พิมพ์หน้านี้ - ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: prowprow ที่ 08-02-2017 17:35:48

หัวข้อ: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 08-02-2017 17:35:48
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

***************************************************************






เหตุการณ์เมื่อ 5 เดือนก่อน



   มินิคูเปอร์สีขาวแล่นเข้าสู่เส้นทางของจังหวัดกรุงเทพมหานครในช่วงสี่ทุ่มวันเสาร์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าปี เจ้าของใบหน้าสวยคม ผมยาว จมูกโด่งเป็นสัน สูงราวร้อยหกสิบเซนติเมตร ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวกำลังขับเคลื่อนเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็ว หากแต่เมื่อพารถคันสวยมาได้ไม่กี่กิโลเมตรก็เกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอลองแล้วลองอีกแต่ก็ไม่ได้ผล ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางอย่างเธอซ่อมรถเป็นเสียที่ไหน ขับเป็นอย่างเดียวนั่นละ

   “แย่จัง” อารดากำลังหงุดหงิดไม่น้อยขณะกำลังพยายามบิดกุญแจรถ

   เอาไงดี…

   ร่างของหญิงสาวก้าวลงจากรถยนต์ เหลียวมองไปรอบกายท่ามกลางความมืดสลัวมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ส่องแสงรำไรบวกกับสองข้างทางที่มีต้นไม้สีเขียวขจีปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้เธอยิ่งรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาอย่างประหลาด ได้แต่ภาวนาให้ใครสักคนขับรถผ่านมายังเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนก็ยังดี เผื่อจะขอความช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

   อารดายืนอยู่ราวๆ สิบนาที มันยาวนานมากพอแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดไปหาคนขับรถที่บ้านให้มารับเธอยังจุดที่ยืนคอย ทว่าหญิงสาวก็ต้องหน้ามุ่ยลงอีกรอบเมื่อโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเอาเสียเลย

   เจ็บใจตัวเองนิดหน่อย หลังจากไปสัมมนาที่รีสอร์ทหรูจังหวัดภูเก็ตแล้วอยู่เลี้ยงฉลองจนดึกดื่น จะค้างที่นั่นก็ไม่ได้เพราะพรุ่งนี้เช้ามีประชุมที่บริษัท ซึ่งเป็นกิจการที่เธอกับพี่ชายเพียงคนเดียวอย่างไอศูรย์ช่วยกันบุกเบิกมันขึ้นมากับมือ หากตอนนี้อารดากลับต้องดูแลเพียงลำพัง เพราะไอศูรย์หันไปทำธุรกิจจิวเวอร์รี่ที่ประเทศอิตาลี่ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตากันบ่อยอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว สามสี่เดือนพี่ชายจะกลับมาที่ไทยสักที แต่ก็มีโทรศัพท์ถามไถ่กันบ้างในบางครั้งถ้าว่างเว้นจากเรื่องงาน
   “จะเอายังไงดีเรา” อารดาถอนใจยืดยาว ไม่นานเธอก็เห็นแสงไฟสีส้มสาดส่องลงมายังร่างของเธอ หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความดีใจ ก้าวมายืนขวางกลางถนนแล้วยกแขนโบกไปมาเป็นการส่งสัญญาณ

   รถคันดังกล่าวที่กำลังวิ่งตรงมาเบรคอยู่ตรงหน้าเธอทันที พร้อมกับชายหนุ่มสองคนที่ดูท่าจะอายุอานามรุ่นราวคราวเดียวกับเธอก้าวลงมาจากรถยนต์

   “ขอโทษนะคะ พอดีรถฉันเสีย อยู่ๆ ก็สตาร์ทไม่ติด คุณสองคนพอจะช่วยดูให้ได้มั้ยคะ หรือว่าขอยืมโทรศัพท์โทร.หาคนขับรถที่บ้านหน่อยก็ดีค่ะ” อารดาบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไป หากเมื่อเธอลองสังเกตชายสองคนตรงหน้าจึงรู้ว่าพวกเขามีสภาพเมาเล็กน้อย

   กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาทางเธอจนต้องยกมือปิดจมูกโดยอัตโนมัติ  การขอความช่วยเหลือของเธอกลับกลายเป็นชายหนุ่มสองคนไม่ใคร่จะใส่ใจเท่าใดนักแต่กลับมองหน้ากันด้วยแววตาที่รู้ว่าควรจะทำยังไง ก่อนหันมาทางหญิงสาวอีกครั้ง

   “รถเสียเหรอครับ” หนึ่งในนั้นถามขึ้น ก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวแล้วใช้ปลายนิ้วแกร่งแตะที่ปลายคาง

   “เอ่อ...คะ ค่ะ” อารดารีบปัดมือหยาบกร้านออกไป ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ เธอขยับขาถอยห่างด้วยความไม่ไว้ใจชายทั้งสองคน

   หากก็ช้ากว่าร่างสูงกำยำสองร่างที่ตรงปรี่เข้ามาดึงหญิงสาวเอาไว้กับตน บวกกับความเมามายที่ครอบงำสติเกินการควบคุม
   “ปล่ะ..ปล่อยนะ ช่วยด้วย กรี๊ด!!!” หญิงสาวกรีดร้องขึ้นจนสุดเสียง รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากฝ่ามือหยาบกร้านของชายทั้งสอง เธอพยายามดิ้นรนและร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังแต่กลับถูกลากเข้ามาในพรงหญ้าข้างทาง พร้อมกับเสื้อผ้าที่ถูกดึงทึ้งจนเกือบเปลือย



   “ฮึก..มะ..ไม่ ปล่อยฉันนะ ปล่อย!!” ไม่ว่าจะร่ำร้องอ้อนวอนยังไง หญิงสาวก็ไม่สามารถต้านทานแรงผู้ชายสองคนเอาไว้ได้ จนทำให้ต้องเผชิญหน้ารับชะตากรรมอันเลวร้ายด้วยความไม่เต็มใจ เธอขยะแขยงทุกรสสัมผัสอันหยาบกระด้างที่แตะต้องบนเรือนกายของเธอ ขยะแขยงจนอยากจะตายไปให้พ้นๆ!






   ไอศูรย์ทอดมองร่างบอบบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยแววตาเศร้าหมอง นานเท่าไหร่แล้วที่น้องสาวของเขาต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่อย่างนี้ นานจนเขาแทบสิ้นหวัง เธอไม่ตายก้เหมือนตาย และสะเทือนใจทุกครั้งเมื่อนึกไปถึงตอนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเห็นอารดานอนชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปากอยู่บนพื้นห้อง

   น้องสาวของเขาพยายามจะฆ่าตัวตาย ชายหนุ่มรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วและได้รับคำบอกกล่าวจากนายแพทย์เจ้าของไข้ว่าเธอปลอดภัยดี แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สภาพจิตใจไม่ค่อยปกตินัก สองเดือนต่อมาเขาค่อยวางใจที่อารดากลับมาเหมือนคนปกติอีกครั้ง เขาพยายามถามเอว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้องสาวไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ เอาแต่ส่ายหน้า แววตาไหวระริกราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และหลังจากนั้นเขาก็เลิกจะตั้งคำถาม เลิกซักไซ้ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร รอจนกว่าเธอพร้อมคงยอมบอกเอง แต่อารดาก็ไม่มีโอกาสได้บอกเขา  เธอขับรถออกมานอกบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุ จนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทั้งที่เขาสั่งกำชับนักหนาว่าไม่ให้ขับรถหรือไปไหนตามลำพังอีก ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่

   หลังจากนั้นชายหนุ่มพยายามตามสืบสาวจนได้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น และตอนนี้เองเขาก็ได้ทราบแล้วว่าใครกันที่เป็นคนชั่วทำลายชีวิตน้องสาวสุดที่รัก ไอศูรย์ไม่ต้องการแจ้งความเพื่อให้อารดาขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยคดีที่น่าอับอาย เขาอยากจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง

   จัดการพวกมันให้เจ็บปวดทรมานกว่าน้องของเขาหลายพันเท่า!

   เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มต้องละสายตาจากร่างบางมองไปยังบานประตูไม้สัก อลงกรณ์ลูกน้องคนสนิทก้าวเข้ามาหาเขาพร้อมกับรายงานเรื่องที่ผู้เป็นเจ้านายให้ไปจัดการ

   “จัดการเรียบร้อยแล้วครับคุณไอศูรย์”

   “ดี อย่าให้มันออกมาได้อีก”

   “แต่ยังเหลืออีกหนึ่งครับ”


   “กายครับ” อลงกรณ์ตอบเสียงหนักแน่นเห็นแววตาคมของคนเป็นเจ้านายดุกร้าวขึ้นชัดเจน

   “ครอบครัวมันเป็นยังไงตอนนี้”

   “ไอ้หมอนี่เห็นว่ามันติดการพนันอย่างหนัก พอๆ กับแม่ของมัน แล้วก็มีน้องชายกำลังเรียนอยู่มหา’ลัยปีหนึ่ง”
ไอศูรย์ครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกน้องแล้วกระตุกยิ้มร้ายก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นน่าเกรงกลัว

   “ก็ดี! ฉันจะได้จัดการพิพากษาพวกมันทุกคนอย่างสาสม!”

   หวายก้าวเข้ามาในบ้านของตัวเองช่วงหัวค่ำ ทันทีที่ย่างกายเข้ามาในมุมรับแขกก็พบกับพี่ชายต่างมารดากับผู้เป็นแม่เลี้ยงของเขานั่งหน้าเครียดอยู่ด้วยกันทั้งคู่ ศรัณตวัดสายตามาทางน้องชายที่เพิ่งถอดรองเท้าเสร็จก่อนจะตรงปรี่เข้ามาหา

   “มึงหายหัวไปไหนมาวะ ถึงกลับเอาป่านนี้”

“ออกไปทำงานมาดิ ไม่ได้ว่างงานเหมือนคนแถวนี้สักหน่อย”

“อย่ามาพูดจากวนตีนกู ไหนเงิน” คนเป็นพี่แบมือทวงเงินที่ให้หวายออกไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนทุกวัน หากเด็กหนุ่มกลับควักเงินจำนวนหนึ่งพันบาทวางลงบนมือ

ชินแล้วกับที่ต้องทำเพื่อคนอื่น…

คนอื่นที่เป็นคนในครอบครัว อยากจะเรียกแบบนั้นก็กระดากปากตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ว่าพี่ชายหรือแม่เลี้ยงไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเขาเลยสักคน สนใจแต่เงินทองของมีค่า

เขาเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่คอยรองมือรองตีนคนในบ้านเวลาไม่สบอารมณ์

   “อะไรวะ พันเดียวจะพอแดกห่าอะไร?” ศรัณสบถอย่างหงุดหงิดมองน้องชายด้วยสีหน้าขัดใจเป็นที่สุด นึกว่าหวายจะได้เงินมาสักสี่ห้าพัน

   “ไปช่วยเขาเสิร์ฟอาหารที่โรงแรมมันก็ได้เท่านี้แหละ พี่กายอยากได้เงินเยอะๆ ก็ออกไปหาเอาเองดิ แค่นี้ก็เหนื่อยรากเลือดแล้ว”

   “มึงไม่ต้องมาย้อนกู มึงเป็นน้อง มีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณกูกับแม่ ไม่มีสิทธิ์มาบ่นเชี่ยอะไรทั้งนั้น” ศรัณกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเดิม

บุญคุณ

ฟังคำนี้ทีไรแล้วรู้สึกสยดสยองขนพองทุกที ต่อให้ชาตินี้ทั้งชาติก็ทดแทนกันไม่หมดหรอกไอ้บุญคุณที่มันทิ่มคออยู่เนี่ย

   “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ รู้งี้ฉันไม่รับช่วงต่อจากนังเพลินแม่แกก็ดี พวกกาฝากทั้งแม่ทั้งลูก พึ่งพาไม่เคยได้เลยสักคน”
หวายกำมือแน่นเมื่อถูกกระทบกระทั่งและผู้เป็นแม่เลี้ยงกำลังพาดพิงไปถึงมารดาแท้ๆ ของเขาที่เสียชีวิตไปหลายปีพร้อมกับผู้เป็นบิดาด้วยอุบัติเหตุ

   “ป้าจันทร์ ทำไมต้องว่าแม่ผมด้วย มันไม่เกี่ยวกับแม่สักหน่อย”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ตอนพ่อแม่แกตายฉันก็ต้องเสียเงินมาจัดงานศพให้ นี่ยังไม่ได้คืนสักบาทเลย”

“ผมก็ไม่เห็นว่าวันๆ ป้าจะทำมาหากินอะไร เอาแต่ใช้เงินไปถลุงที่บ่อนจนหมด”

“ไอ้หวาย ไอ้เด็กอกตัญญู นี่แกกล้าด่าฉันเรอะ!”

“ผมพูดความจริง ขนาดบริษัทพี่กายยังไม่เคยสนใจไปทำจนมันจะเจ๊งอยู่แล้ว คิดว่าอยู่บ้านเฉยๆ แล้วเงินมันจะหล่นลงมาจากฟ้าหรือไง” หวายโมโหอย่างขีดสุดจนต้องเถียงขึ้นเสียงดังกลางบ้าน ปกติเขาก็เถียงแบบนี้ประจำแต่ไม่แรงเท่า ครั้งนี้มันสิ้นสุดความอดทนจริงๆ แถมเขายังเหนื่อยสายตัวแทบขาด กลับบ้านมาเจอแม่เลี้ยงกับพี่ชายด่าฉอดๆ ไม่หยุดปาก ว่าเขาคนเดียวเขายังทนได้ แต่นี่ดันพาดพิงถึงบุพการีที่เสียไปแล้วให้ตายก็ไม่ยอม

   เพียะ!

   ฝ่ามือหนาของแม่เลี้ยงตวัดเข้ากับแก้มเนียนของเด็กหนุ่มหลังจบถ้อยคำก้าวร้าว หวายรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหลตรงมุมปากพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติแต่พยายามบังคับน้ำตาไม่ให้ไหล

   เจ็บกายไม่เท่าไร แต่เจ็บใจมากกว่าหลายล้านเท่า

   ไม่รู้เขาต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

   จนตายเลยหรือเปล่าวะ

   ชีวิตบัดซบเหี้ยๆ!

   มนุษย์หน้าไหนแมร่งอยากจะมีชีวิตแบบเขา

   นั่นสินะ คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ เลือกที่จะเป็นยังไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ

   “กล้าพูดอย่างนี้กับฉันเหรอ ไอ้เด็กเหลือขอ วันนี้ฉันจะตบแกให้ตายคามือเลยกาย..จับมันให้แม่หน่อย แม่จะสั่งสอนไอ้หวายมัน” เด็กหนุ่มพยายามยกมือปัดป้องเมื่อจะถูกทำร้ายร่างกายหากแต่พี่ชายต่างมารดากลับเข้ามารวบแขนบางไขว้หลังเอาไว้แล้วปล่อยให้พิมพ์จันทร์ทุบตีอย่างสาแก่ใจ

   หวายไม่เคยคิดจะอ้อนวอนร้องขอ หรือลงไปกราบแทบเท้าร้องไห้ให้พิมพ์จันทร์กับศรัณหยุดการกระทำอันป่าเถื่อน
   เพราะรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะหยุดสองคนแม่ลุกได้นอกจากเงิน

   “ไอ้เด็กเลว ปากดีนัก มึงตายแน่!” มืออวบอูมที่กำลังจะเงื้อขึ้นอีกครั้งของแม่เลี้ยงกลับถูกคว้าหมับจากฝ่ามือแกร่งของใครบางคนที่เข้ามาช่วยห้ามทัพไว้ได้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะถุกตบหน้าอีกเป็นครั้งที่สาม

   “ถึงขนาดต้องตบตีกันเลยเหรอป้า ไม่ป่าเถื่อนไปหน่อยหรือไง ไอ้หวายมันก็เหมือนลูกหลานป้านะ”

   “มึงอย่าเสือกไอ้พล”

   “พี่พล” หวายรีบสลัดกายออกจากศรัณไปหลบอยู่หลังณพลทันทีที่มีโอกาส

   “แส่อะไรด้วยวะ เรื่องของคนในครอบครัว กูกับแม่จะตีมัน มันก็สิทธิ์ของกู คนนอกไม่เกี่ยวเว้ย” ศรัณถลาเข้ามาหาร่างสูงของชายหนุ่มที่เข้ามาเยือนหากต้องชะงักเพียงเท่านั้นเมื่ออีกฝ่ายเงื้อหมัดขึ้นพร้อมกระแทกใส่หน้า

   “เข้ามาเดี๋ยวกูต่อยฟันร่วงแน่ไอ้กาย” คำขู่นั้นทำเอาคนที่อวดเก่งตอนแรกต้องถอยทัพกลับอย่างขี้ขลาดเมื่อเห็นสีหน้าเดือดดาลของณพล

   เขายังไม่อยากเสี่ยงหน้าแหกตอนนี้

   “อย่าทำอะไรลูกฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจจับแกเข้าคุก ไอ้เศษสวะ” พิมพ์จันทร์ดึงแขนลูกชายออกมาก่อนจะข่มขู่อีกฝ่ายเสียงเข้ม

   “ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ฟ้องป้ากับลูกชายข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก” สองแม่ลูกรีบมองหน้ากันเลิกลั่กแล้วเงียบเสียงเอาไว้เพราะไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อนก่อนจะเห็นแขกไม่ได้รับเชิญพาหวายออกไปจากบ้าน

   “ไปหอพี่ก่อนดีกว่าหวาย อยู่กับอีคนใจยักษ์พวกนี้มีหวังได้เจ็บตัวทุกวัน”

   “เออ...ไปเลยมึง แล้วไม่ต้องกลับมาเลยนะ ถุย กะอีแค่ช่างซ่อมรถกระจอกๆ จะมีปัญญาเลี้ยงดูมันได้แค่ไหนกันวะ แล้วกูจะคอยดูว่าจะไปได้สักกี่น้ำ”



                                                           ..............................................


นิยายเรื่องนี้มีลงที่เล้าและเว็บเด็กดีนะค้า ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายเรื่องอืนๆได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {บทที่ 2 งานบริการ}
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 09-02-2017 16:36:02
     






     ณพลพาหวายมายังที่พักของเขาซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นต์เก่าๆ ห้องนี้ถึงมันจะดูไม่กว้างขวางใหญ่โตและมีเฟอร์นิเจอร์นับชิ้นได้ แต่มันก็เป็นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กหนุ่มที่สุดแล้ว เพื่อให้พ้นจากเงื้อมมือของสองแม่ลูกนั่นได้ชั่วคราว

   “ผมไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงเลย” หวายพูดขึ้นขณะที่คนตัวสูงเพิ่งจัดการทายาบริเวณใบหน้าให้อย่างเบามือเพราะมันเป็นรอยแดงจ้ำๆ ข้างแก้มจากการถูกตบตี

   “เรื่องเล็กน้อยว่ะ” ชายหนุ่มตบไหล่เบาๆ ก่อนจะเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บที่ชั้นวาง

   “แล้วกินข้าวมายัง หิวหรือเปล่า”

   “ไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ด ผมเลิกเรียนก็ไปเสิร์ฟอาหารที่โรงแรมต่อเลย เสร็จแล้วก็ตรงกลับบ้าน แต่โดนป้าจันทร์กับพี่กายเล่นงานซะก่อน”

   “ทนอยู่ได้ยังไงกับคนใจยักษ์พวกนั้นน่ะ” ณพลขบกรามแน่นเมื่อนึกไปถึงสองแม่ลูกจิตใจตกต่ำที่คอยแต่ใช้งานหวายอย่างกับทาส แถมยังทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เงินส่วนใหญ่ที่มาจุนเจือในบ้านก็มาจากเด็กคนนี้ทั้งสิ้น

   บริษัทเล็กๆ ที่ศรัณหุ้นกับตรีภพเพื่อนสนิทของมัน เขาได้ข่าวว่าก็กำลังจะเจ๊งไม่เป็นท่าเนื่องจากเจ้าของไม่คิดจะไปดูแลกิจการ แถมตอนนี้ตรีภพยังถูกจับคดีมียาเสพติดเอาไว้ครอบครองจนต้องเข้าไปนอนอยู่ในเรือนจำเพื่อรอศาลตัดสิน

   “ยังไงป้าจันทร์ก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่พ่อกับแม่ตาย อีกอย่างพี่กายก็เป็นพี่ชายของผม”

   “แล้วคนพวกนั้นมันเคยเห็นหวายเป็นน้องหรือลูกหลานบ้างหรือเปล่า เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วมาใส่คนอื่น พอกันทั้งหัวหงอกหัวดำ พูดแล้วน่าโมโหว่ะ” ณพลแสดงสุ้มเสียงหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าหวายกำลังเอาเรื่องบุญคุณงี่เง่ามากล่าวอ้าง ทั้งที่พิมพ์จันทร์ผู้เป็นแม่ของศรัณก็ไม่ค่อยจะสนใจลูกเลี้ยงสักเท่าไหร่ ไม่สิ เรียกว่าไม่เคยสนใจเลยดีกว่า เพราะถือเป็นลูกนอกไส้ไม่ใช่ลูกตน แถมยังไม่สนับสนุนให้เรียนหนังสือต่อเพราะสิ้นเปลืองเงินทอง ก็อย่างว่า พ่อแม่ของหวายตายไปหมดแล้ว หวายเป็นแค่ลูกเลี้ยง แถมยังไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกับสองคนนั้น ตอนแม่หวายเสียชีวิต พ่อก็มีภรรยาใหม่คือพิมพ์จันทร์ที่มีลูกติดจากสามีเก่าคือนายศรัณ หลังจากพ่อมาด่วนจากไปอีกคน หวายก็เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อสู้ดิ้นรนชีวิตด้วยตัวเองมาตลอด

   ในขณะที่ศรัณกลับเรียนจบปริญญาตรีแล้วได้งานทำเงินเดือนหลายหมื่นบาทก่อนจะมาร่วมหุ้นเปิดบริษัทกับเพื่อน แต่เด็กอายุยี่สิบอย่างหวายกลับต้องมาทำงานงกๆ เพื่อส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ ในเมื่อพิมพ์จันทร์ไม่ส่งเงิน ไม่สนับสนุนก็ต้องหาลู่ทางเก็บเงินเอง หลังเลิกเรียนยังต้องไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่โรงแรม ไม่เคยได้มีวันว่างพักผ่อนไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันสักเท่าไหร่

   “ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป เดี๋ยวพี่จะทำอะไรให้กิน” ณพลพูดขึ้นแล้วเตรียมลุกจากโซฟาเพื่อไปทำอาหารในมุมเล็กๆ ตรงระเบียงห้อง

   “ให้ผมช่วยไหมพี่พล”

   “ไม่ต้องหรอกหวาย เดี๋ยวพี่ทำเองดีกว่า” คนพูดชะโงกหน้าออกมาจากระเบียง มองเด็กหนุ่มที่เตรียมจะลุกไปอาบน้ำตามคำบอกของเขา


   อาหารค่ำวันนี้เป็นข้าวไข่เจียวกลิ่นหอมฉุยฝีมือเจ้าของห้องที่นานๆ ครั้งจะได้ลงมือทำอาหารเอง ณพลเอ็นดูหวายเสมือนน้องชายคนหนึ่งและเด็กหนุ่มเองก็นับถือณพลอย่างกับพี่ชายแท้ๆ ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยนอกจากนั้น ห้องพักของชายหนุ่มเป็นเตียงเหล็กขนาดสามฟุต แค่ณพลนอนคนเดียวก็เต็มเตียงเพราะเขาตัวสูงใหญ่กว่าหวายมากเลยย้ายตัวเองมานอนโซฟาเก่า
หวายเกรงใจเจ้าของห้องแทบแย่ แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับณพลที่พยายามยกเหตุผลมาอ้างกับเขาอยู่ดี






       
        หลังเลิกเรียนวันนี้ หวายยังคงเข้ามาในโรงแรมธัญธาราเพื่อทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารเหมือนเดิม เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน มีแค่ช่วงเช้าแวะไปเอาชุดนักศึกษา โชคดีที่แม่เลี้ยงกับพี่ชายไม่อยู่บ้าน หวายจัดการเปลี่ยนชุดเสียใหม่เพื่อเตรียมตัวทำงานได้อย่างเต็มที่

       เขาเห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทหรูสีเทากำลังย่างกายเข้ามาในห้องอาหารแล้วทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้  เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบก้าวไปยังโต๊ะดังกล่าวเพื่อบริการลูกค้า เห็นเขากำลังไล่อ่านเมนูอาหารแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาพอดี

       “ขอแซลมอนสเต็กกับไวน์แดง”

        “ครับ” รับคำเสร็จก็ล่าถอยออกไปทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ว่าสายตาของลูกค้าคนดังกล่าวกำลังจับจ้องหวายอยู่ทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเขาก็ยังคอยจับตามองตลอดเวลา จนกระทั่งหวายนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

       “อาหารได้แล้วครับ” เด็กหนุ่มวางจานอาหารลงตรงหน้าด้วยท่าทางนอบน้อม พร้อมกับจัดการรินไวน์ใส่แก้วให้เขาด้วยความคล่องแคล่วก่อนจะถอยห่างออกไปเพื่อให้ลูกค้าได้มีความเป็นส่วนตัว

       ไอศูรย์มองตามชายร่างเล็กที่เดินออกไปแล้ว พลางกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลงมือจัดการอาหารมื้อเย็นตรงหน้า ที่จริงวันนี้เขามีประชุมสำคัญที่โรงแรมธัญธาราจนกระทั่งเย็นก็เลยหาโอกาสทานอาหารและพักผ่อนที่นี่เสียหนึ่งคืน หากแต่เหตุผลสำคัญอีกอย่างคือเขาต้องการมาจับตาดูใครบางคนด้วยต่างหาก

      หลังจากที่ให้ลูกน้องคนสนิทไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับศรัณจนแน่ชัด จึงทำให้รู้ความเคลื่อนไหวของครอบครัวนี้ว่าใครทำอะไรที่ไหนกันบ้าง

     ชายหนุ่มใช้เวลาจัดการอาหารตรงหน้าไม่นานก่อนจะเรียกพนักงานมาเช็คบิล ซึ่งคนที่เดินมาทางเขาคือพนักงานคนเดิมที่มาเสิร์ฟอาหาร หวายจึงบอกค่าอาหารกับลูกค้าไป แล้วก็ได้เงินเกินจำนวนมาเยอะพอสมควร

    “ฉันให้ทิป” เขาพูดเสียงราบเรียบแล้วลุกออกจากโต๊ะไป แต่ไม่วายหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังตะลึงกับเงินที่ได้รับมาฟรีๆ จำนวนสองพันบาท!

      “ฉันอยากให้นายไปเสิร์ฟไวน์ที่ห้องฉันตอนสี่ทุ่ม”
     “ผมเหรอครับ?” หวายชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ ปกติไม่เคยมีลูกค้าคนไหนให้เขาไปทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย
       “ใช่”
     “ปกติแล้วผมจะไม่…”
      “ฉันจะรอนะ” เอ่ยจบก็ผละจากไปทันที ทำให้หวายมองตามหน้าเหวอว่าไปรับปากกับเขาเอาไว้ตอนไหน
      นั่นสิ
    ตอนไหน…




     เด็กหนุ่มเคาะประตูสองสามครั้งพอเป็นพิธี เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าผู้ชายที่สั่งให้เขามาเสิร์ฟเครื่องดื่มที่ห้องตอนสี่ทุ่มเป็นแขกวีไอพีของโรงแรมธัญธารา
    หวายยืนรอไม่นานก็เห็นคนเป็นเจ้าของห้องเปิดประตูแง้มหน้าออกมา แล้วเบี่ยงตัวหลบให้ตนเข้ามาด้านในโดยสะดวกก่อนที่ชายหนุ่มจะออกคำสั่ง
    “ช่วยรินไวน์ให้ฉันหน่อยสิ”
    “ได้ครับ” หวายหันไปทำตามแต่โดยดี ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ติดจะดุกับแววตาคมกริบคู่นั้น       ผู้ชายคนนี้เคยยิ้มบ้างหรือเปล่านะ หน้าตาก็หล่อเหลาดูดีอยู่หรอก แต่ทำไมชอบตีหน้าเข้มขรึมตลอดเวลา หรือจะเป็นพวกเสือยิ้มยากก็ไม่รู้

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” หวายกล่าวด้วยถ้อยคำสุภาพ ก็ในเมื่อเขาแค่ให้เข้ามาบริการเสิร์ฟไวน์ในห้อง เมื่อหมดหน้าที่ก็ควรออกไป หากแต่ฝ่ามืออุ่นกลับคว้าหมับเข้าที่แขนบางแล้วออกแรงดึงมาปะทะร่างกำยำทำให้หวายตกใจผงะเล็กน้อย
“จะรีบไปไหนเล่า”
“เอ่อ คุณมีอะไรจะใช้ผมเหรอ” หวายพยายามพาตัวเองออกมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าใดนัก ผิดกับตอนเย็นที่เขาดูไม่ทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้กับพนักงานคนไหน หรืออาจจะเป็นเพราะอยู่ในที่โล่งแจ้งเลยไม่กล้า แต่ตอนนี้อยู่กับเขาเพียงลำพังในห้องที่เปิดไฟสลัวๆ
“เหนื่อยหรือเปล่า”
“อะไรครับ”
“งานที่นายทำอยู่ตอนนี้ไง”
“ไม่ครับ”
“แต่ฉันว่านายคงเหนื่อยน่าดู”
“ผมชินแล้ว ไม่เหนื่อยหรอกครับ” หวายพาตัวเองออกมาห่างจากร่างของชายหนุ่มจนสำเร็จ แล้วลูบแขนตัวเองที่โดนบับเมื่อครู่ ลูกค้าวีไอพีคนนี้จะมาเล่นตลกอะไร ท่าทางดูแปลกๆ พิกล
แปลกจนไม่น่าเข้าใกล้เลยแม้แต่นิดเดียว
“อยากได้เงินใช้แบบไม่ต้องลำบากหรือเปล่า”
“…..”
“ฉันช่วยนายได้นะ”
“ที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็ดีมากพอแล้วครับ”
“ฟังฉันก่อนสิ แล้วค่อยปฏิเสธ”
“คุณลูกค้า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ” หวายเตรียมก้าวออกมา ท่าทางเขาจะพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่แน่ใจว่าเมาหรือเปล่าเพราะไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาแตะจมูกตอนที่เข้าไปปะทะกับร่างเขา แต่ประโยคต่อมาของชายหนุ่มกลับตรึงหวายเอาไว้กับที่ราวต้องคำสาป
“งานง่ายๆ แค่บริการเรื่องบนเตียงให้ถูกใจ ฉันยินดีจะจ่ายคืนละสามหมื่น!”
ผลัวะ!
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรให้ยืดยาว หวายโมโหจนตัวสั่นไปหมดก่อนหันมาชกหน้าคนพูดไปหนึ่งครั้งเพราะควบคุมสติตัวเองไม่อยู่
เป็นไงเป็นกัน
แมร่ง! ดูถูกเหยียดยามศักดิ์ศรีความเป็นคนกันเกินไปแล้ว
นั่นน่ะนะ งานง่ายๆ ที่มันว่า!
ไอศูรย์ตวัดสายตาคมมามองอีกฝ่ายก่อนกระชากร่างเล็กกว่าเข้าหาตัวอย่างแรง และแรงกว่าครั้งแรก นึกอยากบดร่างพยศให้แหลกคามือ
“ชอบซาดิสต์ก็ไม่บอก ฉันจะได้สนองให้แบบถึงใจ” ริมฝีปากอุ่นหนาจัดการบดขยี้ลงบนเรียวปากบางสีเรื่อเพื่อเป็นการลงทัณฑ์สำหรับการถูกชกหน้าอย่างแรง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน เด็กนี้มันกล้ามาก กล้าเกินไปแล้ว
ไอศูรย์จับมือที่เตรียมจะชกเขาอีกครั้งไพล่หลังเหมือนผู้ต้องหา ก่อนจะซุกไซร้จมูกไปทั่วลำคอขาวเนียนเพื่อฝากประทับรอยแดงจ้ำเอาไว้  เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสป่าเถื่อนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
“ไอ้…เลว”
 “ก็ไม่ต่างกับนายนักหรอก” ไอศูรย์กระซิบบอกหลังจัดการลงโทษจนหนำใจ เขาแสยะยิ้มเย็น มองคนที่โกรธจนตัวสั่นหน้าแดง คงแทบอยากฆ่าเขาให้ตายแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกำหมัดแน่นแล้ววิ่งหายไปจากห้องพัก
“อีกไม่นาน นายคงได้รู้จักฉันมากกว่านี้”

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่ 3 ใช้หนี้
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 09-02-2017 21:34:46
      หวายเร่งฝีเท้าเข้ามาในห้องน้ำ เขาจัดการเปิดก๊อกแล้วล้างหน้าล้างตาเพื่อเอาคราบความสกปรกออกไปให้หมด โดยเฉพาะริมฝีปากบางที่พยายามถูไปถูมาราวกับมันไปสัมผัสเชื้อโรคมาเป็นล้านๆ ตัว
“ไอ้โรคจิต!!” ใช่! ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันโรคจิตชัดๆ อยากรู้นักว่ามันใช้อวัยวะส่วนไหนคิดออกมา ถึงยื่นข้อเสนอให้เขาทำงานขายตัวแลกเงิน ถึงจะเป็นผู้ชายแต่เขาก็มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่พอจนตรอกก็แก้ผ้านอนอ้าขาขึ้นเตียงอย่างเดียว
แม่งเอ๊ย!
เขาอยากซัดมันอีกรอบจริงๆ!
เด็กหนุ่มมองตัวเองในกระจกแล้วสบถออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่มีความคิดต่ำทรามผู้นั้น
หวายกำมือแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธกรุ่น
อย่า! อย่าให้เจออีกแล้วกัน!
 เมื่อล้างหน้าจนพอใจจึงตัดสินใจเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ได้เวลาเลิกงานพอดีจึงหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
หวายพาตัวเองออกมาจากโรงแรมธัญธาราในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง พอก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก็เห็นว่ามันดึกมากแล้ว รถโดยสารประจำทางสายที่ผ่านบ้านเขาคงจะหายาก ไม่งั้นคงต้องยืนแกร่วคนเดียวอีกนาน เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินเท้าออกมาตามริมฟุตบาทอีกสามป้ายรถเมล์ก่อนจะเข้าซอยบ้านไปอีกราวๆ สองร้อยเมตร
อันที่จริงเขาควรจะเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือว่าอาศัยแท็กซี่กลับบ้านตอนดึกดื่นน่าจะสบายกว่ามาเดินให้เมื่อยขา แต่เพราะตอนนี้เงินในกระเป๋ามันเริ่มแห้งขอด เรื่องอะไรจะต้องเสียค่ารถอีกตั้งหลายบาท เก็บเงินไว้ซื้อข้าวกินพรุ่งนี้ดีกว่า เดินไปแค่ไม่ถึงสามสิบนาทีก็ถึงบ้านแล้ว
พูดถึงเรื่องกิน
นี่เขาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ไปรบรากับไอ้บ้าโรคจิตมาจนหิวไส้จะขาด ไม่รู้กลับไปจะมีอะไรกินหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็คงต้องซื้อบะหมี่ไปต้มกินประทังชีวิตอีกเหมือนเคย
คิดแล้วก็หงุดหงิดเหมือนกัน ทำไมเขาต้องเกิดมาจนด้วยก็ไม่รู้ ถ้ามีเงิน มีงานทำมั่นคง อะไรๆ มันคงจะดีกว่าที่เป็นอยู่
ช่างเหอะ คิดไปก็ปวดหัวเปล่า
หวายกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางข้างหน้า อยากหาอะไรกิน อยากอาบน้ำอยากนอนพักเต็มกลืนแล้ว เขาเหนื่อยมาทั้งวันจนสายตัวแทบขาด หากเดินไปไม่ถึงครึ่งทางก็มีชายฉกรรจ์สองคนเดินสวนกับเขา
หวายรีบสาวเท้าด้วยความระแวดระวัง เพราะเวลานี้ในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบสงบและไร้ผู้คนสัญจรไปมา แม้แต่ร้านขายอาหารตามสั่งหรือร้านค้าก็ปิดบริการกันไปจนเรียบร้อยหมดทุกร้าน
ทว่าเด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่าชายฉกรรจ์ท่าทางไม่น่าใว้ใจสองคนนั้นกำลังเดินตามติดมาห่างๆ ไม่นานพวกมันมาขวางทางเขาเอาไว้
“จะรีบเดินไปไหนน้อง”
เด็กหนุ่มรู้สึกอาการหายใจติดขัดขึ้นมาทันที เมื่อชายสองคนมองใบหน้าหวานอย่างกระหายเหยื่อ แววตาคมปลาบสองคู่ดูดุดันน่ากลัวเสียจนอยากหนีให้ไกล ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยอะไรนักหนา หนีเสือมาปะตัวเหี้ยชัดๆ
“ถอยไปพี่ ผมจะกลับบ้าน”
“จะรีบกลับไปทำไมวะ คุยกับพวกพี่ก่อนดิ” ชายฉกรรจ์หนึ่งในสองคนยกมือแตะที่ใบหน้าขาวเกลี้ยงที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายเล็กน้อยแล้วใช้สายตาโลมเลียราวกับอยากกินหวายลงท้องเต็มแก่ เด็กหนุ่มปัดมือหยาบกร้านเหม็นสาบนั้นออกห่างแล้วทำท่าจะเดินหนี แต่พวกมันก็ตามมาอย่างไม่ยอมลดละเช่นกัน
“หลีกไปโว้ย กูจะกลับบ้าน” หวายเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าใช้คำพูดดีด้วยแล้วไม่ได้ผล แถมคนพวกนี้ยังตามตื๊อไม่เลิกราสักที
“ไปสนุกกับพวกพี่ดีกว่า”
“อยากสนุกด้วยเนี่ย ถามความเห็นจากกูรึยัง”
“ปากดีแบบนี้กูชอบ เฮ้ยมึง! จัดมันหนักๆเลย เอาให้แม่งครางไม่หยุด” พวกมันลูบคางอย่างหมายมาด ก่อนช่วยกันดึงช่วยกันลากร่างเล็กที่ขัดขืนอย่างสุดแรงเกิดไปข้างทางที่รกร้าง
“ปล่อยกู!”
“ปล่อยให้โง่สิวะ”
 “ช่วยด้วย โอ๊ะ!!” หวายทั้งถีบทั้งเตะสารพัดเลยโดนหมัดหนักๆ ของพวกมันกระแทกเข้าที่กลางท้องน้อยอย่างจัง
จุก! จุกฉิบหาย!
“ฤทธิ์มากนัก”
 ใบหน้าหวายยับย่นเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ หวายยกมือกุมท้องตัวงอเป็นกุ้งถูกน้ำร้อนลวก ก่อนที่พวกมันจะช่วยกันดึงทึ้งเสื้อผ้าของคนใต้ร่างที่นอนร้องโอดครวญบิดไปบิดมาปากซีดตัวสั่นเพราะคิดว่าไม่รอดมือพวกใจหยาบชาติหมาได้แน่ๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะถูกพวกมันกระทำย่ำยี เท้าหนักๆ จากใครบางคนก็อัดโครมเข้ากลางแผ่นหลังหนาทันที
พลั่ก!
ชายฉกรรจ์สองคนกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นมาเตรียมปล่อยหมัดใส่คนที่มาขัดขวางความสุขพวกมัน หากแต่บุคคลที่มาใหม่กลับแข็งแรงกว่า คว้าหมับข้อมือหนาแล้วออกแรงบิดก่อนเตะเข้ากลางอกไปสองทีซ้อน
ผลัวะๆ
กำปั้นหนักๆ ถูกปล่อยเข้าใส่ชายฉกรรจ์อีกคนที่เข้ามาช่วยเพื่อนของมัน ก่อนจะทรุดฮวบลงไปนอนกองแล้วถูกเตะเข้าที่ชายโครงจนหมดทางต่อสู้
“แอ่กก!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของพวกมันทำให้คนร่างสูงที่ยืนจ้องเขม็งตวาดดังลั่นตัวสั่นเทิ้ม
“ไสหัวไปซะ ก่อนที่กูจะกระทืบมึงตายคาตีน ไป๊!”
ชายสองคนลนลานลุกขึ้นก่อนจะผลุนผลันออกไปจากบริเวณนั้นทันทีโดนไม่คิดรอปลายเท้าหนักๆ ที่ยกขึ้นเตรียมสะบัดใส่ร่าง
“อย่าให้กูเจออีกนะมึง ไอ้พวกขยะสังคม” เอ่ยจบก็รีบหันไปหาคนที่นอนกุมท้องตัวเองอยู่อีกทางด้วยความห่วงใยเป็นล้นพ้น
“ลุกขึ้นไหวมั้ย”
“หวะ…ไหว ขอบคุณมาก พี่พล” หวายมองใบหน้าคนที่เข้ามาช่วยด้วยแววตาขอบคุณก่อนจะเปล่งเสียงออกมาเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
“ถ้าไม่ได้พี่ ผมคง..ตายแน่”
“เฮ้ย ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอ” ณพลจัดการประคองคนเจ็บขึ้นมา ก่อนจะพามาจนถึงหน้าปากซอยเพื่อเรียกรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้โดยเร็ว



 :hao6: :hao6: :hao6:


“โธ่เว้ย! เป็นอย่างนี้ไปได้ไงวะ” ศรัณสบถเสียงดังออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเขาเสียพนันอีกครั้ง ทว่าหนนี้มันกลับเลวร้ายกว่าครั้งไหนๆ เพราะเขาเล่นไปจนสิ้นเนื้อประดาตัวไม่เหลือทรัพย์สินที่จะพอเอาไปใช้หนี้เจ้าของบ่อนคาสิโนได้อีก
“แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปใช้เขาล่ะกาย เงินแม่ก็ไม่มีแล้วนะ” พิมพ์จันทร์ผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ มีอาการเครียดไม่ต่างจากลูกชายที่ตอนนี้กำลังกลุ้มใจเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้อีก
“ผมว่าพวกคุณเข้าไปคุยกับเจ้าของคาสิโนดีไหมครับเผื่อจะมีทางออก” อลงกรณ์กับลูกน้องอีกสองคนชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่สองแม่ลูกจนหวาดกลัวตัวสั่นเทิ้มไปหมด แล้วจัดการพาตัวคนทั้งสองเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งที่มีใครบางคนรอคอยอยู่ก่อนแล้ว




 :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2:

     ไอศูรย์มองสองแม่ลูกที่เข้ามาในห้องรับรองส่วนตัวของเขาที่อยู่ในบ่อนคาสิโนด้วยแววตาดุดันน่ากลัว ร่างสูงในชุดสูทราคาแพงสีดำก้าวมานั่งโซฟาหนังฝั่งตรงข้ามกับพิมพ์จันทร์และศรัณ เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ก่อนที่น้ำเสียงเย็นเรียบจะถูกเปล่งออกมาในที่สุด
 “เงินที่ติดผมไว้สิบล้าน คุณจะหามาชดใช้ยังไง”
เมื่อได้ยินดังนั้นศรัณถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาหันไปสบตากับผู้เป็นแม่ที่นั่งบีบมือลูกชายเอาไว้ด้วยสีหน้าราวกับอยากจะหายตัวไปเสียตรงนี้ เมื่อเห็นลูกน้องของไอศูรย์สามคนกำลังยืนคุมเชิงพร้อมอาวุธปืนครบมือ
“ว่ายังไง ตอบ!” ไอศูรย์ถามเสียงดังกว่าเดิมเมื่อสองแม่ลูกยังไม่มีคำตอบให้แก่เขา ร่างสูงมองกวาดใบหน้าของคนทั้งคู่ด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ยิ่งเห็นหน้าศรัณเขายิ่งอยากเข้าไปบีบคอให้ตายคามือ แต่ยังหรอก...มันคงจะง่ายเกินไป มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่ศรัณทำไว้กับอารดา น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา!
ชายหนุ่มคอยวางแผนการสารพัด โดยให้อลงกรณ์ชักจูงศรัณเข้ามาถลุงเงินในบ่อนคาสิโนลับๆ ของเขาที่เปิดเอาไว้ให้พวกนักพนันเข้ามาใช้บริการ เขายัดเงินจำนวนมหาศาลสำหรับธุรกิจด้านมืดแห่งนี้โดยที่น้องสาวของเขาเองก็ยังไม่ทราบเรื่อง และสุดท้ายก็เป็นไปตามความคาดหมายเมื่อเหยื่อจนมุมอย่างไม่มีทางเลือก
“ผะ...ผมกับแม่ขอผ่อนผันไปก่อนได้มั้ยครับคุณไอศูรย์”
“นานแค่ไหนล่ะ”
“…..”
“สามวัน หนึ่งอาทิตย์ สองเดือน หรือเป็นปี สิบปี”
“เอ่อ...คือ”
“เงินตั้งสิบล้านนะไม่ใช่สิบบาท กี่ปีกี่ชาติถึงจะใช้หมด หรือว่าจะต้องใช้ด้วยชีวิตดีล่ะถ้างั้น” คำขู่ของไอศูรย์ทำเอาสองแม่ลูกขนลุกเกรียวไปตามๆ กัน ก่อนที่ศรัณจะกระซิบถามผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะกลัวหัวหดไปหมดแล้ว
“เอาไงดีแม่ ถ้าเราไม่มีเงินให้เขาเราไม่รอดแน่”
“แม่คิดไม่ออกแล้วกาย แม่กลัว พวกนี้พกปืนเต็มไปหมดเลย จะโดนฆ่าหมกบ่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้” พิมพ์จันทร์นั่งตัวสั่นเทาจนศรัณเองก็ลำบากใจและหวาดกลัวไม่ต่างกัน แต่พลันความคิดชั่วร้ายวูบหนึ่งก็ผุดขึ้นมาทันทีอย่างช่วยไม่ได้
ใช่! มันช่วยไม่ได้จริงๆ
ยังไงเขากับแม่ก็ต้องรอด
“เรามีทางออกแล้วแม่”
พิมพ์จันทร์เหลือบตามองลูกชายด้วยความสงสัยก่อนจะเห็นศรัณหันไปบอกกับไอศูรย์ในที่สุด
“ผมมีข้อเสนอ”
“ว่ามา... ถ้ามันสมน้ำสมเนื้อกับเงินสิบล้าน”
“ผมจะขายน้องชายให้คุณแทนการใช้หนี้”
ไอศูรย์กระตุกยิ้มมุมปากกับข้อเสนอของศรัณ มันช่างเป็นพี่ชายที่ดูชั่วดีจริงๆ ที่ขายน้องชายตัวเองเพื่อความอยู่รอด
“ขายคนแทนการใช้หนี้ว่างั้น”
“แล้วไอ้หวายมันจะยอมเหรอ” พิมพ์จันทร์กระซิบกระซาบถามลูกชายก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายตอบมาว่า
“มันไม่ยอม เราก็ทำให้มันยอมสิแม่ ไม่เห็นยาก” ศรัณพูดออกไปก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มร่างสูงสง่าตรงหน้า
“ตกลงไหมครับคุณไอศูรย์”
ดูเหมือนสองแม่ลูกจะรอคำตอบกันด้วยใจระทึกไปพร้อมกับความตื่นกลัวก่อนจะได้ยินเสียงห้าวทุ้มกล่าวขึ้น
“ก็ไม่เลว”
“เป็นอันว่าคุณไอศูรย์ตกลงใช่ไหมครับ”
“อีกสองวันจะส่งคนไปรับสินค้าของนาย ถ้าเล่นตุกติกเมื่อไหร่ คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”


 ............................................ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์}
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 09-02-2017 22:18:19
คุณไอร์สูรคะให้ลูกน้องไปสืบเรื่องน้องแล้วช่วยสืบให้รู้ว่าน้องนิสัยยังไงด้วยนะะคะหมั่นไส้ค่ะะะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์}
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 09-02-2017 23:41:32
แก้แค้นผิดคนแล้วคุณณณ อิพวกนี้ไม่รู้สึกอะไรหรอกกก
สงสารน้องงงง
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์}
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำ ที่ 09-02-2017 23:58:02
ติดตามมมมม
มาเป็นกำลังใจให้น้องหวายย
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์}
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 10-02-2017 14:59:01
เลวทั้งแม่ทั้งลูก  :z13:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} ใต้ความป่าเถื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 11-02-2017 00:41:26
    หวายกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพที่บอบช้ำจากการถูกทำร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ได้ณพลมาช่วยเหลือไว้ได้ทันเวลา เขาจึงรอดพ้นจากเงื้อมมือพวกเดนมนุษย์ทั้งหลายก่อนถูกพาส่งโรงพยาบาลไปพักฟื้นร่างกาย โดยไม่ได้ไปทำงานและเรียนหนังสือเพราะณพลกำชับว่าควรจะรอให้หายดีก่อนดีกว่า
เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินเข้าบ้านอย่างคนหมดเรี่ยวแรงหลังออกมาจากโรงพยาบาล ถุงยาแก้อักเสบแก้ปวดสารพัดยังคงถือติดมือเข้ามาด้วย รอยฟกช้ำตามเนื้อตัวยังมองเห็นจางๆ ลงบ้างแล้วและทำให้พอมีเรี่ยวแรงขยับกายเดินเหินได้แม้จะเจ็บระบมอยู่นิดๆ บ้างก็ตาม
“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงพิมพ์จันทร์ร้องทักพร้อมส่งยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีที่น้อยครั้งนักหวายจะได้เห็นก่อนเดินเข้ามาประคองเขาเข้าไปนั่ง แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าหวานที่มีร่องรอยฟกช้ำดูไม่จืดก็อดถามขึ้นไม่ได้
“ตายแล้วหวาย ไปโดนอะไรมาเนี่ย”
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะป้าจันทร์ ผมเลยไปนอนโรงพยาบาลมาเมื่อคืน” หวายตอบขณะปรายตามองไปทางพี่ชายคนละสายเลือดที่นั่งอยู่สบายอารมณ์ตรงโซฟาอีกฝั่ง
เกิดเป็นนายศรัณนี่ก็ดีเหมือนกันนะ วันๆ ไม่ต้องทำห่าอะไรนอกจากนั่งแกว่งเท้าแบมือขอเงินน้องใช้
“มิน่าล่ะสภาพถึงดูเหมือนไปฟัดกับหมามา” ศรัณเบ้หน้าอย่างสมเพช
 “ทำไมพูดอย่างนั้นละกาย น้องเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” พิมพ์จันทร์แสร้งทำเป็นเอ็ดลูกชาย ถ้าไม่ใช่เพราะหนี้มหาศาลที่กำลังรอการชดใช้ ไม่งั้นป่านนี้นางเองก็คงอยากตบลูกเลี้ยงให้หัวทิ่มหัวตำเหมือนกัน โทษฐานที่หายหัวออกไปจากบ้านงานการไม่ยอมทำแถมยังไปมีเรื่องกับใครไม่รู้ให้ต้องมาเสียค่ารักษา
“เออ ก็รู้น่า แต่เห็นแล้วมันอดปากไม่ได้นี่แม่ แล้วอย่างนี้จะขา...”
“กาย เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!” พิมพ์จันทร์หันไปปรามลูกชายเสียงเข้ม ขยิบตาส่งสัญญาณว่าให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหลุดพูดอะไรออกมาและอย่าพาลหาเรื่องน้องมันอีกเดี๋ยวจะเสียแผน ไม่อย่างนั้นคงได้เดือดร้อนกันถ้วนหน้าถ้าไม่มีสินค้าไปส่งให้ไอศูรย์
“แล้วอย่างนี้มึงจะไปทำงานไหวเหรอวะ” ศรัณรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อไม่ให้น้องชายเกิดความสงสัย เขาเกือบพลั้งปากพูดถึงเรื่องที่จะส่งตัวหวายให้ลูกน้องของไอศูรย์ในวันพรุ่งนี้เสียแล้ว
“เป็นห่วงเรื่องปากท้องตัวเองขนาดนั้นทำไมไม่หางานทำล่ะพี่” หวายสวนให้อย่างเหลืออด เขาเจ็บตัวอยู่แท้ๆ แทนที่จะถามไถ่หรือแสดงความห่วงใยกันบ้าง แต่ไม่มีเลย
ให้ตายสิ ไอ้พี่เวร คนอย่างมันเคยคิดห่วงใครบ้างไหม!
“เอาเถอะๆ อย่าทะเลาะกันเลย แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง ป้าทำผัดกะเพราหมูคลุกข้าวไว้ให้หวายด้วยนะ” พิมพ์จันทร์พูดเอาอกเอาใจจนหวายต้องขมวดคิ้วสงสัย เพราะปกติแม่เลี้ยงของเขาไม่เคยทำกับข้าวให้กินด้วยซ้ำ วันนี้นึกครึ้มใจอะไรขึ้นมา หรือเข้าบ่อนแล้วได้ทุนคืน ไม่น่าใช่ หรืออาจถูกรางวัลที่หนึ่ง ไม่! ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
“มีอะไรหรือเปล่าป้าจันทร์”
“ไม่มีอะไรหรอก ป้าก็แค่ทำกับข้าวเผื่อไว้ให้ เห็นทำงานงกๆ ทุกวัน” คนเป็นแม่เลี้ยงลูบหลังลูบไหล่เป็นการใหญ่ ยังคงส่งยิ้มหวานให้หวายไม่หยุด หวายจึงพยักหน้ารับก่อนสาวเท้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเตรียมตัวกินข้าว วันนี้เขาปวดหัวตุบๆ เพิ่งซัดยาแก้ปวดไปสองเม็ด ร่างกายก็มาฟกช้ำแบบนี้อีกเลยไม่อยากคิดอะไรมาก อยากหาข้าวกินแล้วนอนพักผ่อนเต็มแก่แล้ว
ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเด็กหนุ่มก็ลงมาจากชั้นบนแล้วทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะอาหาร จานข้าวผัดกะเพราส่งกลิ่นหอมฉุยถูกวางอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยหลังจากหวายเปิดฝาชีที่ครอบไว้ออก มีแก้วน้ำและถ้วยน้ำปลาพริกวางเตรียมไว้ข้างๆ เห็นพิมพ์จันทร์กับศรัณไม่มาร่วมโต๊ะด้วยจึงเดินไปที่โซฟา
“กินข้าวกันแล้วเหรอ”
“ป้ากับกายกินแล้ว หวายไปกินให้อิ่มเถอะ”
“อือ” ร่างบางพยักหน้ารับรู้ หมุนตัวเดินกลับไปที่เดิมโดยไม่ทันเห็นสองแม่ลูกหันมาขยิบตาให้กันอย่างมีความหมายแอบแฝง
เด็กหนุ่มนั่งกินอาหารตามลำพังโดยไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังเข้ามาเยือนและอาจเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล กระทั่งข้าวในจานหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือสักเม็ดเพราะความหิว บอกลาสองแม่ลูกเตรียมจะขึ้นไปพักผ่อนข้างบน แต่อาการง่วงหงาวหาวนอนมันกลับแล่นพล่านอย่างรวดเร็ว และในเวลาต่อมาร่างเล็กก็ฟุบหลับลงบนพื้นไปโดยปริยาย
พิมพ์จันทร์หันไปสะกิดลูกชายเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ยานอนหลับที่แอบใส่ลงไปในอาหารออกฤทธิ์เร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
“ไปเร็วกาย หาเชือกมามัดมันไว้แล้วลากขึ้นไปบนห้องนอน” ศรัณจัดการตามที่มารดาบอกทุกขั้นตอน ก่อนจะลงกลอนล็อกกุญแจแน่นหนา และคาดว่ากว่าที่หวายจะลืมตาตื่นขึ้นมาคงเป็นพรุ่งนี้เช้าซึ่งพอดีกับเวลาที่อลงกรณ์ลูกน้องของไอศูรย์มารับตัวไปแล้ว!




