ตอนที่17 รักและห่วงใยผมวางแก้วกาแฟใบที่สามไว้ที่จานรองพร้อมกับนั่งมองเข็มสั้นนาฬิกาชี้ที่เลข3พอดี นั่งถ่างตาทำไมนะหรอครับก็นั่งรอคนที่นอนยิ้มแฉ่งอยู่บนเตียงตื่นมาอีกรอบไง มันตื่นมาแล้วรอบหนึ่งตอนตี2ผมก็ซุกไซ้บวกกับซุกซนนิดๆหวังว่าจะได้ประสานเสียงด้วย เลยลองขอฟิตเจอริ่งกับแฟนเป็นครั้งที่2ของคืนนี้ มันดูเหมือนจะยอมนะหน้าเคลิ้มเชียวแหละ แต่…ขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอารมณ์พุ่งสูงปี๊ดอยู่นั้น มันฉวยโอกาสตอนผมเผลอแอบจูบเพื่อให้ตัวเองหลับจนได้ ถามว่าใครปวดหละทีนี่ ถ้าไม่ใช่ผม
พอแฟนหลับปุ๋ยอย่างสบายใจก็ได้เวลาทบทวนคำถามตอนสอบโอเน็ต ที่บอกว่าถ้ามีอารมณ์ทางเพศให้ออกกำลังกายแล้วจะหาย ผมกระโดดตบไปหนึ่งร้อยครั้ง ลุกนั่งอีกหนึ่งร้อยครั้ง ใครออกข้อสอบครับช่วยแก้คำตอบโอเน็ตให้ด้วย ผมทดสอบกับตัวเองแล้วยืนยันนะช่วยไม่ได้ มันยังคงโดดเด้งปึงปังเหมือนเดิมเลย ไม่ใช่กาแฟที่ทำให้ตาค้างแต่ช่วงล่างมันไม่ยอมให้ผมนอนต่างหาก
คอยดูไอ้แฟนตัวแสบเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับผมแบบนี้ ผมเป็นคนความอดทนสูงซะด้วย มีหรือที่จะยอมแพ้มันง่ายๆ ตามจีบก็หลายปี ยอมให้มันด่าเป็นล้านๆครั้ง กว่าจะได้มาเป็นแฟนก็ยากแสนเข็ญ ตอนนี้ต้องมาอดทนรอให้มันตื่น บอกเลยเบๆ เอาชนะใจก็ทำได้แล้วเหลือแค่เอาชนะโรคประหลาดของมันเท่านั้นแหละ
“อ่า~~~~”
“ไอ้ตัวดี ตื่นสักทีนะมึง”
“โฟร์ นี่มึงยังไม่นอนอีกหรอ”
“เอ้อ มันค้างแบบนี้ ให้กูหลับได้ไง” นิ้วชี้ที่ตา แต่หน้าก้มมองที่เป้า
“ไอ้หื่นโฟร์”
มันดึงผ้าห่มมาปิดหน้าอก เพราะก่อนหน้านี้เล้าโลมกันจนเครื่องร้อนไปถึงขั้นถอดเสื้อออกได้เรียบร้อยแล้ว แฟนผมมันบ้า จูบผมทั้งคืนเลยหลับแล้วหลับอีก
“เครื่องกูติดนานแล้วนะมึง ให้ไม่ได้หรอวะ น้อยใจชิบหาย ทีกับไอ้ธันนะทั้งจูบทั้งกอดกับกูอะไรๆยากจัง เริ่มสงสัยละนะ มึงรักกูจริงๆหรือเปล่า ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนนะโว้ย”
หมุนเก้าอี้หนีตีหน้าเศร้า งานแสดงต้องมา ดราม่าเกินร้อย ผมนี่แหละลูกศิษย์ครูเงาะ เจอไม้นี้มันจะทำไง
“งอนอะไรนักหนา กูเป็นของมึงทั้งตัวและหัวใจนั้นแหละ”
มันลงจากเตียงเข้ากอดผมจากด้านหลังคางเกยที่หัวไหล่ ริมฝีปากจุ๊ปเข้าที่ต้นคอ น่ารักแบบนี้จะแกล้งให้ยาวเลย
“หรืออยากกลับไปหาพี่ธันของมึง” แกล้งถามเสียงเข้มใส่อีกฝ่ายที่ยังกอดผมไม่ปล่อย
“ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเค้าเลย”
“แน่จ๊าย แล้วหลับหนีกูทำไม”
“ไม่ได้หลับหนีสักหน่อย แค่จะจูบให้หายคิดถึงเฉยๆ” ซอใช้ริมฝีปากมาคลอเคลียกับแก้มของผมหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีก
“หายคิดถึงรึยังละ ถ้าหายแล้ว ขอนะ”
ผมแกะอ้อมกอดมันออกหมุนเก้าอี้กลับมามองคนที่ยืนหน้าแดง ดึงตัวให้นั่งลงที่ตักมือประสานกันไว้ที่หลังเพื่อประคองอีกฝ่าย เงยหน้ามองตาเล็กๆที่กำลังแสดงอาการเขินอาย
“หายคิดถึงแล้ว แต่กลัวเจ็บ กูไม่เคยนิ” หึหึหึ แอบขำในใจอย่างวายร้าย
“ก็ยอมซะสิจะได้เคย สัญญาว่าจะค่อยๆทำ นะๆ”
ผมกระชับอ้อมกอดดึงอีกฝ่ายเข้ามาประชิดแนบแก้มลงที่อกขาวๆจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัว และดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่าง ส่องแสงวิ๊บวั้บเข้าตา
“ยังใส่สร้อยเส้นนี้อีกหรอ”ผมผละหน้าออกจากอก
ขาวมือจับจี้ไม้กางเขนแล้วมองสลับกับหน้าซอ
“กูถอดก็ได้ถ้ามึงไม่ชอบ” ซอยกมือขึ้นกำลังจะถอดสร้อยเส้นนั้นออก
“ไม่ต้องก็ได้ เก็บมันไว้เป็นความทรงจำมึงเหอะ กูไม่คิดมากหรอก” ผมรั้งมือซอให้ไม่ให้ถอดสร้อยออก
“รักมึงนะโฟร์ รักมาก ขอบคุณๆๆๆ”
ซอกอดผมอีกครั้งด้วยความดีอกดีใจ ความทรงจำดีๆบางอย่างของแฟนผมไม่อยากให้มันลบทิ้งไป อย่างน้อยความทรงจำพวกนั้นก็ทำให้ซอมีความสุขและยิ้มได้
“เลิกหอมได้แล้ว ตกลงกูจะได้มั้ย จะสว่างละนะซอ” พูดด้วยความหมั่นเขี้ยวมือแกล้งตีที่ก้นมันหนึ่งที จนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นทันที
“อาบน้ำก่อน”
มองค้อนเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมชอบแฟนในร่างนี้มากไม่มีคำพูดแรงให้น้อยใจ ไม่เหวี่ยงไม่ออกฤทธิ์ออกเดช ดูเขินหน่อยๆนิ่มนวลนิดๆอ่อนหวานเล็กๆ น่ารักจนผมต้องนั่งสัปหงกรอทั้งๆที่ง่วงมากตาปิดไปหลายรอบแต่ก็พยายามถ่างตารอ เราน่าจะได้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว เสียดายเวลาที่ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่อย่างนั้นคงได้ใช้เวลาชีวิตร่วมกันเยอะขึ้นอีกตั้งสามปีแหนะ แต่เอาเถอะ60ปีข้างหน้าผมจะใช้ชีวิตร่วมกับซอให้มีความสุขไปด้วยกันทุกๆวันเลย
เสียงน้ำจากฝักบัว ดัง ซ่า ซ่า คงอีกหลายนาทีขอเอนตัวพักเติมแรงนะครับวันนี้เหนื่อยและง่วงพอสมควร โลวแบตเตอรี่มากของีบชาร์จพลังสักครู่จะได้ตื่นมาจัดการไอ้ตัวดีให้เคยๆสักที
