Chapter 3ฮารุโตะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้า ในห้องยังมีคนนอนหลับอยู่บ้าง เขานั่งนิ่งรอให้หายมึนงงอยู่พักใหญ่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานพลันแล่นเข้าสู่สมองเป็นฉากๆ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะฟุบหน้าลงกับกองผ้าห่ม รู้สึกอับอายยามเมื่อนึกถึง เขาคงไม่กล้ามองหน้ารุ่นพี่อีกแน่ ถ้าเกิดรุ่นพี่เอาไปบอกคนอื่นอีกล่ะเขาจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร
“ฮารุจัง”
“อะครับ”ฮารุโตะเงยหน้าขึ้นเห็นนาโอโตะยืนอยู่หน้าประตู
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”ตอบพลางสั่นศีรษะปฏิเสธแล้วลุกขึ้นทำท่าเก็บที่นอน นาโอโตะจึงไม่ติดใจอะไรอีก เมื่อเห็นร่างของรุ่นพี่อาโอกิเดินหายไปแล้วเขาถึงนึกมองไปรอบๆห้อง พอไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่กำลังมองหา เขาจึงโล่งใจขึ้นมา ฮารุโตะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาทำธุระส่วนตัวแล้วเดินไปรวมตัวกับพวกที่อยู่ในครัว เมื่อไปถึง อาหารเช้าจวนจะเรียบร้อยอยู่แล้ว เขาจึงอาสายกสำรับจัดเตรียมสำหรับทุกคน ในจังหวะนั้นเรย์และสมาชิกของชมรมอีกหลายคนก็เดินกลับเข้ามายังบ้านพัก
“อรุณสวัสดิ์ครับ”ฮารุโตะกล่าวทักทาย “ตื่นเช้าจัง รุ่นพี่ไปไหนกันมาหรือครับ”
“ไปถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ขึ้นนะ”
“อ้อ...”กำลังคิดจะต่อบทสนทนาหากแต่เขาหันไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงอีกคนเสียก่อน จึงหุบปากฉับเลี่ยงเดินกลับเข้าไปในครัว
“เสร็จหมดแล้วล่ะออกไปทานข้าวกันเถอะ”นาโอโตะรุนหลังหนุ่มรุ่นน้องให้ออกจากครัว เด็กหนุ่มจึงใช้โอกาสนี้ทำตัวเกาะติดกับรุ่นพี่ผู้แสนใจดีและเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยมีโชคเท่าไหร่ พอวางก้นแหมะลงกับพื้นคนที่เขาไม่อยากเจอหน้าก็มานั่งข้างๆทันที ฮารุโตะจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆก็นั่งทานอาหารของตนอย่างเงียบๆเช่นเดียวกัน
ถึงจะทำท่าตั้งหน้าตั้งตาทานแต่ฮารุโตะกลับอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างกาย เพราะเอาแต่แอบมองหรืออย่างไรไม่แน่ใจ ขณะที่ข้าวในถ้วยของฝ่ายนั้นใกล้หมด ข้าวในถ้วยของเด็กหนุ่มยังเหลืออีกตั้งครึ่ง
“อย่ามัวแต่เล่นอยู่สิ รีบทานเข้า”เขาโดนดุเหมือนเด็กๆ ฮารุโตะขมวดคิ้วหน้ามุ่ย เขาไม่ได้เล่นเสียหน่อย ปกติเขาก็กินช้าอยู่แล้ว เด็กหนุ่มได้แต่เถียงเช่นนั้นในใจ
“กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวพวกเราจะไปเล่นน้ำกันต่อนะฮารุจัง”นาโอโตะหันมาชวนคุยเด็กหนุ่มจึงหันไปพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม เร่งความเร็วในการทานอาหารขึ้นอีกนิดกระนั้นกว่าจะกินอิ่มก็รั้งอยู่ท้ายกลุ่มอยู่ดี
“อิ่มแล้วนะครับ”ฮารุโตะพนมมือขึ้นและกล่าวคำนั้น จากนั้นจึงเก็บถ้วยและจานของตนซ้อนกันเพื่อนำไปเก็บในครัว เด็กหนุ่มจึงพึ่งสังเกตเห็น รุ่นพี่ชิมิซึยังคงนั่งอยู่ข้างๆ เขานึกว่ารุ่นพี่ร่างสูงจะลุกไปพร้อมกับพวกรุ่นพี่อาโอกิเสียอีก
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
