           :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ทำไมอสูรใจดี
55++
หลงเด็กสินะ

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :pighaun: คุณอสูรรร สู้ๆนะคะ555555 อดทนไว้55

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
“ตายแล้วกาย หน้าไปโดนอะไรมาเนี่ย ทำไมถึงเยินแบบนี้” พิมพ์จันทร์อุทานด้วยความตกใจเมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสะบักสะบอม ใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำสภาพดูไม่จืด จนนางต้องรีบเข้ามาประคองเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวเก่า
“จะอะไรอีกล่ะแม่ ก็โดนตบมาอ่ะดิ” คนเป็นลูกตอบพร้อมซู้ดปากที่เจ็บแสบเพราะรสมือจากอลงกรณ์กับลูกน้องอีกสองคนที่ฟาดฝ่ามือไม่ยั้งเพื่อเป็นการสั่งสอนเขา
“ใครมันทำอะไรลูก บอกแม่มา แม่จะไปจัดการให้” ผู้เป็นแม่รีบกุลีกุจอหากล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้ลูกชายยกใหญ่
“เบาๆ หน่อยแม่ มันเจ็บ” ศรัณร้องขึ้นพลางนิ่วหน้าแล้วตวัดตาขุ่นไปทางมารดาที่ยิ้มแห้งๆ
“ทนเอาหน่อยจะได้หาย แม่ว่าเราแจ้งความดีมั้ย นี่มันเล่นงานหนักเลยนะ” พิมพ์จันทร์เสนอแนะ แต่คนฟังกลับส่ายหน้าไม่เห็นด้วยเพราะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด แจ้งตำรวจไปก็เปล่าประโยชน์ บารมีและอำนาจเงินของไอศูรย์ไม่ใช่ใครจะไปล้อเล่นได้ โดยเฉพาะคนธรรมดาๆ อย่างเขา
“อย่าเลย เล่นกับผู้มีอิทธิพลมีแต่ตายสถานเดียว”
“กายหมายถึงใคร” พิมพ์จันทร์ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ ปกติแล้วศรัณไม่เคยไปมีเรื่องบาดหมางกับใครถึงขั้นถูกซ้อมหนักหนาสาหัสมาแบบนี้เลยสักครั้ง
“พวกลูกน้องของคุณไอศูรย์”
“แล้วเขาจะทำอย่างนั้นทำไม ในเมื่อเราส่งไอ้หวายไปเป็นขี้ข้าให้เขาตามสัญญาแล้ว”
“กายไปสมัครงานก็โดนลูกน้องเขามาลากไปตบเอาๆ แล้วก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้หวายมันอีก สงสัยมันไปฟ้องคุณไอศูรย์ว่ากายไปตบหน้ามัน แม่งเลยให้คนมาตบหน้าคืนอย่างที่เห็น”
พิมพ์จันทร์กำมือแน่นเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของลูกชาย นึกอยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ที่แท้ต้นเหตุก็มาจากลูกเลี้ยงตัวดีนี่เอง
“หน็อย ไอ้เด็กคนนี้มันเนรคุณคนจริงๆ ถ้าอยู่ตรงหน้าแม่จะตบให้เลือดกลบปากเลย”
“ช่างมันเถอะ ขืนไปยุ่งกับมันอีกเขาเอาเราตาย” ศรัณรีบตัดบท ก่อนจะเห็นผู้เป็นมารดาเอากล่องยาไปเก็บตรงชั้นวางแล้วเตรียมทำอาหารมื้อเย็นให้ลูกชายที่ออกไปตะลอนๆ สมัครงานแต่ก็ไม่มีบริษัทไหนรับเขาสักทีจนเริ่มหมดหวัง แต่ถ้าจะให้มานั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านโดยไม่มีเงินเข้ากระเป๋าสักบาทอีกไม่นานเขากับแม่คงได้ย้ายไปอยู่ใต้สะพานลอยเป็นแน่
“เบื่อโว้ย!” ชายหนุ่มสบถออกมาเบาๆ เอนหลังพิงพนักโซฟาที่มีฝุ่นเกาะอยู่ พลางฉวยโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาไล่ดูรายชื่อไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เขากลับสะดุดเข้ากับรายชื่อของใครบางคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว
“ลืมมันไปได้ไงวะ บ่อเงินบ่อทองของกูชัดๆ” เมื่อนึกขึ้นได้ก็กดโทรฯออกไปหาเบอร์เป้าหมาย เผื่อว่าบางทีคนปลายสายอาจจะช่วยเหลือเขาได้บ้าง อย่างน้อยก็น่าจะมีลู่ทางให้ทำมาหากินสักหน่อย
“สวัสดี”
เสียงปลายสายที่ตอบกลับมาทำเอาศรัณดีใจจนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟา ดวงตาคมเบิกกว้างเป็นประกายแห่งความหวังราวกับแสงสว่างที่จะนำทางเขาไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่งอย่างไงอย่างนั้น
“คุณไทน์ นี่ผมเองนะ...กายไง คุณจำได้ใช่มั้ย” เจ้าของชื่อที่ศรัณเรียกนั้นดูจะเงียบไป ได้ยินเสียงลมหายใจดังอยู่ในสายก่อนที่เขาจะตอบกลับ
“จำได้ แล้วนายมีอะไรกับฉันอีก” เสียงห้วนๆ ที่ส่งมาทำเอาศรัณใจฝ่อเล็กน้อย ไทน์ทำสุ้มเสียงเหมือนไม่อยากจะคุยด้วย แต่ศรัณก็ไม่ยอมให้เสียโอกาสไป เขาเปิดประเด็นถามทันที
“ผมกำลังเดือดร้อน ตอนนี้ตกงาน บ้านโดนยึด บริษัทก็ขายให้คนอื่นไป นี่ก็ต้องออกมาหาบ้านเช่าหลังเล็กๆ อยู่กับแม่ คุณไทน์พอจะมีงานอะไรให้ผมทำบ้างมั้ยครับ”
“ไม่มีหรอก” ไทน์กรอกเสียงห้วนแกมรำคาญกลับมาอีกรอบ
“โธ่ คุณไทน์ ช่วยผมหน่อยเถอะ ผมเดือดร้อนจริงๆ นะ”
“ฉันเคยช่วยนายไปเยอะแล้วนะกาย อีกอย่างนี่มันก็เรื่องปากท้องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน นายคงต้องดิ้นรนหาเอาเองบ้างแล้วล่ะ”
ศรัณเผลอบดกรามแน่น คำพูดที่ดูเหมือนเป็นการทวงบุญคุณของไทน์ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าชาไปหมด
แต่มันก็ใช่...ไทน์เคยช่วยเขาเรื่องเงิน หากมันก็ต้องแลกกับเรื่องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางทั้งนั้น!
แทบจะได้มาไม่คุ้มค่า…
“ไหนคุณเคยบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนคุณจะช่วยผม”
“ฉันเคยพูดอย่างนั้นกับนายด้วยเหรอ”
“ความจำผมยังดีอยู่นะคุณไทน์”
“แต่ทำไมฉันไม่เห็นจำได้เลย” ไทน์ตอบกลับมาแบบเฉยชา ไม่รู้ทุกข์ร้อนของอีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับความเดือดร้อนของศรัณ เรื่องอะไรต้องยื่นมือเข้าไปช่วยฟรีๆ
“งั้นคุณคงลืมไปแล้วว่าคุณเคยให้ผมทำระยำอะไรไว้บ้าง”
“กาย!”
“คุณจ้างผมกับไอ้ตรีภพไปข่มขืนผู้หญิงเมื่อหลายเดือนก่อน เพื่อแลกกับการที่คุณจะช่วยดันบริษัทผมให้มันมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่นี่คุณให้เงินมาแค่สี่แสน ไอ้ตรีมันก็โดนคดีมียาเสพติดครอบครองจนเข้าคุกไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ผมนี่ล่ะที่กำลังลำบาก”
“นายกำลังขู่ฉันงั้นสิ?”
“ผมแค่อยากทบทวนอะไรบางอย่าง…เผื่อคุณไทน์จะลืม”
“เหอะ! คิดเหรอว่าหมาจนตรอกอย่างนายจะทำอะไรฉันได้ ฉันให้นายไปเยอะแล้วนะ สี่แสนนั่นมันก็มากเกินพอแล้ว ต่อไปนี้ไม่ต้องติดต่อหาฉันอีก ไม่งั้นนายอาจจะเดือดร้อนยิ่งกว่าการไม่มีที่ซุกหัวนอน!” ไทน์เอ่ยจบก็วางสายไปทันที ศรัณพยายามกดโทรฯใหม่อีกรอบแต่อีกฝ่ายกลับปิดเครื่องหนีเขาไปแล้ว
“โธ่เว้ย!”