อ้าว…ทำไมหลับแล้วละไหนบอกจะรอไง นอนขาเกยกอดหมอนหลับปุ๋ยซะแล้ว ท่าทางคงง่วงมากแต่ก็ฝืนร่างกายแค่จะกวนผม นิสัยขี้แกล้งเป็นตั้งแต่เด็กจนโตกับไอ้เอไม่เห็นจะแกล้งมันบ้างนะ ทีกับผมกวนตีนยังไงก็ยังคงกวนตีนได้สม่ำเสมอจนถึงทุกวันนี้ ผมเช็ดเนื้อตัวใส่เสื้อผ้า ปิดไฟ แล้วขึ้นบนเตียง ดึงผ้าผมให้โฟร์พร้อมซุกตัวเข้าในอ้อมแขน
“โฟร์ โฟร์ครับ” ลองปลุกดูก่อนเผื่อว่ามันจะไหว “โฟร์ ตื่น” เรียกอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆคืนนี้ก็กอดกันก่อนแล้วกันนะ ส่วนเรื่องนั้นเมื่อไหร่ก็ได้เพราะไม่คิดจะหนีไปไหนอยู่แล้ว “ฝันดีนะโฟร์” จุ๊ปเข้าที่แก้วนุ่มๆ
วันนี้ที่ผมจูบโฟร์จนนับครั้งไม่ได้นั้น ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะหนีหรือบ่ายเบี่ยงอะไรเลยแค่อยากจูบกับแฟน มันเป็นเรื่องที่ธรรมดาและง่ายมากสำหรับคนทั่วไป แต่ทำไมมันเป็นเรื่องยากสำหรับผมนะ เริ่มเบื่อโรคนี้ขึ้นมาอีกครั้งแล้วละ เมื่อก่อนตอนที่ม๊าหาวิธีรักษาตัวผมให้หายจากอาการป่วย ผมไม่เคยสนใจหรือคาดหวังในผลการรักษาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำใจและยอมรับกับสภาพที่ประหลาดๆของตัวเองได้
แต่พอมาวันนี้ความคิดนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ผมอยากลองฮึดสู้กับมันอีกครั้ง ผมต้องหาย ผมจะเป็นคนธรรมดาให้ได้ ขอบคุณเจ้าของกำลังใจ คน คนนั้นก็คือคนที่นอนกอดผมตัวกลมอยู่นี่ไง คนที่เป็นเหมือนลมหายใจและเป็นคนที่ทำให้ผมอยากตื่นจากความฝันมาสร้างเรื่องราวดีๆ บนโลกแห่งความเป็นจริงไม่ใช่แค่เพียงโลกในนิทานของ สโนวไวท์ ผมอยากหายจากคำสาบบ้าๆ อยากแต่งเติมความสุขให้ผู้ชายคนนี้ได้บ้าง
ขอโทษที่ตั้งกำแพงปิดกั้นตัวเองและหนีมาตลอด ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงสำคัญแค่ไหน อยากบอกมึงว่าการที่มีเพื่อนเป็นแฟนมันโคตรวิเศษเลยวะโฟร์ กอดกันไปนานๆนะ “ฝันดี”
“ซอ มึงตื่นเลย ซอ” ผมจับตัวซอเขย่าให้ตื่น เผลอหลับแค่10เอง
“อารายยย โฟร์” มันใช้มือขยี้ตาเล็กๆอย่างงัวเงียและค่อยเบิกตามองผม
“อาบน้ำเสร็จแล้วทำไมไม่ปลุก นี้กูนอนแค่แป๊ปเดียวเองนะมึง” ผมนั่งขัดสมาธิจ้องหน้าคนที่นอนอยู่
“หากตาดูก่อน นี่มันแปดโมงแล้วโฟร์” แฟนผมชี้ไปที่นาฬิกาผนังห้อง
“เฮ้ยยยย แปดโมงจริงด้วย ทำไมไม่ปลุกกูอ่ะ ทำไมอ่ะ” ผมงอแงเป็นเด็กใส่แฟน และแกล้งจี้เอว