กระนั้นพอเขาลุกขึ้นอีกฝ่ายกลับลุกขึ้นตามซ้ำยังมายืนเบียดเขาตอนล้างจานเสียด้วย ฮารุโตะหันไปมอง หนุ่มรุ่นพี่คนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจเขา หรือเพราะเขาเป็นฝ่ายเสียมารยาทไปแซงคิวกันนะ เด็กหนุ่มคิด เขาควรถอยออกมาเพื่อให้รุ่นพี่ได้ล้างจานให้เสร็จก่อนหรือเปล่า ยืนคิดยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่า ควรจะทำอย่างไรดีหนุ่มรุ่นพี่กลับล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฮารุโตะจึงต้องรีบดึงสติให้กลับมาสนใจงานตรงหน้า
หลังจากเสร็จงาน ฮารุโตะในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นจึงออกไปสมทบกับกลุ่มรุ่นพี่ที่อยู่ใต้ร่มกันแดดคันใหญ่บริเวณชายหาด พอทรุดตัวนั่งลงรุ่นพี่อาโอกิก็ส่งครีมกันแดดมาให้เขาจึงถอดเสื้อยืดออกและหันหลังให้
“รุ่นพี่ทาหรือยังครับ ถ้าอย่างไรเดี๋ยวผมจะทาข้างหลังให้”
“ไม่ต้องห่วงพี่ทาทั่วตัวเรียบร้อยแล้วล่ะ อ๊ะ...นี่ไปโดนอะไรมาน่ะ”
ฮารุโตะเอี้ยวคอไปมอง แต่จุดที่รุ่นพี่ใช้นิ้วจิ้มอยู่เป็นจุดที่จะหันมองเท่าไหร่ก็ยากจะมองเห็น
“เจ็บไหมนะ”นาโอโตะขมวดคิ้วเพราะรอยจ้ำเขียวบนผิวของฮารุโตะดูแปลกไม่น้อย
“ไม่ครับผมคงไปกระแทกอะไรโดยไม่รู้ตัว”
“ทาให้บ้างสิ”เรียวตะซึ่งเปียกซ่กไปทั้งตัวเอ่ยแทรกขึ้นมา เรียกความสนใจของคนทั้งคู่ เขาลงไปว่ายน้ำจนเหนื่อยจึงได้ขึ้นมานั่งพัก ฮารุโตะหันไปมองรุ่นพี่ผู้เป็นเจ้าของขวดครีมกันแดดในมือ เมื่อนาโอโตะพยักหน้าในเชิงอนุญาตจึงได้เทครีมกันแดดลงฝ่ามือแล้วละเลงจนทั่วแผ่นหลังของเรียวตะ
“แขนด้วยๆ”อีกฝ่ายร้องบอกฮารุโตะก็ทำตามอย่างว่าง่าย ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะทาครีมลงที่แขนอีกข้าง ร่างหนาของรุ่นพี่ปีสามกลับถูกเบียดจนกระเด็นไปไกล
“ทาบ้าง”
“อะไรเนี่ยเจ้าซากิเห็นไหมว่ามีคนนั่งอยู่” เรียวตะโวยวาย
“เออเห็นแล้ว ลงไปเล่นแทนหน่อย”เขาตอบรับง่ายๆก่อนจะผลักเรียวตะให้ลงไปในสนามวอลเลย์บอลแทนตัวเขาซึ่งเพิ่งเดินออกมา เพื่อนร่วมทีมในสนามโวยวายกันใหญ่แต่ซากิก็ไม่ได้ใส่ใจ
“ทาสิ”เขาบอกย้ำอีกครั้งเมื่อยังเห็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องนั่งนิ่ง
“ทาให้เจ้าพวกบ้าพวกนี้ไปเถอะ”นาโอโตะพูดพร้อมเสียงหัวเราะ ฮารุโตะจึงต้องทาครีมให้อีกฝ่ายอย่างจำยอม พอทาที่หลังเสร็จก็เปลี่ยนมาทาให้ที่แขน
“ปกติไม่เห็นจะสนใจแท้ๆ นึกอย่างไรน่ะ ถ้าเป็นเรียวตะก็พอเข้าใจอยู่นะ”นาโอโตะเอ่ยถาม ซากิแค่เพียงเหลือบมองและยกยิ้ม แล้วหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับฮารุโตะเมื่อเด็กหนุ่มร่างเล็กทาครีมที่แขนทั้งสองข้างของเขาเสร็จ
“ข้างหน้าด้วย”
“เฮ้ย!!! เกินไปล่ะ”นาโอโตะร้องปราม ฮารุโตะนึกเห็นด้วยอยู่ในใจ ทาเองได้ทำไมต้องให้เขาทาให้
“อืม… ก็นะ”ฮารุโตะมองหน้ารุ่นพี่ชิมิซึพลางคิด ‘ก็นะ’ ไม่ใช่คำตอบเสียหน่อย นาโอโตะจึงคว้าขวดครีมกันแดดจากมือของฮารุโตะยัดใส่มือของซากิ
“ทาเอาเองเถอะ”นาโอโตะบอกทิ้งท้ายและพาหนุ่มรุ่นน้องมารวมกลุ่มกับพวกที่เล่นลิงชิงบอลอยู่ในทะเล