 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:



     ณพลพยายามโทรติดต่อหาหวายว่ากลับถึงบ้านแล้วอาการบาดเจ็บฟกช้ำตามร่างกายเป็นอย่างไรบ้างหลังจากไปนอนที่โรงพยาบาลเสียหนึ่งคืน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่รับสายเขาสักที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า  ชายหนุ่มทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จนกระทั่งเกือบเที่ยงคืนเขาซิ่งรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาที่บริเวณหน้าบ้านของหวายแล้วกดกริ่งไปสองครั้ง
ณพลเห็นศรัณกับพิมพ์จันทร์เดินออกมาด้วยกัน สีหน้าของทั้งคู่ดูไม่รับแขก คงอยากจะเหวี่ยงใส่เขาเต็มประดาที่มายืนกดกริ่งตอนดึกดื่น แต่ทำไงได้ในเมื่อเขาเป็นห่วงหวายมากกว่า กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“ป้าจันทร์  หวายมันเป็นไงบ้าง หลับไปหรือยัง”
ศรัณที่ฟังอยู่หันไปมองหน้ากับมารดา ก่อนจะเป็นคนตอบเสียเอง
“มันหลับไปนานแล้ว”
“เหรอ” ณพลพยักหน้ารับ แต่ไม่วายชะเง้อคอมองไปในตัวบ้าน อยากเข้าไปให้เห็นกับตามากกว่า
“ถ้าอยากเจอมันก็รอตอนเช้า มายืนกดกริ่งทำไมวะ คนจะหลับจะนอน”
“โทษที ก็แค่เป็นห่วงมัน” แขกไม่ได้รับเชิญลอบถอนใจ เขารู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นศรัณกับพิมพ์จันทร์ออกมาเจอเขาเมื่อไหร่คงไม่มีทางได้เจอหวายเป็นแน่ สองแม่ลูกนี่มันคอยกีดกันเขาสุดๆ ได้แต่ข่มตัวเองให้ใจเย็นลงและพร่ำบอกเอาไว้ตลอดเวลา...พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้วะ
“หมดธุระแล้วใช่ป่ะ กูกับแม่จะได้เข้าไปนอนบ้าง”
“เออ” เอ่ยจบณพลก็ผละไปจากรั้วหน้าบ้านแล้วสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจนไกลลิบพ้นซอย ไม่อยากยืนอยู่นานนักหรอก เหม็นขี้หน้าไอ้ห่าศรัณ!
“ไอ้หน้าโง่ คิดว่าจะได้เจอมันรึไง ถุย!” พิมพ์จันทร์สบถออกมาพร้อมรอยยิ้มน่ากลัว ส่งเสียงหัวเราะขบขันกับศรัณเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้ ถ้าลูกเลี้ยงจะถูกขายให้ไอศูรย์แทนการใช้หนี้จำนวนมหาศาล มันก็ไม่ใช่โกงการอะไรของพวกเขาอีกต่อไป  เพราะได้ตกลงการซื้อขายไปเป็นที่เรียบร้อยคงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว


 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:



      ร่างที่นอนสลบมายาวนอนเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับรุนแรงค่อยขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งเพื่อปรับสภาพให้ชินกับแสงไฟภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวาง เด็กหนุ่มลืมตาขึ้น หากแต่ขยับร่างกายแต่ละครั้งก็ปวดแปลบไปหมดก่อนจะรู้สึกว่าข้อมือเล็กทั้งสองถูกพันธนาการด้วยเชือกเส้นหนาเอาไว้ด้วยกัน
“เฮ้ย!” หวายลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ ปรายตามองไปรอบห้องโทนสีเปลือกไข่ไก่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองแน่นอน เพราะมันดูหรูหรา กว้างขวาง สะอาดสะอ้านเกินไป  เขาพยายามทบทวนความทรงจำว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้นกันแน่ ถึงได้จับพลัดจับผลูมาอยู่ที่นี่ แต่ยังไม่ทันได้ค้นหาคำตอบ บานประตูห้องนอนก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
หวายมุ่งสายตาไปยังบุรุษร่างสูงหุ่นสง่างามที่ก้าวเข้ามาใกล้ มองอีกฝ่ายชัดๆ แล้วก็ต้องตาค้างอย่างตกตะลึงราวกับถูกผีหลอก เมื่อใบหน้าของชายหนุ่มนิสัยชั่วคนนั้นมาปรากฎอยู่ตรงหน้า
“คุณ!”
“เจอกันอีกแล้วสินะ” ไอศูรย์ทิ้งกายนั่งลงบนเตียง พลางกระตุกยิ้มเป็นต่อใส่คนที่พยายามบิดข้อมือไปมาให้เชือกเส้นหนาหลุดออกไป แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
“ที่นี่ที่ไหน”
“เป็นคำถามคลาสสิค เหมือนในละครหลังข่าวไม่มีผิดเลยเนอะ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน
“ก็บ้านฉันเอง” คำตอบของเขาดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับตัวเท่าไหร่แต่มันกลับเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดสำหรับหวายเลยก็ว่าได้ที่เข้ามาอยู่ในบ้านของผู้ชายใจทราม คนที่หวายอยากตั๊นหน้าเขาให้ดั้งหักสักสิบรอบ!
“แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ลูกน้องของฉันเป็นคนพามา”
“ลูกน้องคุณ?”
“ใช่”
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“อยู่กับฉันไปสักพักเดี๋ยวนายก็จะเข้าใจเอง”
“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร” หวายตีหน้างง ผู้ชายคนนี้พล่ามอะไรนักหนา แทนที่จะพูดออกมาให้ชัดๆ ไม่ใช่ต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทย
“งั้นฉันจะบอกให้เอาบุญแล้วกัน พี่ชายกับแม่เลี้ยงขายนายให้เป็นสมบัติของฉันแล้ว ทีนี้เข้าใจหรือยัง”
“ตลกเถอะ คิดว่าผมจะเชื่อเรื่องงี่เง่าปัญญาอ่อนพวกนี้หรือไง”
“แล้วถ้างั้นนายลองใช้สมองน้อยๆ คิดสิว่ามีเหตุผลอะไรที่นายต้องมาอยู่ในบ้านของฉัน”
“…..”
“สองคนนั้นโดนผีพนันเข้าสิงจนถอนตัวไม่ขึ้น แล้วก็เป็นหนี้ฉันสิบล้านบาท แต่ไม่มีเงินมาคืนทั้งต้นทั้งดอก เขาก็เลยยื่นข้อเสนอขายคนแทนการใช้หนี้ อ่อ มีลายเซ็นสองแม่ลูกนั่นชัดเจนเลยนะ นายดูสิ” ไอศูรย์โยนเอกสารไปตรงหน้าหวายให้ได้เห็นเต็มสองตา
หวายกวาดสายตาอ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียด เขาจุกที่ลำคอจนพูดอะไรไม่ออก จริงอยู่ที่ศรัณกับพิมพ์จันทร์เคยทำร้ายเขาและใช้งานสารพัดราวกับพวกทาสในละครหลังข่าวที่เคยดู แต่ไม่คิดว่าจะทำกันได้ลงคอถึงขนาดขายเขาให้เจ้าหนี้จอมโหดเพื่อเอาตัวรอด
“ถึงกับอึ้งไปเลยเหรอ”
“…..”
 “ฉันว่าเราคงมีเรื่องที่ต้องตกลงกันระหว่างอยู่ที่นี่แล้วละ ว่านายควรทำตัวยังไงให้น่ารัก”
“ผมไม่อยู่”
“ถ้ามีปัญญาออกไปจากรั้วบ้านฉันได้ก็เชิญเลย” ไอศูรย์ไม่ใช่แค่ข่มขู่แต่เขารู้ว่ายังไงหวายก็ไม่มีทางหนีไปไหนรอด แค่ก้าวออกไปนิดเดียวเขาก็จะลากตัวเด็กนี่มาหวดทำโทษด้วยแส้ม้าสักทีสองทีให้สาสม!
 “คุณนี่แม่ง…”
“แม่งอะไร พูดต่อให้จบสิ” ไอศูรย์ตาวาวโรจนฺเมื่อหวายหลุดคำหยาบคายออกมาให้ระคายหู
“เลวไง”
“ปากดีแบบนี้ฉันเริ่มสนุกแล้วสิ” ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ท้ายทอยอีกฝ่ายเพื่อบังคับให้แหงนหงายใบหน้าขึ้น ชายหนุ่มจ้องลึกลงไปในดวงตากลมคู่หวานที่ทอแสงแห่งความเกลียดชังใส่เขา ก่อนบดขยี้ริมฝีปากลงไปอย่างป่าเถื่อนไร้ความปรานี
เด็กหนุ่มพยายามเบือนหน้าหนีการรุกรานอันแสนหยาบกระด้างของเขาให้พ้น ทว่ามือทั้งสองกลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เพราะถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ หวายรู้สึกหายใจติดขัดเมื่อลิ้นร้อนตวัดเข้ามาโลมเลียในโพรงปากอย่างสนุกสนานและบ้าคลั่ง  แต่ใช่ว่าคนอย่างหวายจะยอมให้เขาถูกเป็นฝ่ายกระทำแต่เพียงผู้เดียวเมื่อสบโอกาสเหมาะที่ไอศูรย์เลื่อนใบหน้ามายังซอกคอขาวเลยจัดการฝังเขี้ยวลงบนท่อนแขนหนาของเขาจนเกิดรอย ทำให้คนร่างสูงหยุดการรุกรานได้ทันที ดวงตาคมสีนิลจ้องเขม็งใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง นึกอยากจับหักคอเด็กบ้าจอมพยศซะเดี๋ยวนี้
“เป็นหมาหรือไงถึงได้ชอบกัดคนอื่น!”
“คุณบังคับให้ผมต้องทำแบบนั้นเองนี่”
“เหรอ ชอบซาดิสต์ก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรก ฉันจะได้จัดให้สมใจอยาก!”
แคว่ก!
ไอศูรย์จัดการฉีกทึ้งเสื้อของเด็กหนุ่มจนมันขาดวิ่น เผยให้เห็นผิวขาวน่าสัมผัส สองมือบีบเข้าที่ไหลเล็กเอาไว้แน่นไม่ให้ขยับหนีเขา ก่อนฝังเขี้ยวคมลงบนไหล่บางจนเกิดรอย
“โอ๊ยย!! ปล่อยนะ เจ็บ..ไอ้เลว!” หวายร้องออกมาด้วยความเจ็บแสบ พลางจ้องตอบอีกฝ่ายตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจนตัวสั่น อย่าให้หลุดไปได้แล้วกัน จะอัดมันให้น่วมเลยคอยดู
“เป็นไง ผลของการฤทธิ์มาก มันน่ากัดให้เนื้อหลุดดีนัก!”
หวายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจากคมเขี้ยวของเขา ส่วนไอศูรย์ได้แต่มองมาด้วยสายตาวาวโรจน์น่ากลัวดั่งซาตาน เด็กนี่ไม่ธรรมดาเลย ทีแรกเขาว่าจะสั่งสอนศรัณกับพิมพ์จันทร์ให้กระอักเลือดเสียหน่อย แต่ตอนนี้คิดว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกันที่เกมการแก้แค้นของเขาจะมีหวายเข้ามาเกี่ยวข้อง!



                                                 :mew2: ............................................. :mew6:

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} ใต้ความป่าเถื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 13-02-2017 12:04:18
ตามคะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} ใต้ความป่าเถื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-02-2017 21:38:49
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} ใต้ความป่าเถื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 13-02-2017 22:55:49
อยากให้ตรงหัวข้อแจ้งวันอัพกับตอนที่เท่าไรด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} อาหารมื้อเช้า 15-02-60
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 15-02-2017 15:43:16
         เด็กหนุ่มนั่งอยู่ตามลำพังในห้องนอนกว้างที่ไอศูรย์ให้เขาซุกหัวนอนในระหว่างอยู่ที่บ้านหลังนี้ ผู้ชายใจเหี้ยมคนนั้นเดินออกไปพร้อมปิดประตูตามหลังอย่างแรง หลังมอบความเจ็บแสบมาให้ด้วยการกัดตรงหัวไหล่คนตัวเล็กกว่าจนเกิดรอยเพื่อเป็นการเอาคืนแบบสาสม ก่อนดึงเชือกที่พันรอบข้อมือออกให้แล้วโยนมันทิ้งกลางห้องแบบไม่แยแส การกระทำของคนเป็นเจ้าของบ้านไม่แตกต่างจากพวกผีห่าซาตานเลยสักนิด แต่อย่าคิดว่าคนอย่างหวายจะต้องกลัวจนหัวหดแล้วร้องไห้ขี้มูกโป่งพนมมืออ้อนวอนเสียงกระเส่า
        บอกเลย ไม่มีทาง!
       หวายรีบควานหาเสื้อผ้าในตู้ที่มีอยู่หลายชุดเพื่อมาสวมใส่ปกปิดร่างกายเกือบเปลือย หลังจากถูกดึงทึ้งออกไปจนมันขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ทั้งโกรธทั้งแค้นไปถึงคนเป็นพี่ชายต่างสายเลือดอย่างศรัณกับผู้เป็นแม่เลี้ยงที่เอาเขามาขายใช้หนี้มหาศาลโดยที่เขาไม่เต็มใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไม่น่าทำกับผมแบบนี้เลยนะ” หวายบ่นพึมพำขณะกระแทกตัวนั่งลงบนเตียงหลังคว้ากางเกงยีนส์พอดีตัวกับเสื้อยืดเข้ารูปสีฟ้ามาสวมใส่ ดูเหมือนคนเป็นเจ้าของบ้านจะจัดการเตรียมข้าวของเสื้อผ้าเอาไว้ให้พร้อมเพรียงในห้องนี้แล้ว
แต่แค่นี้หวายไม่คิดว่าเขาเป็นคนดีอะไรหรอก ก็แค่มหาเศรษฐีอวดความร่ำรวยว่าตัวเองมั่งคั่งขนาดไหน…ก็เท่านั้น
เด็กหนุ่มเดินวนไปรอบห้อง เห็นเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ตั้งวางอยู่ตามมุมต่างๆ ห้องนี้มันกว้างขวางมากกว่าห้องเดิมที่ตนเคยอยู่หลายเท่า แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเขามาอยู่ด้วยความไม่เต็มใจ อยากหนีออกไปจากที่นี่แทบทุกลมหายใจเลยด้วยซ้ำ
บ้านที่อยู่แล้วเหมือนตกนรกทั้งเป็น
แต่ถ้าเขาหนีออกไป พี่ชายของเขากับแม่เลี้ยงคงถูกขุดหลุมฝังทั้งเป็นอยู่ที่ไหนสักที่บนโลกใบนี้
อยากจะเป็นบ้าให้มันรู้แล้วรู้รอด
นี่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรือไง
หวายเดินสำรวจในห้องได้ไม่นาน สาวรับใช้คนหนึ่งในชุดเครื่องแบบแม่บ้านสีฟ้าก็ย่างกายเข้ามารายงานด้วยท่าทางนอบน้อมที่ถูกอบรมมาอย่างดีเยี่ยม
“คุณไอศูรย์ให้ดิฉันเชิญคุณไปที่ห้องรับประทานอาหารค่ะ”
“เชิญผม?”
“ใช่ค่ะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
“งั้นตามดิฉันมาเลยค่ะ” สาวรับใช้พูดจบก็เดินนำสมาชิกใหม่ไปทันที หวายถึงกับถอนหายใจยืดยาวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะเดินตามหลังไปเงียบๆ ทั้งที่ในใจก็ไม่อยากจะไปพบหน้าซาตานใจโฉดผู้นั้นแม้เพียงเสี้ยวนาที
จริงๆ เขาก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าผู้ชายคนนั้นชื่อ ‘อสูร’
เหอะ! ชื่อประหลาดเป็นบ้า แต่ช่างเถอะ ดูๆ ไปชื่อก็เหมาะสมกับการกระทำดีแล้ว
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารที่มีข้าวต้มกุ้งส่งกลิ่นหอมฉุยถูกตักใส่ถ้วยเซรามิกลวดลายสวยงามรอเอาไว้ให้จึงปรายหางตาไปยังคนหัวโต๊ะที่นั่งคอยท่าอยู่ อีกฝ่ายตวัดสายตาขึ้นมาจ้องเขม็งที่ใบหน้าใสๆ พร้อมกล่าวตำหนิเสียงดุเล็กน้อย
“นั่งลงสิ นายจะยืนค้ำหัวฉันอีกนานไหม”
“ขอโทษครับ คุณอสูร”
“นายเรียกฉันว่าไงนะ” ไอศูรย์เริ่มฉุนอีกรอบ เด็กนี่อวดดีไม่เลิกบังอาจมาเรียกเขาว่าอสูรงั้นเหรอ
 “ผมก็เรียกชื่อคุณไง”
“ฉันชื่อ ไอศูรย์ ไม่ใช่ อสูร”
“งั้นผมคงฟังผิดมา ขอโทษด้วยแล้วกัน” หวายกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ จะชื่อแซ่อะไรก็ช่าง ไม่ใช่กงการที่ต้องมารู้เสียหน่อย
 “อาหารพวกนี้ใส่ยาพิษหรือเปล่า” หวายมองข้าวต้มในชามแล้วถามประชดโดยที่ยังไม่ได้ตักกิน
“ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอก”
“ก็ดี เพราะผมหิว” เด็กหนุ่มตักอาหารเข้าปาก เขาหิวจริงๆ ไม่ได้พูดจากวนส้นตีนอะไร เพราะไม่มีอาหารลงกระเพาะมาหลายชั่วโมง ยังไงก็ถือคติที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องเอาไว้ก่อน เพื่อมีแรงไปสู้รบปรบมือกับคนแถวนี้
“ถ้าจะกินไปคุยไป คุณคงไม่ว่าอะไรผมนะ”
“นายนี่เป็นเด็กที่มีปัญหาเยอะดีนะ รู้ตัวหรือเปล่า” ไอศูรย์แค่นยิ้มแล้วกินอาหารของตัวเองบ้าง
“ถ้าชีวิตผมไม่มีปัญหาอะไร ผมคงไม่ได้มานั่งกินข้าวต้มกุ้งในบ้านของคุณหรอก”
“อย่ามากวนประสาท มีอะไรก็ว่ามา”
“ผมจะหาเงินมาใช้หนี้คุณแทนป้าจันทร์กับพี่กาย คุณจะว่ายังไง”
คนฟังถึงกับกระตุกยิ้มมุมปาก เด็กนั่นพูดว่าจะหาเงินมาคืนเขา นี่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
“เดี๋ยวนะ…เงินนั่นมันสิบล้าน ไม่ใช่สิบบาท นายแน่ใจเหรอว่าจะหาคนเดียวไหว”
“ผมไหวแน่ถ้าคุณมีเวลาให้ และไม่โหดร้ายกับผม”
“อย่าดันทุรังเลยดีกว่า ต่อให้ชาติหน้านายก็ไม่มีปัญญาหามาได้หรอก”
“แต่การที่ผมต้องมาอยู่ในบ้านคุณซึ่งไม่ต่างจากทัณฑสถาน คุณคิดว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน มันมีอะไรมากกว่าที่นายคิดอีกเยอะเลยละ แต่ตอนนี้นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก กินข้าวไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นคนเป็นลมตายอยู่ในบ้าน”
“แล้วผมควรรู้เมื่อไหร่”
“เมื่อถึงเวลา”
“คงไม่เกินชาติหน้าว่างั้น”
“ถ้านายไม่กวนฉันสักครั้งจะชักดิ้นตายหรือไง” ไอศูรย์นึกอยากจับเด็กปากร้ายมาเขย่าตัวจนหัวสั่นคลอนเสียให้เข็ด หรือไม่ก็มัดกับเสาแล้วจับถอดกางเกงหวดก้นด้วยแส้ให้นั่งไม่ลงไปอีกนาน อยากรู้จริงๆ ว่าจะยังกล้าปากดีกับเขาอีกหรือเปล่า แต่ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดให้อาหารมื้อเช้าเสียอรรถรส
แต่พอนึกถึงใบหน้าของศรัณความแค้นที่สุมอยู่ในอกก็แล่นพล่าน สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นมันทำระยำไว้กับน้องสาวของเขา เขาไม่จบแค่นี้แน่ ยิ่งคิดถึงอารดาน้องสาวสุดที่รักก็ยิ่งแค้นใจเพิ่มอีกล้านเท่า!
ไอศูรย์ยังจำได้ดี ตอนเขาส่งตัวอารดาไปพักรักษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยจ้างพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อที่เขาจะได้จัดการสั่งสอนคนชั่วช้าให้หลาบจำ
แน่นอนว่าเกมการแก้แค้นของเขามันไม่มีทางจบลงอย่างง่ายดายเป็นแน่ ศรัณต้องมีลมหายใจเพื่ออยู่ให้เขาได้ทรมานไปอีกนาน
“กินเสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องด้วย”
“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือไง”
“นายคงไม่คิดว่าการที่มาอยู่ในบ้านของฉัน ฉันจะให้นายทำแค่ กวาดบ้าน หุงข้าว ล้างจานหรอกนะ” ไอศูรย์พูดพร้อมแสยะยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่แสนทุเรศในสายตาของหวายไม่น้อย
 “คุณจะให้ผมทำอะไร”
“ฉันไม่ได้ให้นายทำอะไร”
“…..”
“แต่ฉันมีเรื่องต้องตกลงกับนายในระหว่างที่อยู่กับฉันในบ้านหลังนี้ และมันเป็นเรื่องที่นายคงปฏิเสธฉันไม่ได้”





                                                  ..........................................................




ติดตามนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่ 5 อาหารมื้อเช้า 15-02-2560
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 18-02-2017 22:27:33
ติดตามนะคะเนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะชอบแนวนี้จัง :mew2:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่6 20-02-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 20-02-2017 18:07:57
   หลังอาหารมื้อเช้าอันแสนน่าอึดอัดจบลง หวายก็เข้ามาพบคนเป็นเจ้าของบ้านที่ห้องนอนของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ชายหนุ่มร่างสูงยกสองแขนกอดอกแล้วเดินวนรอบคนที่ตัวเล็กกว่าราวๆ สิบกว่าเซ็นเห็นจะได้ซึ่งยืนทื่ออยู่กลางห้องกว้างเหมือนหุ่นยนต์
“คุณจะสำรวจผมอีกนานเท่าไร” หวายอดไม่ได้จะถามเขาขึ้นมา เมื่ออีกฝ่ายหยุดยืนตรงหน้าส่งสายตาประกายบางอย่างที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร สายตาคมๆ ของเขาเหมือนพวกปีศาจร้ายอะไรเทือกนั้นไม่มีผิด ก่อนที่นิ้วแกร่งจะเปลี่ยนมาเชยคางเล็กๆ ของคนถามแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก
 “นายก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ”
“ไร้สาระว่ะ” หวายปัดมือเขาออกจากใบหน้าอย่างนึกรังเกียจ
“การที่ฉันชื่นชมมันเป็นเรื่องไร้สาระตรงไหน”
“ผมไม่ได้ขอร้องให้คุณมาชื่นชมอะไรผมสักหน่อย”
“ตามใจ”
“คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมแล้วใช่ไหม ผมจะได้ออกไปสักที” หวายหงุดหงิดไม่น้อยกับผู้ชายลีลาท่ามากอย่างไอศูรย์ ไหนว่าเรียกเขามาเพราะมีเรื่องสำคัญแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาสักที
“ใจร้อนไปไหนเล่า ฉันกำลังจะพูดอยู่นี่ไง”
“งั้นก็ว่ามาเลย ผมรอฟังนานแล้ว”
“ฉันจะพูดถึงกฎของการอยู่ร่วมกันในบ้านของฉัน”
“กฎบ้าบออะไรของคุณอีก แค่ผมต้องเข้ามาใช้ชีวิตเหมือนนักโทษในเรือนจำยังไม่พอใจหรือไง” หวายไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรนักหนา
 “เลิกถาม แล้วฟังฉัน” ชายหนุ่มจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนดึงให้ไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน
“ข้อหนึ่ง ฉันอนุญาตให้นายไปมหาวิทยาลัยได้เหมือนเดิม แต่ต้องมีคนของฉันไปรับไปส่ง”
“…..”
“ข้อสอง เลิกติดต่อกับศรัณและพิมพ์จันทร์ แล้วก็ผู้ชายที่ชื่อณพลนั่นซะ นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”
“…..”
“ข้อสาม นายต้องอยู่กับฉันเป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากนั้นฉันจะปล่อยนายให้เป็นอิสระอย่างที่นายต้องการ”
“…..”
“และข้อสุดท้าย คนที่นายจะต้องเชื่อฟังคำสั่งมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น…นายทำได้หรือเปล่า”
“เหอะ! ที่คุณพล่ามมาทั้งหมด ผมทำไม่ได้สักข้อ”
“ฉันนึกอยู่แล้วว่านายต้องพูดคำนี้ เพราะถ้านายบอกว่าทำได้แบบง่ายๆ โลกคงถล่มทลายลงมา” ชายหนุ่มยิ้มหยัน เขาเดาอะไรไม่เคยพลาด แต่ก็ดีแล้ว สิ่งที่เขาเตรียมมาจะได้ไม่สูญเปล่า
มีอะไรสนุกๆ ให้เล่นแล้วสิ!
ชายหนุ่มจัดการกดโทรศัพท์ออกไปหาลูกน้องคนสนิทเพื่อสั่งงานสำคัญบางอย่าง เขาอยากจะสั่งสอนให้คนอวดดีบางคนได้รู้สึกรู้สาเสียบ้าง
“ไปกับฉันหน่อยหวาย…ฉันมีอะไรให้นายดู”
“ดูอะไร”
“มาเถอะน่า เดี๋ยวนายจะได้เห็นอะไรดีๆ ที่ฉันเตรียมเอาไว้ให้”

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่าย พอไม่ยอมลุกตามเขา คนตัวโตบ้าอำนาจก็ตามมาฉุดให้เดินไปด้วยกัน กระทั่งถูกพาเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมที่แสนกว้างขวาง มีแสงไฟสีเหลืองนวลสลัวเปิดทิ้งเอาไว้เพียงดวงเดียว
หวายเพ่งสายตาไปยังกลางห้อง สิ่งแรกที่ปรากฏต่อหน้าทำเอาคนมองถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนอุทานลั่น
“พี่พล!” คนถูกเรียกไม่สามารถจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงได้แม้แต่นิดเดียว แขนทั้งสองข้างถูกเชือกเส้นหนามัดโยงไปคนละทางกับขื่อด้านบนเพดาน 
ใบหน้าคมคายที่เคยหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาบัดนี้กลับเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตามตัว เสื้อผ้าเปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำ โดยชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนขนาบข้างซ้ายขวาเพื่อรอรับคำสั่งจากคนเป็นเจ้านาย รวมทั้งอลงกรณ์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง
“คุณทำอะไรพี่ผม” หวายตะโกนใส่หน้าไอศูรย์ หมายจะก้าวไปหาคนที่อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ชายหนุ่มกลับรวบร่างเล็กกว่ามาไว้กับตัว
“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยหมอนั่น ก็ยอมทำตามกฏของฉันทั้งสี่ข้อ ว่ายังไง”
“คุณนี่แม่งเลวสมบูรณ์แบบจริงๆ เลยว่ะ” หวายสบถด่าออกไปอย่างเหลืออด แต่คนถูกด่าทอกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านในอกสักนิด เขากลับคลี่ยิ้มเย็นราวกับปิศาจร้าย
“รู้สึกว่านายจะตอบฉันช้าไปหน่อยนะ ดิว..ช่วยทำให้เขาเปลี่ยนใจหน่อยสิ” จบคำสั่งหมัดหนักๆ ของอลงกรณ์ก็กระแทกเข้าใบหน้าของณพลอย่างแรงหนึ่งครั้ง หวายหันไปมองตามเสียงร้องโอดครวญจากพี่ชายร่วมโลกที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด
“บอกลูกน้องของคุณให้หยุดทำป่าเถื่อนกับพี่ผมได้แล้ว”
“ถ้าอยากให้หยุดก็บอกฉันสิว่านายจะยอมฉัน”
“เออ! ผมยอมแล้ว พอใจหรือยัง!”
 “ดี!” ไอศูรย์เหยียดยิ้มอย่างผู้ได้รับชัยชนะ ก่อนสั่งลูกน้องให้ปล่อยตัวณพลกลับไปในเมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการ
หวายมองสภาพของณพลแล้วรู้สึกสงสารและเป็นห่วงจับใจ ทำท่าจะก้าวเข้าไปหาคนที่ถูกหิ้วปีกจากลูกน้องของอสูรใจทราม แต่กลับถูกกระชากด้วยมือหนาให้เดินออกมากับเขาด้านนอก
“กฏข้อสอง เลิกติดต่อกับศรัณ พิมพ์จันทร์ แล้วก็ผู้ชายที่ชื่อณพล”
“ไม่ต้องมาย้ำ ผมจำได้ดี” หวายสะบัดแขนออกห่างอย่างรังเกียจ ประสานสายตากับอีกฝ่ายโดยไม่กลัวเขา
“แล้วก็รู้เอาไว้ด้วยว่าตั้งแต่ผมเกิดมาไม่เคยเกลียดใครเท่าคุณเลย”
 “ต่อให้นายเกลียดฉันให้ตาย นายก็หนีฉันไปไม่พ้นอยู่ดี..วีรภัทร!”



                                                                          :m31: :m31: :m31: :m31:


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่7 21-02-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 21-02-2017 16:45:25
“เชี่ยแม่ง! ร้อนฉิบหาย แอร์ก็เสีย พัดลมก็มีอยู่ตัวเดียว นี่มันบ้านคนหรือรังหนูวะ” ศรัณกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าสภาพทรุดโทรมด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่น้อย
ตั้งแต่เขากับแม่ต้องระเห็จออกมาจากบ้านหลังเดิมเพราะถูกยึดให้ไอศูรย์ไปแล้ว ทั้งคู่จึงต้องออกมาหาบ้านเช่าหลังซอมซ่ออยู่เพื่อเป็นที่ซุกหัวนอน ส่วนบริษัทที่เคยทำก็โดนยึดไปด้วย รวมไปถึงรถยนต์และเฟอร์นิเจอร์แทบทุกชิ้นที่เคยเป็นสมบัติของตัวเอง
“ทนเอาหน่อยนะกาย อีกไม่นานพอมีเงินเราก็ค่อยขยับขยายไปอยู่ที่อื่นกันไง” พิมพ์จันทร์ที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้านอยู่นั้นเอ่ยขึ้นเหมือนจะให้กำลังใจลูกชาย แต่อีกฝ่ายไม่คิดแบบนั้น
“แม่ก็ได้แต่พูดอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่เงินมันจะงอกขึ้นมา เราสองคนไม่ต้องนอนแห้งตายกันก่อนหรือไง” คนเป็นลูกย้อนกลับด้วยท่าทางขึงขัง อารมณ์ตอนนี้บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตเส็งเครงเต็มทนที่ต้องอดทนอยู่บ้านไปวันๆ แบบไร้จุดหมาย
“กายก็ออกไปหางานทำสิ งานในกรุงเทพมีถมเถไป”
“เหอะ พูดเป็นหนังตลกไปได้” คนฟังเลิกคิ้วขึ้นมองมารดาก่อนแค่นเสียงหัวเราะแห้งๆ
“จะไปยังไงรถก็ไม่มีให้ขับแล้ว”
“ก็ขึ้นรถเมล์ไปก่อนไง  ถ้ามีเงินเราค่อยหาซื้อรถใหม่”
“อย่างกายเนี่ยนะจะขึ้นรถเมล์ ไปยืนเบียดกับคนอื่น ไม่ไหวหรอก มันร้อน อีกอย่างนะ กายไม่อยากไปเป็นลูกจ้างใครเขาแม่ก็น่าจะรู้” ศรัณรู้สึกอารมณ์บูดกว่าเก่าเมื่อได้ฟังคำแนะนำของมารดา ต่อให้พูดหว่านล้อมอย่างไรเขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี ชีวิตที่เคยสุขสบายมีรถยนต์คันหรูขับโฉบไปโฉบมา มีบ้านที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีบริษัทเล็กๆ ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิท แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับสูญสลายไปในพริบตา
“แล้วจะเอายังไง”
“ไอ้หวายมันน่าจะช่วยเราได้ แม่ลองไปขอเงินมันหน่อยดิ”
เราส่งมันไปอยู่กับคุณไอศูรย์แล้ว มันก็ต้องไปเป็นทาสให้พวกเศรษฐีใช้งาน”
“โธ่เว้ย! ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ” ชายหนุ่มสบถเสียงกร้าวเล่นเอาพิมพ์จันทร์ตกใจในท่าทางของลูกชาย หากสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าการเดินเข้ามาปลอบโยนให้กำลังใจอีกครั้ง
“แม่กะว่าจะขายน้ำเต้าหู้ไปพลางๆ ก่อน ถ้ากายไม่อยากทำงานบริษัทมาช่วยแม่ขายก็ได้นี่ ได้เงินไม่เยอะก็ดีกว่าเราไม่ได้อะไรเลย” คนฟังลุกพรวดขึ้นจากโซฟาก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ
“ไม่เอา ใครรู้อายเขาตายเลยแบบนั้น” เอ่ยจบก็กระแทกเท้าขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที ปล่อยให้คนเป็นแม่ได้แต่ถอนใจส่ายหน้าแรงๆ กับท่าทางของลูกชาย ก่อนจะนึกไปถึงใครอีกคนด้วยความเกลียดแสนเกลียด
“เป็นเพราะแกคนเดียวไอ้กาฝาก ชีวิตลูกชายฉันถึงได้ตกต่ำแบบนี้”


                                               :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:



“จัดการสองแม่ลูกนั่นให้ฉันด้วยนะ คอยก่อกวนพวกมันให้ถึงที่สุด ทำยังไงก็ได้ให้มันหมดหนทางทำมาหากิน  ฉันอยากเห็นพวกมันทุรนทุรายจนต้องคลานมากราบแทบเท้าฉัน” ไอศูรย์กรอกเสียงผ่านทางโทรศัพท์กับอลงกรณ์ ลูกน้องคนสนิทเพื่อสั่งการลงไป ก่อนจะวางสาย
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาว สอดแขนทั้งสองข้างไว้ใต้ท้ายทอยเมื่อหวนคิดไปถึงน้องสาวของตัวเองที่ยังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่ต่างประเทศ
เมื่อไหร่จะฟื้นสักทีนะเอย
ไอศูรย์อยากให้อารดาหายกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าจะมีปาฏหาริย์เกิดขึ้นหรือเปล่า แต่เขาก็ยังหวังว่ามันจะมี
มันจะต้องมี
ในสักวัน
ชายหนุ่มมัวแต่นอนหลับตาคิดถึงเรื่องของอารดาเพลินไปหน่อยเลยไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นหวายเข้ามาในห้องทำงานของเขา
 “กาแฟกับของว่างครับ” หวายวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ
“จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
 “ผมยืนเคาะอยู่ตั้งนาน  คุณไม่ได้ยินเองหรือเปล่า”
“งั้นเหรอ”
“ครับ”
“งั้นก็ช่างเถอะ” ไอศูรย์ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงด้วย เขายกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มเพียงนิดเดียวก่อนจะกระแทกลงในจานรองอย่างเก่า
“ชงกาแฟยังไงของนาย หวานอย่างกับทำน้ำตาหกใส่ไปทั้งกระสอบ”
“ผมก็ชงตามที่คุณสั่งไงครับ ครีมสอง น้ำตาลหนึ่ง”
“นายแน่ใจนะ”
“ผมแน่ใจ”
“อย่าให้รู้นะว่านายจงใจแกล้งฉัน ไม่อย่างนั้นนายจะโดนแบบหมอนั่น” ไอศูรย์พูดถึงหมอนั่นหวายก็รู้ทันทีว่าคงหมายถึงณพล คิดแล้วก็อดสงสารไม่ได้ที่พี่ชายร่วมโลกต้องมาเจอเรื่องระยำแบบนั้นเข้า แต่ตอนนี้หวายก็คงไม่มีปัญญาทำอะไรได้ อิทธิพลของไอศูรย์น่ากลัวเกินกว่าเขาจะเอาไปแลกด้วย อีกอย่างกลัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมออกไปได้ใช่ไหมครับ” หวายไม่อยากยืนอยู่ในห้องของเขานานๆ กลัวจะเสียสุขภาพจิตไปทั้งวัน ในเมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการเรียบร้อยก็เลยอยากถอยไปไกลๆ
“ถ้าไม่มี แต่ฉันจะให้นายยืนอยู่อย่างนี้จนกว่าฉันจะทำงานเสร็จ นายจะมีปัญหาอะไรไหม วีรภัทร” เป็นอีกครั้งที่ไอศูรย์เรียกชื่อจริงของหวาย แม้จะไม่ชอบใจเท่าไหร่เพราะรู้สึกระคายหูชอบกล แต่การทะเลาะกับเขาทุกวันก็ไม่เป็นผลดีกับตัวเองเช่นกัน
“ผมไม่อยากมีปัญหากับคุณ”
“งั้นก็ดีแล้ว เพราะงั้นนายก็ควรรู้ด้วยว่า ต้องทำตัวยังไงเวลาที่อยู่กับฉันในบ้านหลังนี้”
“ครับ”  หวายเผลอกำมือแน่นข้างลำตัว จ้องตอบคนที่กระตุกยิ้มอย่างเป็นต่อ แม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรเขาอย่างที่ใจต้องการได้ แต่ก็พยายามจะอยู่ห่างคนใจคอคับแคบให้มากที่สุด
 “ฉันรู้มาว่านายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่งใช่หรือเปล่า” ไอศูรย์เปลี่ยนประเด็นขึ้นมาดื้อๆ และเป็นเรื่องที่ทำให้หวายไม่เข้าใจว่าเขาจะยกเรื่องนี้มาพูดทำไม เพราะคิดว่าการที่ตัวเองจะเรียนอยู่ปีไหนมันคงไม่ได้อยู่ในความสนใจของนายอสูรบ้าบอนี่หรอก
“ใช่ครับ”
“ฉันจะให้นายย้ายจากมหาวิทยาลัยเดิมมาเรียนที่ใหม่ ซึ่งไม่ห่างจากบ้านของฉันเท่าไหร่ นั่งรถไปสิบนาทีก็ถึง”
“ไม่จำเป็นครับ ผมดรอปเรียนที่เดิมเอาไว้ก่อนได้”
“ไหนว่าจะไม่ขัดคำสั่งฉัน” ชายหนุ่มส่งสายตาดุๆ มาให้
“งั้นก็แล้วแต่คุณ ผมไม่ขัดข้อง”
“ไม่คิดจะขอบคุณฉันสักคำเลยหรือไงที่ช่วยสนับสนุนเรื่องการศึกษาของนาย”
“ผมไม่ได้ร้องอ้อนวอนคุณสักหน่อย”
“หวาย! นายจะต่อปากต่อคำกับฉันมากเกินไปแล้วนะ” คราวนี้ไอศูรย์ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ พอกันที! เขาอุตส่าห์ทำใจเย็นที่จะคุยกับไอ้จอมพยศ แต่มันก็ไม่เลิกปากดีกับเขาสักที สงสัยถ้าไม่ได้กำราบดูบ้างก็คงไม่รู้จักจำ
ฝ่ามืออุ่นเข้ามาคว้าหมับท่อนแขนเล็กเอาไว้แน่น ออกแรงบีบเพียงน้อยนิดก็เกิดรอยแดงเป็นจ้ำจนคนถูกกระทำถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บราวกับกระดูกจะแตกออก
“ผม...เจ็บ!”
ไอศูรย์ไม่สนใจว่าหวายจะเจ็บหรือเปล่า เขากลับดันอีกฝ่ายจนชิดผนังห้อง ตรึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้  ไล่สายตาไปจนทั่วใบหน้าเนียนอ่อนใส
อยากสั่งสอนคนปากดีเต็มกำลังแล้ว
มันจะได้สิ้นฤทธิ์บ้าง
“เก่งนักไม่ใช่หรือไง”
“คุณมันโรคจิต ไอ้โรคจิต!” หวายเผลอพูดออกไปในที่สุด ไม่รู้เพราะลืมตัวหรือเพราะความโกรธกันแน่ที่กล้าท้าทายชายหนุ่ม หากผลของการอวดดีครั้งนี้กลับกลายเป็นริมฝีปากหนาที่บดจูบลงมาอย่างรุนแรงและป่าเถื่อนกว่าครั้งไหนๆ
หวายเผลอครางรับเขาออกไป ไม่รู้ว่าพอใจหรืออยากประท้วงให้เขาถอยไปให้ไกล หากอีกฝ่ายกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ยังคงจูบไซร้ไปทั่วลำคอหอมๆ อย่างบ้าคลั่งก่อนย้ายกลับขึ้นมาขมเม้มที่ริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่ม ไอศูรย์สอดลิ้นเรียวเข้าไปควานหาความหวานฉ่ำในโพรงปาก ตักตวงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ให้ขาดทุน แต่พออีกฝ่ายดิ้นหลุดจนสำเร็จหมัดหนักๆ ก็กระแทกเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มอย่างจัง
ผลัวะ!
ไอศูรย์รู้สึกปวดแปลบ มั่นใจได้เลยว่าแก้มเขาต้องมีรอยช้ำขึ้นสีแดง เขายกมือลูบแก้มตัวเองเบาๆ สายตาคมจับจ้องมายังคนที่ประทุษร้ายเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายจะวิ่งผลุนผลันออกจากห้องไปเสียก่อน
อสูรหนุ่มมองตามหลังแล้วเหยียดยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ไหนไอ้เด็กบ้านั่นมันบอกว่าเกลียดเขาเข้าไส้เข้ากระดูกดำ เกลียดเขายิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนหรือสัตว์เลื้อยคลานทุกตัวบนโลกอีกมั้ง แต่อาการที่เห็นตอนโดนเขาบดจูบอย่างบ้าคลั่งเพื่อเป็นการสั่งสอนเด็กดื้อมันกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
“นายเองก็เคลิ้มไปกับฉันเหมือนกันแหละหวาย”



                                                               ..........................................