หวายเก็บหนังสือลงกระเป๋าเป้เมื่ออาจารย์เลิกสอนตอนห้าโมงเย็น เด็กหนุ่มสาวเท้าออกจากห้องเรียนด้วยความเร่งรีบ ทักทายกับเพื่อนร่วมห้องเพียงไม่กี่ประโยคก็เดินมาหน้ารั้วมหาวิทยาลัยเพื่อเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน
หลายวันก่อนที่เขานอนโทรมเหมือนซากศพอยู่ที่ห้องไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเพราะพิษไข้รุมเร้าผลพวงมาจากการดื่มแอลกอฮอล์เกินพิกัด ทำให้ไม่สามารถมาเรียนหนังสือได้ วันนี้เลยต้องมาตามเก็บรายงานทำย้อนหลังพร้อมกับหอบกลับไปทำที่บ้านอีกเป็นกอง เพื่อจะได้เรียนทันเพื่อนๆ ความผิดทั้งหมดไม่ใช่มาจากเขาเสียหน่อย
ไอ้อสูรต่างหากที่ผิด
 “หวาย” เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง และเมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงแสดงสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิด
“พี่พล เป็นไงบ้างพี่”
“พี่สบายดี หวายละ”
“ผมโอเค แผลหายดีแล้วเหรอ” หวายมองสำรวจตามร่างกายและใบหน้าของณพลที่รอยฟกช้ำค่อยจางลงบ้างแต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีที่มีส่วนทำให้ณพลต้องเจ็บตัว
“อืม พี่รู้เรื่องหมดแล้วนะ เค้นถามจากไอ้กาย ตอนแรกมันไม่ยอมบอก พี่ก็ตามมาเซ้าซี้ถามจนมันรำคาญหลุดปากพูดออกมาเอง ไม่คิดว่าแม่งจะเชี่ยขนาดนี้ สองแม่ลูกนั่นเห็นแก่ตัวฉิบหาย นี่มันให้หวายไปเป็นขี้ข้าไอ้มาเฟียนั่นน่ะเหรอ”
“ช่างมันเถอะพี่ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
“หมอนั่นทำอะไรหวายหรือเปล่า”
“เขาใช้ผมทำงานบ้านสารพัด สั่งอะไรมาผมก็ทำตามเขา ยังดีหน่อยที่ได้ออกมาเรียนหนังสือ นี่ผมก็พยายามคิดบวกนะว่าเงินแม่งคงเหลือใช้เลยเปย์ผมได้ไม่อั้นแบบนี้”
“จริงๆ หวายไม่เห็นต้องยอมไอ้สองแม่ลูกขนาดนั้นเลย”
“ผมไม่ได้อยากจะยอมนะพี่พล แต่ถ้าป้าจันทร์กับพี่กายโดนสั่งเก็บ ผมก็คงไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเท่าไร”
 “พี่จะช่วยหวายเอง”
“ช่วยยังไง”
“หาเงินสิบล้านมาคืนไอศูรย์”
“อย่าเลย พี่เดือดร้อนเพราะผมมามากแล้ว”
“แล้วหวายจะอยู่กับมันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ หวายมีความสุขหรือไง”
“ไม่หรอก ผมคงไม่อยู่กับเขาทั้งชีวิต ตอนนี้ผมแค่รู้สึกเหนื่อยกับการสู้รบปรบมือกับคนพรรค์นั้น”
“…..”
“อันที่จริงชีวิตผมตอนนี้กับเมื่อก่อนมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนะ ผมยังไม่เคยสัมผัสกับคำว่าความสุขจริงๆ กับเขาสักที ชีวิตแม่งต้องเจอสารพัดปัญหามาตลอด ถ้าผมผ่านบททดสอบสุดหินนี้ไปได้ ผมก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วล่ะ”
  ณพลดึงร่างเล็กมากอดหลวมๆ เขารักหวายเหมือนน้องชายแท้ๆ เพราะอีกฝ่ายเองก็เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก
ทว่าภาพคนสองคนที่โอบกอดกันด้วยความห่วงหาอาทรณ์ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล ต้องรีบกดโทรศัพท์ไปหาผู้เป็นเจ้านายเพื่อรายงานประพฤติของเด็กในปกครองที่เริ่มออกนอกลู่นอกทาง
“ว่าไง” เสียงปลายสายของเจ้านายดังห้วน อลงกรณ์รีบรายงานทุกอย่างจนหมดเปลือก และไม่นานก็ได้ยินเสียงไอศูรย์ตอบกลับมาห้วนจัด เดาได้เลยว่าพายุเข้าแน่ๆ ก่อนวางสายไปดื้อๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอารมณ์เจ้านายโกรธมากขนาดไหนกับเรื่องที่ได้รับรู้ผ่านเครื่องมือสื่อสาร

ทันทีที่หวายกลับมาถึงบ้านก็ถูกเรียกตัวเข้ามาในห้องทำงานของไอศูรย์ เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเขามีเรื่องอะไร
ผู้ชายตัวเล็กในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้ออกนอกกางเกงสแล็คสีดำ ถลกแขนเสื้อจนถึงข้อศอก ยืนสงบนิ่งหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มองคนที่นั่งบนเก้าอี้ด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่อีกฝ่ายกลับผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงยกสองแขนกอดอก พิงสะโพกกับขอบโต๊ะทำงานแล้วเริ่มการสอบสวน
   “นายไปเจอใครมาหรือเปล่า”
   “ก็หลายคน เพื่อนร่วมชั้น อาจารย์ เจ้าหน้าที่ คนขายอาหาร”
   “อย่ากวนตีนฉัน”
   “แล้วคุณหมายถึงใคร”
   “วันนี้เลิกเรียน หมอนั่นมาหานายใช่มั้ย”
   “ถ้าหมายถึงพี่พลล่ะก็ใช่”
   “นายกำลังละเมิดกฎของฉัน” ไอศูรย์พูดเสียงดุดันไม่พอใจ ไม่พอใจอย่างมากตั้งแต่อลงกรณ์รายงานความเคลื่อนไหวของเด็กนี่แล้ว
   “คุณจะให้ผมไล่เขาไปหรือไง ผมทำไม่ได้หรอก”
   “แต่ฉันเคยบอกนายแล้วว่าอย่าติดต่อกับหมอนั่นอีก” ชายหนุ่มทบทวนถึงกฎของการอยู่ร่วมกันที่เคยตั้งไว้ เพราะถ้าหวายทำไม่ได้จะต้องถูกเขาลงโทษ
   “ผมจำได้”
   “แต่นายก็ยังทำ”
   “ผมไม่ได้ติดต่อกับเขา เขามาหาผมเอง แล้วพี่พลก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะผม ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ใจดำไล่เขาไปอย่างนั้นเหรอ”
   “นายก็เลยกอดปลอบใจไอ้หมอนั่นว่างั้นเถอะ”
   หงุดหงิด! หงุดหงิดฉิบหาย
   ไอศูรย์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องมาตั้งกฎบ้าๆ บอๆ ไร้สาระด้วยการไม่ให้หวายไปเจอกับนายณพล ยิ่งเวลารับรู้ว่าสองคนนี้สนิทสนมกันมากแล้วยังไปเจอกันลับหลังเขายิ่งไม่ชอบ
   ไม่มีอารมณ์อยากทำงานโว้ย!
   เห็นอะไรเกะกะขวางหูขวางตาก็อยากเขวี้ยงทิ้งแม่งให้หมดบ้าน
   เป็นเชี่ยอะไรไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง!
   “ลูกน้องคุณคงรายงานหมดแล้ว จะมีอะไรให้ผมแก้ตัวได้อีก”
   “งั้นก็ดี!”
   “…..”
   “กฎก็ต้องเป็นกฎ ในเมื่อนายคิดจะละเมิด ก็ต้องถูกลงโทษ”



                                                                   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
   

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
หึงไม่ลืมหูลืมตา :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
        ไอศูรย์ดึงหวายเข้ามาใกล้ คนที่ตัวเล็กกว่าพอโดนแรงประทะอกกำยำเข้าก็เลยเจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ทันได้ประท้วงอะไรริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มก็จัดการบดขยี้กับปากบางเป็นการลงทัณฑ์
 หวายพยายามเบี่ยงหน้าหลบจนสุดชีวิตแต่ก็ไม่สำเร็จ ไอศูรย์ตัวโตกว่า แข็งแรงกว่า และที่สำคัญเป็นผู้ชายบ้ากามมากกว่าแน่ๆ ถึงได้ใช้วิธีลงโทษแบบป่าเถื่อนเล่นถึงเนื้อถึงตัวตลอดเวลา
   ชายหนุ่มบดจูบหวายจนหนำใจก่อนถอนริมฝีปากออก ปากของหวายเริ่มบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด มือเล็กๆ ยกขึ้นถูตรงรอยสัมผัสหยาบกระด้างเมื่อครู่ราวกับจะช่วยลบล้างรสจูบอันแสนสกปรกของเขาออกไป
   “รังเกียจจูบของฉันมากนักหรือไง”
   “คุณนี่แม่งโคตรบ้า”
   “ฉันบ้าได้มากกว่านี้อีก นายอยากเห็นไหมละ”
   “ไม่”
   “แต่ฉันอยากให้นายเห็น” ไอศูรย์ลากอีกฝ่ายให้เดินตามเขามาแต่หวายกลับขัดขืนไม่ยอมเดินตาม ชายหนุ่มเลยใช้กำลังจับอีกฝ่ายอุ้มพาดบ่าแล้วก้าวยาวๆ ไปยังจุดหมาย
   “ปล่อยนะโว้ย!” หวายรัวกำปั้นใส่แผ่นหลังหนาไม่ยั้ง ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเท่าไร
   “โวยวายไปก็เท่านั้น ยังไงนายก็หนีฉันไปไม่พ้นหรอก”
   ไอศูรย์พาหวายเข้ามาในห้องนอนของเขาจนสำเร็จก่อนโยนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแรง เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเล็กน้อย ถึงจะไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่ก็อดโมโหไม่ได้
   ทำไมไอ้บ้านี่มันต้องใช้ความรุนแรงกับเขาตลอดเลย
   นอกจากบ้าอำนาจแล้วยังบ้าพลังอีก
   “แค่จูบนั่นมันยังไม่สาสมกับโทษของนายหรอก”
   “คุณจะกรีดเลือดผมออกมาเซ่นไหว้หรือไง”
   “น่าสนใจดีนะ แต่มันโหดเกินไป” ไอศูรย์ยิ้มขำก่อนเดินไปตรงลิ้นชักที่เก็บเน็กไทน์ พอเลือกมาได้สักเส้นก็จัดการรวบข้อมือทั้งสองของหวายเอาไว้แล้วมัดเข้าด้วยกัน
   การถูกพันธนาการแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงเลยสักนิด
   เอะอะไม่พอใจก็จับเขามัดเอาไว้
   เด็กหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ ไม่อยากดิ้นรนขัดขืนให้เหนื่อย เพราะถึงอย่างไรไอศูรย์ก็คงไม่ปล่อยให้เขาออกจากห้องนี้ได้ง่ายๆ
   “คุณจะมัดผมไว้ในห้องนี้อีกนานแค่ไหน”
   “จนกว่าฉันจะพอใจ”
   “นี่สรุปผมต้องใช้ชีวิตบนความพอใจของคุณหรือไง”
   “ใช่”
   “บ้าฉิบหาย”
   “แต่ถ้านายทำตัวดี ไม่หยาบคายใส่ฉัน ฉันอาจจะปล่อยนายให้เป็นอิสระเร็วขึ้นก็ได้” ไอศูรย์กอดอกกระตุกยิ้มมุมปาก มองหวายที่หมดสภาพนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงด้วยสีหน้ายุ่งเหยิงพอๆ กับทรงผมและเสื้อผ้า
   “เมื่อยหน่อยนะ”
   “……..”
   “เดี๋ยวฉันจะสั่งคนเอาข้าวเอาน้ำมาให้” เอ่ยจบเขาก็เดินกลับออกไปแล้วปิดประตูตามหลัง ทิ้งให้หวายนั่งอยู่ในห้องนอนตามลำพัง
   “แม่งเอ๊ย!” หวายมองไปรอบห้องนอนของเขา ห้องหรูดูดีมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน บ้านมหาเศรษฐีชัดๆ แต่มันไม่น่าอยู่เลยสักนิด หวายเคยฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง มันไม่ใช่บ้านที่ใหญ่โตอะไร ที่เคยจินตนาการเอาไว้คือเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มีพื้นที่ใช้สอยเยอะหน่อย แล้วก็สวนหย่อมสวยๆ เอาไว้นั่งเล่นเวลาว่างจากงานหรือไว้นอนอ่านหนังสือ
   ที่สำคัญ…เขาอยากมีคนที่อยากร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่กับเขาด้วย…
   ตอนนั้นฝันเอาไว้ยังไง
   ตอนนี้ก็ยังเป็นแค่ฝัน
   ชาตินี้ไม่รู้จะมีปัญญาหรือเปล่า
   เพราะสภาพของเขาตอนนี้ยิ่งกว่าไม่มีปัญญาอีกว่ะ
   


                                                              ....................................