“เล่นด้วย”เมื่อนาโอโตะร้องบอกไปแบบนั้นลูกบอลพลาสติกก็ลอยละลิ่วมาหาในทันทีและคนที่พุ่งเข้ามาคือเด็กหนุ่มปีสองที่โดนลงมติให้สวมบทบาทสมมติเป็นลิง ทั้งที่ความสูงของน้ำอยู่ในระดับเอวแต่เด็กหนุ่มจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ยังเคลื่อนที่ได้เร็วราวกับวิ่งบนพื้นราบ นาโอโตะจึงต้องรีบโยนบอลไปทางอื่นแทบจะในวินาทีนั้นและชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็สามารถจับบอลได้ในไม่กี่นาทีต่อมา คราวนี้คนที่ต้องมาไล่ตามลูกบอลเป็นรุ่นพี่ผู้หญิงซึ่งอยู่ปีสอง
ครู่ต่อมา ซากิได้ตามสมทบพอเห็นรุ่นน้องปีสองคนนั้นไล่ตามบอลจนเหนื่อย เขาจึงส่งบอลให้อีกฝ่ายเสียดื้อๆ ฮารุโตะมองอย่างแปลกใจไม่คิดว่ารุ่นพี่ชิมิซึจะเป็นคนดีแบบนั้น กระนั้นเมื่อลูกบอลมาอยู่ในมือฮารุโตะ ซากิกลับสามารถคว้าบอลที่กำลังลอยข้ามหัวมาไว้ในมืออย่างง่ายดาย เด็กหนุ่มจึงต้องมายืนอยู่กลางวงตามกติกา
ใบหน้าของฮารุโตะยังคงเปื้อนยิ้มด้วยความสนุกสนาน ระดับความสูงของน้ำแค่ประมาณเอวของพวกรุ่นพี่ผู้ชายแต่สูงในระดับเกือบถึงอกของฮารุโตะดังนั้นเด็กหนุ่มจึงกระโดดไม่ขึ้นจะวิ่งฝ่าน้ำก็ทำได้ช้านัก ยังไม่ทันก้าวไปถึงไหนบอลกลับถูกส่งไปอีกฝั่งเสียแล้ว และแม้จะวิ่งตามบอลจนเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนรอยยิ้มกระจ่างยังคงเกลื่อนอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่ม กระทั่งมีกลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายมาสมทบมากขึ้นการละเล่นเบาๆขำขันสำหรับผู้หญิงจึงรุนแรงขึ้น กลุ่มสมาชิกหญิงของชมรมจึงขอล่าถอยและขึ้นฝั่งไปอาบน้ำเสียแทน
ฮารุโตะยังคงลอยคออยู่บริเวณน้ำตื้น
“ว่ายน้ำเป็นหรือยัง”
ฮารุโตะมองหน้าเจ้าของคำถาม นี่เป็นครั้งแรกที่รุ่นพี่ชิมิซึเข้ามาคุยด้วยพอเห็นหน้าอีกฝ่ายเรื่องที่แสนน่าอับอายเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัว เด็กหนุ่มจึงก้มหน้าหลบพลางสั่นศีรษะปฏิเสธ
“ไม่หัดต่อล่ะเดี๋ยวฉันช่วยดูให้”
“ไม่…”
“มาเถอะ”
ยังไม่ทันกล่าวคำปฏิเสธ รุ่นพี่ชิมิซึกลับพูดตัดบทเสียก่อนอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้วลากเขาให้ออกห่างจากฝั่ง
“ม…ไม่ต้องหรอกครับ อ… เอาไว้คราวหน้าก็ได้” ฮารุโตะบอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อรุ่นพี่ร่วมชมรมดึงให้เขาเดินตามลงน้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของหนุ่มรุ่นพี่ยังแต้มรอยยิ้มที่มุมปากแต่เขารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ ความลึกของน้ำมากขึ้นจนเขาไม่สามารถสัมผัสพื้นทรายได้เต็มฝ่าเท้า นั่นล่ะฮารุโตะถึงได้ผวากอดคอของอีกฝ่ายไว้แน่น ถ้าเกาะไว้แน่นขนาดนี้อย่างไรก็คงแกล้งอะไรเขาไม่ได้แน่ ฮารุโตะคิดในใจ จนทำให้ลืมสนใจเสียงหัวเราะเบาๆที่ข้างหู
“ยังไม่ลึกมากเสียหน่อย”
“แต่ขาผมไม่ถึงแล้วครับ”การที่เท้าสัมผัสได้แต่น้ำเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ
“กอดฉันไว้แน่นอย่างนี้ยังจะกลัวจมอีก”พอโดนออกปากทัก เด็กหนุ่มจึงรู้สึกตัว นอกจากตนจะกอดคอของอีกฝ่ายไว้แน่นแล้วฮารุโตะยังรู้สึกถึงสองแขนที่โอบรัดอยู่รอบเอว เขาผละตัวออกห่างเก้อเขินกับอาการตื่นตูมหวาดกลัวเกินเหตุของตนอยู่ไม่น้อย ร่างกายของเขาและรุ่นพี่ปีสามลอยขยับตามคลื่นที่พัดเข้าหาฝั่งคงเพราะออกมาไกลจากฝั่งอยู่มาก รอบข้างจึงเงียบสงบราวกับทั้งโลกมีเพียงพวกเขาแค่สองคน