“ฮ่าๆๆๆ โฟร์อย่า อย่า ฮ่าๆๆ กูปลุกมึงแล้ว ฮ่าฮ่า แต่มึงไม่ตื่น ฮ่าๆๆ พอแล้ว โฟร์กูจั๊กจี้ ฮ่าๆๆ” ซอหัวเราะชักดิ้นชักงอ
“ตอนนี้ได้มั้ยล่ะ” ก้มลงหอมที่ต้นคอ
“ไม่ได้ เช้าแล้ว” มันให้วิชาม้วนผ้าห่มพันตัวเป็นมัมมี่แล้วเกลี้ยงไปอีกฝั่งของเตียง
“อย่าหนีนะ มานี่เลย” ซอลงจากเตียงหอบผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตัววิ่งหนีหยอกล้อผมให้วิ่งตาม
“จับให้ได้สิ ฮ่าๆๆๆๆ” เราวิ่งเล่นไล่จับกันจนทั่วห้อง กอดรัดฝัดเหวี่ยงอย่างสนุกสนาน “จะหนีไปไหน” ผมวิ่งดักหน้าดักหลัง อีกฝ่ายทำหน้าทะเล้นเยาะเย้ย
“เสร็จกูล่ะ” ผมดึงผ้าห่มหลุด ล็อกตัวไว้แล้วอุ้มขึ้นเพื่อเดินไปที่เตียงอีกรอบ
“ปล่อยเลย”
“ไม่ปล่อย”
“เอาจริงดิ”
“จริงครับ”
ก๊อก!ก๊อก!“มีคนมาเคาะห้อง ปล่อยกูก่อน”
“ปล่อยให้เคาะไป” ผมวางซอลงบนเตียง
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!
“ไปเปิดก่อน โฟร์” แฟนผมลุกขึ้นนั่งไล่ให้ผมไปเปิดประตู
“ใครมาเคาะตอนนี้ว่ะ เดี๋ยวไล่ออกให้หมดเลย” เดินผมเดินหน้ามุ่ยไปเปิดประตู หายใจฝึดฝัด
“ขอโทษที่รบกวนแต่เช้าค่ะ คุณศิวะ” เลขาพ่อผมยืนที่หน้าประตู
“คุณแจงมีอะไร รึเปล่าครับ”
“คุณท่าน อยากให้คุณศิวะลงไปต้องรับลูกค้าวีไอพีตอนเก้าโมงครึ่ง คุณศิวะไหวนะค่ะ” เลขามองหน้าผมแอบอมยิ้มที่มุมปาก
“อ๋อ! ไหวครับ ผมขอแต่งตัวก่อนแล้วเจอกันที่ล๊อบบี้”
ส่งยิ้มให้คุณแจง ค่อยๆปิดประตูห้อง มองแฟนที่น่าฝัดนั่งอยู่บนเตียงอย่างตาละห้อย เครื่องเริ่มร้อนแล้วนะยังมีคนมาขัดจังหวะอีกข่มใจไว้ ข่มใจก่อน
“มีงานหรอ”
“อืม ต้องลงไปต้อนรับแขกวีไอพีของพ่อ อดเลย” มือหยิบผ้าขนหนูเตรียมเข้าห้องน้ำ
“พอมีเวลานะ อีกครึ่งชั่วโมงแหนะ โฟร์ มา มะ” มันทำหน้าล้อเลียนผม ก็ได้ยินอยู่ว่าติดงานยังจะมายั่วผมอีก
“ไม่พอหรอก อย่างกูสองชั่วโมงอัป” พูดทิ้งท้ายไว้แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ
“ไอ้บ้ากาม”
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมาหาคุณแจงที่ล๊อบบี้ เพื่อรอแขกของพ่อ คุณแจงบอกเป็นลูกค้าคนสำคัญของโรงแรม ส่วนมากพ่อกับแม่จะมาต้อนรับด้วยตัวเอง แปลกใจตรงที่ครั้งนี้ลูกค้ารีเควสให้ผมลงมาต้อนรับแทน ไม่นานนักความแปลกใจนั้นก็ปรากฏตรงหน้า เมื่อคู่ปรับหัวใจเดินตรงมาทางผมกับคุณแจง
“คุณศิวะค่ะ นี่คุณธันวาและคุณพลอยค่ะ” คุณแจงนะนำแขกวีไอพี