   เวลาผ่านไปจนถึงตอนสี่ทุ่มเศษ ไอศูรย์กลับเข้ามาในห้องนอนพร้อมจานข้าวผัดปูส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายคนที่ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องอย่างหวาย ได้แต่มองตาปริบๆ สิ้นฤทธิ์จะตอบโต้จอมเผด็จการที่มองมาด้วยสายตายั่วเย้า
   ชายหนุ่มวางจานข้าวลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนทรุดกายนั่งลง หันมามองหวายแบบประเมินอะไรนิดหน่อย เวลามันไม่พูดมาก ดื้อดึง หรือทำให้เขาหงุดหงิดก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
   เดี๋ยวนะ!
   นี่เขาแอบชมมันว่าน่ารักเหรอวะ
   เขามีความคิดด้านดีๆ แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร
   “ฉันให้เจนทำอะไรมาให้นายกิน” 
   “คุณเอามาทำไม ผมไม่ได้อยากกิน”
   พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงท้องร้องก็ประท้วงดังขึ้นจนไอศูรย์แอบขำ
   “กลัวเสียฟอร์มมากหรือไงถ้าจะบอกว่าหิว” ชายหนุ่มจัดการแก้มัดที่มือให้ พอเป็นอิสระได้หวายกก็ลูบข้อมือตัวเองไปมาที่เป็นรอยแดงๆ นิดหน่อยก่อนลงมือตักข้าวกินด้วยความหิวโหย
   “คืนนี้นายคงต้องนอนที่ห้องของฉันไปก่อน”
   “กลัวผมหนีไปมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “เปล่า แต่โทษของนายมันยังไม่หมด”
   “ผมต้องนอนที่ห้องของคุณอีกกี่คืน”
   “แล้วแต่ความพอใจของฉัน” ไอศูรย์มองมาด้วยสายตาเป็นประกายทำเอาคนที่เงยหน้าจากจานข้าวสบตาเขาต้องหลบวูบแล้วลงมือตักอาหารใส่ปากต่อ
   ไม่เข้าใจตัวเองเลย
   ทำไมวะ…ทำไมต้องใจเต้นตึกตักเวลาสบตากับนายอสูรใจเหี้ยมโหด
   หวายเห็นเขาลุกขึ้นจากเตียงนอน สายตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มเช่นเดิมก่อนจะบอกว่าขอตัวไปเคลียร์งานที่ค้างไว้แล้วจะกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง



                                                      ...............................



         ชายหนุ่มเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้เบาะนวมตัวใหญ่ และเมื่อความเงียบสงบเข้ามาปกคลุม ความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจก็เข้ามาแทนที่ มันทำให้อดคิดถึงใครบางคนไม่ได้…
อารดา
เมื่อครั้งที่เธอยังพูดคุยกับเขาเป็นปกติไม่นอนเป็นผักแบบนี้ เขายังจำได้ดีไม่มีวันลืม
   ไอศูรย์กลับเข้ามาในบ้านช่วงเย็น เดินสวนกับไทน์ที่เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ  แม้แต่เสียงทักทายของเขาไทน์ก็ยังไม่ได้ยิน ร่างสูงรีบเดินเข้ามาในบ้านเห็นอารดายังนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก และเมื่อถามไถ่จากน้องสาวเพียงคนเดียวถึงได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าไทน์มาขอเธอหมั้น แต่กลับถูกหญิงสาวปฏิเสธ เลยกลับออกไปด้วยสีหน้าผิดหวัง
   “ทำไมล่ะเอย พี่ไทน์เขาก็เป็นคนดี เอยไม่ได้ชอบพี่ไทน์เหรอ”
   “ถ้าเป็นเมื่อก่อนเอยคงอยากหมั้นกับพี่ไทน์ แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ” อารดาน้ำตาซึม หันมายิ้มให้พี่ชายด้วยความปวดร้าว มีบางอย่างที่เธออยากจะเล่า แต่คิดว่าการไม่เอ่ยถึงมันน่าจะดีกว่า
   “ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า เล่าให้พี่ฟังได้นะ”
   “ เปล่าค่ะ เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันก็ดีแล้ว แล้วอีกอย่างเอยรู้สึกว่าพี่ไทน์ยังไม่ใช่สำหรับเอย”
   “เอยแน่ใจแล้วนะ”
   “ค่ะ”
   “งั้นพี่ก็เคารพการตัดสินใจของเอย”
   “ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่รักเอยนะ” ไอศูรย์ลูบศีรษะน้องสาว เรื่องส่วนตัวของอารดากับไทน์เขาไม่อยากเซ้าซี้ถามน้องสาวให้มากความ ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคนตัดสินใจ แต่ในเมื่อน้องสาวของเขาบอกว่าไม่อยากหมั้น เขาก็จะไม่บังคับ แม้พักหลังๆ จะเห็นว่าอารดาไปไหนมาไหนกับไทน์แค่คนเดียว เขาเลยเข้าใจว่าสองคนนี้กำลังคบหากัน
   “ว่าแต่คนที่ใช่สำหรับเอย  ต้องเป็นแบบไหนเหรอ”
   “คงเป็นคนที่เอยอยากอยู่ใกล้ๆ เขามั้งคะ”
   “…..”
   “พี่ไอเคยรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ ใครบ้างหรือยังคะ”
   “ยังเลย พี่ยังไม่อยากจริงจังกับใคร”
   ใช่! ไอศูรย์จำได้ว่าตอนที่เขาตอบน้องสาว เขายังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่เขาควงออกงานบ่อยๆ ก็ตาม
   แต่ตอนนี้ทำไมเขากลับอยากพาตัวเองไปใกล้ๆ ไอ้เด็กนั่นกันวะ!



                                                         ........................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
คนที่ใช่สำหรับพี่ไอก็น้องหวายไงค้าาาาา. อิอิ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่ไออยากอยู่ใกล้ใครนั่นแหละคนที่ใช่ คำตอบมีอยู่ในหัวอยู่แล้ว จะยอมรับรึเปล่าแค่นั้น เดี๋ยวกอด เดี๋ยวจูบ o18