“เรื่องเมื่อคืน…” ฮารุโตะเอ่ยปาก “รุ่นพี่คงไม่บอกใครใช่ไหมครับ”
“ฉันควรต้องพูดให้คนอื่นฟัง?” ซากิเลิกคิ้วถาม
“ไม่ครับไม่ควร”ฮารุโตะสั่นศีรษะปฏิเสธโดยแรง พอโล่งใจขึ้นมาบ้างที่เรื่องน่าอายแบบนั้นจะไม่หลุดไปถึงหูคนอื่น
ซากิมองฮารุโตะที่ก้มหน้าลงต่ำใบหน้าของรุ่นน้องขึ้นสีแดงเพราะแสงแดด ปากที่ฉ่ำน้ำนั้นก็ดูแวววาวอย่างน่าประหลาด
“หลับตาแล้วกลั้นหายใจหน่อยซิ”
ฮารุโตะเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจระคนสงสัย
“นับหนึ่งถึงสามนะ” ยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามรุ่นพี่ก็เริ่มต้นนับเสียแล้ว ไม่มีเวลาให้เขาคิดอย่างอื่นฮารุโตะจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายนับถึงสามร่างกายของเขาถูกดึงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง ฮารุโตะตกใจจนสำลักน้ำก่อนความนุ่มหยุ่นจะประทับตามลงมา กระนั้นเด็กหนุ่มไม่กล้าที่จะลืมตาเพราะความอื้ออึงหากแต่สงบเงียบที่รายล้อมร่างกายและทันทีที่ร่างกายพุ่งขึ้นอยู่เหนือแผ่นน้ำ เขาทั้งไอสำลักและกอบโกยลมหายใจเข้าสู่ปอด
“จะดำน้ำก็บอกกันก่อนสิครับ” ฮารุโตะต่อว่า ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงมากกว่าเดิมและแม้ใบหน้าของซากิจะอยู่ใกล้เสียจนจมูกแทบจะชนกันเด็กหนุ่มก็ยังไม่รู้สึกตัว
“งั้นจะดำน้ำอีก”
เด็กหนุ่มรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ “ไม่เอานะ”ให้ทำอะไรน่ากลัวแบบนั้นอีกเขาไม่ยอมทำอีกเด็ดขาด
“ผมจะกลับ”ฮารุโตะบอกและต่อให้จะต้องว่ายน้ำกลับไปเองเขาก็จะทำ ฮารุโตะจ้องหน้าหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งอีกฝ่ายก็จ้องกลับไม่ลดละ
“เอ้า กลับก็กลับเกาะดีๆล่ะ จะพุ่งแล้ว”ร่างสูงใหญ่พุ่งตัวแหวกว่ายในกระแสน้ำอย่างที่ปากว่าพอถึงช่วงที่น้ำตื้นจนเด็กหนุ่มร่างเล็กพอจะยืนถึงก็ชะลอความเร็วปล่อยให้อีกฝ่ายยืนเอง ฮารุโตะหันมากล่าวขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งขึ้นหาดไป
กลุ่มสมาชิกชมรมถ่ายภาพออกเดินทางกลับกันตอนบ่ายโมงกว่าๆ โดยไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารบริเวณนั้นและแวะซื้อของฝากก่อนกลับ ทีแรกฮารุโตะได้แต่เดินดูบรรดาขนมของฝากเฉยๆเพราะไม่รู้ว่าควรจะซื้อฝากใครเนื่องจากเขาอยู่ตัวคนเดียว แต่พอนาโอโตะออกปากทักเรื่องผู้จัดการของร้านที่ทำงานพิเศษเขาจึงนึกขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มจึงเลือกหยิบมันจูและไดฟุกุกลับไปเป็นของฝาก
กลับมาจากทริปเที่ยวทะเลกับชมรมยังคงเหลือวันหยุดอีกราวๆสามอาทิตย์ ฮารุโตะไม่ได้ลงเรียนภาคฤดูร้อนแต่เขาก็ใช้เวลาว่างแต่ละวันในการทบทวนบทเรียน พอตกเย็นก็ไปทำงานพิเศษเด็กหนุ่มไม่ได้หางานพิเศษเพิ่ม เนื่องจากเขาจะต้องคงผลการเรียนให้อยู่ในระดับดีอยู่เสมอเพื่อรักษาทุนการศึกษา ถ้าใช้จ่ายอย่างประหยัด เงินค่าจ้างจากงานพิเศษก็เพียงพอสำหรับค่าเช่าห้องและค่าใช้จ่ายจิปาถะ
ช่วงเที่ยงหลังจากที่ฮารุโตะทานอาหารกลางวันซึ่งเป็นข้าวกล่องที่เตรียมมาตั้งแต่เช้าเรียบร้อย เขายังคงนั่งเล่นอยู่ที่ม้านั่งข้างอาคารหอสมุด หลายวันมานี้เขานั่งอ่านหนังสือแทบทุกวันจนรู้สึกเบื่อ นั่งว่างๆอยู่ชั่วครู่ใหญ่จึงลุกขึ้นยืนมุ่งหน้าตรงไปยังอาคารของคณะศิลปศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของชมรมถ่ายภาพ ฮารุโตะไม่ได้คาดหวังว่าห้องชมรมจะเปิดแต่ตอนนี้เขาว่างและเหงาอย่างที่สุดถ้าได้เจอพวกรุ่นพี่ก็คงจะดีไม่น้อย