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่ึ8 25-02-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 25-02-2017 17:49:41
      หวายเดินออกมาจากตึกคณะบริหารธุรกิจช่วงเวลาหัวค่ำ วันนี้อาจารย์ประจำวิชามีนัดสอนเพิ่มในตอนเย็นทำให้เขาต้องเลิกเรียนช้ากว่าปกติและเลยเวลากลับบ้านไปมากพอสมควร
นับตั้งแต่ไอศูรย์ออกคำสั่งให้เขาย้ายเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ เด็กหนุ่มก็ต้องปรับตัวหลายอย่างในเรื่องการเรียนที่ต้องตามงานให้ทันเพื่อนในห้อง และยังคงมุ่งมั่นเลือกเรียนคณะเดิมคือด้านบริหารการโรงแรมและการท่องเที่ยว
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะย้ายปุบปับแล้วได้เรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเล่าเรียนค่อนข้างแพงลิบลิ่ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่คนอย่างนายอสูรใจทรามจะใช้เงินจำนวนมหาศาลของเขาเพื่อให้หวายได้เข้าเรียนแบบชิลๆ แม้มองผ่านๆ จะเหมือนเขาเป็นผู้ชายใจดีมีเมตตา แต่ลึกๆ แล้วหวายกลับคิดว่ามันตรงกันข้ามมากกว่า
ตั้งแต่มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเด็กหนุ่มก็รู้สึกไม่ต่างอะไรจากนักโทษเลยสักนิดกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะคำสั่งเข้มงวดต่อมาของคนเป็นเจ้าของลมหายใจของหวายคือการให้กลับบ้านก่อนหัวค่ำ หรือถ้าช้ากว่านั้นต้องคอยโทร.รายงานทุกครั้งว่าอยู่ที่ไหนและทำอะไร รวมถึงการห้ามพบปะพูดคุยหรือแอบไปมาหาสู่กับณพลอีกเป็นอันขาด
ผู้ชายคนนั้นมันวางอำนาจใส่เขาสุดๆ ชนิดที่เรียกว่าจะกระดิกตัวไปไหนแต่ละทีก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ
หวายถอนหายใจยืดยาวขณะเดินออกมานอกรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อคิดว่าอีกไม่กี่นาทีต้องเผชิญหน้ากับผู้เป็นเจ้าของบ้านหน้าหล่อแต่ใจเหี้ยมก็แทบอยากกัดลิ้นตายมันเสียเดี๋ยวนี้แล้ว ไม่รู้ว่าชาติก่อนทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับเขา ชาตินี้ถึงต้องมาคอยชดใช้ไม่จบสิ้น
ดวงตากลมปรายมองไปโดยรอบ เตรียมโบกเรียกแท็กซี่กลับบ้านจะได้ไปถึงเร็วๆ วันนี้โทรศัพท์มือถือของเขาแบตหมด จึงไม่ได้โทร.รายงานไอศูรย์เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา
ทว่าเสียงสืบเท้าที่ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำให้หวายหันไปมองด้านหลังโดยอัตโนมัติ สัญชาติญาณของเขากำลังบอกว่ามีคนมาหยุดยืนไม่ห่าง แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อพบกับดวงตาคมกริบที่จ้องลงมาแบบเอาเรื่อง
“พี่กาย” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเด็กหนุ่มก็ถูกลากเข้ามาใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลอดผู้คนเดินสัญจรไปมาบริเวณนั้น
“ใช้ชีวิตสุขสบายจนลืมกูกับแม่ไปเลยนะมึง ไอ้คนเนรคุณ” ศรัณปล่อยแขนน้องชายออกแล้วต่อว่าต่อขานด้วยความไม่พอใจ ขณะมองสำรวจชุดนักศึกษาชุดใหม่ขาวสะอาดทั้งชุด
“ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะพี่กับป้าจันทร์วางแผนเอาไว้จนผมต้องมาอยู่กับไอ้บ้าอำนาจนั่นไง แล้วมาหาว่าเนรคุณมันถูกเหรอวะพี่”
“แล้วมึงจะปล่อยให้กูกับแม่ตายห่าด้วยกันทั้งคู่หรือยังไงวะ”
“ผมมีปัญญาทำอะไรได้บ้าง ก็เห็นอยู่ว่าผมไม่ได้อยากไปอยู่กับเขาสักนิด” คนเป็นน้องขึ้นเสียงกับพี่ชายอย่างเหลืออดในความเห็นแก่ตัวของอีกฝ่าย
“เนี่ยนะไม่อยาก ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ที่เห็นนี่คือมึงได้เรียนที่แพงๆ เพราะคุณไอศูรย์เปย์มึงอยู่ไม่ใช่เหรอไอ้หวาย แต่พวกกูนี่สิไม่มีจะกินอยู่แล้ว หัดสำนึกบุญคุณไว้ซะบ้างนะว่าแม่กูเลี้ยงมึงมา ไม่งั้นคนอย่างมึงก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนหรอกเว้ย!”
“เขาให้ผมเรียนก็จริง แต่คนของเขาก็คอยตามผมอยู่ แถมยังต้องทำงานให้เขาทุกวัน”
 หวายเถียงกลับทันควันรู้สึกเลือดขึ้นหน้าที่ศรัณใช้ถ้อยคำหยาบคายพ่นใส่ไม่หยุด แถมยังไม่เคยคิดจะโทษตัวเองกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“มึงไม่ต้องมาแก้ตัว”
“ก็เรื่องของพี่เถอะ แต่รู้ไว้ซะว่าที่เขาให้ผมเรียนก็คงเพราะอยากมีคนไว้ใช้งาน ไว้รองมือรองเท้ามากกว่า เผลอๆ พอผมเรียนจบอาจจะมัดมือชกให้ผมไปเป็นเบ๊เขาต่อก็ได้ พี่ก็รู้นี่ว่าคนพวกนั้นรวยขนาดไหน เขาอยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“อย่ามาตอแหล ที่มึงพูดมาแม่งฟังไม่ขึ้นสักอย่าง”
“งั้นก็แล้วแต่พี่จะคิดเลย เพราะถ้าผมไม่เห็นแก่พี่กับป้า ผมไปจากเขานานแล้ว นี่ไม่อยากเห็นผู้มีพระคุณต้องลงข่าวหน้าหนึ่งว่าโดนยิงดับคาบ้านหรอกนะ”
“ไอ้หวาย นี่มึงแช่งกูกับแม่เหรอ”
“ผมไม่ได้แช่ง พี่ก็คิดดูดีๆ ดิ ถ้าผมหนีไปอะไรมันจะเกิดขึ้น คิดว่าคุณไอศูรย์จะยอมปล่อยเราสามคนลอยนวลโดยที่เขาต้องสูญเงินเป็นสิบล้านไปด้วยหรือไง” หวายฉุนหนัก ไม่รู้ที่พูดไปศรัณจะฟังเขาบ้างหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ต่างจากสีซอให้ควายฟังสักเท่าไร
“ถ้างั้นมึงก็เอาเงินมาให้กูใช้”
“พี่ยังมีหน้ามาขอเงินจากผมอีกเหรอ”
“เออ หรือมึงจะไม่ช่วยกู”
“ไม่ช่วยโว้ย!” หวายเดินหนีพี่ชายนิสัยเสีย เรื่องอะไรเขาจะต้องช่วย ทุกวันนี้ใช่ว่าจะสบายที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่
นั่นมันไม่ต่างจากคุกเลยละ ขอบอก
เขายอมอดมื้อกินมื้อยังดีซะกว่า
เพราะอย่างน้อยก็ได้อิสรภาพคืนกลับมา ไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งคนบ้าอำนาจพรรค์นั้นไปทั้งชีวิต
“ไอ้หวาย ไอ้น้องเลว มึงไม่ต้องมาเดินหนีกูเลย” ศรัณจ้ำอ้าวตามน้องชายที่ทำเมินใส่ไม่คิดจะช่วยเหลือเขากับแม่
“พี่จะเอาเงินอะไรผมไม่มีหรอก”
 “ไม่มีงั้นเหรอ ได้! งั้นกูคงต้องพิสูจน์ว่ามึงไม่ได้โกหกตอแหล” ศรัณเอ่ยจบก็ทำท่ากระชากกระเป๋าสะพายของน้องชายออกมาจากไหล่บาง หากแต่คนเป็นเจ้าของก็รีบคว้าหมับเอาไว้ ยื้อยุดกันไปมาอยู่ได้ไม่นาน ศรัณก็เป็นฝ่ายชนะจัดการเขวี้ยงกระเป๋าสีดำโยนลงบนพื้น เทของในนั้นลงมาจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
“ไอ้เชี่ยพี่กาย มึงทำไรเนี่ย”
“กระเป๋าตังค์มึงอยู่ไหน” ศรัณหยิบของที่ร่วงบนพื้นมาดูทีละชิ้นมีแต่หนังสือกับอุปกรณ์การเรียน แต่กลับไม่พบสิ่งที่เขาต้องการ
“บอกแล้วไงว่าไม่มี จะค้นกระเป๋าไปทำห่าอะไร” หวายสิ้นสุดความอดทนแล้ว วันนี้เป็นไงเป็นกัน เขาจะไม่ยอมให้ไอ้พี่ชายเฮงซวยโขกสับเขาอีก นับว่าโชคยังดีที่เอากระเป๋าสตางค์ยัดใส่ไว้ในกางเกงสแล็คไม่งั้นศรัณคงคว้าหมับไปแน่ๆ
“มึงเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“หูแตกเหรอ บอกว่าไม่มีไงโว้ย”
“มึงไม่ให้ใช่ไหม ดีล่ะ! กูจะตบมึงจนกว่ามึงจะเอาเงินมาให้” ศรัณฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าน้องชายไปหนึ่งครั้ง!
เพียะ!
“คิดว่ามีมือคนเดียวหรือไงวะ” หวายสวนหมัดกลับ ถึงจะไม่แรงมากแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ศรัณทำร้ายเขาฝ่ายเดียว
“มึงต่อยกูเหรอไอ้หวาย”
“เออ! เอาเลือดออกซะบ้างจะได้รู้สึก ไอ้รีดไถ!” หวายโกยข้าวของใส่กระเป๋าจนหมดแล้วเดินผลุนผลันออกมา ขืนอยู่ตรงนั้นต่อมีหวังได้กระโดดถีบขาคู่พี่ชายตัวเองแน่ๆ คนอะไรงานการไม่รู้จักทำ ดีแต่แบมือขอเงินคนอื่นไปวันๆ ไร้ค่าสิ้นดี!




                                                                   ................................



ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถงใหญ่เด็กหนุ่มก็พบกับคนเป็นเจ้าของบ้านยืนกอดอกรอด้วยใบหน้าดุดันราวกับอาจารย์ฝ่ายปกครองรอเด็กนักเรียนที่มาสายเพื่อชำระความผิด
หวายชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวต่อ มองสบอีกฝ่ายพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก
เจอเรื่องน่าเบื่ออีกแล้วสินะ
 ตอนนี้คาดเดาไม่ได้จริงๆ ว่าโดนลงโทษยังไง เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันมันก็เลวร้ายเกินจะทนแล้ว
“หายหัวไปไหนมา ถึงได้กลับเอาป่านนี้”
“ผมขอโทษ พอดีอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนัดสอนเพิ่มช่วงเย็นครับ” เด็กหนุ่มรีบอธิบายให้เขาฟังโดยเร็ว พยายามข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้ใจเย็นและนับหนึ่งถึงสิบในใจ
อย่าโวยวาย
อย่ายอกย้อน
ท้องไว้ไอ้หวาย!
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกฉันก่อน”
“โทรศัพท์มือถือผมแบตหมด”
“ข้ออ้างหรือเปล่า” ไอศูรย์จ้องเขม็งมาที่ใบหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาจับผิด
“งั้นก็แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คุณเชื่อ เพราะคนอย่างผมโกหกปลิ้นปล้อนไม่เป็น ความจริงเป็นยังไงผมก็พูดออกไปแบบนั้น”
“พูดซะยาวเหยียดทำไม กลัวถูกทำโทษที่กลับบ้านผิดเวลาสินะ” ชายหนุ่มยังคงจับจ้องอีกฝ่ายไม่ยอมละสายตาไปไหน เขาขยับเท้าเข้ามาใกล้แล้วเพ่งมองที่ใบหน้าของหวายซึ่งตอนนี้ปรากฏรอยฝ่ามือห้านิ้วเด่นชัด
“แล้วหน้าไปโดนอะไรมา” พูดจบก็สำรวจมองบนเรือนร่างของอีกฝ่าย เห็นเสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปทั้งตัว 
“ผมซุ่มซ่ามเลยเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“ไหนบอกฉันว่าโกหกไม่เป็น” หวายคงไม่คาดคิดว่าเขาจะรู้เรื่องที่นายศรัณเข้ามายื้อแย่งกระเป๋าแล้วตบหน้าสั่งสอน เพราะเขาคอยให้อลงกรณ์คอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง ไม่นานลูกน้องของเขาก็สาวเท้าเข้ามาสมทบในห้องโถงใหญ่เพื่อรอคำสั่งจากเจ้านาย
“ฉันมีอีกเรื่องที่จะต้องบอกนายนะหวาย”
“อะไรครับ”
 “พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยงที่โรงแรม นายต้องไปกับฉันด้วย สูทที่ต้องใส่ไปงานแขวนอยู่ในห้องนอนของนายแล้ว เจอกันหนึ่งทุ่มวันพรุ่งนี้ อย่าช้าแล้วก็อย่าให้ฉันเป็นฝ่ายรอ ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่” 
“ทำไมผมจะต้องไปด้วย” หวายไม่อยากไปออกงานบ้าบออะไรกับเขาสักหน่อย
“พวกลูกหนี้มีสิทธิ์พูดคำนี้ด้วยหรือไง”
“ขอโทษ…ครับ” เด็กหนุ่มจำใจเอ่ยคำขอโทษ รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อต้องไปออกงานกับผู้ชายใจทราม แค่เพียงอยู่ในบ้านร่วมกันยังหายใจไม่ค่อยสะดวก ยังจะหิ้วเขาไปไหนอีก สู้ออกคำสั่งให้เขาอยู่ตัดหญ้า ล้างรถ ซักผ้า หรือทำงานบ้านทั้งวันยังจะดีเสียกว่า
“นายออกไปได้แล้วไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับลูกน้องของฉัน”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำออกไปโดยไม่ลังเล นี่คือประโยคที่อยากได้ยินที่สุดในวันนี้ เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน อยากล้มตัวลงนอนเต็มแก่แล้ว
“เดี๋ยวก่อน” เท้าเรียวเล็กที่กำลังก้าวขึ้นบันไดชะงักกึกเพราะเสียงห้าวทุ้มที่ฉุดรั้งเอาไว้
“อาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้วเข้าไปนวดให้ฉันหน่อย วันนี้ฉันเมื่อย”
 หวายตวัดสายตามองเขาอย่างขัดใจ หากท้ายที่สุดก็ต้องตอบรับออกไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
เมื่อคล้อยหลังเด็กหนุ่ม ไอศูรย์จึงหันกลับมาที่อลงกรณ์อีกครั้ง ซึ่งรอคอยจะตอบคำถามเขาทุกนาทีอย่างรู้หน้าที่ของตัวเอง
“ไอ้หมอนั่นมันมายุ่งอะไรกับคนของฉันบ้าง” เขาเปิดประเด็นสำคัญทันทีหลังจากตลอดสัปดาห์ที่เขาคอยให้อลงกรณ์ดูความเคลื่อนไหวของหวายเอาไว้ในช่วงที่ไม่ได้อยู่ในบ้าน
“สงสัยมันจนตรอกถึงขนาดต้องมาดักรอขอเงินน้องชายครับคุณไอศูรย์” คำบอกเล่าของลูกน้องทำเอาคนฟังกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
“พวกหมาจรจัด ดีแล้ว บีบมันเข้าไปอีก ให้มันทุรนทุราย มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น”
“ได้ครับ”
“หมอนั่นมันตบหน้าหวายใช่ไหม”
“ครับ”
“ลากตัวมันไปตบคืนเป็นสิบเท่า แล้วก็บอกมันด้วยว่า อย่ามายุ่งกับคนของฉันอีก!”




                                                           .................................................




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่8 25-02-2560
เริ่มหัวข้อโดย: munoy ที่ 26-02-2017 21:20:14
เอาให้หนักเลยไอศูรย์ กล้าดียังไงมาตบหวาย :fire:

รอติดตามน้าาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่9 04-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 04-03-2017 03:52:32
หวายเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของตัวเอง จัดการวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่มุมห้องซึ่งมีไว้สำหรับวางของกระจุกกระจิกทั้งหลายแหล่ ก่อนจะเตรียมตัวอาบน้ำให้สดชื่นแล้วลงไปหาข้าวกินในครัว
พอสาวเท้าลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็ตรงดิ่งไปหาอะไรมาใส่ท้องทันที เด็กหนุ่มเห็นสาวรับใช้วัยสามสิบต้นๆ ที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีตั้งแต่เข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับไอศูรย์ อีกฝ่ายกำลังล้างจานอยู่ด้วยความขยันขันแข็งจึงอดไม่ได้จะรับอาสาเพราะเห็นว่านี่มันก็ดึกแล้ว
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับพี่เจน”
“ไม่เป็นไรค่า น้องหวายทานข้าวมาหรือยัง เดี๋ยวพี่เจนอุ่นอาหารให้นะคะ”
“เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่า ดึกแล้วพี่เจนจะได้ไปพักด้วย”
“อาหารอยู่ในตู้นะคะ พี่เก็บเอาไว้ให้แล้ว มีแกงจืดผักตำลึงหมูสับกับไก่ผัดพริกขิงค่ะ” คนทำบอกถึงเมนูอาหารให้หวายฟังขณะที่กำลังหยิบผ้าผืนสีขาวมาเช็ดจานชามที่ล้างจนสะอาดเกลี้ยงเกลา
เจนไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดหรอกว่าหวายมาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะอะไร มีความสำคัญอะไรกับไอศูรย์ เคยแอบถามจากอลงกรณ์ ฝ่ายนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเพียงว่าเป็นญาติห่างๆ ที่ไอศูรย์อยากส่งเสียให้เรียนหนังสือเพื่อจะได้มาช่วยทำงาน
หลังจากนั้นเจนก็ไม่ได้ถามรายละเอียดจากใครอีกเลย แต่พอได้พูดคุยก็รู้สึกถูกชะตากับหวาย เด็กหนุ่มดูเป็นคนที่กินง่ายอยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก คอยช่วยทำงานบ้านสารพัดไม่ปริปากบ่นสักคำ แถมยังแจกยิ้มให้เธอบ่อยๆ
“พี่เจนใจดีอีกแล้ว” หวายเปิดตู้กับข้าว ยกอาหารสองอย่างออกมาวางบนโต๊ะ เตรียมตักข้าวสวยอุ่นๆ ในหม้อใส่จานมานั่งกิน
“มากินด้วยกันไหมครับ เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง”
“ตามสบายเลยค่ะน้องหวาย พี่กินข้าวไปแล้ว อืม…วันนี้แปลกนะคะ”
“หมายถึงผมเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“แล้ว?”
“ก็คุณไอศูรย์น่ะสิคะ”
“หืม มีอะไรหรือเปล่าพี่เจน”
“คุณไอศูรย์กลับมาถึงบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน แถมยังให้พี่ตั้งโต๊ะตอนหกโมงเย็น แล้วก็ไม่แตะอาหาร เอาแต่นั่งมองนาฬิกาตั้งหลายรอบ เหมือนรอใครแล้วก็สั่งพี่ให้ยกอาหารไปเก็บในครัว ตอนแรกก็ดูอารมณ์ดีอยู่นะคะ พอตอนหลังระเบิดลงจนวิ่งหลบกันแทบไม่ทันเลยค่ะ”
คนตัวเล็กชะงักมือที่กำลังตักข้าวใส่ปาก พลางคิดตามไปกับประโยคของสาวรับใช้ที่เล่าให้เขาฟัง แต่จะว่าไปแล้วปกติก็ใช่ว่าไอศูรย์จะดูใจดีอะไร โมโหร้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพียงแต่วันนี้คงผีเข้าแล้วผีดันไม่ออก อาการเลยหนักหน่อย
“เมื่อก่อนคุณไอศูรย์ไม่ค่อยทานข้าวเย็นหรอกค่ะ ตั้งแต่มีน้องหวายมาอยู่ด้วยนี่ล่ะที่เห็นว่ากลับมาทานข้าวที่บ้านบ้าง” คนพูดเอ่ยจบก็เดินไปเช็ดมือหลังจากทำงานของตนเสร็จสิ้น
“ถ้างั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ”
“ราตรีสวัสดิ์นะครับพี่เจน” หวายเห็นอีกฝ่ายเดินหายออกไปจากห้องครัว จึงนั่งทานอาหารเพียงลำพัง หากคำพูดของสาวรับใช้ก็ยังคงลอยวนเวียนเข้ามาอยู่ในหัวสมองตลอดเวลา
เรื่องไอศูรย์จะกินข้าวหรือไม่กินมันเกี่ยวอะไรกับเขาวะ
ไม่ใช่คนคนเดียวกันเสียหน่อย
ท้องก็ไม่ได้เอามาผูกติดกัน
ต่อให้เขาหิว เขาก็คงไม่คิดจะแขวนท้องรอไอ้ปีศาจร้ายนั่นแน่ๆ
เกลียดมัน เกลียดมันที่สุดในสามโลก!
 หวายพยายามสลัดเรื่องของไอศูรย์ทิ้งไปให้หมดหัว  กลัวจะเสียอรรถรสในการรับประทานอาหารมื้อค่ำเปล่าๆ เพราะกับข้าวที่เจนทำนับว่าอร่อยถูกปากเขาจนต้องตักข้าวเพิ่มอีกสองทัพพี  แต่ทำไมเขากลับสลัดมันออกไปไม่ได้ ตักข้าวกินไปแต่ละคำใบหน้าของไอศูรย์ก็ลอยมาให้นึกถึงได้ไม่หยุดหย่อน
บ้าฉิบ!



                                                                 .....................................



เสียงเคาะประตูที่เป็นสัญญาณบอกว่ากำลังมีใครยืนอยู่หน้าห้อง ทำให้ไอศูรย์ต้องขยับร่างที่กำลังเอนหลังพิงหมอนหนุนตรงหัวเตียงเพียงเล็กน้อย
“เข้ามา” เสียงห้วนๆ เอ่ยอนุญาตออกไปทำให้บุคคลที่ยืนรอเปิดประตูเข้ามาช้าๆ แล้วปิดตามหลังอย่างเบามือ หวายมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจเท่าไร
ไม่ไว้ใจว่าเขาจะให้เข้ามาเพื่อ ‘นวด’ เฉยๆ โดยไม่มีอะไรแอบแฝง
คนแบบนี้พูดอะไรเชื่อได้ที่ไหนกัน
สัจจะไม่มีในหมู่โจรฉันใด อสูรก็ไม่เคยมีสัจจะฉันนั้น…
ตอนนี้ชายหนุ่มมีเพียงเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางกับกางเกงบ็อกเซอร์ที่ปกปิดเรือนร่างแข็งแกร่งเอาไว้ ในมือมีหนังสือเล่มหนาที่อ่านค้าง ก่อนที่เขาจะนำไปวางลงบนโต๊ะข้างเตียงนอน สายตาคมกริบที่จ้องมองกลับมาทำเอาหวายร้อนๆ ที่หน้าอย่างประหลาด
ก็บอกแล้วไงว่าเกลียด!
หวายเกลียดสายตาแบบนั้นของเขาอย่างบอกไม่ถูก
ถึงไอศูรย์จะเป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหวายจะต้องง่ายกับเขาไปเสียหมดโดยเฉพาะเรื่องใต้เข็มขัด
“นายจะยืนอยู่แบบนั้นอีกนานแค่ไหน” ไอศูรย์นึกรำคาญที่เห็นท่าทางของหวาย เด็กนั่นทำเหมือนเขาเป็นผีห่าซาตาน ถึงได้ยืนห่างกันเกือบสองเมตร
“คุณจะให้ผมทำอะไร”
“นวดหลังให้ฉันหน่อย”
ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำลงบนเตียงเสร็จสรรพ  หวายค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ทรุดกายลงบนเตียงแล้วก็ได้แต่จดๆ จ้องๆ เหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยนวดให้ใครมาก่อน
“สั่งชาตินี้ ได้นวดชาติหน้าหรือไง ถึงได้ไม่ยอมลงมือสักที”
“ขอโทษ ผมกำลังจะนวดให้อยู่นี่ไงครับ” เด็กหนุ่มจำใจค่อยๆ วางฝ่ามือลงบนแผ่นหลังหนาผ่านเสื้อกล้ามสีขาว ออกแรงบีบอย่างเบามือไปทีละจุด เขาไม่รู้ว่าต้องลงน้ำหนักมือแค่ไหน ถึงจะทำให้อาการเมื่อยล้าค่อยๆ ดี ขึ้น
ความจริงไอศูรย์ก็มีเงินมากมายมหาศาลออกขนาดนั้นแทนที่จะจ้างหมอนวดสักคนสองคน หรือจ้างเป็นสิบคนมานวดเป็นการส่วนตัวก็คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของมหาเศรษฐีกระเด็นออกไปสักเท่าไร
“ออกแรงหน่อยได้มั้ย แบบนี้เขาไม่เรียกว่านวดหรอกนะ” คนที่นอนคว่ำหน้าเริ่มออกคำสั่งตามมา เมื่อฝีมือการบีบนวดของเด็กในปกครองไม่ได้ดั่งใจเขาสักนิด
เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงออกแรงบีบหนักกว่าเก่า แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ได้ผลเมื่อไอศูรย์รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า
“แรงไปแล้ว” คนพูดพลิกกายขึ้นมามองหน้าคนตัวเล็กกว่าที่นั่งสบตาเขาอยู่ก่อน หากแววตาคมเข้มของไอศูรย์กลับช่วยสะกดให้คนที่เคยแผลงฤทธิ์ใส่บ่อยๆ ล้มเลิกถ้อยคำที่จะตอบโต้เขาออกไป
“ฉันให้นายมานวดหลัง ไม่ใช่ให้มาฆ่าฉัน”
“ก็ผมนวดไม่เป็น”
“อย่างนายเนี่ยนะนวดไม่เป็น”
“ผมไม่เคยนวดให้ใคร”
“ไม่เคยเลยเหรอ”
 “ใช่”
“งั้นฉันก็เป็นคนแรกของนายสินะ” คำพูดสองแง่สองง่ามของเขาทำเอาหวายนึกฉุน ตกลงเขากำลังพูดถึงเรื่องนวดหรือเรื่องอะไรกันแน่วะ ยิ่งเจอสายตาดุดันแต่แฝงความเร่าร้อนยิ่งอยากออกไปจากห้องนี้ให้พ้นๆ ยังไม่อยากเป็นอาหารของอสูร
 “หมดหน้าที่ของผมแล้วใช่ไหม”
“ยัง”
“คุณยังไม่หายเมื่อยอีกหรือไง”
“เปล่า แต่ฉันว่าเรามาหาอะไรที่น่าตื่นเต้นทำกันสักหน่อยดีกว่า”
“อะไรครับ”
“จูบฉัน”
“คุณจะบ้าหรือเปล่า” หวายหน้าร้อนพร้อมว่าเขากลับ  สาบานว่านั่นคือเรื่องน่าตื่นเต้นของไอศูรย์ไม่ใช่การปูทางนำไปสู่เรื่องใต้สะดือแต่อย่างใด
“คุณไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง”
“ก็นี่แหละ เรื่องที่ฉันอยากจะทำกับนาย” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดสักหน่อยที่เขาจะใช้สินค้าของตัวเองให้คุ้มค่าที่สุด ในเมื่อเขาจ่ายเงินไปตั้งแพง
“ผมจูบไม่เป็นหรอก”
“ฉันควรจะเชื่อนายดีมั้ยเนี่ย”
“ทำไม ดูผมเป็นผู้ชายช่ำชองมากนักหรือไง”
“ฉันคิดว่านายกับนายณพลไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเสียอีก”
“เราเป็นพี่น้องกัน”
“คำตอบคลาสสิคสินะ” ไอศูรย์อดแขวะไม่ได้ เขาไม่รู้หรอกว่าหวายกับณพลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปถึงขั้นไหน แต่ได้ข่าวว่าเด็กนี่ชอบออกจากบ้านไปนอนค้างที่หอพักของนายนั่นบ่อยๆ
“ฉันเชื่อก็ได้”
“งั้นผมไปนอนได้หรือยัง”
“นายยังไม่ได้จูบฉันเลย”
“ถ้าผมจูบคุณ ผมก็จะออกไปได้ใช่ไหม”
“ใช่”
บ้าอำนาจ สัดๆ!
หวายนึกอยากมีเวทมนตร์คาถาที่หายตัวได้ และถ้ามันมีจริงๆ เขาจะขอหายไปจากชีวิตของผู้ชายที่ชื่อไอศูรย์คนแรกเลย
แต่เอาเถอะ! เขาอยากให้จูบก็จะจูบ มันจะได้จบ!
หวายค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ มองลงมายังริมฝีปากของอีกฝ่ายเขารู้ว่าต้องจูบยังไง เพียงแต่เขาไม่เคยไปจูบกับใคร เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มีช่วงมัธยมปลายที่เคยไปขายขนมจีบเพื่อนต่างห้องอยู่บ้าง แต่ก็แค่คุยกันและไปกินข้าว เดินจับมือถือแขนเป็นบางครั้ง สบตาอย่างเขินๆ ไม่ถึงขั้นกอดจูบหรือเลยเถิดไปถึงขั้นจูบหรือมีเซ็กส์
 เด็กหนุ่มแตะริมฝีปากบางลงไปยังริมฝีปากของไอศูรย์เพียงแผ่วเบาก่อนถอยใบหน้าออกห่างด้วยความรวดเร็ว แล้วก็ต้องพบกับแววตาดุดันที่ดูท่าว่าจะไม่พึงพอใจกับการจุมพิตเมื่อสักครู่
“ไม่รู้สึกอะไรเลย”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมจูบไม่เป็น”
“ฉันเชื่อแล้วล่ะ” คนตัวโตกว่ามองตอบด้วยดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ ฝ่ามืออุ่นเลื่อนไปประคองท้ายทอยอีกฝ่ายเอาไว้มั่น ก่อนจะดันใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ๆ ตัวเขา
“งั้นตอนนี้นายก็จำเอาไว้ ว่าการจูบเขาทำกันยังไง”



                                                             :mew1: :mew1: :mew1:



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่9 04-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 04-03-2017 14:46:24
ค้างงงงงงง สนุกมากค่ะ รอดตามม ไอศูรไม่ได้โหดร้ายหรอกเราว่า ต้องอยากกันหวายให้ออกมาจากเรื่องที่ตัวเองกำลังทำแน่เลย รอต่อๆ :katai5: :katai4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่9 04-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-03-2017 21:33:50
ค้างอ่ะ สอนจูบยังไงหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่10 09-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 09-03-2017 04:30:18
ไอศูรย์กำลังจะเริ่มทำการสอนวิธีจูบให้คนที่อ่อนด้อยประสบการณ์ แต่หวายกลับพยายามจะเบี่ยงหน้าหลบจนวุ่นวายไปหมด
 “ผมไม่อยากได้วิชาบ้ากามจากคุณเลยนะเว้ย”
“ถ้าอย่างฉันบ้ากาม แล้วอย่างนายเรียกว่าอะไร ใสใสสินะ” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ
 “จะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณ ผมไม่อยากจูบ อุ๊บ!...” ยังไม่ทันจะพูดจบจนปากของเขาก็ประกบลงมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด มันทั้งป่าเถื่อน รุนแรง แต่แฝงความเร่าร้อนปรารถนาอันแรงกล้าเอาไว้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหวายเองก็ครางรับกลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่! มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิวะ
เขาอยากจูบกับไอศูรย์เสียที่ไหนกัน
 “เป็นไง ติดใจแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกเมื่อเขาพอใจแล้ว ไหนว่ารังเกียจเขานักหนา คำก็ไม่อยาก สองคำก็ไม่ต้องการ แต่ที่เห็นนั่นหวายกลับให้ความร่วมมือเขาเป็นอย่างดี
ไอ้เด็กปากแข็ง!
“เผด็จการ บ้าอำนาจ”
“นายไม่ต้องชมฉันบ่อยๆ หรอก แค่นี้ก็ตัวลอยหมดแล้ว” ไอศูรย์ยิ้มกริ่มมีความสุขที่ได้สั่งสอน แต่หวายกลับคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่หน้าหมั่นไส้ไม่น้อย
“หมดเวลาสนุกของฉันแล้ว นายกลับห้องไปเถอะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
เมื่อได้ยินคำสั่งที่อยากได้ยินมานาน หวายจึงไม่รอช้า รีบพาตัวเองออกมาจากเตียงของเขาแล้วกลับเข้าพักโดยไว เพราะถ้าขืนโอ้เอ้นานกว่านั้นไอศูรย์คงไม่ได้สอนเขาแค่จูบเป็นแน่ มันคงจับเขาแก้ผ้าแล้วสานต่อจากเมื่อกี้จนถึงเช้า





เป็นวันที่แสนน่าเบื่อหน่ายสำหรับหวายอีกวัน!
เขาอยากหลบไปที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องไปงานเลี้ยงกับอสูรบ้ากาม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำอย่างนั้นไม่ได้
และเมื่อเด็กหนุ่มลงมาถึงห้องรับแขกก็เห็นไอศูรย์ยืนคุยกับลูกน้องอย่างอลงกรณ์ก่อนที่จะปรายหางตามาหา สำรวจมองคนตัวเล็กกว่าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยแววตาเป็นประกายพึงพอใจ แต่ก็แค่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น ก่อนเปลี่ยนเป็นเฉยชาดังเดิม
 “ไปขึ้นรถสิ มัวยืนรออะไรอยู่” ชายหนุ่มบอกเสียงห้วนก่อนจะรอให้หวายเดินออกไปแล้วเขาเป็นฝ่ายก้าวตามหลัง หลังจากนั้นรถยนต์คันหรูจึงเคลื่อนตัวออกมาพ้นอาณาเขตคฤหาสน์หลังงาม




ภายในงานเลี้ยงที่จัดแสดงโชว์จิวเวอรี่มูลค่านับพันล้านบาท เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมายในวงสังคมชั้นสูงตบเท้าเดินบนพรมแดงที่ปูทอดยาวเข้าสู่ประตูกว้างของโรงแรมชื่อดัง
ทันทีที่รถยนต์ของไอศูรย์จอดสนิท บรรดานักข่าวต่างให้ความสนใจเขาเป็นอย่างมาก หลายคนกรูกันเข้ามาแชะภาพถ่ายรูปเพื่อทำข่าวสังคมไฮโซ หากเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่ยืนแอบอยู่ข้างกายหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง  เหยี่ยวข่าวทั้งหลายก็หันไปให้ความสนใจไม่ต่างกันเพราะอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้าหวายออกงานไหนกับไอศูรย์มาก่อน
“วันนี้คุณไอศูรย์พาใครมาด้วยเหรอครับ”
คำถามสำคัญที่ไอศูรย์คิดว่าถ้าหากเขาพาหวายมาออกงานด้วยก็ต้องมีคนถามแน่ๆ ชายหนุ่มแย้มยิ้มให้กับนักข่าวทั้งหลายที่ห้อมล้อมเขากับคนตัวเล็กด้านข้าง
“ก็…”
“ผมเป็นคนสวนของคุณไอศูรย์ครับ”
หลังจากหวายตอบคำถามแทรกขึ้นมาจบลงเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นพร้อมกับนักข่าวกดรัวชัตเตอร์กันนิ้วเป็นระวิง คนตอบอมยิ้มเล็กน้อย มีความสะใจซ่อนอยู่ข้างใน ไอศูรย์อยากลากเขามางานด้วยดีนัก
“นายหักหน้าฉันทำไม” ชายหนุ่มกระซิบถามข้างหูคนกวนประสาทที่ชิงตอบก่อนเขา ก่อนที่หวายจะฉีกยิ้มใส่แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว เมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้เอาคืนกับเรื่องที่ผ่านมา
“แล้วผมพูดผิดตรงไหน หรือคุณจะให้ผมตอบว่าเป็นของใช้ที่คุณซื้อมา”
“จริงหรือครับคุณไอศูรย์ ที่คุณพาคนสวนมาออกงาน” บรรดานักข่าวยังคงยื่นไมค์เข้ามาสัมภาษณ์ หากแต่เขาก็ปรายตามองไปยังทุกคนก่อนจะรีบแก้ต่างโดยเร็วเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน
“ไม่ใช่หรอกครับ พอดีน้องชายของผมชอบพูดล้อเล่นแบบนี้อยู่เรื่อยเลยคือเราสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะครับ”
หลายคนที่รอฟังถึงกับร้องอ๋อแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างขบขันไปตามๆ กัน ผิดกับตอนแรกที่ดูตกใจไม่น้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะปลีกตัวเดินเข้างานโดยมีอลงกรณ์กับลูกน้องอีกสองคนก้าวตามหลังไม่ห่างจากผู้เป็นเจ้านาย
หวายทำปากขมุบขมิบด่าใส่เจ้าของแผ่นหลังหนาภายใต้ชุดสูทราคาแพงเมื่อปลอดผู้คน หากเมื่อเขาหันขวับกลับมาราวกับมีกระจกส่องหลังก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเอาไว้
“นายทำฉันแสบมาก”
“ผมทำอะไรคุณ”
“ยังมีหน้ามาถาม ก็เห็นๆ อยู่”
“ที่ผมตอบว่าเป็นคนสวนน่ะเหรอ” หวายหัวเราะคิกคักชอบใจที่เห็นใบหน้ายุ่งเหยิงของชายหนุ่ม
“หรือจะให้บอกว่าผมกวาดบ้านล้างจาน”
“หวาย!”
“ครับ เจ้านาย”
“สรุปนายยังไม่เลิกกวนประสาทฉันใช่ไหม”
“ถ้าคุณจะไม่พอใจมันก็เป็นปัญหาของคุณแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับผม อีกอย่างผมก็ไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติของคุณด้วย โกหกนักข่าวแบบนั้นไม่อายปากบ้างเหรอ”
“ฉันพูดในสิ่งที่คิดว่ามันเหมาะสมที่สุด”
“นึกว่ากลัวเสียหน้าซะอีก”
“เมื่อไหร่จะเลิกยอกย้อนฉันสักทีวะ” ไอศูรย์เริ่มเสียงแข็ง มีน้ำโหกันบ้าง แต่ติดที่อยู่ในงานเขาโวยวายเสียงดังให้ผู้คนแตกตื่นไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นข่าวคึกโครมขึ้นมา
“ก็ผมไม่อยากมาเลยสักนิด คุณลากผมมากับคุณด้วยทำไม ให้ผมล้างรถตัดหญ้าให้คุณมันยังดีซะกว่า”
“เลิกพล่ามได้แล้ว จบจากงานเลี้ยงเมื่อไรเราได้เห็นดีกันแน่!” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การข่มขู่ แต่เขาต้องการสั่งสอนคนที่หักหน้าเขาต่อหน้านักข่าว ชายหนุ่มจัดการกระชับเสื้อสูทเพื่อเตรียมเข้ามาด้านใน ก่อนจะหันไปลากเด็กหนุ่มด้านหลังที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ที่เดิมเข้ามาด้วยความหงุดหงิดใจ




                                                              o18 o18 o18 o18



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่10 09-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 09-03-2017 14:46:03
 :katai2-1: มาแล้วววว ชอบ555555 กสนประสาทจริงๆ :z2: :z2: คุณอสูรเอ้ยไอศูรยสู้ๆนะคะ  :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่10 09-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 09-03-2017 16:07:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่10 09-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-03-2017 00:10:39
 :z13:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่11 12-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 12-03-2017 02:04:04
งานจัดแสดงเครื่องเพชรในค่ำคืนนี้ค่อนข้างมีสื่อมวลชนและคนในแวดวงสังคมชั้นสูงให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก และเมื่องานเริ่มขึ้นก็มีบรรดานางแบบชื่อดังร่วมเดินแบบโชว์เครื่องเพชรมูลค่ามหาศาล แม้แต่เจ้าของงานอย่างไอศูรย์ก็ยังถูกสื่อรุมถ่ายภาพกันยกใหญ่ เขาเป็นจุดสนใจของบรรดาเหยี่ยวข่าวไม่น้อย เพราะนานๆ ครั้งจะได้ออกงานสังคมและเป็นงานใหญ่ แถมยังมีหญิงสาวหลายคนพยายามเข้าหาเขาเพื่อพูดคุยและทำความรู้จักกับชายหนุ่ม
แน่ล่ะ! มีใครบ้างจะไม่อยากรู้จักกับนักธุรกิจหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดี ทว่าชายหนุ่มกลับทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ ไม่ใคร่จะสนใจใครในงานมากไปกว่าคนข้างกายที่ยืนถอนหายใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความเบื่อหน่ายและไม่คุ้นชินกับสังคมชั้นสูงที่หวายมองว่ามีแต่คนสวมหน้ากากเข้าหากันเสียมากกว่าใช้ความจริงใจพูดคุย
เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ต้องมาร่วมงานกับเขา จะว่าไปงานหรูหราในโรงแรมมีระดับแบบนี้ก็ไม่เคยมาเลยสักครั้ง แถมยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากกลับบ้านไปนอนอ่านหนังสือการ์ตูนเล่นยังมีความสุขมากกว่า หรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเดินตามก้นนายอสูรแล้วคอยปั้นหน้าส่งยิ้มน้อยๆ ให้คนโน้นทีคนนี้ทีราวกับคนปัญญาอ่อน
“เบื่อหรือไง ทำหน้าอย่างกับจะลาโลกอย่างนั้นแหละ” ไอศูรย์กระซิบถาม เมื่อนักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบกว่าที่เข้ามาสนทนากับเขาเพิ่งผละจากไปเมื่อครู่
“ก็มันไม่ใช่ที่ของผมนี่”
“การที่ฉันพานายมาออกงานก็เพื่อจะฝึกให้นายทำตัวให้ชิน ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง”
“ให้ผมล้างรถตัดหญ้ายังดีซะกว่า”
“ฉันเห็นนายทำอยู่ทุกวัน ก็อยากจะให้เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างก็เท่านั้น” ไอศูรย์อมยิ้มชอบใจ เห็นหน้าหวายไม่รับแขกแล้วสะใจเล็กๆ เขารู้อยู่ว่าหวายคงจะไม่ชอบสังคมและความวุ่นวาย ขนาดมาอยู่กับเขาจะเจอหน้ากันแต่ละวันแทบจะนับครั้งได้
แต่การที่เขาพาหวายมาด้วย ก็เพื่อจะให้ช่วยเป็นไม้กันหมา เวลาพวกผู้หญิงจะเข้าหาเขาด้วยผลประโยชน์บางอย่างหรือชักชวนไปกินดื่มกันต่อเขาจะได้มีข้ออ้างว่าต้องขับรถกลับไปส่งลูกพี่ลูกน้องที่หิ้วมาในงาน
 “ถ้าเบื่อมากก็ไปหาอะไรกิน แล้วก็รีบกลับมา”
“ขอบคุณ…ครับ”
เชี่ย! อยากได้ยินคำนี้มานานแล้ว
หวายแทบจะกระโดดโห่ร้องดีใจยิ่งกว่าสอบได้เกรดA ในที่สุดก็ได้ปลีกตัวออกมาจากไอศูรย์เสียที หากยังไม่ทันก้าวออกมาก็ได้ยินเสียงเขาตามไล่หลัง
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เรื่องที่นายหักหน้าฉันเอาไว้ ยังไงฉันก็ยังไม่ลืม”
หวายไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากเดินออกมาเงียบๆ เรื่องนั้นถือว่าช่างแม่งแล้วกัน ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรผิดไอศูรย์ก็คงหาเรื่องแกล้งเขาอยู่วันยังค่ำ
เด็กหนุ่มเดินมาถึงจุดที่มีอาหารเรียงรายเป็นแถวยาวเหยียด อาหารทุกอย่างถูกจัดเป็นแบบคอกเทลสวยงาม แต่รสชาติจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้เขาไม่เคยลองกินแบบนี้เลยสักครั้ง
หวายรีบหยิบจานสีขาวขึ้นมาเพื่อจะหาอะไรใส่ท้องที่เพิ่งครางประท้วงว่าหิวแล้วหมาดๆ เขาทำงานพาร์ทไทม์ในโรงแรมมาก่อนจึงคุ้นเคยกับอาหารเหล่านี้ดี ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเมนูแสนประหลาดอะไร
หนุ่มน้อยหน้าหวานเลือกตักอาหารลงจานไปเพียงสองอย่างเป็นไส้กรอกพันเบคอนกับแฮมหน่อไม้ฝรั่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่เดิม แต่ดันซุ่มซ่ามเดินชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง โชคดีที่อาหารในจานไม่กระเด็นออกมาด้านนอกให้อับอายขายหน้าแขกเหรื่อไปมากกว่านี้ แต่รู้สึกแค่เพียงว่าศีรษะจะโขกเข้ากับอกหนาๆ ของอีกฝ่ายจนต้องนิ่วหน้า
“ขอโทษครับ” หวายรีบขอโทษขอโพยชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้า เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบหรู
“ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ไม่คิดจะถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด เพราะคิดว่าเด็กคนนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเดินชนเขาเช่นกัน คงเป็นจังหวะที่หันกลับมาแล้วเขาเองก็รีบร้อนเดินเข้ามาพอดี
“เอ่อ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” หวายส่งยิ้มแห้งๆ กลับไป ถึงแม้ว่าคู่กรณีจะไม่เอาความหรือต่อว่าอะไร แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี บุญเท่าไหร่แล้วที่อาหารไม่ไปโดนเสื้อผ้าราคาแพงๆ ของเขา เพราะถ้ามันเลอะเทอะขึ้นมาคงได้จ่ายค่าเสียหายหลายบาทแน่ๆ
“ผมสบายมาก แต่หัวคุณนี่สิท่าจะปูดอยู่นะ” บุรุษแปลกหน้าถามกลับเมื่อเห็นคนตรงหน้ายกมือถูบริเวณศีรษะตัวเองป้อยๆ
“ไม่ครับ เล็กน้อยเอง เอ่อคุณ...”
“ผมไทน์นะ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
“ผมชื่อหวา…”
“สวัสดีครับพี่ไทน์”
หวายยังไม่ทันบอกชื่อเขาออกไป เสียงห้าวทุ้มของใครบางคนก็ดังขัดบทสนทนาขึ้นมาเสียก่อน เด็กหนุ่มมองไปยังเจ้าของเสียงเห็นเขากำลังส่งแววตาคมกริบมาทางนี้พอดีก่อนมายืนเคียงข้างคนในปกครองของตัวเอง
“คุยอะไรกันอยู่ครับ” ไอศูรย์มองหน้าชายหนุ่มร่างสูงก่อนจะหันกลับมายังคนข้างๆ ที่มองเขาสลับกับผู้ชายที่เพิ่งแนะนำตัวไปหมาดๆ
“อ้อ...พี่ไทน์ นี่หวายนะครับเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม หวาย...นี่พี่ไทน์ เป็นนักออกแบบเครื่องเพชรที่เอามาแสดงในงานคืนนี้”
เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้เขาเมื่อไอศูรย์เอ่ยแนะนำก่อนกล่าวสวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แล้วฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับเพื่อเป็นการทักทายตามปกติ หากแต่การกระทำของคนทั้งคู่กลับสร้างความไม่พอใจให้ใครบางคนจนต้องมองด้วยแววตาขุ่นเคืองแล้วยกแก้วบรั่นดีในมือเทเข้าปากรวดเดียวจนหมด
เด็กบ้า! อ่อยผู้ชายไปทั่ว!
ไอศูรย์รู้สึกระคายสายตาไม่น้อยที่หวายส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปทางชายหนุ่มอีกคน แถมยังชวนคุยแบบเป็นกันเองราวกับรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
บ้าฉิบ!
“ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าไอมีลูกพี่ลูกน้องด้วย” ไทน์หันไปทางด้านไอศูรย์ เหมือนสงสัยอะไรบางอย่างในตัวชายหนุ่มรุ่นน้อง
“ญาติห่างๆ น่ะครับพี่ไทน์” ชายหนุ่มรีบบอก ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นพูดคุยไปเรื่องอื่น
“เพิ่งมาถึงเหรอครับ”
“ใช่ ขอโทษทีนะ พอดีต้องรีบเคลียร์แบบเครื่องเพชรที่ทำค้างเอาไว้ส่งลูกค้าถึงปลีกตัวมาได้ งานเป็นยังไงเรียบร้อยดีมั้ย”
“ทุกอย่างโอเคครับ ถ้าเป็นฝีมือของพี่ไทน์แล้วล่ะก็ ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังจริงๆ” ไอศูรย์ตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องหน้าที่การงาน โดยที่หวายไม่ค่อยได้ใส่ใจพวกเขาเท่าใดนัก แต่กลับจัดการอาหารที่ถืออยู่ในจานจนหมดเกลี้ยงเพราะความหิว ไม่กี่นาทีต่อมาไทน์จึงแยกตัวออกมาคุยกับชายต่างชาติคนหนึ่งที่เป็นนักธุรกิจ
“ถามจริงๆ เถอะ ผมไปเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณ” หวายได้โอกาสรีบถามชายหนุ่มด้วยท่าทางไม่พอใจที่เขาเที่ยวบอกใครต่อใครถึงความสัมพันธ์จอมปลอมแบบนั้น
“แล้วนายอยากเกี่ยวดองกับฉันจริงๆ ไหมละ”  เขาส่งสายตาสื่อความหมายบางอย่างมาให้ แถมแววตาคมที่ดูแพรวพราวเจ้าเล่ห์หวายเห็นแล้วอยากเอาส้อมทิ่มตาเสียให้ตาบอด
“ไม่เคยมีความคิดพวกนั้นอยู่ในสมองของผมเลย”
“ถึงว่าสินะ เห็นยืนอ่อยพี่ไทน์ตั้งนานสองนาน”
“ผมไม่ได้อ่อย แต่คุณไทน์ท่าทางเป็นคนน่าคบหา ผมแค่รู้สึกถูกชะตาเลยอยากคุยด้วยไม่เหมือนคนบางคนที่ชอบวางอำนาจ นิสัยเผด็จการกับคนอื่นไม่เลิก”
“พูดขนาดนี้เอ่ยชื่อฉันมาเลยก็ได้นะ”
“…..”
“แต่ก็ดีแล้วที่นายเห็นว่าฉันแบบนั้นมาตลอด เพราะกลับถึงบ้านเมื่อไรฉันจะเผด็จการให้นายดูอีกหลายๆ ครั้ง” เอ่ยจบเขาก็เดินจากไปคุยกับคนในงาน หวายมองตามแผ่นหลังหนาด้วยความหงุดหงิด วางจานอาหารที่ทานหมดเอาไว้ใกล้ๆ แล้วเดินดุ่มๆ ไปรินสีชมพูสีสันสดใสมาดื่มแก้เบื่อ
ปกติหวายไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ เรียกว่านานๆ ครั้งถึงจะแตะต้องมันมากกว่า แต่วันนี้ขอหน่อยเถอะ อย่างน้อยถ้าเมาขึ้นมาก็น่าจะทำให้หลับง่ายขึ้นไม่ต้องมาได้ยินผู้ชายคนนั้นพูดกรอกหูเรื่องไร้สาระจนนึกอยากหนีหายตัวไปจากเขาวันละหลายๆ รอบ