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เมอร์เซเดสเบนซ์สีบรอนด์ป้ายแดงจอดสนิทภายในอาณาบริเวณของบ้านหลังใหญ่สวยหรูที่มีชายหนุ่มวัยสามสิบปีเป็นเจ้าของบ้าน หากคนที่นั่งอยู่ในรถยนต์กลับไม่ได้อยากจะมาพบคนเป็นเจ้าของแต่อย่างใด จุดมุ่งหมายของเขาคือเด็กผู้ชายอีกคนที่เคยพบเจอกันครั้งหนึ่งเมื่องานแสดงเครื่องเพชรหลายวันก่อน
ไทน์ก้าวลงมาจากรถยนต์พร้อมกล่องขนมหวานที่สั่งมาจากร้านประจำ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา ผิดกับนัยน์ตาคมกริบที่ซุกซ่อนรังสีแห่งความร้ายกาจเอาไว้
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้าน เมื่อสาวรับใช้ในชุดเครื่องแบบวิ่งมาต้อนรับ เขาก็ถามหาถึงไอศูรย์พอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้ใครต่อใครต้องสงสัยก่อนที่จะมุ่งประเด็นไปยังเป้าหมายสำคัญ แล้วก็พบว่าวันนี้หวายอยู่ที่บ้านพอดี  ไม่นานนักหนุ่มร่างเล็กก็สาวเท้าลงมาต้อนรับเขาเมื่อเจนไปตามหลังบ้านซึ่งหวายกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
ไทน์ลอบมองเด็กหนุ่มหน้าหวานตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขารู้สึกพึงพอใจในตัวหวายไม่น้อย นึกกระหยิ่มในใจที่วันนี้ไอศูรย์ไม่อยู่ขัดขวางเพราะต้องเข้าไปเซ็นเอกสารสำคัญที่บริษัท มันช่างเป็นโอกาสเหมาะเจาะเสียจริงกับการเริ่มรุก ใส่เหยื่อรายต่อไป
“สวัสดีครับคุณไทน์” หวายยกมือไหว้ทักทาย เพราะเมื่อคนเป็นเจ้าของบ้านไม่อยู่ เขาก็เลยต้องทำหน้าที่นั้นแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนี้ทั้งที่ไทน์ก็เป็นคนรู้จักของไอศูรย์ แต่ก็เอาเถอะ เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไป นั่งคุยเป็นเพื่อนชายหนุ่มสักครู่คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนักหนา
“ดีใจที่ได้พบคุณนะหวาย” ไทน์กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพน่าฟัง ก่อนจะยื่นกล่องขนมคัพเค้กไปตรงหน้า อีกฝ่ายยอมรับมาด้วยสีหน้างุนงง
“เอ่อ...ให้ผมเหรอครับ?”
“ของฝากเล็กๆ น้อยๆ น่ะครับ แล้วร้านนี้ก็อร่อยมากด้วย”
“ที่จริงไม่เห็นคุณไทน์ต้องลำบากเลย”
“ไม่ลำบากหรอกครับ แล้วนี่ไอศูรย์คงออกไปทำงานนานแล้วสินะครับ”
“ครับ ออกไปที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว”
“สงสัยช่วงนี้เขาคงงานยุ่ง ผมกะว่าจะมาคุยด้วยเสียหน่อย เสียดายนะที่ไม่เจอกัน” ไทน์พูดปดออกไปอย่างแนบเนียน ในใจเขารู้ดีว่าคนที่อยากมาหานั้นไม่ใช่ไอศูรย์แต่เป็นคนตรงหน้าต่างหาก
 “คุณไทน์เชิญดื่มน้ำกินขนมก่อนเลยครับ” หวายเอ่ยเชื้อเชิญเมื่อสาวรับใช้นำเครื่องดื่มกับของว่างออกมาต้อนรับ
“คุณหวายเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายไอเหรอครับ” คำถามสำคัญจากปากของไทน์ทำเอาหวายอึกอักเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะถาม พอดึงสติได้ด้วยความรวดเร็วก็รีบตอบกลับไป
 “ใช่ครับ เป็นญาติห่างๆ กัน”
“ถึงว่าผมไม่เคยเห็นคุณหวายมาก่อนเลย”
“ผมเรียนอยู่ต่างจังหวัดครับ เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพไม่นาน พี่ไอเลยชวนผมมาอยู่ด้วยกัน” ไหนๆ ก็โกหกเขาไปขนาดนั้นแล้วหวายเลยไม่ลังเลที่จะแต่งเรื่องต่อแถมยังเรียกไอศูรย์ว่าพี่ไอด้วยความแนบเนียน
 “หมายความว่าหลังจากนี้ผมคงได้เจอคุณหวายบ่อยขึ้นสินะครับ” สายตาแพรวพราวเจ้าชู้จากไทน์ที่ส่งมาให้อย่างเปิดเผยทำเอาหวายอึดอัดเล็กน้อย
แต่เหมือนความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นเล็กๆ จะอยู่กับหวายได้ไม่นานเท่าไรเมื่อมีระฆังมาช่วยเอาไว้
“อ่ะแฮ่ม” เสียงกระแอมของใครบางคนทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งคุยกันที่โซฟาต้องหันไปมองแทบจะพร้อมกัน
“สวัสดีครับพี่ไทน์” ไอศูรย์เอ่ยทักทายชายหนุ่มรุ่นพี่ยิ้มๆ ตั้งแต่เลิกกับอารดา เขาไม่เห็นว่าไทน์จะมาหาถึงบ้าน วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมา
“กลับมาแล้วเหรอไอ” 
“พี่ไทน์มาหาผมหรือเปล่าครับ”
 “อืมใช่ แต่เห็นว่าไม่อยู่บ้านก็เลยนั่งคุยกับน้องเขาเนี่ยแหละ”
“อ่อ” ไอศูรย์กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ปรายตามองไปที่หวาย คุยอะไรกันนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ดูท่าทางหวายก็เต็มใจจะออกมาต้อนรับไทน์เสียเหลือเกิน
“คุยเรื่องอะไรครับพี่ไทน์”
“ก็เรื่องทั่วไปแหละไอ หวายเขาน่ารักดีนะ”
“เหรอครับ ปกติแล้วเวลาอยู่ที่บ้านหวายเขาไม่ค่อยคุยกับผมเท่าไร สงสัยจะคุยถูกคอกับพี่ไทน์”
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณไทน์” ในเมื่อเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว หวายเลยถือโอกาสปลีกตัวออกมาเพื่อที่ไทน์กับไอศูรย์จะได้คุยกันได้สะดวก
“จะรีบไปไหน” ไอศูรย์เข้ามาคว้าแขนบางเอาไว้เพื่อรั้งไม่ให้หวายหนีหน้าเขา ภาพนั้นทำเอาไทน์ที่นั่งสังเกตการณ์ถึงกับขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะครุ่นคิดในใจ
พี่น้องประสาอะไรกันวะ ไอ้ไอมันดูท่าทางหวงก้างนักหนา
พูดจาก็แปลกๆ!
“มีอะไร พี่ไอ”
 ไอศูรย์ปล่อยแขนบางออกจากการเกาะกุมก่อนจะอมยิ้มเมื่อคำเรียกขานแบบใหม่หลุดออกมา
ชอบว่ะ! ชอบเสียจนอยากจะให้เรียกเขาว่าพี่ไอไปตลอด แต่ก็เข้าใจว่าคงเรียกไปเพราะไทน์นั่งอยู่ด้วยและไม่อยากให้ไทน์สงสัยในสถานะที่แท้จริงของตัวเอง
“จะขึ้นห้องแล้วเหรอ”
“เปล่าครับ แต่ผมเห็นว่าพี่ไอกลับมาแล้วจะได้อยู่คุยกับคุณไทน์ได้อย่างสะดวก ผมก็จะไปทำงานของผมต่อด้วย”
“นึกว่านายไม่อยากเห็นหน้าฉันเสียอีก” ไอศูรย์กระซิบถามแค่พอให้ได้ยินกันสองคนก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติอีกครั้ง
“ไปชงกาแฟให้พี่หน่อยสิ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” รับปากจบก็ผละจากมา เพื่อตรงเข้าไปยังห้องครัวด้านหลัง
เมื่อคล้อยหลังเด็กหนุ่ม ไอศูรย์จึงหย่อนกายนั่งลงที่โซฟาตรงตำแหน่งที่หวายนั่งเมื่อสักครู่ เขาสังเกตเห็นกล่องขนมคัพเค้กวางอยู่ พอจะเดาออกกลายๆ ว่าไทน์คงจะเอามาให้คนของเขาแน่นอน
เออ ร้ายเหมือนกันเนอะ อ้างว่ามาหาเขา แต่ซื้อขนมมาให้หวาย
เมื่อคิดได้ดังนั้นหัวใจของเขาก็รุ่มร้อนแปลกๆ รู้สึกไม่อยากให้หวายไปคุยกับไทน์ หรือใครก็ตามที่ไม่ใช่เขา อดไม่ได้จะค่อนขอดในใจไปถึงคนที่หายไปทำตามคำสั่ง
เสน่ห์แรงจริงนะไอ้เด็กบ้า!
“งานคืนก่อนผมต้องขอบคุณพี่ไทน์อีกครั้งที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ฝีมือการออกแบบของพี่ไทน์นี่ตรงใจผมจริงๆ นะครับ” ไอศูรย์เปิดประเด็นพูดคุยถึงเรื่องอื่นเพื่อเลี่ยงที่จะยกเรื่องของหวายมาเป็นบทสนทนา
“ไอก็ชมกันเกินไป พี่แค่ทำตามแบบที่ไอต้องการนั่นแหละ” ชายหนุ่มตอบก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วปรายตามองไปรอบบ้าน พลันความคิดหนึ่งก็แล่นวูบเข้ามาในหัวทันที
“พี่ไม่ได้มาเสียนาน บ้านดูเงียบไปนะตั้งแต่เอยไม่อยู่” ไทน์เอ่ยไปถึงหญิงสาวอีกคน  ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ดีว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นแผนการของเขาทั้งหมด แผนการที่จะจับอารดามาทำเมียทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ได้พิศวาสผู้หญิงอ่อนแอขี้โรคเท่าไร
ถึงอารดาจะหน้าตาดี เรียกว่าน่ารักมากกว่าสวย แต่เธอไม่ใช่สเปคของเขาสักนิด เขาชอบผู้หญิงเจนจัด รู้งาน และเซ็กซี่เร้าใจ ก็แค่เห็นว่าถ้าได้แต่งงานกับเธอมันจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์ต่างๆ มากมายจากธุรกิจและทรัพย์สมบัติที่เธอครอบครองอยู่
อีกอย่างไอศูรย์รวยออกขนาดนี้ มีหรือที่เขาจะปล่อยให้อารดาหลุดมือไป
แต่ยัยนั่นก็ทำเสียแผนหมด!
 อารดาดันมาหาเขาโดยไม่บอกกล่าวเลยได้เห็นช็อตเด็ดที่เขากำลังนัวเนียกับสาวอกสะบึมสุดร้อนแรงอยู่บนเตียงในห้องนอน วันนั้นเธอขู่เขาว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอศูรย์
ไทน์เกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าอารมณ์โกรธเธอจะสงบลงและอธิบายให้อารดาเข้าใจว่าเขาเมา ไม่ได้ตั้งใจจะไปหิ้วสาวมานอนกกด้วย เพราะเธอคนนั้นขับรถมาส่งเขาจนตามมาถึงห้องนอน และขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะตัดสินใจขอเธอหมั้นหมายหลังจากนั้น เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าจะไม่นอกใจ แต่หญิงสาวกลับปฏิเสธหนำซ้ำยังพูดอีกว่าจะให้ไอศูรย์เลิกจ้างงานเขานับจากนี้
เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก
ผู้หญิงคนนั้นทำให้แผนเขาพังแถมยังมาขู่ซ้ำว่าจะแฉเขาจนหมดเปลือกถ้ายังไม่เลิกยุ่งวุ่นวายกับเธอ
คำพูดเจ็บแสบของอารดาทำให้เขาเกิดความแค้น
วูบหนึ่งของความคิดด้านมืดทำให้ไทน์ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป
ทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับใครมาก่อน
พอรู้ว่าตรีภพกับศรัณทำสำเร็จเขาก็แอบสะใจอยู่เล็กๆ
ใช่! เขารู้สึกสะใจที่ได้ทำร้ายคนที่ทำให้เขาแค้น
และตอนนี้เขาเองก็มีเป้าหมายใหม่ที่น่าสนใจกว่าอารดาหลายเท่า   
“พี่ไทน์”
“…..”
“พี่ไทน์ครับ”
“หืม”
“ผมเห็นพี่เงียบไป มีอะไรหรือเปล่า”
“อ่อเปล่า พี่คิดอะไรเพลินไปหน่อย แล้วเอยเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ยังเหมือนเดิมแหละครับ ผมพาเอยไปอยู่ต่างประเทศ จ้างพยาบาลที่นั่นคอยดูแลอย่างใกล้ชิด”
 “ดีแล้วล่ะไอ พี่เอาใจช่วยนะ อยากให้เอยหายกลับมาเป็นปกติ ถึงไม่ได้คบกันแล้ว แต่พี่ก็อดเป็นห่วงเอยไม่ได้อยู่ดี”
“ขอบคุณครับพี่ไทน์”
ไทน์กระตุกยิ้มมุมปากโดยที่ไอศูรย์ไม่ทันได้เห็นเพราะเขารับโทรศัพท์จากคนที่โทรเข้ามาพอดี พอพูดสายจบก็หันมาคุยกันอีกไม่นาน ชายหนุ่มรุ่นพี่ก็ขอตัวกลับบอกว่ามีงานออกแบบเครื่องเพชรที่ยังค้างอยู่




                                                .............................................


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เรื่องสนุกดีค่ะ แต่มีช่องโหว่หน่อยๆตรงเรื่องอำนาจบารมีพระเอก คือ ถ้าพระเอกมีอำนาจมากที่จะสืบหาเรื่องคนที่ทำร้ายน้องสาวได้ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงไม่รู้ละว่าต้นเรื่องมันมาจากใคร เพราะถ้าสืบจริงๆมันต้องรู้อยู่แล้วรึเปล่าหรือพอรู้ว่าเจอคนทำร้ายน้องแล้วก็สืบอยู่แค่นั้นไม่ตามต่ออีก เราว่าพลาดมากนะด้วยนิสัยพระเอกแล้วไม่น่าจะมาตายน้ำตื้นแค่นี้ เรื่องของหวายเองก็เหมือนกันถ้าสืบจริงต้องรู้สิว่าไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆกันอะ หรือรู้เลยกันหวายออกมาแทนงี้เหรอ เรื่องไทน์ด้วยหรือจริงๆคนเขียนวางไว้ว่าพระเอกรู้แล้วแต่ทำเนียนเพื่อตามสืบเรื่องต่องี้เหรอ ถ้าใช่นี่พระเอกดูแสดงได้เนียนดีนะ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ไทน์โคตรเลวร้ายมาก :z6: จ้าง 2 คนนั้นมาทำร้ายเอย แล้วตอนนี้ดันเล็งหวายไว้อีก พี่ไอจะรู้บ้างมั๊ย มีอำนาจประสาอะไร

ออฟไลน์ Taohoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-3
เอ่อ เราก็รู้สึกว่าคนแต่งตามใจตัวเองเกินไปอยู่นะจ๊ะ  :hao4:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อ่านเพลินเลยค่ะรู้ตัวอีกทีก็อ่านรวดเลย ทำไมเราพึ่งเห็นนิายเรื่องนี้นะ ถ้าไอรู้ความจริง ไทน์ตายแน่