ดังนั้นตอนที่จับลูกบิดประตูและสามารถเปิดมันออกได้ เขาจึงรู้สึกดีใจอย่างที่สุด
“อ้าว ฮารุจังมาทำอะไรที่มหาวิทยาลัยล่ะเนี่ย”
“สวัสดีครับ ผมมาอ่านหนังสือเตรียมตัวสำหรับการเรียนในเทอมหน้าครับ รุ่นพี่ล่ะครับมาทำอะไรหรือ”
“เรย์ต้องมาช่วยงานอาจารย์ที่คณะ พี่เลยโดนลากให้มาด้วย”นาโอโตะลุกจากโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วเดินเข้าไปหารุ่นน้องร่วมชมรม เขาจับข้อมืออีกฝ่ายพลางดึงให้ไปนั่งที่ชุดโซฟา หยิบเอาอัลบั้มภาพถ่ายส่งให้อีกฝ่าย
“ภาพตอนไปเที่ยว”
ฮารุโตะรับมาถือไว้ด้วยรอยยิ้ม เปิดหน้าแรกเป็นภาพถ่ายที่สถานีรถไฟมีทั้งภาพหมู่และภาพแอบถ่าย หน้าถัดมามีภาพบนรถไฟที่หลายคนนอนหลับคอพับคออ่อน ไล่เหตุการณ์ไปเรื่อยๆฮารุโตะหัวเราะเมื่อเห็นภาพรุ่นพี่ฮายาชิถูกเขียนหน้าเสียเละเทะ น่าเสียดายที่คืนนั้นเขาเมาหลับไปเสียก่อนไม่เช่นนั้นคงสนุกกว่านี้ ฮารุโตะคิดอยู่ในใจ
“มาแล้ว” เสียงนั้นดังขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮารุโตะดูภาพในอัลบั้มจบพอดี
“เรียบร้อยแล้วหรือ”
“อืม กลับกันเถอะหิวแล้ว”
พอได้ยินเช่นนั้นฮารุโตะจึงลุกขึ้น เอ่ยทักรุ่นพี่นาคามูระเล็กน้อยพร้อมทั้งเอ่ยลา ฝ่ายเรย์ที่เพิ่งเห็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องถืออัลบั้มรูปภาพอยู่ในมือจึงได้เอ่ยขึ้นว่า
“มีภาพที่อัดไว้อยู่อีกชุดอยากได้ไหม”
“จะดีหรือครับ”
“เก็บไว้ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วน่ะ”เรย์บอก
“เรย์จะกลับไปกินข้าวที่บ้านใช่ไหม” นาโอโตะพูดแทรกขึ้นมาซึ่งเรย์ก็พยักหน้ารับ
“งั้นดีเลยฮารุโตะไปด้วยกันสิ วันนี้พี่จะทำโซบะเย็นเป็นมื้อเที่ยงไปกินด้วยกันนะ”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับพอดีผมทานข้าวเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างผมเกรงใจด้วย”
“เถอะน่า ไปเถอะกว่าจะถึงบ้าน ข้าวที่เพิ่งกินไปก็ย่อยแล้วล่ะ ไปลองชิมฝีมือของพี่หน่อยนะ”นาโอโตะคะยั้นคะยอพลางรุนหลังให้รุ่นน้องเดินออกจากห้อง
“แล้วก็ไปเอารูปที่เรย์ว่าด้วยไม่ดีหรือ”
“จะไม่รบกวนหรือครับ”
“ไม่หรอกน่า” นาโอโตะย้ำให้ฟังอีกรอบฮารุโตะจึงพยักหน้ารับ
ใช้เวลาราวๆสิบห้านาทีโดยรถยนต์จากมหาวิทยาลัย พวกเขาก็มาถึงที่หมาย นาคามูระ เรย์ถอยรถเข้าจอดในที่จอดรถเรียบร้อย นาโอโตะจึงเปิดประตูลงจากรถยนต์ซึ่งฮารุโตะก็ทำตามเช่นกัน
“บ้านพี่อยู่หลังโน้น” นาโอโตะชี้ไปยังบ้านข้างๆซึ่งอยู่ติดกัน “ส่วนหลังนี้บ้านเรย์ เดี๋ยวเราเดินไปบ้านพี่กันนะ”
“เดี๋ยวตามไปนะ”เรย์บอกไล่หลังตามมาเมื่อสองหนุ่มคู่รุ่นพี่รุ่นน้องต่างคณะพากันเดินออกไปจากรั้วบ้าน นาโอโตะทำแค่เพียงขานรับ
นาโอโตะเปิดประตูเลื่อนหน้าบ้านพลางร้องบอกว่ากลับมาแล้ว จากนั้นจึงเปิดประตูตู้รองเท้าหยิบรองเท้าที่ใช้ในบ้านมาให้ฮารุโตะสวม เดินนำหนุ่มรุ่นน้องมายังห้องนั่งเล่นและกดตัวเด็กหนุ่มร่างเล็กให้ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา
บ้านของรุ่นพี่อาโอกิกว้างและใหญ่จนเขารู้สึกประหม่า