ไอศูรย์กลับถึงบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืน เมื่อรถยนต์จอดสนิทหน้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มจึงจัดการพาร่างที่โงนเงนตามลงมาถึงห้องนอนด้วยความทุลักทุเล ใจจริงอยากจะอุ้มแล้วเหวี่ยงมันลงบนเตียงมากกว่า
เด็กเวรเอ๊ย!
ชายหนุ่มยืนเท้าเอวแล้วยืนมองร่างของหวายด้วยความระอา อยากเขย่าร่างให้หัวสั่นคลอนดีนัก โทษฐานที่ดื่มในงานกลับมาจนเมาเละเทะเหมือนหมาแถมยังอาเจียนใส่ชุดสูทของเขาตอนนั่งมาในรถด้วยกัน
ไอศูรย์รีบถอดเสื้อที่เหม็นคราบอ้วกนั้นออกโยนลงตะกร้าแล้วเข้าไปอาบน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็กลับออกมา แต่ร่างที่เมาแล้วพูดจาเพ้อเจ้อนั่นกลับเงียบเสียงฟุบหลับลงบนเตียงไปเรียบร้อยแล้ว
ดีล่ะ!
เขาจะปล่อยให้มันนอนแก้ผ้าตากแอร์ให้หนาวตายไปเลย
ไอ้เด็กดื้อ ไม่เชื่อฟัง มันน่าจับฟาดก้นให้เข็ด!
ไอศูรย์จัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของหวายออกจนเผยให้เห็นร่างกายที่ขาวเนียนน่าสัมผัส เขาอยากฝากประทับรอยราคีเอาไว้ตามร่างกาย แต่ยังหรอก เขาเองก็เป็นประเภทที่ไม่ชอบลักหลับใครเพราะมันไม่สนุก ชายหนุ่มปลดเข็มขัดและถอดกางเกงสแล็คของหวายก่อนโยนไปอยู่บนพื้นห้องรวมกับเสื้อสูทราคาแพงที่เขาเป็นคนจัดหามาให้
 “ตื่นขึ้นมาเมื่อไร นายโดนจัดชุดใหญ่แน่หวาย” ไม่พูดเปล่า ไอศูรย์ยังจัดการใช้เน็กไทของเขามัดข้อมือข้างหนึ่งของจอมพยศเอาไว้กับหัวเตียง ก่อนเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูดังโครมตามหลัง



                                                     .............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/




หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่11 12-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-03-2017 23:03:34
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่11 12-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 13-03-2017 02:05:39
 :hao6:  5555555ตลก พี่ไทน์คือดียยยย์ o13
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่11 12-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-04-2017 11:52:39
ตื่นมาหวายเสร็จแน่ อิอิ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่11 12-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 01-04-2017 15:03:27
กรี๊ดดด ตื่นเถอะหวาย เจ๊อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่11 12-03-2560
เริ่มหัวข้อโดย: xirainx@gamil.com ที่ 01-04-2017 16:38:31
ทำไมไม่บอกความจริงไปเลยละ
หรือพระเอกรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แล้วยังแกล้งไม่รู้อีก
สนุกนะเนื้อเรืีอง แต่พระเอกโง่เกิน
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่12 6-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 06-04-2017 02:56:53
ไอศูรย์ก้มลงจุมพิตปิดริมฝีปากบางที่กำลังส่งเสียงละเมออู้อี้ไม่รู้เรื่อง รู้ราว เขาดุนดันปลายลิ้นชื้นเข้าในโพรงปากของคนที่ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมานึกอยากแกล้งเสียให้เข็ดโทษฐานที่นอนตื่นสายจนตะวันแยงก้น
แต่ทว่า…
ทำไมยิ่งจูบ ยิ่งดูด ยิ่งลูบไล้ไปมาหนักขึ้น ร่างกายของเขามันกลับร้อนสลับหนาวนึกอยากปลดปล่อยความปรารถนาที่ห่างหายไปยาวนาน
ไอศูรย์หงุดหงิดตัวเองทุกครั้งที่เวลาเขาอยู่ใกล้ชิดกับหวายทีไรมักจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้ ต้องก่อเกิดอารมณ์ทางเพศตลอด คนอย่างเขาถึงจะเคยลองกับทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาบ้างแล้วแต่ก็ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาคลั่งจนอยากจะกลืนกินได้มากขนาดนี้
ห่าเอ๊ย!
ตอนนี้น้องชายของเขามันเริ่มอยากออกมาทักทายนอกกางเกงยีนตัวหนาซะแล้ว
ทำไงดีวะ
ลักหลับแม่งเลยดีมั้ย ไหนๆ ก็ไม่ยอมตื่น
“เชี่ย! แม่ง!” หวายสะดุ้งตื่น นิ่วหน้าพร้อมยกมือกุมขมับ สิ่งแรกที่รู้สึกคืออาการปวดหัวตุบๆ จนแทบระเบิด แถมเมื่อกี้หลับๆ อยู่ก็เหมือนมีใครมาก่อกวนตามร่างกายจนนอนต่อไม่ไหว พอลืมตาตื่นชัดๆ เลยเห็นว่าเป็นไอศูรย์ที่กระตุกยิ้มมุมปากร้ายๆ รอยยิ้มที่เห็นทีไรเป็นต้องนึกอยากเอาเท้าประทับบนใบหน้า
แต่ก็ทำได้แค่คิด
“คุณเข้ามาในห้องผมนานแค่ไหนแล้ว”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแบบมึนๆ รู้สึกอยากหลับอีกรอบเพราะเหมือนนอนมาไม่เต็มอิ่ม คงโดนฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงานเข้าให้ แต่ทำไมวันนี้แอร์มันหนาวผิดปกติแล้วมือเขามันยกขึ้นลำบากยากเย็น แถมปวดเมื่อยไปหมดราวกับไปสนามรบมาเมื่อวาน
เชี่ย!
ข้อมือซ้ายของหวายเหมือนมีรอยแดงๆ อย่างกับถูกเชือกรัดเอาไว้ แถมตัวเขาตอนนี้ยังไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่นอกจากบ็อกเซอร์บางๆ ตัวเดียวอีกด้วย
มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขาวะ
เมื่อคืนจำได้ว่าพาตัวเองมาถึงห้องนอนก็หลบเป็นตาย หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาไม่รู้หรอก จำไม่ค่อยได้ แต่มั่นใจว่าไม่ได้เป็นคนถอดเสื้อผ้าออกเองแน่ๆ คราวนี้สายตาเครียดๆ เลยหันไปทางคนที่นั่งมองมาอยู่ปลายเตียงแบบสบายอารมณ์ไม่รู้ทุกข์ร้อน
“คุณทำอะไรกับตัวผม”
“นึกอยู่แล้วว่าต้องถามแบบนี้”
“…..”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายนี่”
“…..”
“ฉันก็แค่จับนายถอดเสื้อผ้า แล้วมัดมือข้างหนึ่งของนายไว้กับหัวเตียง เพิ่งมาแกะออกให้เมื่อตอนเช้า คิดว่าจะตื่น ที่ไหนได้ต้องให้มาปลุกด้วยปาก สายจนตะวันแยงก้นไม่คิดจะออกนอกห้องไปช่วยฉันทำมาหากินบ้างเลยหรือไงวะ”
“ขอโทษ ก็ผมปวดหัว ผมลุกไม่ไหว”
“สมน้ำหน้า อยากดื่มเข้าไปเอง” ไอศูรย์โยนผ้าขนหนูใส่หน้าคนที่นั่งอยู่ไม่ยอมขยับไปไหน
“ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้กินข้าว”
“แล้วเมื่อกี้คุณจูบผมทำไม”
“มันเป็นวิธีเดียวที่จะปลุกนายให้ตื่น”
“บางทีผมก็ยังสับสนกับชีวิตนะว่าทำไมต้องมาอยู่กับคนแบบคุณด้วยวะ ถึงผมจะมีทางเลือกให้ตัวเองไม่มากนักก็เถอะ”
“เพ้อเจ้ออะไรของนาย ไร้สาระ” ไอศูรย์ขมวดคิ้ว สงสัยเด็กนี่จะยังไม่สร่างเมา เห็นหวายพาตัวเองลงจากเตียงแล้วกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะล้มหัวฟาดพื้น โชคดีที่ไอศูรย์ขยับตัวได้ไวเพื่อรับร่างนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนตำหนิเสียงดุ
“จะรีบไปไหน หัดระวังหน่อย”
 “ผมบอกแล้วไงว่าปวดหัว”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้สำออย”
“งั้นแล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน ผมไม่มีแรงงจะเถียงด้วยหรอก”
“ฉันเพิ่งเห็นนายสิ้นฤทธิ์ก็วันนี้ ดีเหมือนกัน นายจะได้ไม่ดื้อแพ่งกับฉันเหมือนวันก่อนๆ”
ไอศูรย์เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงละครตบตาว่าป่วยเลยสั่งให้นอนพักในห้อง ส่วนตัวเขาออกไปบอกสาวใช้ให้จัดอาหารและยาเข้ามาให้ก่อนที่ชายหนุ่มจะหายเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
ทีแรกตั้งใจไว้ว่าถ้าหวายตื่นขึ้นมาเขาจะจัดการชำระความเรื่องเมื่อวานสักหน่อย ถึงแม้จะยังคิดไม่ออกว่าจะลงโทษเด็กดื้อยังไงให้สาสมความผิดแต่เห็นสภาพที่เหมือนศพเดินได้แบบนั้นเลยไม่อยากรังแกคนที่ร่างกายกำลังอ่อนแอหมดทางสู้
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก่อนจะตามด้วยร่างของสาวรับใช้ที่หวายคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเลยส่งยิ้มน้อยๆ มาให้
“พี่เจน”
“คุณไอศูรย์สั่งให้พี่เอาข้าวต้มกับยามาให้น้องหวายค่ะ”
“คุณอสูรนั่นน่ะนะ?”
“คะ?”
“เอ่อ ผมหมายถึงคุณไอศูรย์สั่งให้พี่เอาข้าวกับยามาให้ เขาเป็นคนใจดีมีเมมตาตั้งแต่เมื่อไร หรือผมพลาดอะไรไปเนี่ย”
“คุณไอศูรย์สั่งพี่จริงๆ นะคะ”
“ไม่น่าเชื่อ”
“เชื่อเถอะค่ะน้องหวาย” เจนพยักหน้ายืนยันว่าเธอไม่ได้โกหก
“สงสัยฟ้าผ่าบ้านพังแน่ๆ ว่าไหมพี่เจน”
“เอ่อ…”
“ช่างเถอะ ผมกำลังหิวอยู่พอดีเลย ขอบคุณมากนะครับ” หวายไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเขาจะใส่ใจกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวเอง หรืออันที่จริงกลัวจะไม่คุ้มค่ากับเงินสิบล้านบาทที่เสียไปถ้าหวายต้องมาตายไปซะก่อนเพราะอาจทำงานให้เขาไม่คุ้ม
ก็คงจะเป็นอย่างนั้น…
เด็กหนุ่มเลิกสนใจว่าผู้ชายคนนั้นจะคิดยังไง ตอนนี้เขาหิวจนไส้จะขาด ไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่ในงานเลี้ยงเมื่อคืนที่กินไปเท่ากับหยิบมือแมว แถมยังอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง
ทรมานเกือบตาย
แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อเขาอยากจะเมาเอง
หวายหายไปอาบน้ำด้วยความรวดเร็วพอให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาบ้างเมื่อเจนออกไปจากห้องแล้ว ก่อนลงมือกินข้าวต้มในชามจนเกลี้ยงแล้วตามด้วยยาแก้ปวดหัว เขายังไม่อยากออกจากห้องนอนของตัวเองตอนที่ยังมึนหัวแบบนี้เลยตัดสินใจล้มตัวลงนอนพักสักชั่วโมง ตื่นขึ้นมาจะได้มีแรงมาสู้รบปรบมือกับจอมเผด็จการที่ไม่รู้ว่าพอปล้นจูบเขาจนปากเปื่อยก็หายหัวไปไหนไม่รู้
แต่จะไปไหนก็เรื่องของมันนี่หว่า
เขาไม่ได้คิดถึงผู้ชายคนนั้นหรอกนะ
ก็แค่สงสัยเท่านั้นแหละ
ปกติเห็นชอบมายืนกอดอกควบคุมเขาอย่างกับนักโทษ
“ไง มีแรงแล้วว่างั้น” นั่นไง จู่ๆ คนที่หวายบอกกับตัวเองว่าไม่ได้คิดถึงก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตู กอดอก ยิ้มมุมปาก ทำหน้าพึงพอใจเมื่อมองเลยไปยังชามข้าวต้มซึ่งไม่เหลือแม้แต่น้ำซุปสักหยดก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาด้านใน
“ดีหน่อยที่ตัวไม่ร้อน” ไอศูรย์ใช้หลังมือแตะลงบนหน้าผากของคนป่วยทำเอาหวายเบี่ยงหน้าหนีไม่ทัน
“ผมขอนอนต่ออีกสักชั่วโมงได้ไหม แล้วตื่นขึ้นมาจะทำงานชดใช้ให้”
“ได้ดิ”
แม่งใจดีจังวะ หรือใส่ยาพิษลงไปในอาหารที่เขากิน
“จะนอนทั้งวันฉันก็ไม่ว่า”
“….”
“และเดี๋ยวฉันจะยกโน้ตบุ๊คมาทำงานในห้องของนาย จะได้เฝ้านายไปด้วย”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ผมยังไม่ตายตอนนี้” หวายแอบประชดเขา เรื่องอะไรจะต้องให้ไอศูรย์มานั่งเฝ้า แทนที่เขาจะได้นอนหลับแบบสบายๆ ไม่มีใครมารบกวน
“เผอิญฉันเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น นายเองก็นอนได้แล้ว” ไอศูรย์ก้าวขึ้นเตียง ดันหวายลงนอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมบนร่างเล็กให้เสร็จสรรพ
“แต่ถ้านายไม่อยากนอน จะทำอย่างอื่นแทนก็ได้นะ ฉันพร้อมเสมอ” ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามผิวแก้มของเด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้า สายตาบอกความหมายบางอย่างที่ทำเอาหวายแทบจะหลับมันเดี๋ยวนี้
“ผมนอนแล้ว เชิญคุณทำงานได้ตามสบาย” คนป่วยรีบหันหลังหนี ยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงจนมิดหัวเล่นเอาไอสูรย์อดขำไม่ได้
นี่มันกลัวเขาปล้ำขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ตลกชะมัด
ไอ้เด็กบ้า!





                                                           :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่12 6-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 06-04-2017 11:33:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่12 6-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 06-04-2017 11:51:43
ทำไมอสูรใจดี
55++
หลงเด็กสินะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่12 6-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 06-04-2017 21:58:39
 :pighaun: คุณอสูรรร สู้ๆนะคะ555555 อดทนไว้55
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่13 21-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 21-04-2017 04:08:45
“ตายแล้วกาย หน้าไปโดนอะไรมาเนี่ย ทำไมถึงเยินแบบนี้” พิมพ์จันทร์อุทานด้วยความตกใจเมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสะบักสะบอม ใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำสภาพดูไม่จืด จนนางต้องรีบเข้ามาประคองเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวเก่า
“จะอะไรอีกล่ะแม่ ก็โดนตบมาอ่ะดิ” คนเป็นลูกตอบพร้อมซู้ดปากที่เจ็บแสบเพราะรสมือจากอลงกรณ์กับลูกน้องอีกสองคนที่ฟาดฝ่ามือไม่ยั้งเพื่อเป็นการสั่งสอนเขา
“ใครมันทำอะไรลูก บอกแม่มา แม่จะไปจัดการให้” ผู้เป็นแม่รีบกุลีกุจอหากล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้ลูกชายยกใหญ่
“เบาๆ หน่อยแม่ มันเจ็บ” ศรัณร้องขึ้นพลางนิ่วหน้าแล้วตวัดตาขุ่นไปทางมารดาที่ยิ้มแห้งๆ
“ทนเอาหน่อยจะได้หาย แม่ว่าเราแจ้งความดีมั้ย นี่มันเล่นงานหนักเลยนะ” พิมพ์จันทร์เสนอแนะ แต่คนฟังกลับส่ายหน้าไม่เห็นด้วยเพราะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด แจ้งตำรวจไปก็เปล่าประโยชน์ บารมีและอำนาจเงินของไอศูรย์ไม่ใช่ใครจะไปล้อเล่นได้ โดยเฉพาะคนธรรมดาๆ อย่างเขา
“อย่าเลย เล่นกับผู้มีอิทธิพลมีแต่ตายสถานเดียว”
“กายหมายถึงใคร” พิมพ์จันทร์ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ ปกติแล้วศรัณไม่เคยไปมีเรื่องบาดหมางกับใครถึงขั้นถูกซ้อมหนักหนาสาหัสมาแบบนี้เลยสักครั้ง
“พวกลูกน้องของคุณไอศูรย์”
“แล้วเขาจะทำอย่างนั้นทำไม ในเมื่อเราส่งไอ้หวายไปเป็นขี้ข้าให้เขาตามสัญญาแล้ว”
“กายไปสมัครงานก็โดนลูกน้องเขามาลากไปตบเอาๆ แล้วก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้หวายมันอีก สงสัยมันไปฟ้องคุณไอศูรย์ว่ากายไปตบหน้ามัน แม่งเลยให้คนมาตบหน้าคืนอย่างที่เห็น”
พิมพ์จันทร์กำมือแน่นเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของลูกชาย นึกอยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ที่แท้ต้นเหตุก็มาจากลูกเลี้ยงตัวดีนี่เอง
“หน็อย ไอ้เด็กคนนี้มันเนรคุณคนจริงๆ ถ้าอยู่ตรงหน้าแม่จะตบให้เลือดกลบปากเลย”
“ช่างมันเถอะ ขืนไปยุ่งกับมันอีกเขาเอาเราตาย” ศรัณรีบตัดบท ก่อนจะเห็นผู้เป็นมารดาเอากล่องยาไปเก็บตรงชั้นวางแล้วเตรียมทำอาหารมื้อเย็นให้ลูกชายที่ออกไปตะลอนๆ สมัครงานแต่ก็ไม่มีบริษัทไหนรับเขาสักทีจนเริ่มหมดหวัง แต่ถ้าจะให้มานั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านโดยไม่มีเงินเข้ากระเป๋าสักบาทอีกไม่นานเขากับแม่คงได้ย้ายไปอยู่ใต้สะพานลอยเป็นแน่
“เบื่อโว้ย!” ชายหนุ่มสบถออกมาเบาๆ เอนหลังพิงพนักโซฟาที่มีฝุ่นเกาะอยู่ พลางฉวยโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาไล่ดูรายชื่อไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เขากลับสะดุดเข้ากับรายชื่อของใครบางคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว
“ลืมมันไปได้ไงวะ บ่อเงินบ่อทองของกูชัดๆ” เมื่อนึกขึ้นได้ก็กดโทรฯออกไปหาเบอร์เป้าหมาย เผื่อว่าบางทีคนปลายสายอาจจะช่วยเหลือเขาได้บ้าง อย่างน้อยก็น่าจะมีลู่ทางให้ทำมาหากินสักหน่อย
“สวัสดี”
เสียงปลายสายที่ตอบกลับมาทำเอาศรัณดีใจจนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟา ดวงตาคมเบิกกว้างเป็นประกายแห่งความหวังราวกับแสงสว่างที่จะนำทางเขาไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่งอย่างไงอย่างนั้น
“คุณไทน์ นี่ผมเองนะ...กายไง คุณจำได้ใช่มั้ย” เจ้าของชื่อที่ศรัณเรียกนั้นดูจะเงียบไป ได้ยินเสียงลมหายใจดังอยู่ในสายก่อนที่เขาจะตอบกลับ
“จำได้ แล้วนายมีอะไรกับฉันอีก” เสียงห้วนๆ ที่ส่งมาทำเอาศรัณใจฝ่อเล็กน้อย ไทน์ทำสุ้มเสียงเหมือนไม่อยากจะคุยด้วย แต่ศรัณก็ไม่ยอมให้เสียโอกาสไป เขาเปิดประเด็นถามทันที
“ผมกำลังเดือดร้อน ตอนนี้ตกงาน บ้านโดนยึด บริษัทก็ขายให้คนอื่นไป นี่ก็ต้องออกมาหาบ้านเช่าหลังเล็กๆ อยู่กับแม่ คุณไทน์พอจะมีงานอะไรให้ผมทำบ้างมั้ยครับ”
“ไม่มีหรอก” ไทน์กรอกเสียงห้วนแกมรำคาญกลับมาอีกรอบ
“โธ่ คุณไทน์ ช่วยผมหน่อยเถอะ ผมเดือดร้อนจริงๆ นะ”
“ฉันเคยช่วยนายไปเยอะแล้วนะกาย อีกอย่างนี่มันก็เรื่องปากท้องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน นายคงต้องดิ้นรนหาเอาเองบ้างแล้วล่ะ”
ศรัณเผลอบดกรามแน่น คำพูดที่ดูเหมือนเป็นการทวงบุญคุณของไทน์ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าชาไปหมด
แต่มันก็ใช่...ไทน์เคยช่วยเขาเรื่องเงิน หากมันก็ต้องแลกกับเรื่องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางทั้งนั้น!
แทบจะได้มาไม่คุ้มค่า…
“ไหนคุณเคยบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนคุณจะช่วยผม”
“ฉันเคยพูดอย่างนั้นกับนายด้วยเหรอ”
“ความจำผมยังดีอยู่นะคุณไทน์”
“แต่ทำไมฉันไม่เห็นจำได้เลย” ไทน์ตอบกลับมาแบบเฉยชา ไม่รู้ทุกข์ร้อนของอีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับความเดือดร้อนของศรัณ เรื่องอะไรต้องยื่นมือเข้าไปช่วยฟรีๆ
“งั้นคุณคงลืมไปแล้วว่าคุณเคยให้ผมทำระยำอะไรไว้บ้าง”
“กาย!”
“คุณจ้างผมกับไอ้ตรีภพไปข่มขืนผู้หญิงเมื่อหลายเดือนก่อน เพื่อแลกกับการที่คุณจะช่วยดันบริษัทผมให้มันมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่นี่คุณให้เงินมาแค่สี่แสน ไอ้ตรีมันก็โดนคดีมียาเสพติดครอบครองจนเข้าคุกไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ผมนี่ล่ะที่กำลังลำบาก”
“นายกำลังขู่ฉันงั้นสิ?”
“ผมแค่อยากทบทวนอะไรบางอย่าง…เผื่อคุณไทน์จะลืม”
“เหอะ! คิดเหรอว่าหมาจนตรอกอย่างนายจะทำอะไรฉันได้ ฉันให้นายไปเยอะแล้วนะ สี่แสนนั่นมันก็มากเกินพอแล้ว ต่อไปนี้ไม่ต้องติดต่อหาฉันอีก ไม่งั้นนายอาจจะเดือดร้อนยิ่งกว่าการไม่มีที่ซุกหัวนอน!” ไทน์เอ่ยจบก็วางสายไปทันที ศรัณพยายามกดโทรฯใหม่อีกรอบแต่อีกฝ่ายกลับปิดเครื่องหนีเขาไปแล้ว
“โธ่เว้ย!”








หวายเก็บหนังสือลงกระเป๋าเป้เมื่ออาจารย์เลิกสอนตอนห้าโมงเย็น เด็กหนุ่มสาวเท้าออกจากห้องเรียนด้วยความเร่งรีบ ทักทายกับเพื่อนร่วมห้องเพียงไม่กี่ประโยคก็เดินมาหน้ารั้วมหาวิทยาลัยเพื่อเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน
หลายวันก่อนที่เขานอนโทรมเหมือนซากศพอยู่ที่ห้องไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเพราะพิษไข้รุมเร้าผลพวงมาจากการดื่มแอลกอฮอล์เกินพิกัด ทำให้ไม่สามารถมาเรียนหนังสือได้ วันนี้เลยต้องมาตามเก็บรายงานทำย้อนหลังพร้อมกับหอบกลับไปทำที่บ้านอีกเป็นกอง เพื่อจะได้เรียนทันเพื่อนๆ ความผิดทั้งหมดไม่ใช่มาจากเขาเสียหน่อย
ไอ้อสูรต่างหากที่ผิด
 “หวาย” เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง และเมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงแสดงสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิด
“พี่พล เป็นไงบ้างพี่”
“พี่สบายดี หวายละ”
“ผมโอเค แผลหายดีแล้วเหรอ” หวายมองสำรวจตามร่างกายและใบหน้าของณพลที่รอยฟกช้ำค่อยจางลงบ้างแต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีที่มีส่วนทำให้ณพลต้องเจ็บตัว
“อืม พี่รู้เรื่องหมดแล้วนะ เค้นถามจากไอ้กาย ตอนแรกมันไม่ยอมบอก พี่ก็ตามมาเซ้าซี้ถามจนมันรำคาญหลุดปากพูดออกมาเอง ไม่คิดว่าแม่งจะเชี่ยขนาดนี้ สองแม่ลูกนั่นเห็นแก่ตัวฉิบหาย นี่มันให้หวายไปเป็นขี้ข้าไอ้มาเฟียนั่นน่ะเหรอ”
“ช่างมันเถอะพี่ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
“หมอนั่นทำอะไรหวายหรือเปล่า”
“เขาใช้ผมทำงานบ้านสารพัด สั่งอะไรมาผมก็ทำตามเขา ยังดีหน่อยที่ได้ออกมาเรียนหนังสือ นี่ผมก็พยายามคิดบวกนะว่าเงินแม่งคงเหลือใช้เลยเปย์ผมได้ไม่อั้นแบบนี้”
“จริงๆ หวายไม่เห็นต้องยอมไอ้สองแม่ลูกขนาดนั้นเลย”
“ผมไม่ได้อยากจะยอมนะพี่พล แต่ถ้าป้าจันทร์กับพี่กายโดนสั่งเก็บ ผมก็คงไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเท่าไร”
 “พี่จะช่วยหวายเอง”
“ช่วยยังไง”
“หาเงินสิบล้านมาคืนไอศูรย์”
“อย่าเลย พี่เดือดร้อนเพราะผมมามากแล้ว”
“แล้วหวายจะอยู่กับมันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ หวายมีความสุขหรือไง”
“ไม่หรอก ผมคงไม่อยู่กับเขาทั้งชีวิต ตอนนี้ผมแค่รู้สึกเหนื่อยกับการสู้รบปรบมือกับคนพรรค์นั้น”
“…..”
“อันที่จริงชีวิตผมตอนนี้กับเมื่อก่อนมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนะ ผมยังไม่เคยสัมผัสกับคำว่าความสุขจริงๆ กับเขาสักที ชีวิตแม่งต้องเจอสารพัดปัญหามาตลอด ถ้าผมผ่านบททดสอบสุดหินนี้ไปได้ ผมก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วล่ะ”
  ณพลดึงร่างเล็กมากอดหลวมๆ เขารักหวายเหมือนน้องชายแท้ๆ เพราะอีกฝ่ายเองก็เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก
ทว่าภาพคนสองคนที่โอบกอดกันด้วยความห่วงหาอาทรณ์ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล ต้องรีบกดโทรศัพท์ไปหาผู้เป็นเจ้านายเพื่อรายงานประพฤติของเด็กในปกครองที่เริ่มออกนอกลู่นอกทาง
“ว่าไง” เสียงปลายสายของเจ้านายดังห้วน อลงกรณ์รีบรายงานทุกอย่างจนหมดเปลือก และไม่นานก็ได้ยินเสียงไอศูรย์ตอบกลับมาห้วนจัด เดาได้เลยว่าพายุเข้าแน่ๆ ก่อนวางสายไปดื้อๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอารมณ์เจ้านายโกรธมากขนาดไหนกับเรื่องที่ได้รับรู้ผ่านเครื่องมือสื่อสาร

ทันทีที่หวายกลับมาถึงบ้านก็ถูกเรียกตัวเข้ามาในห้องทำงานของไอศูรย์ เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเขามีเรื่องอะไร
ผู้ชายตัวเล็กในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้ออกนอกกางเกงสแล็คสีดำ ถลกแขนเสื้อจนถึงข้อศอก ยืนสงบนิ่งหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มองคนที่นั่งบนเก้าอี้ด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่อีกฝ่ายกลับผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงยกสองแขนกอดอก พิงสะโพกกับขอบโต๊ะทำงานแล้วเริ่มการสอบสวน
   “นายไปเจอใครมาหรือเปล่า”
   “ก็หลายคน เพื่อนร่วมชั้น อาจารย์ เจ้าหน้าที่ คนขายอาหาร”
   “อย่ากวนตีนฉัน”
   “แล้วคุณหมายถึงใคร”
   “วันนี้เลิกเรียน หมอนั่นมาหานายใช่มั้ย”
   “ถ้าหมายถึงพี่พลล่ะก็ใช่”
   “นายกำลังละเมิดกฎของฉัน” ไอศูรย์พูดเสียงดุดันไม่พอใจ ไม่พอใจอย่างมากตั้งแต่อลงกรณ์รายงานความเคลื่อนไหวของเด็กนี่แล้ว
   “คุณจะให้ผมไล่เขาไปหรือไง ผมทำไม่ได้หรอก”
   “แต่ฉันเคยบอกนายแล้วว่าอย่าติดต่อกับหมอนั่นอีก” ชายหนุ่มทบทวนถึงกฎของการอยู่ร่วมกันที่เคยตั้งไว้ เพราะถ้าหวายทำไม่ได้จะต้องถูกเขาลงโทษ
   “ผมจำได้”
   “แต่นายก็ยังทำ”
   “ผมไม่ได้ติดต่อกับเขา เขามาหาผมเอง แล้วพี่พลก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะผม ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ใจดำไล่เขาไปอย่างนั้นเหรอ”
   “นายก็เลยกอดปลอบใจไอ้หมอนั่นว่างั้นเถอะ”
   หงุดหงิด! หงุดหงิดฉิบหาย
   ไอศูรย์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องมาตั้งกฎบ้าๆ บอๆ ไร้สาระด้วยการไม่ให้หวายไปเจอกับนายณพล ยิ่งเวลารับรู้ว่าสองคนนี้สนิทสนมกันมากแล้วยังไปเจอกันลับหลังเขายิ่งไม่ชอบ
   ไม่มีอารมณ์อยากทำงานโว้ย!
   เห็นอะไรเกะกะขวางหูขวางตาก็อยากเขวี้ยงทิ้งแม่งให้หมดบ้าน
   เป็นเชี่ยอะไรไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง!
   “ลูกน้องคุณคงรายงานหมดแล้ว จะมีอะไรให้ผมแก้ตัวได้อีก”
   “งั้นก็ดี!”
   “…..”
   “กฎก็ต้องเป็นกฎ ในเมื่อนายคิดจะละเมิด ก็ต้องถูกลงโทษ”



                                                                   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
   
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่13 21-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 21-04-2017 22:22:16
 :hao7: :hao7: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่13 21-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 21-04-2017 22:28:08
รอจร้า
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่13 21-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-05-2017 11:23:50
หึงไม่ลืมหูลืมตา :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่13 21-04-2560
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 03-05-2017 01:43:31
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่14 4-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 04-05-2017 03:48:04
        ไอศูรย์ดึงหวายเข้ามาใกล้ คนที่ตัวเล็กกว่าพอโดนแรงประทะอกกำยำเข้าก็เลยเจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ทันได้ประท้วงอะไรริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มก็จัดการบดขยี้กับปากบางเป็นการลงทัณฑ์
 หวายพยายามเบี่ยงหน้าหลบจนสุดชีวิตแต่ก็ไม่สำเร็จ ไอศูรย์ตัวโตกว่า แข็งแรงกว่า และที่สำคัญเป็นผู้ชายบ้ากามมากกว่าแน่ๆ ถึงได้ใช้วิธีลงโทษแบบป่าเถื่อนเล่นถึงเนื้อถึงตัวตลอดเวลา
   ชายหนุ่มบดจูบหวายจนหนำใจก่อนถอนริมฝีปากออก ปากของหวายเริ่มบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด มือเล็กๆ ยกขึ้นถูตรงรอยสัมผัสหยาบกระด้างเมื่อครู่ราวกับจะช่วยลบล้างรสจูบอันแสนสกปรกของเขาออกไป
   “รังเกียจจูบของฉันมากนักหรือไง”
   “คุณนี่แม่งโคตรบ้า”
   “ฉันบ้าได้มากกว่านี้อีก นายอยากเห็นไหมละ”
   “ไม่”
   “แต่ฉันอยากให้นายเห็น” ไอศูรย์ลากอีกฝ่ายให้เดินตามเขามาแต่หวายกลับขัดขืนไม่ยอมเดินตาม ชายหนุ่มเลยใช้กำลังจับอีกฝ่ายอุ้มพาดบ่าแล้วก้าวยาวๆ ไปยังจุดหมาย
   “ปล่อยนะโว้ย!” หวายรัวกำปั้นใส่แผ่นหลังหนาไม่ยั้ง ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเท่าไร
   “โวยวายไปก็เท่านั้น ยังไงนายก็หนีฉันไปไม่พ้นหรอก”
   ไอศูรย์พาหวายเข้ามาในห้องนอนของเขาจนสำเร็จก่อนโยนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแรง เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเล็กน้อย ถึงจะไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่ก็อดโมโหไม่ได้
   ทำไมไอ้บ้านี่มันต้องใช้ความรุนแรงกับเขาตลอดเลย
   นอกจากบ้าอำนาจแล้วยังบ้าพลังอีก
   “แค่จูบนั่นมันยังไม่สาสมกับโทษของนายหรอก”
   “คุณจะกรีดเลือดผมออกมาเซ่นไหว้หรือไง”
   “น่าสนใจดีนะ แต่มันโหดเกินไป” ไอศูรย์ยิ้มขำก่อนเดินไปตรงลิ้นชักที่เก็บเน็กไทน์ พอเลือกมาได้สักเส้นก็จัดการรวบข้อมือทั้งสองของหวายเอาไว้แล้วมัดเข้าด้วยกัน
   การถูกพันธนาการแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงเลยสักนิด
   เอะอะไม่พอใจก็จับเขามัดเอาไว้
   เด็กหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ ไม่อยากดิ้นรนขัดขืนให้เหนื่อย เพราะถึงอย่างไรไอศูรย์ก็คงไม่ปล่อยให้เขาออกจากห้องนี้ได้ง่ายๆ
   “คุณจะมัดผมไว้ในห้องนี้อีกนานแค่ไหน”
   “จนกว่าฉันจะพอใจ”
   “นี่สรุปผมต้องใช้ชีวิตบนความพอใจของคุณหรือไง”
   “ใช่”
   “บ้าฉิบหาย”
   “แต่ถ้านายทำตัวดี ไม่หยาบคายใส่ฉัน ฉันอาจจะปล่อยนายให้เป็นอิสระเร็วขึ้นก็ได้” ไอศูรย์กอดอกกระตุกยิ้มมุมปาก มองหวายที่หมดสภาพนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงด้วยสีหน้ายุ่งเหยิงพอๆ กับทรงผมและเสื้อผ้า
   “เมื่อยหน่อยนะ”
   “……..”
   “เดี๋ยวฉันจะสั่งคนเอาข้าวเอาน้ำมาให้” เอ่ยจบเขาก็เดินกลับออกไปแล้วปิดประตูตามหลัง ทิ้งให้หวายนั่งอยู่ในห้องนอนตามลำพัง
   “แม่งเอ๊ย!” หวายมองไปรอบห้องนอนของเขา ห้องหรูดูดีมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน บ้านมหาเศรษฐีชัดๆ แต่มันไม่น่าอยู่เลยสักนิด หวายเคยฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง มันไม่ใช่บ้านที่ใหญ่โตอะไร ที่เคยจินตนาการเอาไว้คือเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มีพื้นที่ใช้สอยเยอะหน่อย แล้วก็สวนหย่อมสวยๆ เอาไว้นั่งเล่นเวลาว่างจากงานหรือไว้นอนอ่านหนังสือ
   ที่สำคัญ…เขาอยากมีคนที่อยากร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่กับเขาด้วย…
   ตอนนั้นฝันเอาไว้ยังไง
   ตอนนี้ก็ยังเป็นแค่ฝัน
   ชาตินี้ไม่รู้จะมีปัญญาหรือเปล่า
   เพราะสภาพของเขาตอนนี้ยิ่งกว่าไม่มีปัญญาอีกว่ะ
   


                                                              ....................................


   เวลาผ่านไปจนถึงตอนสี่ทุ่มเศษ ไอศูรย์กลับเข้ามาในห้องนอนพร้อมจานข้าวผัดปูส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายคนที่ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องอย่างหวาย ได้แต่มองตาปริบๆ สิ้นฤทธิ์จะตอบโต้จอมเผด็จการที่มองมาด้วยสายตายั่วเย้า
   ชายหนุ่มวางจานข้าวลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนทรุดกายนั่งลง หันมามองหวายแบบประเมินอะไรนิดหน่อย เวลามันไม่พูดมาก ดื้อดึง หรือทำให้เขาหงุดหงิดก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
   เดี๋ยวนะ!
   นี่เขาแอบชมมันว่าน่ารักเหรอวะ
   เขามีความคิดด้านดีๆ แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร
   “ฉันให้เจนทำอะไรมาให้นายกิน” 
   “คุณเอามาทำไม ผมไม่ได้อยากกิน”
   พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงท้องร้องก็ประท้วงดังขึ้นจนไอศูรย์แอบขำ
   “กลัวเสียฟอร์มมากหรือไงถ้าจะบอกว่าหิว” ชายหนุ่มจัดการแก้มัดที่มือให้ พอเป็นอิสระได้หวายกก็ลูบข้อมือตัวเองไปมาที่เป็นรอยแดงๆ นิดหน่อยก่อนลงมือตักข้าวกินด้วยความหิวโหย
   “คืนนี้นายคงต้องนอนที่ห้องของฉันไปก่อน”
   “กลัวผมหนีไปมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “เปล่า แต่โทษของนายมันยังไม่หมด”
   “ผมต้องนอนที่ห้องของคุณอีกกี่คืน”
   “แล้วแต่ความพอใจของฉัน” ไอศูรย์มองมาด้วยสายตาเป็นประกายทำเอาคนที่เงยหน้าจากจานข้าวสบตาเขาต้องหลบวูบแล้วลงมือตักอาหารใส่ปากต่อ
   ไม่เข้าใจตัวเองเลย
   ทำไมวะ…ทำไมต้องใจเต้นตึกตักเวลาสบตากับนายอสูรใจเหี้ยมโหด
   หวายเห็นเขาลุกขึ้นจากเตียงนอน สายตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มเช่นเดิมก่อนจะบอกว่าขอตัวไปเคลียร์งานที่ค้างไว้แล้วจะกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง



                                                      ...............................



         ชายหนุ่มเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้เบาะนวมตัวใหญ่ และเมื่อความเงียบสงบเข้ามาปกคลุม ความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจก็เข้ามาแทนที่ มันทำให้อดคิดถึงใครบางคนไม่ได้…
อารดา
เมื่อครั้งที่เธอยังพูดคุยกับเขาเป็นปกติไม่นอนเป็นผักแบบนี้ เขายังจำได้ดีไม่มีวันลืม
   ไอศูรย์กลับเข้ามาในบ้านช่วงเย็น เดินสวนกับไทน์ที่เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ  แม้แต่เสียงทักทายของเขาไทน์ก็ยังไม่ได้ยิน ร่างสูงรีบเดินเข้ามาในบ้านเห็นอารดายังนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก และเมื่อถามไถ่จากน้องสาวเพียงคนเดียวถึงได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าไทน์มาขอเธอหมั้น แต่กลับถูกหญิงสาวปฏิเสธ เลยกลับออกไปด้วยสีหน้าผิดหวัง
   “ทำไมล่ะเอย พี่ไทน์เขาก็เป็นคนดี เอยไม่ได้ชอบพี่ไทน์เหรอ”
   “ถ้าเป็นเมื่อก่อนเอยคงอยากหมั้นกับพี่ไทน์ แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ” อารดาน้ำตาซึม หันมายิ้มให้พี่ชายด้วยความปวดร้าว มีบางอย่างที่เธออยากจะเล่า แต่คิดว่าการไม่เอ่ยถึงมันน่าจะดีกว่า
   “ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า เล่าให้พี่ฟังได้นะ”
   “ เปล่าค่ะ เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันก็ดีแล้ว แล้วอีกอย่างเอยรู้สึกว่าพี่ไทน์ยังไม่ใช่สำหรับเอย”
   “เอยแน่ใจแล้วนะ”
   “ค่ะ”
   “งั้นพี่ก็เคารพการตัดสินใจของเอย”
   “ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่รักเอยนะ” ไอศูรย์ลูบศีรษะน้องสาว เรื่องส่วนตัวของอารดากับไทน์เขาไม่อยากเซ้าซี้ถามน้องสาวให้มากความ ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคนตัดสินใจ แต่ในเมื่อน้องสาวของเขาบอกว่าไม่อยากหมั้น เขาก็จะไม่บังคับ แม้พักหลังๆ จะเห็นว่าอารดาไปไหนมาไหนกับไทน์แค่คนเดียว เขาเลยเข้าใจว่าสองคนนี้กำลังคบหากัน
   “ว่าแต่คนที่ใช่สำหรับเอย  ต้องเป็นแบบไหนเหรอ”
   “คงเป็นคนที่เอยอยากอยู่ใกล้ๆ เขามั้งคะ”
   “…..”
   “พี่ไอเคยรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ ใครบ้างหรือยังคะ”
   “ยังเลย พี่ยังไม่อยากจริงจังกับใคร”
   ใช่! ไอศูรย์จำได้ว่าตอนที่เขาตอบน้องสาว เขายังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่เขาควงออกงานบ่อยๆ ก็ตาม
   แต่ตอนนี้ทำไมเขากลับอยากพาตัวเองไปใกล้ๆ ไอ้เด็กนั่นกันวะ!



                                                         ........................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่14 4-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-05-2017 12:24:19
คนที่ใช่สำหรับพี่ไอก็น้องหวายไงค้าาาาา. อิอิ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่14 4-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-05-2017 20:49:55
พี่ไออยากอยู่ใกล้ใครนั่นแหละคนที่ใช่ คำตอบมีอยู่ในหัวอยู่แล้ว จะยอมรับรึเปล่าแค่นั้น เดี๋ยวกอด เดี๋ยวจูบ o18
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่15 13-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 13-05-2017 02:28:11
เมอร์เซเดสเบนซ์สีบรอนด์ป้ายแดงจอดสนิทภายในอาณาบริเวณของบ้านหลังใหญ่สวยหรูที่มีชายหนุ่มวัยสามสิบปีเป็นเจ้าของบ้าน หากคนที่นั่งอยู่ในรถยนต์กลับไม่ได้อยากจะมาพบคนเป็นเจ้าของแต่อย่างใด จุดมุ่งหมายของเขาคือเด็กผู้ชายอีกคนที่เคยพบเจอกันครั้งหนึ่งเมื่องานแสดงเครื่องเพชรหลายวันก่อน
ไทน์ก้าวลงมาจากรถยนต์พร้อมกล่องขนมหวานที่สั่งมาจากร้านประจำ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา ผิดกับนัยน์ตาคมกริบที่ซุกซ่อนรังสีแห่งความร้ายกาจเอาไว้
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้าน เมื่อสาวรับใช้ในชุดเครื่องแบบวิ่งมาต้อนรับ เขาก็ถามหาถึงไอศูรย์พอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้ใครต่อใครต้องสงสัยก่อนที่จะมุ่งประเด็นไปยังเป้าหมายสำคัญ แล้วก็พบว่าวันนี้หวายอยู่ที่บ้านพอดี  ไม่นานนักหนุ่มร่างเล็กก็สาวเท้าลงมาต้อนรับเขาเมื่อเจนไปตามหลังบ้านซึ่งหวายกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
ไทน์ลอบมองเด็กหนุ่มหน้าหวานตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขารู้สึกพึงพอใจในตัวหวายไม่น้อย นึกกระหยิ่มในใจที่วันนี้ไอศูรย์ไม่อยู่ขัดขวางเพราะต้องเข้าไปเซ็นเอกสารสำคัญที่บริษัท มันช่างเป็นโอกาสเหมาะเจาะเสียจริงกับการเริ่มรุก ใส่เหยื่อรายต่อไป
“สวัสดีครับคุณไทน์” หวายยกมือไหว้ทักทาย เพราะเมื่อคนเป็นเจ้าของบ้านไม่อยู่ เขาก็เลยต้องทำหน้าที่นั้นแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนี้ทั้งที่ไทน์ก็เป็นคนรู้จักของไอศูรย์ แต่ก็เอาเถอะ เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไป นั่งคุยเป็นเพื่อนชายหนุ่มสักครู่คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนักหนา
“ดีใจที่ได้พบคุณนะหวาย” ไทน์กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพน่าฟัง ก่อนจะยื่นกล่องขนมคัพเค้กไปตรงหน้า อีกฝ่ายยอมรับมาด้วยสีหน้างุนงง
“เอ่อ...ให้ผมเหรอครับ?”
“ของฝากเล็กๆ น้อยๆ น่ะครับ แล้วร้านนี้ก็อร่อยมากด้วย”
“ที่จริงไม่เห็นคุณไทน์ต้องลำบากเลย”
“ไม่ลำบากหรอกครับ แล้วนี่ไอศูรย์คงออกไปทำงานนานแล้วสินะครับ”
“ครับ ออกไปที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว”
“สงสัยช่วงนี้เขาคงงานยุ่ง ผมกะว่าจะมาคุยด้วยเสียหน่อย เสียดายนะที่ไม่เจอกัน” ไทน์พูดปดออกไปอย่างแนบเนียน ในใจเขารู้ดีว่าคนที่อยากมาหานั้นไม่ใช่ไอศูรย์แต่เป็นคนตรงหน้าต่างหาก
 “คุณไทน์เชิญดื่มน้ำกินขนมก่อนเลยครับ” หวายเอ่ยเชื้อเชิญเมื่อสาวรับใช้นำเครื่องดื่มกับของว่างออกมาต้อนรับ
“คุณหวายเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายไอเหรอครับ” คำถามสำคัญจากปากของไทน์ทำเอาหวายอึกอักเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะถาม พอดึงสติได้ด้วยความรวดเร็วก็รีบตอบกลับไป
 “ใช่ครับ เป็นญาติห่างๆ กัน”
“ถึงว่าผมไม่เคยเห็นคุณหวายมาก่อนเลย”
“ผมเรียนอยู่ต่างจังหวัดครับ เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพไม่นาน พี่ไอเลยชวนผมมาอยู่ด้วยกัน” ไหนๆ ก็โกหกเขาไปขนาดนั้นแล้วหวายเลยไม่ลังเลที่จะแต่งเรื่องต่อแถมยังเรียกไอศูรย์ว่าพี่ไอด้วยความแนบเนียน
 “หมายความว่าหลังจากนี้ผมคงได้เจอคุณหวายบ่อยขึ้นสินะครับ” สายตาแพรวพราวเจ้าชู้จากไทน์ที่ส่งมาให้อย่างเปิดเผยทำเอาหวายอึดอัดเล็กน้อย
แต่เหมือนความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นเล็กๆ จะอยู่กับหวายได้ไม่นานเท่าไรเมื่อมีระฆังมาช่วยเอาไว้
“อ่ะแฮ่ม” เสียงกระแอมของใครบางคนทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งคุยกันที่โซฟาต้องหันไปมองแทบจะพร้อมกัน
“สวัสดีครับพี่ไทน์” ไอศูรย์เอ่ยทักทายชายหนุ่มรุ่นพี่ยิ้มๆ ตั้งแต่เลิกกับอารดา เขาไม่เห็นว่าไทน์จะมาหาถึงบ้าน วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมา
“กลับมาแล้วเหรอไอ” 
“พี่ไทน์มาหาผมหรือเปล่าครับ”
 “อืมใช่ แต่เห็นว่าไม่อยู่บ้านก็เลยนั่งคุยกับน้องเขาเนี่ยแหละ”
“อ่อ” ไอศูรย์กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ปรายตามองไปที่หวาย คุยอะไรกันนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ดูท่าทางหวายก็เต็มใจจะออกมาต้อนรับไทน์เสียเหลือเกิน
“คุยเรื่องอะไรครับพี่ไทน์”
“ก็เรื่องทั่วไปแหละไอ หวายเขาน่ารักดีนะ”
“เหรอครับ ปกติแล้วเวลาอยู่ที่บ้านหวายเขาไม่ค่อยคุยกับผมเท่าไร สงสัยจะคุยถูกคอกับพี่ไทน์”
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณไทน์” ในเมื่อเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว หวายเลยถือโอกาสปลีกตัวออกมาเพื่อที่ไทน์กับไอศูรย์จะได้คุยกันได้สะดวก
“จะรีบไปไหน” ไอศูรย์เข้ามาคว้าแขนบางเอาไว้เพื่อรั้งไม่ให้หวายหนีหน้าเขา ภาพนั้นทำเอาไทน์ที่นั่งสังเกตการณ์ถึงกับขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะครุ่นคิดในใจ
พี่น้องประสาอะไรกันวะ ไอ้ไอมันดูท่าทางหวงก้างนักหนา
พูดจาก็แปลกๆ!
“มีอะไร พี่ไอ”
 ไอศูรย์ปล่อยแขนบางออกจากการเกาะกุมก่อนจะอมยิ้มเมื่อคำเรียกขานแบบใหม่หลุดออกมา
ชอบว่ะ! ชอบเสียจนอยากจะให้เรียกเขาว่าพี่ไอไปตลอด แต่ก็เข้าใจว่าคงเรียกไปเพราะไทน์นั่งอยู่ด้วยและไม่อยากให้ไทน์สงสัยในสถานะที่แท้จริงของตัวเอง
“จะขึ้นห้องแล้วเหรอ”
“เปล่าครับ แต่ผมเห็นว่าพี่ไอกลับมาแล้วจะได้อยู่คุยกับคุณไทน์ได้อย่างสะดวก ผมก็จะไปทำงานของผมต่อด้วย”
“นึกว่านายไม่อยากเห็นหน้าฉันเสียอีก” ไอศูรย์กระซิบถามแค่พอให้ได้ยินกันสองคนก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติอีกครั้ง
“ไปชงกาแฟให้พี่หน่อยสิ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” รับปากจบก็ผละจากมา เพื่อตรงเข้าไปยังห้องครัวด้านหลัง
เมื่อคล้อยหลังเด็กหนุ่ม ไอศูรย์จึงหย่อนกายนั่งลงที่โซฟาตรงตำแหน่งที่หวายนั่งเมื่อสักครู่ เขาสังเกตเห็นกล่องขนมคัพเค้กวางอยู่ พอจะเดาออกกลายๆ ว่าไทน์คงจะเอามาให้คนของเขาแน่นอน
เออ ร้ายเหมือนกันเนอะ อ้างว่ามาหาเขา แต่ซื้อขนมมาให้หวาย
เมื่อคิดได้ดังนั้นหัวใจของเขาก็รุ่มร้อนแปลกๆ รู้สึกไม่อยากให้หวายไปคุยกับไทน์ หรือใครก็ตามที่ไม่ใช่เขา อดไม่ได้จะค่อนขอดในใจไปถึงคนที่หายไปทำตามคำสั่ง
เสน่ห์แรงจริงนะไอ้เด็กบ้า!
“งานคืนก่อนผมต้องขอบคุณพี่ไทน์อีกครั้งที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ฝีมือการออกแบบของพี่ไทน์นี่ตรงใจผมจริงๆ นะครับ” ไอศูรย์เปิดประเด็นพูดคุยถึงเรื่องอื่นเพื่อเลี่ยงที่จะยกเรื่องของหวายมาเป็นบทสนทนา
“ไอก็ชมกันเกินไป พี่แค่ทำตามแบบที่ไอต้องการนั่นแหละ” ชายหนุ่มตอบก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วปรายตามองไปรอบบ้าน พลันความคิดหนึ่งก็แล่นวูบเข้ามาในหัวทันที
“พี่ไม่ได้มาเสียนาน บ้านดูเงียบไปนะตั้งแต่เอยไม่อยู่” ไทน์เอ่ยไปถึงหญิงสาวอีกคน  ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ดีว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นแผนการของเขาทั้งหมด แผนการที่จะจับอารดามาทำเมียทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ได้พิศวาสผู้หญิงอ่อนแอขี้โรคเท่าไร
ถึงอารดาจะหน้าตาดี เรียกว่าน่ารักมากกว่าสวย แต่เธอไม่ใช่สเปคของเขาสักนิด เขาชอบผู้หญิงเจนจัด รู้งาน และเซ็กซี่เร้าใจ ก็แค่เห็นว่าถ้าได้แต่งงานกับเธอมันจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์ต่างๆ มากมายจากธุรกิจและทรัพย์สมบัติที่เธอครอบครองอยู่
อีกอย่างไอศูรย์รวยออกขนาดนี้ มีหรือที่เขาจะปล่อยให้อารดาหลุดมือไป
แต่ยัยนั่นก็ทำเสียแผนหมด!
 อารดาดันมาหาเขาโดยไม่บอกกล่าวเลยได้เห็นช็อตเด็ดที่เขากำลังนัวเนียกับสาวอกสะบึมสุดร้อนแรงอยู่บนเตียงในห้องนอน วันนั้นเธอขู่เขาว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอศูรย์
ไทน์เกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าอารมณ์โกรธเธอจะสงบลงและอธิบายให้อารดาเข้าใจว่าเขาเมา ไม่ได้ตั้งใจจะไปหิ้วสาวมานอนกกด้วย เพราะเธอคนนั้นขับรถมาส่งเขาจนตามมาถึงห้องนอน และขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะตัดสินใจขอเธอหมั้นหมายหลังจากนั้น เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าจะไม่นอกใจ แต่หญิงสาวกลับปฏิเสธหนำซ้ำยังพูดอีกว่าจะให้ไอศูรย์เลิกจ้างงานเขานับจากนี้
เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก
ผู้หญิงคนนั้นทำให้แผนเขาพังแถมยังมาขู่ซ้ำว่าจะแฉเขาจนหมดเปลือกถ้ายังไม่เลิกยุ่งวุ่นวายกับเธอ
คำพูดเจ็บแสบของอารดาทำให้เขาเกิดความแค้น
วูบหนึ่งของความคิดด้านมืดทำให้ไทน์ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป
ทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับใครมาก่อน
พอรู้ว่าตรีภพกับศรัณทำสำเร็จเขาก็แอบสะใจอยู่เล็กๆ
ใช่! เขารู้สึกสะใจที่ได้ทำร้ายคนที่ทำให้เขาแค้น
และตอนนี้เขาเองก็มีเป้าหมายใหม่ที่น่าสนใจกว่าอารดาหลายเท่า   
“พี่ไทน์”
“…..”
“พี่ไทน์ครับ”
“หืม”
“ผมเห็นพี่เงียบไป มีอะไรหรือเปล่า”
“อ่อเปล่า พี่คิดอะไรเพลินไปหน่อย แล้วเอยเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ยังเหมือนเดิมแหละครับ ผมพาเอยไปอยู่ต่างประเทศ จ้างพยาบาลที่นั่นคอยดูแลอย่างใกล้ชิด”
 “ดีแล้วล่ะไอ พี่เอาใจช่วยนะ อยากให้เอยหายกลับมาเป็นปกติ ถึงไม่ได้คบกันแล้ว แต่พี่ก็อดเป็นห่วงเอยไม่ได้อยู่ดี”
“ขอบคุณครับพี่ไทน์”
ไทน์กระตุกยิ้มมุมปากโดยที่ไอศูรย์ไม่ทันได้เห็นเพราะเขารับโทรศัพท์จากคนที่โทรเข้ามาพอดี พอพูดสายจบก็หันมาคุยกันอีกไม่นาน ชายหนุ่มรุ่นพี่ก็ขอตัวกลับบอกว่ามีงานออกแบบเครื่องเพชรที่ยังค้างอยู่




                                                .............................................