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไอศูรย์ดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อไทน์สตาร์ทรถออกไปแล้ว ชายหนุ่มหันไปคว้าเสื้อสูทสีดำที่พาดอยู่ตรงพนักพิงมาถือพาดไว้บนไหล่หนา อาการหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ก่อตัวขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นกล่องคัพเค้กที่ยังวางอยู่บนโซฟา
หายหัวไปไหนของมันวะ!
นี่เขาใช้ให้ไปชงกาแฟหรือไปผลิตกาแฟกันแน่ จนป่านนี้ยังไม่ยกออกมาให้สักที
ไอศูรย์คว้ากล่องขนมขึ้นมาแล้วมุ่งเดินไปยังห้องครัวแต่กลับไม่พบใครในนั้น
หรือว่าหวายจะหลบขึ้นไปอยู่บนห้องนอน
ชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดมาทันที เคาะประตูห้องเพียงสองครั้งก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก
เด็กหนุ่มยืนมองเขาด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉยอยู่ตรงปากประตูก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูททำงานจะยื่นกล่องคัพเค้กมาให้ตรงหน้า
“เห็นว่านายไม่ได้หยิบมาด้วย ฉันเลยเอาขึ้นมาให้”
“ขอบคุณครับ” หวายรับของมาถือไว้แล้วนำไปเก็บบนโต๊ะอเนกประสงค์ที่อยู่กลางห้อง
“บ้านฉันก็ไม่ได้ใหญ่มากมายถึงขนาดที่นายจะหลบหน้าฉันได้ตลอดเวลาหรอกนะ” 
“ผมไม่ได้หลบหน้าคุณสักหน่อย”
“โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่”
“ผมคิดว่าคุณคงไม่ได้อยากดื่มกาแฟจริงๆ”
“นายเดาใจฉันเก่งขนาดนี้แล้วเหรอ” ไอศูรย์ถามยิ้มๆ
“งั้นเดี๋ยวผมไปชงให้แล้วกันครับ” หวายทำท่าจะก้าวออกมาทำตามหน้าที่ที่เขาสั่งแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาคว้าลำแขนเล็กๆ เอาไว้ได้ทัน
“ไม่ต้องไปแล้ว”
“โอเค”
“ฉันอยากคุยกับนาย”
“คุยกับผม?”
“ใช่”
 “เรื่องอะไรครับ” หวายรู้สึกว่าชายหนุ่มปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระแล้วเดินเข้ามาในห้องก่อนนั่งลงปลายเตียงด้วยท่วงท่าสบายราวกับเป็นห้องของตัวเอง แต่ถึงไม่ใช่ห้องของเขา ไอศูรย์ก็มีสิทธิ์เข้าออกได้ทุกห้องอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้
“สำหรับฉัน ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องอะไร ถ้าฉันอยากจะคุยกับนายก็คืออยากจะคุย”
“นั่นสินะ ผมลืมไปได้ยังไง”
“ฉันอยากให้นายเรียกฉันว่าพี่ เหมือนอย่างที่นายเรียกฉันต่อหน้าพี่ไทน์”
แม่งเยอะ!
หวายอยากพูดคำนี้ใส่หน้าเขา ร้ายกาจแล้วยังเอาแต่ใจเอาแต่ได้อีกด้วย ใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอย่างไอศูรย์มีแต่เสียกับเสีย
“นี่คุณกำลังขอร้องหรือว่าบังคับผมกันแน่”
“ก็แล้วแต่นายจะคิด”
“ผมไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น” หวายหลบสายตาคมๆ แต่แฝงความยั่วเย้าเอาไว้ บางทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าการที่พยายามหลบหน้าหลบตาและไม่อยากอยู่ใกล้นายอสูรเพราะเกลียดเขาหรือเพราะอะไรกันแน่
“งั้นนายก็ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ สู้ทำตามอย่างที่ฉันบอกง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“จะให้ผมเรียกคุณว่าพี่ก็ได้ แต่มันยังไม่ค่อยชิน”
“เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“แต่ผม…”
“ถ้านายยอมเรียกฉันว่าพี่ ฉันมีรางวัลให้”
“…..”
“แต่ถ้านายไม่ยอมพูด จากรางวัลที่ควรได้ จะกลายเป็นบทลงโทษแทน”
“ผมไม่เห็นว่าที่ผ่านมามันจะต่างกันตรงไหน” เรื่องจริงทั้งนั้น! เพราะตั้งแต่หวายมาอยู่ในคฤหาสน์ของไอศูรย์ เขายังไม่เห็นว่าจะได้รับรางวัลอะไรเลย เพราะไอ้รางวัลที่เขาพูดมาหวายคิดว่ามันไม่มีอยู่จริงสักอย่าง สุดท้ายก็ต้องอาศัยเล่ห์เหลี่ยมสารพัดมาบีบบังคับให้คนอื่นทำตามใจตัวเองอยู่ดี
เอาที่สบายใจมึงเลยแล้วกันเชี่ยพี่ไอ!





                                                      ...............................




นักศึกษาหลายคนกำลังทยอยเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยเอกชนในตอนค่ำ ไม่ต่างจากหวายที่กำลังเดินออกมาจากตึกคณะบริหารธุรกิจด้วยความเร่งรีบจนเหงื่อเปียกชุ่มเสื้อนักศึกษา หลังจากหายเข้าไปส่งรายงานในห้องพักอาจารย์อยู่หลายนาที ไหนยังต้องมาลุ้นว่างานจะถูกตีกลับมาแก้ไขหรือเปล่า แล้วหวายก็โดนอาจารย์ประจำวิชาซักแบบละเอียดยิบ โชคดีที่เขาเตรียมตัวมาพร้อมและตอบคำถามของอาจารย์ได้หมดทุกข้อ แถมยังได้รับคำชื่นชมว่าวิเคราะห์ออกมาได้ดีเยี่ยม
เมื่อเห็นว่ามันผิดเวลากลับบ้านไปมากพอสมควร แถมยังไม่ได้โทรฯไปรายงานไอศูรย์เหมือนที่เคยทำ หวายเลยได้แต่ถอนใจออกมา สีหน้าเหนื่อยๆ ล้าๆ อยากกลับไปล้มตัวนอนเป็นบ้าแล้วตอนนี้ แต่พอแหงนมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬไปแล้ว รู้สึกถึงความกังวลที่เข้ามาแทนที่ ฝนคงลงเม็ดใหญ่ในอีกไม่ช้าละมั้ง แล้วฝนตกทีไรถนนก็กลายเป็นอัมพาตเมื่อนั้น
หากเมื่อเท้าเล็กๆ เดินเรื่อยมาถึงบริเวณลานจอดรถของคณะบริหารฯ ซึ่งมันเป็นทางเชื่อมไปสู่ประตูรั้วทางออกด้านหลังมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มถึงกับชะงักฝีเท้าลงเมื่อพบใครบางคนยืนพิงรถสปอร์ตคันหรู สองมือของเขาสอดลงกระเป๋ากางเกงยีนแบรนด์เนมก้มหน้ามองพื้นถนนเหมือนกำลังรอคอยใครบางคน
มิน่าเล่าฝนถึงได้ทำท่าจะตกลงมาห่าใหญ่!
ร้อยวันพันปีไอศูรย์เคยมาดักรอเขาที่มหาวิทยาลัยเสียที่ไหนกัน
น่ากลัวว่านอกจากฝนจะตกหนักแล้วฟ้าคงผ่าลงมากลางรถสปอร์ตราคาแปดหลักของเขาด้วยมั้ง
“คุณมาทำอะไรแถวนี้” ก็ไม่รู้จะเริ่มคำถามแบบไหนก่อนดี ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแล้วล่ะว่าเขาเอารถสปอร์ตมารับใคร
“พานายไปขายมั้ง”
“อ่อ เหรอครับ” ในเมื่อเขาเล่นมุกมา หวายก็เลยตบมุกกลับ
 “ไม่ต้องทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้นหรอก ฉันมารับกลับบ้าน” คนพูดดึงประตูรถสปอร์ตเปิดออก เหมือนเป็นการบังคับให้เด็กในปกครองของเขาเข้าไปนั่งโดยไม่อยากฟังคำถามอะไรให้มากความ
   “ฉันจอดรถตรงนี้นานไม่ได้หรอกนะ รีบขึ้นมาได้แล้ว”
เมื่อเห็นว่าเขาเร่งเร้าหวายจึงก้าวเข้าไปนั่ง ตอนนี้ก็ยังงงๆ อยู่ว่าไอศูรย์นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมาถึงต้องขับรถมารับด้วยตัวเอง




                                                      ....................................



   รสปอร์ตคันสีขาวแล่นมาในบริเวณบ้านก่อนไอศูรย์จะส่งให้คนขับรถประจำตำแหน่งไปเลื่อนรถเข้าโรงจอดอีกที
   หวายรีบก้าวยาวๆ ลงจากรถมุ่งหน้าขึ้นมาบนห้องนอนเตรียมปิดประตูแล้วล็อกกลอนแต่มือหนาของไอศูรย์กลับดันบานประตูให้เปิดออกกว้าง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาด้านในเหมือนรู้ทันความคิดของอีกฝ่ายว่าอยากหลบหน้าเขาอีกแล้ว
   “กลัวฉันขนาดนั้นเลยหรือไง”
   “ผมไม่ได้กลัว”
   “แล้วทำไมต้องหลบหน้าฉันด้วย”
   “ผมเหนื่อย เลยอยากอาบน้ำนอน แต่ถ้าคุณมีอะไรจะใช้ผมล่ะก็ ผมขอเวลาอาบน้ำแค่แป๊บเดียว” หวายวางกระเป๋าเป้ลงบนที่นอนแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาพาดไหล่
   “ไม่หิวข้าวหรือไง”
   “ไม่ครับ”
   “แต่ฉันหิว”
   “คุณก็ไปกินข้าวสิ”
   “ฉันกินอยู่แล้ว”
   “…..”
   “แต่นายต้องไปกินกับฉันด้วย” ไม่พูดเปล่า ซ้ำร้ายไอศูรย์ยังส่งรอยยิ้มอย่างเป็นต่อ ก่อนย่างสามขุมเข้ามาใกล้ แล้วดันร่างของหวายจนชิดกำแพงห้อง
   “หรือไม่งั้นนายก็ต้องถูกฉันกินเป็นอาหารเย็น”
   บางครั้งอสูรแม่งก็เหมือนเด็กเอาแต่ใจว่ะ 
หวายคิดว่าอย่างนั้น…





                                                     ..................................