“นั่งรออยู่ที่นี่ก่อนนะ” นาโอโตะหันไปเปิดทีวีให้ฮารุโตะ ส่งรีโมตให้อีกฝ่ายถือเป็นจังหวะเดียวกับเสียงฝีเท้าตึงตังตามทางมาหยุดลงที่กรอบประตูห้อง
“พี่กลับมาแล้ว”เจ้าของเสียงเป็นเด็กผู้หญิงร่างเล็กที่กะประมาณดูแล้วน่าจะอยู่ในวัยประถม
“นี่น้องสาวพี่เองชื่อมิกิ ส่วนทางนี้ฮารุโตะเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย”
มิกิพยักหน้ารับเอ่ยทักทายก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า“หิวแล้ว หิวแล้วรอตั้งนานแหนะ”เธอคนนั้นปราดเข้ามาเกาะแขนของนาโอโตะไว้ พยายามดึงให้ชายหนุ่มเดินตาม ปากก็พร่ำบอกว่าให้ไปทำเร็วๆ
“ฮารุจังรออยู่นี่นะ เดี๋ยวพี่ทำเสร็จแล้วจะมาเรียก”
“ผมไปช่วยด้วยดีกว่าครับ”เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน
“อืม เอาอย่างนั้นหรือ”
ด้วยเหตุนี้ฮารุโตะจึงมายืนอยู่ในครัวของบ้านอาโอกิ ห้องครัวของบ้านกว้างขวางไม่ต่างจากห้องนั่นเล่น ฝากหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์หินที่ติดตั้งชุดเครื่องครัวพร้อมสรรพ ทั้งเตาหุงต้ม เตาอบ ไมโครเวฟ ตู้เย็นและอ่างล้างจาน มีโต๊ะหินตัวยาววางตั้งไว้เพื่อแบ่งพื้นที่ของโต๊ะทานอาหารสำหรับแปดคนและอีกฟากเป็นทีวีจอยักษ์
ถึงจะบอกว่าขอมาช่วยแต่ฮารุโตะได้แต่ยืนเก้ๆกังๆ เขาไม่เคยทำโซบะเย็น ไม่รู้จักวิธีทำและไม่เคยทาน ถ้าพูดให้ถูกคือเขาเคยได้ยินแต่ชื่อเพียงอย่างเดียวซึ่งดูเหมือนนาโอโตะก็พอจะรู้จึงได้สั่งให้เขาช่วยงานเล็กๆน้อยๆ
“ของหวานจะเป็นอันมิตสึ ฮารุจังช่วยเตรียมผลไม้ให้ที อยู่ในตู้เย็นนะ”นาโอโตะบอกพลางหันไปยกหม้อขึ้นตั้งบนเตา ใบหนึ่งใส่น้ำสำหรับลวกเส้น อีกใบสำหรับทำน้ำจิ้ม
ขนมหวานที่นาโอโตะพูดถึงคราวนี้เป็นขนมที่ฮารุโตะรู้จัก เขาเคยได้ทานอยู่สองถึงสามครั้งตอนที่มีผู้ใจบุญมาเลี้ยงอาหารที่บ้านอุปถัมภ์
“หนูทำด้วย”เด็กหญิงร้องบอก เธอเดินไปเปิดประตูตู้เย็นอย่างคล่องแคล่วดึงกล่องพลาสติกออกมาจากตู้ ฮารุโตะจึงเดินตามไปช่วยถือ เธอหยิบส่งให้เขาหลายต่อหลายกล่อง เด็กหนุ่มจึงนำไปวางบนโต๊ะหินตัวยาว มิกิปิดประตูตู้เย็นและไปลากเก้าอี้มาเพื่อให้ตนยืนอยู่ในระดับความสูงที่สามารถทำงานได้ถนัด ทั้งยังมีมีดพลาสติกเป็นของส่วนตัว
“มิกิชอบทำกับข้าวเลยต้องมีอุปกรณ์พวกนี้เตรียมไว้ให้” นาโอโตะหันไปบอกขณะส่งมีดให้เด็กหนุ่มรุ่นน้อง
“หนูทำอาหารอร่อยด้วยนะ”เด็กหญิงพูดอวด
“ทำอร่อยทำไมถึงไม่ทำกินไปก่อนล่ะมาหิ้วท้องรอพี่ทำไม”นาโอโตะเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก
“ก็พี่บอกว่าจะทำโซบะเย็นหนูก็ต้องรอสิคะ เดี๋ยวไม่มีคนกิน พี่จะเสียใจนะ”
“จ้าๆๆ” นาโอโตะรับคำอย่างเสียไม่ได้ เขาหันไปดูเส้นโซบะในหม้อเมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ที่ จึงหันไปดูน้ำจิ้มที่อยู่ในหม้ออีกใบ
ขณะเดียวกันฮารุโตะกำลังจัดการหั่นแบ่งครึ่งลูกสตรอเบอรี่ตามที่มิกิบอกแจ้วๆ จากนั้นจึงปอกแอปเปิลและลูกพลับหั่นเป็นชิ้นบางๆ ไม่นานนักผลไม้สำหรับทำอันมิตสึจึงได้ถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อย ฝ่ายนาโอโตะก็นำเส้นขึ้นผ่านน้ำเย็นและนำมาแช่อยู่ในน้ำแข็งเรียบร้อย
“จัดไว้สักห้าถ้วย”นาโอโตะบอกขณะที่นำวุ้นแกะจากพิมพ์เรียงใส่ถ้วยกลมใบย่อม ตามด้วยผลไม้ที่เตรียมไว้ ใส่ชิระตะมะดังโกะ ถั่วแดงหวานและคุโระมิตสึ ทั้งมิกิและฮารุโตะต่างจัดถ้วยขนมหวานตามที่นาโอโตะทำให้ดู
“เดี๋ยวจะทานแล้วค่อยตักไอศกรีมมาใส่”
ตอนที่อาหารทุกอย่างเกือบจะเสร็จ เรย์ก็มาปรากฏตัวให้เห็น
“มิกิไปตามมาริให้หน่อยนะ”
เด็กหญิงพยักหน้ารับและวิ่งตื๋อออกไปจากห้อง นาโอโตะหันไปเปิดประตูตู้หยิบถ้วยใส่ซอสใบเล็กออกมาบีบวาซาบิใส่ลงไปในถ้วย จังหวะนั้นเรย์ได้เดินเข้ามาพอดี
“อันนี้รูปที่บอกว่าจะเอามาให้นะ”เรย์ส่งรูปให้ฮารุโตะ เด็กหนุ่มจึงหันไปเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือและหยิบมาเปิดดู
“เอ้า เรย์เอาไปวางที่โต๊ะ”ฝ่ายพ่อครัวจึงส่งถ้วยน้ำจิ้มกับวาซาบิให้อีกคนที่ยังยืนว่างนำไปวางไว้บนโต๊ะทานอาหาร ฮารุโตะจึงได้วางซองใส่รูปไว้ก่อนและยกกระจาดไม้ไผ่ซึ่งบรรจุเส้นโซบะไว้ไปวางบนโต๊ะเช่นเดียวกัน
พอมิกิกลับมาเธอก็รีบกลับไปนั่งยังที่ประจำของตัวเองทันที
“คนนี้น้องสาวของพี่ชื่อมาริ”
นาโอโตะแนะนำเด็กหญิงวัยมัธยมอีกคนให้ฮารุโตะรู้จัก เธอกล่าวทักทายเขากลับมาด้วยท่าทางนิ่งๆเรียบๆ
ฮารุโตะนั่งลงข้างนาโอโตะฝั่งตรงข้ามเป็นนาคามูระ เรย์ ถัดกันเป็นมาริส่วนมิกินั่งอยู่อีกข้างหนึ่งของนาโอโตะจากนั้นจึงลงมือทานอาหาร เด็กหนุ่มมองดูรุ่นพี่คีบวาซาบิลงในถ้วยน้ำจิ้มและคีบเส้นโซบะลงคลุกเคล้าในถ้วยจึงทำตาม เส้นเหนียวนุ่มเย็นๆเหมาะกับหน้าร้อนเข้ากับน้ำจิ้มได้เป็นอย่างดี
“อร่อยมากครับ”ฮารุโตะพูดออกมา นาโอโตะได้ยินเช่นนั้นจึงหันมายิ้มให้
“ถ้าอร่อยก็ทานเยอะๆนะ”
ถึงจะยังรู้สึกเกรงใจและทานอาหารเที่ยงมาแล้วแต่ฮารุโตะก็ยังสามารถทานโซบะในสำรับของตนได้จนหมด หลังจากทานอันมิตสึไอศกรีมชาเขียวเป็นของหวานตบท้าย เขาอิ่มตื้อจนแทบลุกไม่ไหวกระนั้นเมื่อเห็นเจ้าของบ้านเริ่มเก็บจานชาม เขาก็ลุกขึ้นไปช่วยอย่างไม่อิดออด
ฮารุโตะนั่งคุยนั่งเล่นอยู่ที่บ้านของนาโตะจนใกล้เวลาเข้าทำงานพิเศษจึงขอตัวลากลับ
“ไว้มาเที่ยวอีกนะ”
“ครับ”เด็กหนุ่มรับคำแม้จะแอบคิดอยู่ในใจว่าเขาคงไม่กล้ามารบกวนอีกอย่างที่รุ่นพี่เอ่ยปากชวน
“เออ พรุ่งนี้กลางวันก็ยังว่างใช่ไหม”
ฮารุโตะไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วนอกจากไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเขาจึงตกปากรับคำทันที
“ไปเที่ยวกันไหม”นาโอโตะเอ่ยปากชวนไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยมากนัก เขาเองไม่มีเหตุที่ต้องปฏิเสธจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“ฮารุจังไม่มีโทรศัพท์นี่เนอะ เอาเป็นว่าเจอกันที่มหาวิทยาลัยก่อนแล้วกันนะ”
นัดหมายเวลาและสถานที่เรียบร้อยเด็กหนุ่มจึงกล่าวขอตัวลาอีกครั้ง
“เดี๋ยวฉันไปส่งให้ละกัน”เรย์ที่เงียบฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลาเข้างาน ผมคิดว่าไปรถบัสก็น่าจะทันเวลา”
“นายเพิ่งมาแถวนี้ครั้งแรกให้เรย์ไปส่งดีกว่านะ ไม่ค่อยชินทางเดี๋ยวจะหลง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”ฮารุโตะปฏิเสธด้วยความรู้สึกเกรงใจ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ เรย์เอารถออกเลย”
ด้วยเหตุนี้ฮารุโตะจึงได้มานั่งอยู่บนรถยนต์สี่ประตูของนาคามูระ เรย์อีกครั้ง เขาทั้งประหม่าและตื่นเต้นจึงได้แต่นั่งเงียบปล่อยให้เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุผ่านเข้าหู ตอนที่หนุ่มรุ่นพี่ส่งเสียงเรียกซึ่งแม้จะไม่ได้ดังมากแต่ก็ทำให้เขาสะดุ้ง
“เอ่อ… เป็นไงบ้างมาอยู่ในชมรมร่วมสองเดือนแล้ว”
“ดีมากเลยครับ”ฮารุโตะตอบ การที่ได้มาเข้าชมรมนี้มีแต่เรื่องดีๆเต็มไปหมด
“ถามจริงเถอะ ทำไมมาสมัครเข้าชมรมล่ะ”
ฮารุโตะนั่งเงียบพลางคิดว่าควรจะตอบไปอย่างที่คิดหรือไม่ แต่เรื่องที่ชอบรุ่นพี่นาคามูระให้พูดออกไปคงไม่ดีแน่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงตอบออกไป
“ร…รุ่นพี่คงจำภาพที่รุ่นพี่ชนะการประกวดเมื่อหลายเดือนก่อนได้ใช่ไหมครับ”เริ่มต้นพูดอย่างลังเลพลางเหลือบมองหนุ่มรุ่นพี่ที่มองตรงไปเบื้องหน้าอย่างมีสมาธิในการขับรถ
“ผม…ไปยืนดูภาพนั้นอยู่ตั้งนาน ภาพนั้นสวยมากๆ ผมยังคิดเลยว่าสมควรแล้วที่จะได้รางวัลชนะเลิศ”
“แล้ว…”เพราะฮารุโตะเงียบไปชายหนุ่มผู้เป็นสารถีจึงออกเสียงกระตุ้น
“ก็ไม่อย่างไรครับ….” เขาคิดไม่ออกว่าควรพูดต่อไปเช่นไรเพื่อไม่ให้ดูน่ารังเกียจ รุ่นพี่อาจจะไม่ประทับใจกับการที่มีผู้ชายมาชอบ ในสมองของฮารุโตะหมุนติ้วๆเพื่อหาคำตอบดีๆ
“อยากถ่ายภาพเป็นอย่างนั้นเหรอ” เรย์เหลือบสายตามองเมื่อเห็นอีกคนยังเงียบ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” ผมไม่มีปัญญาซื้อกล้องราคาแพงๆแบบนั้นหรอก ฮารุโตะพูดต่อกับตัวเองในใจ
“เหมือนแค่อยากรู้ว่าการถ่ายภาพสวยๆแบบนั้น ต้องทำอย่างไรบ้างประมาณนั้นน่ะครับ”
เรย์ครางรับรู้ในลำคอ
พอชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นคนขับเงียบเสียง ฮารุโตะจึงได้แต่นั่งเงียบตามไปด้วย ทั้งที่ในใจค่อนข้างกระวนกระวายไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับคำตอบของเขา เด็กหนุ่มไม่อยากให้รุ่นพี่ที่ตนแอบชอบนึกรังเกียจตนเองไปเสีย แม้ความหวังที่อยากจะให้อีกฝ่ายรู้สึกชอบพอตนกลับมาบ้างจะดูริบหรี่ แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขายังแอบหวังว่าความปรารถนาของเขาจะเป็นจริงในสักวัน
+++++++++++++++
หมายเหตุ โซบะเย็น : อาหารแบบเส้นดั้งเดิมของญี่ปุ่นทำจากเส้นโซบะ โซบะที่ต้มแล้วทำให้เย็นและล้างเพื่อเอาความหนืดออก จากนั้นบะหมี่จะถูกเสิร์ฟในภาชนะหรือกระจาดตะแกรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทำจากไม้ไผ่หรือไม้ที่มีรั้วไม้ไผ่วางไว้ที่ด้านล่างของภาชนะ จะเสิร์ฟมาพร้อมกับโซบะ-ทซึยุ (น้ำจิ้ม) ในชามขนาดเล็กที่แยกต่างหากที่เรียกว่าโซบะโชโก ใช้ตะเกียบคีบโซบะขนาดพอคำและจุ่มลงในทซึยุก่อนรับประทาน
โซบะประเภทนี้เรียกว่าโมริ โซบะ (เสิร์ฟบนกระจาดหรือถาดแบน) และซารุ โซบะ (ราดหน้าด้วยสาหร่ายโนริหั่น) เนื่องจากวิธีการเสิร์ฟและการรับประทาน
ที่มา :
https://th.sushiandsake.net/special/food/detail_7อันมิตสึ : เป็นชื่อเรียกขนมหวานชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น ทำจากวุ้น ถั่วแดง โมจิ ผลไม้สด และไอศกรีม เสิร์ฟพร้อมคุโรมิตสึ หรือน้ำผึ้งดำ นิยมทานเย็นๆ กันในช่วงหน้าร้อน
ที่มา :
http://www.jgbthai.com/anmitsu/แต่วิธีการทำที่เขียนในเรื่องอ้างอิงตามคลิปนี้ :
https://www.youtube.com/watch?v=DDzzIU8kD9U