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่15 13-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-05-2017 11:51:07
เรื่องสนุกดีค่ะ แต่มีช่องโหว่หน่อยๆตรงเรื่องอำนาจบารมีพระเอก คือ ถ้าพระเอกมีอำนาจมากที่จะสืบหาเรื่องคนที่ทำร้ายน้องสาวได้ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงไม่รู้ละว่าต้นเรื่องมันมาจากใคร เพราะถ้าสืบจริงๆมันต้องรู้อยู่แล้วรึเปล่าหรือพอรู้ว่าเจอคนทำร้ายน้องแล้วก็สืบอยู่แค่นั้นไม่ตามต่ออีก เราว่าพลาดมากนะด้วยนิสัยพระเอกแล้วไม่น่าจะมาตายน้ำตื้นแค่นี้ เรื่องของหวายเองก็เหมือนกันถ้าสืบจริงต้องรู้สิว่าไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆกันอะ หรือรู้เลยกันหวายออกมาแทนงี้เหรอ เรื่องไทน์ด้วยหรือจริงๆคนเขียนวางไว้ว่าพระเอกรู้แล้วแต่ทำเนียนเพื่อตามสืบเรื่องต่องี้เหรอ ถ้าใช่นี่พระเอกดูแสดงได้เนียนดีนะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่15 13-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 13-05-2017 17:38:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่15 13-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-05-2017 14:06:15
ไทน์โคตรเลวร้ายมาก :z6: จ้าง 2 คนนั้นมาทำร้ายเอย แล้วตอนนี้ดันเล็งหวายไว้อีก พี่ไอจะรู้บ้างมั๊ย มีอำนาจประสาอะไร
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่15 13-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 14-05-2017 18:06:53
เอ่อ เราก็รู้สึกว่าคนแต่งตามใจตัวเองเกินไปอยู่นะจ๊ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่15 13-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-05-2017 22:48:28
อ่านเพลินเลยค่ะรู้ตัวอีกทีก็อ่านรวดเลย ทำไมเราพึ่งเห็นนิายเรื่องนี้นะ ถ้าไอรู้ความจริง ไทน์ตายแน่
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่16 20-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 20-05-2017 01:28:34
ไอศูรย์ดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อไทน์สตาร์ทรถออกไปแล้ว ชายหนุ่มหันไปคว้าเสื้อสูทสีดำที่พาดอยู่ตรงพนักพิงมาถือพาดไว้บนไหล่หนา อาการหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ก่อตัวขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นกล่องคัพเค้กที่ยังวางอยู่บนโซฟา
หายหัวไปไหนของมันวะ!
นี่เขาใช้ให้ไปชงกาแฟหรือไปผลิตกาแฟกันแน่ จนป่านนี้ยังไม่ยกออกมาให้สักที
ไอศูรย์คว้ากล่องขนมขึ้นมาแล้วมุ่งเดินไปยังห้องครัวแต่กลับไม่พบใครในนั้น
หรือว่าหวายจะหลบขึ้นไปอยู่บนห้องนอน
ชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดมาทันที เคาะประตูห้องเพียงสองครั้งก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก
เด็กหนุ่มยืนมองเขาด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉยอยู่ตรงปากประตูก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูททำงานจะยื่นกล่องคัพเค้กมาให้ตรงหน้า
“เห็นว่านายไม่ได้หยิบมาด้วย ฉันเลยเอาขึ้นมาให้”
“ขอบคุณครับ” หวายรับของมาถือไว้แล้วนำไปเก็บบนโต๊ะอเนกประสงค์ที่อยู่กลางห้อง
“บ้านฉันก็ไม่ได้ใหญ่มากมายถึงขนาดที่นายจะหลบหน้าฉันได้ตลอดเวลาหรอกนะ” 
“ผมไม่ได้หลบหน้าคุณสักหน่อย”
“โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่”
“ผมคิดว่าคุณคงไม่ได้อยากดื่มกาแฟจริงๆ”
“นายเดาใจฉันเก่งขนาดนี้แล้วเหรอ” ไอศูรย์ถามยิ้มๆ
“งั้นเดี๋ยวผมไปชงให้แล้วกันครับ” หวายทำท่าจะก้าวออกมาทำตามหน้าที่ที่เขาสั่งแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาคว้าลำแขนเล็กๆ เอาไว้ได้ทัน
“ไม่ต้องไปแล้ว”
“โอเค”
“ฉันอยากคุยกับนาย”
“คุยกับผม?”
“ใช่”
 “เรื่องอะไรครับ” หวายรู้สึกว่าชายหนุ่มปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระแล้วเดินเข้ามาในห้องก่อนนั่งลงปลายเตียงด้วยท่วงท่าสบายราวกับเป็นห้องของตัวเอง แต่ถึงไม่ใช่ห้องของเขา ไอศูรย์ก็มีสิทธิ์เข้าออกได้ทุกห้องอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้
“สำหรับฉัน ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องอะไร ถ้าฉันอยากจะคุยกับนายก็คืออยากจะคุย”
“นั่นสินะ ผมลืมไปได้ยังไง”
“ฉันอยากให้นายเรียกฉันว่าพี่ เหมือนอย่างที่นายเรียกฉันต่อหน้าพี่ไทน์”
แม่งเยอะ!
หวายอยากพูดคำนี้ใส่หน้าเขา ร้ายกาจแล้วยังเอาแต่ใจเอาแต่ได้อีกด้วย ใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอย่างไอศูรย์มีแต่เสียกับเสีย
“นี่คุณกำลังขอร้องหรือว่าบังคับผมกันแน่”
“ก็แล้วแต่นายจะคิด”
“ผมไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น” หวายหลบสายตาคมๆ แต่แฝงความยั่วเย้าเอาไว้ บางทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าการที่พยายามหลบหน้าหลบตาและไม่อยากอยู่ใกล้นายอสูรเพราะเกลียดเขาหรือเพราะอะไรกันแน่
“งั้นนายก็ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ สู้ทำตามอย่างที่ฉันบอกง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“จะให้ผมเรียกคุณว่าพี่ก็ได้ แต่มันยังไม่ค่อยชิน”
“เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“แต่ผม…”
“ถ้านายยอมเรียกฉันว่าพี่ ฉันมีรางวัลให้”
“…..”
“แต่ถ้านายไม่ยอมพูด จากรางวัลที่ควรได้ จะกลายเป็นบทลงโทษแทน”
“ผมไม่เห็นว่าที่ผ่านมามันจะต่างกันตรงไหน” เรื่องจริงทั้งนั้น! เพราะตั้งแต่หวายมาอยู่ในคฤหาสน์ของไอศูรย์ เขายังไม่เห็นว่าจะได้รับรางวัลอะไรเลย เพราะไอ้รางวัลที่เขาพูดมาหวายคิดว่ามันไม่มีอยู่จริงสักอย่าง สุดท้ายก็ต้องอาศัยเล่ห์เหลี่ยมสารพัดมาบีบบังคับให้คนอื่นทำตามใจตัวเองอยู่ดี
เอาที่สบายใจมึงเลยแล้วกันเชี่ยพี่ไอ!





                                                      ...............................




นักศึกษาหลายคนกำลังทยอยเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยเอกชนในตอนค่ำ ไม่ต่างจากหวายที่กำลังเดินออกมาจากตึกคณะบริหารธุรกิจด้วยความเร่งรีบจนเหงื่อเปียกชุ่มเสื้อนักศึกษา หลังจากหายเข้าไปส่งรายงานในห้องพักอาจารย์อยู่หลายนาที ไหนยังต้องมาลุ้นว่างานจะถูกตีกลับมาแก้ไขหรือเปล่า แล้วหวายก็โดนอาจารย์ประจำวิชาซักแบบละเอียดยิบ โชคดีที่เขาเตรียมตัวมาพร้อมและตอบคำถามของอาจารย์ได้หมดทุกข้อ แถมยังได้รับคำชื่นชมว่าวิเคราะห์ออกมาได้ดีเยี่ยม
เมื่อเห็นว่ามันผิดเวลากลับบ้านไปมากพอสมควร แถมยังไม่ได้โทรฯไปรายงานไอศูรย์เหมือนที่เคยทำ หวายเลยได้แต่ถอนใจออกมา สีหน้าเหนื่อยๆ ล้าๆ อยากกลับไปล้มตัวนอนเป็นบ้าแล้วตอนนี้ แต่พอแหงนมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬไปแล้ว รู้สึกถึงความกังวลที่เข้ามาแทนที่ ฝนคงลงเม็ดใหญ่ในอีกไม่ช้าละมั้ง แล้วฝนตกทีไรถนนก็กลายเป็นอัมพาตเมื่อนั้น
หากเมื่อเท้าเล็กๆ เดินเรื่อยมาถึงบริเวณลานจอดรถของคณะบริหารฯ ซึ่งมันเป็นทางเชื่อมไปสู่ประตูรั้วทางออกด้านหลังมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มถึงกับชะงักฝีเท้าลงเมื่อพบใครบางคนยืนพิงรถสปอร์ตคันหรู สองมือของเขาสอดลงกระเป๋ากางเกงยีนแบรนด์เนมก้มหน้ามองพื้นถนนเหมือนกำลังรอคอยใครบางคน
มิน่าเล่าฝนถึงได้ทำท่าจะตกลงมาห่าใหญ่!
ร้อยวันพันปีไอศูรย์เคยมาดักรอเขาที่มหาวิทยาลัยเสียที่ไหนกัน
น่ากลัวว่านอกจากฝนจะตกหนักแล้วฟ้าคงผ่าลงมากลางรถสปอร์ตราคาแปดหลักของเขาด้วยมั้ง
“คุณมาทำอะไรแถวนี้” ก็ไม่รู้จะเริ่มคำถามแบบไหนก่อนดี ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแล้วล่ะว่าเขาเอารถสปอร์ตมารับใคร
“พานายไปขายมั้ง”
“อ่อ เหรอครับ” ในเมื่อเขาเล่นมุกมา หวายก็เลยตบมุกกลับ
 “ไม่ต้องทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้นหรอก ฉันมารับกลับบ้าน” คนพูดดึงประตูรถสปอร์ตเปิดออก เหมือนเป็นการบังคับให้เด็กในปกครองของเขาเข้าไปนั่งโดยไม่อยากฟังคำถามอะไรให้มากความ
   “ฉันจอดรถตรงนี้นานไม่ได้หรอกนะ รีบขึ้นมาได้แล้ว”
เมื่อเห็นว่าเขาเร่งเร้าหวายจึงก้าวเข้าไปนั่ง ตอนนี้ก็ยังงงๆ อยู่ว่าไอศูรย์นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมาถึงต้องขับรถมารับด้วยตัวเอง




                                                      ....................................



   รสปอร์ตคันสีขาวแล่นมาในบริเวณบ้านก่อนไอศูรย์จะส่งให้คนขับรถประจำตำแหน่งไปเลื่อนรถเข้าโรงจอดอีกที
   หวายรีบก้าวยาวๆ ลงจากรถมุ่งหน้าขึ้นมาบนห้องนอนเตรียมปิดประตูแล้วล็อกกลอนแต่มือหนาของไอศูรย์กลับดันบานประตูให้เปิดออกกว้าง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาด้านในเหมือนรู้ทันความคิดของอีกฝ่ายว่าอยากหลบหน้าเขาอีกแล้ว
   “กลัวฉันขนาดนั้นเลยหรือไง”
   “ผมไม่ได้กลัว”
   “แล้วทำไมต้องหลบหน้าฉันด้วย”
   “ผมเหนื่อย เลยอยากอาบน้ำนอน แต่ถ้าคุณมีอะไรจะใช้ผมล่ะก็ ผมขอเวลาอาบน้ำแค่แป๊บเดียว” หวายวางกระเป๋าเป้ลงบนที่นอนแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาพาดไหล่
   “ไม่หิวข้าวหรือไง”
   “ไม่ครับ”
   “แต่ฉันหิว”
   “คุณก็ไปกินข้าวสิ”
   “ฉันกินอยู่แล้ว”
   “…..”
   “แต่นายต้องไปกินกับฉันด้วย” ไม่พูดเปล่า ซ้ำร้ายไอศูรย์ยังส่งรอยยิ้มอย่างเป็นต่อ ก่อนย่างสามขุมเข้ามาใกล้ แล้วดันร่างของหวายจนชิดกำแพงห้อง
   “หรือไม่งั้นนายก็ต้องถูกฉันกินเป็นอาหารเย็น”
   บางครั้งอสูรแม่งก็เหมือนเด็กเอาแต่ใจว่ะ 
หวายคิดว่าอย่างนั้น…





                                                     ..................................


ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

ตอนนี้ที่เพจมีกิจกรรมแจกหนังสือจำนวนสามเล่มนะคะ แวะเวียนไปร่วมสนุกกันได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่16 20-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 20-05-2017 09:35:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่16 20-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-05-2017 22:09:37
เกลียดอิพี่ไทน์
คนอะไรเล้วเลว
คุณอสูร ไปรับมาขนาดนี้แล้ว
กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวไปเลย
ชงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่17 28-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 28-05-2017 23:04:09
       ไทน์กลับเข้าห้องพักของตัวเองในเวลาดึกดื่น หลังจากที่ชายหนุ่มออกไปเริงร่าและดื่มด่ำอยู่ในผับหรูย่านทองหล่อเป็นเวลายาวนาน มือสั่นๆ ไขกุญแจห้องก่อนเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อแทรกตัวเองเข้ามาแล้วปิดล็อกลงกลอนอย่างดี  คอนโดมิเนียมชุดสุดหรูแห่งนี้ที่เขาซื้อไว้อยู่อาศัยไม่ชอบพาเพื่อนฝูงมาปาร์ตี้ที่ห้องเท่าไหร่ นอกจากชายหญิงที่เขาหิ้วมานอนด้วยเป็นครั้งคราว
   ชายหนุ่มเตรียมคว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำชำระร่างกาย อาการมึนเมาทำให้เขารู้สึกเบลอไปหมด หากใบหน้าหวานๆ ของเด็กหนุ่มคนนั้นกลับลอยเข้ามาให้นึกถึง ไทน์รู้สึกใจเต้นแรงและสั่นสะท้านไปหมด ชายหนุ่มโยนผ้าขนหนูทิ้งลงไปบนเตียงอย่างไม่ใยดี เขาหยิบแผ่นวีดีโอหนังเรทอาร์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนก้าวขึ้นเตียงนอน
   ร่างสูงมองภาพเคลื่อนไหวที่ฉายชัดอยู่ในจอLCD มือหนาไม่รอช้ารีบจัดการปลดตะขอกางเกงสแล็คสีดำแล้วรูดซิปลงมาจนเผยให้เห็นของสงวนที่เริ่มตื่นตัว มือร้อนคอยขยับขึ้นลงมันอย่างช้าๆ ก่อนเร่งจังหวะ เมื่อสายตายังคงเพ่งมองไปยังหน้าจอตรงหน้า หากในจินตนาการของชายหนุ่มตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยใบหน้าของหวาย เด็กหนุ่มที่เขารู้สึกถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น…







   หวายนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เขาพยายามข่มตาให้หลับลงแล้ว สลัดความคิดที่ตีกันวุ่นวายออกไปจากสมองแต่ก็ยังทำไม่ได้สักที ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนถึงจะหลับสนิทได้ในคืนนี้
   เด็กหนุ่มยันกายลุกขึ้นจากที่นอนนุ่ม เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงให้พอมีแสงสว่างรำไรในห้องนอน หมอนข้างสีขาวถูกดึงมากอดแนบอกพร้อมเสียงผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อคำพูดวาบหวามยั่วเย้าของไอศูรย์กับท่าทางที่แสดงออกว่ารุกเขามากขึ้นวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
   ไม่! ต้องไม่คิดอะไรทั้งนั้น
   ท่องไว้ไอ้หวาย
   ไม่ว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องข่มตาหลับให้จงได้!








   ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่แสนเงียบเหงาของหวาย เขาไม่ได้ออกไปไหนได้ตามอำเภอใจอย่างเพื่อนคนอื่นๆ ต้องหยิบจับงานบ้านสารพัด พอเสร็จจากงานก็ออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน
   ดวงตากลมกำลังเหม่อลอยกับเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ประมวลได้ว่ามีแต่ความบัดซบเสียส่วนใหญ่ ชีวิตของเขาคล้ายๆ กับซินเดอร์เรลล่าเลยแฮะ อยู่กับแม่เลี้ยงและพี่ชาย ทำงานบ้านจนตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ถูกกดขี่ก่นด่าสารพัด แต่ก็ยังอดทนมาได้ทุกวัน
ซึ่งมันมีข้อแตกต่างกันอยู่ว่า ซินเดอร์เรลล่าน่ะมีเจ้าชายมาพาไปอยู่ด้วยในวัง แต่เขาดันถูกอสูรร้ายพามาจองจำเอาไว้ในคฤหาสน์
น่าตลกชะมัด แต่ขำไม่ค่อยออก
หากแต่เพียงไม่กี่อึดใจเด็กหนุ่มก็ต้องรีบหลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงกระแอมของใครบางคนดังขึ้น
   “นั่งเป็นหมาเหงาเลยนะ”
   สาบานว่าคือคำทักทายที่ระรื่นหูที่สุดของอสูร!
   นี่แหละความบัดซบที่มาเยือนถึงที่แต่หัววัน
   “คุณมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ”
“ฉันเป็นเจ้าหนี้ที่ดูโหดร้ายมากเลยหรือไง ถึงได้ตั้งคำถามซ้ำซาก” ไอศูรย์แค่นยิ้มออกมา เขามองดวงหน้าหวานจากเสี้ยวหน้าด้านข้างเพราะอีกฝ่ายเอาแต่หลบหน้าหนีเขาไปมองต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่รู้เหมือนกันว่าน่าสนใจกว่าเขาตรงไหน
   “มาอยู่บ้านฉันนายเหงาหรือเปล่า”
“ผมชินแล้ว”
“ก็แสดงว่าเหงา”
 “คุณจะสนใจผมทำไม” หวายถามขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเขา ไอศูรย์ไม่ได้พูดอะไร นอกจากถือโอกาสทิ้งตัวลงข้างๆ ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเขามากแล้วกระเถิบกายมาเบียดใกล้ๆ จนหวายจะตกจากม้านั่งอยู่รอมร่อ
   “อยากนั่งบนตักไหม ฉันอนุญาต”
   “ไม่เป็นไรดีกว่า ผมว่าจะไปทำงานต่อ” หวายลุกขึ้นทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่แค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกมือหนาฉุดให้กลับลงมาที่เดิมแต่ดันเสียหลักล้มลงบนตักของคนตัวโตกว่าซะงั้น
   “เฮ้ย”
   “จะตกใจอะไรนักหนา”
   “คุณไม่กลัวใครมาเห็นหรือไง”
   “นายมากกว่ามั้งที่กลัว แล้วอีกอย่างถ้าฉันไม่รั้งนายเอาไว้ นายก็จะเดินหนีฉันไปอีก”
   “ผมบอกแล้วไงว่ามีอะไรต้องทำ”
   “งานที่ฉันไม่ได้สั่งนายไม่ต้องขยันมากหรอก”
   “…..”
   “อยากออกไปข้างนอกหรือเปล่า” ไอศูรย์ถามคนที่ลุกออกจากตักของเขา หูแดงหน้าแดง อาการเก้อเขินที่เด็กนั่นแสดงออกน่ารักไม่เบา
   ชอบว่ะ!
   “ผมไปได้ด้วยเหรอ”
   “ได้สิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
   “อะไร?” ผู้ชายอย่างไอศูรย์ย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอไม่ว่าเรื่องไหน เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายจนหวายนึกกลัว
   “ฉันอยากกินข้าวฝีมือนาย ออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตหน่อยแล้วกัน ค่อยกลับมาทำมื้อเย็นให้ฉันกิน”
   ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คสีกรมท่าราคาแพงที่เข้าชุดกับเสื้อโปโลสีขาวแขนสั้น ส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นหวายพยักหน้ารับว่าจะทำให้
   “การซื้อของให้ฉันไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนหรอก”
   “แล้วงั้นคุณอยากได้อะไร” หวายเกือบจะร้องอ้าวออกไป นี่เขาเข้าใจผิดเหรอเนี่ย
   “เรียกฉันว่าพี่ นับจากนี้ไป”
   “……”
   “ฉันเคยขอไปแล้ว นายเองก็รับปาก จนตอนนี้ยังไม่เห็นเรียกสักที”
   “ทำไมคุณถึงอยากให้ผมเรียก”
   “เพราะว่า…ฉันชอบ” ไอศูรย์ย้ำคำว่าชอบ นัยน์ตาประกายวิบวับ จนหวายรู้สึกว่ามือไม้ตัวเองมันเกะกะไปหมด
“ก็ได้ครับ”
“ลองเรียกสิ”
“พี่ไอ” หวายเรียกชื่อเล่นของเขาแล้วก็ยังรู้สึกแปลกๆ เพราะครั้งนี้ไม่ใช่การเล่นละครตบตาใครว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเหมือนตอนที่ไทน์มาหาที่บ้าน
ไม่ชิน มันไม่ชินจริงๆ แหละโว้ย… มันเหมือนความสัมพันธ์ของเขากับผู้ชายคนนี้ขยับขึ้นมาอีกขั้นยังไงไม่รู้ ทั้งที่ในความเป็นจริงก็เป็นได้แค่เบ๊ของเขาเท่านั้น
“เวลาที่นายไม่ดื้อก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” ไอศูรย์วางมือลงบนศีรษะทุยนุ่มเบาๆ แล้วอมยิ้ม ส่วนหวายได้แต่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็เกือบนาทีก่อนจะขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของตามที่เขาต้องการ






                                            .........................................






เรื่องนี้วางจำหน่ายในรูปแบบอีบุ๊คแล้วนะคะ >>>>> "https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjczMjI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTgzNTAiO30"


ติดตามความเคลื่อนไหวที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่17 28-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 29-05-2017 08:39:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่17 28-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 30-05-2017 19:24:04
 :katai2-1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่17 28-05-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-05-2017 20:09:02
พี่ไออยากได้นู้นได้นี่จากน้องหวายแต่ชอบทำเหมือนบังคับตลอดเลย เดี๋ยวน้องไม่รักนะ o18
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่18 9-07-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 09-07-2017 00:18:42
       หวายรีบลงมือจัดการทำอาหารมื้อค่ำด้วยความรวดเร็ว หลังจากออกไปตระเวนซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตช่วงบ่าย โดยมีคนขับรถของไอศูรย์คอยเดินตามถือของให้ทั้งที่หวายบอกว่าจะขึ้นรถโดยสารประจำทางไปเองคนเดียวน่าจะสะดวกกว่า แต่ไอศูรย์ไม่ยอม เขาบอกกลัวหวายไปเถลไถลแล้วกลับมาช้าจนปล่อยให้เขาแขวนท้องรอกินข้าว
   ตั้งแต่มาอยู่ในบ้านของเขา หวายรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ทำอาหารสักเท่าไร เพราะเจนรับหน้าที่เสียส่วนใหญ่ ส่วนเขาหยิบจับงานอย่างอื่น หรือตามแต่ที่ไอศูรย์อยากให้ทำตามความปรารถนา
   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างเงียบเหงา  หวายก้มหน้าก้มตาตักอาหารกินโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองผู้ร่วมโต๊ะสักนิด ผิดกับอีกคนที่กลับลอบมองหวายอยู่บ่อยๆ และแทบไม่ได้แตะต้องอาหารในจานสักเท่าไร
   “นายทำกับข้าวรสชาติไม่เลวนี่”   
   “ขอบคุณครับ” หวายตอบเพียงสั้นๆ สงสัยหิมะตกในประเทศไทยอีกไม่ช้าเพราะไอศูรย์เอ่ยปากชมเขา ปกติแล้วมีแต่จะหาเรื่องต่อว่าหรือชวนทะเลาะมากกว่า
   “เรียนเป็นยังไงบ้าง”
   “ก็ดีครับ”
   “การบ้านเยอะหรือเปล่า”
   “เยอะครับ”
   “ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
   “ครับ”
   “นายเริ่มชินกับการที่อยู่ในบ้านของฉันหรือยัง”
   “ครับ”
   “นายจะตอบให้มันยาวกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง”
“ก็ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไง คุณถามอะไรมาผมก็ตอบไปแบบนั้น หรือคุณอยากได้คำตอบแบบไหนถึงจะถูกใจ”
“แบบนี้สิค่อยสมเป็นนายหน่อย เมื่อกี้มันเหมือนผีตายซากมากกว่า ฉันนึกว่าวิญญาณออกจากร่างไปแล้วเสียอีก” ไอศูรย์ยิ้มขันที่เห็นหวายหน้าหงิกหน้างอ
นี่เขาโรคจิตหรือเปล่า ถึงได้อารมณ์ดีกว่าปกติเวลาแกล้งเด็กคนนี้เล่น
   “นายลืมข้อตกลงของเราสองคนไปแล้วหรือไง”
   “เรื่องอะไรล่ะครับ”
   “ที่บอกจะเรียกฉันว่าพี่”
   “ผมไม่ได้ลืม”
   “แล้วทำไมไม่เรียก?”
    “ก็บอกแล้วไงว่าผมยังไม่ชิน”
   “ก็ฉันบอกแล้วไง อีกไม่นานนายจะชินไปเอง”
   “พี่ไอ พอใจรึยัง”
   “พอใจมาก” ไอศูรย์ระบายรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนลงมือกินอาหารของตัวเองต่อ
   มีความสุขจริงโว้ย!











   หลังอาหารค่ำไอศูรย์นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาภายในห้องรับแขกเพียงลำพัง เขากดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อยเพราะเห็นว่ายังไม่มีรายการไหนที่น่าสนใจ ส่วนหวายพอกินข้าวเสร็จก็เก็บจานชามไปล้างในครัวแล้วหนีหน้าหายขึ้นไปบนห้องอีกตามเคย
   พักหลังๆ มานี้ในหัวสมองของเขามีแต่เรื่องของหวายเข้ามาวนเวียนไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มไม่มีสมาธิจะดูอะไรแล้ว เขากดรีโมทปิดทีวี เตรียมตัวขึ้นชั้นบนไปพักผ่อนบ้างเมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็ดึกมากพอสมควร หากยังไม่ทันพาตัวเองไปถึงบันไดขั้นแรก อลงกรณ์ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นกับบางเรื่องที่ได้ทราบข่าวมาหมาดๆ เพราะทางนั้นบอกว่าติดต่อไอศูรย์แล้วแต่ชายหนุ่มไม่รับสายเลยโทรศัพท์มาแจ้งกับเขาเอง
   “คุณไอศูรย์ครับ”
   “ว่าไง”
   “คุณ…”
   “…..”
   “คุณเอยฟื้นแล้วครับ!”
   






   อารดาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เธอหลับไปนานมาก เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการพร่าเลือน หัวสมองยังสับสนมึนงงไม่หาย แต่ก็ได้รับการบำบัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พี่ชายของเธอทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อให้อารดากลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปได้อีกครั้ง
   และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หญิงสาวก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านในประเทศไทย โดยที่ไอศูรย์มอบหน้าที่การดูแลน้องสาวให้กับหวาย ฝ่ายนั้นก็ตกปากรับคำด้วยความเต็มใจ อารดาดีขึ้นเรื่อยๆ พูดคุยได้ปกติ นับว่าเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิตสำหรับไอศูรย์เลยก็ว่าได้ 
   อารดารู้สึกถูกะตากับหวายเป็นอย่างมาก เธอออายุมากกว่าเด็กหนุ่มห้าปี แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากเท่าไรว่าหวายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ฐานะอะไร ไอศูรย์พูดเพียงว่าจ้างมาดูแลเธอก็เท่านั้น
   หวายกลับเข้าห้องนอนของตัวเองตอนค่ำๆ เมื่อเห็นว่าอารดากลับเข้าห้องพักไปเรียบร้อยแล้วจึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น ไม่นานก็ออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ หากแต่เขายังไม่รู้สึกง่วงนอนสักเท่าไรจึงเดินลงมาชั้นล่าง หามุมนั่งเล่นในสวนสวย เห็นลูกน้องของไอศูรย์หน้าประตูรั้วสองคนยังคงทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความขยันขันแข็ง เมื่อรถคันหรูของชายหนุ่มแล่นมาจอดด้านใน
   ไอศูรย์ก้าวลงมาจากรถยนต์ โดยมีอลงกรณ์คอยเปิดประตูให้ เขาเดินเข้ามาหาหวายเพราะเห็นไกลๆ ว่ามีคนนั่งอยู่ในสวนดอกไม้เล็กๆ
   “มานั่งทำอะไรคนเดียวมืดๆ”
   “ผมยังไม่ค่อยง่วง ก็เลยออกมานั่งเล่นแถวนี้”
   “นึกว่าออกมานั่งรอพี่ซะอีก” ไอศูรย์อมยิ้ม เห็นหวายทำตาโตส่ายหน้าปฏิเสธเขาเป็นพัลวัน
   ยังมีอีกเรื่องที่หวายรู้สึกว่าเป็นความเคยชินตั้งแต่อารดาฟื้นขึ้นมา คือการที่ไอศูรย์แทนตัวเองว่าพี่
   มันทำให้โหมดโหดของเขาดูซอฟท์ลงมาก
   “ผมไม่รู้ว่าพี่จะกลับตอนไหน แต่ถึงผมรู้ว่าพี่กลับตอนไหน ผมก็คงไม่ได้มานั่งรอ”
“ตอบตรงดีนะ” ไอศูรย์ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ  ตั้งแต่อารดากลับมาอยู่ที่บ้านรู้สึกว่าอารมณ์ของเขาจะเย็นลงมากพอสมควร ความโกรธแค้นทั้งหลายแทบจะหายไปจนหมด
บางทีเขาเองก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำกับความแค้นพวกนั้น แต่ก็ยังได้ข่าวว่าศรัณตกงาน ชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ถึงขั้นอดมื้อกินมื้อ
ก็สาสมกันแล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วเขาเองก็ไม่อยากจองเวรมันแล้วด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน…
   “เอยเป็นยังไงบ้างวันนี้”
   “เธอดีขึ้นนะครับ วันนี้ผมพาออกมาเดินเล่นรับลมข้างนอก” ตอบโดยไม่ได้หันไปมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะรวบรวมความกล้าหาญถามเรื่องสำคัญที่ค้างคามาเนิ่นนานว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของเขา
   ไอศูรย์ไม่เคยเล่าให้ฟังสักครั้ง
   “ทำไมเธอถึงเป็นแบบนั้น”
   “เรื่องมันยาว” ชายหนุ่มบอกเสียงขรึม คิดอยู่เหมือนกันว่าวันหนึ่งหวายคงต้องถามเขาแน่ๆ
   “เล่าให้ผมฟังได้หรือเปล่า”
   “หวายอยากรู้จริงๆ น่ะเหรอ”
   “ครับ”
   “เอยถูกข่มขืน” เสียงของไอศูรย์พร่าสั่น แววตาปวดร้าว ราวกับไม่อยากเอ่ยถึงมัน หวายหันมามองหน้าเขาด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าอารดาจะเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น
   รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ถามเขา
   “ขอโทษนะ ผมไม่น่าถามเลย”
   “ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้”
   “เธอเก่งมากที่อดทนมาได้ขนาดนี้”
   “อยากรู้ไหมว่าใครทำ”   
   “ถ้าพี่สบายใจที่จะบอกผม ก็บอกมาเถอะ”
   “พี่ชายของหวาย”
   “ไอ้เชี่ยพี่กายน่ะเหรอ”
   “ใช่”
   “ไอ้เลว ทำไมมันทำแบบนี้วะ!” หวายตัวสั่นมือสั่นไปหมด ถึงศรัณจะเลวระยำเคยตบตีรีดไถเงินเขาแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวถึงขนาดข่มขืนผู้หญิงได้
   ไอ้ชั่ว!
   ทำไมมันไม่ตายๆ ไปซะเลยวะ
   อยู่ไปก็รกโลกเปล่าๆ
   “ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้” หวายรู้สึกช็อค ลำคอตีบตัน พูดไม่ออก เพราะอย่างนี้เองไอศูรย์เลยทำให้ศรัณไม่มีที่ซุกหัวนอน ชีวิตตกต่ำไม่ต่างจากหมาข้างถนน มันจนตรอกถึงขนาดเอาน้องชายตัวเองมาเป็นที่รองมือรองเท้าไอศูรย์เพื่อแลกกับหนี้สินมหาศาลที่มันไปสร้างเอาไว้
   “เรามีกันสองคนพี่น้อง ช่วงที่พ่อกับแม่เสียไป เอยก็ยังทำใจไม่ได้อยู่หลายวัน พี่เป็นเสาหลักของบ้าน ทำงานส่งเสียน้องเรียน เอยเป็นเด็กขี้อ้อน ไม่เคยดื้อกับพี่ไม่ว่าเรื่องไหน การที่เอยถูกย่ำยีทำให้พี่อยากเอาคืนพวกมัน”
   “ทำไมพี่ไม่แจ้งความ”
   “พี่ไม่อยากให้เอยขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยคดีอื้อฉาวแบบนี้ สภาพจิตใจเธอรับไม่ได้แน่ๆ เลยต้องใช้ศาลเตี้ยพิพากษาคนที่มันทำกับน้องสาวพี่เอาไว้”
   “…..”
   “อยากรู้เรื่องนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ”
   “ทำไมวันนี้พี่ถึงยอมเล่าให้ผมฟัง”
   “ก็…”
   “…..”
   “การที่เราอยากเล่าเรื่องสำคัญให้ใครสักคนฟัง นั่นหมายความว่าเราเชื่อใจในคนคนนั้นไง” หวายเห็นไอศูรย์ยิ้มบางๆ ให้ เป็นรอยยิ้มที่ปราศจากความเจ้าเล่ห์ ความน่าหมั่นไส้ และความร้ายกาจใดๆ เป็นรอยยิ้มที่หวายรู้สึกหัวใจมันพองโต อยากเข้าไปกอดปลอบเขา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนั้น แต่อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าบ้านไปแล้วแบบเงียบๆ




                                               ..............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่18 9-07-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-07-2017 13:00:36
เอยฟื้นแล้ว จะเจอไอ้เลวนั่นทำอะไรอีกป่าวนิถ้ามันรู้ว่าเอยฟื้น พี่ไอดูน้องด้วยทั้ง 2 คนเลย
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่18 9-07-2560
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 09-07-2017 13:17:33
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่18 9-07-2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-07-2017 18:56:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่19 16-07-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 16-07-2017 15:07:46
         อารดาเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เธอรู้สึกว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้นมากหลังจากที่กลับมาพักฟื้นได้หลายสัปดาห์ แม้สภาพจิตใจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเพราะเรื่องเลวร้ายมีลอยๆ เข้ามาในหัวบ้างเป็นบางครั้งจนต้องหาอะไรทำเพื่อลืมมัน
   หญิงสาวเดินลงมาจนถึงห้องโถงใหญ่ เธอทรุดกายนั่งลงบนโซฟาตัวสวยเห็นอลงกรณ์เดินมาหา ฝ่ายนั้นกลับไปเอาเอกสารสำคัญมาให้เธอตรวจดูหลังจากที่หญิงสาวห่างหายจากการทำงานไปเป็นเวลายาวนาน
   “นี่ครับคุณเอย” อลงกรณ์ยื่นแฟ้มงานมาตรงหน้า
   “ขอบคุณค่ะ”
ร่างสูงของชายหนุ่มโค้งศีรษะให้ เตรียมขยับกายถอยห่างออกไป แต่แล้วดูเหมือนว่าอารดาจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้เพราะเป็นเรื่องที่คาใจมานานแต่ไม่เคยถามใครสักที
   “เอยมีเรื่องอยากจะถามหน่อยน่ะค่ะ”
ร่างสูงชะงักฝีเท้า หันกลับมาสบตาหญิงสาวที่ดูสีหน้าจริงจัง ซึ่งอลงกรณ์ก็เดาไม่ออกว่าเธอมีเรื่องสำคัญอะไรจะถามเขา
   “ครับ คุณเอย”
   “หวายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้นานหรือยังคะ”
   “ก็…นานแล้วนะครับ” อลงกรณ์อึกอักตอบไป ไม่คิดว่าอารดาจะถามเขา แล้วเขาก็ไม่อยากเอาเรื่องของไอศูรย์กับหวายมาพูดสักเท่าไร กลัวเจ้านายจอมโหดจะอัดเขาจนน่วมโทษฐานที่ปากพล่อย
   “พี่ไอแค่จ้างหวายมาดูแลเอยเฉยๆ เหรอคะ” ที่อารดานึกสงสัยเพราะเธอแอบเห็นสายตาของไอศูรย์มองหวาย มันไม่ใช่สายตาของเจ้านายมองลูกน้องแต่อย่างใด แต่มันเป็นสายตาของคนที่รู้สึกสนใจในคนคนนั้นมากกว่า
   สายตาของความเสน่หา
   เธอกับพี่ชายโตมาด้วยกัน เรื่องนี้ทำไมจะดูไม่ออก แต่พอจะถามจากไอศูรย์ทีไรฝ่ายนั้นก็ไม่อยู่ให้เธอได้ถามให้รู้ความ ขอตัวไปทำงานตลอด ส่วนหวายก็ดูบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ แถมยังเปลี่ยนเรื่องคุยเอาดื้อๆ
   “เรื่องนี้ผมว่าคุณเอยถามจากคุณไอศูรย์เองดีกว่า ผมขอโทษนะครับ”
   “ไม่เป็นไรค่ะ เอยเข้าใจ”
   “ครับ” อลงกรณ์โค้งศีรษะแล้วขอตัวกลับไปทำหน้าที่อย่างอื่นต่อ หญิงสาวได้แต่นั่งถอนหายใจเบาๆ คิดว่าน่าจะได้เรื่องอะไรบ้าง สุดท้ายก็ไม่มีใครให้คำตอบเธออยู่ดี









   อารดาเคาะประตูห้องทำงานของพี่ชายสองครั้งก่อนได้ยินเสียงอนุญาตจึงเปิดเข้าไป เห็นเขากำลังทำงานอยู่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
   “งานยุ่งเหรอคะพี่ไอ” เธอถามด้วยความห่วงใย เพราะเห็นไอศูรย์โหมงานหนักมาหลายวันแล้วไม่ค่อยได้พักผ่อน
   “ก็นิดหน่อย เอยมีอะไรกับพี่หรือเปล่า” ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้หลังจากที่เขาพักหน้าจอคอมพิวเตอร์เอาไว้ ก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับน้องสาวแล้วลูบศีรษะทุยนุ่มของเธอด้วยความเอ็นดู
   “พี่ดีใจนะที่เอยดูหน้าตาสดใสขึ้นเยอะเลย”
   “เอยได้กำลังใจดีจากพี่ไอไงคะ”
   “เห็นลูกน้องพี่บอกว่าเอยจะกลับมาทำงาน พี่ว่าเอยพักผ่อนก่อนดีไหม” ไอศูรย์รีบปรามน้องสาว อันที่จริงต่อให้อารดาไม่ต้องทำงานอะไรเลยเขาก็มีปัญญาเลี้ยงเธอให้สบายไปทั้งชาติได้ไม่ยาก
   “ไม่ดีกว่าค่ะ เอยพักมาเยอะแล้ว”
   “อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”
   “ตอนนี้ยังค่ะ เอยอยากอยู่กับพี่ไอมากกว่า” อารดาสวมกอดร่างพี่ชาย ซุกซบใบหน้าลงบนอกอุ่นของเขาที่เธอห่างหายมานาน ไอศูรย์อมยิ้มในความขี้อ้อนเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ
   “มาอ้อนพี่แบบนี้อยากได้อะไรเนี่ย”
   “เอยอยากให้พี่ไอมีความสุขค่ะ” อารดาเงยหน้าบอกเขา สีหน้าดูจริงจัง
   “หืม? พี่ก็ไม่ได้ทุกข์อะไรนี่ ดีใจเสียอีกที่เอยกลับมาหาพี่”
   “ไม่ใช่เรื่องของเอยสักหน่อย”
   “แล้วเรื่องของใคร”
   “หวายไงคะ”
   “เด็กนั่นมาเกี่ยวอะไรด้วย” ไอศูรย์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าอารดากำลังจะบอกอะไรเขา เธอมองหน้าพี่ชายแล้วยิ้มน้อยๆ แบบมีเลศนัย
   “พี่ไอไม่รู้จริงๆ เหรอคะ”
   “อืม”
   “พี่ไอไม่รู้สึกอะไรกับหวายเลยเหรอคะ”
   “ก็รู้สึกว่ามันดื้อไง ชอบเถียงพี่ บางครั้งก็ช่างประชดประชันจนน่าตี แต่พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรคอยแต่หลบหน้า”
   “นั่นสิคะ ถ้าเป็นลูกน้องคนอื่นพี่ไอคงไม่เก็บไว้นานขนาดนี้ คงไล่ออกตั้งแต่สามวันแรกที่เข้ามาทำงาน เพราะพี่ไอไม่ชอบคนที่ทำอะไรขัดใจไม่ใช่เหรอคะ” ไอศูรย์หันไปมองน้องสาว สีหน้าของเขาเหมือนเด็กขโมยของที่ถูกจับได้ ก่อนกลบเกลื่อนทำทีไม่สนใจในประเด็นดังกล่าว
   “เอยไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ถ้าหวายดูแลเอยบกพร่องยังไงเอยมาบอกพี่ได้เลยนะ พี่จะจัดการให้”
   “พี่ไอจะไล่หวายออกใช่ไหมคะ”
   “…..”
   “เอยมั่นใจว่าต่อให้หวายดูแลเอยไม่ดีหรือทำอะไรผิดพี่ไอก็ไม่ไล่หวายออกไปจากบ้านหลังนี้หรอก”
“เอยพูดอะไรเนี่ย”
“ก็พูดความจริงไงคะ ถึงเอยจะไม่รู้ที่มาที่ไปของเขา แต่เอยรู้ใจพี่ไอนะคะ ว่าจริงๆ พี่ต้องการอะไร” อารดาลุกจากโซฟาเตรียมออกจากห้องทำงานของพี่ชาย กำลังจะก้าวไปพ้นประตูแล้วหันกลับมาเอ่ยประโยคสุดท้าย
   “ชอบเขาก็บอกไปเลยค่ะ เก็บเอาไว้คนเดียวแบบนี้เขาไม่มีทางรู้หรอกนะ ว่าจริงๆ แล้วพี่คิดยังไง”
   อารดาเดินออกไปจากห้องของเขาแล้วกับประโยคสุดท้ายที่ทำให้หัวใจของอสูรหนุ่มสูบฉีดเต้นแรง มันแรงขึ้นๆ นึกถึงครั้งแรกตั้งแต่เจอกับหวาย และตอนที่เด็กนั่นถูกลูกน้องของเขาพาตัวมาไว้ในบ้านหลังนี้เพื่อแลกกับหนี้มหาศาล
   บอกงั้นเหรอ
   บอกไปแล้วเขาจะรู้สึกยังไงต่อ
   เด็กบ้านั่นมันเกลียดเขาจะตาย…







   หวายจัดการวางขวดน้ำแร่ที่ไอศูรย์สั่งให้เขาเอาเข้ามาวางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่นอนเอนกายอยู่บนเตียงดูรายการโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ลเงียบๆ
   “ยังไม่ง่วงเหรอครับ”
   “อือ”
   “นี่มันก็ดึกแล้วนะ”
   “เป็นห่วงพี่เหรอไง”
   “เปล่า แต่พักผ่อนไม่เพียงพอมันไม่ดีต่อสุขภาพ”
   “ตอบไม่ตรงคำถาม” ไอศูรย์กดรีโมทปิดโทรทัศน์ ขี้เกียจดูมันแล้ว บางทีเขาก็แอบคิดนะว่าตัวเองคงเป็นโรคจิตเบาๆ ทั้งที่พูดกับหวายปาวๆ ว่าอย่ามาต่อล้อต่อเถียงกับเขา เขาไม่ชอบ แต่บางทีก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ
“อยากได้อะไรอีกไหมล่ะครับนอกจากน้ำแร่”
“อยากได้คำตอบ”
“เอ่อ…”
“ตอบพี่สิ” ไอศูรย์รบเร้า เห็นเด็กนั่นทำหน้าแดงหูแดงเวลาถูกเขาจ้องแล้วชอบใจ ก่อนดึงแขนอีกฝ่ายให้มานั่งลงด้วยกันบนเตียง
“ถ้าไม่ยอมตอบพี่จะจูบหวาย”
“เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวนี่” เด็กหนุ่มว่าให้เบาๆ
“แล้วชอบหรือเปล่า” ไม่ถามเฉยๆ หากไอศูรย์ยังสายตายั่วเย้ามาให้ เล่นเอาหวายทำอะไรไม่ถูก พูดไม่ออก
ทำไมวันนี้อสูรรุกเขาหนักจังวะ!
แล้วกับคำถามสั้นๆ ทำไมหน้าต้องร้อน ใจต้องเต้น มือต้องเย็นด้วย
“คนเอาแต่ได้ไม่มีใครชอบหรอก”
“แต่พี่ชอบ…”
“ถ้าพี่ไม่อยากได้อะไร ผมไปนอนก่อนนะ” หวายลุกขึ้นจากเตียงของเขา ขืนนั่งอยู่ต่อมีหวังโดนรุกหนักกว่าเก่า แค่นี้จังหวะการเต้นของหัวใจมันก็แย่พอแล้ว หากยังไม่ทันเปิดประตูออกไป ประโยคของชายหนุ่มที่เอ่ยขึ้นกลับทำให้หวายแทบก้าวขาไม่ออก
“พี่ชอบหวาย”




                                                                    ........................................