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

ตอนนี้ที่เพจมีกิจกรรมแจกหนังสือจำนวนสามเล่มนะคะ แวะเวียนไปร่วมสนุกกันได้ค่ะ

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
เกลียดอิพี่ไทน์
คนอะไรเล้วเลว
คุณอสูร ไปรับมาขนาดนี้แล้ว
กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวไปเลย
ชงๆๆๆ

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
       ไทน์กลับเข้าห้องพักของตัวเองในเวลาดึกดื่น หลังจากที่ชายหนุ่มออกไปเริงร่าและดื่มด่ำอยู่ในผับหรูย่านทองหล่อเป็นเวลายาวนาน มือสั่นๆ ไขกุญแจห้องก่อนเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อแทรกตัวเองเข้ามาแล้วปิดล็อกลงกลอนอย่างดี  คอนโดมิเนียมชุดสุดหรูแห่งนี้ที่เขาซื้อไว้อยู่อาศัยไม่ชอบพาเพื่อนฝูงมาปาร์ตี้ที่ห้องเท่าไหร่ นอกจากชายหญิงที่เขาหิ้วมานอนด้วยเป็นครั้งคราว
   ชายหนุ่มเตรียมคว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำชำระร่างกาย อาการมึนเมาทำให้เขารู้สึกเบลอไปหมด หากใบหน้าหวานๆ ของเด็กหนุ่มคนนั้นกลับลอยเข้ามาให้นึกถึง ไทน์รู้สึกใจเต้นแรงและสั่นสะท้านไปหมด ชายหนุ่มโยนผ้าขนหนูทิ้งลงไปบนเตียงอย่างไม่ใยดี เขาหยิบแผ่นวีดีโอหนังเรทอาร์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนก้าวขึ้นเตียงนอน
   ร่างสูงมองภาพเคลื่อนไหวที่ฉายชัดอยู่ในจอLCD มือหนาไม่รอช้ารีบจัดการปลดตะขอกางเกงสแล็คสีดำแล้วรูดซิปลงมาจนเผยให้เห็นของสงวนที่เริ่มตื่นตัว มือร้อนคอยขยับขึ้นลงมันอย่างช้าๆ ก่อนเร่งจังหวะ เมื่อสายตายังคงเพ่งมองไปยังหน้าจอตรงหน้า หากในจินตนาการของชายหนุ่มตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยใบหน้าของหวาย เด็กหนุ่มที่เขารู้สึกถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น…







   หวายนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เขาพยายามข่มตาให้หลับลงแล้ว สลัดความคิดที่ตีกันวุ่นวายออกไปจากสมองแต่ก็ยังทำไม่ได้สักที ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนถึงจะหลับสนิทได้ในคืนนี้
   เด็กหนุ่มยันกายลุกขึ้นจากที่นอนนุ่ม เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงให้พอมีแสงสว่างรำไรในห้องนอน หมอนข้างสีขาวถูกดึงมากอดแนบอกพร้อมเสียงผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อคำพูดวาบหวามยั่วเย้าของไอศูรย์กับท่าทางที่แสดงออกว่ารุกเขามากขึ้นวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
   ไม่! ต้องไม่คิดอะไรทั้งนั้น
   ท่องไว้ไอ้หวาย
   ไม่ว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องข่มตาหลับให้จงได้!








   ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่แสนเงียบเหงาของหวาย เขาไม่ได้ออกไปไหนได้ตามอำเภอใจอย่างเพื่อนคนอื่นๆ ต้องหยิบจับงานบ้านสารพัด พอเสร็จจากงานก็ออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน
   ดวงตากลมกำลังเหม่อลอยกับเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ประมวลได้ว่ามีแต่ความบัดซบเสียส่วนใหญ่ ชีวิตของเขาคล้ายๆ กับซินเดอร์เรลล่าเลยแฮะ อยู่กับแม่เลี้ยงและพี่ชาย ทำงานบ้านจนตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ถูกกดขี่ก่นด่าสารพัด แต่ก็ยังอดทนมาได้ทุกวัน
ซึ่งมันมีข้อแตกต่างกันอยู่ว่า ซินเดอร์เรลล่าน่ะมีเจ้าชายมาพาไปอยู่ด้วยในวัง แต่เขาดันถูกอสูรร้ายพามาจองจำเอาไว้ในคฤหาสน์
น่าตลกชะมัด แต่ขำไม่ค่อยออก
หากแต่เพียงไม่กี่อึดใจเด็กหนุ่มก็ต้องรีบหลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงกระแอมของใครบางคนดังขึ้น
   “นั่งเป็นหมาเหงาเลยนะ”
   สาบานว่าคือคำทักทายที่ระรื่นหูที่สุดของอสูร!
   นี่แหละความบัดซบที่มาเยือนถึงที่แต่หัววัน
   “คุณมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ”
“ฉันเป็นเจ้าหนี้ที่ดูโหดร้ายมากเลยหรือไง ถึงได้ตั้งคำถามซ้ำซาก” ไอศูรย์แค่นยิ้มออกมา เขามองดวงหน้าหวานจากเสี้ยวหน้าด้านข้างเพราะอีกฝ่ายเอาแต่หลบหน้าหนีเขาไปมองต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่รู้เหมือนกันว่าน่าสนใจกว่าเขาตรงไหน
   “มาอยู่บ้านฉันนายเหงาหรือเปล่า”
“ผมชินแล้ว”
“ก็แสดงว่าเหงา”
 “คุณจะสนใจผมทำไม” หวายถามขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเขา ไอศูรย์ไม่ได้พูดอะไร นอกจากถือโอกาสทิ้งตัวลงข้างๆ ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเขามากแล้วกระเถิบกายมาเบียดใกล้ๆ จนหวายจะตกจากม้านั่งอยู่รอมร่อ
   “อยากนั่งบนตักไหม ฉันอนุญาต”
   “ไม่เป็นไรดีกว่า ผมว่าจะไปทำงานต่อ” หวายลุกขึ้นทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่แค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกมือหนาฉุดให้กลับลงมาที่เดิมแต่ดันเสียหลักล้มลงบนตักของคนตัวโตกว่าซะงั้น
   “เฮ้ย”
   “จะตกใจอะไรนักหนา”
   “คุณไม่กลัวใครมาเห็นหรือไง”
   “นายมากกว่ามั้งที่กลัว แล้วอีกอย่างถ้าฉันไม่รั้งนายเอาไว้ นายก็จะเดินหนีฉันไปอีก”
   “ผมบอกแล้วไงว่ามีอะไรต้องทำ”
   “งานที่ฉันไม่ได้สั่งนายไม่ต้องขยันมากหรอก”
   “…..”
   “อยากออกไปข้างนอกหรือเปล่า” ไอศูรย์ถามคนที่ลุกออกจากตักของเขา หูแดงหน้าแดง อาการเก้อเขินที่เด็กนั่นแสดงออกน่ารักไม่เบา
   ชอบว่ะ!
   “ผมไปได้ด้วยเหรอ”
   “ได้สิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
   “อะไร?” ผู้ชายอย่างไอศูรย์ย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอไม่ว่าเรื่องไหน เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายจนหวายนึกกลัว
   “ฉันอยากกินข้าวฝีมือนาย ออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตหน่อยแล้วกัน ค่อยกลับมาทำมื้อเย็นให้ฉันกิน”
   ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คสีกรมท่าราคาแพงที่เข้าชุดกับเสื้อโปโลสีขาวแขนสั้น ส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นหวายพยักหน้ารับว่าจะทำให้
   “การซื้อของให้ฉันไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนหรอก”
   “แล้วงั้นคุณอยากได้อะไร” หวายเกือบจะร้องอ้าวออกไป นี่เขาเข้าใจผิดเหรอเนี่ย
   “เรียกฉันว่าพี่ นับจากนี้ไป”
   “……”
   “ฉันเคยขอไปแล้ว นายเองก็รับปาก จนตอนนี้ยังไม่เห็นเรียกสักที”
   “ทำไมคุณถึงอยากให้ผมเรียก”
   “เพราะว่า…ฉันชอบ” ไอศูรย์ย้ำคำว่าชอบ นัยน์ตาประกายวิบวับ จนหวายรู้สึกว่ามือไม้ตัวเองมันเกะกะไปหมด
“ก็ได้ครับ”
“ลองเรียกสิ”
“พี่ไอ” หวายเรียกชื่อเล่นของเขาแล้วก็ยังรู้สึกแปลกๆ เพราะครั้งนี้ไม่ใช่การเล่นละครตบตาใครว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเหมือนตอนที่ไทน์มาหาที่บ้าน
ไม่ชิน มันไม่ชินจริงๆ แหละโว้ย… มันเหมือนความสัมพันธ์ของเขากับผู้ชายคนนี้ขยับขึ้นมาอีกขั้นยังไงไม่รู้ ทั้งที่ในความเป็นจริงก็เป็นได้แค่เบ๊ของเขาเท่านั้น
“เวลาที่นายไม่ดื้อก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” ไอศูรย์วางมือลงบนศีรษะทุยนุ่มเบาๆ แล้วอมยิ้ม ส่วนหวายได้แต่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็เกือบนาทีก่อนจะขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของตามที่เขาต้องการ






                                            .........................................






เรื่องนี้วางจำหน่ายในรูปแบบอีบุ๊คแล้วนะคะ >>>>> "https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjczMjI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTgzNTAiO30"


ติดตามความเคลื่อนไหวที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่ไออยากได้นู้นได้นี่จากน้องหวายแต่ชอบทำเหมือนบังคับตลอดเลย เดี๋ยวน้องไม่รักนะ o18

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
       หวายรีบลงมือจัดการทำอาหารมื้อค่ำด้วยความรวดเร็ว หลังจากออกไปตระเวนซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตช่วงบ่าย โดยมีคนขับรถของไอศูรย์คอยเดินตามถือของให้ทั้งที่หวายบอกว่าจะขึ้นรถโดยสารประจำทางไปเองคนเดียวน่าจะสะดวกกว่า แต่ไอศูรย์ไม่ยอม เขาบอกกลัวหวายไปเถลไถลแล้วกลับมาช้าจนปล่อยให้เขาแขวนท้องรอกินข้าว
   ตั้งแต่มาอยู่ในบ้านของเขา หวายรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ทำอาหารสักเท่าไร เพราะเจนรับหน้าที่เสียส่วนใหญ่ ส่วนเขาหยิบจับงานอย่างอื่น หรือตามแต่ที่ไอศูรย์อยากให้ทำตามความปรารถนา
   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างเงียบเหงา  หวายก้มหน้าก้มตาตักอาหารกินโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองผู้ร่วมโต๊ะสักนิด ผิดกับอีกคนที่กลับลอบมองหวายอยู่บ่อยๆ และแทบไม่ได้แตะต้องอาหารในจานสักเท่าไร
   “นายทำกับข้าวรสชาติไม่เลวนี่”   
   “ขอบคุณครับ” หวายตอบเพียงสั้นๆ สงสัยหิมะตกในประเทศไทยอีกไม่ช้าเพราะไอศูรย์เอ่ยปากชมเขา ปกติแล้วมีแต่จะหาเรื่องต่อว่าหรือชวนทะเลาะมากกว่า
   “เรียนเป็นยังไงบ้าง”
   “ก็ดีครับ”
   “การบ้านเยอะหรือเปล่า”
   “เยอะครับ”
   “ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
   “ครับ”
   “นายเริ่มชินกับการที่อยู่ในบ้านของฉันหรือยัง”
   “ครับ”
   “นายจะตอบให้มันยาวกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง”
“ก็ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไง คุณถามอะไรมาผมก็ตอบไปแบบนั้น หรือคุณอยากได้คำตอบแบบไหนถึงจะถูกใจ”
“แบบนี้สิค่อยสมเป็นนายหน่อย เมื่อกี้มันเหมือนผีตายซากมากกว่า ฉันนึกว่าวิญญาณออกจากร่างไปแล้วเสียอีก” ไอศูรย์ยิ้มขันที่เห็นหวายหน้าหงิกหน้างอ
นี่เขาโรคจิตหรือเปล่า ถึงได้อารมณ์ดีกว่าปกติเวลาแกล้งเด็กคนนี้เล่น
   “นายลืมข้อตกลงของเราสองคนไปแล้วหรือไง”
   “เรื่องอะไรล่ะครับ”
   “ที่บอกจะเรียกฉันว่าพี่”
   “ผมไม่ได้ลืม”
   “แล้วทำไมไม่เรียก?”
    “ก็บอกแล้วไงว่าผมยังไม่ชิน”
   “ก็ฉันบอกแล้วไง อีกไม่นานนายจะชินไปเอง”
   “พี่ไอ พอใจรึยัง”
   “พอใจมาก” ไอศูรย์ระบายรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนลงมือกินอาหารของตัวเองต่อ
   มีความสุขจริงโว้ย!