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขายื่นมือมากล่าวคำทักทาย
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ผมยื่นมือไปจับ เขาก้าวขามาหนึ่งก้าวประชิดตัวผมใกล้ ดึงตัวผมเข้าไปกอดเล็กน้อย ตบที่หัวไหล่ แล้วกระซิบที่ข้างหู
“ว่างไหมกูขอคุยด้วยหน่อย”
ผมรีบผละตัวออก มองหน้าอย่าง งงๆ เขาต้องการอะไรในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดมันจบลงด้วยดีแล้วตั้งแต่งานแต่งไอ้เอ จะมาก่อกวนอะไรกันอีก
“คุณแจงผมขอคุย ส่วนตัวกับคุณธันวานะครับ” ผมหันไปบอกเลขา เธอพยักหน้าแล้วเดินหายไป
“แหมๆ น้องโฟร์ทำเหมือนไม่รู้จักกันไปได้นะ คนกันเอง” พี่พลอยพูดขึ้น
“อ่อ ครับพี่พลอย แล้วเพื่อนพี่มีอะไรกับผม ไม่ทราบ”
ไม่ได้หาเรื่องนะแต่ไม่อยากเห็นหน้าเขาและไม่อยากให้เขาเห็นหน้าแฟนผมอีก ข้อนี้ผมรู้ว่ามันยาก ก็เราเป็นเพื่อนกับไอ้เอต้องมีสักวันที่ต้องวนเวียนมาเจอกันจนได้
“โฟร์ คุยกันดีๆ กูไม่ได้มาหาเรื่อง คือมีธุระจะคุยด้วย นั่งก่อนไหม”
คู่ปรับผมชี้ไปทางร้านกาแฟ ขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าในร้าน ไอ้แฟนตัวดีดันวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา อุตส่าห์คิดในใจอย่าลงมานะ อย่าลงมา แต่...
“โฟร์ แม่มีธุระจะคุยด้วย” ซอยื่นโทรศัพท์ให้ผม โดยที่ไม่ทันมองคนข้างๆ
“หวัดดีน้อง ซอ สบายดีมั้ย”
พี่พลอยกล่าวทักจนทำให้แฟนผมสะดุ้งตกใจ โผ๊ะ!มือถือหล่นลงพื้นและมันก็ใช้แผ่นหลังเป็นโล่กำบัง แล้วค่อยๆยื่นหน้าออกมาทักทาย เสียงสั่นๆ
“พี่ ธะธะ ธาน พี่พลอย สวัสดีครับ” ซอใช้มือกำเสื้อด้านหลังผมสั่นๆ
“ไม่ต้องหลบ” ผมก้มหยิบมือถือที่ตกอยู่แล้วดึงแขนซอให้ออกมาจากด้านหลังโอบไหล่ไว้
“นั้นสิ ซอจะหลบพี่ทำไม ไปนั่งคุยด้วยกันเลยก็ได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับซอนั้นแหละ” ซอมองหน้าผมเหมือนไม่อยากเจอพี่เขาแล้ว
“เอาหน่า กูอยู่นี้จะกลัวอะไร” สอดประสานมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
จนเราทั้งสี่คนเดินมานั่งในร้านกาแฟของโรงแรม
“พี่มีอะไรก็ว่ามา” ผมยังจับมือซอแน่น และรอฟังที่เขาจะพูด
“มาหาซอ อยากเห็นหน้า” สายตาเขาจับจ้องที่แฟนผม
“ตกลงจะมากวนตีนใช่มั้ย จะไม่จบก็ได้นะ” ผมทำเสียงเข้มใส่
“ธัน มึงก็เลิกแหย่ได้แล้ว เข้าเรื่อง ก่อนจะได้เรื่อง กูไม่ห้ามนะมึง” พี่พลอยเริ่มห้าม
“ฮ่าๆ ใจเย็นก่อน คือกูมีเพื่อนเป็นจิตแพทย์ อยากให้มึงลองพาซอไปคุยดู เขาน่าจะมีวิธีรักษาแฟนมึงได้นะ”
“พี่ธัน ซอไม่ได้เป็นโรคจิตสักหน่อย” ซอหันขวับว่าพี่ธัน
“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น การไปหาจิตแพทย์ไม่ต้องบ้านะซอ” พี่ธันยื่นมือขยี้หัวแฟนผม
“เห้ย! พี่ธัน” ผมรีบเอามือปัดมือเขาออกทันที ต่อหน้าต่อตาเลยนะ
“โทษที ลืมตัววะ นี่นามบัตรเพื่อนกู พาซอเข้าไปปรึกษาดู ไม่เจ็บหรอก ไอ้หมอมันเก่งมาก อาจจะหาสาเหตุเจอก็ได้” เขาวางนามบัตรไว้ที่โต๊ะให้ผม
“แล้วพี่จะช่วยผมทำไม” ผมหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาอ่าน
“มึงไม่อยากให้ซอหายหรอโฟร์ กูถามจริงๆ”
ผมเงียบไม่ตอบอะไร อยากให้แฟนหายจากโรคนี้มากนะครับแต่ไม่อยากให้มันเจ็บตัวเพราะสงสารเห็นทีไรอยากเจ็บแทนทุกที
“พี่ธัน ขอบคุณมากที่ช่วยเรา ลองดูก็ได้ไม่เสียหายนะโฟร์ นะ” ซอลูบที่หลังมือผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ ขอแค่ได้ดูแลซอห่างๆแบบนี้ก็พอ” ไม่พูดเปล่าเสือกยิ้มระรื่น สงสัยอยากโดนกำปั้นอีก
“พี่ธัน!!!!!!” ผมต้องตะคอกเสียง
“ซอเป็นลมบ่อยถึงต้องหาจิตแพทย์เลยหรอธัน”
“ใช่ครับพี่พลอย ผมเป็นลมขั้นรุนแรง ว่าแต่พี่พลอย เป็นไงบ้าง ท้องโตขึ้นเยอะเลยนะครับ………”
สุดท้ายแล้วเราก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องมาถามชีวิตครอบครัวของพี่พลอยกับไอ้เอแทน มันไม่อยู่ก็ถูกพี่พลอยเผาจนเกรียม ผมกับซอนั่งฟังเรื่องของไอ้เอขำจนท้องแข็งแต่มือยังจับกันแน่น ช่วงแรกที่ซอเจอเขามือทั้งสั่นทั้งเกร็ง พอเวลาผ่านไปมือที่เย็นเฉียบก็เริ่มผ่อนคลายและหายเป็นปกติ
ดูท่าทางแล้ว เขาเองก็รักซอไม่น้อยกว่าผม ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักที่มีแต่การให้ มีแต่ความหวังดีซ่อนด้วยความห่วงใยไม่ได้คิดร้ายอะไร ผมว่าผมมองผู้ชายที่ชื่อพี่ธันไม่ผิดเพราะนัยน์ตาเขากับผมเหมือนกันเวลาที่มองซอ ถึงเขาจะกวนตีนหรือกัดกับผมอยู่บ่อยครั้งก็ตาม อย่างน้อยความรักของเขาก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่ได้ต้องการครอบครอง ก่อนหน้านี้ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายแต่สุดท้ายแล้วเราก็กลับมาคุยกันได้
เพียงเพราะเรารักผู้ชายคนเดียวกัน
999999999999999999999999999
มาลุ้นกันน้องซอจะหายมั้ย
ใกล้จบแล้วนะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน
ขอบคุณทุกคนมากนะค่ะ