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
   
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่19 16-07-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-07-2017 16:58:18
เอาล่ะหวายยย บอกรักแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่20 25-07-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 25-07-2017 23:16:27
อารดาออกมาเดินเล่นบริเวณหน้าบ้านในตอนสาย วันนี้แดดไม่ร้อนมากเท่าไร  แถมอากาศกำลังดีเพราะใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เธอมองดูดอกไม้ที่แผ่กิ่งก้านให้ความสดชื่นสบายตา นานเท่าไรแล้วที่ชีวิตของเธอไม่เคยพบกับความสุขสดชื่นแบบนี้
   นานจนคิดว่าคงไม่ได้กลับมาเจอหน้าไอศูรย์ พี่ชายที่แสนดีของเธอ
   หญิงสาวเดินเรื่อยมาจนเกือบถึงบริเวณรั้วบ้าน เห็นลูกน้องของไอศูรย์สองคนกำลังพูดคุยอยู่กับใครสักคน พอเดินเข้ามาใกล้ๆ จึงได้รับรายงานว่าผู้ชายคนนี้มาด้อมๆ มองๆ อยู่นานแล้วและดันทุรังอยากจะเข้ามาให้ได้แต่ยังไม่ได้รับการอนุญาตเพราะดูไม่น่าไว้ใจ กลัวจะเป็นพวกมิจฉาชีพ
   “เอายังไงดีครับคุณเอย หมอนั่นยืนยันว่าอยากเจอคุณหวาย แต่ผมว่ามันแอบอ้างมากกว่า” ลูกน้องหนึ่งในสองคนของไอศูรย์พูดขึ้น เพราะทั้งคู่ไม่เคยเห็นหน้าณพลมาก่อน แม้แต่ตอนที่ณพลถูกอลงกรณ์จับตัวมาทรมาน ตอนนั้นชายหนุ่มถูกตีหัวจนสลบแล้วลากขึ้นรถตู้มีถุงขยะสีดำคลุมศีรษะปกปิดใบหน้าเอาไว้จนพาตัวมาถึงห้องสอบสวนที่หวายเห็น
   “เดี๋ยวฉันขอคุยกับเขาเอง” หญิงสาวบอก ก่อนที่ทั้งสองคนจะผละออกมาให้เจ้านายสาว เธอจึงเดินมายืนบริเวณนอกรั้ว มองชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้มใบหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังงุนงงสงสัยว่าเธอเป็นใครเพราะณพลไม่เคยเจอเธอมาก่อน เข้าใจมาตลอดว่าบ้านหลังนี้ไอศูรย์อยู่กับบบรรดาลูกน้องของเขาเท่านั้น
   “มาหาหวายเหรอคะ”
   “ใช่ครับ”
   “หวายออกไปมหาวิทยาลัย คงจะกลับตอนเย็นๆ น่ะค่ะ”
   “ผมไม่เจอเขานานแล้ว หวายเองก็เงียบหายไปไม่ยอมติดต่อ ก็เลยเป็นห่วงน่ะครับ” ณพลตอบพร้อมชะเง้อคอมองเข้าไปในตัวบ้านเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด กลัวว่าเธอจะกีดกันเขาเหมือนอย่างไอศูรย์ หมอนั่นมันมีอิทธิพลมากขนาดไหนเขาย่อมรู้ดี
   “หวายสบายดีค่ะ พี่ชายของฉันดูแลเขาอย่างดี”
   “พี่ชาย?”
   “ฉันชื่อเอย เป็นน้องสาวของพี่ไอ นี่ใช่คุณพลหรือเปล่าคะ เพราะฉันเคยได้ยินหวายเอ่ยถึงคุณให้ฟังอยู่บ่อยๆ” อารดาเดาจากสีหน้าท่าทางและรูปร่างสูงใหญ่ของเขา ณพลตัวสูง พอๆ กับพี่ชายของเธอ หวายเคยบอกว่าสนิทกับเขามากที่สุด เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ไว้ใจได้และเคยช่วยหวายเอาไว้เวลามีปัญหาทะเลาะกับที่บ้าน หวายก็ไปนอนที่หอพักของณพล ถึงมันจะคับแคบไปหน่อยแต่ก็สบายใจกว่าการต้องมีปากเสียงกับพี่และแม่เลี้ยง แต่หวายก็เลือกที่จะไม่พูดถึงที่มาที่ไปของตัวเองที่ต้องมาอยู่กับไอศูรย์ พูดเพียงว่าชายหนุ่มจ้างเขามาดูแลเธอและให้ช่วยงานอื่นๆ แลกกับการส่งเสียให้เรียนหนังสือ
   “ใช่ครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณเลย”
   “ก่อนหน้านั้นฉันไปอยู่ต่างประเทศเสียนานค่ะ เลยไม่ได้กลับมาที่บ้าน แต่ตอนนี้คิดว่าคงกลับมาอยู่กับพี่ไอแล้ว”
“อ่อ ผมเข้าใจละ” ชายหนุ่มมองรสาด้วยความรู้สึกดีอย่างประหลาด ดูนิสัยไม่เหมือนกับไอศูรย์เท่าไร
   “พี่ชายคุณเคยบอกหรือเปล่าว่าเขาทำอะไรไว้กับผม”
   “ไม่นี่คะ มีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ” อารดาอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพี่ชายเธอมีปัญหาอะไรกับณพลมาก่อน หวายเองก็ไม่เคยเล่า
   “ไม่เป็นไร ช่างมัน เรื่องนานมาแล้ว ผมไม่อยากรื้อฟื้นเหมือนกัน”
   “งั้นก็ตามใจคุณค่ะ”
   “แต่ที่คุณบอกว่าพี่คุณดูแลหวายอย่างดี ผมแทบไม่อยากเชื่อ”
   “เชื่อเถอะค่ะ ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกคุณ”
   “ถ้าคุณยืนยันเช่นนั้น ผมก็จะเชื่อคุณนะ ยังไงผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ฝากบอกหวายด้วยว่าผมมาหา ขอบคุณครับ”
   “ได้ค่ะ” พอตกปากรับคำเสร็จก็เห็นเขาเดินออกมาพ้นหน้าประตูบ้านแล้วมาขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ไม่ไกล เขาขับเคลื่อนออกไปโดยเร็วเพื่อกลับไปทำงานต่อที่อู่ซ่อมรถ








   หวายนั่งดูซีรีส์แนวซอมบี้ฆ่าเวลารอไอศูรย์กลับจากประชุมงานที่โรงแรม มองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่เห็นเขาโผล่หัวกลับมาสักที
ให้ตายดิ ทำไมเขาต้องมามีโมเม้นท์แบบนี้กับอสูรตัวร้ายด้วยวะ
โคตรไม่เข้าใจตัวเองเลย
วันๆ ต้องตื่นมากินข้าวร่วมโต๊ะ คอยโทรศัพท์รายงานว่าอยู่ที่ไหนเวลาออกไปเรียน กลับบ้านให้ตรงเวลา ไม่เถลไถล ไม่ให้ติดต่อกับณพลและคนที่บ้านเก่า แล้วต้องมานั่งรอเขากลับ
นี่มันหน้าที่เมียชัดๆ!
‘พี่ชอบหวาย’ ไอ้ประโยคนี้ก็เหมือนกันที่ไอศูรย์ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก ตอนนั้นหวายไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ได้แต่รีบๆ ออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มแล้วกลับเข้าห้องตัวเอง พอเช้าต่อมาเหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ยังดีที่โต๊ะอาหารมีอารดานั่งอยู่ด้วย แต่ก็ไม่วายเจอกับสายตาแพรวพราวจากคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะบ่อยๆ
มันเป็นสายตาที่ทำให้หวายรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า
 “หวาย” เสียงเรียกของชายหนุ่มทำให้หวายหลุดออกจากภวังค์ความคิดแล้วหันกลับไปมองผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีเหลืองแขนยาวกางเกงสแล็คสีดำ
ไอศูรย์กลับมาเมื่อไรไม่เห็นได้ยินเสียงรถยนต์เลย หรือเพราะเขามัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย
   “พี่ไอ กลับมาแล้วเหรอ”
   “มานั่งรอพี่ทำไม”
   “ผมยังไม่ง่วงเลยมานั่งดูซีรีส์”
   “ในห้องนอนก็มีทีวีไม่ใช่เหรอ”
   “ข้างนอกอากาศมันดีกว่านี่”
   “ในห้องก็มีแอร์”
   “ผมยอมแพ้แล้ว สรุปผมมารอพี่นั่นล่ะ”
   “นึกว่าต้องใช้คีมง้างปากซะอีก” ไอศูรย์ยิ้มขัน ก่อนทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนปากแข็งที่กว่าจะบอกเขาได้ว่ามารอเขาต้องเล่นให้จนมุมเสียก่อน
   “ไหนว่าจะไม่โหดกับผมแล้ว”
   “คิดว่าพี่จะใช้คีมง้างปากจริงๆ น่ะเหรอ ไร้สาระ แล้วนี่กินข้าวยัง”
   “กินแล้ว ผมไปนอนก่อนนะ”
   “เฮ้ย! เดี๋ยว!” ไอศูรย์ดึงให้อีกฝ่ายกลับมานั่งลงที่เดิมแต่หวายเสียหลักดันล้มลงบนตักของเขา ชายหนุ่มเลยกอดร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้หลวมๆ
   “ปล่อยดิ”
   “ปล่อยทำไม หรือกลัวใครมาเห็น”  หวายพยายามดันตัวเองออกมา แต่ไอศูรย์แรงเยอะกว่า ยิ่งดันเขาก็ยิ่งกอดไม่ปล่อย
   “ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
   “ไม่ดียังไง นี่บ้านพี่”
   “ผมรู้ว่าบ้านหลังนี้พี่ใหญ่สุด”
   “ที่พูดไปวันก่อน หวายคิดว่ายังไง”
   “วันไหนละ”
   “วันที่พี่บอกว่าชอบหวาย”
   “ก็…”
   แล้วจะให้คิดยังไงได้ มันก็ยังงงๆ เหมือนกัน เมื่อก่อนเกลียดกันแทบตาย
   หวายเกลียดเขา
   เขาเองก็เกลียดหวาย ไม่มีวี่แววจะญาติดีกันได้
   แต่ตอนนี้ไอศูรย์ไม่โหดร้ายเหมือนเมื่อก่อน…มันก็เลย
   “พี่อยากได้คำตอบ”
   “พี่ไอ”
       “หืม”
         “ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ”
   “ว่า?”
   “ทำไมพี่ถึงชอบผม”
   “ไม่รู้ ไม่มีเหตุผล ชอบก็คือชอบ…” ไอศูรย์กดจมูกลงบนแก้มของหวาย อีกฝ่ายไม่ได้เบี่ยงหน้าหลบเขาอย่างเมื่อก่อน เลยโลภมากอยากทำมากกว่ากอดหรือหอม เขาอยากจับเด็กนี่ปล้ำเพราะความที่มันทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นนี่ล่ะ
   “หวายอาจจะเข้ามาในชีวิตพี่ด้วยเรื่องของความแค้นและเงื่อนไข…แต่ต่อจากนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจ”
   “….”
   “เรื่องของเราสองคน”








   วันนี้ไอศูรย์ยังคงตื่นแต่เช้าเหมือนเคย เขาลงมาทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับหวายและอารดา เห็นน้องสาวนั่งคอยอยู่ที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดสูทกระโปรงทำงานเรียบหรูสีฟ้าอ่อน เธอแต่งหน้าโทนสีหวานที่เข้ากับสีผิว พร้อมจะเข้าบริษัทไปเคลียร์เรื่องเอกสารหลังจากที่ค้างคามาเนิ่นนาน
   “เอยจะเข้าบริษัทเหรอ”
   “ค่ะ”
   “ไปพร้อมพี่มั้ย หรือยังไง”
   “เอยขับรถไปเองดีกว่าค่ะ” อารดาตักข้าวต้มกุ้งทานเมื่อแม่บ้านนำมาเสิร์ฟ
   “เมื่อวานพี่พลเขาแวะมาหาหวายนะ พี่ลืมบอก”
   “แล้วพี่พลว่ายังไงบ้างครับ” หวายอยากรู้ขึ้นมาทันที เขากับณพลไมได้ติดต่อกันนานมากแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นณพลก็หายเงียบไป แล้วไอศูรย์ก็ตั้งกฎบ้าๆ นั่นว่าห้ามเขาไปเจอกับพี่ชายร่วมโลกอีก
   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แค่ฝากพี่ให้บอกหวายว่าเขามาหา ดูเขาเป็นห่วงหวายมากเลยนะ”
   “ไอ้หมอนั่นมันยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ” ไอศูรย์โพล่งขึ้นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ
   “ทำไมพี่ไอต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะคะ เอยว่าพี่พลเขาก็แค่อยากรู้ว่าหวายสบายดีหรือเปล่า กินอยู่เป็นยังไงบ้าง”
   “คนไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาหากันทำไมบ่อยๆ”
   “พี่พลมาหาหวายบ่อยเหรอ?” อารดาหันไปถามเด็กหนุ่มบ้าง เพราะดูจากเมื่อวานแล้วไม่น่าจะใช่
   “ถ้ารวมเมื่อวานก็สองครั้งนะครับ”
   “แค่สองครั้งเองนะคะพี่ไอ ไม่เห็นบ่อยตรงไหนเลย” อารดาหันไปบอกพี่ชายยิ้มๆ
“ครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้ว”
“เหรอคะ” อารดาหัวเราะคิกคักชอบใจ ไม่เคยเห็นไอศูรย์หึงใครออกนอกหน้าขนาดนี้
“เอยขำอะไรพี่”
“ขำพี่ชายกำลังหึงโหดคนแถวนี้  เอยไปทำงานก่อนนะคะ ไม่ได้เข้าบริษัทนานแล้ว” อารดาอมยิ้ม พลันคว้ากระเป๋าสะพายแล้วก้าวออกจากบ้านไป ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันตามลำพัง
จริงๆ ต้องเรียกว่าอารดากำลังเปิดโอกาสให้พี่ชายเธอกับหวายได้คุยกันเป็นการส่วนตัว คงจะดีกว่ามีเธอนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย




                                                    ........................................................



   ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่21 08-08-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 08-08-2017 17:34:28
รถยนต์ของอารดาเลี้ยวออกมาจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่  และไกลจากรั้วบ้านของเธอมีรถคันหนึ่งจอดสนิทอยู่เพื่อรอดูความเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ภายในรถสวมชุดสูทสีเทา มีแว่นกันแดดสีดำปกปิดดวงตาคมที่แฝงความร้ายกาจเอาไว้ภายใน
   ไทน์ถอดแว่นตาออก เหยียดยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงใบหน้าของอารดา ผู้หญิงที่เขาเกือบจะหมั้นหมายเพราะทรัพย์สมบัติมหาศาลและชื่อเสียงเงินทองของเธอ  พอได้ข่าวว่าเธอฟื้นขึ้นมาและกำลังกลับมาทำงานของตัวเอง ไทน์จึงมาดักรออยู่ไม่ห่าง
ทำไมเธอไม่ตายๆ ไปซะเลย หรือสมองเสื่อมจำอะไรไม่ได้ยิ่งดีใหญ่ แต่ถึงยังไงไทน์ก็ยังมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่เอาเรื่องที่เธอมาเห็นช็อตเด็ดของเขากำลังปล้ำกับสาวบนเตียงไปบอกไอศูรย์แน่นอน
เพราะเรื่องที่อารดาถูกผู้ชายสองคนปลุกปล้ำในพรงหญ้าคงตามหลอกหลอนเธอไม่หยุดหย่อน
   “สงสัยฉันคงต้องรีบจัดการอะไรสักอย่างแล้ว” เจ้าของคำพูดเปรยออกมาพร้อมกำลังขบคิดแผนการอันชั่วร้ายก่อนจะขับเคลื่อนรถยนต์ออกไปจนพ้นบริเวณดังกล่าว








   หวายเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยก็ตรงดิ่งมายังลานจอดรถของคณะบริหารธุรกิจ เขาปรายตามองหาคนขับรถที่ไอศูรย์บอกว่าจะส่งมารับกลับบ้านก็ยังไม่มีวี่แวว
   พอไม่เห็นใครเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาจึงเดินวนไปวนมาแล้วนั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆ แถมท้องฟ้าด้านนอกก็มืดครึ้มลงทุกทีเหมือนจะมีฝนตกลงมา พอนั่งไปก้นยังไม่ทันร้อน เม็ดฝนก็ปรอยลงมาอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เสียงฟ้าร้องดังคำรามอย่างต่อเนื่อง
หวายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดโทรฯออกไปยังเบอร์คนขับรถที่บ้านของไอศูรย์ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อโทรศัพท์ของเขาแบตหมด ดังนั้นเครื่องมือสื่อสารที่ยังใช้งานไม่ได้ในตอนนี้จำต้องหย่อนลงกระเป๋าเป้ลงไปโดยปริยาย
   เขาคิดเอาไว้ว่าถ้าฝนซาเม็ดลงแล้วคนขับรถยังมาไม่ถึง คงต้องอาศัยรถแท็กซี่กลับบ้านเอง ไม่อยากมานั่งแกร่วอยู่คนเดียว ถึงจะเสี่ยงโดนไอศูรย์ต่อว่าให้ แต่เขาจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจเองว่าไม่อยากรอนานๆ 
   เวลาผ่านไปเกือบสามสิบนาที หวายยังติดต่อใครไม่ได้เมื่อหันไปใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะด้านหลังมหาวิทยาลัยหลังจากฝนซาเม็ดลงแล้ว อยากโทรหาไอศูรย์แต่รายนั้นเข้าบริษัทและบอกว่ามีประชุมยาว เลยไม่อยากรบกวนการทำงานของเขา เรื่องเล็กน้อยแค่นี้หวายคิดว่าตัวเองจัดการได้สบายอยู่แล้ว
   “กลับเองเลยแล้วกัน” เด็กหนุ่มเปรยกับตัวเอง เตรียมเรียกแท็กซี่ พลันสายตาก็พบกับรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบใกล้ๆ ที่เขายืนอยู่ ไม่กี่อึดใจเจ้าของรถก็เปิดประตูลงมา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำทะเลกับกางเกงสแล็คสีกรมท่า ใบหน้าหล่อเหลาคมคายขาวสะอาดนั้นยังจดจำได้ดี
   “คุณไทน์”
   “หวัดดีครับหวาย พอดีผมขับรถผ่านมาแถวนี้ เห็นคุณยืนอยู่เลยจอดทักทายสักหน่อย”
   “ผมกำลังจะกลับบ้านพอดีเลย”
   “ถ้าไม่รังเกียจรถผม จะกลับด้วยกันไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านให้”
   “ไม่รังเกียจหรอกครับคุณไทน์ แต่ผมเกรงใจ”
   “ไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเองทั้งนั้น”
   “ผมว่าจะกลับแท็กซี่เองน่ะครับ” หวายเลือกที่จะปฎิเสธเขา กลัวไทน์ขับวกไปวนมาให้เสียเวลาเปล่า
   “ตอนนี้หาแท็กซี่ว่างยากหน่อยนะครับ ไปเถอะ ผมไปส่งหวายเอง” ไทน์หันไปเปิดประตูรอแบบมัดมือชก สุดท้ายเด็กหนุ่มก็จำต้องขึ้นรถยนต์ไปกับเขา
   ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถกระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจโดยที่คนข้างๆ ไม่ทันเห็นเพราะกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย 
   อีกไม่นาน ฉันจะเคี้ยวนายให้ละเอียดเลย กวางน้อยของฉัน!









   รถยนต์ของไทน์ขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์หรูเมื่อฝนหยุดตกพอดี ไทน์จัดการดับเครื่องยนต์ เขาหันมาหาหวายที่ระบายรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของชายหนุ่มที่อุตส่าห์พามาส่งถึงบ้าน
   “ขอบคุณนะครับคุณไทน์” เอ่ยจบเตรียมก้าวลงจากรถ หากยังไม่ทันเปิดประตูสายตาก็เหลือบเห็นรถสปอร์ตคันหรูของไอศูรย์จอดอยู่ มันเป็นรถคันเดียวกับเมื่อเช้าที่เขาใช้คันนี้ออกไปประชุมงาน นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านก่อนแล้ว
   หวายถึงกับหน้าเจื่อนลง ไอศูรย์จะโกรธหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ไทน์อาสามาส่ง หวายหันมาทางไทน์เห็นเขากำลังหยิบซองอะไรบางอย่างออกมาจากลิ้นชักหน้ารถแล้วยื่นให้
   “นี่ครับ” หนุ่มนักศึกษารับมาด้วยความงุนงง สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่พออ่านชื่อหน้าซองเขียนถึงไอศูรย์ก็พอจะเดาออก
   “อาทิตย์หน้าผมจะจัดงานเปิดตัวบริษัทของผมเอง ฝากซองนี้ให้ไอด้วยนะครับเพื่อไปเป็นเกียรติในงาน คุณก็อย่าลืมไปด้วยนะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
“ขอบคุณมาก” ไทน์ส่งยิ้มอบอุ่นตอบแทน
   “ผมคงไม่ได้เข้าไปในบ้านนะครับ พอดีมีธุระที่อื่นต่อ”
“ได้ครับคุณไทน์ แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว”
“งั้นผมขอตัวก่อนเลยนะครับ” ไทน์กล่าวคำล่ำลาจบก็ออกรถเมื่อหวายลงไปแล้ว
   เด็กหนุ่มเดินมาถึงห้องโถงก็พบกับไอศูรย์ยืนกอดอกมองมาด้วยสายตาคมเข้ม เพียงแค่นั้นก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาจะต้องโดนอะไรบ้าง
   หวังว่าคงไม่โดนเตะกระเด็นออกไปนอกบ้านหรอกนะ โทษฐานที่ขัดคำสั่ง
   “ทำไมไม่เปิดโทรศัพท์”
   “แบตหมด” หวายรีบบอกทันทีก่อนยื่นการ์ดที่ไทน์ให้มา
   “คุณไทน์ฝากมาให้พี่ งานเปิดตัวบริษัทอาทิตย์หน้า เขาให้พี่ไอไปงานด้วย”
“อืม” ไอศูรย์รับมาอ่านดูคร่าวๆ แล้ววางลงบนโต๊ะ ก่อนจะมาซักไซ้หวายต่อ
   “ไม่ได้โกหกพี่นะ”
   “แบตผมหมดจริงๆ เนี่ย…เช็คดูได้เลย” หวายทำท่าจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้แต่ไอศูรย์โบกมือปัดว่าไม่ต้องการทำถึงขนาดนั้น
   “ช่างเถอะ พี่ไม่เช็คหรอก คนขับรถบอกว่ารถเสียกลางทาง เขาโทร.หาหวายไม่ติดเลยโทร.หาพี่ พี่ก็โทรเข้าเครื่องหวายไม่ติดเหมือนกัน จะไปรับที่มหาลัยก็กลัวจะสวนกัน แล้วไปเจอกับพี่ไทน์ได้ยังไง”
   “แถวมหาลัย เขาขับรถผ่านมาพอดี แล้วผมกำลังจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน”
   “หวาย”
   “ครับ”
   “พี่อยากถามอะไรหน่อย”
   “ว่ามาสิครับ”
   “พี่ไทน์มาจีบหวายเหรอ”
   “ทำไมพี่ไอถามผมแบบนั้น”
   “ก็ถามตามที่เห็น”
   ตามที่เห็นหรือตามที่หึงกันแน่วะไอ้อสูร…
   “ยิ้มอะไร”
   “ผมยิ้มไม่ได้เหรอ”
   “หืม?”
   “ก็พี่หึงผมกับคุณไทน์”
   “ใช่ พี่ยอมรับว่าหึง” ไอศูรย์ไม่คิดอ้อมค้อมหรือปิดบังความรู้สึก ไม่มีประโยชน์ เขาไม่สนว่าเมื่อก่อนเขาจะรู้สึกแบบไหนกับหวาย จะโกรธจะเกลียดอะไรช่างมัน ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือปัจจุบันเขาซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง
   ชอบก็คือชอบ
   ไม่มีเหตุผลอื่นใด
   “ไม่เกลียดผมแล้วเหรอ”
   “พี่เคยเกลียดหวายเมื่อไหร่กัน”
   “…..”
   “จะให้พิสูจน์ก็ได้นะ” ไอศูรย์ยกร่างเล็กขึ้นพาดบ่าแล้วก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องนอนของเขา
   “เฮ้ย! พี่ไอ จะทำไรเนี่ย” หวายโวยวายประท้วง ยกกำปั้นทุบแผ่นหลังเขาไปหลายครั้ง แต่ผู้ชายตัวโตกว่ากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาแบกร่างเล็กได้แบบสบายๆ
   “ร้องทำไม ไม่อายคนอื่นแล้วว่างั้น”
   พอเข้ามาถึงห้องนอนได้ก็โยนร่างเล็กลงบนเตียงแล้วหัวเราะขำ  หวายหน้ายู่นึกโมโหเขาแล้วทำท่าจะหนีออกมา แต่ก็ถูกไอศูรย์ขวางเอาไว้
   “ผมจะกลับห้อง”
   “ไม่อยากรู้แล้วเหรอ ว่าพี่เกลียดหวายหรือเปล่า”
   “ไม่อยาก”
   “ไม่เป็นไร เพราะพี่อยากพิสูจน์ให้หวายได้รู้…” ไอศูรย์ใช้สองมือประคองแก้มหวายเอาไว้มั่น ก่อนจะกดจูบลงมาอย่างดูดดื่มเร่าร้อนจนหวายเผลอจูบตอบเขากลับไปแบบไม่รู้ตัว
   ไม่รู้ตัวจริงๆ
   ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมครั้งนี้ถึงอยากจูบกับเขาและไม่มีการต่อต้านใดๆ เกิดขึ้น
   ไม่มีเลย…








                                                                  ..........................................






ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่22 17-08-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 17-08-2017 15:38:12
หวายคว้าเล่มรายงานที่นั่งหลังขดหลังแข็งทำเสร็จเมื่อคืนนี้ลงในกระเป๋าเป้สีดำพลางรูดซิปปิดลงแล้วนำขึ้นสะพายหลัง อยากตะโกนดังๆ ว่ากูเป็นไทยแล้วโว้ย!
หลายวันนี้มานี้เขามัวแต่หัวฟูทำงานส่งอาจารย์จนแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหน โชคดีหน่อยที่วันนี้เขามีเรียนตอนบ่ายแค่วิชาเดียว เลยถือโอกาสออกจากบ้านช้ากว่าปกติ 
พอเดินมาถึงโถงรับแขกก็เจอไอศูรย์กับอารดา ฝ่ายหญิงทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม ผิดกับฝ่ายชายที่ทักทายเขาทางสายตา
สายตายั่วเย้าที่สื่อความหมายบางอย่าง
ก็แน่ล่ะสิ จูบกันครั้งล่าสุดดันเผลอตัวไปจูบตอบเขาซะอย่างงั้น แถมยังจูบกันนานกว่าทุกครั้งด้วย นี่ถ้าหวายไม่ดึงสติกลับมาได้ก่อนมีหวังคงเลยเถิดไปไกลกว่าจูบและขลุกอยู่ในห้องของไอศูรย์จนถึงเช้า
   “ออกไปด้วยกันเลยมั้ย เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอ่ยชักชวนเสียดิบดีด้วยใบหน้าสดชื่นแจ่มใส หวายอดคิดไม่ได้ว่าสายป่านนี้ที่เขายังไม่ยอมไปทำงานเพราะมารอไปส่งหรือเปล่า
   พอคิดได้แบบนั้นหัวใจก็พองโตคับอกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
   “ก็ได้ครับ”
   “พรุ่งนี้พี่ไอกับหวายต้องไปงานเปิดตัวบริษัทพี่ไทน์ใช่ไหมคะ” อารดาทราบข่าวนี้จากพี่ชายเธอ เพราะคุยกันเมื่อครู่อีกครั้ง ในการ์ดเชิญระบุชื่อเธอกับพี่ชายให้ไปเป็นเกียรติในงาน แต่หญิงสาวคิดว่าเธอไม่อยากไปร่วมเท่าไร เพราะเธอกับไทน์ก็จบกันไปนานแล้ว ไม่อยากเจอหรือไปยุ่งเกี่ยวกันหรอก
   อันที่จริงเธอเองก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เขาเคยทำให้เจ็บช้ำ แต่อารดาไม่อยากพูดถึงมัน เธอเป็นประเภทไม่ชอบรื้อฟื้นอดีตเท่าไหร่
   “ไปสิ เอยจะไปพร้อมพี่ด้วยหรือเปล่า”
   “ไม่ดีกว่าค่ะ เอยมีประชุมลูกค้าถึงตอนค่ำ พี่ไอไปกับหวายเถอะค่ะ”
   “งั้นก็ตามใจเรานะ” ไอศูรย์ลูบศีรษะน้องสาวด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่อารดาฟื้นขึ้นมา ชีวิตเขาก็ดูจะมีความสุขขึ้นกว่าเมื่อก่อนตั้งมากมาย ไหนจะใครบางคนที่ตอนนี้เอาแต่หันไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของเขา
   ตั้งแต่ลงมาจากชั้นบนก็พูดกับเขาประโยคเดียว
   เวลาเด็กดื้อมันเขินเขานี่ดูน่าแกล้งชะมัด…









   หวายเข้ามานั่งในรถเคียงคู่กับไอศูรย์ โดยมีคนขับรถคอยทำหน้าที่ให้ เพราะวันนี้ชายหนุ่มไม่อยากขับรถเอง ส่วนคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาควานหาตารางเรียนของวันนี้เพราะดันลืมว่าเรียนที่ห้องอะไร แต่หาจนทั่วกระเป๋าแล้วก็ยังไม่พบ นึกหงุดหงิดใจขึ้นมา นึกไม่ออกว่าไปทำตกหล่นไว้ที่ไหนหรือเปล่าเพราะปกติไม่เคยนำของสำคัญแบบนี้ออกมาทิ้งวางไว้ที่อื่น
   “เป็นอะไร” ไอศูรย์เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนข้างๆ เลยอดถามขึ้นไม่ได้
   “หาตารางเรียนไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ที่ไหน อาจารย์ประจำวิชาแจ้งเรื่องย้ายห้องเรียน ผมก็ดันลืมไปแล้วด้วย”
   “โทรไปถามเพื่อนสิ ไลน์ไปก็ได้”
   “เออจริงด้วย ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้หลงๆ ลืมๆ ไปหมด”
   “โดนจูบแค่ไม่กี่ครั้ง ถึงกับสมองเบลอไปเลยเหรอ” ไอศูรย์ยิ้มล้อ
   “ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นสักหน่อย”
   “เย็นนี้พี่ไปรับนะ จะได้ไปงานพี่ไทน์ด้วยกัน” ไอศูรย์สั่งกำชับ เห็นอีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับ ภายในรถวันนี้มีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก กระทั่งคนขับรถส่งหวายที่มหาวิทยาลัยและกำลังเดินเข้าไปในตึกเรียนข้อความจากไอสูรย์ก็แจ้งเตือนเข้ามาในโทรศัพท์ของเด็กหนุ่ม
   ตั้งใจเรียนนะไอ้ดื้อ เจอกันเย็นนี้…







   หวายนำรายงานมาส่งอาจารย์เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย กระดาษปึกหนาถูกวางลงบนโต๊ะอาจารย์ประจำวิชาก่อนเข้าเรียน เขาไลน์ไปถามเพื่อนแล้วว่ามีเรียนห้องไหน ไอ้เพื่อนบ้าก็เพิ่งไลน์มาตอบว่าวันนี้อาจารย์งดสอน
   เออ! ให้มันได้อย่างนี้สิ
   สรุปวันนี้เขาแค่เอางานมาส่งอาจารย์เท่านั้นเองสินะ
   เอาไงดี…พอไม่มีเรียนเขาก็ไม่รู้จะไปไหน จะทำอะไร ไอศูรย์กลับเข้าบริษัท ครั้นจะตามไปก็ใช่เรื่อง เดี๋ยวไปทำตัววุ่นวายแล้วเป็นภาระเขาเปล่าๆ
สมองรีบประมวลผลด้วยความรวดเร็วว่าเขาควรจะหาข้าวกิน แต่กินข้าวคนเดียวที่ร้านประจำก็เหงา  เพราะเพื่อนสนิทเขากลับกันไปหมดแล้ว ไม่อยากมานั่งแกร่วเป็นหมาหงอย
ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ไปเอาสูทที่ร้านเลยแล้วกัน เขาจำได้ว่าไอศูรย์สั่งตัดสูทให้เขาใส่ไปงานของไทน์คืนนี้และจะแวะไปรับด้วยกันตอนเย็น แต่ถ้าไปรับด้วยตัวเองคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไร ไหนๆ ก็ไม่มีเรียน
หวายออกมาเรียกรถแท็กซี่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย แล้วบอกเส้นทางจะไปยังร้านเสื้อ
   เมื่อรถแท็กซี่ขับเคลื่อนมาจอดที่ร้านหรู หวายจึงมุ่งเข้าร้านทันทีเพื่อแจ้งกับพนักงานโดยบอกชื่อของไอศูรย์ ไม่นานก็มีหญิงสาวพาเข้าไปลองชุดสูทสีคาปูชิโนที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยเนื้อผ้านำเข้าจากต่างประเทศ  หวายมองดูตัวเองที่หน้ากระจก สูททักสิโดที่ไอศูรย์สั่งเอาไว้ใส่ได้พอดีตัวไม่หลวมและไม่คับแน่นจนเกินไป เขายิ้มออกมาก่อนจะหายเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิม
   อันที่จริงไอศูรย์ไม่ควรจะมาฟุ่มเฟือยกับเรื่องเสื้อผ้านักหรอก ชุดที่หวายใส่ออกงานคราวก่อนก็ใช้ไปแค่ครั้งเดียว
   แต่อย่างว่า รายนั้นมันพ่อมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ขนหน้าแข้งไม่เคยกระเด็นออกมาให้เห็นสักเส้น
   หวายพาตัวเองออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า แต่แล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พบกับใครบางคนที่นี่ ชายหนุ่มมาดผู้ดีอยู่ในชุดสูทสีขาวราวกับเจ้าชาย และกำลังหันมาสบตากับหวายอย่างเป็นมิตรเหมือนทุกๆ ครั้ง ดูเหมือนฝ่ายนั้นก็แปลกใจไม่ต่างกันว่าบังเอิญจะมาเจอกันได้
   “หวาย”
   “หวัดดี คุณไทน์”
   “เจอกันอีกแล้วนะครับ” ไทน์นั่งลงบนโซฟาเพื่อรอพนักงานนำบัตรเครดิตของเขาไปจัดการเรื่องชุดที่สั่งตัดเย็บเอาไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน
โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เขาไปส่งหวายที่บ้าน ระหว่างทางชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปในปั๊มน้ำมัน แล้วหวายเองก็ขอตัวลงจากรถไปเข้าห้องน้ำโดยทิ้งกระเป๋าเป้ไว้ในรถยนต์ของเขา ชายหนุ่มได้โอกาสจึงค้นหาแผ่นกระดาษเล็กๆ ที่คิดว่าเป็นตารางเรียนเลยยึดเอามาไว้กับตัวเพื่อจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย
ตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะๆ จัดการรวบหัวรวบหางกินไอ้เด็กนี่ซะเลย แต่เหมือนวันนี้สวรรค์จะเป็นใจส่งเหยื่อมาเข้าปากเสืออย่างเขาเร็วกว่าที่คิด
เมื่อได้รับชุดเรียบร้อย หวายจึงล่ำลาไทน์แล้วเดินออกมาจากร้าน แต่ไทน์กลับอาสามาส่งเองเหมือนครั้งก่อน เขาคะยั้นคะยอจนหวายไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
   ไทน์ขับเคลื่อนรถยนต์มาถึงถนนใหญ่เขาเลี้ยวเข้าเส้นทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของหวาย คนที่นั่งมาด้วยถึงกับมองเขาด้วยความสงสัยว่าเขามาผิดทางหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะไทน์มาบ้านเขาออกจะบ่อย
   “คุณไทน์จะไปไหนหรือครับเนี่ย”
   “คอนโดฯของผมเอง”
“คอนโด?” เด็กหนุ่มรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ออกไป ไทน์คงไม่ทำมิดีมิร้ายอะไรอย่างนั้นแน่ เพราะดูท่าทางเขาเป็นคนไว้ใจได้ ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร
   “ผมลืมเอกสารสำคัญบางอย่างน่ะครับ ขอแวะไปเอาแป้บเดียวนะ ไม่เกินห้านาที”
“อ๋อ ได้ครับ” คำพูดที่ไทน์ตระเตรียมมาอย่างดีทำเอาคนฟังค่อยใจชื้น ไม่ได้ถามอะไรออกไปนอกจากนั่งเงียบๆ ภายในรถ แล้วรถยนต์คันหรูของชายหนุ่มก็เคลื่อนตัวเข้ามาในลานจอดรถของคอนโดมิเนียมที่ไทน์พักอาศัยอยู่ โดยที่หวายไม่รู้เลยว่าภัยกำลังจะมาเยือนใกล้ตัว!




                                                                .................................





ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจพราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่23 05-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 05-10-2017 01:46:36
ไอศูรย์ออกจากห้องประชุมในช่วงบ่ายคล้อย ชายหนุ่มเดินกลับเข้าห้องทำงานของตัวเองโดยมีอลงกรณ์เปิดประตูให้แล้วเดินตามเข้าไปพร้อมกับเจ้านายของเขา
   ร่างสูงถอดสูทสีเทาควันบุหรี่ออกพาดไว้กับพนักเก้าอี้ เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นลวกๆ แล้วเอนหลังลงบนพนักพิงเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดความเมื่อยล้าต่างๆ จากเรื่องงาน ส่วนตารางงานของวันนี้ที่เลขาส่วนตัวนำมาวางไว้ให้ เขาเปิดดูคร่าวๆ แล้วก็ปิดมันลงเช่นเดิม เพราะไม่มีงานอะไรที่เร่งด่วนมากนัด
   แล้วก็ไม่มีนัดที่ไหนอีกในวันนี้ จะมีก็แต่…
   นั่นไง เขาทำงานเพลินจนเกือบเลยไปเลยว่ามีนัดกับคนสำคัญเอาไว้
   ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา เตรียมจะกดโทรฯไปหาหวายว่าเลิกเรียนหรือยัง แต่เวลาแบบนี้คงยังไม่เลิกเรียนแน่ๆ ไอศูรย์ตัดสินใจไม่โทรหา ไปถึงที่หมายเลยน่าจะดีกว่า เขาเลยสั่งให้ลูกน้องขับรถพาไปที่มหาวิทยาลัยของหวาย
   และเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาจอดสนิทที่ลานจอดรถใต้ตึกคณะที่เด็กหนุ่มเรียนอยู่ ไอศูรย์จึงกดโทรศัพท์ไปหาแต่ปรากฏว่าไม่มีคนรับสาย เขาเห็นนักศึกษาคนหนึ่งจำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องกับหวาย เลยลองถามจากอีกฝ่าย
   หากคำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นว่าหวายกลับไปสักครู่ใหญ่ๆ แล้วเพราะวันนี้อาจารย์ประจำวิชางดสอน
บ้าฉิบ!
อุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาว่าให้รอเขา ดันหนีกลับบ้านก่อนซะงั้น
มันน่าตีจริงๆ!
   เขาเองก็โทรย้ำ ๆ แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์สักที สงสัยจะอาบน้ำหรือทำอะไรที่ไหนไม่ได้พกโทรศัพท์ไว้กับตัวแน่ๆ เลยตัดสินใจโทรไปหาใครอีกคน
   “ว่าไงคะพี่ไอ” อารดารับสายเสียงหวาน
   “เอย อยู่ที่บ้านหรือเปล่า”
   “เพิ่งกลับมาถึงค่ะ แต่เดี๋ยวเย็นๆ เอยมีนัดกับลูกค้าอีกที พี่ไอมีอะไรหรือเปล่าคะ”
   “เอยเห็นหวายบ้างหรือเปล่า เด็กนั่นกลับมาถึงบ้านหรือยัง”
   “เดี๋ยวนะคะ เอยจะลองถามเจนให้”อารดาถามจากสาวใช้ เธอเพิ่งขับรถเข้ามาถึงบ้านและวางกระเป๋าลงบนโซฟาในโถงรับแขกพี่ชายก็โทรมาพอดี
   “เจนบอกว่าหวายยังไม่กลับมาเลยค่ะ”
   “เด็กบ้า หายไปไหนของมันวะ”
   “ใจเย็นๆ ก่อนค่ะพี่ไอ แล้วนี่ยังไม่ได้ไปรับสูทที่ร้านอารีน่าด้วยกันเหรอคะ”
   “ยังเลย พี่เพิ่งประชุมเสร็จ มารอหวายที่มหาลัย เห็นเพื่อนหวายบอกว่าหวายกลับไปนานแล้ว ไม่รู้หายไปไหนอีก”
   “คงไม่มีอะไรหรอกมั้งคะ อาจจะทำธุระแถวๆ นั้น” อารดาคอยดึงสติพี่ชายที่ดูจะร้อนรนกระวนกระวายไม่น้อย แต่ก็เข้าใจแหละว่าถ้าเป็นเรื่องของหวายไอศูรย์ไม่เคยมีคำว่าใจเย็นอยู่ในหัว
   “ลองโทรย้ำๆ ดูนะคะ เดี๋ยวหวายก็รับสายเองค่ะ พี่ไอลองไลน์ไปหรือยังคะ”
   “ทั้งโทรทั้งไลน์ ไม่ตอบกลับมาเลยไม่ว่าทางไหน”
   “นี่หวายหายไปไม่นานเองนะคะ”
   “ก็พี่เป็นห่วงเขา”
   “ทีอยู่ต่อหน้าไม่เห็นพูดว่าห่วง ทำเก๊กโหดใส่เขาอยู่ได้ สมน้ำหน้า” หญิงสาวอมยิ้มขัน
   “มันดื้อมากต่างหากพี่เลยต้องเล่นบทโหด”
   “ยังไงเอยจะลองช่วยโทรดูนะคะ”
   “ขอบใจนะ” ไอศูรย์วางสายจากน้องสาวของเขาแล้ว ก่อนให้ลูกน้องโทรเช็คตามโรงพยาบาล
   “เป็นไงได้เรื่องอะไรมั้ย”
   “ไม่พบครับ”
“อืม” ไอศูรย์ค่อยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับหวาย แล้วเด็กนั่นหายไปไหนทำไมยังไม่ติดต่อกลับมาหาเขาอีกวะ
หงุดหงิดโว้ยแม่ง!
รู้งี้จับล่ามโซ่ ใส่กุญแจมือ ขังอยู่ในห้องไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเลยคงจะดี
   “โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย เขาก้าวขึ้นรถยนต์ โดยมีอลงกรณ์ทำหน้าที่ขับรถให้เหมือนเคย จุดหมายปลายทางข้างหน้าคือร้านเสื้ออารีน่า เผื่อว่าบางทีหวายอาจจะแวะไปที่นั่น พลันโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้นขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนตัวออกมา ไอศูรย์ก้มดูเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏหน้าจอเป็นเบอร์ของหวาย เขาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกก่อนกดรับสายในที่สุด
   กว่าจะโทรมาได้นะ ให้เราเป็นห่วงอยู่ได้แทบคลั่ง
   “อยู่ไหนแล้ว  พี่โทรหาตั้งนานทำไมเพิ่งโทรกลับ ไลน์ไปก็ไม่เห็นอ่าน ไหนบอกจะรอพี่ที่มหา…”
   “เอ่อ...คุณคะ คือว่า...” เสียงหญิงสาวที่ดังขึ้นปลายสายทำให้ไอศูรย์นึกแปลกใจ
   อ้าว! ใครวะ ไม่ใช่หวายนี่หว่า?
   “คุณเป็นใครครับ แล้วมารับโทรศัพท์ของหวายได้ยังไง”
   “ขอโทษนะคะ คือดิฉันเห็นว่าเจ้าของโทรศัพท์เขาลืมเอาไว้ที่ร้านเสื้อ แล้วเบอร์คุณก็โทรฯเข้ามาหลายรอบแล้วน่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ ร้านเสื้อเหรอครับ” ชายหนุ่มเริ่มสับสน เขารีบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทันที หวายกลายเป็นคนสับเพร่าลืมของสำคัญทิ้งเอาไว้ที่อื่นได้ยังไงกันวะ เจอตัวเมื่อไรจะต้องอบรมกันหน่อยแล้ว
   “แล้วเจ้าของเขาไปไหนครับ ที่นั่นใช่ร้านเสื้ออารีน่าหรือเปล่า”
   “ใช่ค่ะ เอ…คุณไอศูรย์หรือเปล่าคะ
“ครับ”
“น้องเขาเข้ามาเอาเสื้อสูทไปแล้วนะคะทั้งสองชุด”
   “รับไปแล้วเหรอครับ”
   “ค่ะ ตอนแรกเห็นมาคนเดียวนะคะ แต่กลับออกไปกับคุณไทน์ค่ะ”
คำบอกเล่าของหญิงสาวทำเอาไอศูรย์ถึงกับโกรธจนควันออกหูอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ราคาหลายหมื่นทิ้งมันตรงนี้
   “แล้วเขาไปไหนกัน พอจะทราบมั้ยครับ”
   “เอ่อ..อันนี้ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
   “โอเค ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ”
   “ขอบคุณค่ะ คุณไอศูรย์”
ชายหนุ่มวางสายไปเรียบร้อยแล้ว เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าไทน์พาหวายไปที่ไหน ท่าทางไทน์ก็แปลกๆ ทำอะไรไม่เคยบอกกล่าวกันสักคำว่าจะพาคนของเขาไปด้วย
   “เดี๋ยวนายเช็คหน่อยสิ ว่าบ้านพี่ไทน์อยู่ไหน” อลงกรณ์รับคำสั่งนั้นจากเจ้านาย ไม่นานเขาก็ลงมือสืบข้อมูลแล้วก็ได้เรื่องในที่สุด
   “คุณไทน์ย้ายมาพักอยู่ที่คอนโดฯแล้วครับ”
   “งั้นนายพาฉันไปที่คอนโดฯพี่ไทน์หน่อย เผื่อว่าหวายอาจจะอยู่ที่นั่น”







   หวายนั่งคอยไทน์อยู่ตรงโซฟารับแขก เขาหายเข้าไปในห้องนอนนานหลายนาทีแล้วเพื่อไปเอาเอกสารสำคัญอะไรสักอย่าง หวายไม่ได้ถามรายละเอียดมากนัก ทั้งที่ตอนแรกก็บอกเอาไว้ว่าแค่เพียงห้านาทีเท่านั้นที่เขาจะจัดการธุระของตัวเอง
   เด็กหนุ่มปรายตามองไปโดยรอบ สำรวจดูห้องพักที่ตกแต่งอย่างสวยหรูดูดีมีระดับสมราคาคอนโดมิเนียมราคาห้าล้านบาทที่มีพื้นที่ประมาณ45 ตารางเมตร แถมเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นก็ราคาหลักหมื่นทั้งสิ้น ไทน์เป็นนักออกแบบจิวเวอร์รี่ คงมีเงินเก็บก้อนใหญ่ เลยไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะซื้อหาที่พักอาศัยในราคาเจ็ดหลักได้อย่างสบาย
   ในเมื่อไทน์ยังไม่ออกมาจากห้องนอนหวายจึงถือโอกาสเดินสำรวจดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จะเข้าไปเรียกเขาก็ไม่กล้า ทว่านาทีต่อมากลับได้ยินเสียง ดังโครมครามจากห้องด้านใน ตามด้วยเสียงของไทน์ที่ร้องโอดครวญเหมือนเขากำลังได้รับอันตราย หวายไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง หรืออาจะถูกของหล่นใส่
   เด็กหนุ่มมองหาผู้เป็นเจ้าของ เขาไม่เห็นไทน์อยู่ในห้อง
หวายเริ่มเอะใจขึ้นมาทันที แถมหนังสือจำนวนมากกับแผ่นซีดียังหล่นลงมาจากตู้เกลื่อนกลาดพื้นเต็มไปหมด เด็กหนุ่มมองแผ่นซีดี  ภาพหน้าปกเป็นรูปหญิงสาวที่ร่างเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่สักชิ้น แต่บางเล่มก็มีรูปผู้ชายที่สภาพไม่ต่างกัน เห็นหมดทุกซอกทุกมุมไม่มีปิดบัง
จริงๆ ผู้ชายมันต้องมีบ้างแหละหนังสือกับซีดีโป๊ แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ราวกับสะสมเป็นคอลเลคชั่นก็ว่าได้
   “คุณไทน์”
“…..”
“คุณไทน์ครับ”
“…..”
อุ๊บ...” ฝ่ามือเย็นเฉียบของชายหนุ่มอีกคนที่แอบอยู่หลังบานประตูตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ยกขึ้นปิดปากหวายเอาไว้แน่น ไทน์ลากผู้ชายตัวเล็กกว่ามาจนถึงเตียงนอนของเขา จัดการดึงเชือกเส้นหนาออกมาแล้วรวบข้อมือบางมัดไว้กับหัวเตียงที่เป็นเหล็ก
   คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวรอด  เสียงร้องตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
   เขาไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องเชี่ยอะไรกันวะ!
   “คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” หวายดิ้นรนอย่างสุดกำลัง หากแต่ไทน์ที่คร่อมอยู่เหนือร่างบางกลับแสยะยิ้มเย็นดั่งปิศาจร้ายที่กลายร่างมาจากเจ้าชายชุดขาวที่หวายเคยเห็น เขาไล่สายตาไปตามเรือนร่างขาวเนียนเย้ายวนใจ  ร่างที่หลงใหลมาเนิ่นนานและอยากครอบครองเต็มประดา
   “จะพาไปขึ้นสวรรค์” ไทน์ทำหน้าหื่นกระหายราวกับสัตว์ป่าที่อดอยากปากแห้งมานานแล้วเจอเหยื่ออันโอชะ
   ลองถ้าเขากับหวายได้ร่วมรักกันแล้วอัดคลิปเอาไว้ข่มขู่อีกฝ่ายมันจะไปไหนรอด ขี้คร้านถ้าเขาเอ่ยปากอยากได้อะไรมันก็ต้องให้ตามที่เขาต้องการ
   “ไอ้โรคจิต มึงปล่อยกู” หวายดิ้นรนจนสุดกำลัง ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องพูดจาสุภาพกับคนที่จิตไม่ปกติ ล่อลวงเขามาทำระยำในพื้นที่ของมัน
   แต่ทำไมยามคับขันแบบนี้หวายกลับนึกถึงไอศูรย์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาจะรู้หรือเปล่าว่าธาตุแท้ของไทน์มันเป็นคนแบบไหน
   “อย่าเอะอะโวยวายไปเลยน่า ช่วยเก็บเสียงเอาไว้ร้องครางดังๆ จะเพราะกว่านะ” ไทน์จัดการปลดเข็มขัดออกจากขอบกางเกงของหวายด้วยความทุลักทุเลแล้วโยนลงบนพื้นห้อง หากในนาทีต่อมาเขากลับถูกหวายถีบเข้ากลางอกเต็มแรงจนรู้สึกจุกไปหมด
“เชี่ย! ฤทธิ์มากนักนะมึง” ไทน์โมโห เขานิ่วหน้าพร้อมยกมือกุมอกตัวเอง ดวงตาฉายแววเกรี้ยวกราดก่อนปราดเข้ามาตบหน้าเด็กหนุ่มฉาดใหญ่จนเลือดไหลซึมมุมปาก
   เพียะ! 
   “ชอบให้ใช้กำลังก็ไม่บอกกูนะมึง!”





                                                    .............................................




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่23 05-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-10-2017 09:29:44
อ้าวววววว อย่าค้างงงงงงงงงแบบนี้สิ
งื้อออออ
พี่ไอ มาช่วยน้องเร็วๆเลย
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่23 05-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-10-2017 11:51:54
ไอ้เลว  ไอ้โรคจิตอย่าทำอะไรหวายนะ o22 :z6:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่23 05-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-10-2017 01:26:43
 :beat: :z6: :fcuk: :13223: :โป้ก1: :pigangry2: :ซูโม่: ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ซะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่24 15-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 15-10-2017 01:52:27
ไทน์แสยะยิ้มเย็นออกมาจนน่ากลัว มันดูน่าขยะแขยงยิ่งกว่ารอยยิ้มร้ายกาจของไอศูรย์พันเท่า ถึงผู้ชายคนนั้นจะโหดร้ายใส่เขาขนาดไหนก็ไม่เคยทำตัวโรคจิตผิดมนุษย์เหมือนที่ไทน์กำลังทำอยู่ตอนนี้
   “อยู่เฉยๆ แบบนี้ก็ดีจะได้ไม่เจ็บตัว” ไทน์เห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปเอาแต่มองเขาแบบเจ็บใจหลังถูกตบหน้า โดยไม่ร้องโวยวายด่าทอ แต่เปล่าเลย หารู้ไม่ว่าหวายกำลังหาทางพาตัวเองออกมาจากมนุษย์ใจทราม
   ตากลมใสมองหาเครื่องทุ่นแรงๆ ที่อยู่ใกล้ตัว เผื่อจะมีแจกันหรือโคมไฟ แต่โชคร้ายที่ไทน์ไม่ทิ้งอะไรไว้ในห้องนอนที่พอจะทำให้หวายเอาตัวรอดออกมาได้นอกจากหมอนหนุนที่ฟาดใส่มันไปก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไร
   เวรเอ้ย! นี่เขาจะหาของพวกนั้นไปทำซากอะไรในเมื่อยังโดนมัดมืออยู่
   “ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
   “ปากดีอีกแล้วนะมึง สงสัยอยากโดนตบให้เลือกกลบปาก เดี๋ยวกูจัดให้มึงเอง” ไทน์ทำท่าเงื้อมมือจะตบหวายให้หน้าหันสักสองสามที โทษฐานที่ออกฤทธิ์ใส่ หากแต่มือหนากลับต้องชะงักค้างกลางอากาศเมื่อบานประตูถูกกระแทกเปิดดังโครมเข้ามาด้านใน ชายหนุ่มตกตะลึงกับแขกไม่ได้รับเชิญเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวในเวลาเหมาะเจาะแบบนี้
   ไทน์ทำหน้าเมือนถูกผีหลอกก็ไม่ปาน เขารีบถอยห่างลงมาจากเตียงนอนพลางมองหน้าคมเข้มดวงตาฉายแววดุกร้าวราวปีศาจร้ายของชายหนุ่มอีกคนที่บุ่มบ่ามเข้ามา อลงกรณ์ชักอาวุธปืนเล็งไปยังร่างของไทน์แต่ยังไม่ทันได้ลั่นไก มันเป็นเพียงแค่เป็นการข่มขู่เพื่อไม่ให้ไทน์ขยับตัวหนีไปไหน ส่วนไอศูรย์รีบไปแก้มัดพาตัวหวายออกมาอยู่ข้างเขา มองหน้าหวายที่ปรากฏรอยแดงช้ำแล้วโกรธจนควันออกหูที่เห็นคนของตัวเองถูกทำร้าย
   บัดซบเอ๊บ!
   ถึงเขาจะโหดเถื่อนขนาดไหนก็ไม่เคยทำร้ายหวายถึงขั้นเลือดตกยางออก แล้วไอ้เวรไทน์มันกล้าแตะต้องคนของเขาได้ยังไง
   “เจ็บหรือเปล่า” ไอศูรย์สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยอย่างที่หวายไม่เคยเห็นมาก่อน
   “นิดหน่อยครับ”
   “ไม่ต้องกลัวนะ มันทำอะไรหวายไม่ได้อีกแล้ว”
“ขอบคุณพี่ไอ ขอบคุณที่มาช่วยผม…” หวายรู้สึกอยากกอดเขาขึ้นมา แต่มันคงไม่ใช่เวลานี้แน่ๆ ไอศูรย์ผละออกจากจากคนข้างกายเพื่อจะกลับมาสะสางยังตัวต้นเหตุที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิมทำอะไรไม่ถูก เพราะอลงกรณ์ไม่ยอมย้ายตำแหน่งปลายกระบอกปืนไปที่อื่น
   ไอศูรย์สั่งลูกน้องของเขาให้จับตัวไทน์แล้วจัดการไพล่มือเอาไว้ด้านหลัง ร่างสูงคว้ากระบอกปืนมาจากอลงกรณ์ฟาดเข้ากลางศีรษะของไทน์เต็มแรงจนน้ำสีแดงฉานไหลอาบตามหน้าผากลงมาเป็นทางยาว
   “ทำไมมึงเลวแบบนี้วะ มึงกล้าทำคนของกูได้ยังไง!!” ไอศูรย์ตวาดดังลั่น ขึ้นกูขึ้นมึงกับไอศูรย์เป็นครั้งแรกเพราะหมดความนับถือกันแล้วนับตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นหวายถูกทำร้ายร่างกาย
   “ฉันเนี่ยนะไปทำอะไรคนของนาย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่น้องชายนายมันให้ท่าฉันเองเว้ย มันตามมาอ่อยฉันถึงที่คอนโด จะโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ นายลองคิดดูสิว่าที่นี่มันห้องของใคร แล้วถ้าน้องชายนายมันไม่ร่านนักล่ะก็คงไม่นั่งรถมากับฉันแน่ๆ”
   “กูไม่ได้โง่นะเว้ย ถึงจะต้องเชื่อเรื่องที่มึงแต่งขึ้นมา” ไอศูรย์ซัดหมัดใส่ใบหน้าของไทน์จนเลือดอาบเต็มแก้มโดยทีอีกฝ่ายไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้เขาได้เลย
   “แล้วฉันจะบอกให้เอาบุญนะว่า หวายไม่ใช่น้องชายของฉัน”
   ไทน์ตกใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมา ไม่คิดว่าคดีจะพลิกที่แท้เด็กนั่นไม่ได้เป็นญาติกับไอศูรย์งั้นเหรอ แล้วพวกมันเป็นอะไรกันวะ
   “พี่ไอ กลับเถอะ ผมว่าแค่นี้เขาก็คงสำนึกแล้ว” หวายดึงให้ไอศูรย์กลับบ้าน ไม่อยากให้เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โต กลัวว่าไอศูรย์จะซ้อมไทน์จนสะบักสะบอมไปมากกว่านี้
   “ได้ พี่กลับแน่ แล้วมึง…” สรรพนามในท้ายประโยคไอศูรย์หันไปพูดกับไทน์ทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงดุดันน่ากลัว
   “ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก ไม่งั้นเรื่องไม่จบแค่นี้แน่ จำไว้” ไอศูรย์พาหวายกลับออกมาพร้อมอลงกรณ์ ขืนเขาอยู่ต่ออีกนิดมีหวังได้กระทืบไอ้โรคจิตตายคาเท้าเป็นแน่ ส่วนไทน์ได้แต่มองตามหลังคนทั้งสามด้วยสายตาอาฆาตแค้น
   “กูก็ไม่จบแค่นี้เหมือนกัน!”







   หวายปรือตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอีกวัน เขารู้สึกเจ็บระบมไปตามร่างกายไปหมดจนต้องนิ่วหน้า โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่ถูกตบเข้าอย่างแรงด้วยฝีมือของไทน์ หากเมื่อประคองตัวเองก็ใช้นิ้วแตะบริเวณมุมปากที่ยังหลงเหลือรอยฟกช้ำ ซึ่งคงกินข้าวไม่สะดวกไปอีกหลายวัน แต่เมื่อคืนไอศูรย์ก็คอยช่วยบรรเทาความเจ็บให้ด้วยกุลีกุจอหายามาทาให้ก่อนนอนไปรอบหนึ่งแล้ว
   แปลกดีนะ ตั้งแต่กลับมา ไอศูรย์ไม่ได้พูดเรื่องที่เขาถูกไทน์ล่อลวงจะไปทำมิดีมิร้ายอีกเลย คงเห็นว่าเขาเจ็บตัวและยังไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องแย่ๆ ให้รกสมอง
   ก็ดีเหมือนกัน หวายเองก็ไม่อยากคิด ไม่อยากจำ ส่วนไอ้คนพรรค์นั้นมันจะเป็นจะตายร้ายดียังไงก็ช่างหัวมัน ไม่คิดเลยว่าผู้ชายหน้าตาดีมีหน้าที่การงานที่โดดเด่นอย่างไทน์จะทำเรื่องเลวๆ ได้
   เขาถึงว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ…
   เด็กหนุ่มลุกจากที่นอนแล้วหยิบผ้าขนหนูเดินหายเข้าห้องน้ำ เขาอยากอาบน้ำให้สดชื่นสบายตัว
   ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาจากห้องน้ำ จัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า แม่บ้านจัดการซักรีดจนเรียบร้อยหมดแล้ว และเมื่อหวายเตรียมจะพาตัวเองออกไปจากห้องนอนเพื่อหาอะไรใส่ท้อง พลันสายตาสังเกตเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะในห้อง
   เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เพราะรู้สึกแปลกใจขึ้นมาว่าใครเข้ามาตอนเขาอาบน้ำ ในจานกระเบื้องมีหมูแฮม ไส้กรอกชีส ไข่ดาว ขนมปังปิ้งสองแผ่นส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย พร้อมทั้งนมสดแก้วใหญ่ๆ
 หวายขมวดคิ้วความสงสัย ปกติแล้วเจนไม่เคยนำอาหารมาเสิร์ฟในห้องนอนสักครั้ง เพราะหวายชอบไปกินข้าวในครัวกับเจนแล้วคุยสัพเพเหระกันสนุกสนาน ยกเว้นมื้อที่ไอศูรย์อยากให้ร่วมโต๊ะด้วย หวายถึงได้ลงไปกินข้าวกับเขา
   เด็กหนุ่มอยากลงไปถามเจนให้หายคาใจแต่เมื่อหมุนลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันเปิดไม่ออก พยายามอยู่หลายครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่รู้ว่าประตูเป็นอะไร หวายเขย่าประตูจนหงุดหงิดแล้วก็ต้องละความพยายามของตัวเองเดินกลับมานั่งลงบนเตียง
อะไรกันวะเนี่ย
 ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นประตูถึงเปิดไม่ได้ ทั้งที่เมื่อคืนก็ยังดีๆ อยู่เลย
   หวายเตรียมกดโทรศัพท์ไปหาเจนเพื่อให้มาช่วยเปิดประตูห้องนอนหากสายตาเหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษเล็กๆ สีขาวที่แปะเอาไว้ตรงกระจกบานใหญ่ในห้องเลยดึงมันออกมาเพื่อที่จะอ่านข้อความในนั้น
   “อยู่ในห้องสามวัน ไม่ต้องออกไปไหน นี่คือการทำโทษ แล้วเจอกันเย็นนี้ พี่ไปทำงานก่อน…”
   เด็กหนุ่มวางแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อรู้คำตอบว่าทำไมประตูถึงเปิดไม่ได้ ทำไมอาหารเช้าถึงถูกจัดวางเอาไว้ในห้องนอนเสร็จเรียบร้อยโดยที่เขาไม่ได้สั่ง แล้วข้อความในแผ่นกระดาษนั้นก็ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นลายมือของใคร ถ้าไม่ใช่คนที่เป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้
   ไอศูรย์
   เฮ้ย! ดีเนอะ…โดนล่อลวงไม่พอ ตื่นเช้ามาแล้วยังเจอบทลงโทษนี่อีก
ยังไงก็แล้วแต่ กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องแหละวะ
 หวายเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเดิมแล้วลงมือกินอาหารเช้าเพียงลำพัง แม้จะเคี้ยวลำบากหน่อยเพราะแผลที่ยังปวดแสบอยู่ แต่เขาก็ต้องกิน ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมานั่งประท้วงไอศูรย์ให้ปล่อยเขาออกจากห้อง






   ตกเย็นไอศูรย์กลับมาจากที่ทำงาน วันนี้เขาไปสะสางธุระสำคัญหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของไทน์ พอเข้ามาถึงบ้านได้ก็ตรงขึ้นมาที่ห้องนอนของหวายทันที ชายหนุ่มไขกุญแจที่ล็อคด้านนอกออกจนเรียบร้อย ตลอดทั้งวันเขาคิดถึงหวายใจจะขาด แต่เพราะภาระหน้าที่ความรับผิดชอบทำให้ต้องไปจัดการให้เรียบร้อยก่อน
 เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านเขาสั่งกำชับไว้กับทุกคนว่าห้ามให้หวายออกจากห้องนอนโดยเด็ดขาด และถ้าอยากอะไรขอให้บอกจะประเคนมาให้ถึงห้อง แล้วก็ไม่มีใครกล้าผ่าฝืนคำสั่งเขาสักคน แม้แต่อารดาเองก็ไม่กล้าขัดเพราะเข้าใจเขา แถมไอศูรย์ยังเล่าความระยำของไทน์ให้น้องสาวฟัง ซ้ำยังบอกอีกว่าโชคดีที่เธอไม่ได้แต่งงานกับหมอนั่นไปเสียก่อน อารดานิ่งฟังไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเธอดูเรียบเฉย ก่อนจะขับรถออกไปทำงานในจังหวัดภูเก็ต
   พอเข้ามาในห้องได้ ไอศูรย์ก็มุ่งสายตาไปยังเตียงนอน เห็นหวายนอนอ่านหนังสือเล่นอยู่บนเตียงอดไม่ได้จะยิ้มออกมา
วันนี้มันไม่ดื้อแฮะ…
   “พี่ไอ”  หวายหันกลับมาหาเขา วางหนังสือการ์ตูนในมือลงแล้วลุกขึ้นนั่ง
   “กลับมาแล้วเหรอ”
   “อืม กินข้าวหรือยัง” ชายหนุ่มนั่งลงบนที่นอน อีกฝ่ายเลยได้โอกาสถามเขาเรื่องที่ยังเคืองอยู่นิดๆ โดยไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย
   “ทำไมต้องทำโทษผมด้วย ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”
   “ใครบอกว่าไม่ผิด”
“พี่ก็เห็นว่าผมเป็นผู้ถูกกระทำ”
“แต่หวายไม่ยอมรอพี่ที่มหาวิทยาลัย”
“ขอโทษ…” ยอมรับว่าเรื่องนั้นเขาผิดจริงๆ แต่เพราะความหวังดีไม่อยากให้ไอศูรย์เทียวไปเทียวมาให้ยุ่งยากต่างหาก แต่ใครจะคิดว่ามันจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
“ไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มอมยิ้ม นานๆ ทีจะเห็นหวายสิ้นฤทธิ์ไม่เถียงเขา
   “แต่จะปล่อยให้ผมอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนไม่ได้หรอก ยังไงผมก็ต้องไปเรียนอยู่ดี”
   “ก็ค่อยไปพรุ่งนี้ไง”
   “หมายความว่าจะให้ผมออกจากห้องได้แล้วงั้นเหรอ”
   “อือ แต่ถ้าอยากอยู่ในนี้ต่อก็ไม่ว่าอะไรนะ” ไอศูรย์บอกยิ้มๆ จริงๆ เขาก็ไม่ได้อยากทำโหดใส่หวายนักหรอก เพราะเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่ทำร้ายกันอีก ในเมื่อพักหลังๆ เขาก็รู้สึกดีกับหวายไปแล้ว
   มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยให้ใครมาก่อน
   “ไม่ล่ะ ผมกลัวเรียนไม่ทันเพื่อน”
“ถ้ากลัวเรียนไม่ทันเพื่อน คราวหลังก็อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง  บุญเท่าไรแล้วที่ไม่โดนจับล่ามโซ่ใส่กุญแจมือ”
“ผมรู้แล้วน่า”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าพี่เป็นห่วงขนาดไหน” ยิ่งตอนเขาเห็นไทน์ตบหน้าทำร้ายกวายเขายิ่งอยากจะลากมันมากระทืบให้ตาย
“รู้สิ…ขอบคุณนะ” แค่รอยยิ้มหวานๆ กับคำขอบคุณที่ออกมาจากใจจริงก็ทำให้หัวใจของอสูรอ่อนยวบลงโดยอัตโนมัติ เขาดึงหวายมากอดหลวมๆ
   “หิวไหม ไปกินข้าวกันเถอะ”
   “ไปสิ ผมหิวแล้ว” หวายผละจากอกอุ่นๆ ของไอศูรย์ แต่อีกฝ่ายกลับดึงเข้าหาตัว
   “อะไร”
   “อยากได้รางวัลก่อนไปกินข้าว”
   “รางวัลอะไร” หวายทำหน้างง แต่อีกฝ่ายดันกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนใช้นิ้วชี้จิ้มข้างแก้มตัวเอง
   “เอ่อ…”
   ไอ้อสูรเถื่อนมันมีมุมน่ารักมุ้งมิ้งกับเขาด้วยเหมือนกันเนอะ
   “ไม่ทำก็ไม่ให้ไป”
   “…..”
   “นี่ไม่ได้ขู่นะ”
   “ใจร้าย”
   “งั้นก็ทำสิ”
   เอาเหอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ และ หวายเขย่งปลายเท้าจูบข้างแก้มอีกฝ่ายแบบเขินอายเพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อนในชีวิต ถ้าไม่เขินก็คงแปลกแหละ
   ส่วนไอศูรย์พอได้รางวัลสมใจก็เดินล้วงกระเป๋าฮัมเพลงแล้วยิ้มร่าเดินนำออกจากห้องแบบมีความความสุข




                                                    .........................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน
   
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่24 15-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-10-2017 02:36:10
 :m16: โมโห ๆ ไมทำโทษคนชั่วน้อยจังเลยอ่ะ ไม่ซะใจคนแก่เลย  :m31: :fire: :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่24 15-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-10-2017 08:44:42
หวานจังพี่ไอ
ปล. น่าจะฆ่าอิไทน์
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่25 20-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 20-10-2017 01:53:15
ไอศูรย์รับปากว่าจะให้หวายไปมหาวิทยาลัยได้เหมือนเดิม แต่ต้องมีคนของเขาขับรถไปรับไปส่ง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้หวายคลาดสายตาอีกต่อไป ถึงแม้ชายหนุ่มจะสั่งสอนไทน์ไปแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี
หมอนั่นมันร้ายกาจกว่าที่เขาคิดหลายเท่า ไม่น่าเชื่อว่าคนที่รู้จักกันมา เข้าออกบ้านเขา พูดจาดี มีการศึกษา หน้าที่การงานมั่นคงและเกือบจะได้มาเป็นพี่เขยจะกล้าทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้นกับหวาย
โชคดีที่เขาไปช่วยหวายได้ทันเวลาและได้เห็นธาติแท้ของไทน์ว่าเป็นคนยังไง ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัวไม่ต่างจากหมาข้างถนน ไอศูรย์ใช้อิทธิพลของเขาให้ไทน์หมดทางทำมาหากิน
และเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะไปไหนรอด
   ส่วนหวายพอกลับมาจากมหาวิทยาลัยก็มุ่งตรงมายังห้องทำงานของไอศูรย์ เพราะอลงกรณ์แจ้งว่าเจ้านายต้องการพบตัว
“พี่ไอมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“มีสิ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ยืนตรงนั้นพูดกันไม่ได้ยินหรอก มาใกล้ๆ พี่ดีกว่าไหม” ไอศูรย์เรียกหวายเข้าไปหา เพราะเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่กลางห้องทำหน้าเหมือนแมวขี้สงสัย แต่พอเด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ไอศูรย์กลับดึงร่างอีกฝ่ายให้นั่งลงบนตักของเขา
“เฮ้ย! พี่ไอ”
“ดิ้นอะไรนักหนา กลัวใครมาเห็นหรือไง”
“อืม”
“ยังไม่ชินอีกเหรอ อยู่กับพี่มานานแล้วนะ”
“ก็ยัง” หวายไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพักหลังๆ ไอศูรย์เล่นรุกเอาๆ บ่อยเกินไป แถมร่างกายตัวเองดันทรยศ ปากก็ไล่เขาปาวๆ ปฏิเสธว่าไม่เอา แต่ลึกๆ ก็อยากอยู่ใกล้เขา อยากให้เขาทำดีด้วย ไม่กลับไปโหดร้ายเหมือนตอนที่มาอยู่บ้านหลังนี้ใหม่ๆ
   “ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ไม่ชอบทำอะไรฝืนใจใคร เว้นแต่หวายจะ…” ไอศูรย์แกล้งพูดให้หวายทำหน้าสงสัย แล้วก็สงสัยจริงๆว่าเขาจะอะไรทำไมไม่พูดต่อให้จบ ชอบทำให้อยากแล้วจากไปอยู่เรื่อย
   “อะไรล่ะ”
   “ไม่บอก”
   “…..”
   “หวาย”
   “หืม”
   “พี่ขอถามตรงๆ นะ”
“ถามว่าอะไรครับ”
“ตอนนี้หวายยังเกลียดพี่อยู่ไหม”
   “ก็ไม่เท่าตอนนั้น”
   “แปลว่ายังเกลียด”
   “ไม่รู้สิ”
   “ไม่รู้ว่ายังเกลียดพี่มั้ย  หรือไม่รู้ใจตัวเอง”
   จึก! หวายถึงกับอึ้งไปในคำถามของเขา  มองหน้าอีกฝ่ายทั้งที่ยังนั่งอยู่บนตักของเขา แล้วคราวนี้จะตอบว่ายังไงดี เขาไม่คิดว่าไอศูรย์จะถามตรงเป็นไม้บรรทัดไม่มีอ้อมค้อมหรือให้ตั้งตัวกันบ้าง
   เขาเห็นไอศูรย์ยิ้มบางๆ แต่เขาว่าผู้ชายแบบไอศูรย์มันไว้ใจไม่ได้ เพราะยังไม่ทันที่หวายจะได้พูดอะไรออกไปชายหนุ่มก็จัดการกดริมฝีปากของเขาลงบนเรียวปากบางอย่างเร่าร้อน เหมือนคนอดอยากปากแห้งมานาน ทั้งที่จูบกันออกบ่อย ส่วนหวายที่ตอนแรกทำเหมือนต่อต้าน สุดท้ายกลับจูบตอบเขาไปแบบอ่อนด้อยประสบการณ์ แต่คาดว่าหลังจากนี้อีกไม่นานไอศูรย์อาจทำให้เขากลายเป็นผู้ชายช่ำชองขึ้นก็ได้ ในเมื่อเล่นรุกเขากลับไม่หยุดแบบนี้ บ่อยๆ
   










    ไทน์ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความสีหน้าเคร่งเครียดราวกับคนแบกโลกไว้ทั้งใบ บริษัทที่เขากำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกลับต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนเขาไม่รู้จะทำยังไง หุ้นส่วนสองสามรายพร้อมใจถอนหุ้นออกไปราวกับนัดหมาย มีเขาคนเดียวที่เป็นถือหุ้น ต้องประคับประคอง แต่ลำพังเขาคนเดียวกับสภาพคล่องทางการเงินที่ไม่ค่อยอำนวยเท่าไร คงพาบริษัทไปรอดได้ยาก
   เท่านั้นยังไม่พอ ไทน์ยังเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อลูกค้าชาวอิตาลีที่ว่าจ้างให้เขาออกแบบจิวเวอร์รี่ชุดใหญ่ ยังโทรศัพท์มาขอยกเลิกอีกเมื่อครู่หมาดๆ ไทน์บดกรามแน่นด้วยความคับแค้นใจ เลขาที่ยกกาแฟเข้ามาในห้องทำงานถูกขับไล่ออกไปด้วยเสียงตวาดที่ดังน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ
   “ออกไปให้พ้นหน้าฉัน ออกไป๊!” ไทน์ปัดแฟ้มงานบนโต๊ะจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด เขากำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น เชื่อแน่ว่าเรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นแบบประจวบเหมาะมันต้องเป็นฝีมือของไอศูรย์ที่ต้องการจะเล่นงานเขา
   ผู้ชายคนนั้นเป็นคนกว้างขวาง มีอิทธิพล มีเงินทองมากมาย มีอำนาจที่จะจัดการอะไรก็ได้อย่างรวดเร็ว ลูกค้าแต่ละรายส่วนใหญ่ก็มาจากการแนะนำของไอศูรย์
   ไม่สิ! เขาไม่มีวันตกต่ำล่มจมแน่ๆ
   ไม่มีวัน!
   “แกเล่นฉันก่อนนะไอ้ไอ!” ไทน์ครุ่นคิดอย่างหนัก เขาอยากหาหนทางเอาคืนหมอนั่นให้เจ็บแสบแบบกระอักเลือดตายเลยยิ่งดี แต่เขารู้ว่าการที่จะเข้าไปทำร้ายไอศูรย์ตรงๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อทำอะไรเจ้าตัวไม่ได้เขาก็จะทำกับของรักของหวงของมัน
ไอ้เด็กเวรนั่นมันหลอกลวงเขาว่าเป็นพี่น้องกับไอศูรย์ เห็นหน้าซื่อ ตาใส เหมือนจะหลอกง่าย ไม่คิดเลยว่าจะแถเก่งไม่เบา
ไทน์กดโทรศัพท์ไล่ดูรายชื่อที่เขายังบันทึกเอาไว้ในเครื่อง ชายหนุ่มสะดุดเข้ากับชื่อของศรัณพอดี
ไอ้กาย!
เห็นทีคราวนี้คงต้องยืมมือศรัณมาช่วยเหลืออีกครั้งซะแล้ว ไทน์ไม่รอช้ากดโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของหมอนั่นทันที
   “สวัสดีครับ” เสียงปลายสายดังขึ้นทำให้ไทน์รู้สึกดีใจมาก
   “ดีใจนะที่นายรับสาย”
   “ผมนึกว่าคุณจะไม่ติดต่อหาผมแล้วเสียอีก”
   “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง นายสบายดีมั้ย”
“คุณสนใจความเป็นอยู่ของผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ศรัณยังนึกแปลกใจไม่หาย ไทน์มาไม้ไหน จู่ๆ มา โทรหาเขาก่อน คราวที่แล้วเขาติดต่อไปยังทำเหมือนไม่อยากคุยกันอีกแล้ว
   “ทำไมถามอย่างนั้นเล่า”
   “เข้าเรื่องเลยเถอะ คุณโทรมาหาผมมีอะไรอีก”
   “นายยังต้องการเงินอยู่มั้ย”
“ต้องการสิ ทำไม”
“ฉันอยากจะช่วย”
“ตกลงคุณอยากช่วยผม หรืออยากให้ผมช่วยคุณกันแน่คุณไทน์” ศรัณหัวเราะหึหึตบท้าย เขาคิดว่าไทน์คงไม่ยื่นมือมาช่วยเหลือฟรีๆ เป็นแน่ อาจต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน
“ก็ทั้งสองอย่าง”
“ถ้าเป็นงานที่คุณเคยให้ผมทำ ผมคงต้องขอปฏิเสธนะครับ”
“นายนึกอยากเป็นคนดีกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ไทน์ยิ้มหยัน หมอนี่จนตรอกแล้วยังทำตัวหยิ่งยโสอยู่อีก แต่เชื่อเถอะว่ายังไงศรัณก็ต้องรับงานเขา
   “ผมไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก แต่งานที่คุณให้ผมทำมันเสี่ยงคุกเสียงตะรางเกินไป มันไม่คุ้ม”
   “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจัดการได้สบายมาก นายก็รู้ว่าฉันมีเงินมากขนาดไหน แต่ถ้านายอยากอดตายกับแม่นายสองคนก็ตามใจนะ สมัยนี้งานไม่ได้หากันได้ง่ายๆ คิดดูให้ดี”
   “คุณจะให้ผมทำอะไร” ไทน์ร่ายยาวจนศรัณรู้สึกไขว้เขว เพราะตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่กับแม่ที่บ้านหลังซอมซ่อเขาก็แทบจะอดตาย ชีวิตที่เคยสุขสบายมันหายไปไหนหมด
   วันๆ ต้องมายืนขาแข็งขายน้ำเต้าหู้ เพราะหางานทำไม่ได้ ไปสมัครที่ไหนไม่มีใครรับ ทั้งที่ประกาศปาวๆ ไม่อยากช่วยแม่ขาย แล้ววันหนึ่งก็มีรายได้ไม่กี่บาท แถมยังเจอร้านน้ำเต้าหู้คู่แข่งบ้านตรงข้าม ซึ่งขายดีอย่างกับเททิ้ง ทำให้น้ำเต้าหู้ของเขากับแม่ขาดรายได้ไปมากโข
   “งานแบบเดิมที่เคยทำ แต่ครั้งนี้มันพิเศษนิดหน่อย”
   “อะไร”
   “ฉันอยากให้นายอัดคลิปเอาไว้ให้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ”
   “มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอคุณไทน์”
   “งั้นก็แล้วแต่นาย…” ไทน์ทำท่าจะกล่าวแล้ววางสายแต่ศรัณที่พูดเหมือนไม่อยากรับงานเขากลับรีบรั้งเอาไว้ ยังไงตอนนี้ไทน์ก็เป็นคนเดียวที่จะช่วยให้หาเงินได้ง่ายขึ้น
   “คุณจะให้ผมไปทำ…กับใคร”
   “เดี๋ยวฉันส่งรูปให้ดู” ไม่กี่วินาทีรูปที่ศรัณอยากเห็นก็แจ้งเตือนเข้ามาในข้อความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
   “ไง เห็นแล้วใช่ไหม”
   “ผม…ทำไม่ได้”
   เชี่ยมาก! เขาไม่คิดว่าคนที่ไทน์จะให้เขาไปล่อลวงมาปลุกปล้ำแล้วถ่ายคลิปแบล็คเมล์จะเป็นไอ้หวาย!
   “ทำไมถึงทำไม่ได้” ศรัณขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
   “ไอ้หวายมันเป็นน้องผม ผมคงทำไม่ได้”
   “ว่าไงนะ เด็กเนี่ยมันเป็นน้องของนายงั้นเหรอ”
   “ใช่”
   “แล้วหวายไปอยู่กับไอศูรย์ได้ยังไง”
   “คุณรู้จักคุณไอศูรย์?” ศรัณเริ่มสับสนว่าตกลงไทน์จะให้เขาไปจัดการกับหวายทำไมแล้วรู้จักไอศูรย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
   “นี่นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ ไอศูรย์น่ะเป็นพี่ชายของผู้หญิงที่ฉันเคยให้นายกับเพื่อนของนายไปจัดการกับเธอไง จำได้หรือเปล่า”
   “อะไรนะ!” คำตอบของไทน์ทำเอาศรัณอึ้งไปหมด ถ้าไอศูรย์กับอารดามีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน แสดงว่าไอศูรย์รู้ความเคลื่อนไหว สภาพการเงินครอบครัวเขาและอาจเป็นไปได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไอศูรย์วางแผนมาแล้วทั้งนั้น
   ห่าเอ๊ย!
   มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงวะ
   “ตกลงว่าไง นายจะทำหรือเปล่า บอกไว้ก่อนว่าฉันจ่ายหนักนะ” ไทน์ไม่สนหรอกว่าหวายจะเป็นอะไรกับศรัณขอแค่ครั้งนี้เขาได้แก้แค้นให้ไอศูรย์เจ็บปวดบ้างเขาถึงจะมีความสุข
   “ผมทำไม่ได้”
   “ตามใจ แต่บอกเลยว่าครั้งนี้นายคิดผิดมากที่กล้าปฏิเสธฉัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ไทน์ชิงวางสายไปเสียก่อน พร้อมคำข่มขู่ตบท้าย
   “แม่งเอ๊ย มันอะไรนักหนาวะชีวิตกูเนี่ย!!” ศรัณโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาเก่าๆ เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว กลัวไปหมด กลัวว่าไอศูรย์จะเล่นงานเขาหนักกว่านี้อีกหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรเขาก็ทำไม่ลงจริงๆ กับงานบ้าๆ นี่ ถึงเขากับหวายจะเคยทะเลาะกันตบตีกันแทบตาย แต่เขากับมันก็เป็นพี่น้องที่ไม่เคยมีความคิดจะเอามันมาทำเมีย!
 เขาไม่อยากทำเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว
   พอกันที!






                                                       ..........................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่25 20-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: Somporn ที่ 20-10-2017 04:29:12
ขอติดตามด้วยครับผม  o13
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่25 20-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-10-2017 01:22:07
กลับตัวกลับใจได้ก็ดี ไหน ๆ จะเป็นคนดีแล้ว ส่งข่าวให้หลานไอรู้ตัวล่วงหน้าก็ดีนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่25 20-10-2560
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-10-2017 08:31:58
อ่านรวดเดียว

เออวุ้ย กาย มันสำนึกเป็น
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่26 17-11-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 17-11-2017 02:05:00
ศรัณยืนเกาะรั้วบ้านหลังงามด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก คิดมาทั้งคืนว่าจะเอายังไงกับชีวิต สุดท้ายเลยคิดว่าควรสารภาพความจริงกับไอศูรย์ดีกว่า ว่าเรื่องของอารดาเขาถูกใครว่าจ้างมาอีกที ทว่าตอนนี้ลูกน้องสองคนของไอศูรย์พยายามไล่เขาออกไปให้พ้นบริเวณหน้าบ้าน เพราะบอกว่าเขาดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ แต่งตัวซอมซ่อ เหมือนพวกมิจฉาชีพที่มาด้อมๆ มองๆ ดูลาดเลาเพื่อยกพวกมาปล้นบ้านอะไรทำนองนั้น
บ้าฉิบหาย!
แต่ช่างแม่งปะไร! ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าไอ้พวกนี้มันจะมองเขาแบบไหน ขอแค่เขาได้พบไอศูรย์ก่อนแล้วกัน เขาจะเล่าทุกอย่างให้หมดเปลือก
   สายตาคมมองลอดผ่านรั้วเข้าไปด้านในหวังว่าจะมีใครเดินออกมาจากตัวบ้านสักคน แต่สิบนาทีผ่านไปก็ยังไม่เห็นวี่แวว ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น
   “เฮ้ย! เมื่อไหร่แกจะไปสักทีวะ มายืนเกะกะบ้านคุณไอศูรย์อยู่ได้”
   “ฉันไม่ไปโว้ย จนกว่าจะเจอคุณไอศูรย์หรือไม่ก็ไอ้หวาย” ท้ายประโยคทำเอาบุรุษทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนเดินเข้ามาหาศรัณอย่างเอาเรื่อง
   “อย่าเรียกคุณหวายว่าไอ้”
   “ทำไมจะเรียกไม่ได้วะก็นั่นมันน้องชายฉัน” ศรัณพยายามยืนยันกับทั้งสองคนว่าเขาเป็นใคร แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อคำพูดลอยๆ ของเขา หลักฐานก็ไม่มี หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน
   ศรัณยืนถกเถียงกับชายสองคนอยู่ครู่หนึ่ง หวายก็เดินออกมาจากตัวบ้านเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เด็กหนุ่มชะเง้อคอดูเหตุการณ์ด้านนอกด้วยความสงสัยก่อนที่ลูกน้องของไอศูรย์จะรายงานว่ามีคนมาขอพบ หวายจึงพยักหน้ารับรู้และให้ทั้งสองคนถอยห่างออกไป คนตัวเล็กเดินเข้ามาเกาะรั้วเหล็กสีทอง มองสภาพร้อนรนของศรัณ
   “พี่กาย”
   “ไอ้หวาย คุณไอศูรย์อยู่ไหม”
   “อยู่ พี่มีอะไรกับเขา”
   “กูมีเรื่องสำคัญมาก”
   “เรื่องอะไรอีก”
   “มึงไม่ต้องรู้หรอกน่า”
   “พี่แม่งเลวว่ะ”
   “ไอ้เชี่ย กูแค่ขอเจอคุณไอศูรย์ มึงมาด่ากูทำไม” ศรัณเริ่มมีน้ำโหที่จู่ๆ หวายก็ด่าเขา
   “พี่ไปทำเรื่องชั่วๆ ไว้กับน้องสาวคุณไอศูรย์ ผมรู้หมดแล้ว”
   “มึงไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ไปตามเขามาเจอกูเดี๋ยวนี้เลย”
   “พอเหอะพี่กาย ที่ผ่านมาพี่จะรีดไถเงินผม หรือกระทืบผมคาตีนพี่ยังไงผมก็ไม่เกลียดพี่เท่ากับสิ่งที่พี่ทำไว้กับน้องสาวเขาเลยว่ะ”
   “กูไม่ได้ตั้งใจ”
   “เปล่าประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับบ้านไปเหอะ ผมไม่อยากเจอหน้าพี่อีก แล้วมั่นใจเลยว่าคุณไอศูรย์ก็คงไม่อยากเจอเหมือนกัน”
   “นี่มึงฟังไม่รู้เรื่องหรือไงวะ กูบอกว่ามีเรื่องสำคัญจริงๆ โว้ย”  ศรัณตวาดดังลั่นเสียงของชายหนุ่มทำเอาผู้เป็นเจ้าของบ้านเดินออกมาดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นจนลูกน้องสองคนต้องหลีกทางให้ และเมื่อเห็นว่าหวายกำลังพูดคุยอยู่กับศรัณเขาก็ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ไม่นานก็ออกคำสั่งให้ลูกน้องเปิดประตูเพื่อให้ศรัณเข้ามาด้านใน
   “มีอะไรกับฉันอีก” ไอศูรย์เอ่ยถามเสียงเข้ม เห็นหน้ามันแล้วทำให้เขาอารมณ์เดือดได้ง่ายเมื่อนึกถึงสิ่งที่มันทำระยำเอาไว้กับอารดา
   “ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”
ไอศูรย์เหยียดยิ้มมุมปาก สภาพของศรัณตอนนี้ต่างจากตอนที่เขาเจอในบ่อนพนันราวฟ้ากับเหว แต่เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่ผู้ชายคนนี้เคยก่อเอาไว้มันก็สาสมแล้ว อันที่จริงเขาเองอยากสั่งสอนให้มันเจ็บปวดมากกว่านี้ แต่ด้วยความที่เขาไม่อยากผูกใจเจ็บกับใคร เพราะอารดากลับมาหายดี แล้วเขาก็รู้สึกดีกับหวาย
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากเห็นหน้าศรัณ
“แต่ฉันไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของนาย กลับไปซะเถอะ”
“ผมมาสารภาพบาป ผมคิดว่าคุณคงรู้เรื่องแล้ว แต่ผมไม่ได้อยากจะทำ ผมสาบานเลยว่าผม…”
“ไม่มีประโยชน์ ไสหัวนายกลับไปเถอะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนสั่งคนมากระทืบนาย” ไอศูรย์ส่งเสียงขับไล่ศรัณไปให้พ้นบ้านของเขา ไม่อยากรับฟังอะไรจากปากของคนชั่วอีก
ไอศูรย์เดินหนี เขาดึงหวายให้เข้าบ้านไปด้วยกันแต่ศรัณวิ่งมาดักหน้าเขาเอาไว้สีหน้าร้อนรน
“ตอนนั้นผมจนปัญญาจริงๆ ผมไม่ได้อยากทำร้ายน้องสาวของคุณ”
“กลับไป!” ไอศูรย์บอกเสียงเข้ม ท่าทางหมอนี่พูดไม่รู้ฟังถึงได้ตามมาตื๊อเขาไม่เลิก
   “มีคนสั่งให้ผมทำร้ายน้องสาวของคุณ”
   “…”
   “คุณไทน์เป็นคนจ้างผม”
   “…”
   “ออกไป”
   “แล้วไอ้หมอนั่นมันก็สั่งให้ผมทำกับหวาย”
   “นายว่าอะไรนะ” ไอศูรย์หน้าเข้มขึ้นกับเรื่องที่ได้ยินแบบไม่คาดฝัน ทำเอาสับสนว่าสิ่งที่ศรัณพูดมามีความจริงอยู่บ้างหรือเปล่า
   “คุณต้องเชื่อผมนะคุณไอศูรย์ คุณต้องเชื่อผม!”
   “เอามันออกไป” ไอศูรย์หันไปสั่งลูกน้อง ชายสองคนจึงเข้ามาหิ้วปีกศรัณออกไปโยนหน้าบ้าน แล้วสั่งคนของเขาว่าอย่าปล่อยให้ศรัณเข้ามาวุ่นวายที่นี่อีกเป็นอันขาดและถ้าใครฝ่าฝืนคำสั่งเขาจะลงโทษอย่างหนัก
   “พี่ไอคิดว่าไง” หวายถามความเห็นจากชายหนุ่มที่เดินนำลิ่วเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
   “เรื่องนั้นน่ะเหรอ”
   “ครับ”
   “ก็อาจเป็นไปได้ แต่ที่ไม่แน่ใจคือศรัณไปรู้จักกับไอ้ไทน์ตั้งแต่ตอนไหน” เรื่องที่ศรัณพูดว่าไทน์สั่งให้จัดการกับหวายแบบเดียวกับอารดามันก็น่าคิด น้องสาวไม่เคยปริปากพูดเรื่องนี้กับเขา ไม่สิ เธอคงยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของไทน์ที่อยู่เบื้องหลัง
   เห็นทีเขาต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้ว
   “ช่วงนี้อย่าออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น พี่ไม่ไว้ใจไอ้ไทน์มัน”
   “คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
   “มีหรือไม่มีหวายก็ต้องฟังพี่เอาไว้บ้าง พี่ห่วงหวาย” ไอศูรย์สีหน้าจริงจังมากขึ้นเล่นเอาคนที่ทำท่าว่าจะดื้อต้องเงียบกริบไม่เถียงอะไรเขา
   “ผมรู้แล้วละน่า”
   “ไปหาอะไรกินดีกว่า หิวแล้ว” ชายหนุ่มดึงมือหวายให้ตามออกมาจากห้องนอน ส่วนเรื่องของไทน์เขาจะให้อลงกรณ์คอยดูความเคลื่อนไหวของมันเอาไว้
   ถ้ามันคิดจะทำเรื่องชั่วๆ อีกคราวนี้เขาคงไม่ปล่อยมันไว้แน่







   ศรัณกลับมาถึงบ้านพักในเวลาค่ำ ไขกุญแจบ้านเข้ามาก็ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าบ้านไปที่โซฟาตัวเก่าๆ เขาไม่รู้เลยว่าคำว่าพูดของเขามันจะมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหนเพื่อให้ไอศูรย์เชื่อได้บ้างแล้วไม่คิดจะเล่นงานอะไรเขาอีก
   “ไอ้ไทน์ ไอ้โรคจิต กูไม่น่าไปรับเงินจากมึงตอนนั้นเลย หาเรื่องซวยมาให้กูชัดๆ” ชายหนุ่มกระแทกขวดน้ำดื่มวางบนโต๊ะหลังจากดื่มแก้กระหายไปเกือบครึ่ง พลางถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนตะโกนเรียกหาพิมพ์จันทร์
   “แม่”
ศรัณไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากโซฟาตัวเก่าด้วยความหงุดหงิดใจ ตอนกลางวันแบบนี้แม่ของเขาไม่เคยหายไปไหน พอหลังจากขายน้ำเต้าหู้เสร็จก็มักจะทำงานบ้านแล้วเอนหลังอยู่บนโซฟา แต่นี่ไม่เห็นแม้เงา เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัวเพราะคิดว่าผู้เป็นมารดาน่าจะอยู่ในนั้นและคงกำลังทำอาหารกลางวันรอเขาหรือเปล่า ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้ศรัณชาไปทั้งร่างพร้อมตะโกนลั่นสุดเสียง
   “แม่!!”  พิมพ์จันทร์นอนกองอยู่ตรงกลางห้องครัว ศีรษะมีเลือดไหลอาบเป็นทางยาว ไม่รู้ว่าแม่เขาเป็นอะไรแล้วนอนสลบอยู่นานแค่ไหน
   “แม่ ตื่นสิแม่!!!” ศรัณสีหน้าเหมือนคนสติแตก เขย่าร่างของพิมพ์จันทร์เบาๆ ก่อนทำท่าจะอุ้มพาแม่ของเขาไปส่งโรงพยาบาลแต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ของไทน์ทำให้เขาต้องกดรับสาย
   “โทรมาทำไม ผมไม่สะดวกคุย”
   “แม่ของนายฟื้นหรือยัง นังแก่นั่นมันข่วนฉันซะหน้าเยินไปหมด”
   “เชี่ยไทน์! ฝีมือมึงใช่มั้ย”
   “ก็ช่วยไม่ได้ นายไม่ยอมทำตามที่ฉันสั่ง”
   “ไอ้ระยำ!” ชายหนุ่มบดกรามแน่น เขาได้ยินเสียงไทน์หัวเราะแบบสะใจก่อนวางสายไป นาทีนี้เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าการพาแม่ของเขาไปส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด




                                                          ....................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่26 17-11-2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-11-2017 02:22:38
ไอย์กับหวายให้โอกาสศรัณพูดบ้างเถอะนะ  :m5:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่26 17-11-2560
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-11-2017 09:03:39
ไทน์ นี่ ท่าจะบ้าแหะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่26 17-11-2560
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-11-2017 14:06:17
โอ๊ยยยย จะบ้าตายย