   หลังอาหารค่ำไอศูรย์นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาภายในห้องรับแขกเพียงลำพัง เขากดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อยเพราะเห็นว่ายังไม่มีรายการไหนที่น่าสนใจ ส่วนหวายพอกินข้าวเสร็จก็เก็บจานชามไปล้างในครัวแล้วหนีหน้าหายขึ้นไปบนห้องอีกตามเคย
   พักหลังๆ มานี้ในหัวสมองของเขามีแต่เรื่องของหวายเข้ามาวนเวียนไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มไม่มีสมาธิจะดูอะไรแล้ว เขากดรีโมทปิดทีวี เตรียมตัวขึ้นชั้นบนไปพักผ่อนบ้างเมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็ดึกมากพอสมควร หากยังไม่ทันพาตัวเองไปถึงบันไดขั้นแรก อลงกรณ์ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นกับบางเรื่องที่ได้ทราบข่าวมาหมาดๆ เพราะทางนั้นบอกว่าติดต่อไอศูรย์แล้วแต่ชายหนุ่มไม่รับสายเลยโทรศัพท์มาแจ้งกับเขาเอง
   “คุณไอศูรย์ครับ”
   “ว่าไง”
   “คุณ…”
   “…..”
   “คุณเอยฟื้นแล้วครับ!”
   






   อารดาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เธอหลับไปนานมาก เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการพร่าเลือน หัวสมองยังสับสนมึนงงไม่หาย แต่ก็ได้รับการบำบัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พี่ชายของเธอทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อให้อารดากลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปได้อีกครั้ง
   และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หญิงสาวก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านในประเทศไทย โดยที่ไอศูรย์มอบหน้าที่การดูแลน้องสาวให้กับหวาย ฝ่ายนั้นก็ตกปากรับคำด้วยความเต็มใจ อารดาดีขึ้นเรื่อยๆ พูดคุยได้ปกติ นับว่าเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิตสำหรับไอศูรย์เลยก็ว่าได้ 
   อารดารู้สึกถูกะตากับหวายเป็นอย่างมาก เธอออายุมากกว่าเด็กหนุ่มห้าปี แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากเท่าไรว่าหวายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ฐานะอะไร ไอศูรย์พูดเพียงว่าจ้างมาดูแลเธอก็เท่านั้น
   หวายกลับเข้าห้องนอนของตัวเองตอนค่ำๆ เมื่อเห็นว่าอารดากลับเข้าห้องพักไปเรียบร้อยแล้วจึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น ไม่นานก็ออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ หากแต่เขายังไม่รู้สึกง่วงนอนสักเท่าไรจึงเดินลงมาชั้นล่าง หามุมนั่งเล่นในสวนสวย เห็นลูกน้องของไอศูรย์หน้าประตูรั้วสองคนยังคงทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความขยันขันแข็ง เมื่อรถคันหรูของชายหนุ่มแล่นมาจอดด้านใน
   ไอศูรย์ก้าวลงมาจากรถยนต์ โดยมีอลงกรณ์คอยเปิดประตูให้ เขาเดินเข้ามาหาหวายเพราะเห็นไกลๆ ว่ามีคนนั่งอยู่ในสวนดอกไม้เล็กๆ
   “มานั่งทำอะไรคนเดียวมืดๆ”
   “ผมยังไม่ค่อยง่วง ก็เลยออกมานั่งเล่นแถวนี้”
   “นึกว่าออกมานั่งรอพี่ซะอีก” ไอศูรย์อมยิ้ม เห็นหวายทำตาโตส่ายหน้าปฏิเสธเขาเป็นพัลวัน
   ยังมีอีกเรื่องที่หวายรู้สึกว่าเป็นความเคยชินตั้งแต่อารดาฟื้นขึ้นมา คือการที่ไอศูรย์แทนตัวเองว่าพี่
   มันทำให้โหมดโหดของเขาดูซอฟท์ลงมาก
   “ผมไม่รู้ว่าพี่จะกลับตอนไหน แต่ถึงผมรู้ว่าพี่กลับตอนไหน ผมก็คงไม่ได้มานั่งรอ”
“ตอบตรงดีนะ” ไอศูรย์ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ  ตั้งแต่อารดากลับมาอยู่ที่บ้านรู้สึกว่าอารมณ์ของเขาจะเย็นลงมากพอสมควร ความโกรธแค้นทั้งหลายแทบจะหายไปจนหมด
บางทีเขาเองก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำกับความแค้นพวกนั้น แต่ก็ยังได้ข่าวว่าศรัณตกงาน ชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ถึงขั้นอดมื้อกินมื้อ
ก็สาสมกันแล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วเขาเองก็ไม่อยากจองเวรมันแล้วด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน…
   “เอยเป็นยังไงบ้างวันนี้”
   “เธอดีขึ้นนะครับ วันนี้ผมพาออกมาเดินเล่นรับลมข้างนอก” ตอบโดยไม่ได้หันไปมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะรวบรวมความกล้าหาญถามเรื่องสำคัญที่ค้างคามาเนิ่นนานว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของเขา
   ไอศูรย์ไม่เคยเล่าให้ฟังสักครั้ง
   “ทำไมเธอถึงเป็นแบบนั้น”
   “เรื่องมันยาว” ชายหนุ่มบอกเสียงขรึม คิดอยู่เหมือนกันว่าวันหนึ่งหวายคงต้องถามเขาแน่ๆ
   “เล่าให้ผมฟังได้หรือเปล่า”
   “หวายอยากรู้จริงๆ น่ะเหรอ”
   “ครับ”
   “เอยถูกข่มขืน” เสียงของไอศูรย์พร่าสั่น แววตาปวดร้าว ราวกับไม่อยากเอ่ยถึงมัน หวายหันมามองหน้าเขาด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าอารดาจะเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น
   รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ถามเขา
   “ขอโทษนะ ผมไม่น่าถามเลย”
   “ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้”
   “เธอเก่งมากที่อดทนมาได้ขนาดนี้”
   “อยากรู้ไหมว่าใครทำ”   
   “ถ้าพี่สบายใจที่จะบอกผม ก็บอกมาเถอะ”
   “พี่ชายของหวาย”
   “ไอ้เชี่ยพี่กายน่ะเหรอ”
   “ใช่”
   “ไอ้เลว ทำไมมันทำแบบนี้วะ!” หวายตัวสั่นมือสั่นไปหมด ถึงศรัณจะเลวระยำเคยตบตีรีดไถเงินเขาแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวถึงขนาดข่มขืนผู้หญิงได้
   ไอ้ชั่ว!
   ทำไมมันไม่ตายๆ ไปซะเลยวะ
   อยู่ไปก็รกโลกเปล่าๆ
   “ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้” หวายรู้สึกช็อค ลำคอตีบตัน พูดไม่ออก เพราะอย่างนี้เองไอศูรย์เลยทำให้ศรัณไม่มีที่ซุกหัวนอน ชีวิตตกต่ำไม่ต่างจากหมาข้างถนน มันจนตรอกถึงขนาดเอาน้องชายตัวเองมาเป็นที่รองมือรองเท้าไอศูรย์เพื่อแลกกับหนี้สินมหาศาลที่มันไปสร้างเอาไว้
   “เรามีกันสองคนพี่น้อง ช่วงที่พ่อกับแม่เสียไป เอยก็ยังทำใจไม่ได้อยู่หลายวัน พี่เป็นเสาหลักของบ้าน ทำงานส่งเสียน้องเรียน เอยเป็นเด็กขี้อ้อน ไม่เคยดื้อกับพี่ไม่ว่าเรื่องไหน การที่เอยถูกย่ำยีทำให้พี่อยากเอาคืนพวกมัน”
   “ทำไมพี่ไม่แจ้งความ”
   “พี่ไม่อยากให้เอยขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยคดีอื้อฉาวแบบนี้ สภาพจิตใจเธอรับไม่ได้แน่ๆ เลยต้องใช้ศาลเตี้ยพิพากษาคนที่มันทำกับน้องสาวพี่เอาไว้”
   “…..”
   “อยากรู้เรื่องนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ”
   “ทำไมวันนี้พี่ถึงยอมเล่าให้ผมฟัง”
   “ก็…”
   “…..”
   “การที่เราอยากเล่าเรื่องสำคัญให้ใครสักคนฟัง นั่นหมายความว่าเราเชื่อใจในคนคนนั้นไง” หวายเห็นไอศูรย์ยิ้มบางๆ ให้ เป็นรอยยิ้มที่ปราศจากความเจ้าเล่ห์ ความน่าหมั่นไส้ และความร้ายกาจใดๆ เป็นรอยยิ้มที่หวายรู้สึกหัวใจมันพองโต อยากเข้าไปกอดปลอบเขา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนั้น แต่อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าบ้านไปแล้วแบบเงียบๆ




                                               ..............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เอยฟื้นแล้ว จะเจอไอ้เลวนั่นทำอะไรอีกป่าวนิถ้ามันรู้ว่าเอยฟื้น พี่ไอดูน้องด้วยทั้ง 2 คนเลย