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่27 21-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 21-12-2017 21:40:18
อารดากำลังเดินทางกลับจากภูเก็ตในเย็นวันศุกร์ โดยมีลูกน้องของไอศูรย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด นับจากเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นไอศูรย์ก็ไม่อาจจะวางใจให้อารดาไปไหนไกลๆ ตามลำพังอีกแล้ว
เขาห่วงความปลอดภัยของน้องสาวมากที่สุด ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 
ตอนที่ไอศูรย์เล่าถึงความเลวของไทน์ให้ฟัง เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ไม่ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้ชายใจคอโหดร้ายคนนั้น เขาเลวกว่าที่เธอเห็นหลายเท่า ทำร้ายจิตใจเธอยังไม่พอ แถมยังทำร้ายร่างกายหวายจนบอบช้ำกลับมา
อารดาไม่อยากผูกใจเจ็บกับใครอีกแล้ว เธออโหสิกรรมให้กับไทน์ แต่ชาตินี้หรือชาติไหนขอไม่เจอหน้าเขาอีกแล้ว
   “ฝนตกขนาดนี้รถคงติดยาวเลย” อารดาบ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเองขณะนั่งอยู่ในรถยนต์พลางมองผ่านกระจกรถ สายตาสบเข้ากับชายร่างสูงคนหนึ่งที่นั่งหลบฝนอยู่ตรงป้ายรอรถประจำทาง เธอจำหน้าเขาได้ดี แม้จะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวก็ตาม
   หญิงสาวอาศัยช่วงที่รถกำลังติดแหงกอยู่บนถนน แล้วคว้าร่มติดมือมา แจ้งกับคนขับรถว่าจะลงไปหาคนรู้จักแล้วจะรีบกลับเข้ามาโดยเร็ว
   อารดาเปิดประตูก้าวลงไป เธอกางร่มออก เร่งฝีเท้าเข้ามาหาชายหนุ่มที่ตัวเปียกปอนนั่งสั่นเทาหลบฝนอยู่เพียงลำพังเพราะที่เขานั่งอยู่ฝนสาดเข้ามาอย่างง่ายดาย
   ณพลเงยหน้ามองคนร่างบางตรงหน้าที่ส่งยิ้มหวานให้ เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่บังเอิญเจอเธอที่นี่ หลังจากที่พบกันเมื่อหลายวันก่อนที่หน้าบ้านของไอศูรย์
   “มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ” อารดาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
   “รอฝนหยุดผมจะกลับหอ แล้วคุณล่ะ”
   “เอยเพิ่งกลับจากภูเก็ต ว่าแต่ พักอยู่ที่ไหนเหรอคะ ให้เอยไปส่งไหม กว่าฝนจะหยุดตกคงอีกนาน นั่งรอตัวเปียกๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ” เธอบอกพร้อมฉุดมือชายหนุ่มให้เดินตามออกมา ครั้นคนตัวโตกว่าอยากจะปฏิเสธน้ำใจเธอก็หันกลับมาทำสีหน้าทำนองว่าให้เขาไปเถอะ ณพลจึงยอมเดินมาด้วยกันแต่โดยดี แถมยังอาสาถือร่มให้
   “ขอบคุณมากครับ แต่ผมกลัวรถสวยๆ ของคุณจะเปื้อนเอาตัวผมเปียกไปหมดแล้ว มันจะเลอะรถคุณนะ”
   “ช่างเถอะค่ะ เปียกก็เช็ดได้  คุณพลช่วยบอกทางให้คนขับรถของเอยด้วยนะ” เธอบอกพร้อมก้าวขึ้นรถเบาะหลังแล้วให้ชายหนุ่มก้าวขึ้นตามไปนั่งเคียงข้าง หญิงสาวส่งผ้าเช็ดหน้าที่พกมาด้วยในกระเป๋าให้เขาเช็ดหน้าเช็ดตา
   “ขอบคุณอีกครั้งครับ” ณพลรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาว อารดาดูใจดี อ่อนโยน ผิดกับพี่ชายของเธอราวฟ้ากับเหว รายนั้นคงแทบอยากจะฆ่าเขา
   “ไม่เป็นไรค่ะ เอยยินดี”






   หวายได้ทราบข่าวเรื่องที่พิมพ์จันทร์ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานหลายวันเพราะเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากศรัณมาแจ้งข่าวด้วยตัวเองเมื่อเช้านี้ที่หน้าบ้าน สีหน้าของศรัณดูอิดโรย หมดสภาพ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูไม่มีราศี ไม่เหมือนศรัณคนที่เคยทะเลาะตบตีกับหวายบ่อยๆ
 ทีแรกหวายก็ไม่อยากจะเชื่อ กลัวพี่ชายจะเอาเรื่องโกหกมาเล่าเพื่อไถเงินไปถลุงในบ่อน แต่ศรัณกลับร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติ ยกมือไหว้ขอร้องว่าจะยืมเงินไปเป็นค่ารักษาพิมพ์จันทร์ หวายรู้สึกตกใจอย่างหนักกับภาพที่เห็น ศรัณไม่เคยอ้อนวอนขอร้องอะไรเขาตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่เคยแม้แต่จะลดตัวเองยอมยกมือไหว้ทั้งน้ำตา แถมยังเล่าเสียงสั่นว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของไทน์ที่เป็นคนทำร้ายพิมพ์จันทร์ คนเป็นน้องก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออะไรได้ดีไปกว่าการหยิบยื่นเงินทองให้พี่ชายโดยการโอนเงินเข้าบัญชี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหวายก็ปรึกษากับไอศูรย์แล้ว โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ว่าอะไร
พอเห็นศรัณกำลังเข้าตาจนเขาก็ไม่อาจทำตัวใจจืดใจดำอยู่ได้แล้วปล่อยให้สองแม่ลูกต้องเผชิญชะตากรรม
เขาทำไม่ลง
หวายคิดว่าตอนนี้ศรัณคงได้รับบทเรียนอย่างคุ้มค่ากับสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้
   “พี่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม ที่ผมให้เงินพี่กายไปจ่ายค่ารักษาป้าจันทร์” หวายทรุดกายนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เห็นไอศูรย์นั่งดูซีรีส์อเมริกาเรื่องโปรดและสีหน้าดูไม่เคร่งเครียดเลยใช้โอกาสนี้ถามเขาอีกครั้ง
   “ไม่ว่าหรอก พี่ก็ไม่ได้อยากเห็นใครตายนี่”
   “ขอบคุณนะครับ”
   “เรื่องเล็กน้อย”
   “ไม่รู้ป้าจันทร์จะเป็นยังไงบ้าง พี่กายก็ไม่มีเงิน นี่คงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกนาน หมอบอกว่าหัวแกกระแทกพื้นอย่างแรง อาจจะทำให้จำอะไรเลอะเลือน ผมอยากไปเยี่ยมป้าจันทร์น่ะครับ” พูดไปก็อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ ถึงพิมพ์จันทร์จะไม่เคยดีกับหวาย แต่ก็เป็นคนที่ให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่ซุกหัวนอน
   ถึงแม้ว่าการอยู่ในบ้านหลังนั้นจะไม่มีความสุขเท่าไร ถึงแม้ว่าสองแม่ลูกจะทำกับเขาเหมือนทาสรับใช้ แต่พิมพ์จันทร์กับศรัณก็ไม่ได้ทิ้งขว้างเขาซะทีเดียว
   “หวาย”
   “ครับ”
   “พี่เห็นเป็นห่วงแต่คนอื่น หวายเคยห่วงตัวเองบ้างหรือเปล่า” ไอศูรย์หันมาทางหวายด้วยสีหน้าจริงจังมากขึ้น ทำเอาหวายพูดอะไรไม่ออก
   “ผม…”
   “เราช่วยเขาเท่าที่เราพอจะช่วยได้ ในเมื่อช่วยคนอื่นแล้ว เราก็ต้องห่วงตัวเองด้วย ไอ้ไทน์ยังลอยนวลอยู่ หวายจะออกไปไหนตอนนี้ พี่ว่ามันไม่ปลอดภัย”
   “…..”
   “ถือว่าพี่ขอแล้วกันนะ ไม่ดื้อกับพี่สักเรื่อง”
   “ผมรู้แล้ว ผมจะไม่ดื้อ”
   “ดีมาก” ไอศูรย์วางมือลงบนศีรษะของหวาย ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้
   “พี่ไอเป็นห่วงผมอีกแล้ว”
   “ไม่ห่วงหวายแล้วจะให้พี่ไปห่วงใคร”
   “นี่ตอนผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าทีไร ผมต้องหยิกแขนตัวเองทุกวัน”
   “ทำไมล่ะ”
   “ก็ผมแทบไม่เชื่อว่าอสูรจะกลายร่างมาเป็นเทพบุตรได้ไง” หวายหัวเราะขำๆ อันที่จริงพอได้รู้จักตัวตนของไอศูรย์มากขึ้น เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายใจคอโหดร้ายอะไร เสียที่เจ้าเล่ห์และหื่นไปหน่อย ถึงได้หาเรื่องจูบได้ตลอดเวลา
   “หลอกด่าพี่รึเปล่าวะเนี่ย”
   “เปล่านะ  พี่อย่ามาปรักปรำผมดิ”
   “อะไร งอนเหรอ”
   “ไม่ได้งอน”
   “ดีแล้ว เพราะพี่ง้อไม่เก่งเหมือนจูบหรอกนะ”
   “เอ่อ…” หวายเชื่อเลยว่าเขาช่ำชองเรื่องการจูบขนาดไหน เอะอะก็หาเรื่องทำโทษด้วยปากตลอดเวลา แถมยังมองมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว
   “ทำไมวกกลับมาเรื่องจูบของเราได้ละ”
   “ชอบอ่ะคำว่าจูบของเรา”
   “แล้วพี่ไอจะให้ผมเป็นทาสของพี่ไปอีกกี่ปี”
   “อืม…” ไอศูรย์ทำท่าครุ่นคิด กวาดสายตามองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังรอฟังคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากที่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ไอศูรย์ยังจะเห็นเขาในสถานะเดิมอยู่อีกไหม
   ทว่าคำตอบของไอศูรย์กลับทำให้หวายต้องหน้าเห่อร้อนเพราะเกิดอาการเขินอาย
   “ไม่อยากได้ทาสรับใช้  แต่อยากได้คนดูแลหัวใจ…จะได้หรือเปล่า…”






   ไทน์นอนเอกเขนกอยู่ภายในห้องพักของตัวเอง ชายหนุ่มกดรีโมทเปลี่ยนช่องดูสารคดีสัตว์โลกอย่างสบายอารมณ์ ในมือมีแก้วบรั่นดีทรงสูงหมุนไปหมุนมาอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะยกขึ้นดื่ม หากแววตาที่จ้องมองไปยังจอสี่เหลี่ยมนั้นกลับเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นที่ฝังอยู่เต็มอกของเขา
   ในหัวมีแต่ความสะใจที่เห็นศรัณเป็นยิ่งกว่าหมาจนตรอก ในเมื่อหมอนั่นไม่ยอมทำงานให้เขา เขาก็แค่สั่งสอนมันเล็กๆ น้อยๆ อาศัยตอนที่ศรัณไม่อยู่บ้านแล้วเขาไปทำร้ายพิมพ์จันทร์จนสลบ
   “สะใจกูจริงๆ” ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกมาเพียงแผ่วเบาเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ศรัณคงมีสภาพน่าสมเพชไม่น้อย และเขาเชื่อว่าอีกไม่นานต้องคลานมาอ้อนวอนขอเงินจากเขา
ไทน์หัวเราะหึหึออกมา เขาเทบรั่นดีที่เหลือก้นขวดจนหมดเกลี้ยงแล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวลงคอพลางกระแทกแก้วลง ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นทันที
   ไทน์ลุกจากโซฟาด้วยความหงุดใจว่าใครมันบังอาจมารบกวนเวลาความสุขของเขา ชายหนุ่มส่งเสียงถามออกไปด้านนอก มองผ่านช่องตาแมวก็ไม่เห็นว่ามีใคร แต่พอหันหลังกลับเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ศรัณตัดสินใจกระชากบานประตูเปิดออกและพร้อมด่ากราดคนที่มันมากวนตีนเขา
   “จะเคาะหาสวรรค์วิมานอะไรวะ กูรำคาญ”
   ชายหนุ่มอ้าปากค้างหน้าเหวอ ทำอะไรไม่ถูก และยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ชายร่างกำยำสองคนก็ดันเขาเข้ามาด้านในพร้อมปิดประตูล็อคอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวนภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
   “พวกมึงเป็นใคร”
   ไทน์ได้แต่ถอยร่นไปชิดผนังจนเนื้อตัวสั่นเทิ้มหวาดผวา คนพวกนี้มันไม่ได้มาดีแน่ๆ
   “เป็นคนที่คุณไอศูรย์ส่งมาให้ทำความรู้จักกับนาย”
   “ออกไปจากห้องกูดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นกูจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ไทน์ประกาศกร้าว รู้สึกอันตรายกำลังเข้ามาเยือนกับตัวเอง และเขาก็ไม่มีหนทางจะหลีกหนีไปไหนได้เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของชายฉกรรจ์ทั้งสอง
   “มีปัญญาก็ไปแจ้งเลยสิวะ”
ร่างของไทน์ถูกพาเข้าไปยังห้องนอน ชายสองคนช่วยกันจับไทน์เปลื้องผ้าแล้วมัดโยงเอาไว้กับเตียง ซึ่งเป็นภาพที่อุจาดตาไม่น้อย ก่อนที่ผู้ได้รับการว่าจ้างจะพากันหัวเราะขบขันแล้วถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้
   “พวกมึงปล่อยกู ปล่อยกูสิวะ!”
   “อย่าโวยวายไปไอ้ไทน์ มึงทำคนอื่นเอาไว้เยอะ ลองโดนกับตัวเองบ้างจะได้รู้สึก คุณไอศูรย์ฝากมาบอกว่าถ้ามึงยังไม่เลิกวุ่นวายกับคนของเขา มึงจะเจอหนักกว่านี้ แล้วคลิปที่มึงนอนแก้ผ้าก็จะโดนแพร่ไปลงในเน็ตจนทั่ว”
   “เชี่ย!” ไทน์สบถด่าออกมาไม่หยุด เขาดีดดิ้นไปมาอยู่บนเตียง ข้อมือกับข้อเท้าถูกโยงเอาไว้จนเขาหมดทางจะหลุดพ้น ชายฉกรรจ์สองคนยืนมองแล้วพากันหัวเราะขบขันตบท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องของไทน์ ทิ้งชายหนุ่มให้ทรมานตัวเองแบบนั้นอยู่ตามลำพัง




                                                       ..............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
   
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่27 21-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-12-2017 22:33:16
 ทำคนอื่นเค้าไปทั่วเลยไทน์
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่27 21-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-12-2017 23:20:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่27 21-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-12-2017 23:25:24
ทำแบบนี้คิดว่าไทน์คงไม่จำอ่ะ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่27 21-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-12-2017 09:16:14
น่าโดนเยอะกว่านี้นะ ยังไม่สะใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่28 28-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 28-12-2017 17:43:55
ไทน์รู้สึกเจ็บใจเป็นที่สุด หลังจากพวกชายฉกรรจ์สามคนกลับไปแล้วกว่าเขาจะหลุดออกมาจากเชือกบ้าๆ ได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมยังนอนแก้ผ้าตากแอร์อยู่เป็นชั่วโมงจนหนาวสั่นไปหมด
   ไทน์เปิดฝักบัวชำระล้างร่างกายให้สดชื่นขึ้น ไอศูรย์ทำกับเขาเอาไว้เจ็บแสบมาก แถมลูกน้องของมันยังถ่ายคลิปตอนเขาล่อนจ้อนเพื่อเอาไว้ขู่
   “กูจะเอาคืนมึงให้สาสมเลย คอยดู!”





   หวายออกจากบ้านมาเยี่ยมพิมพ์จันทร์ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าอาจต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเดือนๆ และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก แต่นับว่าโชคดีที่ไอศูรย์เป็นธุระเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขาโอนเงินเข้าบัญชีให้หวายไปจัดการอีกที และไม่อยากผูกใจเจ็บกับศรัณอีกแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ เขาก็จะยอมอโหสิกรรมให้ ในเมื่อเขารู้แล้วว่าศรัณไม่ได้อยากทำ แต่ดันเห็นแก่เม็ดเงินที่ไทน์ยื่นให้บวกกับเป็นช่วงที่กำลังเข้าตาจน
   หลังจากไอศูรย์ส่งคนของเขาไปจัดการกับไทน์อย่างเจ็บแสบ หมอนั่นก็เงียบหายไปจากเขาและชีวิตของหวาย มันคงเข็ดขยาดไปอีกนานเลยไม่กล้าแหยมหน้ามาหาเขาอีกเลย
   ส่วนเรื่องที่ไทน์อยู่เบื้องหลังของการที่น้องสาวเขาถูกปลุกปล้ำ เขาไม่ได้เล่าให้เธอฟัง อารดาเองก็คงไม่อยากเอาเรื่องพวกนั้นมานั่งรื้อฟื้นให้สภาพจิตใจแย่ลงไปอีก ชีวิตของเธอตอนนี้กำลังไปได้สวย เธอมีความสุขกับการทำงานดีแล้ว
ขากลับหวายแวะซื้อบะหมี่เป็ดย่างร้านประจำไปฝากไอศูรย์ เพราะรายนั้นเห็นบ่นว่าอยากกินมาหลายวัน หวายก็เลยจัดการให้ แถมที่ร้านวันนี้ก็รอคิวไม่นานเท่าครั้งก่อนๆ
พอได้บะหมี่สมใจแล้วหวายก็ออกมายืนรอรถแท็กซี่เพื่อตรงกลับบ้าน วันนี้หวายขอร้องไอศูรย์ว่าไม่ต้องเอาลูกน้องของเขาตามมาด้วย เพราะมาแค่โรงพยาบาลแล้วจะรีบกลับก่อนตะวันตกดินไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหน และไทน์เองก็คงไม่คิดจะมาวุ่นวายอะไรกับหวายอีกแล้ว
เมื่อเห็นว่ารถแท็กซี่คันสีขาวที่แล่นมาใกล้กำลังว่างอยู่ไม่มีผู้โดยสาร หวายจึงไม่รอช้าที่จะเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งเบาะหลังแล้วบอกเส้นทางกับโชเฟอร์
จากร้านบะหมี่เป็ดไปยังบ้านของไอศูรย์ถ้ารถไม่ติดก็ใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้นแล้ววันนี้ถนนก็ค่อนข้างจะโล่งกว่าทุกวัน
หวายมองผ่านกระจกรถดูบรรยากาศด้านนอก เห็นร้านขายอาหารยาวเป็นแถวมีแต่ของน่ากินเต็มไปหมด เขาตั้งใจว่าวันไหน ว่างๆ จะชวนไอศูรย์มาเดินด้วยกันสักหน่อย
แต่…เดี๋ยวนะ ทำไมภาพร้านรวงที่เขาเห็นมันถึงเปลี่ยนเป็นซอยแคบๆ ที่เขาไม่คุ้นตาเอาเสียเลย
“เอ่อ พี่ครับ นี่เข้าทางลัดหรือเปล่า” เด็กหนุ่มตัดสินใจถามโชเฟอร์ เพราะถนนใหญ่รถไม่ได้ติดก็ไม่น่าจะวิ่งเข้ามาเส้นทางลัด
“…..”
“พี่ครับ”
“…..”
หวายไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากโชเฟอร์ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย แถมรถยังแล่นทะยานเร็วขึ้นกว่าเก่าก่อนทะลุออกเส้นทางที่เขาไม่คุ้นชิน สองข้างทางมีแต่ตึกเก่าๆ ไม่มีบ้านเรือน กับทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ส่วนอีกฝั่งเป็นคูคลองส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง
เอาไงดีวะ!
“พี่จอดผมลงตรงนี้หน่อย!” หวายพยายามเขย่าประตูอยู่หลายครั้งเพราะมันเปิดไม่ออก มั่นใจเลยว่าคนขับต้องเป็นพวกมิจฉาชีพ
“จอดดิวะ!” หวายสิ้นสุดความอดทนเมื่อโชเฟอร์ที่สวมเสื้อซาฟารีสีดำ สวมหมวกและแว่นตาปกปิดใบหน้า ทำไมหวายไม่ได้สังเกตลักษณะการแต่งตัวของเขาตั้งแต่ต้น และถ้าตะโกนจนคอแตกแล้วยังไม่ยอมจอดรถหรือปลดล็อคให้หวายคิดว่าตัวเองคงต้องถีบประตูรถมันออกมาแน่ๆ
เอี๊ยด!
โชเฟอร์แท็กซี่เหยียบเบรกจนหน้าหวายเกือบพุ่งไปข้างหน้า พอเขย่าประตูอีกครั้งก็เห็นว่าอีกฝ่ายปลดล็อคแล้วเลยรียโกยอ้าวลงมาจากรถเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากมิจฉาชีพ แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวเขาก็ถูกล็อคคอจากทางด้านหลังพร้อมมีดปลายแหลมที่จี้มาตรงต้นคอขาว
“มึงหนีกูไม่รอดหรอก”
หวายรู้สึกว่าเสียงของมันคุ้นๆ พอโจรร้ายเอียงหน้ามาหาเขาใกล้ๆ วินาทีนี้เองถึงได้รู้ว่าเขาเป็นใคร
“ไทน์!”
“เออ กูเอง”
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ”
“มึงทำให้ชีวิตกูพัง มึงต้องชดใช้” ไทน์ลากหวายเข้ามาในทุ่งหญ้า แม้คนตัวเล็กกว่าจะพยายามดิ้นไปมายังไงก็หนีเขาไปไม่พ้นแถมยังถูกตบเข้าฉาดใหญ่ หวายสู้แรงของไทน์ไม่ไหว
“ก่อนมึงจะตาย กูขอพามึงไปขึ้นสวรรค์ก่อนแล้วกัน” ไทน์ผลักร่างบางล้มลงไปแล้วโถมร่างมาทับ บริเวณนี้มันรกร้าง ไม่มีบ้านเรือน ไม่มีใครผ่านมาแน่ๆ เหมาะที่จะจัดการได้อย่างสะดวก
ไทน์พยายามกระชากเสื้อเชิ้ตของหวายออก แต่อีกฝ่ายก็สู้สุดฤทธิ์ ยื้อยุดกันไปมา จนกระทั่งหวายสบโอกาสเหมาะถีบอีกฝ่ายเข้ากลางลำตัว แต่ดูเหมือนจะใช้แรงถีบเบาไป ไทน์เลยลุกขึ้นแล้วไล่กวดจนทันก่อนผลักหวายจนล้มคว่ำ
“เก่งนะมึง กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงจะแน่สักแค่ไหน” ไทน์ปราดเข้ามาหาหวายพร้อมมีดเล่มเดิม ในเมื่อไม่อยากขึ้นสวรรค์เขาก็จะพาไปลงนรกซะเลย
ทว่ายังไม่ทันที่ปลายมีดจะถึงตัวคนที่กระถดตัวถอยหนี ข้อมือของไทน์ก็ถูกแตะอย่างแรงจนมีดกระเด็นออกไปไกล หวยเบิกตาโตมองภาพการต่อสู้ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“พี่กาย!”
“ไอ้เชี่ยไทน์ มึงทำแม่กู” ศรัณรัวกำปั้นใส่ใบหน้าของไทน์ไม่หยุด น้ำตาไหลพรากๆ ทั้งแค้นและเจ็บใจ เขาเคยสาบานกับตัวเองว่าถ้าหาตัวไทน์เจอเมื่อไหร่เขาจะไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ๆ แล้ววันนี้เขาก็เจอไทน์จนได้ เขานั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างกำลังจะไปที่โรงพยาบาลแต่เห็นหวายกำลังยื้อยุดอยู่กับใครสักคนแถวๆ รถแท็กซี่ พอจำได้ว่าเป็นใครเขาเลยไม่ลังเลที่จะเข้ามาจัดการกับคนที่ทำร้ายแม่ของเขาเอาไว้อย่างแสนสาหัส
หน้าของไทน์อาบไปด้วยเลือดจนหมดสภาพ หวายที่เห็นพี่ชายตัวเองเหมือนคนเสียสติเลยรีบดึงอีกฝ่ายออกมา เพราะถ้าขืนยังปล่อยให้ศรัณกระทืบต่อ ไทน์คงไม่รอดแน่
“พอเหอะพี่กาย เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
“ช่างแม่ง กูจะฆ่ามันตายนี่ละ ไอ้ระยำ” ศรัณถลาเข้าไปจะประเคนฝ่าเท้าให้ไทน์ที่นอนหมดแรงสู้ มีเลือดไหลเต็มเป็นทางยาวใบหน้าจนถึงลำคอจนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าไปหมด
“พี่กาย พอได้แล้ว มันสู้พี่ไม่ได้หรอก”
“ไม่” กายเหมือนคนเสียสติ หวายเองพอเข้าไปห้ามก็ถูกคนเป็นพี่ผลักออกมา
ศรัณกวาดตามองหามีดที่หล่นใกล้ๆ เขาคว้ามันขึ้นมาก่อนจะจ้วงแทงเข้ากลางท้องของไทน์จนทะลุข้างหลัง ไทน์ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทิ้งทวนก่อนสิ้นลมหายใจ ศรัณทิ้งมีดลงข้างตัวอย่างคนสิ้นแรง
“พี่กาย!” หวายเบิกตาโพลง ไม่คิดว่าศรัณจะทำถึงขนาดนี้
“มึงทำแม่กู มึงทำชีวิตกูพัง” ศรัณร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า เขาไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง แม่ของเขาก็คงไม่กลับมาเหมือนคนปกติอีกแล้ว
   หวายหันซ้ายแลขวา มองไปยังถนนใหญ่ มีรถแล่นกันอยู่ไม่กี่คัน เขาฉุดข้อมือศรัณให้ลุกขึ้นมาเพื่อออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด
   “ไปพี่กาย เราต้องไปนะ”
   “กูไม่ไป กูรับผลที่มันตามมาได้ ไม่ต้องห่วงกูหรอกไอ้หวาย แล้วมึงก็เลิกเรียกกูว่าพี่สักที คนอย่างกูไม่เหมาะจะเป็นพี่ของใครหรอก กูมันเลวเอง” ศรัณก้มหน้าร้องไห้เหมือนคนบ้า ภาพเก่าๆ ของเขากับแม่ย้อนกลับมาให้นึกถึง หวายเห็นสภาพพี่ชายแล้วเอื้อมมือไปบีบไหล่หนาที่สั่นไหว ไม่มีคำปลอบใจใดๆ รอบตัวปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน สักพักก็มีคนเข้ามาเห็นเหตุการณ์ และเสียงไซเรนรถตำรวจก็ดังขึ้นหลังจากนั้น…






                                                          ............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่28 28-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-12-2017 00:46:26
ปิดฉากคนชั่วเสียที   :amen:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่28 28-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-12-2017 08:40:32
หมดเวรหมดกรรมกันไป คนชั่วก็ต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่28 28-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-12-2017 20:46:58
ตายซะได้ก้อดี
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่28 28-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 29-12-2017 21:46:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่28 28-12-2560
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 30-12-2017 23:44:22
โหดสุด 555 แทงยับเลย ไทม์ไม่เก่งพอ
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่29 6-3-2561
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 06-03-2018 16:00:19
ศรัณถูกตำรวจจับกุมตัวข้อหาฆ่าคนตาย เขายอมรับสารภาพทั้งหมด ตำรวจจึงส่งตัวเข้าเรือนจำ หวายจึงหาโอกาสไปเยี่ยมพี่ชาย แม้จะบอกว่าไอศูรย์สามารถช่วยเหลือหาทางประกันตัวออกมาได้ เพราะหายเข้าใจดีว่าที่ศรัณทำไปเพราะอยากแก้แค้นไทน์ที่ทำให้ชีวิตตัวเองต้องพัง แต่ศรัณกลับไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครอีกแล้ว
   ส่วนพิมพ์จันทร์ก็กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านของไอศูรย์ซึ่งมีห้องรับรองอย่างเพียงพอ เพราะถ้าพิมพ์จันทร์กลับไปอยู่บ้านหลังเดิมคนเดียวก็ไม่มีคนดูแล ไอศูรย์ให้หวายจ้างพยาบาลมาดูแลอีกคนอย่างใกล้ชิด นางยังเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ กินอาหารแต่ละวันราวกับแมวดม นอกจากโจ๊กอ่อนๆ ที่ฝืนกินได้ไม่กี่คำก็กินอะไรไม่ได้อีกเลย ร่างกายพิมพ์จันทร์ผ่ายผอมลงทุกวันจนแทบจะเหลือแต่กระดูก แถมยังจำใครไม่ได้ พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยฟังไม่เป็นภาษา หวายรู้สึกเวทนาแม่เลี้ยงของเขา ไม่คิดว่าบั้นปลายชีวิตจะต้องกลายมาอยู่ในสภาพที่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
   ในวันที่หวายไปเยี่ยมศรัณ พี่ชายได้พูดกับเขาด้วยสีหน้าหม่นหมองเอาไว้หลายประโยคที่หวายไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของเจ้าตัวด้วยซ้ำ
   ‘ที่ผ่านมา กูขอโทษมึงด้วย มึงไม่ต้องให้อภัยกูก็ได้กับเรื่องที่กูเคยทำระยำเอาไว้’
   ‘ผมไม่โกรธพี่แล้วแหละ’
   ‘กูฝากแม่ด้วยนะ แล้วก็ขอโทษแทนแม่ด้วยที่เคยทำไม่ดีกับมึง’
   ‘ช่างมันเถอะพี่ ผมลืมไปหมดแล้ว’
   ‘มึงเองก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย กูคงไม่มีปัญญาไปดูแลใครได้’
   ‘ผมจะรอวันที่พี่ออกมานะ’
   ‘ตอนนี้กูอยากกอดมึงว่ะ  แต่กูก็ทำไม่ได้ ตอนที่กูอยู่ข้างนอก กูมีโอกาส แต่กูกลับเอาแต่หาเรื่องมึง ตบตีมึงเหมือนขี้ข้า  กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่กูทำไปมันเหี้ยขนาดไหน กูก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว’
   ตอนนั้นหวายเห็นศรัณน้ำตาคลอแล้วมองเขากลับมาด้วยสายตาของคนที่สำนึกผิดจริงๆ ก่อนเสียงกริ่งจะดึงขึ้นเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาเยี่ยมผู้ต้องหาในเรือนจำ หวายเห็นศรัณเดินจากไปพร้อมเจ้าหน้าที่อย่างช้าๆ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอหน้ากัน เพราะหวายเองก็ไม่รู้ว่าศาลจะตัดสินให้ศรัณติดคุกอีกกี่สิบปีกว่าจะได้ออกมา

   ไอศูรย์กลับเข้าบ้านในช่วงหัวค่ำหลังออกจากบริษัทที่ไปประชุมงานโปรเจ็คชิ้นใหญ่มาตลอดทั้งวันจนร่างกายอ่อนล้าไปหมด เขาถอดเสื้อสูทออกพาดไว้ที่พนักโซฟาตัวยาว สายตามองหาใครบางคนที่วันนี้ไม่เห็นวี่แววจะออกมานั่งคอยเหมือนเช่นทุกวัน ชายหนุ่มเรียกหาสาวใช้ ไม่นานนักพวกเธอก็เดินถือถาดที่มีเครื่องดื่มออกมาเสิร์ฟให้ผู้เป็นเจ้านาย
   “หวายไปไหน”
   “อยู่ในครัวค่ะคุณไอศูรย์”
“อือ ขอบใจนะ” เมื่อได้รับคำตอบแล้ว สาวใช้จึงล่าถอยออกมาเมื่อหมดหน้าที่ของเธอ ชายหนุ่มนอนเอนหลังพิงพนักโซฟา ปิดเปลือกตาลงเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าภายในสมองออกไป 
   แต่พอหลับตาลงไปได้ไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความเย็นชุ่มชื้นบริเวณผิวแก้ม ผ้าสีขาวสะอาดถูกซับลงบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างเบามือ คนที่ทำหน้าที่กำลังอมยิ้มน้อยๆ เวลาไอศูรย์หลับ เขาเหมือนเด็กๆ ดูไม่มีพิษมีภัย แต่อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนใจคอโหดร้ายอะไร อย่างที่บอก เขาทำไปเพราะความแค้นทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ความแค้นมันกำลังแปรเปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกอื่นเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นว่าเขาควรลุกออกไปได้แล้วปล่อยให้ไอศูรย์นอนพักต่อหวายจึงถอยออกมา แต่ข้อมือเล็กๆ กลับถูกคว้าหมับเอาไว้จนเสียหลักล้มลงบนตักแข็งๆ ของอีกฝ่าย
“เฮ้ย!” เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ววะที่เขาล้มอยู่บนตักของผู้ชายที่ชื่อไอศูรย์ได้อย่างเหมาะเจาะ เหมือนจะบอกว่าถ้าเวลาที่เขาล้มลงเมื่อไหร่ จะมีไอศูรย์เป็นคนเดียวที่ประคับประคองเขาเอาไว้
“ตกใจอะไร” คนถามลืมตาตื่นขึ้น อมยิ้ม สายตาเจ้าเล่ห์
“พี่ไม่ได้หลับเหรอ”
“ก็ตื่นแล้วนี่ไง”
“แกล้งผมอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
“ก็เด็กพี่มันน่าแกล้งนี่หว่า”
“น่าทุบให้กระอักเลือดตาย” หวายเงื้อมือขึ้นทำท่าจะทุบลงบนอกแข็งแรงของเขาแต่ไอศูรย์ไวกว่ารีบรวบมือนั้นไว้กับตัว
“ใจร้าย แล้ววันนี้ทำอะไรให้กิน”
“สปาเก็ตตี้ไส้กรอกผัดพริกแห้ง” หวายตอบด้วยความภาคภูมิใจ อันที่จริงเขาไม่ถนัดอาหารฝรั่งหรอก แต่อยากลองดู ก็เลยลองผิดลองถูกด้วยการเปิดกูเกิลศึกษาวิธีการทำแล้วรีบออกไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกับเจนเพื่อซื้อของสด แถมยังบอกสาวใช้ว่าไม่ให้ทำอาหาร เพราะเขาจะลงมือเอง
“กินได้หรือเปล่ารู้ ไม่เคยเห็นทำให้พี่เลย”
   “กินได้ดิ”
   “ถ้ากินไม่ได้ พี่จะกินหวายแทน”
   “คิดว่าผมจะยอมให้พี่กินง่ายๆ เลยหรือไง”
   “เดี๋ยวก็รู้ว่าง่ายหรือเปล่า” ไอศูรย์ยกยิ้มมุมปากท้าทาย
   “พี่ไอ”
   “ว่าไง” ไอศูรย์เห็นหวายทำหน้าซีเรียสเล็กน้อย เหมือนอยากจะถามอะไรเขา
   “พี่จะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหม”
   “ทำไมหวายถึงถามแบบนี้ล่ะ” ไอศูรย์ไม่เข้าใจว่าหวายเป็นอะไร จู่ๆ ก็วกเข้าเรื่องดราม่าซะอย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขากำลังพาไปดินแดนฟินแลนด์อยู่แท้ๆ
   “ไม่รู้สิ วันนึงพี่อาจจะเบื่อผมแล้วก็ได้”
   “งั้นก็คงเบื่อไปนานแล้ว ไม่รออยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้หรอก” หวายคงกลัวว่า ความรู้สึกของเขาที่มีให้มันอาจไม่ยืนยาวหรือมั่นคง เพราะจุดเริ่มต้นของเราสองคนก็มาจากเงื่อนไขที่หวายไม่ได้ต้องการ
   “อืม…” ชายหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิด อันที่จริงเขาไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะเขาเองก็ผิดที่ไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นให้กับหวายมากพอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอก็มัวแต่ทำตัวเป็นอสูรร้ายใส่ตลอดเวลาจนอีกฝ่ายเกลียดเขาเข้าไส้เข้ากระดูกดำจนแทบอยากหนีเขาไปทุกลมหายใจ
   ดังนั้นเขาเองก็ควรทำอะไรให้หวายรู้สึกว่าเขาจริงใจ
   “ขอโทษนะ”
   “ขอโทษเรื่องอะไรครับ” หวายมองเขาด้วยสีหน้าฉงน ยังคงงงๆว่าไอศูรย์ขอโทษเรื่องอะไร แต่คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นจูบร้อนแรงจากเขา มือเล็กๆ ของเด็กหนุ่มเผลอรั้งต้นคอของอีกฝ่ายให้มาแนบใกล้มากขึ้นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอศูรย์ถอนจูบออกแล้วมองมาด้วยสายตาหวานละมุน
   “ขอโทษที่พูดคำว่ารักช้าไป”





                                                       .......................................




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน
   
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่29 6-3-2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-03-2018 03:35:21
ไอศูรย์พูดซะ ใจหวายอ่อนระทวยไปหมดแล้ว  :t4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่29 6-3-2561
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-03-2018 10:18:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย[ตอนจบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 23-04-2018 20:19:43
รถยนต์คันสวยแล่นมาจอดสนิทที่หน้าบ้านไม้หลังงามที่ถูกปลูกสร้างอยู่ถัดจากไร่ดอกทานตะวันสีเหลืองเบ่งบานสดใสออกมาเล็กน้อย เจ้าของรถจัดการดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงมาพร้อมกับคนที่นั่งเคียงข้างมากับเขา
   คนที่เพิ่งเคยมาสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นย์สวยงามตรงหน้าได้แต่ยืนชมความงามของทัศนียภาพอย่างเต็มอิ่ม แถมยังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข
หวายไม่เคยมีโอกาสได้มาเที่ยวต่างจังหวัด เมื่อก่อนนอกจากเรียนหนังสือกับทำงานหาเงินเขาก็ไม่ได้ปลีกตัวไปไหน หลายชั่วโมงที่นั่งอยู่ในรถระหว่างการเดินทาง เขาไม่รู้สึกเมื่อยล้าเลยสักนิด เพราะมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นตั้งแต่คืนก่อนที่ไอศูรย์เอ่ยปากชวนมาเที่ยวพักผ่อนด้วยกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะช่วงหลังๆ เห็นว่าหวายเรียนหนักเกินไปเลยอยากให้พักสมองบ้าง
   ไร่ดอกทานตะวันแห่งนี้เป็นสัมบัติเก่าแก่ของบุพการีทั้งสองของไอศูรย์อีกชิ้นที่เขารักและหวงแหนเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีความคิดที่จะขายให้ใคร ไม่ว่าจะมีนายหน้ามาเกลี้ยกล่อมหรือโน้มน้าวให้เขากี่รายก็ตามเป็นอันต้องเดินหันหลังจากไปเพราะคำปฏิเสธ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้ลงมาดูแลด้วยตัวเองอย่างทั่วถึง แต่เขาก็ยังมีคนงานหลายคนที่คอยเป็นหูเป็นตาดูแลให้เป็นอย่างดี และมีผู้ช่วยที่ไว้ใจได้จัดการแทนอยู่แล้ว เพราะปกติแล้วเมื่อมีเวลาว่างจากเรื่องงาน เขามักจะมาพักผ่อนที่นี่กับอารดาเช่นกัน แต่วันนี้น้องสาวไม่ได้มาด้วย แต่กลายเป็นหวายที่มากับเขา เพราะเจ้าตัวดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้ออกมาเที่ยวเปิดหูเปิดตา
   “สวยมากเลยพี่ไอ”
   “หวายชอบมั้ย” ไอศูรย์ถามคนที่ยืนดูไร่ดอกไม้จนเพลิน
   “ชอบดิ”
   “หมายถึงพี่หรือดอกทานตะวัน”
   “ดอกทานตะวัน”
   “พูดแบบนี้พี่น้อยใจแย่”
   “โหดๆ อย่างพี่ น้อยใจเป็นด้วยหรือไง” หวายหัวเราะคิกชอบใจ นานๆ ทีจะเห็นอสูรหมดท่า
   “พี่น่ะผมไม่ชอบหรอก แต่รักเลยต่างหาก”
   “พูดจาดี ต้องมีรางวัลให้” ไอศูรย์ทำท่าจะเข้ามาส่งจูบแต่หวายรีบปรามมองซ้ายมองขวาเห็นคนเดินออกมาช่วยขนกระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บด้านใน
   “พี่ไอแม่งลามกไม่เลือกที่”
   “ก็เด็กพี่มันอยากน่ารักทำไม”
   “ผมหิวข้าวแล้ว” หวายทำท่าลูบท้องตัวเอง เพราะการเดินทางจกรุงเทพมาถึงลพบุรีเขายังไม่ได้จอดรถแวะกินข้าวกลางวันที่ไหน ตอนเช้าก็กินแค่โจ๊กไปนิดหน่อย ไอศูรย์จึงเดินนำเข้าไปในตัวบ้านที่เป็นบ้านไม้สองชั้นค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว
   มีแม่บ้านอยอยู่ดูแลทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูอย่างดี แถมก่อนมาถึงยังโทรสั่งให้เตรียมอาหารเอาไว้ เพราะมั่นใจได้เลยว่าหวายต้องบ่นว่าหิว
   อาหารบนโต๊ะมีผัดไทยกุ้งสดส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย แม่บ้านบอกว่ามีของหวานและผลไม้สดรออยู่อีก หวายไม่รอช้ารีบลงมือกินอาหารตรงหน้าพร้อมๆ กับไอศูรย์ ทั้งสองคุยกันไปและกินอาหารอย่างมีความสุข








   หลังกินของคาวและของหวานล้างปากกันจนอิ่มหนำเรียบร้อย ไอศูรย์ก็พาหวายมาดูห้องนอน หวายยืนสำรวจไปทั่วว่ามีอะไรบ้าง เขากับไอศูรย์ตกลงกันว่าจะมาพักผ่อนที่นี่สักสามสี่วันแล้วค่อยกลับกรุงเทพ
“อยากได้อะไรอีกมั้ย”
“ไม่ละครับ” ในบ้านหลังนี้ก็มีข้าวของทุกอย่างครบหมดแล้ว หวายไม่อยากได้อะไรเพิ่มเติมอีก เสื้อผ้าและของใช้จำเป็นก็เตรียมมาพร้อมเต็มกระเป๋าเดินทาง
“แต่พี่อยาก…” ไอศูรย์อมยิ้มร้ายกาจ การที่เขาพาหวายมาเที่ยวที่ไร่อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่ออยากมีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกร่วมกันบ้าง เผื่อว่าบรรยากาศเป็นใจแล้วเขาจะได้สร้างบทรักที่น่าประทับใจให้กับหวาย
“อยากอะไร”
“อยากได้ของหวาน” มือหนาสัมผัสแก้มใสของคนตัวเล็กกว่า แค่นี้หวายก็รู้แล้วว่าของหวานที่เขาอยากได้หมายถึงอะไร
คราวนี้ไอ้พี่ไอมันไม่ได้มาเล่นๆ เว้ย!
ชายหนุ่มค่อยๆ จูบอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลแต่มือของเขาไม่วายคอยปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายไปด้วยเพื่อกระตุ้นอารมณ์ดิบ
ไฟเสน่หาในตัวของเขามันค่อยๆ ลุกโชนขึ้นแล้วก็ยากที่จะดับมันลง
   ยิ่งพอเขาถอดเสื้อของหวายออกไปตามด้วยกางเกงขาสั้น สุดท้ายไม่มีอะไรเหลือปิดร่างกายเลยสักชิ้น ส่งผลให้ร่างกายของชายหนุ่มไร้การควบคุมอย่างแรง
   ไอศูรย์รีบจัดการเสื้อผ้าของตัวเองออกไปโยนไว้บนปลายเตียงสายตาไม่ยอมละไปจากร่างของหวายที่นอนอยู่บนเตียงกว้าง  ใบหน้าคมก้มลงมาหาพร้อมจุมพิตที่เรียวปากสวยอีกรอบ เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อที่จะต้องปรนเปรอจูบให้กับหวาย แถมตอนนี้คนเด็กกว่ายังจูบตอบเขาแบบช่ำชองมากขึ้นแล้วด้วย
   ร่างสูงถอดถอนริมฝีปากออก เปลี่ยนมาใช้ลิ้นลากตามหน้าอกของหวายเพื่อสร้างความเสียวซ่านรัญจวนใจเพิ่มขึ้น
   “อ่า…”
   เสียงครางครวญของคนใต้ร่างดังอย่างต่อเนื่อง ไอศูรย์โน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากรุมร้อนเพื่อปิดเสียงร้องพร้อมคำหวาน
“พี่รักหวาย” เจ้าของชื่อบิดกายไปมา ทรมานเหมือนจะขาดใจเพราะเขาเล่นเล้าโลมหนักหน่วงขึ้น และเมื่อเห็นว่าหวายพร้อมแล้วสำหรับเขา ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า เขาจัดการมอบบทรักให้ต่ออย่างต่อเนื่อง ขยับสะโพกตามจังหวะการเคลื่อนไหวเพื่อพาหวายไปยังดินแดนที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้จักมาก่อน
   





   อากาศช่วงห้าโมงเย็นค่อนข้างมีแสงแดดเพียงอ่อนๆ หวายมองดวงตะวันที่เริ่มคล้อยต่ำลงด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ลำแขนหนาของใครอีกคนโอบกอดจากทางด้านหลังเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นของเขามาให้
   หวายเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าไอศูรย์เป็นผู้ชายที่อบอุ่น
   เรียกว่าอุ่นจนร้อนเลยล่ะ
   แทบไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าหวายกับเขาจะเดินมาถึงจุดนี้ จุดที่เรียกว่าความรัก ทั้งที่เมื่อก่อนแทบจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง
   “ตอนเย็นอากาศดีนะพี่ไอ ผมชักจะหลงที่นี่แล้วสิ”
   “ไปเดินเล่นกัน” ไอศูรย์ฉุดมือของอีกฝ่ายให้เดินตามไปยังเส้นทางที่ไปสู่ไร่ดอกทานตะวัน
   ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงจุดหมาย ไอศูรย์เดินไปเด็ดดอกทานตะวันมาหนึ่งดอก หวายขมวดคิ้วตีหน้าสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร
   “พี่ให้”
   “ให้ผมเนี่ยนะ”
   “อืม ไม่ชอบหรือไง”
   “ผมเคยเห็นแต่เขาให้ดอกกุหลาบกัน”
   “หวายไม่เหมือนดอกกุหลาบหรอก” ไอศูรย์คลี่ยิ้ม ที่เขาให้ดอกทานตะวันเพราะมันมีความหมายบางอย่างที่เข้ากับเขาและคนตรงหน้ามากกว่าดอกกุหลาบเป็นไหนๆ
   “ไม่เหมือนยังไง”
   “ดอกทานตะวันเปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงและอดทนต่อทุกสิ่ง” ชายหนุ่มอธิบายถึงความหมายของมัน
   “เราอดทนกันมาตั้งเท่าไร กว่าจะมาถึงวันที่เราเข้าใจกัน…”
   “…”
   “หวายเองก็ต้องอดทนต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด ไม่ว่าคนอื่นจะทำร้ายหวายยังไง หวายก็ไม่เคยผูกใจเจ็บกับเขา”
   “ขอบคุณนะพี่ไอ ขอบคุณที่พี่รักผม” หวายรับดอกไม้จากเขา คลี่ยิ้มบางๆ วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้
   และอยากจะสุขแบบนี้ตลอดไป
   ไอศูรย์เองก็เชื่อมั่นในหัวใจของเขาว่าจะดูแลปกป้องหวายอย่างดีที่สุด ในเมื่อเรื่องร้ายๆ มันผ่านไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะทำให้ชีวิตของหวายมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา
   ชายหนุ่มรั้งคนตัวเล็กเข้ามาหาตัวก่อนจะจูบเบาๆ แล้วเอ่ยคำว่ารักออกไปแต่ก็ไม่วายจะเย้า
   “หวายหายเกลียดพี่แล้วใช่ไหม ถึงยอมขนาดนี้”
   “ผมเลิกเกลียดพี่ไปตั้งนานแล้ว แต่ผมเกลียดตัวเองมากกว่า ที่ดันเผลอใจไปรักพี่” หวายบอกยิ้มๆ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าไปตกหลุมรักผู้ชายพันธุ์โหดอย่างไอศูรย์ตั้งแต่ตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้คงถอนตัวถอนหัวใจไม่ทันเสียแล้ว





   
                                    .................................................




คุณไอศูรย์กับน้องหวาย จบแล้วน้าาาาาา สำหรับหนังสือจะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ HERMIT BOOKS ในปีนี้นะคะ


ในเล่มจะมีตอนพิเสษเพิ่มเข้ามาสามตอนเน้อ



ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันเสมอมาค่ะ




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
   
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-04-2018 20:27:58
สุขกันให้สุดๆ ทั้งคู่นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 23-04-2018 22:18:45
ฉากที่พี่กายขอโทษหวาย เล่นทำน้ำตาซึมเลย
เศร้ามาก แต่ยังไม่สายไปหรอก
รอวันที่ออกมาจากคุกแล้วค่อยเริ่มต้นใหม่
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 28-04-2018 22:23:21


หวาน​ส่ง​ท้าย​กัน​ไป​

ขอบคุณ​ที่​แบ่งปัน​ขอรับ​

หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-04-2018 11:49:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 30-04-2018 08:42:04
 o13 :pig4: :bye2:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-04-2018 15:04:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 07-05-2018 14:47:02
ไทน์ ตายเร็วอ่ะ ยังไม่ซะใจเลย // กำ นิยายอบอุ่นหัวใจ ไม่ใช่ฆาตกรรม 5555
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 23-4-2561
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-10-2018 19:18:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
เริ่มหัวข้อโดย: prowprow ที่ 11-10-2018 23:16:32
 หนังสือมาแล้วนะคะ

ตามลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ


https://www.facebook.com/HermitBooks/photos/a.359474807434062/1829573527090842/?type=3&theater
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 12-10-2018 12:45:20
 :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 14-10-2018 00:45:50
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 02-11-2018 12:21:13
 :bye2: :bye2: :bye2: ขอบคุณที่แต่งนิยายดี ๆให้อ่านค่ะ จะตามติดทุกเรื่องเลย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:33:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 24-04-2020 15:06:27
สุขสมหมายสักที อิอิ

สนุกมากๆครับ อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณมากๆนะครับ ^.^