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
         อารดาเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เธอรู้สึกว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้นมากหลังจากที่กลับมาพักฟื้นได้หลายสัปดาห์ แม้สภาพจิตใจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเพราะเรื่องเลวร้ายมีลอยๆ เข้ามาในหัวบ้างเป็นบางครั้งจนต้องหาอะไรทำเพื่อลืมมัน
   หญิงสาวเดินลงมาจนถึงห้องโถงใหญ่ เธอทรุดกายนั่งลงบนโซฟาตัวสวยเห็นอลงกรณ์เดินมาหา ฝ่ายนั้นกลับไปเอาเอกสารสำคัญมาให้เธอตรวจดูหลังจากที่หญิงสาวห่างหายจากการทำงานไปเป็นเวลายาวนาน
   “นี่ครับคุณเอย” อลงกรณ์ยื่นแฟ้มงานมาตรงหน้า
   “ขอบคุณค่ะ”
ร่างสูงของชายหนุ่มโค้งศีรษะให้ เตรียมขยับกายถอยห่างออกไป แต่แล้วดูเหมือนว่าอารดาจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้เพราะเป็นเรื่องที่คาใจมานานแต่ไม่เคยถามใครสักที
   “เอยมีเรื่องอยากจะถามหน่อยน่ะค่ะ”
ร่างสูงชะงักฝีเท้า หันกลับมาสบตาหญิงสาวที่ดูสีหน้าจริงจัง ซึ่งอลงกรณ์ก็เดาไม่ออกว่าเธอมีเรื่องสำคัญอะไรจะถามเขา
   “ครับ คุณเอย”
   “หวายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้นานหรือยังคะ”
   “ก็…นานแล้วนะครับ” อลงกรณ์อึกอักตอบไป ไม่คิดว่าอารดาจะถามเขา แล้วเขาก็ไม่อยากเอาเรื่องของไอศูรย์กับหวายมาพูดสักเท่าไร กลัวเจ้านายจอมโหดจะอัดเขาจนน่วมโทษฐานที่ปากพล่อย
   “พี่ไอแค่จ้างหวายมาดูแลเอยเฉยๆ เหรอคะ” ที่อารดานึกสงสัยเพราะเธอแอบเห็นสายตาของไอศูรย์มองหวาย มันไม่ใช่สายตาของเจ้านายมองลูกน้องแต่อย่างใด แต่มันเป็นสายตาของคนที่รู้สึกสนใจในคนคนนั้นมากกว่า
   สายตาของความเสน่หา
   เธอกับพี่ชายโตมาด้วยกัน เรื่องนี้ทำไมจะดูไม่ออก แต่พอจะถามจากไอศูรย์ทีไรฝ่ายนั้นก็ไม่อยู่ให้เธอได้ถามให้รู้ความ ขอตัวไปทำงานตลอด ส่วนหวายก็ดูบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ แถมยังเปลี่ยนเรื่องคุยเอาดื้อๆ
   “เรื่องนี้ผมว่าคุณเอยถามจากคุณไอศูรย์เองดีกว่า ผมขอโทษนะครับ”
   “ไม่เป็นไรค่ะ เอยเข้าใจ”
   “ครับ” อลงกรณ์โค้งศีรษะแล้วขอตัวกลับไปทำหน้าที่อย่างอื่นต่อ หญิงสาวได้แต่นั่งถอนหายใจเบาๆ คิดว่าน่าจะได้เรื่องอะไรบ้าง สุดท้ายก็ไม่มีใครให้คำตอบเธออยู่ดี









   อารดาเคาะประตูห้องทำงานของพี่ชายสองครั้งก่อนได้ยินเสียงอนุญาตจึงเปิดเข้าไป เห็นเขากำลังทำงานอยู่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
   “งานยุ่งเหรอคะพี่ไอ” เธอถามด้วยความห่วงใย เพราะเห็นไอศูรย์โหมงานหนักมาหลายวันแล้วไม่ค่อยได้พักผ่อน
   “ก็นิดหน่อย เอยมีอะไรกับพี่หรือเปล่า” ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้หลังจากที่เขาพักหน้าจอคอมพิวเตอร์เอาไว้ ก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับน้องสาวแล้วลูบศีรษะทุยนุ่มของเธอด้วยความเอ็นดู
   “พี่ดีใจนะที่เอยดูหน้าตาสดใสขึ้นเยอะเลย”
   “เอยได้กำลังใจดีจากพี่ไอไงคะ”
   “เห็นลูกน้องพี่บอกว่าเอยจะกลับมาทำงาน พี่ว่าเอยพักผ่อนก่อนดีไหม” ไอศูรย์รีบปรามน้องสาว อันที่จริงต่อให้อารดาไม่ต้องทำงานอะไรเลยเขาก็มีปัญญาเลี้ยงเธอให้สบายไปทั้งชาติได้ไม่ยาก
   “ไม่ดีกว่าค่ะ เอยพักมาเยอะแล้ว”
   “อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”
   “ตอนนี้ยังค่ะ เอยอยากอยู่กับพี่ไอมากกว่า” อารดาสวมกอดร่างพี่ชาย ซุกซบใบหน้าลงบนอกอุ่นของเขาที่เธอห่างหายมานาน ไอศูรย์อมยิ้มในความขี้อ้อนเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ
   “มาอ้อนพี่แบบนี้อยากได้อะไรเนี่ย”
   “เอยอยากให้พี่ไอมีความสุขค่ะ” อารดาเงยหน้าบอกเขา สีหน้าดูจริงจัง
   “หืม? พี่ก็ไม่ได้ทุกข์อะไรนี่ ดีใจเสียอีกที่เอยกลับมาหาพี่”
   “ไม่ใช่เรื่องของเอยสักหน่อย”
   “แล้วเรื่องของใคร”
   “หวายไงคะ”
   “เด็กนั่นมาเกี่ยวอะไรด้วย” ไอศูรย์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าอารดากำลังจะบอกอะไรเขา เธอมองหน้าพี่ชายแล้วยิ้มน้อยๆ แบบมีเลศนัย
   “พี่ไอไม่รู้จริงๆ เหรอคะ”
   “อืม”
   “พี่ไอไม่รู้สึกอะไรกับหวายเลยเหรอคะ”
   “ก็รู้สึกว่ามันดื้อไง ชอบเถียงพี่ บางครั้งก็ช่างประชดประชันจนน่าตี แต่พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรคอยแต่หลบหน้า”
   “นั่นสิคะ ถ้าเป็นลูกน้องคนอื่นพี่ไอคงไม่เก็บไว้นานขนาดนี้ คงไล่ออกตั้งแต่สามวันแรกที่เข้ามาทำงาน เพราะพี่ไอไม่ชอบคนที่ทำอะไรขัดใจไม่ใช่เหรอคะ” ไอศูรย์หันไปมองน้องสาว สีหน้าของเขาเหมือนเด็กขโมยของที่ถูกจับได้ ก่อนกลบเกลื่อนทำทีไม่สนใจในประเด็นดังกล่าว
   “เอยไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ถ้าหวายดูแลเอยบกพร่องยังไงเอยมาบอกพี่ได้เลยนะ พี่จะจัดการให้”
   “พี่ไอจะไล่หวายออกใช่ไหมคะ”
   “…..”
   “เอยมั่นใจว่าต่อให้หวายดูแลเอยไม่ดีหรือทำอะไรผิดพี่ไอก็ไม่ไล่หวายออกไปจากบ้านหลังนี้หรอก”
“เอยพูดอะไรเนี่ย”
“ก็พูดความจริงไงคะ ถึงเอยจะไม่รู้ที่มาที่ไปของเขา แต่เอยรู้ใจพี่ไอนะคะ ว่าจริงๆ พี่ต้องการอะไร” อารดาลุกจากโซฟาเตรียมออกจากห้องทำงานของพี่ชาย กำลังจะก้าวไปพ้นประตูแล้วหันกลับมาเอ่ยประโยคสุดท้าย
   “ชอบเขาก็บอกไปเลยค่ะ เก็บเอาไว้คนเดียวแบบนี้เขาไม่มีทางรู้หรอกนะ ว่าจริงๆ แล้วพี่คิดยังไง”
   อารดาเดินออกไปจากห้องของเขาแล้วกับประโยคสุดท้ายที่ทำให้หัวใจของอสูรหนุ่มสูบฉีดเต้นแรง มันแรงขึ้นๆ นึกถึงครั้งแรกตั้งแต่เจอกับหวาย และตอนที่เด็กนั่นถูกลูกน้องของเขาพาตัวมาไว้ในบ้านหลังนี้เพื่อแลกกับหนี้มหาศาล
   บอกงั้นเหรอ
   บอกไปแล้วเขาจะรู้สึกยังไงต่อ
   เด็กบ้านั่นมันเกลียดเขาจะตาย…







   หวายจัดการวางขวดน้ำแร่ที่ไอศูรย์สั่งให้เขาเอาเข้ามาวางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่นอนเอนกายอยู่บนเตียงดูรายการโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ลเงียบๆ
   “ยังไม่ง่วงเหรอครับ”
   “อือ”
   “นี่มันก็ดึกแล้วนะ”
   “เป็นห่วงพี่เหรอไง”
   “เปล่า แต่พักผ่อนไม่เพียงพอมันไม่ดีต่อสุขภาพ”
   “ตอบไม่ตรงคำถาม” ไอศูรย์กดรีโมทปิดโทรทัศน์ ขี้เกียจดูมันแล้ว บางทีเขาก็แอบคิดนะว่าตัวเองคงเป็นโรคจิตเบาๆ ทั้งที่พูดกับหวายปาวๆ ว่าอย่ามาต่อล้อต่อเถียงกับเขา เขาไม่ชอบ แต่บางทีก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ
“อยากได้อะไรอีกไหมล่ะครับนอกจากน้ำแร่”
“อยากได้คำตอบ”
“เอ่อ…”
“ตอบพี่สิ” ไอศูรย์รบเร้า เห็นเด็กนั่นทำหน้าแดงหูแดงเวลาถูกเขาจ้องแล้วชอบใจ ก่อนดึงแขนอีกฝ่ายให้มานั่งลงด้วยกันบนเตียง
“ถ้าไม่ยอมตอบพี่จะจูบหวาย”
“เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวนี่” เด็กหนุ่มว่าให้เบาๆ
“แล้วชอบหรือเปล่า” ไม่ถามเฉยๆ หากไอศูรย์ยังสายตายั่วเย้ามาให้ เล่นเอาหวายทำอะไรไม่ถูก พูดไม่ออก
ทำไมวันนี้อสูรรุกเขาหนักจังวะ!
แล้วกับคำถามสั้นๆ ทำไมหน้าต้องร้อน ใจต้องเต้น มือต้องเย็นด้วย
“คนเอาแต่ได้ไม่มีใครชอบหรอก”
“แต่พี่ชอบ…”
“ถ้าพี่ไม่อยากได้อะไร ผมไปนอนก่อนนะ” หวายลุกขึ้นจากเตียงของเขา ขืนนั่งอยู่ต่อมีหวังโดนรุกหนักกว่าเก่า แค่นี้จังหวะการเต้นของหัวใจมันก็แย่พอแล้ว หากยังไม่ทันเปิดประตูออกไป ประโยคของชายหนุ่มที่เอ่ยขึ้นกลับทำให้หวายแทบก้าวขาไม่ออก
“พี่ชอบหวาย”




                                                                    ........................................




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
   

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด