พิมพ์หน้านี้ - Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ up 21/09

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: 19919 ที่ 30-01-2017 22:10:13

หัวข้อ: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ up 21/09
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 30-01-2017 22:10:13
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~





ตอนที่ 1 You will never walk alone




โรคบางโรครู้สาเหตุ บางโรคไม่รู้ บางโรครักษาได้ บางโรครักษาไม่ได้

บางคนเป็นโรคกลัวที่แคบ บางคนเป็นโรคกลัวรู

บางคนแพ้กุ้ง บางคนแพ้ฝุ่น บางคนแพ้ขนสัตว์ บางคนแพ้เกสรดอกไม้

ผมเองก็ป่วยครับ ป่วยชนิดที่หาสาเหตุไม่เจอตราบจนทุกวันนี้ ได้แค่ทำใจและทำตัวให้ชินเพราะผมต้องอยู่กับมันให้ได้



 



สเตอร์ริดจ์ ลากลูกเข้าไป ลากเข้าไป เลี้ยงหักหลบ  คาร์ลิด ลากยาว ลาก ลาก ชิบเสียบสามเหลี่ยม เด เคอา พุ่งตัวปัดสุดตัว ลูกตุงตะข่ายเข้าไป เย้!!!!!!  Gold!!!!!!! Gold!!!!!!!! 2-0  you will never walk alone ดังกระหึมทั่วสนามแอนด์ฟิลด์ ผมที่ยืนตรงบัตรแพงสุดแบบริงไซด์มองเห็น เยือร์เกิน คลอพพ์ โค้ช ลิเวอร์พูลห่างไม่สองช่วงแขน แหกปากร้องเพลงสุดเสียงข้างๆกายผมทั้งสี่ทิศมีแต่ฝรั่งหัวทองที่กอดคอกันด้วยดีใจ  ชนะใครก็ไม่ซ่ะใจเท่าชนะผี ในศึกวันแดงเดือด ผมนี่น้ำตาไหลพรากๆ



“ไอ้ซอ! ปั้ง!! ปั้ง!! ไอ้ซอตื่น”


ผมฝันไปใช่ไม? ไม่น่าใช่ ก็เสียงเพลง  you will never walk alone ดังกระหึ่มในหู ผมอยู่ที่แอนด์ฟิลด์ ยังไม่ได้ซื้อตั๋วกลับไทย 


“ไอ้ซอ! จะตื่นไม่ตื่นห๊ะ อย่าให้ชานเข้าไปได้นะ ปั้ง ปั้ง ตื่น ไอ้ซอ!”


ฝัน!ฝัน!ฝัน! ฝานนนนนนนนนนนนน  ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงที่เรียกผมให้กลับมาจากแอนด์ฟิลด์คือเสียงเจ้ขิม นี่เพิ่ง9โมงจะมารีบปลุกทำไมวะ มีเรียนตั่งตั้งบ่ายโมง



ผมเป็นนักศึกษาธรรมด๊าธรรมดา ที่เรียนอยู่ปี1เทมอ2 วิทยาลัยการบินและการคมนาคม ของมหาวิทยาลัยเอกชลแห่งหนึ่ง ไม่มีความสามารถพิเศษ ชอบดูบอลพรีเมียร์ลีก ชอบอ่านการ์ตูน ไม่ติดโซเชียล ไม่ติดเกมส์  ฝันอยากเป็นสจ๊วจเพราะหวังได้เที่ยวรอบโลกฟรี สมองอยู่ในเกณฑ์ดี  ฐานะที่บ้านปานกลาง


เราเป็นครอบครัวเชื้อสายจีนครอบครัวใหญ่อยู่กันหลายชีวิตอย่าให้เท้าความเลยครับประวัติยาวตั้งแต่อากงนั่งเรือสำเภามาจีนแผ่นดินใหญ่โน้น ผมขอข้ามไปก่อนแล้วกัน


ส่วนบ้านหลังนี้ครอบครัวผมก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานนัก ก็หมู่บ้านจัดสรรเกษตร-นวมินทร์นี่แหละครับ บ้านสามชั้นห้าห้องนอน สี่ห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องโถงใหญ่ บ้านหลังนี้ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพี่ๆทั้งสามช่วยกันผ่อน


ป๊าม๊าเป็นผู้จัดการธนาคารทั้งคู่ พี่สาวคนโตชื่อเจ้ขิม ทำงานขายประกัน พี่ชายคนรองชื่อขลุ่ย ทำงานอยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พี่ชายอีกคนชื่อฉิ่ง ทำงานอยู่บริษัทเอกชนแถวอนุสาวรีย์ชัย แล้วก็ร้องเพลงที่ผับในตอนกลางคืน


พี่ๆทั้งสามของผมก็ปกติดีทุกส่วนของร่ายกาย แต่ผมสิดันมีโรคประหลาดติดตัวมาตั้งแต่เด็กไม่มีทางรักษา แม้กระทั้งหมอก็ไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับโรคนี้ ไม่มีสาเหตุไม่มีที่มา รักษาหลายที่มาก หมอจีน หมอไทย หมอแขก หมอฝรั่ง หมอผี ก็เคย แต่ก็ไม่หาย  ทางบ้านเลยไม่ปล่อยให้ผมไปไหนมาไหนกับคนที่ไม่รู้จักหรือไม่สนิทชิดเชื้อเด็ดขาด นอกจากเพื่อนหรือคนในครอบครัว ทุกคนจึงเก็บเรื่องอาการป่วยของผมไว้เป็นความลับประจำตระกูลหลิวเลยก็ว่าได้ อย่าถามถึงแฟนครับมีไม่ได้ก็เพราะไอ้โรคเชี่ยนี่แหละ นึกขึ้นมาทีไรก็อดน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้ทุกที





“คุณหมอค่ะช่วยลูกดิฉันด้วยนะค่ะ เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอมค่ะคุณหมอ ช่วยลูกดิฉันด้วย ซอๆได้ยินม๊ามั้ยลูก ฮือๆๆๆๆ”

“คุณใจเย็นๆก่อน หมอต้องช่วยลูกเราได้ ฝากด้วยนะครับคุณหมอ ฝากด้วยครับ”

“ไม่ต้องห่วงครับหมอจะรักษาสุดความสามารถ ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่ออกไปรอข้างนอกก่อนครับ”

“ม๊าครับ น้องจะตายมั้ยครับ”

“ทำไมถามม๊าแบบนี้ฉิ่ง น้องต้องไม่เป็นไรสิ ฮือๆๆ”

“ขิม ขลุ่ย พาฉิ่งออกไปเล่นก่อนอย่าเพิ่งให้น้องมากวนม๊า”

“ค่ะป๊า ครับป๊า”






 
เจ้ขิมเป็นนักขายประกันตัวยง ขายทุกอย่าง ประกันสุขภาพ ประกันเงินออม ประกันอุบัติเหตุ ประกันอวัยวะตามร่างกาย ประกันที่จ่ายตอนสาวได้ใช้ตอนแก่ ประกันที่จ่ายรุ่นลูกได้ใช้รุ่นหลาน ประกันที่จ่ายชาตินี้ได้ใช้ชาติหน้าก็มี  เจ้แกพูดเก่ง พูดให้ลิงหลับก็ยังได้ พูดแบบไม่ถามเรื่องสุขภาพหูคนฟังสักนิด ผมคงพูดเก่งติดเจ้ขิมมาล่ะมั้ง เพราะคอยช่วยขายประกันอยู่บ่อยๆ  เอาไงล่ะตอนนี้เจ้ขิมมาแหกปากเรียกผมอยู่หน้าประตูคงด่าเรื่องดูบอลนอนเช้าของผมอีกตามเคย


 
“คร๊าบบบบบบบ เจ้ ตื่นแล้วครับ” ผมใช้มือควานหาขอบเตียงพยุงร่างลุกขึ้นแล้วก้าวขาลงมา พร้อมเสื้อเบอร์8ของเจอร์ราร์ด ที่ใส่นอนทุกวัน

“เปิดช้าจังว่ะ” เจ้แกยืนเท้าเอวเตรียมบ่น

“อ่านหนังสือไงเจ้ นี่ซอนอนเกือบตีห้าเลยนะ” เอาเรื่องเรียนเข้าอ้าง เป็นรอดทุกที เชื่อผมดิ

“หรอๆ งั้นลงมาคุยกันข้างล่าง เจ้มีเรื่องให้ช่วย” เสียงที่เปลี่ยน คือเสียงตรงมาจากจากหัวใจ

“คร๊าบ ” ผมปิดประตูแล้วเดินตามต่อยๆลงมา

“นี่ลึ๊เป็นใคร มาอยู่ในบ้านอั๊วได้ยังไง” สมาชิกอีกคนของบ้าน อาม่าผมเองครับ อัลไซเมอร์รับประทานเรียบร้อย แกกำลังนั่งดูละครเรื่องโปรดอยู่

“คุณทศพล ไง คำแก้ว” ผมสวมบทบาทเป็นพระเอกทันที แล้วจูบแก้มคำแก้วฟอดใหญ่

“คำแก้ว ให้คุณทศพล มาหาแม่ก่อนมีงานจะให้ช่วย” อาม่าปล่อยแขนออกจากตัวผมตามคำสั่งของพี่สาว เจ้กล้าเล่นเป็นแม่คำแก้วเชียวหรอเนี่ย

ผมนั่งที่โซฟาเอกสารกองโตวางประกอบอยู่งานเข้าผมอีกตามเคย “มีไรเจ้”

“คือบริษัทเจ้ ออกแคมเปญประกันมาใหม่ อยากให้แกช่วยขายให้เจ้หน่อย” เจ้ขิมยื่นเล่มเอกสารของบริษัท IIIA บริษัทชั้นนำด้านการประกันชีวิตอันดับหนึ่งของประเทศให้ผม

“จะหาตังค์ไปทำไมเยอะแยะอ่ะเจ้ ตายไปก็เอาไปได้ ผัวก็ไม่มี ลูกก็ไม่มี”

“แต่ จ่าย ค่า เทอม แพงๆ ของ แก ได้” เน้นเสียงหนักแน่นขนาดนี้เอาสันหนังสือฟาดหัวยังดีซ่ะกว่าเลยเจ้

“ช่วยอยู่แล้วไม่ต้องประชด รายละเอียดคืออะไรว่ามา” ผมเตรียมรอฟังเจ้แกร่าย กระบวนท่าในการขายอันสุดลึกล้ำ

“คืองี้ โครงการนี้ง่ายๆเลยนะซอ จ่ายเบี้ย 3,000,000 คุ้มครอง15ปีคือจบเลย จ่ายปุ๊บคุ้มครองปั๊บ คุ้มครองทั้งแต่ปลายเล็บยันปลายผม ง่ายมั้ย” เดี๋ยวนะเจ้ ขอนับเลขศูนย์อีกครั้ง ไม่แน่ใจว่ามันมีกี่ตัว  0 0 0 0 0 0    6ตัวเลยนะเจ้ขิม

“เบี้ย3,000,000 ผมขายไม่ได้หรอก เพื่อนผมก็ซื้อประกันจากเจ้หมดทุกคนแล้ว ใครจะบ้าเอาเงินมาทิ้งตั้ง3ล้าน” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง เอาเอกสารสามล้านของเจ้คืนไป

“อย่าเพิ่งบอกว่าทำไม่ได้อ่านก่อน มันคุ้มครอง ทุกอย่างนะ เข้ารักษาตัวได้ทุกโรงพยาบาลด้วย ซื้อตัวนี้ตัวเดียวจบ” จบสิ จบชีวิตผมนี่แหละเจ้ จะไปขายใครวะ

“เพื่อนซอไม่ใครรวยพอที่จะซื้อประกันเป็นล้านๆหรอกเจ้” ผมยังปฏิเสธงานช้างนี่ต่อไป

“หารดูดิ คุ้มครอง15ปี ตกปีล่ะ 200,000 ต่อเดือน 16,666.66 ต่อวัน 555.55 บาทเอง เข้าโรงบาลแบบอันลิมิด ป่วยก็จ่าย เจ็บก็จ่าย แต่ถ้าตายภายใน15ปีนี่นะ ได้เงินคืน15ล้าน คุ้มมาก”

“ประกันเจ้ทำแล้วน่าตายเลยเนาะ  เอาอันอื่นได้มั้ยอ่ะ อันนี้แพงเกิน ซอขายไม่ได้หรอกเจ้” ผมช่วยขายประกันบ่อยนะครับแต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่แพงที่สุด

“ไม่ได้! ถ้าเจ้ขายแคมเปญนี้ได้ก่อนคนอื่น 5เล่มนะ เจ้จะได้เลื่อนตำแหน่งมงของเจ้เป็น มงกุฎเพชรเจ็ดชั้นยอดประดับมุขสามเม็ด แซงหน้าอีจอยขึ้นเป็นพนักงานดีเด่นสามปีซ้อนทันที” แววตาเจ้แกเปล่งประกายวิบวับมีความหวัง

“แล้วไงเจ้”

“มันหมายถึงโบนัสไงไอ้ซอ เจ้จะได้เอามาจ่ายค่าบ้านที่แกซุกหัวนอนอยู่นี่ไง หนี้จะได้หมดสักทีไม่ต้องมานั่งผ่อนให้เมื่อยตุ้ม” ฉิบหายล่ะ คำตอบจากเจ้ขิมเหมือนหมัดตัวเองให้ต้องช่วยแบ่งเบาภาระอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะค่าเทอมไหนจะค่าบ้าน

เริ่มเครียดเอาไงดีวะเจ้ขิมเสียงแข็งเสียด้วย “ซอไม่รู้จะขายให้ใคร คนที่ซอรู้จักก็ไม่มีใครรวยพอที่จะมาซื้อประกันแพงๆแบบนี้หรอก คนในหมู่บ้านก็เป็นลูกค้าเจ้หมดแล้วนะ ซอจะขายใคร”

“แต่….ถ้าแกช่วยขายได้หนึ่งเล่ม เจ้จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับ แล้วก็บัตรผ่านประตูแอนด์ฟิลด์ไปนั่งดูบอลแบบติดขอบสนามให้แกเลยด้วย”

ผมนิ่งเงียบตาทะโลนแทบจะหลุดออกจากเบ้า เมื่อได้ยินเสียงแห่งความหวังที่จะไปแอนด์ฟิลด์ได้เร็วขึ้น ความหวังผมเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์


ผัวะ!!


“ไอ้ซอ ว่าไง จะขายมั้ย” เจ้แกยื่นมือมาตบหน้าผากผม เจ้ขิมยอมแลกขนาดนี้แปลว่า ค่าตอบแทนของเจ้คงสูงน่าดู

“เจ้ พูดจริงป่าว ห้ามคืนคำนะเจ้” ผมรีบคว้าเอกสารมากอดไว้ที่อกทันที มันดุจเป็นความหวังที่เด็กตาดำๆอย่างผมจะได้ไปเหยียบแอนด์ฟิลด์สักครั้งในชีวิต  ผมยังคิดไม่ออกจะไปขายให้ใคร แต่เก็บเอาไว้ก่อนเพื่อความอุ่นใจ

“คนสวยพูดแล้วไม่เคยคืนคำ ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วป่ะ มีเรียนไม่ใช่หรอ กับข้าวอยู่ในครัว” ผมยังคงหอบเอกสาร บริษัทIIIA ไว้แน่น มันคือความหวังมันคือชีวิต แล้วเดินขึ้นบันไดเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน

“คุณทศพล ลึ๊จะไปไหน” อาม่าถามก่อนที่ผมจะเดินพ้นบันได

“อั๊ว จะ ไป แอนด์ฟิลด์ คำแก้ว”






เจ้ขิมคือธนาคาร เจ้ขิมคือตั๋ว เจ้ขิมคือแสงสว่างของซอ หลังจากที่เก็บเงินหยอดกระปุกมานานแต่ก็ยังไม่พอที่จะซื้อตั๋วเข้าไปนั่งดู เจอร์ราร์ด ในสนามจนตอนนี้พี่เจิดก็ไม่อยู่แล้ว ยังไงก็ตามเดอะคอปอย่างผมก็ต้องไปสักครั้ง มีอีกทางคือรอเรียนจบมีเงินเดือนแล้วค่อยไปก็ได้ แต่วิธีที่เจ้ขิมเสนอมาเร็วกว่าเยอะ ง่ายกว่าด้วย….ง่ายตรงไหนวะ  เฮ่ย….ถอนหายใจแบบยาวไป



คมขับ jazz สีดำของเจ้ขิมไปเรียนทุกวันขับผ่านแยกเกษตรมุ่งตรงไปทางบางเขน เลี้ยวรถเข้ามหาลัยจอดไว้ที่ชั้น4ของตึก1 วันนี้มีเรียนวิชาพื้นฐานของเด็กปีหนึ่งทั่วไป ผมยืนรอลิฟท์ที่ใต้ตึก5 ซึ่งเป็นตึกของวิศวะมองซ้ายมองขวา ขออย่าเจอเลยนะวันนี้ สาธุ….



“มึงก็มีเรียน HUM หรอ” กะไว้แล้วเชียว

“เออดิ”

“หอบอะไรเยอะแยะขนาดนี้วะ กูช่วยป่ะ”

“เสือกล่ะ จะไปไหนก็ไปป่ะ รำคาญ”

“กูก็มีเรียนตัวเดียวกับมึงไง ถึงมารอมึง เอ่ย!! รอลิฟท์อยู่นี่”




หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่1 up30/1
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 30-01-2017 22:12:46
เปรตตัวสูงหน้าหล่อเข้าลิฟท์ตัวเดียวกับผมจนเดินมาถึงห้องเรียนรวม ไอ้เอเพื่อนสนิทผมนั่งอยู่หลังสุดโน่นโบกมือเรียกหยอยๆ ผมรีบก้าวเท้าใส่เกียร์หมาหนีไอ้คนข้างๆให้เร็วที่สุด ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ฟึ๊บบบ



“มึงมากับไอ้โฟร์ได้ไง” ไอ้เอเอียงตัวถามด้วยความสงสัย

“กูไม่ได้มากับมัน มันนั้นแหละวิ่งหางกระดิกตามกูมาเอง” ผมหยิบเอกสารของเจ้ขิมมานั่งดูด้วยสายตาระห้อย เหมือนมีความหวัง แล้วความหวังนั้นอยู่ไหนวะ

“กูยอมใจมันจริงวะ จีบมาตั้งแต่ ม.5 จนตอนนี้ หูไม่ดมไข่ไม่ได้จับ นับถือๆ” ไอ้เอมองไปหาไอ้โฟร์ที่นั่งรวมกลุ่มแก๊งวิศวะหน้าห้องที่จับกลุ่มป้อสาวกัน

“สัสเอ!มึงจะย้ายไปนั่งกับมามั้ย กูกำลังใช้ความคิด”

“ไหนๆ กูดูสิเครียดเรื่องอะไร” แล้วมันก็ดึงเอกสารประกันแคมเปญล่าสุดของเจ้ขิมไปดู

โผละ!! เอกสารประกันเล่มแพงที่ปกแข็งเป็นสันขวานตกกระทบกับพื้น ไอ้เอปล่อยหลุดมือเมื่อมองเห็นที่หน้าปกเขียน IIIA

“กูมีประกันทุกส่วนในร่างกายแล้วมึง ไม่นะ ไม่ๆ ไม่มีตังค์ซื้อแล้ว” ไอ้เอเก็บเล่มประกันที่หล่นพื้นมาวางที่โต๊ะคืนผม แล้วยกแขนเป็นกากบาท ส่ายหัวปฏิเสธทันที

“เออ!กูรู้ มึงไม่มีปัญญาซื้อแน่ เล่มนี้ 3ล้าน”

“เหี๊ยสาสสสสสสสสสสสสสส” ไอ้เอสบถเสียงดังจนเพื่อนร่วมห้องและกลุ่มไอ้โฟร์ก็หันมามอง

ผมรีบเอามืออุดปากไอ้เอทันที “สาด พ่องมึงสิ จะแหกปากเสียงดังทำไมวะ เบาๆ”

เพื่อนผมส่ายหน้าเป็นพัดลม “แพงสัส แพงเหี้ยใครจะซื้อวะ เจ้ขิมโหดไปป่าวให้มึงขายได้ไงเนี่ย ที่บ้านกูก็ซื้อประกันจากมึงครบทุกคนล่ะ กูช่วยไม่ได้จริงๆวะ  แม่งแพงเว่อร์” ไอ้เอบ่นๆ เพราะเวลาที่เจ้ขิมทำยอดขายไม่ถึง ก็ได้ไอ้เอนี่แหละช่วยซื้อ

“เออกูรู้หน่า กูไม่ขายให้มึงหรอก แต่กูอยากได้ตังค์ไปแอนด์ฟิลด์ไง กูเลยจำใจทำ แม่ง! ชีวิตกูก็ไม่เคยรู้จักคนรวยๆซ่ะด้วย จะขายได้ไงวะเอ” มือสองข้างกุมที่ขมับคิ้วต่อกันเป็นเส้นตรง

“น่านไง กูว่าล่ะ เจ้ขิมต้องมีข้อแลกเปลี่ยน มึงถึงกอดไว้แน่ขนาดนี้ แต่กูรู้จักคนรวยอยู่คนหนึ่ง กูว่าเขาซื้อประกันมึงได้วะ” ผมเอามือออกจากขมับแล้วหันหน้ามองไอ้เออย่างตั้งใจ เพื่อนกูรักมึง มึงช่วยกูได้เสมอ

“ใครวะ”

“ก็ไอ้โฟร์ไง มันซื้อได้แน่ แค่มึงเอ่ยปากนะ ขี้คร้านจะซื้อบ้านซื้อรถให้มึงด้วยซ้ำ” นิ้วชี้ไปที่หน้าห้อง

“สัส!! ยกเว้นมัน กูบอกกี่ทีแล้ววะ กูไม่ได้ชอบมัน  เพื่อนอ่ะเพื่อน กูคิดกับมันแค่เพื่อน ยังจะมายัดเหยียดไอ้โฟร์ให้กูอยู่ได้”

“เอ้า! ไอ้นี่ มึงอยากรู้จักคนรวย มันไงรวย”

“เออขอบใจ แต่มึงมีชอยส์อื่นม๊ะ ที่ไม่ใช่ไอ้โฟร์ ใครก็ได้”

“อืม….อืม….เออ….” ไอ้เอนั่งคิดอยู่นานจนอาจารย์เข้ามาสอน มันก็ยังคิดต่อ อาจารย์สอนร่วม2ชม แล้วเดินอออกจากห้อง ไอ้เอก็ยังนั่งคิดอยู่

“พอๆมึง ไม่ต้องคิดล่ะ หมดคาบหาข้าวแดกกัน” ศอกผมกระทุ้งเข้าทีสีข้างไอ้เอ


ปั๊กกกกก!!!!! ฝ่ามือไอ้เอตบเข้าที่โต๊ะ


“คิดออกแล้ว คนนี้โคตรรวย เป็นเพื่อนพี่ชายกูเองเป็นเจ้าโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแล้วก็เป็นผู้บริหารบริษัทอะไรสักอย่างนี่แหละกูก็นึกไม่ออก แต่ที่แน่ๆรวย รวยมาก”


ฟังไอ้เอสาธยายแล้วสนามลิเวอร์พูลใกล้เหมือนอยู่ปากซอยหน้าบ้านเลยตอนนี้ พี่เขาคือคนที่สามารถซื้อกระดาษมีมูลค่าสามล้านบาทของผมแน่นอน
 
“กูจะเจอพี่เขาได้ไงวะ นัดให้กูหน่อยได้ป่ะ”

“เออวะ นานๆกูถึงจะได้ไปเที่ยวกับพี่กู แล้วอีกอย่างพี่เค้าไม่ค่อยว่างด้วยไง” ผมกับไอ้เอยังคงนั่งคุยกันอยู่ที่หลังห้อง เพื่อนเริ่มทยอยออกจากห้องกันบ้างแล้ว

“ผู้บริหารแก่ๆงานคงเยอะ เขาจะให้กูเจอหรอวะเอ” ผมเอนตัวกับพนักพิงของเก้าอี้มือกอดอก ถอนหายใจยาว ใส่ไอ้เอ

“แก่ เชี่ยอะไร พี่เค้าอายุเท่าพี่กูเลย 27เอง วัยรุ่นมากเท่ห์สุดๆ  อะนี่กูเซิร์จประวัติพี่เค้าเจอล่ะ” ไอ้เอยื่นโทรศัพท์ให้ผม



นายธันวา พาณิตไพศาล

ประธานกรรมการบริหารงานฝ่ายการตลาด



แล้วรูปอันหล่อเหลากับประวัติพอสังเขปของผู้ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าละไม้คล้ายคลึงกับพี่เนมก็ปรากฏตรงหน้าผม เด็กอยู่เลยเป็นผู้บริหารด้วย แบบนี้สาวหลงตึม ทำไมวาสนาดีจังวะ ทั้งหล่อทั้งรวย เราสิแค่เงินจะซื้อตั๋วทีมรักสักใบยังต้องมานั่งขายประกันช่วยพี่สาวอยู่ได้ ขณะที่ผมก้มหน้าก้มตาอ่านประวัติของคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอยู่นั้น ก็มีคนที่ผมรู้จักมานานแสนนานเข้ามาทัก จนผมเงยหน้าขึ้น



“ไปกินข้าวกับกูป่าว”

ผมเก็บหนังสือยัดใส่กระเป๋าพลางพูดไล่มันพลาง “ซอรี่ กูไม่ชอบแดกข้าวกับคนอื่น”
 
“ไปเถอะกูเลี้ยงที่โรงร้อน” โรงร้อนคือ โรงอาหารหลังเก่า มีพัดลมอยู่ไม่กี่ตัว เราเลยเรียกว่าโรงร้อน  เพราะร้อนสมชื่อแต่อาหารอร่อยทุกร้าน

“กูจะแดกโรงเย็น” โรงเย็นคือ โรงอาหารใหม่มี3ชั้น มีบันไดเลื่อนติดแอร์เย็นสบาย เด็กสายบริหารชอบมานั่งกินที่นี่ ปกติก็กินแต่โรงร้อนนั้นแหละครับ วันนี้กระแดะอยากแดกโรงเย็นเพื่อหนีไอ้โฟร์มันเฉยๆ

“หว้า…เมื่อคืน เสียใจด้วยนะ 1-1 กูก็อุตส่าห์รอดู นึกว่าเก่งเอื่อยชิบหาย ไม่น่าเปิดดูให้เปลืองไฟเล๊ย”

“สัส”  นึกว่ามันจะไม่แขวะเรื่องนี้แล้วนะแต่ก็ไม่วายหันกลับมากัดจนได้ กัดเสร็จก็รีบวิ่งแจ้นตามหลังเพื่อนมันไป แน่จริงอยู่ต่อดิไอ้เชี่ยโฟร์

“เสมอหรอ”

“มึงจะย้ำทำเพื่อ”

“อ๋อ! เมียพี่ธันก็เรียนที่นี่นะ ทั้งสามคนเลย”  มันเปลี่ยนเรื่องกลับมาที่หัวข้อเดิม

“มี เมีย เรียน ที่ นี่ สาม คน”
ย้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

“ใช่! ไม่หล่อไม่รวยทำไม่ได้นะมึง เงินต้องถึง” 

“แปลว่ารวยจริงไรจริง ถึงมีเมียเยอะได้ขนาดนี้ แล้วมึงจะมาบอกกูเรื่องเมียเค้าทำไมวะ”

“อ่าว…โง่ บรรลัยเลย ก็มึงอยากเจอพี่ธันไม่ใช่หรอ เข้าทางเมียเค้าสิ ยังไงบรรดาเมียๆ พี่เขาก็ต้องไปหาพี่ธันทุกวันอยู่แล้วป่ะไม่คนใดก็คนหนึ่ง ให้เมียพี่ธันนัดให้เลยสิไอ้ ฟาย”

“แล้วทำไมไม่ให้พี่มึงนัดให้กูวะเอ”

“ก็ได้ แต่พี่กูติดงานที่เชียงใหม่ มึงรอได้ป่ะ อีกอาทิตย์หนึ่งรอได้ก็รอ แต่ถ้ามึงเข้าทางเมียพี่เขานะ มึงจะมีช่องทางเยอะขึ้น แล้วก็รู้ความเคลื่อนไหวพี่เขาทุกวันด้วย เชื่อกูดิ” นั้นสินะมันพูดถูก

“แล้วมึงรู้จักเมียพี่เค้าหรอ เอ”

“กูรู้จักกับทุกคนแหละ แต่อยู่มหาลัยแกล้งไม่รู้จักเฉยๆ”

“งั้นตามนี้ กูจะเริ่มจากเมียเค้าเลย ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะอันอบอวลไปด้วยความสุขของผมที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยพลังแห่งความหวัง งานตามล่าฝันที่จะไปแอนด์ฟิลได้เริ่มต้น ณ บัดนี้












99999999999999999999999999999999999



เก้าเขียนเรื่องนี้จบพักใหญ่แต่เพิ่งได้ลงเพราะไม่มีชื่อเรื่อง ตั้งไว้หลายชื่อมากแต่ไม่ชอบ

เพื่อนเก้าได้อ่านนางเลยตั้งชื่อนี้ให้ แค่อยากขอบคุณเพื่อน555

ฝากด้วยค่ะ รอคำแนะนำอยู่นะค่ะ



หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่1 up30/1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-01-2017 23:01:02
ซอเป็นโรคอะไรแน่
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่1 up30/1
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 31-01-2017 20:37:39
ซอเป็นโรคอะไรแน่
ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่2 ทริปเปิ้ลเมีย up31/1
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 31-01-2017 21:30:47
ตอนที่2 ทริปเปิ้ลเมีย



“ซอ ม๊าต้มยาจีนที่ซินแสให้มาเสร็จแล้ว ลองดู”

“หมดถ้วยนี้เลยหรอม๊า”

“อืม!หมดนั้นแหละ ม๊าต้มสามวันสามคืนเลยนะ ซินแสบอกต้องกินให้หมดถึงจะได้ผล”

“หยี๊ หน้าตาไม่หน้ากินเลยม๊า ขมชัวร์ ดูจากสีก็รู้”

“เอาหน่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา”

“ดี ตลอดอ่ะ ผลเหมือนเดิม”

“ซินแสคนนี้เก่งมากนะ รักษาคนที่เดินไม่ได้ให้กลับมาเดินได้ ม๊าเห็นกับตา ใครๆก็เรียกซินแสเทวดา”

“ซอไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว กินก็กิน อึก อึก อึก อ่า….ขมชิบหายเลยม๊า งื้อ……แหว๊ะ”

“หมดแล้วใช่มั้ย งั้น ม๊าเทส เลยนะ”

“ครับ”

“ซอ! ตั้งสติไว้ ได้ยินม๊ามั้ย ซอ! ซอ! ไหนซินแส บอกว่าได้ผลไง”






ผมกับไอ้เอเก็บของใส่เป้แล้วลงมาจากตึก5 มุ่งตรงไปที่โรงเย็น เพราะไอ้เอบอกว่าเมียพี่ธันชอบมากินข้าวที่นี่ผมเลือกนั่งที่ชั้น1ตรงประตูทางเข้าใครเดินผ่านไปผ่านมารับรองเห็นทุกคน แอบอิจฉาพี่ธันเล็กๆรวยแล้วดีจริงจะจีบใครก็ได้
 
นี่เพื่อนร่วมสถาบันของผมพี่แกก็ฟันไปซ่ะสาม ผมกับเพื่อนสั่งโอลีโอ้ปั่นจากร้านเจ๊ออยมานั่งดูดฆ่าเวลาเพื่อรอสาวนิเทศเมียพี่ธัน



“บลูทางนี้” ไอ้เอวางช้อนซ้อมลง แล้วเรียกชื่อใครบางคน ผมหันหน้าตามเสียงไอ้เอเพื่อมองหาสาวนิเทศที่ผมวาดภาพไว้ ไหนวะอยู่ไหน ไม่เห็นมีสาวนิเทศเอ็กๆที่ผมเคยแอบมองเลย มีแต่ผู้ชายหน้าตาดีตรงรี่เข้ามาหามัน

“หวัดดีเอ เรียกเราทำไม” เพื่อนใหม่ที่ชื่อบลูถามไอ้เอ

“นั่งก่อนบลู เรามีเรื่องให้ช่วย นี่เพื่อนเราชื่อซอ” แล้วคนที่ชื่อบลูก็นั่งลงข้างผม [ผมส่งสายตาถามไอ้เอใครวะมึง ไอ้บลูคือใคร]
 
“มีอะไรให้ช่วย” หน้าที่หยิ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง

“เอ่อ……………………………………”

“ไอ้ซออยากเจอพี่ธันอ่ะ บลูช่วยนัดให้หน่อยได้มั้ย” ไอ้เอรีบขอความช่วยเหลือจากไอ้บลูแทนผม เพราะผมมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรต่อ ก็ไหนบอกเมีย ผมก็จินตนาการเป็นผู้หญิงสาวสวยผอมบางนมตูม แต่นี้มันผู้ชายนี่หว่า

“เอ จะพาเพื่อนมาขายให้พี่ธันหรอ”

“ใช่! เอ๊ย! ไม่ใช่  จะว่าใช่ก็ได้ …..ขายๆ แต่ไม่ได้ขายอย่างว่า” ไอ้เอรีบแก้ตัวพัลวัน

“ตกลงจะมาขายอะไร” ไอ้บลูยื่นหน้ามาจ้องผมเข็มง

“แค่จะมาขายประกันเท่านั้นแหละ พอจะช่วยนัดพี่ธันให้ได้มั้ย”

“โทษทีนะ คงช่วยไม่ได้ ขอตัว” แล้วมันก็ลุกออกจากโต๊ะไปเลย หน้าเชิดได้อีก

ผมเอามือวางที่อก หู๊ววว พ่นลมหายใจออกทางปาก  “สัสเอ กูก็นึกว่าผู้หญิง นี่มันผู้ชายชัดๆทีหลังบอกกูก่อนไอ้เชี่ย กูตั้งตัวไม่ทัน”  ผมด่าไอ้เอยกใหญ่หลังจากที่เมียคนแรกเดินจากไป

“ลืมบอกไปพี่ธันเป็นผู้ชายที่มีเมียเป็นผู้ชายวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“บอกช้าไปมั้ยฟาย เดี๋ยวเมียเค้าก็จะหาว่ากูมาขายตัวให้ผัวเค้าอีกหรอก เอาไงล่ะไอ้บลูไม่ช่วยซ่ะด้วย”

“เหลืออีกสองคนนะมึง ไอ้บลูก็เป็นแบบนี้แหละขี้หึง อีกสองคนเป็นมิตรกว่านี้ รอก่อนเดี๋ยวคงเดินผ่านมา”

“ที่เหลือก็ผู้ชายใช่มั้ย กูจะได้เตรียมใจ”

“เออ”




ผมจะโดนเมียพี่เค้ากระทืบตายมั้ยเนี่ย ถ้าแม่งเกิดคิดว่าผมจะมาขายตัวให้ผัวเค้าล่ะก็ ตาย ตาย จมตีนตาย ผมกับไอ้เอนั่งรอนานมากไม่มีทีท่าว่าจะเจอเมียทั้งสองคนที่เหลือของพี่ธัน เริ่มถอดใจวันนี้คงคว้าน้ำเหลวไม่มีความคืบหน้าใดๆ กลับบ้านไปพักเอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ดีกว่า



ขณะเรากำลังเดินผ่านลานต้นหูกวาง  “นั้นไงมึง เจอแล้ว”  ไอ้เอหยุดฉะงัก มองไปที่ผู้ชายสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่

“คนไหนวะ เมียคนที่สอง กูจะได้ทักถูกคน”

“ก็ทั้งสองคนนั้นหละ มันเป็นเพื่อนกัน” เชี่ย!เป็นคำตอบที่เชี่ยมาก มีอะไรที่เหี้ยไปมากกว่านี่อีกมั้ย เป็นเพื่อนกันมีผัวคนเดียวกันด้วย เกิดมาเพิ่งเคยเจอ ตะเภาแก้วตะเภาทองชัดๆถึงยอมมีผัวคนเดียวกันได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย

“อ่าว เอ มีไรป่าว” หนึ่งในสองทักไอ้เอ เมื่อผมกับเพื่อนนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ

“เนส เบล นี่เพื่อนกูชื่อซอ คือมันมีเรื่องให้มึงสองคนช่วยหน่อย”

“หวัดดีมึง” ผมแสยะยิ้มทักทายเพื่อนใหม่ที่ทำให้ผมช็อกกว่าตอนที่เจอไอ้บลู บ้าไปแล้วโลกใบนี้

“มีอะไรให้พวกกูช่วยว่ามา” ไอ้เบลถาม

“คือกูอยากเจอพี่ธัน ช่วยนัดให้หน่อยได้ป่ะ” ผมเริ่มตั้งสติและเริ่มถาม

“ช่วงนี้กูสองคนไม่ค่อยเจอพี่ธันวะ น่าจะอยู่กับไอ้บลูมั้ง ไม่ไปให้มันช่วยล่ะ”


นี่มันสามคนรู้จักกันด้วย WTF เมียสามคนเรียนที่เดียวกันแถมยังรู้จักกันอีก ยอม ยอมแพ้ ยกธงขาวเลยเรื่องนี้ พี่ธันเป็นคนประเภทไหนถึงควบคุมเมียทั้งสามให้อยู่ด้วยกันอย่างปองดองได้

 
“กูเจอมันแล้วแต่มันไม่ช่วยไง เลยมาหามึงสองคนนี่แหละ มึงพอจะช่วยไอ้ซอได้มั้ยวะ วันไหนก็ได้” ไอ้เอช่วยพูดอีกแรง

“งั้นเอาเบอร์มา ถ้ากูเจอพี่ธันกูจะโทรบอก” ไอ้เนสแบมือรอมือถือจากผม ค่อยน่าคุยหน่อยดูเป็นมิตรอย่างที่ไอ้เอบอก

“ขอบใจพวกมึงมาก” ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋าหลังจากที่ไอ้เนสกดเบอร์เสร็จ

“มึงอยากเจอพี่ธัน ทำไม” ไอ้เบลทำหน้าสงสัย

“กูจะขายประกันให้พี่เค้าเฉยๆ ไม่ต้องกลัวกูจะมาขายอย่างอื่น” ผมต้องอธิบายเพราะกลัวพวกมันเข้าใจผิด

“ประกันขายได้อยู่แล้ว แต่พี่ธันน่าจา…เออๆชั่งมันเถอะ”  ไอ้เบลเอียงตัวมองผมแปลกๆ










หลังจากเจอเมียพี่ธันที่มหาลัยได้เบอร์ไว้ติดต่อเพื่อรู้ความเคลื่อนไหวของพี่แกแล้วผมก็แยกย้ายกลับบ้าน บ้านที่เงียบเชียบผิดปกติกว่าทุกๆวัน



“ป๊าม๊า ไปไหนวะ” ผมถามพี่ชาย ที่กำลังเตรียมกีต้าร์ไปร้องเพลงที่ร้านประจำของมัน

“ไปสัมมนาที่กาญกลับวันอาทิตย์เย็นๆ” พี่ชายเงยหน้าขึ้นมาตอบ

“คนอื่นล่ะ ไปไหนกันหมด”

“เจ้ขิมพาอาม่าเข้านอน เฮียขลุ่ยไปดูหนังกับสาว”

“ไม่มีใครอยู่เลยหรอวะ เซ็ง!” ผมนั่งลงใกล้ๆไอ้ฉิ่ง

“ไปร้านกับกูมั้ย”

“กูอาบน้ำ10นาที รอแป๊ป”

ผมรีบวิ่งขึ้นห้องด้วยความเร็วจะได้ไปนั่งจิบเบียร์ฟรีจากร้านที่ไอ้ฉิ่งร้องเพลง ร้านนี้เป็นใหม่ที่มันเพิ่งย้ายมาร้องได้แค่เดือนเดียว ผมเองยังไม่เคยไปนั่งสักครั้ง เพราะร้านเดิมที่มันร้องอยู่ก่อนหน้าปิดกิจการลงไปแล้วหรือเรียกอีกอย่างคือเจ๊งนั้นแหละ แต่งตัวเสร็จภายใน10นาทีก็วิ่งกลับลงมาหาไอ้ฉิ่ง เพื่อเป็นสาระถีพาพี่ชายสุดหล่อไปเฉิดฉายบนเวทีให้สาวๆกรี๊ดเล่นเหมือนทุกๆคืน


“เดี๋ยวก่อนซอ มึง หันมาดิ” ไอ้ฉิ่งจับมือถือขึ้นมาส่องตรงหน้ามันกับผม แชะ! แชะ! แชะ!

“แม่ง…หล่อทุกรูปเลยวะซอ กูเลือกรูปลงไม่ถูกเลย”
 
“กู”

“เปล่า กู ฮ่าๆๆๆๆ”

“เชี่ย” หล่อครับไม่เถียง ไอ้ฉิ่งใช้นิ้วเลื่อยๆ ที่จอมือถือของมันอยู่สักพักใหญ่

“กูแท็ค ig ให้แล้วนะ”

“ไม่ต้องแท็คก็ได้ กูไม่ค่อยเข้าไปดูหรอก”

“มึงก็เข้าไปอัปบ่อยๆสิวะ ถ่ายรูปตัวเองลงบ้าง เอาไว้คุยกับสาวก็ยังดี เผลอๆมีแฟนจากigไม่รู้ตัว ไม่ใช่อัปแต่รูปส้นตีนอะไรก็ไม่รู้” ที่มึงว่ารูปส้นตีนนั้น มึงไม่ได้หมายถึงรูปพี่เจิดสุดรักของกูใช่มั้ย

“มึงก็รู้กูมีไม่ได้ ลองมากี่ครั้งแล้ว สุดท้ายไง สุดท้ายกูก็เจ็บ มึงเลิกเอาปมกูมาพูดสักทีได้ป่ะวะ”

“กูอยากให้มึงมีแฟน กูอยากให้มึงใช้ชีวิตปกติ แค่นั้น”

“เชี่ย! กูจะไม่ปกติก็ตอนที่มึงพูดนี่แหละหุบปากเลย ชีวิตกูแค่เกิดมาแล้วก็ตายไป กูทำใจได้ล่ะ” น้อยใจในชะตาชีวิตตัวเองชิบ

พี่ชายตีไหล่เบาๆ  “บางทีมึงอาจเจอคนที่รับมึงได้ ก็ได้นะ”

“ฉิ่ง มึงจะให้กูดูแลใครได้วะ ตัวกูเอง กูยังดูแลไม่ได้เลย”

“ถ้ามึงดูแลคนอื่นไม่ได้ มึงก็หาคนที่เขาดูแลมึงได้ดิ”

ผมจับพวงมาลัยหน้ามุ่ยไม่ซบอารมณ์พ่นลมหายใจเฮือกมหึมาใส่พี่ชาย  “ใครจะอุทิศตนขนาดนั้นวะ กูเกลียดไอ้โรคเชี่ยนี่ เมื่อไหร่จะหายสักทีวะ เกลียด เกลียด เกลียด”

“ลองกับกูก่อนได้นะ เผื่อมึงหายแล้ว” ไอ้ฉิ่งเสนอหน้ามาใกล้ผม

มือซ้ายยันหน้าพี่ชายทันที “ไอ้ฉิ่ง ไอ้เชี่ย กูขับรถอยู่ เดี๋ยวพ่องได้ตายคู่หรอก”




ทะเลาะกับพี่ชายมาในรถพักใหญ่เราก็มาถึงร้าน Twins อยู่แถวเรียบด่วนเกษตรนวมินทร์ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เป็นร้านนั่งชิลๆมีเวทีเล็กสำหรับวงดนตรี เพลงที่เปิดในร้านก็แนวอีซี่ลิตซึ่นนิ่ง เพลงฮิตเพลงฮ็อตตามยุคสมัยเพลงไหนกำลังอินกำลังมารับรองว่าได้ยินทุกเพลง พี่ชายผมก็ร้องเพลงประมานนี้จากที่เคยฟังมันร้องเมื่อหลายเดือนก่อน



“ซอ นี่เจ้าของร้าน พี่เชนพี่ชิน” คนหนึ่งมีเครา คนหนึ่งไม่มี
 
“สวัสดีครับ สวัสดีครับ” ว่าที่สจ๊วจอย่างผมมารยาทงามเสมอ

“นี่น้องชายผมครับพี่ ไอ้ซอ”

“เออๆหวัดดี อยากแดกอะไรก็สั่งเลยนะมึงใช้สิทธิ์ของพี่มึงไป” นี่แหละที่อดตาหลับขับตานอนมา เพื่อกินฟรีมีเพลงฟัง นั่งมองสาว ไอ้ฉิ่งให้ผมนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้าของร้านที่เป็นแฝดตามชื่อร้าน แล้วมันก็หายเข้าไปเตรียมตัว

“ทางนี่ๆอีแรดสามหน่อ” พี่ชินเรียกผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวโป๊ๆเสื้อคว้านลึกเกือบถึงสะดือ สะโพกพาย เดินตรงเด่วเข้ามายังโต๊ะที่ผมนั่งกับเจ้าของร้าน

พี่คนสวยเอามือวางที่ไหล่ผมพร้อมก้มหน้ามามอง “ผู้ชายอ่อนเยาว์ คนนี้ชานจอง”

“ทักเพื่อนก่อนมั้ยพลอย” พี่เชนยื่นแก้วให้

“หยุด อีพลอยปล่อยน้องเขาเป็นสุขบ้างเหอะมึง” พี่ชินชี้หน้าพี่ผู้หญิง

“มึงจองแล้วหรอ” พี่คนสวยถามพี่ชินแล้วนั่งลงยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากแบบสนิทสนมกับเจ้าของร้าน

“นี่ซอ น้องไอ้ฉิ่ง มึงเว้นสักคนนะ กูขอ ส่วนนี่อีพลอยเพื่อนพวกพี่เอง อยู่ไกลๆมันเป็นดี” พี่เชนแฝดอีกคนเตือนผม

 "หวัดดีครับพี่พลอย”

“อ่าว…น้องชายฉิ่งหรอ มีน้องน่ารักแบบนี้ไม่เคยบอกกันบ้างวะ”

“ทำไมวะ แดกไอ้ฉิ่งไม่ได้ จะแดกน้องมันงั้น” เหมือนพี่เขากำลังด่ากันอยู่ใช่มั้ย ปล่อยพี่เขาฝัดกันไป


เรื่องนี้ซอจะไม่ยุ่งเพราะหน้าเริ่มตึงต้องหาอะไรมาเบรกตัวเองก่อนจะเมา มือล้วงหาโทรศัพท์มาดูรูปที่ไอ้ฉิ่งแท็คมา รูปนี้คงเป็นรูปแรกในรอบปีที่มีหน้าผมโผล่มา โดยส่วนมาก ig ผมมีแต่ รูปนักเตะของลิเวอร์พูล




 
Ching_chingวันนี้มาร้องเพลงกับน้องชายสุดหล่อ มาเป็นกำลังใจด้วยนะครับ@Jikksor

Twinschinมีน้องน่ารักไม่บอกพี่@Ching_ching

SexyPloyน่ากินน่าอม

18899Umeนู๋จองนะพี่ฉิ่ง ว่าที่น้องสะไภ้ น่าร๊ากกกก

Cremmy9starพี่น่ารักน้องก็น่ารัก@Ching_ching

Bblittleอยากตีฉิ่งจัง

Mlovech7ขอ2ได้ป่าว

Ching_ching5555เดี๋ยวพี่จีบน้องผม@Twinshin



ผมเลื่อนอ่านคอมเม้นที่สาวๆแฟนคลับของไอ้ฉิ่งได้มาเม้นยาวจนมาสะดุจตาที่ข้อความข้อความหนึ่ง


December09น้องเอมึงละ@Twinschin

Twinschinคนนั้นอยู่ในใจ เส-มอ อิอิ@December09




ชื่อเอคงเป็นชื่อที่โหลมั้ง พ่อแม่คิดชื่อลูกแบบไม่คีเอท ชื่อแรกๆที่จะตั้งก็ เอ บี ซี หนึ่ง สอง สาม โลกคงไม่แคบพอที่จะทำให้ไอ้เอเพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมมี มารู้จักกับแฝดอย่างพี่ชินเป็นแน่ ถ้าเป็นแบบนั้นโลกแคบเกินกว่าที่ผมคิดอีกนะ


เวลาที่ไอ้ฉิ่งขึ้นร้องเพลงบนเวทีก็มาถึง ผมยัดมือถือเก็บลงกระเป๋า ไอ้ฉิ่งก็เดินออกมาหน้าเวทีนั่งที่เก้าอี้ตัวสูง มีไมค์หนึ่งตัวตั้งข้างหน้ากับกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าคู่ใจ ทำให้สาวๆในร้านพากันกรูไปนั่งจ้องหน้าจ้องไข่ไอ้ฉิ่งแบบติดขอบเวที ถ้าขึ้นไปนั่งบนนั้นได้พวกเธอๆคงทำไปแล้ว ก็บ้านผมหน้าตาดีกันทั้งบ้านช่วยไม่ได้ ป๊าม๊าให้มา



พี่ฉิ่ง น่ารัก ว๊ายยยยย พี่ฉิ่ง กรี๊ดดดด จับมือหน่อยพี่ฉิ่ง รักพี่ฉิ่งค่า


“เพลงแรกผมขอมอบให้น้องชายของผมที่นั่งอยู่ทางโน้น” ไอ้ฉิ่งชี้นิ้วมาทางผมที่นั่งสุมหัวอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ของมัน






รอคนจะมาคนจะมามองตา รอใครจะมาใครจะมาดูแล
รอไปนานๆฉันก็ชักท้อแท้ หวังไว้แค่นี้แค่ได้พบเจ้าชาย
พอมีเธอมามีเธอมาวนเวียน เธอยังเนียนๆเธอยังเนียนๆกันไป
ตามองกันไปมองกันมาทีไร จะทำยังไงถ้าในใจสปาร์ค






นี่ผมไม่ได้มาฟังไอ้ฉิ่งร้องเพลงแค่เดือนเดียวมันเปลี่ยนแนวเพลงไปขนาดเลยหรอ มาดผู้ชายอบอุ่นๆ เท่ห์ๆ แมนๆ หายไปไหนหมด เปลี่ยนแนวมาเป็นมุ้งมิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่มิทราบ โอลิฟส์ก็มา




หวิวๆ เหมือนฉันบ้างไหมเธอ ทุกครั้งที่ได้เจอ อยากมีความรัก




อร๊ายยยย ฉิ่ง กรี๊ดดดดดด หิ๊ววววว ฉิ่ง ยิ่งทำให้สาวๆกรี๊ดไปกันใหญ่มือมันละมือจากสายกีตาร์แล้วทำมือ เป็นสัญญาลักษณ์ ไอ เลิฟ ยู สาวๆก็ยื่นมือไปแย่งกันกันจับมือไอ้ฉิ่งเหมือนเปรตขอส่วนบุญ



แต่มาคิดๆตามเนื้อเพลงนี้มันชั่งตรงกับผมทุกประการ แฟนไม่มี ไม่ใช่สิ ต้องใช้คำว่ามีแฟนไม่ได้ต่างหาก  ซึ่งผมเป็นคนเดียวที่โหยหาความรัก โหยหาคนรู้ใจ โหยหาคนที่ยอมรับผมได้ โหยหาคนที่พร้อมจะดูแลซึ่งกันและกัน แต่มันก็เกินจะฝืนเพราะไอ้โรคบ้าๆที่ติดตัวมาแต่ชาติบางก่อน



แฟนคนแรกของผม เมื่อตอน ม.ต้น เธอชื่อวิวรักมากไปไหนมาไหนติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋ จนมาวันหนึ่งวิวเซอร์ไพร์สผมด้วยการให้สิ่งที่ผมกลัวเป็นของขวัญวันเกิดกลางห้องเรียนคณิตผมจำไม่เคยลืม และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเลิกกับวิวไปในที่สุด




“ซอ วิวมีของขวัญจะให้”

“ไรอ่ะ”

“หลับตาก่อนสิ”

“ต้องหลับตาด้วยหรอ”

“ช่าย ต้องหลับ”

“อ่ะ อ่ะ หลับก็หลับ”

“ว๊ายยยยยยยยย ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยซอด้วย”   







เสียงเพลงยังคงดังต่อ เห็นสาวๆก็กรี๊ดดัง ผมนี่เจ็บคอแทน





ก็โสดๆอยู่ทางนี้ ยังโสดๆอยากเอาความรักมาโหลดๆ
เธอใช่ไหมที่ฟ้ามาโปรดฟ้ามาโปรด ยังโสดๆอยู่ทางโน้นก็โสดๆ
ถ้าเธอพร้อมก็โดดๆ เข้ามารักกันฉันไม่โหดฉันไม่โหด   
น้องใจดีถ้าพี่ไม่เจ้าชู้ พี่ดูๆแล้วท่าทางโอเค
น้องยินดีถ้าพี่ไม่โลเล พี่เกเรน้องก็คงเซย์โน






ผมเริ่มยกแก้วชนกับพี่ๆที่โต๊ะอีกรอบ และฟังไอ้ฉิ่งร้องเพลงต่ออีกหลายชั่วโมง ลุลา ปาล์มมี่ แพรว คณิตกุล ดาเอ็นโดฟิน มาหมด ไอ้ฉิ่งมันร้องเพลงตามกระแสหรือร้องเพลงแค่เอาใจสาวๆแฟนคลับที่ตามมันทุกวันกันแน่ พี่เชนกับพี่ชินเจ้าของร้านไม่ว่าอะไรมันเลยใช่มั้ยที่เพลงแอ๊ปแบ๊ว หวานจ๋อยขนาดนี้ หวังว่าร้านTwinsจะไม่ปิดกิจการลงเร็วๆนี้นะ





เที่ยงคืนไอ้ฉิ่งร้องเพลงเสร็จก็ลงมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกผม  ตอนแรกมันกะจะให้ผมมาขับรถให้ แต่พอเห็นผมสีหน้าตึงมันก็ได้แต่กระดกแก้วแป๊ปซี่แทนแก้วเหล้า



“ฉิ่ง พี่ขอน้องซอได้ป่ะ” พี่พลอยสาวสวยถามพี่ชาย

“จีบเอาดิพี่ ไม่หวงเลย” นอกจากจะช่วยโฆษณาผ่านเพลงให้ผมแล้ว มันยังยกผมให้คนอื่นง่ายๆอีก หวงกูหน่อยช่วยดูแลกูด้วยพี่ชาย

พี่พลอยใช้แขนโอบไหล่ผมไว้ แล้วโน้มตัวทำปากจู๋  “จูบมัดจำไว้ก่อนล่ะกัน”

“เฮ้ยยยยยยย พี่” ผมผละตัวออกด้วยความตกใจ

“พอเลยพี่พลอย จีบวันหลังนะ ดึกละกลับบ้านก่อนไอ้ซอมีเรียนเช้า” มึงช่วยกูช้าไปมั้ยไอ้พี่เหี้ย

“เค งั้นกลับดีดี เจอกันพรุ่งนี้ กูไม่ส่ง” เสียงพี่เจ้าของร้านบอกลาพี่ชายกับผม วันนี้กลับบ้านอย่างปลอดภัยครับ โล่งอก

















หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่2 ทริปเปิ้ลเมีย up31/1
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-02-2017 00:58:08
 :L2: :pig4:

มาลุ้นกัน
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่2 ทริปเปิ้ลเมีย up31/1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-02-2017 06:37:34
ซาหนุกจริงๆ ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แค่ชื่อเรื่องก็รู้ละ ทริปเปิ้ลเมีย ตามเป็นสาวกเลย
เอ่อ.....พี่ธันนี่ โคตรหื่น เมียสามบอกโต้งๆ  :pighaun: :haun4: :jul1:
แต่บลูนี่หึงมากกกก
สองเพื่อนเมีนพี่ธัน โดยเฉพาะเบล
ก็เซนส์แรง รู้ว่าซอเนี่ย สเป็คพี่ธันชัดๆ
ซอ ไม่พลาดเงื้อมมือพี่ธัน แน่
เอ เพื่อนซอ เป็นน้องเอ ของพี่แฝดชิน สินะ
ใกล้ตัวซอจริงๆด้วย
โรคประหลาดเป็นยังไงนะ
โดนจูบแล้วสลบ หลับทันทีใช่มั้ย
พี่ธัน มาและ December09 ใช่แน่ๆ
อยากอ่านต่ออีกแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่2 ทริปเปิ้ลเมีย up31/1
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 01-02-2017 08:04:56
    เพิ่งอ่านสนุกมากๆคับ โฟร์จะเป็นพระเอกหรือว่าจะเอาพี่ธันจากทริปเปิ้ลเมีย
  รอออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่2 ทริปเปิ้ลเมีย up31/1
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 01-02-2017 15:56:45
    เพิ่งอ่านสนุกมากๆคับ โฟร์จะเป็นพระเอกหรือว่าจะเอาพี่ธันจากทริปเปิ้ลเมีย
  รอออ่านตอนต่อไปคับ
ลงให้ค่ะ ยาวๆไป
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่3 ผ่าดงเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 01-02-2017 22:36:17
ตอนที่3 ผ่าดงเสือ





สอง-สามวันผ่านไปผมยังรอสายจากไอ้เนสกับไอ้เบล คู่เมียตะเภาแก้วตะเภาทองของพี่ธันโทรมาบอกข่าวดีแต่ก็ไร้วี่แวว 


มีหลายครั้งที่เดินสวนกันบ้างในมหาลัย ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันแค่นั้น  ผิดกับไอ้บลูมองเหยียดผมแบบไม่ไยดี  หยิ่งชิบหาย เชิดหน้าชูคอตั้งเป็นหงส์ เดาได้เลยว่าไอ้บลูคือฮองเฮา ไอ้เนสกับไอ้เบลคือสนมฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา นี่ก็หลายวันแล้วยังไม่ถูกเรียกเข้าเฝ้าฮ้องเต้สักวัน ถึงสนมสองคนนั้นจะเป็นเพียงความหวังอันน้อยนิดและริบหรี่ของผม แต่ผมก็ยังหวังพึ่งมันเป็นสะพานไปเจอพี่ธันให้ได้  อย่างน้อยนั้นก็เป็นอีกทางที่บัตรลิเวอร์พลูจะมาอยู่ในมือผมเร็วขึ้น
 

ครั้งที่ลิเวอร์พลูมาไทย ผมก็เบียดเสียดแย่งกับคนนับหมื่นเพื่อเข้าไปถ่ายรูปพี่เจิดให้ใกล้ที่สุด เห็นนะ แต่เห็นพี่เจิดตัวเท่ามดซึ้งจนน้ำตาไหลพรากๆ ชาตินี้จึงสัญญากับตัวเองไว้แล้วต้องไปเหยียบแอนด์ฟิลด์ให้ได้ เพราะฉะนั้นเบี้ยประกันแค่ 3,000,000บาทในมือตอนนี้จิ๊บๆ จิ๊บเตี่ยมึงซิไอ้ซอ

 


ผมนั่งจับประกันเล่มหนาอยู่ที่มุมมืดของห้องเรียน พลิกไปมาด้วยหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับผมในไม่ช้า  หลังจากที่สวรรค์กลั่นแกล้งผมด้วยการประทานโรคประหลาดติดตัวผมมาเป็นปมในชีวิต 


โชคร้ายมา18ฝน18หนาวพอดี มันจะต้องมีเรื่องดีๆผ่านมาบ้างแหละเนาะให้กำลังตัวเองในทุกๆวัน  ห้องเรียนวันนี้เงียบเป็นพิเศษเพราะงดการสอนครึ่งวัน ใต้ตึกมีกิจกรรมของคณะการท่องเที่ยวและการจัดการโรงแรมเพื่อนๆเลยลงไปช่วยกิจกรรมด้านล้างกันหมด




ตุ๊บ ตั๊บ  ตุ๊บ ตับ ตุ๊บ ตั๊บ …….เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งตรงมาทางนี่



ปั้งงงงงงงงงงงง!!!



“มีข่าวดี” ฮือ ฮ๊า ฮือ ฮ๊า ไอ้เอก้มจับเข่าเสียงเหนื่อยหอบดังออกทางปาก

“ข่าวดีคือ”

“พี่กูกลับมาจากเชียงใหม่แล้วซอ นัดพี่ธันให้มึงได้ล่ะนะ คืนนี้เลย” ไอ้เอค่อยๆลากสาระร่างมานั่งลงข้างผม

“จริงดิ”

“จริงสัส”

“ที่ไหนว่ะ”

“Twins”

“คุ้นๆเหมือนเคยเห็น”

“แถวบ้านมึงไงห่า”

“เฮ๊ยยย…!...ร้านที่ไอ้ฉิ่งร้านเพลงนี่หว่า กูเพิ่งไปมา”

“แต่กูไม่ค่อยอยากไปร้านนี้เลยวะ” หน้ามุ้ยลงทันที

“เป็นเชี่ยไร กับแกล้มอร่อยจะตาย”

“ก็แม่ง! เจ้าของร้านตอดกูชิบหาย แดกได้ แดกกูแล้ว ไม่รู้จะเอาตูดรอดไปถึงเมื่อไหร่”

“นี่ป่ะ” ผมเปิด ig ที่ไอ้ฉิ่งแท็ครูปมาหลายวันก่อนให้ไอ้เอดู




December09น้องเอมึงละ@Twinschin

Twinschinคนนั้นอยู่ในใจ เส-มอ อิอิ@December09




“เชี่ย!!ขนลุกเลย ว่าแต่มึงรู้จักพี่เขาหรอวะ” ไอ้เอทำตาโตเมื่อเห็นข้อความในig

“กูพาไอ้ฉิ่งไปร้องเพลงที่ร้านเลยรู้จัก เห็นเขาแซวใน ig ไม่คิดว่าเป็นมึง โลกของigแคบสัส แล้วมึงรู้จักพวกพี่ได้ไง”
 
“เพื่อนพี่กูไงห่าแก๊งเดียวกับพี่ธัน เพื่อนสนิทเลยมึง กูถึงไม่ค่อยไปเที่ยวกับไอ้กัส ก็เพราะพี่ชินนี่แหละทั้งตอมทั้งตอด”

“งั้น December09 ก็คือพี่ธันสิ ใช่ม๊ะ”

“เอ่อ นี่แหละพี่ธัน”

“โลกกลม พรหมลิขิตเหี้ย แม่งคนใกล้ตัวทั้งนั้น แบบนี้ บัตรลิเวอร์กูก็ง่ายแค่เอื้อมแล้วไอ้เอ”



เพี๊ยะ! กิฟมีไฟว์สองเพื่อนซี้





นัดแนะกันเสร็จสรรพได้เวลาหาของเข้าปาก เพราะเสียง คร๊อก คร๊อก เตือนว่าถึงเวลากินข้าว  ร้านสุกี้ป้าเก๋ที่โรงร้อนคือเป้าหมายให้พวกผมฝากท้องสำหรับอาหารเที่ยงที่กินตอนบ่าย3โมง 


ลงจากตึกการบินผ่านโรงเย็น เดินข้ามลานหูกวาง ลอดใต้ตึก5 จะถึงทางเข้าโรงร้อนอยู่แล้วเชียวอีก3ก้าวครึ่งเอง เสียงเปรตร่างสูงโหยหวนมาจากวิศวะกลุ่มใหญ่ทะลุเข้าแก้วหู




“ซอรอกูด้วย!!!!!!!!” ไอ้โฟร์ลุกออกจากกลุ่มเพื่อนมัน

“เด็กการบินน่ารัก ปึ้ง!ปึ้ง! รักเด็กการบิน ปึ้ง! ปึ้ง!”

"ใครอยากเด็ดปีกนางฟ้าว่ะ หิ้วววววววว"

"เห่าเครื่องบินเร็วพวกมึง โห่งๆๆ"

"อยากขึ้นที่สูงๆ มันจะได้เสียวๆ หู๊ยยยย "




เสียงขวดน้ำพลาสติดกระทบกันให้จังหวะในการส่งเสียง หอนได้ทุกวัน แซวแม่งทุกเพศ ลิง ค้าง บ่าง ชะนี กูปรี แก้ง กวาง มันก็เห่า



“กูบอกให้เดินอ้อมมา เป็นไงหมาเห่าอีกล่ะ” หันกลับไปด่าเพื่อนที่ทำหน้าหงอย

“ก็มันไกลอ่ะ ขี้เกียจเดินอ้อม”

“กินข้าวกันหรอ กินด้วยนะ เลี้ยงเอง” มันยืนสะพายกระเป๋ากับเสื้อช็อปผาดบ่า ไอ้เก๊กฮวยเอ๊ย!

“อวดรวย กูซื้อแดกเองได้” ผมเดินจ้ำอ้าวตรงไปที่ร้านป้าเก๋

มันก็เดินตามมาติดๆ  “ป่าวอวด รวยจริง  เมื่อก่อนก็กินด้วยกันทุกวันไม่เห็นเคยด่าเลยวะ”  กูไม่รู้มึงคิดไม่ซื่อกับกูไงเชี่ย

“ซอรี่ ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้วโว้ย”  ผมเบือนหน้าหนีมัน ส่วนไอ้เอไม่ฟังผมกับไอ้โฟร์กัดกัน มันต่อแถวสั่งสุกี้เรียบร้อย


ผมวางกระเป๋านั่งจองโต๊ะรอสุกี้กับไอ้เอ ส่วนไอ้ชายสี่วางแก้วใสพันด้วยทิชชูสีสวยกับหลอดสีชมพูไว้ตรงหน้าผม


“อ่ะ โค้กของมึง”

“กูไม่ชอบโค้ก”

“มึงชอบ กูจำได้”

“วันนี้กูจะกินน้ำเปล่า”

“อ่ะ น้ำเปล่า”
 
“งั้น โค้กกูแดกเอง” ไอ้เอวางถาดใส่ถ้วยสุกี้ลงแล้วคว้าแก้วน้ำนั้น อึก! อึก! ไอ้เห็นแก่กิน

“ไม่หาไรแดกหรอโฟร์” ไม่ใช่ผมถามมันแน่นอน

“ไม่อ่ะ แค่มองก็อิ่ม”

“เชี่ยโฟร์มึงจะหอนอีกนานมั๊ย ถ้ายังไม่หยุดก็ไปไกลๆตีน กูยัดไม่ลง”

“มึงเหมาะกันชิบหาย ฮ่าฮ่า”




หลายปีก่อน ผม ไอ้เอ ไอ้โฟร์ เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน กินนอน เชียร์บอลทีมเดียวกันมาตลอด สนิทมากจนถึงขั้นกรีดเลือดกรีดเนื้อสาบานเป็นเพื่อนร่วมสำนักหงส์แดง


พอมาวันหนึ่งไอ้โฟร์ดันจะเอาผมทำเมีย ทางสำนักหงส์แดงเลยขับไล่ไอ้โฟร์ออกทันที ผมกับมันกลายเป็นศัตรูอย่างถาวรหันมาฟาดฟันเชือดเฉือนต่อสู้กันด้วยวาทะและกำลังภายในเรื่อยมา




“เย็นนี้ว่างกันป่ะ” ไอ้โฟร์ถาม หลังจากมันนั่งมองผมกินสุกี้อยู่นาน

“มีไร” ไม่ใช่ผมถามนะ

“แดกเหล้ากัน”

“ไอ้ซอมีงานตอนเย็นวะ”

“มึงจะบอกมันหาพระแสงคอง้าวอะไร สัสเอ”

“กูไปด้วย”

“เสือก”

“งานพี่มึงอีกอ่ะเด๊..กูซื้อได้นะ”

“รวย!!เหี้ยๆ”

“กูซื้อได้จริงๆ”

“ซอรี่ กูไม่ขายให้มึง”

“เดี๋ยวมึงก็ขายให้กู”

“ไปตายให้หนอนแดกป่ะโฟร์”

“มึงสองตัวเลิกกัดกันได้แล้ว เพื่อนสำนักเดียวกันเลิกๆ”

“เพื่อนหรอเอ เพื่อนเหี้ยแบบนี้กูเลิกคบ”

“งั้น…ก็…แยก กูปวดหู” ผลก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งไปเวลาอยู่ใกล้มัน




เจอไอ้ชายสี่ทีไรมีแต่สร้างแต่ความรำคาญชอบทำให้รู้สึกปวดตีนเหมือนมีตาปลาเดินไปไหนมาไหนก็ติดขัด คืนนี้ในสมองไม่ควรคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องประกัน3ล้านที่ต้องเสนอขายให้ได้ อย่าเก็บเอาไอ้โฟร์มาเป็นอารมณ์


รถจอดไว้ที่ประตูหน้าบ้านแล้วเดินเข้ามาข้างในห้องรับแขก อาม่าทาแป้งเด็กหน้าขาวโพลนนั่งกินเต้าทึงน้ำขิงดูนาคีย้อนหลัง ข้างๆเป็นไอ้ขลุ่ยสวมบทเป็นคุณทศพลแทนผมไปพลางๆ เจ้ขิมนอนคุยโทรศัพท์ที่โซฟาตัวยาว





“ขลุ่ย ไอ้ฉิ่งอยู่ไหน” ผมหย่อนก้นลงนั่งติดกับพี่ชาย

“อาบน้ำอยู่ มีไรถึงถามหามัน” ไอ้ขลุ่ยหยุดนวดแขนให้อาม่าแล้วหันมาคุยกับผม

“จะไปร้านกับมัน ลูกค้าอยู่นั้นพอดี”

“งานเจ้ขิม?”

“อืม”

“แล้วช่วงนี้ม๊าไม่พามึงไปรักษาหรอเห็นเงียบๆไป”

“อย่าพูดดิ…ครั้งก่อนม๊าต้มยาจีนผสม งูเง่า ตะขาบ ตุ๊กแก ไส้เดือนให้กิน มารู้ทีหลังอวกพุ่งเลยเชี่ย สยองสุดๆ” ทำท่าขนลุกขนชันให้พี่ชายดู

“ผลคือ”

“เหมือนเดิม บอกแล้วมันไม่หายหรอก ยังดันทุรังพาไปรักษาอยู่ได้ มีแต่พิธีกรรมพิศดาลทั้งนั้น”

“ม๊าห่วงมึงมากนะซอ เขาถึงหาวิธีรักษามึงทุกทาง อย่าว่าม๊าเลยวะ ทำๆตามแกไป” ไอ้ขลุ่ยยื่นแขนมากอดคอผม

“เออๆ”




บางครั้งผมก็เหมือนตัวตลกของบ้านที่คอยเป็นหนูทดลองให้คนในครอบครัวหาวิธีรักษามาทดลองกับตัวผม เพื่อให้โรคบ้าๆนี่หายขาดสักที


เงินทองเสียไปเท่าไหร่ไม่รู้แต่ทุกคนก็ไม่เคยเสียดายขอแค่ได้รักษาก่อน วิธีไหนดีวิธีไหนดังลองมาหมดแล้ว ทั้งวิทยาศาสตร์ทั้งไสยศาสตร์ ผมเคยมาแล้วทั้งนั้น เอาเป็นว่าเสียตังค์ทิ้งเฉยๆ


กฎเหล็กของบ้านคือห้ามปล่อยผมไปไหนตอนกลางคืนคนเดียวตามลำพัง ถ้าจะออกจากบ้านต้องมีคนติดตามเป็นองครักษ์ประจำตัวจนรู้สึกว่าเป็นคนแปลกที่พิเศษมาก


อาบน้ำเรียบร้อยก็หยิบเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำรองเท้าผ้าใบ กับกระเป๋าสะพายหนึ่งใบที่มีเอกสารบริษัท IIIA ลงมานั่งรอไอ้ฉิ่งที่ข้างล่าง เพราะมันต้องแต่งหล่อก่อนออกจากบ้านทุกคืน ใช้รูปร่างหน้าตาที่สวรรค์ให้คุ้มค่าจริงๆ ผิดกับผมที่ไม่สามารถใช้อะไรได้เลยจากร่างกายที่ผิดปกตินี่


 
“แต่งตัวจะไปไหนวะ”

“ไปกับมึงไง”




ตอบพี่ชายแล้วผมก็รีบไปนั่งที่คนขับ สตาร์ทรถขับตรงดิ่งมุ่งหน้าไปยังร้าน Twins ฟังจากที่ไอ้เอเล่า พี่ธัน เจ้าชู้เงียบ พร้อมเปย์ ดุ บ้างาน แต่ใจดี


ผมเตรียมคำพูดที่แสดงออกถึงความเคารพนอบน้อมและสุภาพ บวกกับการซ้อมกับกระจกอยู่หลายรอบเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาลูกค้าที่ผมเคยเสนอขายงานช่วยเจ้ขิมก็ป้าๆในหมู่บ้านเท่านั้น ไม่เคยเจอผู้บริหารตำแหน่งใหญ่โตขนาดนี้




ณ Twins เรียบด่วนเกษตร พี่ชินพี่เชนเจ้าของร้านนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ไอ้เอกับพี่ชายของมันนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ




“อ่าวไอ้ซอ ไม่เจอนานเลยนะมึง นั่งนี่ดิ” พี่ชายไอ้เอกวักมือเรียกผม

“หวัดดีครับพี่ๆ”

“ฝากไอ้ซอด้วยนะพี่ ผมเข้าหลังร้านก่อน” ไอ้ฉิ่งฝากฝังผมไว้กับเพื่อนรุ่นพี่แล้วเดินหายหัวเข้าไปในร้าน

“ให้กูนัดไอ้ธัน ทำไมวะซอ”

ผมยิ้มหน้าสลอน  “แหะๆ ผมจะขายประกันอ่ะพี่กัส ไอ้เอบอกพี่ธันรวย ประกัน3ล้านเขาซื้อได้ใช่ป่ะพี่”

“หืมมมมม 3ล้าน เลยเร๊าะ! กูไม่แน่ใจวะซอ แพงอยู่หน่า” พี่กัสเกือบสำลัก

“ขอแค่เจออ่ะพี่กัส ที่เหลือผมขายเอง”

พี่กัสยกไหล่ขึ้นเบาๆ “แล้วแต่มึงเลยซอ”

“ว่าแต่พี่ธันจะมากับเมียคนไหนวะเอ” ผมกระซิบกระซาบข้างหูเพื่อน

“แม่ง ใครจะรู้วะเมียเยอะแบบนั้น อาจเป็นไอ้เนสหรือไม่ก็ไอ้เบลก็ได้น่า คิดมาก ยก ยก แดกก่อน”

“แล้วไหนมึงบอกว่าพี่ชินตอมมึงไง กูเห็นเขานิ่งจะตายมึงคิดไปเองป่ะเอ” มันมองบนหนึ่งที เบ้ปากใส่ด้วย

“มึงคอยดู ตอนนี้เขายุ่งทำบันชีอยู่ เดี๋ยวมึงก็เห็น”

“พวกมึงกำลังนิทาเพื่อนกูอยู่ป่าววะ” พี่กัสถาม

“ป๊าววว พี่”





จากนั้นสายตาผมก็คอยชะเง้อมองที่หน้าร้านตลอดเวลา เพื่อรอการปรากฏตัวของพี่ธัน ประมาณ2ทุ่มเห็นจะได้


ผู้ชายร่างสูงใหญ่หล่อเนียบด้วยผมทรงเวทลุคเป๋ข้าง ใส่กางเกงเดฟสแล็คห้าส่วนสีดำ รองเท้าหนังกลับสีน้ำตาล เสื้อเชิตแขนยาวพับแขนเสื้อขึ้นดูแมทกัน กระดุมเสื้อเม็ดบนสุดถูกปลดออก จนทำให้เห็นสร้อยเงินเส้นเล็กที่มีจี้ไม้กางเขนเล่นแสงกับไฟในร้านวิบวับเข้าตา มือหนึ่งเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเป็นภาพสโลโมชั่นเข้ามาในร้าน


ทุกคนต่างจับจ้องไม่ละสายตาท่าทีที่สง่าอกผายหลังตรงโคตรเท่ห์เหมือนพี่เนมสุดๆ อีกคนที่เดินตามหลังมาคือฮองเฮาบลู ทำไมไม่ใช่ตะเภาแก้วตะเภาทองของผมนะ



“พี่ธันมานั้นแล้ว ทำเชี่ยอะไรของมึง” ไอ้เอกระตุกแขน

ผมลืมตาขึ้น “กูกำลังอันเชิญดวงวิญญาณเจ้ขิมสิงร่างกูอยู่”

“ห่า เตรียมตัวเลยมึง พี่เขามาแล้ว”




พอพี่ธันมาถึงพี่แฝดออกจากเคาน์เตอร์มานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราทันที




“ไอ้ซอ นี่ไงพี่ธันที่มึงอยากเจอ ส่วนนี่บลูแฟนพี่ธัน” พี่กัสแนะนำ

“สวัสดีครับพี่ธัน ผมชื่อ กนิกนันท์ หลิว เป็นตัวแทน ขะ…ขาย….”

โป๊ก!!!!!พี่กัสเขกหัวผมทำไมอ่ะ แนะนำตัวยังไม่เสร็จเลยพี่

“ธรรมดาพอสัส ไอ้นี่มันชื่อซอเป็นเพื่อนกับไอ้เอ แล้วก็เป็นน้องของไอ้ฉิ่งลูกน้องมึงอ่ะ ธัน”

ห๊ะ!อะไรนะเป็นเจ้านายของไอ้ฉิ่งด้วย คือทุกคนรู้จักกันหมด ยกเว้นผมหรอ

“คือผมมีแคมเปญใหม่ …..ของ lIIA…..” ผมยังไม่ได้เอ่ยปากสักแอ๊ะ พี่แกก็เล่นปิดการขายผมทันทีทันใด

“มีอะไรติดต่อเลขาพี่ก่อน นัดวันมา วันนี้ไม่ว่างคุย” ให้ไปหาเลขาอีก ใครละ ผมจะตรัสรู้ได้เยี่ยงใด ใครคือเลขาพี่ครับ

“เลขาพี่คนไหนครับ ผมไม่รู้จัก”


ปึ๊ก!!!! อีกหนึ่งหมัดจากพี่ชินลงที่กลางหัว


“ก็อีพลอยอีแรดป่าเพื่อนกูที่เจอครั้งโน่นไงห่า”

“อ่าว ผมไม่รู้นิ”

“หน่อโผล่มานั้นล่ะ ตายยากนะมึง”

“น้องซอมาหาพี่หรอ” มือจับที่ไหล่อีกแล้วนะ

“ป่าวครับ" แล้วพี่ธันก็ดึงตัวพี่พลอยไปกระซิบข้างหู 

“อ่ะ นี่นามบัตรคุณธัน พรุ่งนี้ค่อยไปหาที่บริษัทนะ วันนี้คุณธันมาเที่ยวไม่สะดวกคุย ไปช่วงเช้านะคุณธันว่าง”

"ขอบคุณครับพี่พลอย"

ตอนที่พี่พลอยเอานามบัตรให้ผมนั้น ผมสังเกตเห็นฮองเฮาบลูเริ่มมองผมแรงขึ้น แรงขึ้น






คืนนี้มีโอกาสได้ร่วมโต๊ะกับพวกพี่ๆทำให้ผมรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพวกแกมากขึ้น พี่กัส พี่ชิน พี่เชน กำลังถ่ายทำหนังสั้นอยู่ที่เชียงใหม่ พี่พลอยสาวสวยสุดเซ็กซี่คือคู่กัดของพี่ชิน และพ่วงอีกหนึ่งตำแหน่งคือเลขาของพี่ธัน พวกพี่แกก็เล่าเรื่องถ่ายหนังไปหัวเราะกันไปตามประสาเพื่อนฝูง ช่วยกันชงช่วยกันตบมุกให้อีกฝ่ายขำจนท้องเกร็งไปหมด พี่ธันบุคลิกขรึมๆ เวลาเฮฮาก็สุดเหยียดอยู่เหมือนกัน  มิน่าล่ะเท่ห์แบบนี้นี่เองคู่เพื่อนซี้ เนสเบล ถึงยอมมีสามีคนเดียวกันได้ ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงเสียดายงานพรีเมี่ยมแบบพี่ธันแน่ พันธุ์ดีขนาดนี้เหมาะแกการเอาน้ำเชื้อไปขยายพันธุ์เป็นที่สุด



“น้องเอครับ เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกับพี่ครับ” มือพี่ชินคว้าหมับที่มือไอ้เอ

ไอ้เอชักมือหนีเร็วทันขวัน “เลิกตอมผมได้แล้วพี่ชิน ผมชอบผู้หญิง”

“เลิกไม่ได้หรอก ชอบไปแล้ว”

“ไอ้กัสช่วยกูด้วย”

“ตัวใครตัวมันดิ เกี่ยวไรว่ะ” พี่ชายดี๊ดี

“น้องเอกูยกให้มึงนะชิน ซอฟใสอย่างกูขอน้องซอท่าทางจะเข้ากันได้ดี”

พี่พลอยทำท่าลูบปากจะงาบผม พอกันเลยเพื่อนกลุ่มนี้ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายหื่นพอกัน ดงเสือชัดๆ

“ซอฟใสเชี่ยไรอีพลอย มึงไม่ใช่น้ำเปล่า มึงอ่ะเหล้าขาว40ดีกรี นี่แหละ”

“สัส เปรียบซ่ะหมดราคาเลย”

“มึงคิดว่าจะแดกน้องซอได้หรออีพลอย กูบอกเลยยาก จริงมั้ยธัน” ทำไมต้องพูดแบบนี้วะพี่

ไอ้บลูลุกพรวดพราด “พี่ธัน! บลูขอไปนั่งดูพี่ฉิ่งทางโน่นนะ เหม็นขี้หน้าคน”


ไอ้บลูมันหมายถึงใครทำไมมองมาที่ผม ผมเกี่ยวอะไร ก็บอกไปแล้วมาขายประกันไม่ได้มาขายอย่างว่า หวงออกหน้าออกตาเกิน ไม่รู้จะหวงทำเผือกอะไร ผมยังไม่ได้คุยกับพี่ธันสักคำมีอะไรที่ต้องหึงผม


“เดี๋ยวบลู” พี่ธันคว้าแขนเมียรักไว้ในอ้อมกอดแล้วจูบโชว์ต่อหน้าเพื่อนๆในกลุ่ม อื้อหือ…ต่อหน้าเพื่อนขนาดนี้ อยู่สองต่อสองจะขนาดไหนวะพี่





เวลาล่วงเลยถึงเที่ยงคืน วันนี้ไอ้ฉิ่งไม่โฆษณาผมให้สาวๆเหมือนวันนั้น เพราะมัวแต่เอ็นเตอร์เทนสาวน้อยสาวใหญ่แฟนคลับของมันอยู่หน้าเวที



ฉิ่งขา-------
กรี๊ดดดดดดดดดด พี่ฉิ่ง
พี่ฉิ่งน่ารักมากค่า…..
สามีจ๋า รักพี่ฉิ่ง ม๊ากกกกกกกก
กรี๊ดดดดดดด วร๊ายยยยยยย



“ใครเกิดวันนี้ครับ ยกมือเลย ก้าวออกมาข้างหน้า ผมมีอะไรจะให้”

“นู๋ค่า นู๋เกิดวันนี้ วันเกิดนู๋เองพี่ฉิ่ง” ผู้หญิงคนหนึ่งชูบัตรประชาชนขึ้นสุดแขน ทำเอาสาวๆบริเวณนั้น แสดงอาการอิจฉาตาร้อนเป็นแทบๆ

“เชิญด้านหน้าเลยครับน้อง” คนร่างเล็กเดินมาหยุดที่ตรงหน้าไอ้ฉิ่ง

“พี่ฉิ่งจะให้อะไรนู๋ค่า” บิดตัวเป็นเกลียวแล้วครับคุณ

“พร้อมน๊า” พี่ชายผมค่อยๆโน้มตัวหอมแก้มผู้หญิงคนนั้นจมูกชนแก้มนิดหน่อย สาวร่างเล็กถึงกลับยืนตัวแข็งหาโต๊ะแทบไม่เจอ


ว๊ายยยยยย…………
กรี๊ดดดดดด
พรุ่งนี้วันเกิดนู๋ ขอแบบนี้นะพี่ฉิ่ง 


“เพลงนี้ขอมอบให้ทุกคนที่มาวันนี้ ไม่ว่าจะเจออะไรมาหนักหนาแค่ไหนก็ตาม อย่าลืมว่า ผมคนนี้อยู่ “ที่เดิม” เป็นการเข้าเพลงของโปเตโต้ที่ชวนอวกมากแต่ความหมายดี













หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่3 ผ่าดงเสือ up1/2
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 01-02-2017 23:41:26
 ตลกซอ ชอบผู้หญิงแต่พี่พลอยเล่นด้วยกลับไม่ชอบ เป็นเมียโฟร์หรือพี่ธันเอาเนาะ 555
  โฟร์ซื้อได้ไม่ยอมขาย จะไปขายให้พี่ธัน3เมีย เรื่องยุ่งๆจะตามมาละทีนี้  รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่3 ผ่าดงเสือ up1/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-02-2017 00:07:12
ตกลงว่าซอเป็นโรคอะไร แบบว่าถ้าโดนจุ๊บหรือหอมแก้มจะหลับ (ลึก) เหรอ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่3 ผ่าดงเสือ up1/2
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-02-2017 00:34:16
พี่ธันนี้ยังไงๆ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่3 ผ่าดงเสือ up1/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 02-02-2017 16:10:34
ตกลงว่าซอเป็นโรคอะไร แบบว่าถ้าโดนจุ๊บหรือหอมแก้มจะหลับ (ลึก) เหรอ
ตอนที่4อาการออกแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่4 ความลับ /หมอผี /ข้าวสารเสก
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 02-02-2017 17:08:56
ตอนที่4 ความลับ หมอผี ข้าวสารเสก





ผมฝืนสังขารกับหัวที่หนักหลายสิบโลมึนๆอึนๆเบิกตาตื่นในเช้าวันเสาร์ วันนี้มีงานใหญ่รอผมอยู่ ก็งานประกันของเจ้ขิมนี่ไงครับมันยังไม่คืบความหน้าอะไรเลย ดีที่พี่ธันให้เข้าไปหาที่บริษัทได้ ร่างกายเหมือนยังไม่พร้อมเอามากๆ ก็เมื่อคืนกว่าจะได้กลับจากTwinsเกือบสว่าง พี่เชนพี่ชินแกปิดร้านก็จริงแต่พวกเราทั้งหมดยังกินเหล้ากันต่อในนั้น


 
ผมจำได้แค่ว่าผมเมามากเพราะพี่พลอยเทเหล้าให้ผมไม่หยุดแบบแก้วต่อแก้ว ภาพสุดท้ายที่ผมพอจำได้ลางๆคือผมดันทะเล่อทะล่าเข้าห้องน้ำไม่ดูตาม้าตาเรือจนเห็นบทรักที่ไม่ควรเห็นระหว่างพี่ธันกับเมียอีกครั้ง

 
งัวเงียลุกอาบน้ำอยู่นานสองนานแต่น้ำที่อาบไม่สามารถปลุกให้ผมตาสว่างได้เลย ร่างอิดโรยเดินโต๋เต๋ลงมาจากชั้นสองเข้าในครัว



“ม๊า ขอกาแฟดำแก้วนึ่ง” 

“ตื่นเช้าได้ด้วยหรอ” ม๊าวางแก้วกาแฟลง

“นัดลูกค้าไว้”

“ขยันจังนะลูกชาย” ม๊าตีหลังผมเบาๆ แล้วก็หันไปสนใจหม้อแกงจืดต่อ

“บัตรลิเวอร์”

“ไม่น่าชม”

“ป๊ากับเฮียขลุ่ยไปไหนอ่ะม๊า”

“ไปตีเทนนิสที่ชมรมแต่เช้าเดี๋ยวคงกลับมากินข้าวกันล่ะ แล้วซอจะกลับที่โมง ม๊าเชิญอาจารย์มาปัดเป่าความชั่วร้าย ช่วงบ่ายกลับมาให้ทันด้วยนะ” เอาอีกแล้วม๊าผม

“คราวนี้อาจารย์จากวัดไหนล่ะม๊า”

“ก็อาจารย์ โจน ยานอวกาศ ที่ออกทีวีบ่อยๆไง อาจารย์สัมผัสดวงวิญญาณในตัวซอได้ ม๊าเลยเชิญท่านมาที่บ้าน”

“คร๊าบ คร๊าบ ซอจะกลับมาให้ทันนะ”




ฟังแค่ชื่อก็ไม่น่าเลื่อมไสละห่า อยู่ดีๆก็มีผีตามซ่ะงั้น  ตกลงในตัวผมจะมีสิ่งดีๆกับเขาบ้างไหม ผมยกกาแฟหมดแก้วก็เดินออกมายังห้องรับแขก เจ้ขิมกับอาม่านั่งดูทีวีอย่างแฮปปี้ไม่ขัดจังหวะดีกว่าขี้เกียจแสดงละครไม่รู้อาม่าดูเรื่องอะไร



สี่กุมารหารกล้า ตรี คฑา จักร สังฆ์ 



ฮ่า ฮ่า ฮ่า เกือบได้เป็นสี่ยอดกุมารแล้ว หนังจักรๆวงศ์ๆตอนเช้าที่เล่นเรื่องเดียวทั้งปีเดินวนไปวนมาไม่จบสักซักทียาวเป็นมหากาพย์





บริษัทที่พี่ชายผมทำงานก็เป็นบริษัทเดียวกับพี่ธันเป็นผู้บริหาร (เพิ่งรู้เมื่อคืน)  ไอ้ฉิ่งอยู่แผนกมาร์เก็ตติ้งทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ มันเรียนเก่งชอบทำกิจกรรม ชอบร้องเพลง  นอนวันล่ะไม่กี่ชั่วโมงก็ทำงานต่อได้ ผมไม่รู้ว่ามันสนิทกับพี่ธันมากน้อยแค่ไหน  เพราะมันไม่เคยเล่าเรื่องที่ทำงานให้ผมฟัง รู้อย่างเดียวคือเป็นเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น



ผมถึงบริษัทที่ตั้งสูงเด่นกลางใจเมืองตอน9โมงกว่าๆ โชว์นานบัตรที่พี่พลอยให้มากับรีเซฟชั่นตรงทางเข้า พี่แกก็บอกให้ผมใช้ลิฟท์แก้วด้านใน ผมเดินตรงมาที่ลิฟท์ตัวนั้นตามคำบอก ลุง รปภ ยิ้มต้อนรับผม




“ชั้นไหนครับ” ลุง รปภ ถาม

“ผมมาหาพี่ธันครับลุง ผมไม่รู้ชั้นไหน พี่ธันให้ผมมาแค่นามบัตรนี่” ผมยื่นนามบัตรอีกที ลุงแกยิ้ม

“อ๋อ!  ชั้น8ครับ ญาติคุณธันวานี่เอง”

“ป่าวครับลุงผมไม่ใช่ญาติ”

“งั้นก็แขก VIP เพราะปกติแล้วชั้น8 เป็นชั้นของผู้บริหารทั้งหมด มีแค่ญาติเท่านั้นมีนามบัตรแบบนี้ถึงจะเข้าได้ คนนอกขึ้นไม่ได้หรอกครับ”

“หรอครับลุง?” นี่หรือป่าวเป็นสาเหตุให้ไอ้บลูมองแรงตาขวางเมื่อคืนหลังจากผมได้บัตรนี้




ติ๊ง! ลิฟท์หยุดที่ชั้น8



“เชิญครับ เดินตรงไปเลี้ยวขวา ก็ถึงห้องคุณธันวา”

“ขอบคุณครับลุง”

เงียบมากเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเดินตามทางมาเรื่อยๆสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่เพิ่งเจอมา คนที่แต่งตัวโป๊และมอมเหล้าผมทั้งคืนนั่งอยู่โต๊ะทำงานด้านหน้าห้องกับชุดเรียบร้อยปิดมิดชิดถึงคอ ใช่คนเดียวกับที่จะลวนลามผมเมื่อคืนมั้ยครับ คนละคนแน่ๆ

“สวีสดีครับพี่พลอย”

“หวัดดีจ๊ะน้องซอ มาหาคุณธันสินะ เชิญๆ ทางนี้” พี่พลอยลุกขึ้นจากเก้าอี้ยืนตรงประตูที่มีชื่อตำแหน่งของพี่ธันยาวเหยียด


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


“คุณธันค่ะ พลอยให้ซอเข้าไปเลยนะค่ะ”

“เชิญครับ คุณพลอย” เมื่อวานมึงกู วันนี้คุณแล้วหรอ




พี่พลอยเปิดประตูให้ผมเข้าในห้องสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์ตลบอบอวล  รู้สึกง่วงขึ้นมาทันทีถ้าได้นอนในนี้คงหลับสบายแน่ ห้องทำงานใหญ่มากใหญ่พอๆกับห้องรับแขกที่บ้านเลย มีโซฟาหนังสีดำตั้งอยู่มุมข้างๆ โต๊ะทำงานของพี่ธันอยู่กึ่งกลาง  ผมควรเรียกพี่เขาว่าคุณเหมาะกว่าใช่ไหมครับ




“สวัสดีดีครับคุณธัน” ผมยกมือไหว้

“เฮ่ย….กูไม่ใช่เจ้านายมึง เรียกพี่เหมือนเดิม กูไม่ถือ เชิญนั่งซอ”

“โห้ยยย ค่อยหายใจโล่งหน่อย ผมเกร็งเลยอ่ะพี่ธัน ก็ทุกคนก็เรียกพี่ว่าคุณ ผมเลยเรียกตามเขา”

“ว่ามา มีอะไร ถึงอยากเจอพี่” ผมกับพี่ธันเดินมานั่งด้วยกันที่โซฟา





เด็กหน้าตี๋ ปากออม ตาเล็ก คิ้วเข้ม จมูกเป็นสัน ตัดผมรองทรงสูงจนเห็นหัวทุยสวย ผมหน้าม้าหยักศกเล็กน้อย นั่งตรงข้ามหน้าตาดูจริงจังและตั้งใจ เด็กคนนี้ไม่ได้แสดงท่าทีกลัวผมเหมือนคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อยทำเหมือนสนิทกับผมมานาน ทั้งที่เพิ่งเจอกันวันที่สอง


คนที่ไม่รู้จักหรือไม่สนิทกับผมต่างเข้าใจว่าผมดุ และบ้างาน ความจริงเปล่าผมแยกเป็นเรื่องๆ งานคืองาน เที่ยวคือเที่ยว หลังเลิกงานทุกคนก็คือเพื่อนไม่มีคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง หัวโขนใส่ฉะเพราะเวลาทำงานเพื่อบอกตำแหน่ง ผมไม่เคยถือตัวกับลูกน้องสักคน ผมกับพี่ไอ้ฉิ่งก็สนิทกันมากทำงานด้วยกันมาหลายปีแต่ไม่เคยรู้ว่ามีน้องชาย ที่ยอมให้มาพบถึงที่ทำงานก็เห็นเป็นน้องของไอ้กวีนี่แหละ แล้วเด็กตาเล็กก็ล้วงเอกสารออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำเสนออะไรบางอย่าง




“คือผมช่วยพี่สาวขายประกัน ผมเห็นว่าประกันตัวนี้ดีมาก มีพี่ธันคนเดียวเท่านั้นที่ควรได้มันไป เอาไว้คอยดูแลพี่ในยามเจ็บป่วย พี่ควรได้รับการดูแลที่ดีเยี่ยมจากเรา” หน้าตี๋เริ่มร่ายยาว

“ที่อยากเจอกูแค่จะขายประกันเองหรอวะ กูมีแล้ว” ประกันพวกนี้ผมมีเยอะมากคบทุกอย่างแล้วด้วยทนฟังเอาหน่อยเด็กมันตั้งใจมาละ

“แต่ของผมไม่เหมือนที่พี่ธันมีแน่นอน มันพิเศษมากตรงที่พี่สามารถเพิ่มคนที่พี่อยากให้คุ้มครองได้อีก1คนด้วยนะพี่ธัน จ่ายครั้งเดียวคุ้มครองตั้ง15ปีผลตอบแทนก็ดี จ่าย1คุ้มครองถึง2หาที่ไหนไม่มีอีกแล้ว”

“กูมีแล้ว”

“พี่ธันจ่ายแค่3ล้านเอง ผมคิดมาให้แล้ว ตกปีล่ะ 200,000 ต่อเดือน 16,666.66 ต่อวัน 555.55 บาท เข้าโรงบาลแบบอันลิมิด ป่วยก็จ่าย เจ็บก็จ่าย คุ้มครองทุกโรคภัย เล็บขบก็คุ้มครองนะพี่ธัน หรือถ้าพี่ตายภายใน15ปีนี้ พี่ได้เงินคืน15ล้าน คุ้มมาก”

“ตายไปกูก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี อีกอย่างกูไม่เอาเงิน3ล้านไปทิ้งเล่นๆหรอก ทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ” ดูซิเด็กนี่จะขายต่อมั้ย

“ใครบอกเสียทิ้งครับพี่ คนข้างหลังพี่ได้ใช้นะครับ เผื่อวันดีคืนดี พี่ธันเกิดรถชนขึ้นมาแย่เลยนะครับ”

“แช่งกูหรอ”

“ป่าวนะครับพี่ ก็พี่เท่านั้นแหละที่สมควรครอบครองมัน”

“กรุงเทพเหยียบได้ไม่เกิน60หรอกมึง รถติดเชี่ย อุบัติเหตุตัดไปได้เลย”

“งั้น ถ้าพี่เป็นโรคร้ายอย่างมะเร็งละ ประกันผมช่วยจ่ายค่ารักษาให้พี่ได้สูงสุดถึง2ล้านเลยนะครับ ถ้าตรวจเจอ เอาแบบอยู่โรงพยาบาลเป็นปีๆยังได้”

“กูตรวจสุขภาพทุกปี”

“งั้น ถ้าแผ่นดินไหวละครับ บริษัทถล่มลงมาก็เสียชีวิตได้นะครับ”

“บริษัทกู มีโครงสร้างกันแผ่นดินไหวได้ 7.6 ริกเตอร์ ไม่มีถล่มแน่นอน”

“เกิดไฟไหม้ล่ะพี่ หนีไม่ทันตายได้เหมือนกันนะครับ”

“มึงจะให้กูตายอย่างเดียวเลยใช่มั้ย ประกันอัคคีภัยกูก็ทำแล้ว”

“โห่ พี่ธันอ่ะ ปิดการขายผมทุกช่องทางแบบนี้เลยหรอ พี่ช่วยซื้อหน่อยเหอะ ถ้าพี่ไม่ซื้อผมก็จะตามพี่อยู่แบบนี้นี่แหละ”

“ความผิดกูหรอ ที่กูไม่ซื้อ”

“ก็พี่ธันเป็นคนเดียวที่ซื้อผมได้นิ” เด็กหน้าตี๋ทำหน้าตึงใส่

“มึงซ่างเมาจากเมื่อคืนยังวะพูดมาก คนอื่นก็ซื้อได้มีเยอะแยะ มึงไม่ไปขายเขาวะ”

“คนอื่นผมไม่รู้จัก ยังไงผมก็จะตื้อจนกว่าพี่ธันจะซื้อคอยดู”

“อ้าว…เกี่ยวไรกับกูวะ ว่างมากก็นั่งไป กูเคลียร์งานก่อน” ขณะที่ผมลุกขึ้นจากโซฟานั้นไอ้เด็กขายประกันคว้าแขนผมเอาไว้




“พี่ธัน งั้นช่วยเอาเอกสารไป อ่ะ อ่ะ อ่านนนนน ”





ผมหันหลังกลับไม่ทันระวังและไม่ทันสังเกตเด็กขายประกันยืนประชิดติดตัวไม่ถึงคืบ ทำให้ริมฝีปากผมกับเด็กซอประกบกันเข้าแบบพอเหมาะพอเจาะ ร่างผอมสูงค่อยๆเอนตัวล้มฟุ้บซบเข้าที่อกและหมดสติไป ผมรีบช้อนตัวมันเอาไว้ก่อนหัวจะฟาดกับพื้น คุยกันดีๆเป็นลมซ่ะงั้นไอ้เด็กบ้องเอ่ย ผมอุ้มร่างไอ้ซอวางราบกับโซฟา เป็นลมทำไมยิ้ม นี่เป็นลมจริงเปล่า หรือแค่กวนตีน




“พลอย พลอย เข้ามานี่หน่อย” ผมเรียกเลขาหน้าห้อง

“มีอะไรคะ คุณธัน ว๊าย! ซอเป็นอะไร” พลอยตกใจเมื่อเห็นไอ้เด็กนี่นอนไม่ได้สติ

“โทรเรียกพี่มัน ขึ้นมาดูสิ จะตายคาห้องกูมั้ย” เลขาผมรีบกดเบอร์หาไอ้ฉิ่งรนราน

“ฉิ่งกำลังขึ้นมา นี่มึงทำอะไรน้องเขาป่าววะธัน ถึงสลบไสลแบบนี้ ” พลอยหันมาถามอย่างมีเลศนัย

“มึงจะบ้าหรอพลอยนี่ห้องทำงาน อยู่ดีๆมันก็เป็นลมล้มพับไป กูไม่ได้ทำไรมันเลย เจอเด็กทีไรมีแต่เรื่องให้ปวดหัว”

“ไอ้ธันเอ๊ย เมียมึงทั้งสามก็เด็กเหมือนน้องซอนี่แหละทำเป็นเกลียดไม่เห็นเคยหนีพ้น” พลอยหยิบกระดาษมาพัดให้คนเป็นลม ทั้งยาดม ยาหม่อง บีบนวดสักพักพี่ชายมันก็มา




ก๊อก!!!!!!!!!!ก๊อก เสียงเคาะประตูแบบรัวๆ




“เข้ามา”

“ไอ้ซอเป็นอะไรครับพี่ธัน” พี่มันดูตกใจไม่น้อย แล้ววิ่งรี่ไปนั่งติดกับเลขาผม

“น้องมึงเมาค้างจากเมื่อคืนป่าวฉิ่ง ยืนอยู่เฉยๆมันก็วูบไป กูรับเกือบไม่ทัน” ไอ้ฉิ่งเงยหน้ามามองผม

“พี่พลอยผมขอคุยกับพี่ธันส่วนตัวได้มั้ยครับ” ไอ้ฉิ่งมีท่าทีแปลกทำไมต้องให้พลอยออกจากห้องด้วย พลอยก็พยักหน้าตามคำขอของไอ้ฉิ่ง เดินออกไปนอกห้อง

“มีอะไรฉิ่ง เรื่องซีเรียสหรอวะ”

“ครับซีเรียส ผมจะถามพี่ว่า พี่จูบน้องผมใช่มั้ย”

“เฮ้ย!!! แต่กูไม่ได้ตั้งใจมันเป็นอุบัติเหตุ กูไม่ได้ทำอะไรน้องมึงนะฉิ่ง อย่าเข้าใจผิด” แก้ตัวพัลวันเลยผม

“ผมเดาไม่ผิดจริงด้วย พี่ต้องจูบน้องผมแน่ มันไม่ได้เป็นลมหรอกพี่ ไอ้ซอป่วยเป็นโรคที่ติดตัวมันมาตั้งเด็กมันจูบกับใครไม่ได้หรอกครับ เพราะร่างกายมันเหมือนมีปุ่มชัดดาวน์ ถ้าจูบก็เป็นอย่างที่พี่เห็นนี่แหละหลับเหมือด”

“เชี่ยยยยย!? โรคเหี้ยอะไรวะเนี๊ยะ กูเพิ่งเคยได้ยินมีโรคประหลาดแบบนี้ด้วยหรอวะ แล้วมันจะฟื้นมั้ยเป็นอันตรายรึป่าว” ผมสบถเสียงดังเมื่อรู้เรื่องแล้วโน้มตัวมาส่องคนนอนหลับแก้มปุ๋ยอยู่บนโซฟา

“ปล่อยไว้ไม่เกิน1-2ชั่วโมง เดี๋ยวมันก็ตื่น ผมขอร้องพี่ธันอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะพี่ โชคดีที่วันนี้เกิดกับพี่ ถ้าเป็นคนอื่นจะเป็นยังไง”

“……?…….”

“แล้วผมจะบอกไม่ให้มันมากวนพี่เรื่องประกันอีก ขอโทษพี่ด้วยนะครับ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ห่วงน้องมึงเถอะแน่ใจนะไม่เป็นไร ไปหาหมอมั้ย”

“มันแค่หลับจริงๆพี่”





บอกตรงๆผมยังไม่อยากเชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้าแต่ก็รับปากกับไอ้ฉิ่งไป ทั้งตะลึง ทั้งงง ทั้งไม่เชื่อ โรคบ้าอะไรถึงมีอาการแบบนี้  ไอ้ซอมันใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าไม่สามารถจูบกับใครได้เลย ชีวิตน่าสงสารไปนะไอ้เด็กประหลาด พอพี่ชายมันเล่าอาการป่วยน้องชายให้ผมฟังเสร็จสรรพ ผมก็ให้กลับไปทำงานต่อ ส่วนน้องมันผมจะดูแลให้จะรอจนกว่ามันฟื้น




“อื้ย….ฝันดีจังเลยครับม๊า” ไอ้ซอเริ่มบิดขี้เกียจหลังหลับไป1ชั่วโมงเต็มๆ ลืมตามองผมที่นั่งจ้องมันอยู่

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ มึงนี่แปลกสุดเท่าที่กูเคยเจอมาเลยวะซอ”

“เห้ย! พี่ธัน พี่จูบผมทำไม ทำอะไรผมป่าวเนี่ย” มันลุกดิ้นพ่านๆด้วยความตกใจ สำรวจร่างกายตัวเองเป็นการใหญ่

“มันเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ ไอ้ฉิ่งเล่าอาการป่วยให้กูฟังหมดแล้ว ขอโทษด้วยที่ทำให้หลับ” มันสงบสติอารมณ์แล้วนั่งลงอีกครั้ง

ทำหน้าเศร้าสลดเล็กน้อย “งั้น….พี่ก็รู้หมดแล้วดิ”

“เออ”

 “พี่ซื้อประกันผมเลย แลกกับความลับของผม” ห๊ะ!!!!ยังมีหน้าขายประกันต่ออีก

“ไอ้หน้ามึน กูไม่ได้อยากรู้สักนิด ทำไมกูต้องซื้อความลับมึงด้วยวะ”

“ไม่รู้ล่ะ พี่ก็รู้ไปแล้ว นี่เอกสารอ่านด้วยแล้วผมจะมาฟังคำตอบวันหลัง สงสัยตรงไหนก็โทรหาได้ ในนั้นมีเบอร์โทรแล้ว ผมต้องกลับละมีนัด”



ไอ้ตาเล็กคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปเลย อะไรของมันวะ โอ้ย! ปวดหัวมีเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องทีไรมีเรื่องทุกครั้ง นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป มนุษย์แบบนี้ก็มีด้วยแล้วประกันนี้เกี่ยวอะไรกับความลับมัน






ผมยัดเหยียดประกันเล่มแพงไว้ที่มือพี่ธันแล้วรีบพุ่งร่างออกมาทันที เพราะไม่อยากโดนตีนดูพี่ธันจะโกรธแล้วด้วยที่ผมพูดจามัดมือชกพี่แกแบบนั้นออกไป พลังที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากเจ้ขิมใช้ไม่ได้กับพี่ธันหวะไปคิดลูกเล่นใหม่ค่อยมาตื้ออีกครั้งดีกว่า ปกติผมก็ไม่หน้ามึนขนาดนี้หรอกครับแต่เห็นใจผมเถอะพี่ธันเป็นเพียงตัวช่วยเดียวที่ผมมี ไม่นับไอ้โฟร์นะครับเพราะผมไม่อยากเป็นเมียมัน





เมื่อผมกลับถึงบ้านกลางห้องรับแขกกลายเป็นสำนักหมอผีแบบจัดเต็ม ดอกไม้ธูปเทียน ผ้าเจ็ดสี ลูกปะคำเม็ดใหญ่เท่าไข่ห่าน หัวกะโหลก กุมารทองวางซ้ายขวา ของเส้นไหว้ หมูเห็ดเป็ดไก่ ตั้งวางเป็นชั้นๆ ผู้ชายรูปร่างท้วมนุ่งขาวห่มขาว หนวดเคราเฟิ้มนั่งอยู่ตรงกลางปะรำพิธี


นั้นคงเป็น อาจารย์โจน ยานอวกาศ ผู้โด่งดังเรื่องผีจากจอทีวีแน่  งานนี้ม๊าผมคงเสียค่าใช้จ่ายในการไล่ผีร้ายมากพอตัว เชิญอาจารย์คนดังมาถึงบ้านแบบนี้ ถ้าถามผมว่าเชื่อไหม ไม่เลยสักนิดลองมากี่ครั้งก็ล้มเหลวตลอดเรียกว่าผมเจ็บจนชิน  แต่ที่ยอมเพราะรักม๊า เขาอยากให้ผมหายเป็นปกติผมยอมได้แต่พิธีกรรมแต่ล่ะอย่างไม่เคยปกติเอาซ่ะเลย




“มีพลังงานบางอย่างตามลูกชายคุณมา อยู่ที่หน้าประตูนั้น”  ผมมองซ้ายขวาอยู่ไหนวะผี ก็อาจารย์เล่นใหญ่ชี้นิ้วมาทางผม ตอนที่ผมกำลังก้าวขาเข้าบ้าน ขนาดหลับตายังมองเห็นเก่งเว่อ กลิ่นธูปกลิ่นเทียนและหมอกลอยฟุ้งออกจากอ่างน้ำมนต์กระจายทั่วพิธีกรรม น่ากลับชิบหาย


“ซอมานั่งนี่เร็วลูก ช่วยไล่มันออกจากร่างลูกชายดิฉันทีค่ะพ่อหมอ”  ผมเดินมานั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าปะรำพิธี  ป๊า พี่สาว พี่ชาย  ได้แต่นั่งอมยิ้มอยู่ไกลๆ จริงๆแล้วพวกเขาน่าจะมานั่งเป็นกำลังใจผมนะเพราะไม่รู้อาจารย์ยานอวกาศจะทำอะไรกับผมวันนี้


“ไม่ต้องห่วง อาจารย์ปลุกเสกข้าวแม่ม่ายมาแล้ว แค่วิญญาณมันถูกข้าวสารนี่นะ หนีทุกตัวฮ่าๆๆๆ” ดูอาจารย์แกมั่นใจในวิชาอาคมมาก ถ้าได้ผลนะอาจารย์จะบวชให้สัก3พรรษา แล้วอาจารย์โจน ที่หน้าเหมือนโจรก็หยิบเอาข้าวแม่ม่ายออกจากถุงย่าม โอม นโม นโม นโม นโม แล้วสาดใส่ผมไม่ยั้งมือ


“ออกไป! ออกไป! วิญญาณร้ายจงออกไป” ฮ่าๆๆๆ เสียงขำจากพี่ๆผมที่นั่งมองพิธีกรรมด้านหลัง ขำกันเข้าไป พายุข้าวสารยังถล่มผมห่าใหญ่หลายสิบนาที มันเข้าตาแล้วครับจารย์ เมื่อไหร่จะเสร็จครับ


“สัมภเวสี เจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลายจงออกไป” แซ่เส้นใหญ่เท่าเชือกผูกKฟาดลงบนหลังผม3ที เฟี๊ยะ!เฟี๊ยะ!เฟี๊ยะ! แสบครับจารย์ กูแสบหลังแล้วเหี้ย


“อาจารย์ศักดิ์สิทธ์มากค่ะ ลูกชายดิฉันน้ำตาไหลเลย สั่นด้วยค่ะผีร้ายออกแล้วแน่ๆ” เออ…ม๊าครับ ข้าวแม่ม่ายเข้าตาครับม๊า ซอเจ็บครับไม่เกี่ยวกับผีสางใดๆ และที่สั่น สั่นเพราะหิวมากท้องเริ่มร้องโครกครากเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน


“เอาละเสร็จพิธีแล้ว อยู่ดีมีสุขนะไอ้หนู พระคุ้มครอง อาจารย์ไปก่อน มีอีกหนึ่งที่ต้องไปปราบ มีอะไรก็เรียกใช้อาจารย์ได้ เรื่องผีๆไว้ใจ อาจารย์โจน ฮ่าๆๆๆ” เจ็บเชี่ยเจ็บโคตรๆ ดีนะที่พิธีมีแค่นี้ไม่งั้นหิวตายก่อนผีออกแน่เลย




อาจารย์เก็บสำนักรับตังค์จากม๊าผมแล้วก็ออกจากบ้านไป ผมต้องมานั่งเก็บกวาดข้าวแม่ม่ายของอาจารย์โจนอยู่คนเดียว น่าจะช่วยกันก่อนแล้วค่อยไปรับงานอื่นทิ้งภาระให้ผมแท้ๆ คราวนี้คนในครอบครัวมองผมเป็นสายตาเดียวกัน คงรอทดสอบเหมือนเคย สงสัยวันนี้ผมต้องหลับเป็นครั้งที่สองแล้วละครับ เจ้ขิมเข้าครัวทำข้าวผัดหมูมาให้กินก่อนเตรียมตัวนอนที่โซฟานุ่มๆ เพื่อรอการทดสอบ ใครก็ได้ครับยังไงก็ผลเหมือนเดิม 












หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที4 ความลับ/หมอผี/ข้าวสารเสก up2/2
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 02-02-2017 18:03:22
  หึยยยยย!! โรคอะไรจูบปากแล้วหลับ 555++ จะสงสารซอดีมั้ยอะ แต่สะใจมากกว่าที่จะได้เป็นเมียพี่ธันอีกคนรึป่าว ฮ่าๆ แซ่บจริง
  รออ่านตอนต่อไปคับ สนุกอะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที4 ความลับ/หมอผี/ข้าวสารเสก up2/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-02-2017 18:29:27
พี่ธันเป็นพระเอกเหรอ ไม่เอาได้ไหมอ่ะ ตอนนี้มีตั้งสามเมียแล้วนะ จะตั้งฮาเร็มเลยหรือไง
ว่าแต่โรคของซอนี่จริง ๆ แล้วอาการจะไม่กำเริบกับเนื้อคู่หรือเปล่า ฮา (สายมโน)
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที4 ความลับ/หมอผี/ข้าวสารเสก up2/2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-02-2017 21:16:37
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที4 ความลับ/หมอผี/ข้าวสารเสก up2/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 03-02-2017 21:26:47
พี่ธันเป็นพระเอกเหรอ ไม่เอาได้ไหมอ่ะ ตอนนี้มีตั้งสามเมียแล้วนะ จะตั้งฮาเร็มเลยหรือไง
ว่าแต่โรคของซอนี่จริง ๆ แล้วอาการจะไม่กำเริบกับเนื้อคู่หรือเปล่า ฮา (สายมโน)
อยากให้เป็นทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่5 ความผิดของสโนวไวท์ up3/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 03-02-2017 22:11:00
ตอนที่5 ความผิดของสโนวไวท์





“พรุ่งนี้ม๊ามาเล่านิทานให้ซอฟังอีกนะครับ ซออยากฟังทุกวันเลย”

“ซออยากฟังเรื่องอะไรลูก”

“สโนวไวท์”

“ไม่เอาฉิ่งจะฟังเรื่องอื่น ฉิ่งไม่ชอบเรื่องนี้”

“ซอชอบนะเฮีย ซออยากเป็นสโนวไวท์”

“ซอเป็นตุ๊ด ซอเป็นตุ๊ด”

“ฉิ่งไม่ล้อน้องแบบนั้นลูก นอนได้แล้ว ขลุ่ยห่มผ้าให้น้องด้วย”

“เป็นสโนวไวท์หลับฝันดีนะเฮีย ตื่นมาเจอเจ้าชายด้วย ซออยากฝันดี นะนะ ม๊านะ ซออยากเป็นสโนวไวท์”

“จ้าๆ อยากฝันดีทุกคืนก็ต้องให้ม๊าจุ๊บก่อนนอนนะเด็กๆ”

“จุ๊ฟ จุ๊ฟ  มาไอ้ตัวเล็กสโนวไวท์ของม๊า กู๊ดไนท์ นะลูก จุ๊ฟฟฟฟฟ”

“ซอ! เป็นอะไรลูก ซอ!ได้ยินไหมลูก ซอ!!!! ขลุ่ยไปบอกป๊าเอารถออกพาน้องไปโรงพยาบาลเร็ว”







ไม่ต้องถามถึงผลเมื่อวานนี้หลับเหมือนเดิมครับ วิชาอาคมจากสำนักไหนก็ช่วยผมไม่ได้จริงๆ วันนี้หยุดอีกวันต้องอยู่ดูแลอาม่า  เจ้ขิมออกไปเจอลูกค้า ไอ้ขลุ่ยไอ้ฉิ่งนั่งเล่นหมากรุกที่ระเบียงหน้าบ้าน ป๊ากับม๊าไปประชุมกับนิติของหมู่บ้านกว่าจะกลับอีกนาน

ผมหยิบโทรศัพท์มาเซฟรูปจากแมตเมื่อคืนที่ทีมรักของผมชนะใสๆเป็นแมตที่เล่นดีมากเล่นดีทุกตำแหน่ง อยากไปนั่งดูที่สนามเร็วๆจังคงได้บรรยากาศที่สนุกสนานสมจริงมากกว่าดูผ่านจอสี่เหลี่ยมนี้แล้ว


ตึ่ง! เสียงเตือนจาก ig  ไม่ใช่จากใครหรอกครับจากเพื่อนร่วมสำนักหงส์แดงของผมนั้นแหละมันแท็กรูปสกอร์ผลบอลมาที่ ig ผมเป็นประจำ  แท็กฉะเพราะเกมส์ที่ชนะนะครับห้ามแท็กเกมส์ที่แพ้มาโดยเด็ดขาดเพราะมันเป็นข้อห้ามของสำนักเรา



3-1

Anothaiชนะเว้ยเฮ้ย3-1@Jikksor

Jikksorเทพ@Anothai

Ching_Chingนานๆทีดีใจด้วย@Jikksor@Anothai

 _2010mcarเจ๋งสาส

4Siwaฟลุ๊ควะเล่นกะทีมท้ายตารางก็งี้ชนะทีคุยสามวันเจ็ดวัน@Jikksor@Anothai

Jikksorไอ้สัส@4Siwa

Twinschinน้องเอน่ารัก@Anothai



นี่ไงเรื่องที่จะทำให้อารมณ์เสียคอยตามหลอกหลอนผมทุกที่จริงๆกำลังอารมณ์ดีแท้ๆเริ่มจะขุ่นมัวเพราะมันตัวเดียว



ครื๊ด~~~ครื๊ด~~~ครื๊ด~~~


“หวัดดีครับ”

“กูเองซอ”

“ใครวะ”

“เนสไงมึง”

“เนส เนส อ่อไอ้เนสมีไร”

“ไอ้นี่มึงบอกให้กูโทรหา วันนี้กูมีนัดดูหนังกับพี่ธันที่สยามมึงจะมามั้ย ให้ว่องเลยมึง” เกือบลืมคู่ตะเภาแก้วตะเภาทองไปเลยครับ

“ไปๆ เดี๋ยวเจอกัน”

“กูให้มึงอยู่ได้แค่ช่วงกลางวันนะ กลางคืนไม่ได้นะมึง”

“เออ กูรู้หน่าขอบใจที่โทรบอก ตามนั้น”


ตุ๊ด.. ตุ๊ด..ตุ๊ด..


“ฉิ่ง! กูจะออกไปข้างนอก ดูอาม่าด้วย” ผมร้องบอกพี่ชายผมแล้วรีบใส่รองเท้าวิ่งออกจากบ้าน

“ไปไหนไปกับใคร โทรหากูด้วย ห้ามกลับมืด” เป็นแบบนี้ตลอดถ้าผมไปไหนตัวคนเดียว






ด้วยความรีบร้อนและกลัวไม่ทันผมจึงนั่ง BTS เพื่อประหยัดเวลาถ้าเอารถมา2ชั่วโมงคงไม่ถึง ผมลงที่สยามแล้วก็โทรหาไอ้เนส ถามตำแหน่งจะได้ไปหาถูกที่ไอ้เนสบอกรอที่โรงหนังผมก็แทรกร่างเดินตามหาเป้าหมายอยู่นานในที่สุดก็หาเจอ พี่ธันแต่งชุดสบายๆเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ไม่เหลือมาดผู้บริหาร เสื้อผ้าที่ธรรมดาเลยทำให้พี่ธันดูกลายเป็นวัยรุ่นทั่วไป ต่างจากชุดสูทที่เป็นทางการที่น่าอึดอัดนั้น ส่วนไอ้เนสมาในชุดนักศึกษา พอเห็นทั้งสองคนแล้วผมก็รีบเสนอหน้าเข้าไปทักทายตามมารยาท




“พี่ธันสวัสดีครับ เนสหวัดดี วันนี้ขอดูหนังด้วยคนน๊า”

“นี่มึงรู้จักกับเนสด้วยหรอ”

“อ่อ!ใช่ครับเพื่อนรักกันเลย” ผมเตะเข้าที่ตีนไอ้เนสหนึ่งที

“โอ้ย!!! อ๋อๆ ใช่ครับเพื่อนสนิท  เนสนัดมันมาเองครับพี่ธันดูหนังหลายๆคนสนุกดี” ไอ้เนสเอื้อมมือมากอดคอผมแสดงความสนิทสนมโชว์พี่ธัน

“ที่มาไม่ได้มาขายประกันใช่มั้ย” เสือกรู้ทัน

“โน๊ววว มาดูหนังจิ๊งจริ้ง พี่ธันคิดม๊าก” โทนเสียงผมปกติดีไม่มีพิรุธใช่มั้ย

แล้วเพื่อนสนิทหมาดๆของผมก็ช่วยเชียร์ขาย

“เนสว่า พี่ธันซื้อก็ดีนะครับ เนสอ่านรายระเอียดแล้วโอเคเลยอ่ะผลตอบแทนดี๊ดี พี่ธันไม่สนใจหรอครับ” มึงอ่านตอนไหนวะเนสแต่ขอบคุณมากกูจะไม่ลืมพระคุณเลยตะเภาแก้ว

“ก็ดีนะพี่จะได้หักจากค่าขนมของเนสมาซื้อประกันมัน โอเค๊” พี่ธันแขวะไอ้เนสด้วยเงินค่าขนมเลยวะ

เพื่อนสนิทปล่อยแขนออกจากคอผมคว้าแขนพี่ธัน

“มีเยอะแล้วไม่ต้องซื้อก็ได้ครับ” ไอ้เนสเพื่อนไอ้เลว

“โห่ พี่ธันมาดูหนังไม่พูดเรื่องประกันดิ ยังไงคนใจดีแบบพี่ก็ช่วยผมซื้ออยู่แล้วจริงมั้ย” ผมต้องมึนเข้าไว้

“คิดว่างั้นหรอ” ทำหน้าเข้มใส่ผมอี๊ก

"ใช่ผมคิดแบบนั้น ผมรู้พี่ใจดี" ยิ้มหวานใส่

“กูซื้อตั๋วแถว G ไว้ 10,11 มึงจะซื้อติดกูกับพี่ธันเลยก็ได้นะ”




แล้วผมก็ไปต่อคิวซื้อตั๋วแถวเดียวกับไอ้เนส แล้วเราก็เดินเข้าโรงหนังมาด้วยกันผมเลือกที่นั่งฝั่งขวาของพี่ธันเผื่อมีโอกาสพูดเรื่องประกันบ้าง ตื้อเท่านั้นที่ครองโลกผมว่าคำนี้ใช้ได้เสมอนะ ไอ้เนสก็นั่งฝั่งซ้าย ไฟเริ่มสลัวๆมองอะไรไม่ชัด หนังตัวอย่างเริ่มฉาย



พี่ธันโน้มตัวมาทางผมพูดเสียงเบา

“นี่มึงจะก่อกวนกูจริงๆใช่มั้ย” ไอ้เนสก็มัวแต่กินป๊อปคอนไม่สนใจคนรอบข้าง

ผมทำหน้าสลอนใส่ “พี่ก็ซื้อประกันซิ ผมจะได้เลิกตามพี่” พี่ธันดึงตัวกลับไปนั่งตัวตรงที่เบาะ

“พี่ธัน เนสไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะ” ไอ้เนสลุกไปเข้าห้องน้ำโดยที่มันไม่รู้เลยว่าได้ทิ้งช่องโหว่ไว้ช่องเบ้อเร่อ

“อยากตามกูมากใช่มั้ย นอนรอเลยละกัน ไอ้เด็กพูดมาก” พี่ธันใช้มือทั้งสองข้างตรึงหน้าผมไว้แน่น

“เฮ้ยยย! พี่ธัน อย่าๆ อย่าเล่นแบบนี้ พี่ธัน ธะ~ธานนน~”


ผมดิ้นแรงจนเบาะนั่งเสียงดัง กุกกักๆ คนข้างหน้าหันมามอง ผมพยายามปัดป้องริมฝีปากจากพี่ธันสุดแรง แต่สู้ยักษ์ตัวใหญ่โย่งไม่ไหว ปากผมประกบเข้ากับปากพี่ธันจนได้


“ฝันดีนะมึง”




ไอ้ตาเล็กหลับไปกับเบาะในโรงหนัง นอนยิ้มมีความสุขเหมือนครั้งแรกที่ผมเห็นอาการป่วยประหลาดนี้ อยากเซ้าซี้ทำหน้าสลอนดีนัก นอนรอเลยละกันหนังจบแล้วค่อยตื่นมาพูด



“ไอ้ซอเป็นไรอ่ะพี่ธัน คอพับเลย” เนสถามผมตอนที่เห็นเพื่อนแน่นิ่ง

“อ่อ มันบอกพี่ว่าเมื่อคืนมันไม่ได้นอนเลยของีบหน่อยนะ เนสไม่ต้องกวนมันหรอกให้มันนอนไป หนังจบเดี๋ยวค่อยปลุกก็ได้”

“คนอะไรหลับง่ายจัง”




เนสคงเป็นตัวช่วยที่ไอ้ซอวางแผนมาเพื่อเรื่องประกัน เนสไม่เคยโกหกผมเนียนสักครั้ง อีกอย่างผมก็รู้จักนิสัยเด็กในอุปการะของผมเป็นอย่างดี บลูเป็นคุณหนูขี้หึง หวงก้าง จอมเหวี่ยง ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ผม  ส่วนเนสกับเบลใจดีทั้งคู่ไม่หึงไม่หวงไม่คิดครอบครอง ที่อยู่กับผมเพราะต้องการแค่เงินส่งเสียตัวเองเรียน หนัง2ชม กว่าๆจบลงไฟในโรงหนังค่อยๆสว่างขึ้น ไอ้ตี๋พูดมากก็เริ่มขยับตัวและลืมตา



“ฝันดีจังครับม๊า” เหมือนเป็นประโยคแรกที่ไอ้ซอพูดจนติดปากเวลาตื่น

“หนังสนุกขนาดนี้หลับได้ไงว่ะซอ”

“กูง่วง” ผมตอบไปส่งๆ ใครจะเสียเงินมานอนเล่นในโรงหนังวะเนส

“พี่ธัน เนสหิวแล้ว หาไรกินก่อนกลับบ้านได้มั้ยอ่ะ” ไอ้เนสเกาะแขนพี่ธันทำท่าอ้อน ตอนที่เราสามคนเดินมาหยุดที่ร้านอาหาร
 
“ร้านนี้เลยนะ พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน” หิวอะไรอ่ะพี่ ทำไมตาเยิ้มแบบนั้น

“มึงจะกินกับกูมั้ยซอ”

ก็มึงให้เวลากูแค่ช่วงกลางวันนี่หน่า นี้มันทุ่มหนึ่งแล้วกูควรกลับตามสัญญา

“มึงกินกับพี่ธันเถอะกูไม่ชอบมันเลี่ยน”

“รู้ได้ไงว่าเลี่ยน เคยแล้ว?” พี่ธันกวนส้นตีนกว่าที่เห็นเยอะครับ

“ไม่เคย แต่รู้”

“ไม่กินก็ดี เผื่อมึงง่วงหลับคาโต๊ะขึ้นมากูไม่รอนะ” ผมมองตาขวางทำไมต้องเอาปมมาล้อเล่นด้วยวะพี่




ขณะที่ผมกำลังยืนต่อปากต่อคำกับพี่ธันอยู่ เพื่อนสนิทตัวจริงอย่างไอ้เอก็เดินเข้ามาทัก มันไม่ได้มาคนเดียวซ่ะด้วยเกลียดโลกแคบเกลียดที่ต้องเจอไอ้ชายสี่



“สวัสดีครับพี่ธัน มากับไอ้ซอได้ไงพี่”

“หวัดดีเอ สงสัยพี่เดินเหยียบ มันเลยติดรองเท้ามามั้ง” ปากร้ายกว่าที่คิดมาก

“ฮ่าๆๆเปลียบซ่ะเห็นภาพเลยพี่” ไอ้เอมึงเพื่อนกูนะ

“กูชวนมันมาเองแหละมึง” ไอ้เนสตอบไอ้เอ

“หมดธุระแล้วใช้ป่ะ กินข้าวกัน” เสียงไอ้โฟร์แทรกขึ้นมา

“ไม่ไป จะกลับบ้านแล้ว”

“เดี๋ยวกูไปส่ง มากินข้าวกับกูก่อน”

“พี่ธัน ลาลาลาละละละครับ” ไอ้เอช่วยไอ้โฟร์ลากคอผมออกมาจากพี่ธันกับไอ้เนส โดยที่ไม่ทันขอบใจไอ้เนสสักคำ



 
ณ ร้านตำแหล

“กูไหว้ละ มึงสองตัวเลิกแยกเขี้ยวใส่กันแล้วแดกข้าวดีๆบ้างได้มั้ยวะกูเหนื่อยจะห้าม” ไอ้เอเอ่ยปากเมื่อมองเห็นผมจ้องไอ้โฟร์ตาเขม็ง

“ถ้ามันไม่เห่า กูก็ไม่กัด”

“เออๆ กูไม่เห่า กูไม่หอน ไม่เหี้ยอะไรทั้งแหละ เชิญมึงร่วมแดกข้าวกับกูสักวันได้มั้ย เอ้าสั่ง” มันยื่นเมนูมาให้ผม

“ซอที่มึงมากับพี่ธันนี่เรื่องประกันป่าววะ” ไอ้เอถาม

“อืม”

“เขาซื้อยัง”

“ยังวะ”

“กูซื้อได้นะ  มึงจะได้ไม่ต้องมาตามอ้อนวอนเค้าแบบนี้ เห็นแล้วอนาถจิต”

“ไหนมึงบอกจะไม่เห่าไงเชี่ย”

“กูจะช่วยมึงก็ไม่ให้กูช่วย มัวแต่ไปวิ่งตามใครก็ไม่รู้ คนใกล้ตัวแม่งไม่เคยมองเห็น กูไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนจากมึงเลยนะซอ ช่วยเพราะอยากช่วยเมื่อไหร่มึงจะเข้าใจวะ”

ผมเอาช้อนชี้หน้าไอ้โฟร์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามหน้าบึ้ง

“กูบอกว่าไม่ ก็คือไม่ ฟังไม่รู้เรื่องหรอวะ”

“หยุด! ถ้ากัดกันอีกทีกูจะเอาน้ำสาด แม่งทั้งคู่” ไอ้เอขึ้นเสียงบ้าง ผมกับไอ้โฟร์หุบปากแล้วก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ




ในใจลึกๆแล้วผมไม่ได้เกลียดไอ้โฟร์นะครับเคยสนิทกันเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก  ถ้ามันไม่สาระภาพรักกับผมวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันคงดีกว่านี้ ผมพยายามจะเป็นเหมือนเดิมพยายามจะเป็นเพื่อนแต่มันยืนยันจะเป็นแฟนให้ได้ ผมจะทำยังไงกับมันดี


“ดึกแล้วกูบ้านเลยละกัน” หารค่ากับข้าวก็ได้เวลากลับบ้านสักที

“กลับไง”

“นั่งแท็คซี่ กูไม่ได้เอารถมา” ผมตอบไอ้เอ

“กูไปส่ง” ไอ้โฟร์เสนอหน้าอีกตามเคย

“ไม่ต้อง”

“มันดึกแล้วซอ กูว่ามึงให้ไอ้โฟร์ไปส่งเหอะ ไม่งั้นที่บ้านมึงสวดยาวแน่จะสี่ทุ่มแล้วนะมึง”

“แต่……”

“ถ้ามึงไม่ไว้ใจกู ให้ไอ้เอไปด้วยอีกคนก็ได้นะ”


ผมเลยต้องจำใจให้มันมาส่งทั้งๆที่บ้านมันคนละทางกับบ้านเลย ชั่งแม่งสาระแนดีนัก พอมาถึงที่บ้านไอ้ขลุ่ยยังนั่งรอที่หน้าบ้าน ส่วนคนอื่นๆขึ้นนอนกันหมดแล้ว


“กลับซ่ะดึกเลยนะมึง”

“พี่ขลุ่ยหวัดดีครับ หวัดดีครับ” ไอ้เอกับไอ้โฟร์ทักทายสวัสดีพี่ชาย

“ไม่เจอนานเลยนะโฟร์ หายหัวไปไหนไม่เห็นมาแดกเหล้าเป็นเพื่อนกูบ้างวะ”

“วันนี้ก็ได้นะพี่ อยากอยู่พอดี” ไอ้เลวหาเรื่องอยู่ยาวสิท่ากูอ่านเกมส์มึงออก

“พรุ่งนี้มึงไม่มีเรียนกันหรอ”

“มีบ่ายพี่ ใช่มั้ยไอ้เอ” ไอ้เอก็ดูเหมือนจะเป็นใจกับไอ้โฟร์เหลือเกิน

“จัดไป”

“พวกมึงจะแดกก็แดกไป กูนอนก่อน” อาบน้ำเสร็จก็นั่งเช็กผลบอลคู่อื่นๆที่มีแข่งกันตั้งแต่ตอนหัวค่ำ จนผมเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่พนัง2ตีพอดีได้เวลาปิดไฟนอน



ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


“ซอเปิดประตูดิ เพื่อนมึงเมากลับไม่ได้”

ผมเปิดประตูคุยกับไอ้ขลุ่ยเห็นไอ้โฟร์กับไอ้เอเมาหมดสภาพเหมือนจงใจมอมเหล้าตัวเอง

“ทำไมไม่ให้มันนอนข้างล่างวะเอามันขึ้นมาห้องกูทำไม”

“เพื่อนมึงนะ ขืนให้มันสองคนนอนข้างล่างยุงหามไปแดกพอดี” ไอ้ขลุ่ยเริ่มขนร่างที่ไม่ได้สติของมันสองคนเข้ามาในห้องผมทีละตัว

“ช่างแม่งดิ”


ไอ้ขลุ่ยทิ้งซากเพื่อนผมไว้แล้วก็เดินเข้าห้องมัน สิ่งที่ผมทำได้ในคืนนี้คือให้ไอ้เอขึ้นมานอนที่เตียงกับผม ส่วนร่างของไอ้ชายสี่ผมก็ปล่อยให้มันนอนกับพื้นแข็งๆไม่ได้ปูที่นอนโยนแค่หมอนกับผ้าห่มบางๆให้ ถ้าพ่อแม่ไอ้โฟร์มาเจอคุณชายทายาทโรงแรมชื่อดังเพียงคนเดียวนอนในสภาพนี้อกแตกตายแน่




ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด 08:30น.


“เฮ่ย!!!ตื่น” ผมเอาหมอนข้างฟาดที่ตัวไอ้โฟร์

“มึงตีมันแรงไปป่าวซอ เดียวแม่งก็ตายหรอก”

“เอมึงอย่าปัญญาอ่อนดิ นี้มันหมอนข้างไม่ใช้ไม้สัส”

“กูตื่นแล้วจะตีอะไรนักหนาวะ” มันตื่นขึ้นมาพร้อมจับตามเนื้อตัว คงไม่เคยนอนพื้นทั้งคืนสิท่า

“ตื่นแล้วก็ไสหัวออกจากบ้านกูไปเลย กูจะอาบน้ำไปเรียน เกะกะชิบหาย” ผมเดินข้ามตัวมันไปหยิบเสื้อในตู้

"กูกับไอ้เอยังไม่ได้อาบน้ำเลย มึงจะให้กูไปสภาพเนี่ย”

“เรื่องของมึง”

“กลับๆโฟร์ ไปอาบน้ำกินข้าวบ้านกูก็ได้ ไม่ต้องง้อมันกูรำคาญ มึงมีชุดนักศึกษาติดรถไว้ป่าว”

“มี”

“งั้นก็ลุก”



ไอ้เอเดินกอดคอไอ้โฟร์ออกจากห้องหน้าตึงๆคงโกรธที่ผมไล่ออกจากบ้านแต่เช้า ที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะอยากเก็บเพื่อนรักของผมไว้ ไม่อยากให้ความเป็นเพื่อนที่มีพังลงจากการเปลี่ยนสถานะไปเป็นอย่างอื่น ผมจึงสร้างกำแพงที่สูงชันปิดกั้นตัวเอง เพราะผมกลัวเจ็บกลัวการเสียใจและเกลียดความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่ผ่านมา


เป็นเพราะผมรับความสุขจากคนอื่นไม่ได้ ให้ก็ไม่ได้ มันเจ็บปวดและทรมานมาก เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติความสุขจากการจูบกับใครสักคน ผมอยากเป็นคนธรรมดาที่สามารถ รักได้ จูบได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างที่ผมทำกับไอ้โฟร์มันอาจดูใจร้ายไปบ้างแต่ผมไม่เคยเกลียดเพื่อนที่ชื่อโฟร์เลยแม้แต่วันเดียว









999999999999999999999999999999999999

 



หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที4 ความลับ/หมอผี/ข้าวสารเสก up2/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 04-02-2017 08:44:45
  หึยยยยย!! โรคอะไรจูบปากแล้วหลับ 555++ จะสงสารซอดีมั้ยอะ แต่สะใจมากกว่าที่จะได้เป็นเมียพี่ธันอีกคนรึป่าว ฮ่าๆ แซ่บจริง
  รออ่านตอนต่อไปคับ สนุกอะ
ซออยากฝันดี 55
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่5 ความผิดของสโนวไวท์ up3/2
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-02-2017 11:07:40
   ตลกซออีกล่ะ โดนพี่ธันจุบปากอีกล่ะ 5555 แมงเม่าบินเข้ากองไฟเองนะ  จะเอาพี่ธันให้ได้ว่างั้น ฮ่าๆ
  ยังลุ้นอยู่ว่าใครจะเป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่6 ปม up4/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 04-02-2017 22:11:59
ตอนที่6 ปม






หลังจากที่ไล่เพื่อนสนิทออกจากบ้านไปผมก็แต่งตัวมามหาลัย วันนี้มีเรียนวิชาการบริการภาคพื้นสนามบิน ผมไม่ละสายตาออกจากหนังสือกับสไลด์ก้มๆเงยๆจนไม่มีเวลาคุยกับไอ้เอที่นั่งข้างๆ


หมดคาบวิชาการบินผมกับไอ้เอย้ายจากตึกที่มีเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำใหญ่จอดอยู่ที่ในตึกมาเรียนENG101ที่ตึก5อีกครั้ง จองมุมด้านหลังสุดของห้องนั่งสุมหัวกับเพื่อนอีกสามคน ไอ้พัด เน และฟาง

 
การบินเป็นคณะที่มีคนเรียนน้อยซึ่งรุ่นผมมีแค่60คนเองครับ ว่าที่แอร์โฮสเตสกับสจ๊วจจึงถูกจับจ้องจากคณะอื่นอยู่เสมอ ที่ดึงดูดสายตาเอามากๆคือชุดนักศึกษาที่พวกผมใส่มันจะต่างจากชุดนักศึกษาคณะอื่น จึงกลายเป็นจุดเด่น จะไม่มองได้ยังไงละครับ เนคไทสีชมพูกับสูทสีกลมท่าเหมือนชุดนักบิน มีเข็มกลัดรูปปีกสีทองติดที่อกข้างซ้ายหลา จนใครๆก็ยกย่องเราเป็นคณะนางฟ้าชนกลุ่มน้อยอย่างพวกผมเลยชอบนั่งด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยงสายตา 




 
“มึงโกรธกูเรื่องเมื่อเช้าหรอเอ” เพิ่งมีเวลาง้อเพื่อนหลังจากที่ไล่ตะเพิดมันพร้อมไอ้โฟร์

ไอ้เอจิ๊ปากใส่ผมหนึ่งครั้ง “ไม่โกรธ แต่มึงก็แรงกับไอ้โฟร์ไปหน่อย มันรักมึงมากนะซอ ถึงยอมได้ขนาดนี้เป็นคนอื่นไปเกิดใหม่ละสัส”

“คือกูก็ไม่ได้เกลียดมัน แต่มึงเข้าใจไม กูให้ในสิ่งที่มันต้องการไม่ได้ แล้วมึงจะให้คบมันได้ไง มันควรเจอคนที่พร้อมไม่ใช่คนประหลาดอย่างกู”

“บางทีมึงก็กลัวสิ่งที่มันยังไม่เกิดมากเกินไปซอ ไอ้โฟร์มันดูแลมึงได้แล้วมึงกลัวอะไรวะ  กูขอล่ะจะชอบไม่ชอบก็ช่วยพูดกับมันดีๆหน่อย ไล่มันเหมือนหมูเหมือนหมา อย่างน้อยมันก็เพื่อนนะซอ” หน้าไอ้เอยังตึงใส่ผมไม่เลิก

“แบบนี้ดีแล้ว” ผมก้มหน้ามองโต๊ะตอบเพื่อนเสียงแผ่ว

“อ๋อ! ซอกูลืมเล่าวันก่อนเดือนวิศวะมาแอบมองมึงอีกแล้ววะ ฮอตจริงเพื่อนกู ไม่เชื่อมึงถามเนกับฟางได้ จริงมั้ย” ไอ้พัดพูดขึ้น ใครบ้างจะไม่รู้จักเดือนวิศวะคนดัง

“จริ๊งนะซอ  เรากับฟางเห็นโฟร์มานั่ง ชะเง้อมองที่หน้าห้องเป็นชั่วโมง สาวๆที่คณะโคตรอิจฉาซอเลยนะรู้ตัวป่าว” สองสาวเพื่อนผมพยักหน้ายืนยัน

“อิจฉาเราทำไม”

“แหมะ….ซออย่ามาซื่อก็วันเฟสชี่เดย์ไง ฮ่าฮ่าฮ่า” สองสาวหัวเราะชอบใจคิกคัก

“ขอร้องหละ อย่าพูดถึงวันเฟสชี่เดย์อีกได้มั้ย อายวะ เรากับมันไม่มีอะไรจริงๆ” ผมลุกขึ้นยืนกราบแทบหัวเพื่อนๆให้หยุดล้อเรื่องไอ้โฟร์

“ไม่พูดก็ไม่พูด แต่มึงเอามือออกจากหัวกูก่อนเชี่ยซอ”




เด็กในสังกัดของพี่ธันกำลังเดินเข้ามาในห้องสายตาสอดส่องหาที่นั่ง “เบล เบลมานั่งนี้”  ไอ้เอยกมือเรียก

“มีเพื่อนเรียนวิชานี้ละกู” ไอ้เบลนั่งเก้าอี้ตัวหน้า

“ไอ้เนสละ”

“มันเรียนลงเทอมที่แล้ว เหลือกูนี่แหละที่เพิ่งลง เออแล้วตอนเย็นว่างกันป่ะ” ไอ้เบลถามเราสองคน

“ก็ว่างมีไร”

“วันเกิดกู พี่ธันจะพาไปเลี้ยงที่ Twins พวกมึงไปเป็นกูหน่อยดิ ที่ร้านมีแต่เพื่อนพี่เค้ากูไม่มีเพื่อนคุยวะ”

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะมึง กูสองคนไปเป็นเพื่อนเอง เผื่อพี่ธันเปลี่ยนใจซื้อประกันกูแล้วจะได้ฉลองด้วยกันเลย”

“เดี๋ยวกูช่วยพูดอีกแรง” อย่าเลยเบลมึงจะถูกตัดค่าขนมเหมือนไอ้เนส






คาบENGผ่านไปไอ้เบลก็ชวนมาหาของกินที่โรงเย็น ผมได้โค้กแก้วหนึ่ง ไอ้เบลกับไอเอได้ข้าวคนละจาน แล้วเราก็นั่งคุยกันเรื่องทั่วๆไป เรื่องเรียนบ้างเรื่องบอลบ้าง


ขณะนั้นฮองเฮาบลูไม่รู้โผล่มาจากไหนทิ้งตัวนั่งข้างๆไอ้เบล ตานี่เขียวปั๊ด

“เบล แค่สามคนก็จะแย่อยู่แล้วนะ ยังคิดหาเด็กเพิ่มให้พี่ธันอีกหรอ” มองหน้าผมแบบหาเรื่อง
 
“เข้าใจผิดแล้ว ใครจะทำแบบนั้น ไม่มีใครบังคับพี่ธันได้สักหน่อยบลูก็รู้นิ ยกเว้นพี่ธันจะชอบเอง”

ปั้ง!!เสียงตบโต๊ะฉาดใหญ่ด้วยความโกรธ จนผมสะดุ้งโหยงเพื่อนรอบๆโต๊ะก็พากันหันมามองเพราะเสียงเริ่มดังทั้งสองฝ่าย

“เบลก็อย่าเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาก็พอ เราไม่ชอบ เนสอีกคนหนึ่ง” มันหันขวับมาทางผมอีกครั้ง

“แต่เราก็เคยเปิดโอกาสให้บลูนะ ลืมหรอ” เช็ด!แทงใจดำสุดๆเป็นการตอบโต้ที่นิ่งๆแต่บาดลึกถึงความรู้สึก

ไอ้บลูหน้าจ๋อยแต่ยังคีบลุค “เราเตือนแล้วนะเบล” ฮองเฮาลุกออกจากโต๊ะไปแบบหน้าเชิดคอตั้ง แรงหึงนี่มันมีอานุภาพทำลายล้างที่สูงมาก

ไอ้เอตบลงที่บ่าไอ้เบลปุๆ  “โอเคนะมึง”

“อืม บลูก็เป็นแบบนี้แหละหวงจนเกินเหตุ สงสัยต้องให้พี่ธันจัดการบ้างละ” เกิดศึกภายในครอบครัวจนได้

“มึงไม่ต้องห่วงนะเบล พี่ธันไม่มีทางชอบกูหรอก และกูก็ไม่มีวันชอบพี่ธันได้” ไม่ได้แก้ตัวพูดจากความรู้สึก

“กูไม่หวง มันเป็นเรื่องของพี่ธัน กูไม่ยุ่งเขาจะรักใครชอบใคร มันก็สิทธิ์ของเขาป่าววะ” ใจกว้างเป็นมหาสมุทรเลยพ่อคุณเอ๊ย!



ครื๊ด~~~ครื๊ด~~~ครื๊ด~~~



“ครับพี่ธัน เบลนั่งอยู่ที่โรงอาหารกับเพื่อน พี่ธันเดินเข้ามาได้เลยครับ”

ไอ้เบลพูดกับคนปลายสายด้วยอาการดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชายร่างใหญ่หล่อเนียบด้วยผมทรงเวทลุคกับสูทสีดำก็เดินตรงเข้ามาทำให้สาวๆมองจนเหลียวหลังทั้งมหาลัย

“พี่ธันสวัสดีครับ” “สวัสดีครับ” เรากล่าวทักทายแฟนไอ้เบล

“พี่ธันนั่งนี้ครับ ทำไมวันนี้มารับเบลได้ด้วยอ่ะ” สีหน้าไอ้เบลดูปลื้มปริ่มมาก

“ให้พิเศษหนึ่งวัน” หวานกับเมียซ่ะด้วย

“เอ๋อ!!!! พี่ธันครับ มดสำลักน้ำตาลแล้วครับพี่” ผมพูดแทรกหยอกล้อสองผัวเมียที่ทำหวานต่อหน้าพวกผม

“นี่มึงเป็นเพื่อนสนิทกับเบลอีกคนหรอ เด็กคนขายประกัน” กัดผมอีกแล้ว

ไอ้เอกลั้นขำไม่อยู่ “ฮ่าๆ มันก็สนิทได้กับทุกคนแหละพี่ธัน มันอยากไปอังกฤษ”

“พี่อ่านรายระเอียดที่ผมเอาไว้ให้รึยัง” ทำการขายอย่างต่อเนื่อง

“ก็บอกแล้วว่าไม่ซื้อ” ปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

“พี่ธันน่าจะซื้อเพิ่ม เบลว่ามันก็เข้าท่าดีนะครับ เบลอ่านแล้ว” กราบงามๆเพื่อนเบล

เบล” เสียงแข็งโป๊กใส่เด็กบริหาร จนหน้าจ๋อยลงทันที

“พี่ไม่ต้องว่าเบลเลยพี่ธัน ผมให้มันอ่านเอง”

“พอ! วันนี้กูมารับเบลไม่ได้มาฟังมึงขายประกัน” พี่ธันส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

 “เออแล้วมึงสองคนจะไปพร้อมกูเลยมั้ย” ไอ้เบลถาม

“กูกลับบ้านก่อนวะเบล” ไอ้เอตอบ

“กูไปกับมึงเลยเบล รถให้ไอ้เอขับกลับบ้าน”

“พี่ธันให้ซอไปด้วยนะ”

“ไม่ต้องถามพี่แล้วม้างงง”





ผมเอากุญแจรถให้ไอ้เอขับกลับบ้านไป ส่วนผมก็เดินตามพี่ธันกับไอ้เบลมาขึ้นรถออดี้สีดำสุดหรูที่จอดไว้อีกฝากของมหาลัย มันช่างเป็นวาสนาตูดจริงๆที่ได้ประทับรอยไว้บนเบาะหนังเงาวับแบบนี้  ผมนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ด้านหลัง ไอ้เบลนั่งเบาะหน้าคู่คนขับ เขาก็สวิทหวานกันสองคนปล่อยผมเป็นเพียงอากาศธาตุที่อยู่ในรถเท่านั้น ได้แค่นั่งมองออกไปทางกระจกเงียบๆคนเดียวแต่หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นจังหวะที่ไอ้เบลเอียงตัวไปจูบกับพี่ธันตอนที่รถติดไฟแดงพอดี 



อยากจูบเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้สักครั้ง จูบแล้วไม่ต้องหลับสักครั้ง อยากรับรู้ความรู้สึกได้บ้าง



จนมันทำให้ผมนึกถึงแฟนคนอีกคนตอนที่ผมอยู่ม.4 เธอชื่อปลาและเพิ่งย้ายเข้ามา ปลาเป็นคนสวยเป็นดาวโรงเรียนเพื่อนๆรุมจีบกันทุกคน แต่ปลากับบอกว่าชอบผม เพื่อนนี่แทบแจกตีนผมทั้งห้อง คบกันได้หนึ่งเทอมก็นัดกันไปเที่ยวคอนเสิร์ตกับเพื่อนๆในกลุ่มที่สวนผึ่ง




ผมยืนจับมือปลาไว้ตั้งแต่คอนเสิร์ตเริ่มเพลงแรกจนมาถึงช่วงท้ายๆ ทั้งบรรยากาศพาไป เพลงพาไป เผลอไป ผีผลักไปหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมลืมตัวยื่นหน้าไปจูบปลาเข้าเต็มๆ ครั้นจะผละออกก็ไม่ทัน ผมหลับกลางอากาศล้มลงต่อหน้าเพื่อนๆ กองอยู่กับเศษขยะที่เกลื่อนเต็มพื้น ไอ้โฟร์กับไอ้เอต้องแบกมาส่งที่ห้องพัก


หลังจากออกเดทที่ต่างจังหวัดวันนั้นผมก็ขอเลิกกับปลา เพราะรู้ตัวว่าผมไม่สามารถดูแลใครได้เลยแม้แต่ตัวเอง ปลาร้องไห้ฟูมฟายถามหาเหตุผลจากผมแต่ก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ จนปลาคบกับพี่ม.5 แม่งโคตรเจ็บตอนที่เห็นแฟนเราไปเป็นของคนอื่น




“พี่ธันแวะปั้มให้หน่อย เบลจะซื้อโกโก้ ซอมึงเอากาแฟมั้ย” ผมตื่นจากความหลังอันแสนเจ็บปวดเพราะเสียงไอ้เบลเรียก

“ไม่อ่ะ ขอบใจ” รถเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าร้านกาแฟไอ้เบลก็ลงจากรถไป

“ไม่ได้เอาปากขึ้นรถมาด้วยหรอ นั่งเงียบเลยนะมึง”

“โห๊ยยย พี่เล่นจูบกันมาตลอดทางแบบนี้ ให้ผมพูดตอนไหนคร๊าบบบ” ผมเอื้อมมือไปเกาะเบาะหน้าคุยกับพี่ธัน

“อิจฉา?” พี่ธันมีพายกระซิบป่าววะ ถึงรู้ผมคิดอะไร

“อิจฉาทำไม ไม่เห็นอยากจูบเลย” ตอบแบบลอยหน้าลอยตา

“ไม่อยากจูบหรือจูบไม่ได้กันแน่วะ” จึ๊กกกกกก มีดแทงเข้าที่กลางอกเลือดพุ่งกระจาย

กดรีโมทเปลี่ยนช่องด่วน ช่องนี้พระเอกกำลังสาหัด

“ตกลงพี่จะส่งเอกสารให้ผมได้วันไหน”

“เอกสารอะไร”

“เอกสารทำประกันไงพี่ ผมจะได้เอาให้พี่สาว”

“ไอ้ซอไอ้หน้าด้าน กูบอกว่ากูไม่ซื้อ” ด่าแสกหน้าผมมาเสียงดัง

“ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ครับ”

“มึงอยากหลับอีกใช่มั้ย พูดมากชิบ” เริ่มใช้คำขู่อีกแล้วพี่ธัน

“ผมไม่พูดพี่ก็ว่าผมเงียบ พอผมพูดก็หาว่าพูดมาก พี่จะเอาไงแน่คร๊าบบบ”

“กูให้มึงพูดเรื่องอื่นไม่ใช่ขายประกัน พี่ชายมึงรู้มั้ยว่ามึงมีอีกโรคติดตัวมา”

“โรคไรพี่”

“โรคกวนส้นตีนกูนี่ไง”

“ชงมุขให้เลยนะเนี่ย ไม่งั้นพี่ไม่ด่าผมหรอก ฮ่าๆๆๆๆ”

“ไอ้เด็กเปรต”




ไอ้เบลกลับขึ้นมาผมก็ไม่ได้กวนประสาทพี่ธัน ปล่อยให้เขาจ๊ะจ๋าต่อ รถพี่ธันมาจอดที่ Twins ตอน6โมงเย็น เจ้าของร้านฝาแฝดกำลังนั่งกินข้าวเราเลยได้แจมมื้อเย็นด้วย



 
“น้องเอแฟนพี่ไม่มาหรอ ซอ” พี่ชินทำหน้า
กะลิ้มกะเหลี่ยถามผม

“ตามมาพร้อมพี่กัสครับพี่”

“ไอ้ธันซื้อประกันรึยังซอ” แฝดอีกคนถามผม

“ยังเลยพี่เชน ผมถึงต้องตามติดแบบนี้ไง” ผมแอบมองปฏิกิริยาพี่ธันด้วยตาดวงน้อยๆ พี่แกจะด่าผมต่อไหม

“มันโคตรหน้ามึนเลยนะมึง ตามกูยิ่งกว่าวิญญาณ พูดแต่เรื่องประกัน ไม่รู้แม่มันเอาอะไรให้กินตอนเกิดตื้อชิบหาย”

“ขนาดนั้น ฮ่าฮ้าๆๆๆๆ” แฝดพี่น้องหัวเราะเสียงดัง

“พี่ก็ซื้อ สักทีดิคร๊าบ ผมจะได้เลิกตื้อ” กวนได้นั่งคนละฝั่งตีนพี่ธันไม่น่ามาถึง

“พวกมึงดูมันดิ พูดเชี่ยอะไรก็ลากเข้าเรื่องประกันตลอด ไอ้ฉิ่งไม่เห็นหน้ามึนเท่ามันวะ”

“นั่นไอ้ฉิ่งนี่ไอ้ซอไง ฮ่าๆๆ” พวกพี่แกดูชื่นชมจังครับ

“เบลละวันเกิดไอ้ธันให้อะไรรึยัง” พี่เชนถามเบลเจ้าของวันเกิดด้วยเสียงนุ่ม

“ได้แล้วครับพี่เชน แต่บอกไม่ได้ว่าอะไร” ไอ้เบลหน้าแดงอายจนออกอาการ

“อั๊ย~ยะ ความลับสาด้วย พี่ธันรับเลี้ยงน้องชินอีกสักคนได้มั้ยครับ อยากเป็นเด็กพี่ธันจัง” พี่ชินเอาหน้าซบที่ไหล่พี่ธันทำท่าอ้อนๆ

“แดกตีนกูก่อนมั้ยสัส ไปไกลๆขยะแขยง” มือพี่ธันผลักหัวพี่ชินออก

“แหนะๆ กับเพื่อนทำเป็นรังเกียจกับเด็กๆปล่อยผ่านนะมึง”





เวลาผ่านไป2ทุ่มตรง พี่กัสไอ้เอพี่ชายผมก็มาถึงร้าน วันธรรมดาคนที่ร้านไม่ค่อยเยอะ จะมีเพียงแฟนคลับที่ตามกรี๊ดไอ้ฉิ่งอยู่ทุกวันนั่งหน้าเวทีไม่กี่สิบคน กับกลุ่มพวกผมที่มานั่งกินเหล้าฉลองวันเกิดเมียตะเภาทองของพี่ธันที่โต๊ะตัวใหญ่ ไอ้ฉิ่งทักทายพี่ๆแล้วขึ้นเวทีทำหน้าที่ร้องเพลง บรรยากาศในร้านชิลๆอบอุ่นด้วยเพลงรักฟังง่ายไม่มีเพลงอกหักสักเพลง เจ้าของวันเกิดก็เริ่มเมาพูดจากไปเป็นภาษา ส่วนไอ้เอก็ถอยห่างจากพี่ชินเพราะกลัวโดนตอด แต่ก็ใช่ว่าจะหนีพ้น





“น้องเอครับ ไม่นั่งใกล้พี่เลยนะ”

“กลัว”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เพื่อนร่วมใจหัวเราะพร้อมกันแบบไม่ได้นัด

“เอกลัวพี่ หรือ เอ กวา ดอร์” พี่ชินยกแก้วชนกับพี่ธันผู้เป็นกองหนุน จัญไรเชี่ยๆ



ผั๊ว!!!!!!



“น้องกูคนไทยสัส แทะพอสมควร เดี๋ยวจะได้คุยกับตีน” พี่กัสตบหัวเพื่อนตัวเองเข้าอย่างจัง

“โห่ กัสมึงก็ตบกูซ่ะสมองไหลมารวมกันแล้วเหี้ย จีบนิดจีบหน่อยทำเป็นหวง” มือลูบที่หัวเองเนื่องๆ





ผมก็เริ่มอึนๆหลังจากที่ชนกับไอ้เอไอ้เบลอยู่นานเลยเดินมาล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ พี่ธันเองก็ยืนล้างมือที่อ่างผมเลยชะโงกมองหาไอ้เบล เพราะไม่อยากมาเห็นภาพสวิทอันดูดดื่มอีกรอบในห้องน้ำ



“มองหาอะไรของมึง” ถามด้วยเช็ดมือไปด้วย

“ป่าว พี่ธันผมขอเบอร์หน่อยดิ ผมจะได้คุยเรื่องประกันได้สะดวกขึ้น”  หน้าด้านไปมั้ยวะ?

“นี่มึง สนิทพอที่กูจะเบอร์ได้แล้วหรอ”

“ก็ผมให้เบอร์พี่ไปแล้วพี่ไม่โทรมา งั้นพี่ก็เอาเบอร์ให้ผม ผมโทรหาเอง” ผมส่งมือถือให้พี่ธัน

“ถ้าขืนยังพูดเรื่องประกันอีกคำ กูจะทำให้มึงหลับคาห้องน้ำเดี๋ยวนี้” พี่ธันก้าวเข้ามาประชิดติดตัวทำหน้าเข้ม

หลังติดผนังแล้วนะ “เฮ่ยยยพี่ อย่าแกล้งแบบนี้ดิ แค่ขอเบอร์โทรเอง” ผมพยายามให้มือดันอกพี่ธันออกห่างตัว


 
ฝันดีนะมึง



พูดจบพี่ธันก็ใช้ร่างอันสูงใหญ่บดบังตัวผมติดกับผนังห้องน้ำ หน้าเข้มก้มเข้ามาใกล้จมูกเอียง45องศาประกบจูบเรียบร้อย รู้สึกแต่เพียงว่าริมฝีปากอ่อนนุ่มจูบผมนานกว่าครั้งก่อน


ม่านตาเริ่มเลือนรางและค่อยๆมืดลงๆ ขาเริ่มอ่อนแรงไม่สามารถพยุงร่างตัวเองให้ยืนได้ ช่วงเสี่ยววินาทีนั้นผมขอแค่พี่ธันอย่าปล่อยผมให้นอนในห้องน้ำก็พอมันคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก





ร่างของไอ้ตาเล็กเด็กขายประกันจอมพูดมากค่อยๆไถลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกเกือบถึงพื้นปูน ผมใช้แขนโอบเอวมันไว้แล้วอุ้มร่างด้วยสองแขนเดินออกจากห้องน้ำ ผ่านเข้าไปที่ห้องพักด้านหลังของร้านซึ่งห้องนี้มีไว้สำหรับเพื่อนๆนอนค้างเวลาเมา


ผมวางร่างเด็กซอไว้บนเตียงแล้วห่มผ้าให้ ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มเปื้อนเต็มไปหมด  ไม่เหมือนคนป่วยสักนิด ปากเล็กเผยอยิ้มชวนมองใบหน้าไม่ได้แสดงถึงความทุกข์ใดๆ  บางทีพระเจ้าอาจสร้างโรคนี้ขึ้นมาเพื่อให้เด็กซอหลับฝันดีทุกคืนก็ได้ เพราะทุกครั้งที่ผมเห็นมันหลับก็มีแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสดงออกถึงความสุขอย่างเดียว ความเจ็บปวดจากอาการป่วยอยู่ที่ไหนกัน?



ผมเดินกลับไม่นั่งทำตัวนิ่งๆและพูดคุยกับเพื่อนตามปกติ จะมีก็แต่ไอ้เอเพื่อนของไอ้ซอที่คอยชะเง้อมองหา



“พี่ธันไปเข้าห้องน้ำมาเจอไอ้ซอป่าวพี่ มันไปสักพักแล้วไม่กลับมาสักที”

“มันนั่งพักอยู่หลังร้านนะ ปวดหัวเดี๋ยวจะออกมาเอง มันฝากมาบอก”




ไอ้เอก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่เดินเข้าไปดูจนเวลาผ่านไปเลขาของผมก็มาพร้อมกับกล่องของขวัญใบเล็กที่ผมซื้อไว้และให้เลขาไปเอามาเซอร์ไพร์สให้เบล วันนี้ไม่มีเป่าเค้กใดๆส่วนของขวัญชิ้นนี้เป็นของขวัญสำหรับเด็กดีของผม พลอยยื่นกล่องนั้นให้ผมแล้วนั่งลงข้างไอ้กัส



“แล๊วๆๆๆๆ ไหนเบล บอกว่าได้ของขวัญแล้วไงนี่มันอะไรอีกวะ ป๋าธัน” ไอ้ชินแซวผม

“เสือก”

“พี่ธันให้เบลอีกทำไมครับ” เบลทำหน้างง ก่อนหน้านี้ผมโอนเงินเข้าบัญชีให้เป็นของขวัญไปแล้ว

“เบลเปิดดูก่อนสิ พี่ไปนั่งรอตั้งนานนะกว่าจะได้ เหมาะกับเบลด้วย” เสียงจากเลขา

เบลรับกล่องของขวัญนั้น ด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย “ขอบคุณครับพี่ธัน”

“เปิดดูสิชอบป่าว” ฝากล่องค่อยๆเปิดขึ้น

“เชี่ย!! นาฬิกาเลยหรอวะธัน ป๋าสัส ซื้อให้กูบ้างดิ” ไอ้ชินแย่งนาฬิกาจากเบลไปดู

“พี่ธันไม่น่าซื้อเลยครับ เบลใส่อะไรก็ได้” เบลกุมมือผมไว้ที่ตักตัวเอง

“เบลพูดแบบนี้ไอ้ธันมันเสียใจแย่นะ” เลขาพูดอีกที

“ม๊ะ พี่ใส่ให้” ผมคว้านาฬิกามาจากมือไอ้ชินแล้วใส่ให้ข้อมือเล็ก เบลจ้องด้วยตาสวยขนตาหนา มีน้ำใสๆคลอกำลังเอ่อไหลออกมา ขี้แงไม่เคยเปลี่ยนเลยเบล ผมจูบปลอบใจหนึ่งที

“ฮิ้ววววววววววววววว หวานทุกคนเลนนะพ่อขุนแผน” เสียงแซวเสียงกัดดังกว่าเพลงที่ไอ้ฉิ่งกำลังร้องอยู่บนเวทีซ่ะอีก




แล้วไม่นานนักไอ้เด็กที่หลับอยู่หลังร้านก็เดินตรงเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าที่โกรธ



“พี่ธันแกล้งผมทำไม” ผมยืนประชันหน้ากับพี่ธันที่กำลังให้เมียซบไหล่

“แกล้งอะไรห๊ะ กูแกล้งอะไรมึงซอ ไหนบอกมาสิ แกล้งอะไร” พี่ใหญ่กวนส้นตีน

“ก็พี่..พี่…โอ้ยยยยยย!! หงุดหงิดโว้ย” ผมเดินกะหวัดกะเหวี่ยงกลับไปนั่งที่ เพราะทำอะไรไม่ได้

“อ่าว! ทำไมไม่พูดกูแกล้งอะไรมึง” ยัง ยัง ยังกวนตีนไม่เลิกอีก

ไอ้เอเอี้ยวตัวกระซิบที่ข้างหู

“พี่ธันแกล้งอะไรมึงซอ”

ไอ้เพื่อนเวรเสือกอยากรู้ผมก็โกหกไม่เป็นซ่ะด้วย อยากรู้จริงใช่ไม ฟังดีๆนะเพื่อน

“เขาขังกูไว้ในห้องน้ำ กูออกมาไม่ได้”

จบนะ















9999999999999999999999999999999

หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่6 ปม up4/2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-02-2017 22:34:54
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่6 ปม up4/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-02-2017 22:37:33
พ่อขุนแผนนี่ยังไง เอะอะจูบ ๆ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่6 ปม up4/2
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-02-2017 23:15:41
 ซอโดนอีก 555 โดนจูบ3รอบไม่โกรธไม่หนีเหมือนโฟร์เลยนะ ไม่เห็นใจซอล่ะ สะใจมากกว่า แมนๆดูบอลได้เป็นเมียพี่ธันแน่ๆ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่6 ปม up4/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 05-02-2017 10:41:38
ซอโดนอีก 555 โดนจูบ3รอบไม่โกรธไม่หนีเหมือนโฟร์เลยนะ ไม่เห็นใจซอล่ะ สะใจมากกว่า แมนๆดูบอลได้เป็นเมียพี่ธันแน่ๆ ฮ่าๆ
ซอคิดผิดฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่7 ติดตาม up5/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 05-02-2017 22:58:58
ตอนที่7 ติดตาม




วันเกิดของไอ้เบลจบลงไปด้วยความแฮปปี้กันทุกฝ่าย (หรอ?) ยกเว้นผมที่นอนหลับอยู่หลังร้านจากฝีปากของพี่ธัน ทำไมชอบเอาปมผมมาล้อเล่นแบบนี้ก็ไม่รู้ มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะครับ


วันนี้คณะผมมีเรียนนอกสถานที่เกี่ยวกับมารยาทการรับประทานอาหารตามหลักสากลที่ถูกต้องในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางใจเมือง


เฮ่ย!....โรงแรมก็มีเยอะแยะแต่ทำไมต้องจองโรงแรมของไอ้โฟร์ด้วยผมไม่เข้าใจ ผมกับเพื่อนๆนั่งกลุ่มเดียวกัน ตั้งใจฟังวิทยากรที่กำลังสอนวิธีการใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารทีละอย่าง จะกินข้าวทำไมพิธีรีตองเยอะขนาดนี้ด้วยนะ





“ซอ เมื่อคืนมึงพลาดรู้มั้ย ตอนที่ไอ้เบลเปิดของขวัญกูนี่ตาลุกเป็นไฟเลยเชี่ย”

“พี่ธันให้อะไรมันวะ”

“นาฬิกาแพงสัส พี่ธันแม่งโคตรใจป๋า” ไอ้เอยกเมนูอาหารมาบังหน้าแล้วแอบคุยกับผมสองคน

“แล้วทำไมเค้าถึงไม่ซื้อประกันกูวะ งกอยู่ได้กับเมียจ่ายได้จ่ายเอา” ผมยกเมนูขึ้นตามมันมาติดๆ

“นั้นเมียเค้าไงห่า แล้วมึงรู้ยังวันนี้พี่ธันว่างนะมึง เขาจะไปโรงงาน ไอ้เบลมันหลอกถามให้เมื่อคืน มึงไม่ไปตามเค้าหรอ”

“กูไม่รู้จักโรงงานเค้าวะ”

“ไอ้โง่! ไปรอเค้าสิ”


นักศึกษาค่ะตั้งใจฟังด้วยคะ



แล้วผมกับไอ้เอก็ก้มหน้าลงสนใจช้อนซ้อมกับแก้วไวน์ที่วางเรียงรายกันเป็นสิบๆอันตรงหน้า เข็มนาฬิกาชี้เลข 11 พวกเราก็กินเสร็จ เอ่ย! ไม่ใช่ทานอาหารตามหลักสากลเสร็จสิ้น ผมเก็บของเตรียมตัวก้าวเท้าออกจากประตูห้องจัดเลี้ยงเพื่อไปขึ้นBTSกลับ




“ไอ้พัด เน ฟาง ไปไหนกันต่อวะ”

“เราจะไปช็อบปิ้งต่อ ซอไปด้วยกันป่าว” ฟางชวนผมไปต่อ

“ไม่ดีกว่า เรามีงาน บ๊ายสาวๆ” โบกมือหยอยๆ

“มึงอ่ะจะไปไหน” ผมหันกลับมาคุยกับไอ้เอ

“กูนัดไอ้โฟร์ไว้”

“เหี้ยแล้ว งั้นกูเผ่นก่อนนะมึง ขี้เกียจทะเลาะด้วย แล้วเจอกัน” ยังไม่ทันปลีกตัวออกจากไอ้เอมือปีศาจก็ดึงแขนผมไว้

“มึงจะรีบไปไหน”

“ไอ้โฟร์ปล่อย กูรีบมีธุระไม่ว่างกัดด้วย” พยายามสะบัดมือออกสุดแรง

“พ่อแม่กูอยากเจออยู่กินข้าวด้วยกันก่อนดิ”

“ซอรี่ กูไม่อยากเจอพ่อแม่มึง ปล่อยเลย ปล่อย” ผมใช้มืออีกข้างแกะมือไอ้ชายสี่ออก กำแน่นเลยนะมึง

“คุณศิวะ ค่ะ คุณท่านรอที่ห้องรับประทานอาหารแล้วนะคะ” พนักงานของโรงแรมเดินมาบอกไอ้โฟร์

“ครับ เดี๋ยวผมไป บอกท่านด้วยผมกำลังพาแฟนไปเจอท่าน”

“ไอ้เหี้ย ใครแฟนมึง” ผมยกเท้าถีบเจ้าของโรงแรมจนตัวงอต่อหน้าพนักงานหลายคน

“เฮ๊ยยยยย ไอ้ซอ หยุดๆ” ไอ้เอเข้ามาขวาง รปภ กำลังจะกรูเข้ามาจับผมโยนออกไปข้างนอก ซวยแล้วถีบใครไม่ถีบ เสือกถีบเจ้าของโรงแรม

“ไม่เป็นไรแฟนผมเอง หยอกกันเล่นเฉยๆมันชอบความรุนแรง” ไอ้โฟร์ยกมือห้ามพนักงานของมันไว้

“มึงพอสักทีโฟร์” ผมหันหลังให้ไอ้ชายสี่ รีบจ้ำอ้าวเดินลงบันไดมา

“ซอ มึงไปเจอพ่อแม่กูสัก5นาทีไม่ได้หรอวะ กูขอร้อง” ไอ้โฟร์วิ่งมาดักหน้าผมไว้ ทำหน้าสลดให้ผมสงสารมัน

“กูไม่ไป”

“3นาทีก็ได้”

“ไม่”

“กูจะสั่งพนักงานไม่ให้มึงออกจากโรงแรม มึงเลือกเอา” คิดว่าเป็นเจ้าของโรงแรมแล้วจะทำอะไรก็ได้หรอไอ้เหี้ย

“โฟร์ กูมีธุระ วันหลังได้ไหม”

“1นาทีก็ได้”

“กูให้แค่1นาที พ่อแม่มึงอยู่ไหน เร็วเลยถ้ากูไปไม่ทันเวลา มึงตาย”

ไอ้โฟร์หน้ายิ้มๆแล้วมันก็เดินนำผมกับไอ้เอไปที่ห้องรับประทานอาหารของพ่อกับแม่มัน พอเปิดประตู้เขาไป ทั้งสองคนปากยิ้มฉีกจะถึงหูแต่ผมต้องรีบตัดบท อาจเป็นการเสียมารยาทกับผู้ใหญ่แต่มันจำเป็น


“พ่อแม่สวัสดีครับ ซอต้องขอตัวกลับก่อนคงอยู่คุยนานไม่ได้ ซอติดธุระจริงๆครับ พ่อแม่คุยกับไอ้เอไปก่อนนะครับ ถ้าผมว่างแล้วผมจะเข้ามากินข้าวด้วยวันหลัง สวัสดีครับ”





แล้วผมก็เดินออกมาเลย กอดเสื้อสูทกับเนคไทใส่กระเป๋าแล้ววิ่งขึ้น BTS มาลงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัย นั่งวินมอเตอร์ไซค์ตรงมาที่บริษัทของพี่ธัน ยื่นนามบัตรใบเดิมให้ ลุง รปภ ประจำลิฟท์แก้ว แกก็ยิ้มทักทายเพราะจำหน้าผมได้ ลิฟท์หยุดที่ชั้น8 ผมวิ่งหน้าตั้งมาถึงหน้าห้อง เหงื่อไหลเป็นทางตามไรผมเสียงหอบเหนื่อยดัง เฮื่อฮา เฮื่อฮา




“พี่พลอยสวัสดีครับ พี่ธันออกไปรึยังครับ” ผมถามเลขาส่วนตัวของพี่ธัน

“ยังนะ ใจเย็นซอมีอะไรรึป่าวดูรีบๆ เอ๊ะ!เดี๋ยวก่อน แล้วซอรู้ได้ไงว่าคุณธันจะออกไปข้างนอก แหน่ๆๆ พี่ตกข่าวรึป่าวซอ” พี่พลอยยืนขึ้นใช้มือเท้าที่โต๊ะ คำถามดูกำกวม

“เปล่าๆไม่มีอะไร คือเบลบอกผมตั้งแต่เมื่อคืนอ่ะพี่”

“มีสายสืบนี่เอง เข้าไปเลยก็ได้นะ คุณธันคงไม่ว่าหรอก พี่มีนัดพี่กลับก่อนนะตามสบาย” พี่พลอยโบกมือลา แล้วปล่อยให้ผมเข้าไปหาพี่ธันเอง



ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!



“เชิญครับ”

“พี่ธันสวัสดีครับ”

“อ่าวเฮ่ย มึงเข้ามาได้ไง”

“ตกใจอะไรพี่ ผมก็เข้ามาทางประตูนี่ไง พี่พลอยให้ผมเข้ามาได้”

“ออกไปกูมีงาน ไม่ว่างฟัง”

“โกหก ผมรู้พี่ไม่มีงาน วันนี้ผมตามพี่ได้ทั้งวัน พี่ไปไหนผมไปด้วย” ผมนั่งลงที่โซฟา พี่ธันก็เริ่มเก็บเอกสารใส่ลิ้นชัก

“ยังไม่เข็ดใช่มั้ย” พี่ธันถอดเสื้อสูทแขวนที่เก้าอี้ดึงเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกงเกะกระดุมที่แขนออกแล้วผับแขนเสื้อขึ้น

“พี่ธันจะไม่ลองคิดทบทวนเรื่องประกันหน่อยหรอ ถือว่าทำบุญก็ได้พี่”

“กูไม่ซื้อ มันบาปด้วยหรอวะ”

“ไม่บาปหรอกพี่ แต่เวรกรรมอย่างผมก็จะติดตามพี่ไปทุกหนทุกแห่งแบบนี้แหละ”

“ไอ้หน้าหนา  กูเข้าโรงงานมึงก็จะตามหรอ”

“ไปดิพี่ ขนาดนี้แล้ว ตื้อก็ต้องตื้อให้สุดดิ” พี่ธันทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วก็เดินนำผมไปที่ลานจอดรถ

“พี่ธันให้ผมนั่งไหน เบาะหน้าหรือเบาะหลัง”

“กูไม่ใช่คนขับรถ มานั่งข้างหน้า”

“ครับๆ”


ผมนั่งเบาะหน้าตามคำสั่งพี่ธัน นั่งสบ๊ายสบายเป็นบุญตูดรอบสอง แถมในรถมีเพลง maroon5 เปิดคลอเบาๆเสียงเพลงก็รื่นหู เบาะก็นิ่มมีคนขับให้นั่งอีกต่างหาก


“พี่ธันชอบมารูน5หรอพี่” ผมเริ่มชวนคุย

“อืม”

“ผมก็ชอบmaroon5นะ แต่ชอบน้อยกว่าลิเวอร์พลู ที่ต้องขายประกันก็เพราะพี่สาวจะให้ตังค์ผมไปแอนด์ฟิลด์ ผมถึงตามเซ้าซี้พี่อยู่นี้ไง” ดูยากจนเกินไปมั้ยวะ?

“ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะปล่อยไว้กลางทางด่วน”

“แค่ขู่ผมรู้”


เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



"ลง"

“พี่ธัน ผมไม่พูดแล้ว ไม่พูดๆ” พลางเอามืออุบปากไว้

ลง

ชิบหายละพี่ธันจะทำจริงหรอเนี่ยเอาไงดีวะเป็นไงเป็นกัน ดีกว่าลงกลางทางด่วน

“ไม่ลง ดูสิพี่จะทิ้งผมไว้ที่นี่จริงมั้ย”




จากนั้นไอ้ตาเล็กก็ยื่นหน้ามาจูบผมด้วยริมฝีปากที่นุ่มละมุนของมันแบบเต็มปากเต็มคำโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว

แอบจูบผมไม่ว่า แต่มันเสือกหลับฟุ๊บตรงเป้ากางเกง เป๊ะ!! ผมได้แค่เป่าปาก ฟู่ว ถอนหายใจเฮือกยาว เรียกสติคืน ก่อนดึงร่างมันให้นอนเป็นที่เป็นทาง

ผมแค่ขู่เล่นๆ กลัวเป็นด้วยหรอไอ้เด็กบ้องสติขาดๆเกินๆ เวลามันหลับค่อยน่ารักหน่อย หูสงบขึ้นเยอะ เด็กอะไรชอบทำหน้ามึนยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมเป็นลิงเป็นค่างตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน


จนกระทั้งผมขับรถมาถึงบ้านได้เวลามันก็ตื่น



พี่ธันบอกจะไปโรงงานแต่นี่มันบ้านนี่หน่า เป็นบ้านที่หลังใหญ่มากน่าจะเท่าบ้านผมรวมกันสี่หลังได้ อยู่กันกี่คนวะถึงใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ จากนั้นป้าอายุกลางคนเดินมาขนกระเป๋าลงจากรถ



“ป้าใจ ป๊าอยู่บ้านมั้ย” พี่ธันเอ่ยถามป้าคนนั้น

“อยู่ครบทุกคนเลยค่ะคุณ ที่ห้องรับแขก” ผมมีหน้าที่แค่เดินตามหลังพี่ธันขืนเดินเองหลงแน่กว้างชิบหาย

“ป๊า เมษ อาซ้อ หวัดดีครับ” พี่ธันยกมือไว้คนทั้งสาม

“เออหวัดดี พาเมียมาให้ป๊าดูหรอ” ผู้ชายแก่มีหนวดใส่แว่นตานั่งที่โซฟาตัวใหญ่พูดขึ้น

“ใช่..ที่ไหนละป๊า มันแค่เด็กขายประกันเท่านั้นแหละ สวัสดี ป๊า พี่ชาย พี่สะใภ้กูซ่ะสิมึง ปากอ่ะเอามามั้ย”

“สวัสดีครับ ป๊า เฮีย อาซ้อ ผมชื่อซอ รบกวนด้วยนะครับ”

“แค่เด็กขายประกันจริงหรอวะธัน ขายประกันแบบไหนถึงพาเข้าบ้าน เมียไม่เห็นเคยพามาสักครั้ง” พี่ชายถามพี่ธัน

“เมษมึงไม่ต้องคิดไปไกล กูจะเข้าโรงงาน มึงเอามันไว้ปวดหัวแทนกูสัก3ชั่วโมงแล้วกัน”


พี่ธันยังไม่ได้นั่งพัก ได้แต่พูดๆแล้วพี่แกก็ทิ้งผมไว้ที่บ้านกับคนในครอบครัว คิดว่าผมจะกลัวจนหนีกลับบ้านใช่มั้ย ไม่มีทางหรอกไม่ยอมแพ้อยู่แล้วแค่นี้เอง

“มาๆ มานั่งใกล้ๆป๊านี่ลูก อายุน่าใกล้เคียงกับตุลย์นะ ว่ามั้ยเมษ” ป๊ากำลังพูดถึงใครอีกคน

“คิดถึงลูกชายคนเล็กอีกแล้วป๊า”

“ก็น้องไม่กลับเป็นเดือนแล้วนะเมษ” ป๊าพี่ธันพับหนังสือพิมพ์ วางไว้ที่โต๊ะ

“ป๊า ช่วงนี้ไอ้ตุลย์สอบ เดี๋ยวมันก็มา เออ รินเข้าไปหาของว่างมาให้ซอกินหน่อยสิ” พี่เมษบอกอาซ้อ

“แล้วเขาอยู่ไหนครับ ป๊า” ผมถามผู้ชายที่ดูน่าเกรงขาม

“อยู่เชียงใหม่กับม๊าเค้าโน้น แล้วซอเป็นอะไรกับไอ้ธัน” ป๊าถามกลับบ้าง

“รู้จักกันในกลุ่มเพื่อนๆครับ อีกอย่างพี่ชายผมเป็นลูกน้องพี่ธัน ผมตามขายประกันให้พี่ธันเฉยๆไม่ได้เป็นอะไรกันครับป๊า”

“อ่อ ขายอะไรบ้างละ มีเอกสารให้ป๊าดูบ้างมั้ยเผื่อป๊ากับพี่เมษช่วยซื้อได้” อ่าวเฮ้ย..โชคล่นทับแน่เลยซอ ถ้าพี่ธันรวย ป๊ากับพี่ชายก็ต้องรวยกว่า

“วันนี้ไม่มีเอกสารเลยครับป๊า วันหลังเดี๋ยวผมฝากพี่ธันมาให้ครับ” ปูทางไว้ก่อนจะได้เข้ามาที่บ้านบ่อยๆ อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ

“จะฝากมาทำไม มาเองเลย ป๊าจะได้มีเพื่อนคุย” ตรงตามแผนไอ้ซอ

“ขอบคุณครับป๊า”


อาซ้อเอาขนมกับผลไม้ออกมาให้ผมกินเยอะมากอร่อยทุกอย่างด้วย ผมนั่งคุยกับป๊าจนลืมดูเวลาเงยหน้าขึ้นอีกทีก็6โมงเย็นเข้าไปแล้ว พี่ธันก็กลับมาจากโรงงานพอดี



“ป๊า ธันกลับเลยนะครับ เอกสารเซ็นไว้ให้หมดแล้ว บอกไอ้เมษด้วยอยู่ที่ห้องทำงานมัน”

“ได้ ธันวันหลังก็พาซอแวะมาหาป๊าอีกนะคุยเก่งมาก ป๊านั่งเพลินเลย”

“พูดเก่งกับพูดมาก แค่เส้นบางๆเองนะป๊า”

"...><..."

“เอ้าลุกสิ กลับได้แล้วนั่งทำหน้าสลอนอยู่ได้”

“สวัสดีครับป๊าแล้วซอจะมาหาใหม่นะครับ” ไหว้สวยๆก่อนกลับอีกครั้ง



ขากลับเพลง sugar ของ maroon5 ดังอีกครั้ง ผมฮัมตามเบาอย่างอารมณ์ดี พลางคิดเรื่อยเปื่อย ผมรู้จักพี่ธันมาก็พักใหญ่แล้วเบอร์โทรก็ยังไม่มี ขอไอ้ฉิ่งมันก็ไม่ให้เพราะมันกลัวผมจะโทรไปกวนเจ้านายมัน ผมจึงใจกล้าขอเบอร์พี่ธันอีกครั้ง หลังจากครั้งแรกไม่สำเร็จ



“พี่ธันขอเบอร์โทรหน่อยได้มัยครับ”

“เอาไปทำไม”

“ไว้คุยกันไงพี่”

“กูไม่อยากคุย”

“ไลน์ก็ได้พี่ พิมพ์เอาไม่ได้ยินเสียงผมด้วย แอ๊ดเลยนะครับ” ผมก็ถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ของพี่ธันที่วางอยู่ด้านหน้ามาแอ๊ดไลน์โดยที่พี่ธันยังไม่ได้อนุญาต

“ไอ้นี่ กูจะด่ามึงยังไงดีวะ” ดีนะที่พี่ธันจับพวงมาลัยอยู่ แอ๊ดเสร็จก็จัดการส่ง บราว์ไปทักทาย

“พี่ธันส่งผม ที่สาวรีย์ก็ได้ครับ ผมนั่งแท็กซี่กลับเอง”

“บอกทางมากูจะไปส่งที่บ้าน เดี๋ยวมึงเผลอไปจูบใครเข้าหลับกลางทางอีกทำไง ไอ้ฉิ่งเอากูตายเลย”

“จริงดิพี่ ใจดีอ่ะ”

“อย่ามาเล่นลิ้น บอกทางมา"

“เกษตรนวมินทร์ครับ”





มาถึงบ้านทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาผมเลยชวนพี่ธันเข้ามากินน้ำเดินเข้าประหน้าบ้านมาปุ๊บ คำแก้วของผมก็เดินเข้ามาหาทันที

“คุณทศพลกลับมาแล้ว ลึ๊หายไม่ไหนมา” อาม่าครับ ซออยู่ข้างๆไม่ใช่คนที่อาม่ากำลังกอดแขนแนบชิดนั้น

“สวัสดีครับ อาม่า” พี่ธันทักทายคำแก้ว

“ทุกคนครับ นี่พี่ธันเจ้านายไอ้ฉิ่ง นี่ ป๊า ม๊า เจ้ขิม เฮียขลุ่ย ครับพี่”

“สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ”

“เจ้ขิมมาพาคำแก้วออกไปที ให้คุณทศพลกินน้ำ” หน้าพี่ธันงง แล้วเจ้ขิมก็พาอาม่าขึ้นชั้นสองไป

“คุณธันนั่งดื่มน้ำชากับเราก่อน ตามสบายนะครับ” ป๊าเรียกพี่ธันร่วมวงดื่มน้ำชา ที่ห้องรับแขก

“ขอโทษด้วยนะครับคุณธัน  อาม่าแกเป็นอัลไซเมอร์นะครับหลงลืมหมดแล้ว” ไอ้ขลุ่ยบอกพี่ธัน

“ไม่เป็นไรครับ อีกอย่างไม่ต้องเรียกผมว่า คุณ ก็ได้ครับ เรียกธันได้เลย” ความเป็นกันเองของพี่ธัน

“อ่าววววว พี่ธันมาบ้านผมได้ไงพี่” ไอ้ฉิ่งทักด้วยเสียงที่ตกใจมากเมื่อเห็นเจ้านายนั่งดื่มน้ำชากับป๊า

“มาส่งน้องชายมึงนั้นแหละ”

“มันทำอะไรให้พี่ธันเดือดร้อนป่าวครับ ผมจะได้จัดการมันให้” ไอ้ฉิ่งกูน้องมึง

“ป่าว บังเอิญเจอเลยมาส่ง” ทำไมพี่ธันไม่บอกว่าผมตามติดเป็นเงาทั้งวันวะ

“แล้วพี่จะไปTwinsมั้ยจะได้ออกไปพร้อมกันเลย”

“ไม่วะ ขอพักสักวัน เดี๋ยวต้องไปหาบลูด้วย” ทำไมเคืองๆตอนได้ยินชื่อนี้วะ

“อ๋อครับ”

“ผมขอตัวกลับเลยนะครับ ป๊าม๊า น้ำชาอร่อยมากครับ วันหลังคงต้องขอมาอีกนะครับ” พี่ธันกล่าวลาครอบครัว

“ยินดีมากครับ” ไอ้ขลุ่ยตอบรับ




พี่ธันกับไอ้ฉิ่งก็ออกจากบ้านไป วันนี้เป็นเหมือนวันพบญาติผู้ใหญ่เลยแหะ ผมไปบ้านพี่ธัน พี่ธันก็มาบ้านผมแถมยังเป็นครอบครัวจีนทั้งสองบ้านด้วย 


ทุกคนในบ้านต่างพากันแยกย้ายเข้านอน ผมก็เช่นกันเหนื่อยมาทั้งวันขอตัวอาบน้ำพักผ่อนกับชุดนอนตัวเก่งเบอร์8ของผมก่อนนะครับ


30นาทีผ่าน พลิกไปพลิกมา  1ชั่วโมงผ่าน กลิ้งจนทั่วเตียง  2ชั่งโมงผ่าน อ่านการ์ตูนหลายเล่ม ก็ไม่ง่วง


เอ๊ะ!นอนมาสักพักแล้วทำไมนอนไม่หลับวะ พลิกซ้ายพลิกขวาทุกท่าแล้วก็ยังตาค้างอยู่


ปั้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


“ขลุ่ยกูนอนไม่หลับ ช่วยกูหน่อย”

“ไปเรียกคนอื่น”

“เค้าหลับกันหมดแล้ว มาช่วยกูหน่อย”

แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด


ในที่สุดมันก็เปิดประตูออกมาจนได้


“เป็นอะไรของมึงวะ”

“วันนี้กูเป็นอะไรก็ไม่รู้นอนไม่หลับตาค้าง กระวนกระวานแปลกๆ ช่วยทำให้กูนอนหลับหน่อยดิ นะเฮีย นะ”


ผมดึงแขนไอ้ขลุ่ยมาที่ห้องตัวเองล้มนอนบนเตียงห่มผ้าเรียบร้อย รอแค่ไอ้ขลุ่ยทำให้ผมหลับ


“ฝันดีนะ สโนวไวท์”

“ไอ้สัส”




















9999999999999999999999999999



หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่7 ติดตาม up5/2
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-02-2017 23:24:43
ซอไม่ลองจูบโฟร์ดูล่ะ อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้นะ ฮ่าๆ โดนพี่ธันจูบบ่อยๆนี่ไม่คิดอะไรเลยเหรอหรือว่าชอบพี่ธัน
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่7 ติดตาม up5/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-02-2017 23:41:54
เบนเข็มมาขายประกันให้ป๊าพี่ธันดีไหมซอ อาจจะสำเร็จนะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่7 ติดตาม up5/2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-02-2017 13:00:50
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่8 เค้กอร่อย up6/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 06-02-2017 23:08:44
ตอนที่8 เค้กอร่อย





ห้องสมุดตึก11วันนี้มีแต่เด็กการบินนั่งทำรายงานหลังจากเรียนวิชาบุคลิกภาพเสร็จอาจารย์ก็ปล่อยให้เรามาค้นคว้าขอข้อมูลทำงานส่ง



“ขี้เกียจแล้ววะมึงหาอะไรกินก่อนได้ป่ะ” เสียงบ่นจากไอ้เอ

“บ่นเพื่อ กูกับเนเป็นคนพิมพ์มึงแค่หาข้อมูล เดี๋ยวตัดชื่ออกจากกลุ่ม” ไอ้พัดด่า

“เป็นสจ๊วด ขี้เกียจไม่ได้นะเอ งานเยอะมาก” ฟางวางหนังสือกองโตไว้ที่โต๊ะ หันหน้าไปว่าเพื่อนที่กำลังอิดออดเรื่องรายงาน

“ใครบอกเราอยากเป็นสจ๊วด พี่บังคับเรียนเหอะ กูไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย” มันกวักมือเรียกเพื่อนสุมหัวฟังเรื่องของมัน

“ไม่ได้อยากเป็นสจ๊วดแล้วมึงมาเรียนทำไมสัสเอ เสียเวลา ย้ายคณะม่ะอนาคตมึงนะ” ไอ้พัดกระหน่ำด่าเพื่อนอีกรอบ

“จุ๊ๆ ความลับเลยนะพวกมึง ห้ามแพร่งพราย ที่จริงกู อยากเป็น…อยากเป็น…. แอร์โฮสเตส มากกว่าแต่ไม่กล้าบอกพี่กูวะ”

"ฮ่าฮ่าฮ่า"

“ไอ้เชี่ย มาให้กูถีบเลยสัส แม่ง..กูก็ซีเรียส” ไอ้พัดลุกวิ่งไล่ไอ้เอทั่วห้องสมุด





เรานั่งทำรายงานกันจนบ่ายเหลือแค่เข้าเล่มก็สมบูรณ์ ผมชวน ไอ้เอ ไอ้พัด มากินข้าวที่โรงร้อน เนกับฟางไปกับเพื่อนผู้หญิงอีกกลุ่มที่โรงเย็นเหตุผลเดียวคือไม่กล้าเดินผ่าน เพราะถูกวิศวะเจ้าที่แซว


 
“เมื่อวานไปตามพี่ธันเป็นไงบ้างวะซอ”

“พี่ธันพากู ไปบ้านเขามา” ผมพูดแค่นี้ น้ำที่ไอ้เอกำลังดูดก็พุ่ง ฟ๊วก!! เข้าหน้าผม

“เชี่ย~~~ไอ้เอไอ้สกปรก เต็มหน้ากูเลยสัส” ไอ้พัดหยิบทิชชูส่งให้

“โทษๆ กูตกใจ ไม่อยากจะเชื่อหูเขาพามึงไปบ้าน เมียเขายังไม่มีใครเคยไปสักคน มึงเก็บเป็นความลับเลยซอ อย่าให้ไอ้บลูได้ยินเด็ดขาด ไม่งั้นเรื่องใหญ่กูเตือนไว้ก่อน” ไอ้เอโคตรทำหน้าจริงจัง แค่ไปบ้านเฉยๆพิเศษตรงไหนวะ
 
“กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะมึง แค่นั่งคุยกับป๊า เฮีย แล้วก็อาซ้อไม่ได้อยู่แค่สองคนสักหน่อย”

“ซอ! มึงไม่คิด ไอ้บลูมันเข้าใจแบบนั้นมั้ย มึงก็รู้มันหวงพี่ธันมากแค่ไหน แล้วไหนจะไอ้เนสกับไอ้เบลอีกละ กูไม่รู้นะพี่ธันพามึงไปบ้านด้วยทำไม แต่มึงอย่าถลำลึกนะซอ กูเตือนในฐานะเพื่อน”

“พอแล้วมึง คนมองใหญ่แล้วเอ” ไอ้พัดปรามไอ้เอเอาไว้

“เอ กูบอกว่าไม่ได้คิด” ผมเสียงเข้มยืนยันกับเพื่อน

“ก็ดี๊ อย่าให้กูรู้นะมึงปิดกูอยู่”






นี่ไอ้เอมันหมายความว่าไงกันแน่ มันคิดว่าผมจะชอบพี่ธันอีกคนใช่มั้ย ใครจะชอบได้เมียเยอะอย่างนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ พูดเลย แค่รู้ว่าผมไปบ้านพี่ธันมาไอ้เอยังสวดซ่ะหูชา ถ้ามันรู้ว่าพี่ธันล่วงรู้ความลับโรคประหลาดของผมแล้วงานนี้มีหวังตายหยั่งเขียด ไอ้เอคงห่วงเรื่องความเจ้าชู้ของพี่ธัน ไม่อยากให้ผมหลงคารมหรือเข้าไปยุ่มย่ามพัวพันกับเขาให้มากนัก ผมเข้าใจนะ



แต่เวลาที่ผมอยู่กับพี่ธัน เขาก็ไม่มีแม้ท่าทีจะหว่านเสน่ห์ใส่สักครั้ง ไม่มีแม้แต่คำหวานๆที่พูดกับเมียทั้งสามด้วยซ้ำ จะมีก็แต่คำด่า หน้ามึน หน้าด้าน หน้าหนา ไอ้พูดมาก ทำนองนั้นมากกว่า แล้วผมจะไปหลงพี่ธันตรงไหน ตรงไหนครับบอกผมที ไอ้เอก็คิดมากไป



มันน่าจะดูไอ้โฟร์เป็นตัวอย่างตามจีบผมมากี่ปี ผมยังไม่มีใจให้มันเลยทั้งๆที่รู้สันดานกันเป็นอย่างดี ไอ้โฟร์ยังไม่มีปัญญาทำให้ผมชอบมันได้ ถ้าถามถึงเรื่องฐานะไอ้โฟร์ก็ไม่ด้อยไปกว่าพี่ธันเลยสักนิด แล้วนับประสาอะไรกับพี่ธันที่เพิ่งรู้จักกันผมถึงต้องยอมใจอ่อนให้ หรือมีอะไรที่สามารถมาดลจิตดลใจให้ผมชอบผู้ชายอย่างพี่ธันได้หรอ  ไม่มีใครอยากเป็นคุณนายที่สี่ของพี่ธันสักหน่อย และคงไม่มีใครอยากกินน้ำใต้ศอกหรอกครับเจ็บช้ำระกำใจแย่ สมมุติถ้าผมต้องเลือกระหว่างคนสองคนนี้  ผมเลือกเพื่อนยังดีซ่ะกว่าชอบคนเมียเยอะอย่างพี่ธัน




 
“เสร็จนี่มึงจะไปไหนกันมั้ยอ่ะ ไปซื้อการ์ตูนเป็นเพื่อนกูหน่อยสิมันวางแผงวันนี้ เดี๋ยวหมด” ผมชวนเพื่อนไปร้านหนังสือ

“ไม่ว่าง กูต้องไปเอากล้องถ่ายรูปให้พี่กู” ไอ้เอปฏิเสธ เหลือไอ้พัด

“มึงอะพัดไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

“กูต้องไปส่งเน” เสือกติดแฟนนะมึง

“เดี๋ยวกูโทรตามไอ้โฟร์ให้”

“มึงหยุดเลยไอ้เอ กูไปคนเดียวได้” ชี้หน้าด่าเพื่อนเพราะชอบยัดเหยียดแฟนให้ผม





โดนเพื่อนปฏิเสธทั้งสองคนผมก็ต้องมาเดินห้างคนเดียว ได้ทั้งหนังสือการ์ตูนกับหนังสือบอลมาหลายเล่มแวะร้านนั้นแวะร้านนี้เพื่อฆ่าเวลาเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน เดินเตร่ๆอยู่คนเดียว




“จ๊ะเอ๋! น้องซอมาทำไร” เลขาคนสวยกระโดดขวางหน้าผมเอาไว้

“สวัสดีครับ พี่ธัน พี่พลอย ผมมาซื้อการ์ตูนเด็กๆอ่านแก้เครียดครับ” ยกถุงหนังสือให้ดู

“อยากอ่านการ์ตูนผู้ใหญ่กับพี่มั้ยละ” พี่พลอยกอดไหล่ผม

“พลอย เก็บอาการนิดนึงกลางห้าง”

“แล้วพี่สองคนมาทำไรอะไรครับ”

“มาเจอลูกค้า ซอไปไหนต่อมั้ย”

“กำลังจะกลับบ้านครับพี่พลอย”

“อย่าเพิ่งกลับไปกินเค้กกับพี่ก่อน เจอลูกค้ามาพี่ปวดหัวมั๊ก พี่ต้องเติมหวานแก้เครียด ไปนะ”

“พี่ธันเลี้ยงใช่ป่ะ”

“นอกจากจะบังคับกูซื้อประกัน ยังให้กูเลี้ยงด้วยหรอวะ” ทำหน้ายักษ์ใส่อีกแล้ว

“งกจังพี่ ผมเลี้ยงก็ได้”

“ไปค่ะ คุณธัน กูปวดหัว อย่าเถียงกับเด็ก” พี่พลอยเกาะแขนผมเดินเข้าร้าน





พี่สองคนพาผมมานั่งที่ร้านเค้กฝรั่งเศสร้านดัง ไม่น่าปากพล่อยพูดว่าจะเลี้ยงเลย แค่เดินผ่านตู้เค้กมามองด้วยหางตาสามพันในกระเป๋าพอมั้ยเชี่ย พี่ธันเดินไปชี้ๆที่ตู้เค้กกับพี่พลอยแล้วก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ


พนักงานสองคนก็เดินถือถาดเค้กกับกาน้ำชามาเสิร์ฟ เอาตรงๆผมก็ไม่รู้หรอกครับมันเรียกว่าอะไร ตอนนี้อะไรก็ได้กินได้หมดผมเห็นแค่ว่าเค้กของผมกับของพี่ธันหน้าตามันเหมือนกัน




“กินเยอะๆนะน้องซอ ร้านนี้พี่กับพี่ธันมากินประจำ อันนี้พี่ธันเลือกให้ลองดู” ก้อนเค้กสีขาวสลับกับสีน้ำตาลมีลูกสีแดงๆวางที่ขอบจาน  มีน้ำสีเหลืองลาดบนครีม

“ขอบคุณครับ” พี่ธันนั่งเงียบ ยกแก้วชาจิบไม่ปริปากพูดเลย

“ธันเดี๋ยวกูมานะ เจอเพื่อนแป๊ปนึ่ง” พี่พลอยวิ่งพรวดออกไปหาเพื่อนที่นอกร้าน

“ไม่พูดเลยนะพี่ งานหนักหรือเครียด”

“เรื่องของผู้ใหญ่”

“วันนี้ผมไม่ได้ตามมาขายประกันพี่นะ อย่าเครียดสิคร๊าบบ”

“เรื่องของเด็ก”

"เค้กอร่อยนะพี่ ไม่กินหรอ"

"¿"

“พี่เอาปากมาป่าวเนี่ย” ผมกำลังอ้าปากงับเค้ก ชิ้นเล็กๆ

“นี้ไงปาก” พี่ธันยื่นมือจับแก้มผมไว้จากอีกฝั่งของโต๊ะ ริมฝีปากประกอบผมอีกแล้ว ยังไม่ได้พูดเรื่องประกันสักนิด อะไรของพี่แกวะ จูบผมทำไม

“อื๊อ.. อื๊อ..” มือพยายามปัดป่าย ผลักพี่ธันออก สายตามองเห็นหน้าที่บึ้งตึงชัดเจนและค่อยๆหลับลง ทีละนิด ทีละนิด ช้อนหยุดมือ โลกมืดที่ร้านเค้ก



ฟึ๊ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ


เด็กตาเล็กหลับกลางอากาศหน้าทิ่มเข้ากับเค้กที่วางอยู่จนหน้าหายไปครึ่งหนึ่งจากที่เครียดๆและเหนื่อยมาจากงาน ผมนั่งขำอยู่คนเดียวเมื่อเห็นมันหลับฟุ๊บไปกับจานเค้ก โรคบ้าอะไรเนี่ยกินอยู่ก็หลับได้


เด็กนี่เก่งนะที่ทำให้ผมคลายเครียดและหัวเราะได้สุดเสียงแบบนี้ มัวแต่หัวเราะไม่ได้สิครับจมูกของเด็กซอจมอยู่ในเค้กชิ้นเบ้อเร่อขืนปล่อยไว้นานได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ นักศึกษา ม.ดัง ดับอนาถคาก้อนเค้กคงเป็นข่าวที่พิลึกกึกกือสุดๆ


ข้อควรระวังของการเป็นโรคนี้ห้ามหลับแล้วเอาหน้าทิ่มเค้กใช่มั้ย?


แกล้งเด็กแล้วก็เหมือนสร้างภาระตัวเอง ผมต้องรีบย้ายฝั่งมานั่งใกล้แล้วจับลุกขึ้นมาซบที่ไหล มือหนึ่งพยุงตัวโอบไหล่เอาไว้อีกมือใช้จับทิชชูเช็ดครีมออกจากแก้มใสๆจนมองเห็นรอยยิ้มอีกครั้ง ผมชักอยากลองเป็นโรคนี้ดูบ้างแล้วสิ เพราะบางทีการนอนหลับก็อาจทำให้ผมไม่ต้องคิดเรื่องที่รกสมองอยู่ตอนนี้ แล้วผมเป็นบ้าอะไรถึงอยากแกล้งเด็กซอจัง




“ซอเป็นอะไรวะมึง” พลอยเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ

“เป็นลม เดี๋ยวก็ฟื้น”

“เป็นลมอีกแหละ ครั้งก่อนก็เป็น ควรไปหาหมอนะปล่อยไว้ไม่ดี ต้องโทรบอกฉิ่งหน่อยละ”

“ไม่ต้องพลอย มึงรีบกินเลย กูไปส่งมันเอง”





พลอยกินเสร็จผมก็แบกร่างไอ้ซอออกจากร้านมาถึงทางออก มีผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดนักศึกษามายืนขวางผมกับพลอยไว้



“พี่ทำอะไรเพื่อนผม แล้วพี่จะพามันไปไหน วางมันลงเดี๋ยวนี้” มันถามพร้อมกางแขนดักไว้

“ไม่ได้ทำ มันเป็นลมเมื่อกี้ จะพาไปส่งบ้าน” ผมตอบดีๆ

“ผมไม่ให้เอามันไปไหนทั้งนั้น วางมันลงผมพากลับบ้านเอง ผมไม่ไว้ใจ ถ้าพี่คิดร้ายกับเพื่อนผมทำไง” มันเสียงดังใส่ผมกับพลอย

“เฮ้ยน้อง! ใจเย็นค่ะคือพวกพี่เป็นเจ้านายของพี่ชายน้องซอ ไม่ทำอะไรอย่างที่น้องว่าหรอกค่ะ”

“แต่ผมไม่ไว้ใจ ปล่อยมันลงมา ผมจะโทรบอกที่บ้านมันเอง”

“แล้วพี่จะไว้ใจน้องได้ไงค่ะ”

“ผมเป็นเพื่อนมันมาแต่เด็ก รู้จักที่บ้านมันทุกคน ป๊าม๊าเจ้ขิมเฮียขลุ่ยเฮียฉิ่ง ผมก็เคยเจอพี่ธันแล้วครั้งหนึ่งจำผมไม่ได้หรอตอนที่มากับไอ้เออ่ะ” บอกครบทุกคนเลย
 
“ส่งมันมาให้ผม ผมแบกมันเอง พี่ไม่ต้องยุ่ง” มันเล่นดึงตัวไอ้ซออกจากหลังผมไปขึ้นหลังมันโดยง่าย ผมจำเป็นต้องปล่อยเพราะไม่อย่างนั้นคนได้มามุงดูแน่

“น้องชื่ออะไร”

“ผมชื่อโฟร์ ถ้าไม่เชื่อใจผมโทรหาเจ้ขิมให้พี่คุยตอนนี้ก็ได้นะ” แล้วผมก็คุยกับพี่สาวเด็กซอผ่านโทรศัพท์ของไอ้โฟร์ คุยเสร็จมันก็แบกเพื่อนเดินไปไกลลับตา


ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจทันที ที่ปล่อยให้เด็กซอไปกับคนอื่นแบบนั้น ได้แค่ยืนมองจนสุดสายตา ผมจะทำอะไรได้ ก็ไอ้โฟร์ยืนยันจะส่งบ้านเอง แถมเป็นเพื่อนสนิทอีกต่างหาก ส่วนผมเป็นแค่เจ้านายของพี่ชายมัน

“กูนึกออกแล้วธัน เคยเจอน้องโฟร์ที่ไหน”

“ที่ไหน”

“ลูกเจ้าของโรงแรมที่ลูกค้าเราไปพักไงมึง ทายาทคนเดียวด้วย ท่าทางคิดกับซอเกินเพื่อนแน่ๆหวงขนาดนี้ มึงสังเกตหน้าน้องเค้าป่ะเหมือนจะแดกหัวมึงเลยธัน” จริงอย่างที่พลอยบอกแหละครับสีหน้าสีตามันโกรธเอาเรื่องเลย






ผมรู้สึกตัวเหมือนกำลังนอนอยู่บนเตียงที่บ้านเลย จำได้ว่าผมหลับที่ร้านเค้ก แต่หมอนกลิ่นคุ้นๆ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นดูบางทีผมอาจฝันอยู่ก็ได้ หน้าไอ้โฟร์ลอยเด่นชัดเต็มหน้าในความฝันมันก็ตามผมได้หรอเนี่ย

ขยี้ตาอีกรอบ จ้องให้ชัด เชี่ย!ไอ้โฟร์ทั้งตัวนั่งจ้องหน้าผมที่นอนอยู่บนเตียง



“กูอยู่นี่ได้ไงวะ” ผมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิคุยกับไอ้โฟร์

“กูมาส่ง” งงสิครับ ขอเรียบเรียงหน่วยความจำแป๊ป

“กูอยู่กับพี่ธันกับพี่พลอยแล้วมึงจะมาส่งกูได้ไงวะ”

“ก็พวกพี่เขาบอกว่ามึงเป็นลมกลางห้าง”

“แล้ว”

“กูก็บอกเค้าว่ากูเป็นเพื่อนสนิทมึง จะพามาส่งบ้าน เค้าก็ให้กูแบกมึงมาขึ้นรถมาส่งบ้านนี่ไง”

“เหี้ย..ทำแบบนี้ไงวะ”

“ด่าทำไม กูพามึงมาส่งนะ รถก็ให้คนขับมาให้แล้วด้วย ขอบคุณสิถึงจะถูก”

“กูไม่ได้ด่ามึง ขอบคุณล่ะกันที่มาส่ง กลับบ้านได้แล้วไป๊”

“มึงแน่ใจนะ แค่เป็นลมไม่ใช่ไปจูบกับใครมา” ไอ้โฟร์ทำหน้าอยากรู้

“เออ กูเป็นลม มึงจะไปไม่ไป ถ้าไม่ไปกูจะด่ามึงละนะ”



ทำไมผมโกธรคนบางคนได้มากมายขนาดนี้ แล้วทำไมไฟมันลุกโชนในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จับโทรศีพท์จนมือสั่นเคลือ
 





                                Today


                                     
                           20:10readพี่ธันทำแบบนี้ได้ไง

                 20:12readแกล้งผมแล้วทิ้งผมได้นะ
                                     
                            20:13readพี่เห็นผมเป็นอะไร

                      20:13readอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ

December09:กูไม่ได้ทิ้งมึงread20:15

                      20:16readแล้วไอ้4มาส่งผมได้ไง

                              20:18readสติ๊กเกอร์รูปโกรธ

                                 20:19readพี่สนุกมากหรอ?

December09:ไม่ใช่read20:20

            20:21ผมก็นึกว่าอยู่กับพี่แล้วจะปลอดภัย

                                     20:22พี่แม่งโคตรใจร้าย








ทำไมถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนี้ตัวร้อนหน้าร้อนรู้สึกหัวเสีย เสียความรู้สึกที่พี่ธันปล่อยให้ผมมากับใครก็ได้ ไม่ห่วงผมบ้างรึไงทำให้ผมหลับแล้วแม่งก็ไม่รับผิดชอบ เสือกให้ไอ้โฟร์พามาส่งบ้านปัดความรับผิดชอบให้พ้นๆไปสินะ แกล้งแค่เอาสนุกส่วนผมจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่สน เป็นอันตรายก็ชั่งไม่แคร์ก็ได้ใช่มั้ย อย่างน้อยผมก็เป็นน้องชายของไอ้ฉิ่งน่าจะห่วงกันบ้าง  ไลน์ก็ไม่เปิดอ่าน พี่ธันเงียบไปเลยเป็นผู้ใหญ่ซ่ะเปล่า



ก๊อก!!!ก๊อก!!!ก๊อก


“ซอมีคนมาหา” เจ้ขิมร้องเรียกจากด้านนอก

“ไอ้เอหรอบอกมันกลับไปก่อนจะนอนแล้ว”

“ไม่ใช่เอ คุณธัน ลงมาเร็วๆอย่าให้ผู้ใหญ่รอ” หึๆผู้ใหญ่หรอเจ้อย่าพูดคำนี่ดีกว่า ผมเดินหน้าบึ้งลงมาพี่ธันนั่งรอที่ระเบียงหน้าบ้าน ป๊า ม๊า กับพี่ๆนั่งดูทีวี

“พี่มาทำไม” เสียงแข็งใส่พี่ธัน (เพื่อ)

“มาขอโทษ แล้วก็มาอธิบายให้ฟัง กูไม่ได้อยากให้มึงมากับเพื่อนหรอกแต่มันไม่ยอมให้กูมาส่งมึง ครั้งหน้าสัญญาจะไม่ปล่อยให้ไปกับคนอื่นเด็ดขาด โอเค๊” จะแกล้งต่ออีกว่างั้น

“จริงๆพี่ไม่ต้องเสียเวลามาก็ได้นะ ผมเข้าใจ ผมก็แค่เด็กขายประกันไม่ต้องสนใจก็ได้” ผมกำลังประชดอยู่ป๊ะ

“ขอโทษแล้วก็เลิกงอนสิวะ”

“ใครงอนพี่”

“มึง”

“บ้าแล๊ว ผมจะงอนพี่ทำไม พูดจบแล้วใช่มั้ย จบแล้วก็กลับไปได้ละผมจะนอน ชิ๊ว ชิ้ว”

“ไปกินข้าวต้มกันมั้ย ถือว่าเป็นการขอโทษที่ปล่อยให้มึงมากับคนอื่นแบบนั้น”

“เป็นแผนที่จะทำผมหลับกลางร้านข้าวต้มแล้วก็ให้ผมไปกับคนแปลกหน้าอีกใช่ป่ะ ผมไม่ไปด้วยหรอก” มือกอดอกแล้วก้มหน้าหลบพี่ธัน

“ประชดเก่งจังวะ ไปกินข้าวกัน ตกลงมั้ย”

“ไม่ตกลง ถ้าหิวก็กินที่บ้านผม ให้ม๊าทำกับข้าวให้ก็ได้”

“ตามใจ ที่บ้านก็ได้”




ไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆ คนอย่างพี่ธันจะลดตัวมาขอโทษเด็กอย่างผมถึงที่บ้าน  แค่ผมส่งไลน์ไปว่านิดหน่อยเองก็โผล่มากลางดึกแบบนี้ แต่แปลกคำพูดไม่กี่คำที่พี่ธันพูดออกมามันสามารถดับความร้อนวูบวาบที่ลุกไหม้ในตัวเมื่อกี้หายไปจนหมด อุณหภูมิในร่างกายลดมาเป็นปกติ ทำไมพี่ธันทำให้ผมหายโกรธได้เร็วจัง









999999999999999999999999999

หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่8 เค้กอร่อย up6/2
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 07-02-2017 12:17:45
ไม่อยากให้ซอหวั่นไหวกับธันเลย  ธันเจ้าชู้มาก   โฟร์ยังดีกว่าอีก   :katai1:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่8 เค้กอร่อย up6/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-02-2017 13:23:56
รักหรือไม่รักเป็นเรื่องของความรู้สึก แต่ถ้าวันไหนซอรู้ตัวว่าชอบพี่ธัน หวังว่าจะนึกขึ้นได้ว่าพี่มันมีเมียอยู่ก่อนแล้วอีกสาม
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่8 เค้กอร่อย up6/2
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 07-02-2017 20:13:50
ทำไมต้องทำกับโฟร์แบบนั้น?? ไม่ชอบก็ไม่ชอบดิ ไม่เล่นด้วยก็ไม่ต้องเล่นด้วย แต่ไม่ได้แปลว่าต้องทำแย่ๆกับเขาหนิ ไม่โอตรงนี้แหละ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่8 เค้กอร่อย up6/2
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 07-02-2017 20:26:50
^
เห็นด้วยกับรีบน
ทำไมต้องทำตัวไม่ดีกับโฟร์ด้วย
ให้มากกว่าเพื่อนไม่ได้ ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิมได้นี่น้องซอ
รอว่าสำนักไหนจะบำบัดอาการป่วยของน้องซอได้
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่8 เค้กอร่อย up6/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 07-02-2017 22:47:42
ทำไมต้องทำกับโฟร์แบบนั้น?? ไม่ชอบก็ไม่ชอบดิ ไม่เล่นด้วยก็ไม่ต้องเล่นด้วย แต่ไม่ได้แปลว่าต้องทำแย่ๆกับเขาหนิ ไม่โอตรงนี้แหละ
อย่าว่านางเลย นางรักโฟร์นะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 07-02-2017 23:57:32
ตอนที่9 จูบลับๆ




เช้านี้ผมค่อยๆแง้มประตูสอดส่องดูลาดราวก่อนออกจากห้อง เดินย่องๆด้วยความเบาเท้าเท่าที่จะทำได้ไม่ให้เกิดเสียงกระทบกับพื้นเพื่อหลบเจ้ขิม สาธุ!เจ้าแม่กวนอิมช่วยลูกด้วย ช่วยพลางตาเจ้ขิมไม่ให้เจอลูกที ลูกยังขายประกันไม่ได้เลย




“จะย่องไปไหนไอ้ซอ มานี่ ไม่ต้องหลบ” เจ้ขิมติดกล้องวงจรปิดไว้หรอเจ้าแม่ ถึงรู้ว่าผมลงมาจากห้องแล้ว

“ใครหลบเจ้” หน้ามึนไว้ก่อนเจ้สอนผมเอง

“งานเจ้ไปถึงละ ขายได้รึยัง” เดาไม่ผิดจริงๆทวงแล้ว

“ยังอ่ะเจ้ ไม่ใช่บาทสองบาทสักหน่อย”

“เร่งด้วย เจ้จะปิดยอด”

“งานเจ้ ไม่ใช่งานซอนิ”

“บัตรของซอนิ ไม่ใช่ของเจ้ จะเอามั้ย?” เกลียดเจ้ขิมวะ

“เอาสิ แต่มันยังไม่ได้ไง ซอตามลูกค้าอยู่ คนนี้ได้ชัวร์ใจเย็นดิ” นี่ผมหมายถึงใคร พี่ธันหรอ? ยังไม่มีทีท่าจะซื้อเลย

“เอ่อๆ ไปเรียนได้ละ แล้วก็รีบกลับมาด้วยนะห้ามเถลไถล ม๊าพาหมอมารักษานะวันนี้ห้ามลืม” เสียงส่งท้ายจากเจ้ขิมก่อนเดินออกจากบ้าน

“รู้แล้วหน่า”





เอาไงดีหว่า…ขายไม่ได้สักทีพี่ธันดันขี้งกขึ้นมาซ่ะงั้น ทีกับเมียทั้งสามเปย์ถึงไหนถึงกัน ของที่ได้ประโยชน์ดันไม่จ่ายสักบาท แค่3ล้านเองซื้อให้หน่อยก็ไม่ได้ ขายประกันได้เล่มหนึ่งก็ได้ไปเที่ยวอังกฤษฟรีๆใครจะไม่ขายจริงไหม?แต่มันติดนิดเดียวติดตรงที่ยังขายไม่ได้เท่านั้นเอง


หรือผมควรง้อไอ้โฟร์ให้มันซื้อประกันเล่มนี้ดีนะ ไม่เอาๆ สลัดความคิดนี้ทิ้งไปได้เลยเสียฟอร์มแย่เลย กลัวมันขอข้อแลกเปลี่ยนให้เป็นแฟนมันนะสิ แต่ถ้าเป็นไอ้โฟร์ป่านนี้คงสำเร็จไปตั้งแต่วันแรกละ  หรือจะตัดใจไม่เอาตังค์จากเจ้ขิมดีวะ เรียนจบเก็บเงินเองแล้วค่อยไปก็ได้มั้ง อีกตั้งสี่ปีนะโว้ย!ซอ มึงรอได้ป๊ะ แล้วผมจะมัวเถียงกับตัวเองทำไมเนี่ย




“คิดอะไรอยู่วะ พวกกูเรียกไม่ได้ยิน หูตึงหรอมึง” ไอ้เอกับเมียคู่เพื่อนซี้ หอบขนมมาเต็มสองไม้สองมือ

“อ่าว หรอเรียกตอนไหนอ่ะ กูไม่ได้ยิน”
 
“ตอนนี้แหละ นั่งใจลอยตั้งแต่เรียนละมึง เป็นเชี่ยอะไรเหม่อทั้งวัน” ไอ้เอมันมีเวลาสังเกตผมขนาดเลยหรอ

“ป่าวกูก็คิดเลื่อยเปื่อยของกู”

“ประกันมึงขายได้ยัง” ไอ้เนสถาม แล้วมันก็แกะถุงขนมยื่นให้ผม
 
“ยัง กูก็คิดเรื่องนี้อยู่แหละ พี่ธันไม่สนใจเลยวะ ไม่รู้จะใช้ไม้ไหนล่ะ โคตรงก”

“เขาไม่มีเวลามานั่งฟังมึงพูดเรื่องประกันหรอก ช่วงนี้กูเห็นเขาเครียดๆเรื่องงาน เมื่อคืนก็ออกจากคอนโดตอนดึกไม่รู้ไปไหน กูไม่กล้าถามคงเป็นธุระสำคัญถึงดูรีบร้อนแบบนั้น”

“คร่อก! คร่อก! คร่อก!” เศษขนมฟุ้งกระจายออกจากปาก เมื่อคืนผมทำอะไรลงไปเนี่ย

“ค่อยๆแดกขนมติดคอแล้วสัส เอ้าน้ำ” ไอ้เอเอามือทุบหลังแล้วยื่นแก้วน้ำให้ผม

“ใช่ ช่วงนี้พี่ธันเครียดเรื่องงาน ไม่ค่อยยิ้มเล่นด้วยก็ไม่เล่นด้วย กูนี่เกร็งมากไม่รู้จะเข้าหายังไงเลย” ไอ้เบลเล่าก็หน้าหงอยๆผมปิดปากเงียบ

“เลิกคุยเรื่องพี่ธันก่อน อาทิตย์หน้าว่างกันป่าว กูจะชวนไปเที่ยวปรานบุรี ไอ้กัสประกวดหนังสั้นชนะไปฉลองกัน เหล้าเบียร์มาทั้งโรงงานเลยโว้ยยยย” ไอ้เอโฆษณาชวนเชื่อให้ไปเที่ยว มันคงลืมเรื่องไอ้เนสไอ้เบลไปละมั้ง

“กูสองคนไม่ได้ไปวะ พี่ธันบอกแล้ว เขาไปกับบลู” ไอ้เบลตอบ
 
“โทษๆกูไม่ได้ตั้งใจ กูลืมพวกมึงไปกับพี่ธันพร้อมกันสองคนไม่ได้”

“เห้ย!!! กูสองคนโอเค ก็มันเป็นแบบนี้นานแล้วไม่ได้เสียใจอะไร เรื่องปกติของพวกกูมึงไม่ต้องห่วงเอ” สองคนหันหน้าให้กันและยิ้มแย้มไม่ได้เดือดร้อนอะไร คงไม่มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันเลยสินะ

“มึงเตรียมตัวจัดกระเป๋าด้วยนะไอ้ซอยังไงมึงก็ต้องไป พี่มึงก็ไป เดี๋ยวกูไปรับ”

“เออรู้ แต่วันนี้มึงไปบ้านกูหน่อยได้ป่าว”

“ไปทำไมวะ”

“ก็ม๊ากูดิ จ้างหมอเกาหลี ปาค จู โด มารักษากูอีกแล้ววะ ไม่รู้จะเจออะไรอีกวันนี้ ไปให้กำลังใจกูหน่อย” วันนี้ผมต้องเจอวิธีการรักษาแขนงไหนผมก็ยังไม่รู้เลย แค่ต้องการคนให้กำลังใจเท่านั้น

“ฮ่าๆ หมอชื่ออะไรนะ  จู๋ โด่ หรอ ชื่อเหี้ยสัส กูอยากเห็นหมอแล้ววะ จะโด่แค่ไหน” เพื่อนผมทั้งสามนั่งขำชื่อหมอที่จะมารักษาผม

“ไอ้เหี้ย จู โด ไม่ใช่ จู๋โด่ มึงนี้ก็จัญไรเปลี่ยนชื่อหมอกู” มันสามคนยังขำไม่หยุด

“เนส เบล กูสองคนกลับก่อนนะ แล้วเจอกันมึง”
 
“เค แล้วเจอกัน”






ผมกับไอ้เอโบกมือลาเพื่อนทั้งสองแล้วเดินตรงไม่ที่ลานจอดรถ เชี่ยละ! สบถดังขึ้นทันทีเมื่อมองเห็นล้อรถเอียงหนึ่งข้าง ยางเสือกรั่วได้ถูกวันจริงๆม๊าก็โทรจิกยิกๆ ล้ออะไหล่ก็ไม่มีอีกต่างหากเรียกช่างจากอู่ก็คงอีกหลายชั่วโมง ขอพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยที




“เอาไงดีละมึง” ไอ้เอถาม

“กูไปส่งนะ” เสียงไอ้โฟร์สอดมาจากด้านหลัง มึงเป็นพระเอกของกูตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้โฟร์

“ซอรี่ กูไม่ไปรถมึง”

“แต่ม๊ามึงรออยู่” เห้ย!!!!! มันรู้ได้ไงวะ

“กูนั่งแท็กซี่ได้”

“ซอมึงอย่าเยอะ มันไปส่งก็ดีแล้ว” ไอ้เวรนี่ก็เข้าข้างไอ้ชายสี่เหลือเกิน

“แล้วรถกูอ่ะ”

“กูเรียกชั่งละ เดี๋ยวคงถึง”




 
สุดท้ายแล้วผมก็ขึ้นรถมันมาด้วยความสงสัย 1มันรู้ได้ไงผมอยู่ลานจอดรถ 2มันรู้ได้ไงม๊ารอผมอยู่ 3มันเรียกช่างตั้งแต่เมื่อไหร่ 4ใครทำรถผมยางรั่วแบบนั้น ชั่งแม่ง!! ขึ้นรถมาก็อย่าหวังว่าผมจะนั่งเบาะหน้าคู่มันไม่มีทาง ให้ไอ้เอเพื่อนซี้นั่งหน้าถูกแล้ว


ไอ้โฟร์ชอบเสนอหน้าจะช่วยเรื่องโน่นเรื่องนี้ตลอด โดยฉะเพราะเรื่องเงินนี่ผมไม่มีทางรับเด็ดขาด ไม่ชอบใครมองว่าเกาะมันกิน  ที่สำคัญป๊าม๊าสอนเสมอให้ยืนด้วยลำแข่งตัวเอง  ลำบากหน่อยแต่เข้มแข็ง  ผมเลยถือคตินี้มาตลอด


แต่ก็แปลกพอร์ชป้ายแดงคันนี้ ตรงตามสเป็คที่ผมอยากได้ทุกอย่างเลยอ่ะ ทั้งสีทั้งรุ่น บังเอิญอะไรขนาดนั้นจำได้ว่าเคยเล่าให้ไอ้เอฟังแค่คนเดียวเพราะชอบมาก  ไอ้โฟร์ดันชิงตัดหน้าซื้อมาก่อนผมจนได้  ลืมไปมันมีตังค์




มาถึงบ้านผมเห็นม๊านั่งคุยกับผู้ชายหน้าเกาหลีแต่งตัวน่าเชื่อถือ ไม่เหมือน อาจารย์โจน ยานอวกาศ คนก่อนที่มาไล่วิญญาณออกจากร่างผมด้วยข้าวแม่ม่ายปลุกเสกที่เข้าตาผมหลายเมล็ด แต่วิญญาณที่อาจารย์โจนเห็นสิงร่างผมอยู่ก็ไม่ได้ไปไหน มีก็แต่เงินม๊าที่ไปกับอาจารย์



ส่วนประวัติของหมอ ปาค จู โด ที่ม๊าเล่าคร่าวๆคือเป็นผู้สืบทอดการรักษาจากในวังของราชวงศ์เกาหลีมานับสิบช่วงอายุคน  ด้วยการฝังเข็มตามจุดต่างๆโรคร้ายจะหายและจะไม่กลับมาเป็นอีก  ดูเป็นวิทยาศาสตร์และดูปลอดภัย ว่าแต่โรคที่ผมเป็นจะรักษาได้ด้วยหมอเกาหลีคนนี้จริงหรอ เดี๋ยวรู้กันครับไม่นานหรอก ม๊าสบายใจผมก็เต็มใจ




“ม๊า ซอต้องทำอะไรบ้าง”

“ซอ ไปล้างหน้าให้สะอาดนะ หมอจะฝังเข็มที่หน้า”

“อะไรนะม๊า! ฝังเข็มที่หน้าเลยหรอ นึกว่าที่ตัว”

“เอาหน่า จะได้หาย เร็วเข้าหมอเตรียมของเรียบร้อยแล้วลูก”




ล้างหน้าเสร็จหมอจูโดก็ให้ผมนอนบนเตียงยกสูงเหมือนเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาล ผู้ช่วยหมอเอาสำลีเย็นๆมาเช็ดหน้าผมอีกรอบก่อนที่หมอจูโดจะหยิบเข็มออกมาเป็นแผงๆ นี่ผมต้องนอนให้หมอเกาหลีคนนี้เอาเข็มมาจิ้มหน้าผมเล่นจริงหรอ


คำถามผุดขึ้นในหัวหมอจิ้มกี่อัน อย่าบอกนะว่าทั้งหมดที่วางอยู่ตอนนี้


หมอสั่งทุกคนถอยห่างห้ามเข้ามากวนสมาธิอาจจิ้มผิดที่จะเป็นอันตรายได้ อ้าวเฮ้ย!หมอทำไมพูดแมวๆแบบนี้วะ ไหนบอกสืบทอดมาหลายช่วงอายุคนไง แล้วชีวิตผมขึ้นอยู่กับอะไรครับหมอ ลุกตอนนี้ทันมั้ย หมอหยิบเข็มออกมาอันแรก ก่อนใช้แมสปิดตาผมไว้



“ผ่อนคลายนะครับ สบายๆไม่ต้องเกร็ง ไม่เจ็บเหมือนหมดกัด” พูดไทยสำเนียงเกาหลี



จึ๊ก….เข็มอันแรกจิ้มเข้าที่กลางหน้าผากระหว่างคิ้ว ไม่เจ็บส้นตีนอะไรครับหมอ มดเชี่ยอะไรกัดลึกแบบนี้ครับ ที่บ้านหมออาจเรียกไม่เจ็บ แต่ที่นี่บ้านผมเจ็บมากครับหมอเจ็บจนผมสะดุ้ง จากนั้นเข็มอีกหลายสิบอันก็เรียงรายกันจิ้มที่หน้า หัวคิ้วถึงหางคิ้ว หางตาถึงขมับ ข้างหูถึงใต้คาง แก้วซ้ายถึงแก้มขวา กลางกะบาลถึงท้ายทอย จนไม่เหลือที่ว่างให้หมอจิ้มแล้วมั้ง  หน้าชามากรู้สึกตึบๆตึบๆกระดุกกระดิกก็ไม่ได้



ได้ยินแต่เสียงหัวเราะเบาๆจากใครสักคนที่นั่งดูผมอยู่ อย่าให้รู้นะใครจะจับมานอนให้หมอจิ้มเล่นสักอันสองอันจะได้รู้มันเจ็บแค่ไหน หมอจูโดปล่อยผมนอนค้างอยู่บนเตียงกับเข็มที่ปักทั่วหน้าเป็นร้อย


มือสองข้างกำขอบเตียงแน่นทั้งเกร็งทั้งชา ต้องนอนอยู่แบบนี้อีกนานไหมหมอ ผมไม่ไหวแล้วนะ ไม่นานนักก็มีมืออุ่นค่อยๆแงะนิ้วผมออก ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว แล้วมืออุ่นนั้นก็กุมมือผมไว้ ใครนะทำให้ผมลืมและคลายความเจ็บลงได้บ้าง มืออุ่นดีจัง


30นาทีผ่านไปแมสปิดตาถูกเปิดออก คนกุมมือหายไป หมอจูโดก็ดึงเข็มออกจากหน้าผมจนหมด แล้วให้ผมลุกขึ้นนั่งที่เก้าอี้ ยกแก้วน้ำโสมให้กิน กลิ่นโคตรเหม็นเฝื่อนคออีกต่างหาก หมอรับเงินจากม๊าเก็บของใส่กระเป๋าผับเตียงคนป่วยขึ้นรถแล้วก็ขับออกไป ทิ้งไว้แต่รอยแดงทั่วใบหน้ากับผลที่ยังไม่เห็นผล ทุกคนมานั่งห้อมล้อมเหมือนทุกครั้งเพื่อคอยลุ้นการรักษา



“เป็นไงบ้างซอ”

“เจ็บมากอ่ะม๊า แบบนี้ไม่เอาแล้วนะ”

“อาจหายก็ได้นะมึง”

“ไอ้ฉิ่งมึงลองบ้างสิ เจ็บเชี่ย ใช้มือหรือตีนวะหนักชิบหาย” มือผมยังลูบๆคำๆที่หน้าตัวเอง

“หายแล้วมั้งซอ”

“ไอ้เอมึงหยุดให้กำลังใจกูแบบส่งเดชสักที แม่งมันไม่หายหรอก เชื่อกูดิเจ็บตัวฟรีเปล่าๆ”

“งั้นมึงไปนอนที่โซฟากูเทสเอง” ไอ้ฉิ่งพูด




ผมเปลี่ยนมาอยู่ในท่านอนที่โซฟาตามที่พี่ชายผมบอก นอนหงายเรียบร้อยไอ้ฉิ่งนั่งคุกเข่าตรงหน้าใกล้ผม ถัดออกไปเป็นม๊าเจ้ขิมไอ้เอไอ้โฟร์ตามลำดับ ป๊ากับไอ้ขลุ่ยไม่เข้าใกล้นั่งเล่นหมากรุกกันเงียบๆสองคนทางด้านหน้าระเบียง



“พร้อมนะมึง”

“เออกูพร้อมนานแล้ว”



ไอ้ฉิ่งเอามือมาปิดตาผม มันจะปิดทำไมเนี่ย ตอนนี้มองเห็นแค่แสงสลัวๆจับภาพอะไรได้ไม่ชัดเลย ไม่กี่อึดใจหลังจากเสียงเงียบสนิท มืออุ่นนั้นกุมมือผมไว้อีกครั้ง อ๋อ!!ที่แท้ก็มือไอ้ฉิ่งนี่เอง จากนั้นผมก็สัมผัสถึงริมฝีปากของพี่ชายประกบจูบปากผมอย่างอ่อนโยนและเริ่มจูบย้ำๆแบบเน้นๆ ใจเย็นฉิ่ง ใจเย็น กูน้องมึงอย่าให้ถึงขนาดแลกลิ้นกับน้องเลยนะกลัวฟ้าผ่าหัว

ผมพยายามเม้มริมฝีปากหนีพี่ชาย แต่มันก็จูบผมไม่หยุด ริมฝีปากผมเหมือนจะถูกกลืนกินเข้าไปจากฝีปากของไอ้ฉิ่ง ต่อให้จูบนิดเดียวหรือจูบแบบลึกล้ำยังไงก็หลับ ขอจุ๊ฟธรรมดาเหมือนทุกครั้งได้มั้ยฉิ่ง นี่สมองเริ่มสั่งให้ม่านตาหลับ  เอาปากออกจากน้องสักทีจูบนานไปละพี่ชาย





พอไอ้ซอหลับผมก็ผละปากที่ประกบมันออก ตึ๊กตึก ตึ๊กตึก ใจเต้นเสียงดังโคตรตื่นเต้น ได้จูบไอ้ซอเป็นครั้งแรก หวงดีนักต้องเจอแผนนี้  ขอบคุณเฮียฉิ่งที่ให้ผมเทสครั้งนี้  ไม่งั้นไอ้ซอมันไม่ยอมให้ผมจูบมันแน่

ทุกคนรู้ผลก็แยกย้ายกันทันทีปล่อยให้ไอ้ซอหลับปุ๋ยบนโซฟาคนเดียว  ส่วนผมก็นั่งเฝ้าไม่ห่างนานมากแล้วที่ไม่ได้เข้าใกล้มันอย่างสงบ  ขอนั่งข้างๆจนกว่ามันจะตื่นโอกาสดีๆหายาก เพราะมันไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เลย ตั้งแต่ที่รู้ว่าผมรักมันและอยากได้มันเป็นแฟน  ไอ้ซอเริ่มตีตัวออกห่างพูดจาแย่ทุกคำ แต่ผมไม่เคยใส่ใจกับคำพูดพวกนั้นหรอกครับก็ผมรักของผม จะกุมมือไว้อย่างนี้ตลอดไป



เรื่องอาการป่วยของมันผมก็รู้มานานพอๆกับไอ้เอ ผมถึงเป็นห่วงมันมาก  ยอมให้มันด่าเพราะต้องการอยู่ใกล้ๆ  จะได้ดูแลและคอยปกป้องมันแค่คนเดียว  ไอ้ซอก็หาว่าผมชอบใช้เงินฟาดหัวมัน จริงๆเปล่าไม่เคยคิดแบบนั้น  ผมคิดแค่ว่าอะไรที่เป็นความสุขของมันผมก็ยินดีให้  แต่ไอ้ซอเข้าใจเจตนาของผมเป็นเรื่องอื่นไปซ่ะได้



รถคันนี้ผมก็ซื้อเป็นชื่อมันนะแต่ไอ้ซอยังไม่รู้ อย่าว่าผมเว่อหรืออวดรวยเลยผมทำได้ทุกอย่างจริงๆเพื่อมัน  แต่แบบลับๆนะครับ  ถ้าให้ตรงๆมันก็ปฏิเสธอย่างที่ผ่านมา หวังว่าสักวันมันคงใจอ่อนและยอมรับความหวังดีจากผม  เพราะตอนนี้มันไม่มีใครผมก็ไม่มีใคร อยากให้ไอ้ซอเปิดใจยอมรับความหวังดีจากผมบ้างไม่ต้องเปลี่ยนปุ๊บปั๊บก็ได้ขอแค่พูดกับผมดีๆก็พอ


พ่อแม่ผมก็รักมันเหมือนลูกและท่านไม่เคยว่าถ้าผมกับมันจะเป็นแฟนกัน  ติดนิดเดียว ติดตรงที่ผมยังทำให้มันเป็นแฟนผมไม่ได้  แต่ผมจะพยายาม


ไอ้ซอดูแลคนอื่นไม่ได้ข้อนี้ทุกคนรู้ดี แต่ผมจะขอดูแลมันเองและจะดูแลให้ดีที่สุดด้วย ผมสัญญา


มันเริ่มขยับตัวแล้วครับบิดซ้ายทีขวาที อย่าเพิ่งตื่นได้มั้ยซอขอจ้องแบบนี้อีกสักพักเถอะ กูไม่เคยเห็นใครนอนหลับได้น่ารักเท่ามึงมาก่อนเลย



“ตื่นแล้วหรอฝันดีป่ะ”

“อ่าวโฟร์ มือมึงหรอ” โอ้โฟร์เพิ่งปล่อยมือออกตอนผมนั่ง

“อืม มือกูเอง ห้ามด่านะมึงกูฟ้องม๊าแน่” มันนั่งยิ้มปากจะฉีกถึงหู

“เออ เจ็บทั้งหน้าไม่มีแรงด่าแล้ว” มือลูบที่แก้มบวม

“ไหนให้กูดูหน่อย” ไอ้โฟร์ดึงมือออกแล้วลูบที่แก้มผม

“แค่รอยแดงนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย” หน้าผมคงเกร็งเพราะเข็มแน่เลยถึงด่าไอ้โฟร์ไม่ออก

“แล้วทำไมยังไม่กลับวะ”

“ม๊าชวนกินนข้าวเย็น ไอ้เอก็อยู่ อย่าบอกนะว่ามึงจะไล่กูอีก”

“กินก็กิน ใครจะว่ามึงล่ะ” ยิ้มกว้างจากไอ้โฟร์เกิดขึ้นอีกครั้ง





ผลการรักษาเหมือนเดิม ไอ้หมอจู๋โด่ทิ้งรอยแดงไว้เต็มหน้า ถ้ารอยไม่หายจะตามไปถึงเกาหลี แม่ง..พูดมาได้ไม่เจ็บไม่เจ็บ เคยลองเอาเข็มจิ้มหน้าตัวเองก่อนหรือเปล่าถึงกล้ายืนยันกับผมแบบนั้น ม๊าก็ช่างสรรหาวิธีการรักษาจริงๆเสียเงินเสียเวลาเจ็บตัวมาไม่น้อย ผมยอมรับโรคนี้ได้แล้ว และอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้
 

เย็นนี้ม๊ากับเจ้ขิมเข้าครัวทำกับข้าวจนเต็มโต๊ะ ไอ้เอกับไอ้โฟร์ก็นั่งสลอนเป็นสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้น


“ฉิ่ง วันนี้มึงเป็นเชี่ยอะไรถึงจูบกูแบบนั้น คราวหน้าจะให้เฮียขลุ่ยเทส ไม่ต้องเสนอหน้าเลยนะ” ขอด่าพี่ชายหน่อยเถอะ

“เปลี่ยนรสชาติ” ไอ้ฉิ่งตอบ

“มึงยิ้มอะไรไอ้โฟร์”

“ป่าวๆ” 



รู้สึกตงิดๆชอบกล ทำไมทุกคนบนโต๊ะอาหารถึงยิ้มมีเลศนัยทุกคนเลย ออกอาการที่เห็นได้ชัดสุดก็ไอ้โฟร์นี้แหละนั่งอมยิ้มอยู่ในภวังค์คนเดียว กินข้าวเสร็จไอ้ฉิ่งออกไปร้องเพลงตามปกติ ไอ้เอไอ้โฟร์ก็กำลังจะกลับบ้าน ก่อนกลับไม่วายจะกวนตีน

“กับข้าวอร่อยมากซอ”

มันเม้มริมฝีปากแปลกๆไอ้เอยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พวกมันมีความสุขเรื่องอะไรกันนะ แต่ชั่งเถอะ หาน้ำแข็งปะคบหน้าให้หายบวมก่อน เจ็บตัวฟรีอีกตามเคย









99999999999999999999999999999999999999




หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 08-02-2017 15:27:42
โห้ยยย โฟร์น่ารักจังงืออ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-02-2017 20:41:56
ตกลงใครเนี่ยพระเอก
พี่ธัน เมียสาม พี่ธัน ท่าทางจะชอบซอเหมือนกัน
ซอ ทำให้อารมณ์ดี กล้าแสดงออก ไม่กลัวพี่ธัน
พี่ธัน เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องฝืน
กับเมียๆ พี่ธันต้องคอยเอาอกเอาใจ
ที่แปลกคือทำไมพี่ธันพาซอไปบ้าน
แม้เมียทั้งสามยังไม่เคยพาไปเลย :hao3:
โฟร์ เพื่อนรักเพื่อน
โฟร์นะ รักซอ อย่างจริงจัง จริงใจ  :mew1:
พร้อมดูแลโฟร์ตลอด ฐานะก็ดี
เข้าใจซอ เพราะรู้จักสนิทมาตั้งแต่เด็ก
รอตอนต่อไป ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 08-02-2017 20:51:03
เชียร์โฟร์ เริ่มมีหวังละ  :katai2-1:
ปล. ทะเหลทะไหล => เถลไถล
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-02-2017 22:42:50
ก็ต้องรอดูกันต่อไป...
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: CHAMELEON ที่ 09-02-2017 00:10:13
เข้ามาอ่านอีกรอบ ตอนแรกหยุดอ่านเพราะคิดว่าลงเรือผิดลำ พอเห็นโฟร์มีหวังเลยกลับมาอ่าน
เชียร์โฟร์สุดใจ ไม่เอาพี่ธันได้ไหม เอาโฟร์ดีกว่า รักมานาน มั่นคง พ่อแม่ไม่กีดกัน รู้ปัญหาของซอดีด้วย แถมแอบตามไปดูแล ที่บ้านกับเพื่อนก็เชียร์
ซอเองก็อยากมีความรักก็น่าจะมองคนข้างๆ บ้างนะ อย่าพูดจาร้ายๆ แบบนั้นเลย รับไม่ได้ ทำไมต้องพูดแบบนั้น เราอ่านยังหงุดหงิดเลย ใจคนฟังจะรู้สึกยังไง
ส่วนพี่ธันก็ปล่อยให้นางสร้างฮาเรมต่อไปเถอะ...
ถ้าโฟร์ไม่สมหวังไม่ต้องหาคู่รองให้นะ เดี๋ยวเราจะรับไปดูแลรักษาหัวใจเอง 555 แต่ทางที่ดีซอเลือกคนนี้เถอะ เพราะเราลงเรือลำนี้แล้ว ไม่เตรียมชูชีพด้วย(ประโยคนี้คือใจความสำคัญ 555)
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 09-02-2017 13:56:52
เข้ามาอ่านอีกรอบ ตอนแรกหยุดอ่านเพราะคิดว่าลงเรือผิดลำ พอเห็นโฟร์มีหวังเลยกลับมาอ่าน
เชียร์โฟร์สุดใจ ไม่เอาพี่ธันได้ไหม เอาโฟร์ดีกว่า รักมานาน มั่นคง พ่อแม่ไม่กีดกัน รู้ปัญหาของซอดีด้วย แถมแอบตามไปดูแล ที่บ้านกับเพื่อนก็เชียร์
ซอเองก็อยากมีความรักก็น่าจะมองคนข้างๆ บ้างนะ อย่าพูดจาร้ายๆ แบบนั้นเลย รับไม่ได้ ทำไมต้องพูดแบบนั้น เราอ่านยังหงุดหงิดเลย ใจคนฟังจะรู้สึกยังไง
ส่วนพี่ธันก็ปล่อยให้นางสร้างฮาเรมต่อไปเถอะ...
ถ้าโฟร์ไม่สมหวังไม่ต้องหาคู่รองให้นะ เดี๋ยวเราจะรับไปดูแลรักษาหัวใจเอง 555 แต่ทางที่ดีซอเลือกคนนี้เถอะ เพราะเราลงเรือลำนี้แล้ว ไม่เตรียมชูชีพด้วย(ประโยคนี้คือใจความสำคัญ 555)

คนเขียน ก็หงุดหงิดมากก
อย่าว่าพี่ธันเลย ทุกคนมีเหตุผล
ส่วนโฟร์ เก้าคงให้ไม่ได้ มีคนจองแล้ว55
ทำใจก่อนลงตอนต่อไป :TT:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 09-02-2017 20:31:22
สนุกดีๆ ติดตามอีกเรื่องนึงๆ :impress2:
แนะนำให้นุ้งซอขายป๊าพี่ธันค่ะ!!!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่10 ทะเลสีเทา up10/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 09-02-2017 23:51:52
ตอนที่10 ทะเลสีเทา




วันหยุดยาวที่ผมรอก็มาถึง  ปรานบุรีคือเป้าหมายที่พักสมอง  งานนี้ต้องขอบคุณพี่กัสและพี่แฝดที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงตลอดงาน หนังสั้นที่พวกพี่แกส่งเข้าประกวดได้รางวัลชนะเลิศ  พี่แฝดถึงกับปิดร้านTwinsพามาฉลอง  ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้เมื่อหลายวันก่อน  ยัดเต็มเป้ใบใหญ่ไม่มีชุดหล่อหรอกครับมีแต่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดไว้ลงเล่นน้ำเท่านั้น ปิ๊น ปิ๊น สงสัยไอ้เอมารับผมแล้ว 




“พี่กัสหวัดดี ไอ้เอละพี่” ผมเห็นพี่กัสขับรถตู้มาคนเดียว

“ตามหลังมา”

“อ่าว…ไม่ได้ไปคันเดียวกันหรอพี่”

“ป่าว กูมารับไอ้ฉิ่ง แล้วก็จะเลยไปรับไอ้แฝด เจอกันที่ปราน”

 
ไอ้ฉิ่งขึ้นรถตู้คันใหญ่ออกจากประตูหน้าบ้านไปพร้อมกับพี่กัส พอร์ชสีขาวไฟกลมโตก็วิ่งสวนทางเข้ามา นี่ผมต้องไปเที่ยวทะเลโดยมีไอ้โฟร์ไปด้วยหรอ ไอ้เอชวนมันจนได้ ชิลๆดูพระอาทิตย์ตกริมทะเลที่คิดไว้หมดกัน 


“ขึ้นรถเลยครับ” ลดกระจก เรียกหน้าระรื่นใส่

“เอ มึงจะชวนมันไปทำไม” มองค้อนไอ้เอที่เดินลงมาจากรถ

“กูไม่ได้มีมึงเป็นเพื่อนคนเดียวซ่ะหน่อยซอ มันก็เพื่อนกู เพื่อนรักด้วย”

“ฮ่าห่าฮ่าห่าฮ่าห่า” ไอ้โฟร์หัวเราะเยาะทันที มีคนยกหางหน่อยเอาใหญ่เชียวนะมึง

“ช่วยกันเข้าไป แล้วมึงจะลงมาทำไมเอ” ผมคว้าแขนไอ้เอที่กำลังเป็นประตูรถ

“กูจะนอน มึงไปนั่งหน้าเป็นเพื่อนไอ้โฟร์หน่อยละกัน”

“เฮ้ย! ไม่เอา กูไม่นั่ง ลงมาไอ้เอ” ผมฉุดกระชากแขนมันให้ออกแต่ไอ้เอแกล้งทิ้งตัวลงนอนที่เบาะหลัง เหยียดขาขวางผมไว้อีกต่างหาก



รู้อย่างนี้ขึ้นรถตู้มากับพวกพี่กัสตั้งแต่แรกแล้ว เหมือนตัวเองตกอยู่ในเกมส์ยัดเหยียดคู่ของไอ้เอกับไอ้โฟร์ไปโดยปริยาย ผมคงต้องปล่อยให้พวกมันร่วมมือกันไปก่อน สองเพื่อนรักมันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย หัวเดียวกระรีบอย่างผมสู้มันสองคนไม่ได้หรอก ยิ่งพักนี้แล้วไอ้เอช่วยไอ้โฟร์จนออกนอกหน้านอกตา



 
“ซอหยิบกาแฟให้หน่อยดิ”

“หยิบเองดิ”

“กูขับรถอยู่ ไม่เห็นหรอ ป้อนนิดป้อนหน่อยก็ไม่ได้”  หันมองผมผ่านแว่นตากันแดด จิ๊!ปาก ไม่พอใจ

“เอ่อๆ ป้อนก็ป้อน เห็นมึงขับรถหรอกนะ กินแล้วก็หุบปากซ่ะ”

“ก็แค่เนี่ย มันจะยากอะไร”


ผมหยิบแก้วที่วางอยู่ใกล้ๆจ่อที่ปาก  มันก้มดูดหลอดกาแฟจนถึงก้นแก้ว โคร่ก~ โคร่ก~ มองตาทะเล้น ก่อนที่จะปล่อยมือซ้ายจากพวงมาลัยมาจับมือผม ความกวนตีนสูงมากไหนบอกมือไม่ว่างไงวะ


“ฮั่นแหน่…จีบกันอยู่หรอมึง" ไอ้เอโผล่หัวมาจากเบาะหลัง

“สัส! ตื่นแล้วก็มาจับแก้วให้เพื่อนรักมึงเลย” ผมรีบดึงมือไอ้เอมาจับแก้วแทนผม
 
“มึงจะตื่นมาทำเชี่ยอะไรตอนนี้ ไอ้เอ” ไอ้โฟร์เอามือผลักหัวเพื่อนกลับไปนอนที่เบาะหลังต่อ




ปรานบุรีไกลแค่ไหนคือใกล้  ผมเริ่มกลัวเกิดอุบัติเหตุแล้วละเพราะคนขับรถมันไม่มองทางเลย  มัวแต่หันมามองหน้าผม เดี๋ยวมอง เดี๋ยวมอง ทุกๆห้านาทีเลยก็ว่าได้ ส่วนไอ้เอก็หลับยาวตามคำสั่งเพื่อน

จนเรามาถึงบ้านพักตากอากาศของไอ้เอที่ปรานบุรี เป็นบ้านสองชั้นวิวสวยมองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา  เสียงคลื่นกระทบทราย ซ้า!ซ้า! ถึงหน้าบ้าน สูดลมหายใจได้เต็มปอดสดชื่นสุดๆ

ทุกคนเข้าจองห้องพักตามชอบ  ผมกับพี่ชายนอนห้องเดียวกันคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด  ไหนจะต้องระวังไอ้โฟร์ไหนจะคอยหลบพี่ธันที่ไม่ให้โดนแกล้งอีก  พอเก็บของเข้าห้องเสร็จสรรพพวกพี่กัสก็ขนเก้าอี้โต๊ะม้านั่งออกมาตั้งวงที่หน้าบ้าน พี่ชายผมนั่งดีดกีต้าร์ร้องเพลงเป็นศิลปินเดี่ยวสร้างความรื่นเริงครื้นเครง โหวกเหวกโวยวายแหกปากตามประสาขี้เมาคุยโวเรื่องหนังที่ประกวดชนะ   พี่กัสตั้งใจทำหนังสั้นเรื่องนี้อยู่หลายเดือนถ่ายทำที่เชียงใหม่ผมรู้แค่คร่าวๆเพราะฝังมาจากไอ้เอเล่าอีกที



พวกเราอยู่ครบทีมจะเหลือก็แค่พี่ธันกับฮองเฮาบลูที่ยังมาถึง  นับตั้งแต่วันที่พี่ธันมาหาผมที่บ้านผมก็ไม่เจอพี่เขาอีกเลย  ไม่ได้ไปตามที่บริษัท ไม่ได้ไปหาที่ Twins ไลน์ก็ไม่ได้ส่ง

ผมกับเพื่อนๆเตะบอลที่ชายหาดห่างจากวงเหล้าพอสมควร  พี่ธัน พี่พลอย ไอ้บลู ก็เดินมาด้วยกัน ฮองเฮาผู้เลอโฉมใส่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม แว่นกันแดด รองเท้าเตะ ผิวขาวจั๊ว  ขนาดผมมองจากไกลๆนะครับยังขาวโอโม่ไร้คราบสกปรกได้ขนาดนี้  คงไม่แปลกถ้าจะเป็นเมียคนโปรดของพี่ธัน

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ พี่พลอยเลขาสุดเซ็กซี่ของพี่ธัน ท่อนบนใส่บิกินี่สีแดงตัดกับสีผิวสว่างตา ท่อนร่างใส่กางเกงขาสั้นตัวจิ๋ว ผมยาวสยายลู่แรงลมถึงกลางหลัง หู๊ย…ไม่ต้องบรรยายมากก็เห็นภาพส่วนเว้าส่วนโค้งของพี่พลอยแบบ4D

ทั้งสามนั่งร่วมวงสมทบกับคนอื่นๆ  ส่วนผมเตะบอลกลางแดดแบบไม่ง้อซันบล็อกอยู่หลายชั่วโมง นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เดินผ่านมามีแจ๊ทสกีจอดอยู่หลายคัน



“เอ แจ็ทสกีขับได้มั้ย”

“เออใช่ ในบ้านมีนี่หว่า มาแข่งกัน”

“กูแข่งด้วย” สอดอีกละ

“จัดไป มีสามคันพอดี”


ผมกับเพื่อนกำลังเดินผ่านวงเหล้า เพื่อไปเอาแจ็ทสกีลงทะเล ไอ้เอเลยถือโอกาสแนะนำไอ้โฟร์ให้พี่ธันกับพี่พลอยรู้จักอย่างเป็นทางการ


“โฟร์ นี่พี่ธันเพื่อนพี่กู นี่พี่พลอยเลขาพี่ธัน แล้วก็บลูแฟนพี่ธัน” ไอ้เอไล่แนะนำทีละคน

“กูรู้จักพี่เขาแล้วไม่ต้องแนะนำก็ได้เอ” ไม่มีหางเสียงไม่มีการนอบน้อม มีแต่เสียงแข็งๆที่เปล่งออกมา

“ไอ้เหี้ยนี่ ไหว้อ่ะไหว้ ทำเป็นมั้ย” ไอ้เอเอามือกดหัวไอ้โฟร์ให้ก้มลง

“ไม่เป็นไรเอพี่เคยเจอโฟร์แล้ว คนกันเองไม่ต้องพิธีมาก” พี่พลอยพูดปัด พี่ธันนั่งนิ่งมองหน้าไอ้โฟร์

“น้องเอวันนี้ยังไม่ได้ชนแก้วฉลองให้กับหนังพวกพี่เลยนะ มาๆนั่งใกล้พี่นี่” พี่ชินพูด

“ไว้ก่อนพี่ชิน พวกผมจะแข่งแจ็ทสกี”

“เอ พี่ขอแข่งด้วยสิ” พี่ธันพูดเสียงขุ่น เห้ย…มาอารมณ์ไหนวะอยู่ดีๆก็ขอแข่งด้วยซ่ะงั้น

“เอาสิพี่ธัน หลายๆคนสนุกดี ว่าแต่จะแข่งไงก็มันมีแค่สามคัน”

“น้องเอให้พี่นั่งซ้อนก็ได้นะ พี่ว่าง” พี่ชินหยอดไอ้เอ

“อีเก้งภูเขา มึงดูร่างมึงด้วยขึ้นไปก็เป็นตัวถ่วงให้เอ นั่งเฉยๆกูซ้อนเอง” พี่พลอยเริ่มฉะกับพี่ชิน

“แหมๆ อีชะนีป่าดิบชื้น มึงขึ้นไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”

“พอๆพี่  พี่พลอยมาซ้อนผม พี่ธันกับบลู ไอ้โฟร์กับไอ้ซอ สามคันตกลงตามนี้”




ไอ้เอมึงสรุปอะไรถามกูก่อนมั้ย  เล่นรวบรัดแบบนี้ไม่ถามถึงความสมัครใจของเพื่อนอย่างผมสักนิด  ไอ้โฟร์อมยิ้มนิดๆที่มุมปาก ไอ้บลูหน้าบานที่ได้ยินไอ้เอพูดแบบนั้น  พี่พลอยระริกระรี้ที่ได้แกล้งพี่ชิน  พี่ธันหน้าบึ้ง  ส่วนผมได้แค่โกรธเพื่อนอยู่ในใจ



เราเอาแจ็ทสกีลงทะเลใส่เสื้อชูชีพเป็นคู่ๆ พี่กัสพี่เชนไอ้ฉิ่งส่งเสียงเชียร์ไปพร้อมกับแก้วเหล้า  ผมสังเกตไอ้โฟร์มันมองพี่ธันสายตาขวางโลกท่าทางกะฟึดกะฟัดไม่พอใจตั้งแต่ที่เห็นพี่ธัน ไอ้บลูกอดเอวพี่ธันมองมาทางผม  พี่พลอยก็กอดไอ้เอแน่นยิ่งกว่าเนื้อแนบเนื้อเพื่อแกล้งยั้วพี่ชิน  ผมเป็นคนเดียวที่ไม่กอดไอ้โฟร์และนั่งห่างเป็นไมล์ทะเล

กติกาคือทีมไหนขับไปอ้อมบอลลูนยักษ์ที่เห็นไกลๆโน่นแล้วกลับเข้าฝั่งได้ก่อนทีมนั้นชนะ


เริ่ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


ไอ้โฟร์พาผมบิดขันเร่งกระโดดดึ่งๆตามคลื่นทะเล ตับไตไส้พุงไหลมารวมกันหมด  มันจะเร่งไปไหนเขาแข่งกันเล่นๆไม่ใช่แข่งเจ็ทสกีชิงแชมป์โลกซ่ะหน่อย  ขับเร็วไปแล้วโฟร์  มือผมไม่มีที่ยืดใช้แค่ต้นขาสองข้างเกร็งและหนีบกับตัวถังเจ็ทสกีไม่ให้ตัวเองหล่น  มันขับนำพี่ธันมาประมาณสองช่วงแขน ไอ้เอกับพี่พลอยรั้งท้าย


“กอดเอวเดี๋ยวตก”

“ไม่”

“กูจะเร่งแล้ว กอดเดี๋ยวตก”

ไม่!


จนมาถึงบอลลูนจุดกลับแจ็ทสกี ผมเอนตัวตามแรงบังคับแจ็ทสกี หากแต่ไม่ทันพ้นบอลลูน


โครม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

 ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



ทุกคนตกจากแจ็ทสกีไปคนละทิศคนละทาง  ผมไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่พยายามตะเกียดตะกายลอยตัวให้พ้นผิวน้ำ หวังว่าคนอื่นๆก็จะปลอดภัยเหมือนกัน ทะว่า มีมือมาดึงแขนผมไว้ไม่ให้ลอยตัวขึ้น ไอ้โฟร์แน่เลย


แต่ใบหน้าที่ปรากฏต่อหน้าผมกับไม่ใช่มันอย่างที่คิด พี่ธันดึงตัวผมเข้ากอดใบหน้าใกล้ปลายจมูก  พี่จะแกล้งผมไม่ได้นะ หลับในน้ำผมตายได้เลยนะพี่ธัน  ผมใช้ขาตีน้ำพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแต่ก็ดิ้นไม่หลุด  จากนั้นพี่ธันก็ยื่นหน้ามาใกล้กว่าเดิม ตาย ๆ จบสิ้นชีวิตในน้ำแน่เลยผม จมูกชนจมูกแล้ว  ผมยิ่งดิ้นพี่ธันยิ่งกอดผมแน่นขึ้น


จากนั้นเขาใช้มือปิดปากผมไว้หนึ่งข้าง  แล้วพี่ธันก็จูบลงบนหลังมือตัวเอง ผมมองพี่ธันผ่านแว่นกันน้ำกับทะเลใสๆ ด้วยความงง พี่ธันกำลังจูบผมหรอ

ห๋า~~


ผมโผล่พ้นน้ำมาเพราะชูชีพดึงตัวลอยขึ้นบวกกับพี่ธันปล่อยมือจากเอว  ผมเกาะที่แจ็ทสกีลอยคอเพื่อหาอากาศหายใจ เหตุการณ์ไม่กี่วินาทีเมื่อกี้ทำไมมันทำให้ผมหอบเหนื่อยแฮกๆและหายใจไม่ทั่วท้องแบบนี้นะ  เป็นเพราะผมอยู่ในน้ำต้องการอากาศหายใจหรือเพราะอย่างอื่น  ส่วนพี่ธันก็โผล่ขึ้นมาอีกฝากใกล้ๆกับไอ้บลู ไอ้โฟร์ลอยคอเข้ามาใกล้ผม



“มึงโอเคนะซอ” พร้อมถอดแว่นกันน้ำออกให้

“อืม”

“พี่เป็นบ้าอะไร มองไม่เห็นหรือพี่ตั้งใจแกล้งผม”

“ผมจะแกล้งคุณทำไม มันเป็นอุบัติเหตุ คุณไม่เห็นหรอ” อะไรของสองคนนี้วะขึ้นเสียงใส่กันทำไม

“พี่ธันบลูแสบตา” เสียงอ้อนจากเมียหวานจ๋อย




เจ็ทสกีของไอ้เอก็ขับมาถึง  เราช่วยกันดูเจ็ทสกีไม่มีอะไรเสียหายก็พากันขับเข้าฝั่งการแข่งนี้ไม่มีผู้ชนะ  มีแต่ความตึงจากไอ้โฟร์กับพี่ธันที่เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนแรก  ไอ้โฟร์มันเป็นคนไม่ยอมใครและดูท่าทางมันก็ไม่ได้เกรงกลัวพี่ธันสักนิด  พี่ธันเองก็กวนเงียบเป็นคลื่นใต้น้ำไม่รู้จะซัดมาตอนไหน  ท่าทางก็ไม่ยอมเด็กอย่างไอ้โฟร์เหมือนกัน


เราแยกย้ายกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวปิ้งบาร์บีคิวมื้อเย็น หน้าที่เบ้ก็หนีไม่พ้นเด็กสุดอย่างผมกับเพื่อนยกเว้นฮองเฮาบลู ทำตัวติดพี่ธันปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ไม่คิดจะมาช่วยพวกผมสักนิด ตั้งแต่มาก็ไม่ปริปากพูดกับผมสักคำ มีแต่ไอ้เอคนเดียวที่มันยอมคุยด้วย ไอ้โฟร์ก็ตามติดผมเป็นเงาไม่ห่างจากตัวถึงร้อยเมตร




“โฟร์กูว่ามึงไปหาเหล้าแดกกับพี่กูป่ะ มึงจะมาเดินตามกูทำไมเนี่ย” ผมวางไม้เสียบไก่กับผักที่เตาแล้วบอกให้มันไปนั่งให้เป็นที่

“ถ้าไม่มีมัน กูก็ไปนั่งกับเฮียฉิ่งได้ แต่มันอยู่กูไม่ไป แดกตรงนี้บรรยากาศดีกว่าเยอะ” ดูมันพูด

“มึงหมายถึงใครวะโฟร์ นั้นมีแต่พี่ๆกูทั้งนั้นนะมึง” ไอ้เอถาม

“กูจะแดกตรงนี้ ใครจะทำไม” ไอ้โฟร์หย่อนตูดนั่งลงข้างเตาปิ้ง

“ชั่งมันเอ ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ มึงช่วยกูยกจานไปให้พวกพี่เขาหน่อย”

“กูไปด้วย” มันก็วิ่งตามมาอยู่ดี




ผมยกจานมาเสิร์ฟแล้วทิ้งตัวลงข้างพี่ชาย ไอ้เอกับไอ้โฟร์นั่งติดกัน พี่กัสพี่เชน พี่ชินพี่พลอยคู่กัดเก้งกับชะนีนั่งที่ม้านั่งยาวตัวเดียวกัน แล้วก็พี่ธันกับเมีย


“น้องเอมานั่งใกล้ๆพี่” พี่ชินกวักมือเรียกเพื่อนผม

“ไม่อ่ะพี่ ผมจะนั่งกับเพื่อน”

“ฮ่าๆ อีเก้งภูเขา น้องเอไม่เอามึงหรอก”

“อีพลอย ด่าแต่กูนะมึง ไม่เห็นจะแดกใครได้สักคน”

“ได้ งั้นกูจะแดกน้องเอของมึงให้ดูเป็นบุญตา”

“มึงจะเอาใช่ไหมอีพลอย ข้ามศพกูไปก่อนเถอะมึง กูไม่มีทางแพ้ชะนีอย่างมึงชัวร์” จ้องตากันเขม็งเลยผมนี่ขนลุกแทนไอ้เอเลย

“ผมไม่เกี่ยวดิพี่”

“เกี่ยวร้อยเปอร์” เพื่อนซี้ประสานเสียงช่วยกัน

“ไอ้ชิน อีพลอย ไอ้เอมันน้องกูจะเล่นอะไรก็เพลาๆอย่าเกินเลยนะพวกมึง” พี่กัสด่าสกัดเตือนเพื่อนตัวเอง



แล้วพี่พลอยก็เปลี่ยนที่นั่งมาใกล้ไอ้เอจนไอ้โฟร์ต้องย้ายที่ให้  พี่ชินก็ไม่ยอมเขยิบเข้ามาประกบเหมือนกัน  แย้งกันป้อนเหล้าป้อนกับแกล้ม ไอ้เอหนีไปไหนไม่ได้จำใจกินทุกอย่างที่ยัดเข้าปาก  มันส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากผมเป็นระยะๆแต่ผมไม่ช่วย  เหมือนกับมันที่เปิดโอกาสให้ไอ้โฟร์อยู่ใกล้ผมบ่อยๆกรรมตามสนองแล้วไอ้เอเอาตัวให้รอดนะเพื่อน


ไอ้บลูดึงแขนพี่ธันเข้าไปในบ้าน นาฬิกาบอกเวลาตีสามผมเลยชวนไอ้ฉิ่งไปนอนบ้าง ตามที่คิด ผมเข้าบ้านมาไอ้โฟร์ก็เดินเข้าห้องมันเหมือนกัน  ปล่อยไว้แต่ไอ้เอที่โดนรวมทึ้งอยู่ที่หน้าบ้าน เพราะผมเชื่อว่าเดี๋ยวพี่กัสกับพี่เชนก็ช่วยมันออกจากปากเหยี่ยวปากกาเองนั้นแหละ


ก่อนหลับตาลงภาพที่พี่ธันจูบมือตัวเองใต้น้ำมันยังลอยวนเวียนอยู่ในหัว ริมฝีปากเขาไม่ได้ประกบกับริมฝีปากผม  แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนจูบ  บ้าแล้ว! ไอ้ซอ สติครับ สติ พี่เขาแกล้งมึงเล่น เขาไม่ได้คิดอะไร  เขานอนกับเมียเขาอยู่ข้างๆห้องนี่ไง  ยังมีหน้าไปนึกถึงเขาอีก



ช่วยด้วย!!!!!!!!!



7โมงเช้าเสียงแรกของวันคือเสียงปลุกจากไอ้เอทำให้ทุกคนตื่น แหกปากร้องออกมาจากห้อง ไม่รู้เป็นเชี่ยอะไรแต่เช้า ไม่เพียงแต่ผมกับไอ้ฉิ่งที่เดินตามเสียงมา พี่กัสพี่ธันไอ้โฟร์ก็เดินออกมาจากห้องเหมือนกัน

เอ๊ะ!ไอ้เอกับไอ้โฟร์นอนห้องเดียวกัน ไอ้โฟร์อยู่นี่แปลว่าเมื่อคืนไอ้เอนอนห้องอื่น

พี่กัสเปิดประตูห้องที่เป็นต้นตอของเสียงเข้าไป พ่างง ภาพต่อหน้าที่ทุกคนเห็นคือ ไอ้เอแก้ผ้าร่อนจ้อนมีผ้าห่มคลุมตัวนั่งสั่นงันงก พี่พลอยนุ่งผ้าเช็ดตัวนั่งบนเตียงเช่นกัน



“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เกิดอะไรขึ้นวะ” สบถเสียงหลงจากพี่กัส แล้วเดินเข้าไปหาน้องชาย

“หือ หือ กะ กะ กู กู ฮืออือ” น้ำหูน้ำตาขี้มูกไหลเป็นสาย สะอื้น อึก อึก

“มึงหยุดร้องดิ กูไม่เข้าใจ”

“กู กะ กับ พี่ พะพะ พลอย ได้กันเมื่อคืน ช่วยกูด้วยกัสกูไม่ได้ตั้งใจ หือๆๆ พ่อแม่ฆ่ากูแน่กัส”

มือปาดน้ำตาที่ไหลพรากๆ โผลกอดพี่ชายตัวเอง จนผมกับไอ้โฟร์เดินมานั่งใกล้เพื่อน  ไอ้ฉิ่งเดินเข้าไปหาพี่พลอยที่เนื้อตัวแดงจ้ำๆ ส่วนพี่ธันนั่งลงข้างๆแล้วกอดเพื่อนเบาๆ

“เล่นเลยเถิดจนได้นะอีพลอย” พี่กัสหันไปว่าเพื่อนที่นั่งอีกฝั่งของเตียง

“กูไม่ได้อยากให้มันแบบนี้นะกัส”

“มึงทำ หรือน้องกูทำ”

“โห่!!! กัส มึงดูรอยดูดที่ตัวกูก่อน กูดูดเองมั้งสัส”

“กูทำพี่พลอยเองกัส กูควบคุมตัวเองไม่ได้ ตื่นมากูยังนอนทับพี่พลอยอยู่เลย หื้อ หื้อ อึก อึก ” ไอ้เอยังร้องไห้ไม่หยุด

“เอ ไม่ต้องร้องพี่ไม่ให้เอรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น สบายใจได้ พี่ก็เมามากไปหน่อย เอไม่ผิดหรอกพี่ผิดเอง” พี่พลอยปลอบไอ้เอเฉยเลย

“พี่พลอยผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจจริงๆ หือ หือ”

“พอๆ พี่ไม่ให้เอรับผิดชอบจริงๆ ไม่เป็นไรนะ” พี่พลอยจับเข่าไอ้เอ ทำพวกผมอึ้งกับคำพูดของพี่พลอยมาก

“กัสพาน้องมึงไปตั้งสติก่อน พลอยเดี๋ยวกูคุยกับมันเอง”




พี่ธันพูดจบพวกเราก็พาตัวไอ้เอกลับห้องมา มันอาบน้ำใส่เสื้อผ้าและเริ่มนั่งฝังเหตุการณ์เมื่อคืนหลังจากที่พวกผมขึ้นบ้านมานอนกันหมด มันกินเหล้ากับพี่ชินพี่พลอยจนเมาแทบไม่เหลือสติ พี่เชนก็แบกพี่ชินเข้าไปนอน พี่กัสก็หลับที่โต๊ะหน้าบ้าน ไอ้เอกับพี่พลอยก็เดินพยุงร่างกันมาสองคนเข้าห้องพี่พลอยไป

มันเป็นคนเริ่มก่อนเพราะพี่พลอยเมามากสู้แรงไอ้เอไม่ได้ มันปล้ำพี่พลอยจริงๆ หลายรอบด้วย อันนี้ไม่ต้องเน้นก็ได้มั้งเอ พี่กัสหน้าเครียดสูบบุหรี่หมดไปหลายมวน พอฟังไอ้เอเล่าจบก็เดินหายออกไป เหลือแต่ผมกับไอ้โฟร์ยังปลอบใจเพื่อนอยู่




“กูควรทำไงดีวะ มีเมียก่อนพวกมึงจนได้อายุเยอะกว่าด้วย” เพื่อนผมนั่งกอดเข่าหน้าเศร้าข้างเตียง

“26-27ไม่ถือว่าแก่หรอกเอ อีกอย่างพี่พลอยก็สวยมาก”

“ก็เพราะสวยไง เมื่อคืนก็ถึงอดใจไม่ไหว กูควรรับผิดชอบพี่พลอยมั้ย” เงยหน้าออกจากเข่าแล้วถาม

“เหี้ย! ถามได้ ก็ต้องรับผิดชอบดิวะเขาเสียหาย” ผมด่า

“แล้วชีวิตสจ๊วด เที่ยวรอบโลกของกูอ่ะ”

“หัวมึงมีไว้ตั้งโชว์หรอสัส คิดด้วย เป็นสจ๊วจเขาไม่ได้ห้ามมีเมีย อย่าเห็นแก่ตัวนะมึง” ไอ้โฟร์ด่าแรง แต่มันพูดถูก

“ถ้าพี่พลอยไม่ให้กูรับผิดชอบอย่างที่เขาบอกละ” คำพูดเสียงอ่อยๆ

“มันก็ขึ้นอยู่กับมึงเอ ว่าอยากรับผิดชอบพี่เขาจริงๆมั้ย พี่พลอยเป็นเพื่อนพี่กัสด้วยนะเอ มึงไม่อายในสิ่งที่มึงทำหรอวะ”

“กูจะบอกพ่อแม่ไงวะ เรียนยังไม่จบก็มีเมียแล้ว ตายแน่เลยกู” หน้าไอ้เอเครียดมาก มือขยี้หัวจนฟูไม่เป็นทรง

“มึงปล่อยให้เป็นเรื่องของพี่กัสเถอะ กูว่าเขาคุยกับพ่อแม่มึงได้ ตอนนี้มึงมานึกถึงความรู้สึกพี่พลอยดีกว่า เขาจะเสียใจแค่ไหนที่มึงปล้ำเขาแบบนั้น”

“แม่งเอ่ย! กูทำไปได้ไงวะ”

“ถ้ามีสติแล้ว มึงควรไปคุยกับพี่พลอยให้รู้เรื่อง”



ไอ้โฟร์ไล่ไอ้เอไปหาพี่พลอย  ถึงมันจะไม่ได้ตั้งใจหรือเกิดจากความรักก็ตามแต่  ยังไงไอ้เอก็ได้ล่วงเกินพี่พลอยทั้งคืน  และเขาก็ไม่ได้เรียกร้องหรือโวยวายหาความรับผิดชอบจากมันด้วย พี่เขาทั้งเก่งทั้งสวยก็เดาไม่ได้หรอกว่าจะยอมให้ไอ้เอแสดงความรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหนทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่พลอยเพียงคนเดียวเท่านั้น


จนช่วงสายๆพี่เชนพี่ชินรู้เรื่องถึงกับเข่าอ่อน  พี่ชินนั่งซึมหน้าเศร้าเพราะตามตอดไอ้เอมานานแต่ดันพลาดให้กับเพื่อนรักอย่างพี่พลอย  มาเที่ยววันแรกเพื่อนผมก็ได้เมียกับไปกรุงเทพด้วย  ผมควรสนุกต่อดีไไหม














99999999999999999999999999999999999

อึดอัดนิดหน่อย เครียดแทนทุกฝ่าย หน่วงๆ แต่ทุกอย่างจะดีขึ้น ตอนหน้า อย่าว่าคนเขียนนะออกตัวก่อน555 ถึงทีซอบ้างแล้ว :m15: :m15: :m15:





 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและเม้นนะค่ะ :L1: :L1:  :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:









 

หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่10 ทะเลสีเทา up10/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2017 00:22:57
พี่ธัน คิดถึงจูบของซอแน่เลย
เหล้า ทำให้เอ ได้เมีย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่10 ทะเลสีเทา up10/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-02-2017 00:31:14
เฮ้อ มีแต่เรื่องวุ่นวาย
เรื่องของเอนี่โนคอมเม้นท์ค่ะ มันคือการไม่รู้จักระวังตัว เป็นความประมาทนะเราว่า (ทั้งคู่เลย)
ส่วนซอนี่ เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับการพยายามดันโฟร์ให้ได้คบกับซอแบบยัดเยียดนะ คือถึงได้ทำแบบนี้มันก็ไม่มีผลกับความรู้สึกของซอที่ค่อนข้างต่อต้านอ่ะ ส่วนพี่ธัน... นิสัยไม่ดีเลย เมียก็มายังมาพยายามล่วงเกินซอ หาคำตอบให้ตัวเองก่อนไหมว่าต้องการอะไรแน่
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 10-02-2017 18:23:59
เชียร์โฟร์ เริ่มมีหวังละ  :katai2-1:
ปล. ทะเหลทะไหล => เถลไถล
 :pig4:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่11 สาหัส up12/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 12-02-2017 13:53:04
ตอนที่11 สาหัส





เพื่อนผมตั้งสติอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเดินคอตกลงมานั่งเผชิญหน้ากับทุกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ สายตาจากเพื่อนพี่กัสจับจ้องมาทางไอ้เออย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ คงไม่มีคาดคิดเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ไปได้  น้องผู้แสนดีของพี่กัสได้กลายเป็นสามีของเพื่อนไปซ่ะแล้ว  และตอนนี้พวกผู้ใหญ่กำลังหาทางออกให้เด็กมหาลัยที่อายุเพิ่ง19ปีเต็มไปเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง



 
“มึงจะเอาไง มึงบอกมาได้เลยนะพลอย กูจะให้น้องกูรับผิดมึงให้เต็มที่” พี่กัสพูดกับเพื่อน

“กูไม่เอากัส เอยังเด็กรับผิดชอบอะไรไม่ได้หรอก อีกอย่างกูไม่อยากเป็นน้องสะใภ้มึงด้วย”

“แต่ไอ้เอได้มึงแล้วนะพลอย มึงเป็นฝ่ายเสีย”

“ใครบอกกูเสีย กูต่างหากที่เป็นฝ่ายได้” หู้ยยยยยย แค่นั่งฟังเฉยๆยังเสียวแทนสมกับเป็นเพื่อนพี่ธัน

“อ่าว ทำไมพี่พลอยพูดแบบนี้อ่ะ ถึงผมจะเด็กกว่าแต่ผมรับผิดชอบพี่ได้นะ” ไอ้เอตั้งใจจะรับผิดในส่วนที่มันทำพลาดไป

“เอ พี่ก็เป็นแบบนี้ ชอบสนุกไปวันๆ พี่ไม่พร้อม พี่ไม่อยากมีครอบครัว พี่ไม่อยากผูกมัด เอเข้าใจนะ” เลขาพี่ธันใจเด็ดมาก

“โห๊ย อีดอกพลอย พอมึงได้แล้ว มึงก็จะทิ้งน้องเขาว่างั้น อีชะนี อีแรดสิบหนอ” พี่ชินด่าเพื่อนสาวอย่างเหน็บแหนม

“เอ้อ! แล้วจะทำไม กูไม่อยากมีผัวเด็ก กูจะแรดๆของกูแบบนี้ มึงจะทำไมไอ้ชิน” สงครามเริ่มอีกแล้วคู่นี้

“เฮ้ย! เลิกกัดกัน กูถามว่ามึงจะให้น้องกูรับผิดชอบมึงมั้ย กูจะได้บอกพ่อแม่เรื่องจะได้จบ” พี่กัสเสียงดังจนผมสะดุ้ง

“กัส กูไม่ให้เอรับผิดชอบจริงๆ ทุกอย่างจะเหมือนเดิม กูก็ยังเป็นเพื่อนมึง เอก็ยังคุยกับกูได้ อย่าเก็บเรื่องเหี้ยนี้ไปรกสมองมึงเลย กูโอเคมาก”

“พอเถอะกัส พวกกูคุยกับพลอยแล้ว มันโอเค มึงไม่ต้องคิดมากอย่างที่พลอยบอก มึงควรเคารพการตัดสินใจของเพื่อนนะ” พี่เชนพูดขึ้น พี่ธันไม่พูดอะไร ไม่ได้เสดงความคิดเห็น พี่ธันแค่นั่งใกล้ๆเพื่อนแล้วคอยลูบหลังปลอบเป็นระยะๆ

“ถ้าปกติแล้วก็มาแดกเหล้ากันต่อสิรอเหี้ยอะไรอยู่”





แล้วกลุ่มรุ่นพี่ก็ตั้งวงเหล้านั่งคุยกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  คนที่เขาโตแล้วเขาคิดง่ายๆแค่นี้เองหรอครับ เขาไม่ได้สนใจกับเรื่องพวกนี้เลยหรอ บางทีผู้ใหญ่ก็เข้าใจยากกว่าเด็กอย่างพวกผมอีกนะ จบง่ายเกินไปหรือเปล่า  เสียงจากพี่พลอยที่พูดขึ้นมาว่า ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร  ทำเอาเพื่อนผมเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณเดินลงทะเลกระดกขวดเบียร์อยู่คนเดียว

 
ผมกับไอ้โฟร์เลยตามประกบมันไม่ห่างเพราะกลัวมันจะฆ่าตัวตายซ่ะก่อน มันขับเจ็ทสกีออกไปกลางทะเลโดยมีไอ้โฟร์นั่งไปเป็นเพื่อนขับวนไปวนมาสิบๆรอบเป็นการระบายความเสียใจเท่าที่มันพอทำได้  จากนั้นแล้วมันขับมาจอดเกยหาดไว้ทิ้งตัวนอนลงบนทรายแบบหมดอาลัยตายอยาก


เราสามคนนอนแผ่หลากลิ้งไปมามอมแมมเป็นลูกหมาตกท่อ  แต่ลูกหมาที่ชื่อเอมีน้ำตาไหลตลอดเวลา ทะเลเค็มหมดแล้วไอ้เอ หยุดร้องได้แล้วเพื่อน


จึ๊ก!


อะไรแทงมือวะเจ็บเชี่ย ผมลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นดูมีเปลือกหอยติดอยู่ ไอ้โฟร์จับมือผมอย่างทุรนทุรายดิ้นกะเด๋วกะเด๋วเหมือนมันโดนหอยบาดซ่ะเอง โฟร์นี่มือกูไม่ใช่มือมึงจะเจ็บทำไม มันดึงเปลือกหอยออกให้อย่างเบามือ



“ไปทำแผล กูทำให้” มันฉุดมือผมลุกขึ้น

“กูทำเองได้ มึงเฝ้าไอ้เอเหอะ เกิดแม่งเดินลงทะเลไปซวยนะมึง”

“เผา ดิ ยากอะไร”

“มึงจะงมศพมันเจอมั้ย เฝ้ามันเลย แผลแค่นี้กูทำเอง”




ผมเดินเข้าบ้านไปทำแผล ไอ้เอยังนอนแผ่ให้น้ำทะเลเซาะไข่เล่น ส่วนไอ้โฟร์ห้ามไม่ฟังหรอกครับ สั่งให้อยู่เฝ้าเพื่อนก็ดันวิ่งตามตูดผมมาอยู่ดี กลุ่มรุ่นพี่ยังคงนั่งกินเหล้าที่หน้าบ้าน ผมก็เดินตรงมาล้างมือที่ซิงค์ในครัว แผลไม่ใหญ่มากแต่ความแสบให้เต็มสิบ




“ในกระเป๋ากูมีพลาสเตอร์ มึงรอเดี๋ยวนะ กูขึ้นไปเอาให้”

“อืม”


ไอ้โฟร์ วิ่งแจ้นขึ้นไปเอาพลาสเตอร์ที่กระเป๋าบนห้องชั้นสอง


“มือไปโดนอะไรมา” พี่ธันที่โผล่มายืนด้านหลัง

“หอยบาด”

“ล้างมือเสร็จยัง กูติดพลาสเตอร์ให้” พี่ธันคว้ามือผมไปดูแผล

“ไม่เป็นไรพี่ เพื่อนผมขึ้นไปเอาแหละ ผมมีประกันแค่นี้จิ๊บๆ หาหมอฟรี” ผมชักมือกลับจากพี่ธัน

“หน้ามึนเอ๊ย ยังจะขายประกันอีก มานี่กูติดให้” พี่ธันคว้ามือผมกลับอีกครั้ง แกะพลาสเตอร์ออกแล้วแปะมันลงบนฝ่ามือผม

“พี่ธันสนใจป่าว ผมมีขาย”

“ไม่ซื้อ”




พี่ธันก้มหน้าก้มตาติดพลาดเตอร์อย่างตั้งใจจนลืมสังเกตเห็นเงาที่หน้าประตู คืนแรกเป็นความทุกข์ของไอ้เอ  วันนี้คงเป็นคราวเคราะห์ของผมบ้างแล้วละ เมื่อพระราหูโคจรมาทับอุกกาบาตความเลวร้ายก็บังเกิด ฮองเฮาบลูยืนดูพี่ธันปิดแผลให้ผม หน้าแดงแป๊ดไปถึงหูสีหน้าโกรธจัด 


ไอ้บลูเดินแทรกกลางระหว่างผมกับพี่ธัน ผลักผมออกห่างจากตัว ง้างมือตบเข้าที่หน้าผมหนึ่งฉาด        เพี๊ยะ!   หน้าสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงมือและชาทั่วแก้มซ้ายยิ่งกว่าถูกฝังเข็มจากไอ้หมอจู๋โด่เป็นไหนๆ ก็แรงผู้ชายตบเข้าเต็มกำลังบวกกับแรงหึงผัวอีกเจ็บเป็นทวีคูณ ผมกำหมัดแน่นตัวสั่นแต่ไม่ได้ตอบโต้ ข่มความเจ็บไว้ข้างใน 




“ไหนบอกแค่ขายประกัน ไม่ใช่แล้วมั้ง จับไม้จับมือขนาดนี้ ขายอะไรได้บ้างแล้วละ” ไอ้บลูชี้หน้าด่าผม

“บลู กุญแจรถอยู่บนห้อง ขึ้นไปเอาแล้วกลับไปรอพี่ที่กรุงเทพ บอกกี่ครั้งแล้วไม่ชอบ” พี่ธันจับแขนไอ้บลูกระฉากตัวออกเล็กน้อย

“พี่ธันบลูขอโทษ อย่าทิ้งบลูนะ ขอโทษๆบลูจะไม่ใช้กำลังแล้ว พี่ธัน”  อ้อนวอนน้ำตาไหลเป็นทาง 

แล้วไอ้โฟร์ก็ลงมาผสมโรงกับเหตุการณ์นี้อีกคน

“พี่ทำอะไรเพื่อนผม” มันผลักพี่ธันแรง จนตัวเซไปด้านหลัง

“ผมไม่ได้ทำอะไรเพื่อนคุณ”

“ไม่ได้ทำแล้วเหี้ยที่ไหนทำ แก้มมันถึงเป็นรอยมือได้ขนาดนี้” ไอ้โฟร์ยืนจ้องหน้าด้วยความโมโห ไม่สนใจไอ้บลูที่ยืดกอดพี่ธันร้องไห้ในอ้อมอก

“โฟร์พอเถอะอย่าใส่ใจ มึงช่วยเรียกไอ้ฉิ่งขึ้นไปหากูที่ห้องที” ผมดึงแขนไอ้โฟร์ออกจากห้องครัว 


 

ตอนนี้ผมไม่สนใครจะอยู่ใครจะไปเข้าห้องปิดประตูขังตัวเองรอพี่ชาย ในหัวสับสนไปหมดแยกแยะไม่ได้แม้กระทั้งอาการที่มันกำลังเผาใจผมอยู่ตอนนี้ เสียใจ โกรธ อับอาย เจ็บ หรืออะไรกันแน่  พี่ชายเปิดประตูเข้ามานั่งลงข้างๆ



“เป็นอะไรถึงให้ไอ้โฟร์ตามกูมา”

“ทำให้กูหลับหน่อย”

“หนีปัญหาหรอ”

“ก็ดีกว่าตื่นแบบเนี่ย”

“ซอ มึงจะเสียใจเรื่องอะไรก็ชั่ง แต่การหลับช่วยได้จริงหรอ กูว่ามึงคิดผิดนะ แล้วมือที่กำอยู่ไม่เจ็บหรอ ถ้าเจ็บก็ปล่อยมันออก มันจะดีขึ้นเองเชื่อกู น้องชาย” พี่ชายลูบหลังผมเบาๆเหมือนตอนเด็กเลย

“แต่วันนี้กูรู้สึกแย่มาก นะๆฉิ่ง ช่วยหน่อย” ผมยังคงเขย่าแขนขอร้องพี่ชาย


ก๊อก!ก๊อก! พี่ธันเปิดประตูพรวดเข้ามา


“ฉิ่ง ขอคุยกับน้องมึงหน่อย” พี่ชายผมลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยุดใกล้พี่ธัน

“ผมไม่รู้พี่มีเรื่องอะไรกับไอ้ซอ แต่ชีวิตมันเศร้าพอแล้ว ขอร้องพี่ธันอย่าทำให้มันแย่ไปมากกว่านี้ ผมสงสารน้อง”



ไอ้ฉิ่งเดินออกไปหลังจากที่มันวางระเบิดด้วยคำพูดที่กำกวมทำให้ผมสะอึกเฮือกใหญ่  กูก็สงสารตัวเองฉิ่ง ทำไมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ด้วย แต่ที่กูบอกมึงไม่ได้คือ พี่ธันนี่แหละเป็นต้นเหตุของอาการทั้งหมด ผมโคตรงงกับความรู้สึก อยากด่าแต่ก็ด่าไม่ได้ เพราะผมจะด่าพี่ธันเรื่องอะไรผมยังไม่รู้เลย



พี่ธันนั่งที่เตียงติดกับผมก้มหน้ามองพื้น ต่างคนต่างนิ่งอยู่นานไม่พูดอะไรบรรยากาศในห้องมืดมน พูดอะไรสักอย่างสิพี่ธันนั่งเงียบเพื่ออะไร พี่ยิ่งเงียบผมยิ่งอึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว



“เจ็บมั้ย”
 
“เจ็บ”

“ขอโทษที่คนของกูทำอะไรงี่เง่าไปหน่อย”

“ผมเองก็คงไปยุ่งกับคนของมันมากไปหน่อย เหมือนกัน”

“กูไม่ใช่คนของใคร แล้วมือนี่จะกำอีกนานมั้ย ปล่อยมันออกได้แล้ว”

พี่ธันจับมือค่อยๆคลายนิ้วผมออกและกุมมือผมไว้ด้วยกัน ทำไมมือพี่ธันเย็นจังนะ ไม่อุ่นเหมือนมือใครบางคนเลย

“พี่ธัน ช่วยทำให้ผมหลับที” เสียงเบาๆจากผม

“ได้สิ”




ครั้งแรกที่ผมขอให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวทำให้หลับ ครั้งแรกที่พี่ธันจะจูบผมแบบไม่ได้แกล้งเหมือนที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่ผมอยากจูบพี่ธันอย่างเต็มใจ เขาใช้มือทั้งสองข้างจับที่แก้มและหันหน้าเข้าหากัน พี่ธันจ้องตาผม ผมจ้องตาพี่ธัน นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่กำลังไหลริน นี่ผมร้องไห้ตั้งเมื่อไหร่กัน


จากนั้นมือที่เย็นเหมือนน้ำแข็งของพี่ธันก็เลื่อนมาปิดที่ริมฝีปาก พี่ธันจูบลงบนนิ้วตัวเองเหมือนตอนที่อยู่ใต้น้ำเมื่อวาน จูบเสร็จ พี่ธันก็ถอนจูบแรกออก


“ฝันดีนะซอ”


พี่ธันประทับจูบผมอีกครั้งแบบไม่มีนิ้วมือกั้น  ริมฝีปากพี่ธันทั้งหอมทั้งอ่อนโยน จนมันทำให้ผมพยายามฝืนต่อสู้กับหนังตาเพื่อที่จะมองหน้าพี่ธันให้นานที่สุด


เขาคือคนที่ผมกำลังเฝ้ารอที่สามารถทำให้ผมนอนหลับฝันดีทุกคืนใช่ไหม ถ้าใช่พี่ธันจริงๆแล้วทำไมข้างในลึกๆตัวผมถึงพยายามต่อต้าน  มันขัดแย้งอยากบอกไม่ถูก


ในเมื่อปากอยากจูบกับเขาแต่มือกลับไม่อยากจับก้อนน้ำแข็งที่เย็นเฉียบแบบนี้ ผมฝืนร่างกายตัวเองได้ไม่ถึงนาทีโลกก็มืดลง  ผมหลับคาน้ำตาที่เอ่อคลอ





ซอหลับสนิทผมห่มผ้าให้ เช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายออกจากแก้มที่แดงและบวม แก้มใสนี่ไม่ควรมีอะไรมาบดบังรอยยิ้มเลย ณ ตอนนั้นถ้าทำได้ผมคงเอาตัวเข้าไปขวางมือบลูไว้แต่ก็คาดไม่ถึง  เด็กซอต้องมาเจ็บตัวเพราะผมแท้ๆ ไหนจะคำพูดของไอ้ฉิ่งที่พูดทิ้งท้ายไว้เมื่อกี้ จนผมต้องฉุกคิดเป็นการใหญ่



“พี่เข้ามาในห้องเพื่อนผมทำไม เฮียฉิ่งไปไหน ออกไปเลยผมจะเฝ้าเพื่อนเอง” แล้วก็ไอ้เด็กเวรนี่อีกคน

“ผมแค่เข้ามาดูเฉยๆ คุณเป็นอะไรกับผมมากไม ถึงพูดจาไม่รู้จักเด็กไม่จักผู้ใหญ่”

“ผมไม่ชอบพี่ไง พี่ไปดูคนของพี่เหอะร้องไห้เก็บกระเป๋าอยู่โน่น ซอคนของผม ผมดูแลได้ไม่ต้องยุ่ง”

“ตอบตรงดีนิ แต่แน่ใจหรอ ซอเป็นคนของคุณ”

“พี่หมายความว่าไง”

“เก่งนักก็คิดเองสิคุณ”






พี่ธันแม่งเชี่ยชิบหายเมียก็มี เสือกเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะวุ้นวายกับไอ้ซอไม่เลิกสักที ที่ไอ้ซอเป็นแบบนี้ก็เพราะมันนั้นคนเดียว   ผมนั่งเฝ้ากุมมือที่เจ็บไว้  แก้มก็บวมเป่งรอยนิ้วห้านิ้วชัดมาก ผมเข้าไปคาดคั้นไอ้บลูอยู่นานมันก็เอาแต่ร้องไห้ไม่พูดอะไรเลยสักคำ จะเหตุผลอะไรก็ตามแต่ผมจะอยู่ข้างไอ้ซอเสมอ


ขอให้มันฝันดีลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นวันนี้ให้หมด การมาเที่ยวครั้งนี้มีแต่เรื่องวุ่นวายชวนปวดหัวทั้งเรื่องที่ไอ้เอได้เมียแต่เมียไม่ยอมรับ ไหนจะเรื่องที่ไอ้ซอถูกเมียพี่ธันตบจนหน้าหันอีก เหตุการณ์เลวร้ายและแย่ต่อจิตใจพอสมควรผมกลัวไอ้ซอมันจะรับไม่ไหว  เป็นเพื่อนกันมานานไม่เคยเห็นมันเสียใจมากมายได้เท่านี้เลย


ไม่อยู่ต่อก็ได้นะซอ แค่ตื่นขึ้นมาแล้วบอกกูว่ามึงอยากกลับกรุงเทพกูจะพาถึงกลับทันที


“งืออออ” มันรู้สึกตัวแล้วครับ แค่ครึ่งชั่วโมงเอง ลืมเรื่องเสียใจไปหมดหรือยังนะ

“ไหวมั้ยซอ”

“ไหว มือมึงอุ่นจังวะ” มันยังจับมือผมไม่ปล่อย

“ตัวกูยิ่งอุ่น”


ไอ้โฟร์ดึงตัวผมเข้ากอดไว้ด้วยแขนที่เรียวยาวทั้งสองข้าง มือพลางลูบแผ่นหลังขึ้นลงช้าๆ รู้สึกกำลังดี ไม่แน่น ไม่อึดอัด ไม่วุ่นวาย ไม่หนาวเหน็บ หายใจโล่ง อ้อมแขนของเพื่อนที่ผมเคยวิ่งหนีมาหลายปีกลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อได้ซ่อนตัวอยู่ในนี้ น้ำในตาเริ่มไหลรินเล็กๆ


“ร้องทำไม กูจะปกป้องมึงเอง” อ้อมแขนกระชับขึ้น มือหนึ่งข้างกำลังขยี้ที่หัวเบาๆ

“ขอบใจนะมึง”

“กูรักมึงนะซอ รักมากด้วย” ผมผละหน้าออกจากอกมัน มองหน้าและยิ้มทั้งน้ำตา

“มันใช่เวลามั้ย”

“ไม่พูดตอนนี้ กูกลัวไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”

“ไม่ต้องทำซึ่งเลย กูอยากกลับแล้ววะโฟร์”

“เออ กูก็ไม่สนุกแล้ว กลับก็ดี เก็บของเลยนะ กูไปจัดการเก็บศพไอ้เอแป๊ป เดี๋ยวมาช่วยถือ”




เก็บของขึ้นเสร็จพวกผมก็ออกไม่อย่างที่ไม่ได้ลาใครสักคน ทั้งผมทั้งไอ้เอนั่งรถมาเป็นผีตายซาก ความรู้สึกมันหน่วงๆ เคมีในร่างกายก็ไม่คงที่ขึ้นๆลงๆ ผมกับเพื่อนบอบช้ำไปตามๆกัน ต่อจากนี้ผมควรทำไงดี  ในเมื่อผมถลำเกินขอบเขตของความรู้สึกตัวเองไปแล้วอย่างที่ไอ้เอเคยเตือนไว้ จนได้ของฝากจากปรานบุรีเป็นรอยนิ้วประทับที่แก้มกลับกรุงเทพด้วย 


จากนี้ไปคงไม่กล้าสู้หน้าหรือตามตื้อพี่ธันเรื่องประกัน ต้องยอมหูชาให้เจ้ขิมด่าสักสองสามวัน ไม่อยากไปเจอพี่ธันแล้วกลัวความรู้สึกบ้าๆนี้กลับมาอีก  ผมควรเลือกริมฝีปากที่ผมโหยหาหรือผมควรเลือกมือที่อบอุ่นสามารถกุมมือนั้นได้ตลอดเวลา มันสับสนและลังเลในหัว  จะแก้ไขความรู้สึกนี้ออกไปยังไงดี



“โฟร์”

“มีอะไร”

“กูขอมือหน่อย” มันยื่นมือมาประสานกับมือผม

“เป็นอะไรของมึงซอ”

“มึงจะไม่ทิ้งกูใช่มั้ยโฟร์”

“กูจะทิ้งมึงไปไหนละ”

“งั้นเป็นแฟนกูนะ”

“ห๊า! อะไรนะ”


เอี๊ยดดดดดดดดดดดด


“ไอ้เอตื่นๆ มึงมาเป็นพยานให้กูหน่อย ไอ้ซอยอมเป็นแฟนกูแล้ว” มันจับซากไอ้เอเขย่าจากเบาะหลัง

“มีไรเชี่ยโฟร์ ปลุกกูเพื่อ?”

“มึงตื่นมาฟัง ไอ้ซอเป็นแฟนกูแล้ว”

“เฮ่ยย จริงดิ กูดีใจด้วยมึง สำเร็จสักทีช่วยจนเหนื่อยละสัส” ไอ้เอร่วมยินดีปรีดา

“ห้ามทิ้งกูนะโฟร์”

“กูไม่มีวันทิ้งมึงซอ” คำสัญญานี้เคยได้ยินมาเมื่อหลายปีก่อน มาถึงตอนนี้มันก็ยังพูดคำเดิม




จินตนาการเมื่อวัยเด็กผมแค่อยากนอนหลับฝันดีผมเลยวาดความสุขไว้ในนั้นเยอะ  จนผมลืมนึกไปว่าเวลาตื่นขึ้นมาต่างที่สำคัญกว่า  ต่อให้ผมฝันดีแค่ไหนมันก็เป็นเพียงภาพในความฝัน  ไอ้โฟร์จะทำให้ผมเลิกหวั่นไหวและเลิกฝันลมๆแล้งๆสักที


 
ถึงบ้านผมเดินนำหน้าไอ้เอกับไอ้โฟร์เข้ามากำลังจะขึ้นบันได


“ไหนบอกไปหลายวันทำไมกลับมาก่อน” เจ้ขิมถาม

“เซ็ง”

“งานเจ้ ยังขายอยู่มั้ย”

“เจ้ขิม ซอไม่ขายแล้ว ไม่เอาตั๋ว ไม่เอาบัตรอะไรทั้งนั้น เจ้จะด่าก็ด่าเลย ถ้าวันนี้ด่าไม่ทันพรุ่งนี้ ค่อยด่าก็ได้”

“มันเป็นอะไรของมันวะ เหวี่ยงเจ้แรงมากไอ้น้องบ้า”

“ไม่รู้นะ เจ้ขิม บนรถยังดีๆอยู่เลย” ไอ้โฟร์ตอบ

“มาๆกินข้าวกันเจ้ทำไว้เยอะเลย”



ไอ้เอกับไอ้โฟร์กลับบ้านตอนไหนผมไม่รู้ เพราะผมนอนคลุมโปงที่เตียงไม่ได้ลงกินข้าวเย็น มือก็จับแต่โทรศัพท์ไม่ปล่อยทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นคนติดโซเซียล แล้วผมกำลังรออะไรจากมือถือละ


ตึ่งดึ๊ง!




December09:หนีกลับก่อนทำไม21:45read
December09:โกรธ?21:47read
December09:ดีขึ้นยัง21:48read
December09:อ่านแล้วก็ตอบด้วยดิวะกูเป็นห่วง21:50read




ความหวั่นไหวของผมตามมาเป็นข้อความทางไลน์ ผมควรตอบพี่ธันอะไรก่อนดี

คำถามแรกหนีกลับก่อนทำไม ที่หนีกลับเพราะกลัวความรู้สึกตัวเอง

คำถามที่สอง โกรธหรอ ไม่ได้โกรธเพราะผมล้ำเส้นเข้าไปหาพี่เอง

คำถามที่สามดีขึ้นยัง พี่หมายถึงมือที่ถูกหอยบาดหรือแก้มที่ถูกตบ

คำถามที่สี่อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ ก็ผมไม่รู้จะตอบพี่ยังไง แค่พี่เป็นห่วงผมก็ดีใจมากแล้ว











9999999999999999999999999999999999

อยากข้ามไปลงตอนที่เขาหวานกันเลยได้มั้ยอ่า

มวนท้องจัง



หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่11 สาหัส up12/2
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-02-2017 14:57:06
หน่วงไปหมด สงสารทั้ง ซอ ทั้งโฟร์ท
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่11 สาหัส up12/2
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 12-02-2017 15:37:30
   ซอจะรักโฟร์จริงปะเนี้ย คบโฟร์เป็นแฟนเพราะโดนบลูตบหน้าแน่ๆ ถ้าเมียเขาไม่ตบหน้าก็ไม่คิดไม่รู้ตัวสินะ เป็นเมียธันไปเถอะอ่านๆแล้วบุคคลิกซอเป็นเมียธันสมกันแล้ว
  รออ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่11 สาหัส up12/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 12-02-2017 20:24:19
หน่วงไปหมด สงสารทั้ง ซอ ทั้งโฟร์ท

คนเขียนก็หน่วงมาก เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น^^
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่9 จูบลับๆ up7/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 13-02-2017 11:38:47
โห้ยยย โฟร์น่ารักจังงืออ

โฟร์น่ารักอีกเยอะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่11 สาหัส up12/2
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 13-02-2017 17:05:27
อยากให้โฟร์เป็นพระเอก   ซออย่าคบกับโฟร์เพื่อลืมธันนะ  สงสารโฟร์ รักซอมาตั้งนาน    :mew6:
อย่าเลือกธันเลย  เจ้าชู้ขนาดนั้น  บูลมาด้วยยังมายุ่งกับซออีก
ไม่ชอบขิม  งานตัวเองโยนมาให้น้อง  น้องเจอแบบนี้จะให้ขายประกันอีกมั้ยเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่11 สาหัส up12/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-02-2017 19:06:45
ซอ รู้ใจตัวเอง พี่ธัน ก็รู้ใจตัวเองเหมือนกัน
แต่ซอ ไม่รักโฟร์ แต่ดึงโฟร์ มาเพื่อลืมพี่ธัน
มันจะดีแล้วจริงๆหรือ
พี่ธัน กับฮองเฮา สนมอีกสองนั้น
เป็นแค่เด็กในสต็อคของพี่ธันเท่านั้น
พี่ธัน ไม่ได้รักใครเลย
บลูฮองเฮาก็แค่ชอบ
บลูเองก็รู้ต้วว่าพี่ธันไม่รักต้วเอง รวมทั้งสนมซ้ายขวา
เพราะขอแค่พี่ธันส่งเรียน
บลู รู้แล้วว่าซอ นี่สเป็คพี่ธันชัดๆ
ถึงพยายามขัดขวางมาตลอด
แล้วก็พลาดที่ไปตบหน้าซอ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่11 สาหัส up12/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 13-02-2017 23:09:26
อยากให้โฟร์เป็นพระเอก   ซออย่าคบกับโฟร์เพื่อลืมธันนะ  สงสารโฟร์ รักซอมาตั้งนาน    :mew6:
อย่าเลือกธันเลย  เจ้าชู้ขนาดนั้น  บูลมาด้วยยังมายุ่งกับซออีก
ไม่ชอบขิม  งานตัวเองโยนมาให้น้อง  น้องเจอแบบนี้จะให้ขายประกันอีกมั้ยเนี่ย :katai1:

อยากข้ามตอน สับสนวุ่นวาย แล้วลงตอนหวานๆเลย ^^

หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 12 อุ่นและปลอดภัย up 14/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 14-02-2017 23:12:25
ตอนที่12  อุ่นและปลอดภัย





วันหยุดอันแสนน่าเบื่อก็ผ่านไป ได้เวลากลับมาตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อ ถ้าไม่เจอก็คงไม่รู้สึกอะไรแค่หนีให้พ้นและทำหน้าที่ของผมอย่างที่เป็นมา ยกเว้นเรื่องขายประกันช่วยเจ้ขิมผมเลิกถาวร ไม่หวังตังค์จากเจ้ขิมแล้ว เจ็บตัวแถมยังต้องเจ็บใจอีก กว่าความรู้สึกจะดีขึ้นจากเรื่องร้ายๆต้องใช้เวลาเยียวยาหลายวัน มันยังไม่หายสนิทหรอกครับ แต่มันก็ดีขึ้นกว่าวันนั้นเยอะ ต้องขอบคุณครอบครัว เพื่อน และก็แฟนเป็นอย่างสูงที่มีส่วนสำคัญทำให้ผมตั้งสติกลับมาได้อีกครั้ง


ก่อนออกจากบ้านผมนั่งเล่นเป็นเพื่อนอาม่าเป็นชั่วโมง บางทีเป็นแบบอาม่าก็ดีนะไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งรอบข้างเลย ลืมได้ทุกอย่างลืมได้แม้กระทั้งลูกหลานตัวเอง อาม่าช่วยเอาอัลไซเมอร์มาติดซอได้ไหม ซออยากลืม ซออยากลบพี่ธันออกจากความคิด ซออยากให้อะไรๆกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะซอจะรักคนสองคนพร้อมกันได้ยังไงอาม่า




“อาม่า รัก คืออะไรครับ”

“รัก ก็ คือ รัก ลึ๊จะถามทำไม คุณทศพล”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณนะ คำแก้ว อั๊วไปเรียนก่อน”




นั้นสินะ ผมจะถามอาม่าทำไมในเมื่อมันก็มีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว ได้คำตอบจากอาม่าผมก็เดินมาที่รถ วันนี้ไม่ใช่รถของเจ้ขิมแต่เป็นรถของไอ้โฟร์ที่มันทิ้งไว้ นี่แหละความเว่อของไอ้ชายสี่ มันรวยมันคิดจะทิ้งพอร์ชไว้บ้านผมมันก็ไม่เสียดายโทรมาย้ำนักย้ำหนาว่าต้องใช้รถนะ รถแฟนก็เหมือนรถผมหรอ?



เข้าเรียนวิชางานบริการกับเพื่อนในกลุ่ม ไอ้พัด เน ฟาง แจงเรื่องที่เราต้องเข้าสนามบินเพื่อดูงาน รวมถึงรายงานอีกสองเล่มที่รอตรงหน้า บลาๆ เออดี งานเยอะดีจะได้ไม่ว่างคิดเรื่องอื่น อยากให้อาจารย์สั่งงานยาวไปจนถึงปีหน้าโน่นเลย ส่วนไอ้เอนั่งเหม่อวิญญาณหลุดตั้งแต่คาบแรก เอามาฉะเพราะกายหยาบ สติคงหล่นที่ปรานบุรีถามอะไรก็ไม่ตอบ หมดกันว่าที่ สจ๊วด สภาพดูไม่ได้เลย ไม่รู้จะช่วยมันยังไงเหมือนกันครับ ถึงจะเรียกสติเด็กเรียนดีอย่างมันกลับมาตั้งใจฟังอาจารย์สอนในทุกคาบได้



รับงานที่เพื่อนแจกแจงให้เสร็จก็ลงมาตามนัดของตะเภาแก้วตะเภาทองที่โรงเย็น ผมควรปั้นสีหน้าแบบไหนมาหาพวกมันดี โคตรรู้สึกผิดกับเพื่อนทั้งสองคนมาก ปากก็พูดปาวๆ ไม่มีทางชอบพี่ธันได้ สุดท้ายเป็นไง ก็หลงรักแฟนเพื่อนเข้าจนได้




“เที่ยวสนุกป่าว” ไอ้เบลถาม

“งั้นๆ”

“กูมีเรื่องจะถาม ที่ปรานเกิดอะไรขึ้นกับไอ้บลูป่าววะ พี่ธันถึงบอกเลิกมัน มึงสองคนพอจะรู้มั้ย” ไอ้เนสถาม คำถามที่ผมไม่กล้าตอบ

“เลิกเลยหรอวะ” ร่างอันไร้วิญญาณของไอ้เอทำท่าตกใจส่งสายตามาที่ผม ตัวต้นเหตุ

“ใช่ บลูร้องฟูมฟายใหญ่ ขอให้พวกกูช่วยพูดกับพี่ธัน แต่พี่ธันโกรธมันมากจะตัดบลูออกอย่างเดียว ขนาดพวกกูช่วยพูด พี่ธันยังไม่ฟัง โคตรสงสาร กูอยากรู้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“กูไม่รู้วะมึง” ผมบอกปัดหน้านิ่ง แล้วยกแก้วโค้กขึ้นดูด

“ซอ นี่สร้อยพี่ธันหรอ” ไอ้เบลถามเมื่อเห็นสร้อยเส้น
เล็กที่พันรอบข้อมือขวาโผล่พ้นแขนเสื้อออกมา

“จะใช่ของพี่ธันได้ไงเล้า นี่ไอ้โฟร์ให้กูมา” ไอ้เอมองสร้อยแล้วหันมองหน้าคู่เมียเพื่อนซี้

“อ่าว หรอ เหมือนของพี่ธันที่ใส่ประจำ แบบนี้แด๊ะเลย”


แล้วไอ้แฟนตัวดีเจ้าของรถเจ้าของสร้อยมันก็เดินเข้ามานั่งใกล้ผม หน้าบานเป็นจานดาวเทียวไทคม5 หลังจากที่เราตกลงเป็นแฟนกันเรียบร้อย


“กินข้าวยัง กูกินด้วยดิ”

“โฟร์ นี่เนสกับเบล แฟนพี่ธัน ส่วนนี่ไอ้โฟร์เพื่อนกูเอง แล้วก็แฟนไอ้ซอ” ไอ้เอแนะนำคนใส่เสื้อช็อปที่เพิ่งเดินมาร่วมโต๊ะด้วย

“เหี้ยเนาะ เมียเยอะชิบหาย” นั้นไงความห่ามของแฟนผม เมียเขานั่งอยู่ทนโท่เสือกด่าผัวเขาต่อหน้า

“หวัดดีโฟร์”

“หวัดดี แล้ววันนี้มึงใช้ของที่กูให้ป่าวซอ” ทำหน้ายิ้มแฉ่งรอคำตอบจากผม

“ใช้อยู่ ทั้งรถทั้งสร้อยแหละ ทีหลังไม่ต้องให้ของกุ๊กกิ๊กแบบนี้นะ กูไม่ชอบ”


ผมหมุนข้อมือโชว์สร้อยจี้ไม้กางเขนให้มันดู อย่างมั่นหน้าว่าสร้อยนี้เป็นของมัน และเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับเมียทั้งสองของพี่ธันด้วย


“เห้ย! รถอ่ะใช่ แต่สร้อยไม่ใช่” มันดึงข้อมือผมไปดูใกล้ๆ




ความซวยจ่อหน้าอีกแล้ว รีบดึงมือกลับและซ่อนมันในกระเป๋าเสื้อสูททันที อย่าตบกูนะ ตะเภาแก้วตะเภาทอง กรามยังปวดๆอยู่เลย 


ด้วยความสัตย์จริงไม่ได้แกล้งใส  สร้อยเส้นนี้พันแขนผมมาตั้งแต่ที่ปรานบุรี  ผมก็นึกว่าเป็นของไอ้โฟร์ใส่ให้ผมตอนหลับ ของแพงๆแบบนี้ก็มีแต่มันคนเดียวที่บ้าซื้อเลยไม่นึกเอะใจขากลับก็ไม่ได้ถาม จนมาตอนนี้ถึงรู้ว่าเป็นสร้อยของพี่ธัน เมียเขาก็นั่งตรงหน้าจะถอดก็คงไม่ทันแล้ว



“ตกลงของใครซอ” แฟนครับ มึงข้ามไปถามข้ออื่นก่อนได้มั้ย กูตอบไม่ได้ ผมเริ่มรนรานจะตอบว่าของใครวะ

“อ๋อ!! กูใส่ให้มันเอง ลืมบอกซื้อนานแล้วไม่ชอบเลยให้ไอ้ซอตอนไปปราน โทษทีที่กูไม่ได้บอก” ไอ้เอยื่นมือเข้ามาแก้สถานการณ์ตะกุกตะกักไปน้ำขุ่นๆ หู้วววววว โล่งอกไปที




ไอ้เนสไอ้เบลคงไม่ยากที่จะเชื่อคำพูดของไอ้เอ  แต่ผมกลับห่วงความรู้สึกของไอ้โฟร์มากกว่าหวังว่ามันจะไม่คิดมาก เพราะยังไงผมก็ไม่หน้าด้านพอที่จะกล้าใส่มันต่อแน่  ขอบคุณเพื่อนรักของผมไม่เคยทิ้งในยามตกที่นั่งลำบาก ผมนี่เป็นตัวปัญหาของทุกคนจริงๆ ไอ้เอกินข้าวไปมองผมตาขวางด้วยคำถามมากมายที่สื่อทางสายตา จนคนอื่นขึ้นไปเรียนต่อเหลือแค่ผมกับมัน




“ขอบใจที่ช่วยกู”

“มึงเหลามา”

“เหลาเรื่องอะไร”

“ทุกเรื่อง”

“เอ กูไม่รู้จะเริ่มตรงไหน”

“เริ่มที่สร้อย ของพี่ธันหรอ”

“น่าจะใช่”

“เขาชอบมึงหรอ”

“กูไม่รู้เขาคิดอะไรกับกูมั้ย เพราะเขาไม่เคยบอก”

“แล้วมึงละคิดอะไรกับเขามั้ย”

“อืม”

“ไอ้เหี้ยซอ แม่งชอบเขาจนได้นะมึง กูเตือนมึงแล้วนะ”

“มันเกิดขึ้นเอง กูก็ไม่รู้ว่าตอนไหน”

“เขารู้เรื่องที่มึงป่วยมั้ย”

“รู้”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“นานแล้ว”

“เชี่ยยยยยยย แล้วเพิ่งบอกกูเนี่ยนะ”

“เขาจูบมึงบ่อยมั้ย”

“บ่อยอ่ะมึง บ่อยจนทำให้กูเป็นแบบนี้ไง”

“มึงชอบเขาเพราะจูบหรอ”

“คิดว่าใช่นะ”

“แล้วไอ้โฟร์ละ มึงรักมันรึเปล่า หรือแค่เอามันมาเป็นไม้กันหมาเฉยๆ”

“รักสิ กูรู้สึกดีทุกครั้งที่มันอยู่ข้างๆ”

“ไอ้สัส ตอนไม่รักก็ไม่รัก พอรักก็เสือกรักสองคน มึงนี่มันวันทองชัดๆ”

“มึงไม่เคยรักใครสองคนพร้อมกันหรอวะ ยอมรับนะพี่ธันเป็นคนที่กูอยากจูบด้วย แต่มือเขาเย็นกูไม่ชอบ ผิดกับไอ้โฟร์มืออุ่นมาก แต่ไม่ได้อยากจูบด้วย สงสัยกูยังไม่เคยจูบกับมันมั้ง ถึงเป็นแบบนี้”

“ฮ่าๆไม่เคยจูบหรอ ลองจูบกับมันดูบ้างสิ มึงอาจจะลืมพี่ธันไปเลยก็ได้นะ” ไอ้เอหัวเราะแปลกๆ

“แต่แม่งก็ยาก กูไม่เคยจูบกับเพื่อนซ่ะด้วย ทำตัวไม่ถูกวะมึง”

“คบกับไอ้โฟร์ดีแล้ว เพราะถ้ามึงเลือกพี่ธันมึงก็เป็นได้แค่ เทสเตอร์ เพราะของจริงเขามีอยู่แล้ว พี่ธันไม่มีทางทิ้งไอ้เบลกับไอ้เนสได้ เชื่อกู”

“เทสเตอร์เองหรอวะ”

“ลองดูมั้ยละ”

“ไม่ลอง เพราะตอนนี้กูเป็นตัวจริงของไอ้โฟร์แล้ว ไม่เคยรู้เลยว่ามันรักมากขนาดนี้ มึงรู้ป่ะ เวลาที่รู้สึกไม่ดี ก็มันนี่แหละกุมมือกูไว้ อุ่นทั้งใจเลยมึง”

“จะอ้วก ไม่ต้องพูดกับกู ไปพูดกับมันโน่น”

“เขินวะ เป็นเพื่อนกันดีๆ แม่งกลายเป็นแฟนกูซ่ะงั้น”

“เขินส้นตีนอะไร มันดีกับมึงมานานมาก มึงแหละโง่ มองไม่เห็นเอง”

“เออกูรู้แล้ว แต่ช่วงนี้ต้องหลบพี่ธันก่อน เพราะกูลืมเขายังไม่ได้ ขอเวลาหน่อย แล้วกูจะลบเขาออกจากความทรงจำเอง เพราะตอนนี้ข้างใน ยังมีสองคนอยู่”

“งั้น มึงรีบเคลียตัวเองเลยก่อนที่ไอ้โฟร์มันจะสงสัย กูช่วยมึงแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้นะ สร้อยก็ถอดซ่ะด้วยนะ ไอ้โฟร์มันแกล้งโง่ มึงไม่เห็นหน้ามันหรอ”

“อืม”

“ส่วนเรื่องพี่ธันกับเลขาใจร้ายไม่ต้องห่วง เพราะกูก็ไม่หลบๆพี่พลอยอยู่เหมือนกัน”

“ยังไม่เลิกคิดเรื่องพี่พลอยอีกหรอวะ”

“ทีมึงยังคิดเรื่องพี่ธันอยู่เลยสัส แม่งใจร้ายทั้งเจ้านายทั้งเลขาเลยนะ มึงว่ามั้ย”

“ไม่ต้องคิดแล้ว เลิกเรียนมึงไปกินข้าวกับพ่อแม่ไอ้โฟร์เป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”

“อั๊ยยะ! ไปกินข้าวกับพ่อแม่เปิดตัวเลยหรอวะ กูว่าเขายกโรงแรมเป็นค่าสินสอดแน่มึง”

“สัส! ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยละกัน”

“ไม่ได้ กูต้องไปช่วยงานไอ้กัส มันรับงานถ่ายรูปงานแต่งไว้”

“เอ้า! นี่กูต้องไปคนเดียวหรอวะ”

“ทำอย่างกับไม่เคยเจอพ่อแม่มันงั้นแหละ”

“เออดิ ตื่นเต๊น ตื่นเต้น เผื่อเขายกโรงแรมให้กูจริงๆ เดี๋ยวกูแบ่งให้มึงครึ่งนึ่ง เอามั้ย”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”





สารภาพกับไอ้เอแบบเขินๆแล้วก็นั่งรอไอ้โฟร์เรียนอีกสองชั่วโมง มันเร้าหรือให้ไปกินข้าวกับพ่อแม่มัน ตามใจมันหน่อยไหนๆก็เป็นแฟนมันแล้วไม่เปิดใจก็ไม่เจอ  ลองดูสักตั้งเพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ต้องกินน้ำใต้ตีนใคร ไม่ต้องขึ้นชื่อว่าแย่งแฟนเพื่อน มันคงแย่มากถ้าต้องเจอสถานการณ์เหมือนวันที่ปรานบุรีอีกครั้ง



ไอ้โฟร์เรียนเสร็จก็เดินมาหาผมที่ใต้ตึกการบิน ใครจะกล้าไปนั่งรอมันที่คณะวิศวะเพื่อนโคตรปากหมา ไปทีไรโดนกัดจนพรุนแค่เดินเฉียดๆยังโดนหนักขนาดนั้น ไม่ต้องพูดเรื่องที่จะไปนั่งเลยไม่มีทาง



มาถึงก็ช่วยสะพายกระเป๋า ถือสูท กับหอบหนังสือให้อย่างที่ผมไม่ต้องขอ เอาใจเก่งดีนี่หว่า นอกจากจะเป็นสายเปย์แล้วยังเป็นสายเทคอีกต่างหาก มันแปลกดีนะที่เปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟน เดินข้างๆถือของพะรุงพะรังไม่อายสายตาใคร



ผมไม่เคยลืมว่ามันคือเดือนวิศวะปีนี้ เพราะมันเป็นวันที่ผมอยากเปลี่ยนชื่อจริงที่ป๊าม๊าตั้งให้มา จะไม่ให้ผมอยากเปลี่ยนได้ไง ไอ้โฟร์มันอุตริตอบคำถามที่พิธีกรถามมันบนเวทีประกวดดาวเดือนของมหาลัย ว่า



 
“ทำไมถึงเลือกเรียนที่นี่คะน้องโฟร์”

“ผมตามผู้ชายที่ชื่อ กนิกนันท์ หลิว มาครับพี่”





คนอื่นอาจกรี๊ดก๊าดกับคำตอบ ส่วนผมอายสิ อายมากด้วย ในเมื่อป้ายที่ห้อยคอเด็กปีหนึ่งของผมคือ กนิกนันท์ ไอ้โฟร์ไม่พูดเปล่าชี้นิ้วตรงดิ่งมาทางการบินที่นั่งเรียงแถวกันอยู่ไม่กี่คน จนอยากขอยืมชุดจากแอนท์แมนมาย่อส่วนให้หายไปจากตรงนั้นซ่ะให้ได้ ครั้นจะพลิกป้ายชื่อหนีก็คงไม่เป็นผล  มันยืนชี้เป้ามาจากบนเวทีจนเพื่อนๆร่วมรุ่นของผมหันมองด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก รวมถึงเพื่อนวิศวะของมันก็รู้จักผมกันทุกคนนับตั้งแต่วันเฟรชชี่เดย์เป็นต้นมา

ถ้ามันไม่ตอบคำถามแบบนั้นสายสะพายตำแหน่งเดือนมหาลัยก็น่าจะเป็นของเเฟนผมนี่แหละ บ้าไม่เลือกเวลาและสถานที่เอาซ่ะเลย





ไอ้โฟร์ขับรถพาผมมายังโรงแรมของมัน พอรถจอดที่หน้าประตูทางเข้าเท่านั้นแหละพนักงานก็กุรีกุจอ มาช่วยขนของเปิดประตูให้แทบจะอุ้มมันเลยด้วยซ้ำ จากไอ้โฟร์ของพื่อนๆในกลุ่มก็กลายเป็น คุณศิวะ เมื่ออยู่ในอาณาจักรของพ่อแม่ที่โอ่อ่าอลังการเดินไปไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้และก้มหัวให้กับทายาทเพียงคนเดียว คุณศิวะคุยกับพนักงานอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะหายไปด้วยกัน



ผมเลยต้องมานั่งรอคุณศิวะที่ร้านกาแฟใกล้กับล๊อบบี้ของโรงแรม คุณเชื่อในคำที่ว่ายิ่งหนียิ่งเจอไหม ผมเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อพี่ธันนั่งห่างจากผมออกไปไม่กี่โต๊ะ และดูเหมือนว่าพี่พลอยกำลังกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา เอาไงดีละผมจะทำยังดี ตามมารยาทผู้ใหญ่เรียกก็ต้องไปใช่ไหม




“พี่ธันพี่พลอยสวัสดีครับ” ผมย้ายมานั่งข้างพี่พลอย ยิ้มแสยะทักทาย

“ซอมาทำอะไร” เลขาพี่ธันถามผม

“ผมมากินข้าวกับโฟร์ แล้วพี่พลอยมากินเค้กแก้เครียดหรอครับ”

“เปล่าหรอก ลูกค้าพี่พักที่นี่” พี่ธันเงียบไม่พูดสักคำเอาแต่จ้องหน้าผม จ้อง จ้อง ไม่ละสายตา

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พี่จะได้คุยงานกับพี่ธันต่อ” ผมกำลังจะหนีเพื่อหลบสายตานั้น หากแต่มือผมก็ถูกพี่ธันรั้งเอาไว้

“จะรีบไปไหนนั่งลงก่อน สร้อยที่ให้ไปทำไมไม่ใส่”

“พี่ธัน วันนี้ทั้งเบลทั้งเนสก็เห็นสร้อย พี่อย่าทำแบบนี้เลยนะ ผมผิดมากพอแล้ว” ผมนั่งลงเพื่อเผชิญหน้ากับพี่ธันอีกครั้งหลังจากที่หลบหน้ามาหลายวัน

"ไลน์ก็ไม่ตอบ” เลขาคนสวยยังคงนั่งฟังแบบนิ่งๆ สายตาสลับมองไปมาระหว่างผมกับเจ้านาย

“พี่พอเหอะผมขอร้อง อยากให้ผมเจอเหมือนวันนั้นใช่มั้ย ผมรับไม่ไหวแล้วนะพี่ธัน”

“มึงเลยตั้งใจหนีกูใช่มั้ย”

“มันไม่เกี่ยวกับพี่”

“แล้วมันเกี่ยวกับใคร”

“พี่น่าจะรู้นะ ว่าเพราะอะไร”

“ไอ้เด็กเข้าใจยาก”

“ผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว”

“เดี๋ยวๆ มีซัมติงเกิดขึ้นแล้วใช่มั้ย เจ้านายไม่เคยเล่าให้เลขาฟังเลยนะค่ะ” พี่พลอยเบรคเราสองคน

“ผมแค่มีเรื่องกับพี่ธันนิดหน่อย เรื่องไร้สาระพี่พลอยไม่ต้องใส่ใจหรอกครับ”

“ไม่หน่อยแล้วม้าง อาการหนักทั้งสองคนขนาดนี้”

“อะไรของมึงพลอย”

“แค่ความรู้สึกของตัวเองก็ต้องให้เลขาบอกหรอธัน สมองตายแล้วงั้นสิหลงรักเด็กเสือกไม่รู้ตัว เก่งแต่กับงานนะมึง”

“พี่หมายความว่ายังไงครับพี่พลอย”

ยังไม่ทันจะได้ฟังคำอธิบายสักคำ เจ้าของโรงแรมก็เดินเข้าฉุดมือผมให้ลุกขึ้น

“มึงมานั่งตรงนี้ทำไม โต๊ะมีเยอะแยะไม่นั่งวะ”

“ซอมานั่งกับผม แล้วมันเป็นอะไรนักหนาคุณ คนรู้จักกันทักทายกันจะเป็นไรไป”

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกพี่ แต่ผมไม่ชอบให้แฟนนั่งกับคนอื่น พี่มีอะไรมั้ย” ผมยืนทำหน้าเจื่อนๆ

“อ่าว!โฟร์กับซอเป็นแฟนกันแล้วหรอ” พี่พลอยถาม

“ใช่ครับ พี่” แฟนผมเป็นคนตอบ   

“เป็นไงชัดเจนพอไมคุณธัน พลอยบอกแล้วถ้าลูกค้าหลุดมือเราไป มันยากที่เราจะดึงลูกค้ากลับมา คุณธันก็มัวแต่ต่อรองอยู่ได้บริษัทอื่นก็มี ไม่ใช่มีแต่ของเรานะ ช้าแบบนี้ลูกค้าก็มีสิทธิ์เลือกสิ” สิ่งที่ผมยังสงสัย มันก็คลี่คลายถึงจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าผมไม่ได้คิดเองคนเดียว






แล้วแฟนก็พาผมมากินข้าวกับพ่อแม่ ที่จัดไว้อย่างฟูออฟชั่น ทั้งอาหารไทย อาหารเทศ ของหวาน ผลไม้ สีสันชวนยั่วน้ำลายให้เจริญอาหาร วันนี้คงผิดที่ต่อมลิ้มรสของผมทำงานผิดปกติบางส่วน ตักอะไรเข้าปากก็กระเดือกกลืนลงคอยาก รสชาติขมปี๋ทั้งๆที่ผมเพิ่งตักขนมหวานเข้าปากแท้ๆ


พ่อแม่มันก็ชวนผมคุยสารพัดเรื่อง ผมมีหน้าที่แค่พยักหน้าตอบ ไม่รับรู้บทสนทนาที่ลอยผ่านหูซ้ายทะลุหูขวา มือจับช้อนเขี่ยๆที่จานข้าว ในหัวผมมีแต่ปลวกที่กำลังกัดกินสมองเป็นพันๆตัว อึนๆในหัวคิดอะไรไม่ออกหรือผมติดอัลไซเมอร์มาจากอาม่าแล้ว มันเป็นอาการเริ่มต้นใช่ไหมที่ผมเหม่อเป็นชั่วโมงๆ




ผมน่าจะรู้สึกกับไอ้โฟร์ให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นคงไม่ต้องมานั่งเสียใจและรู้สึกผิดกับคนอีกหลายคนแบบนี้ ทั้งโฟร์ พี่ธัน ไอ้เบล ไอ้เนส ไอ้บลู ไหนจะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นอีก


ผิดที่ผมเองเพราะไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะรักหรือจูบกับใครได้ แต่พอความรักวิ่งชนผมอีกครั้ง  มันดันวิ่งมาพร้อมกัน สวรรค์จะกลั่นแกล้งผมอีกนานไหม เทวดาท่านจะช่วยทำให้ชีวิตผมปกติชนเหมือนคนธรรมดาบ้าง ได้หรือเปล่า ทำไมทุกอย่างถึงยากและวุ่นวายไปซ่ะทุกเรื่องขนาดนี้นะ ซอ!

 


“เป็นอะไรถึงหน้าซีดซอ” มืออุ่นดึงผมกลับจากความคิด

“ปวดหัว”

“ตัวร้อนป่าวเนี่ย” มันเอามือมาอังที่หน้าผาก

“ป่าว แค่…..”

“ไม่ต้องพูดก็ได้ กูเข้าใจ”



          แฟนผมดีที่สุดแล้วจริงไหมครับ







999999999999999999999999999999

สุขสรรค์วันวาเลนไทน์ค่ะ :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1:

หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่12 อุ่นและปลอดภัย up 14/2
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 15-02-2017 00:31:04
เชียร์โฟร์นะ แต่พอคนแต่งบอกนางมีคู่ก็โอเคค่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่12 อุ่นและปลอดภัย up 14/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 15-02-2017 17:08:57
เชียร์โฟร์นะ แต่พอคนแต่งบอกนางมีคู่ก็โอเคค่ะ  :katai5:

โฟร์เป็นแฟนซอนิจ๊ะ^^
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่12 อุ่นและปลอดภัย up 14/2
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 15-02-2017 18:08:27
ถึงตอนนี้ทำไมอยากเชียรโฟร์
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่12 อุ่นและปลอดภัย up 14/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2017 18:19:28
เชียร์โฟร์นะ แต่พอคนแต่งบอกนางมีคู่ก็โอเคค่ะ  :katai5:

โฟร์เป็นแฟนซอนิจ๊ะ^^
อ้าวๆ.......แล้วพี่่ธันล่ะ
คนหนึ่งมือเย็น คนหนึ่งมืออุ่น 3P ไปเล้ย
สร้อยพี่ธันจริงๆด้วย
โฟร์ ชัดเจนมากๆ กล้าพูดบนเวทีประกวดดาว เดือน
ว่าชอบซอ ซะด้วย
สนุกมากกกกก เดาทาง มะ ออก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เอ กับพี่พลอยอีก
พี่ชิน กับเอ อีก สงสารพี่ชินนะ จองเอ มาตั้งนาน
แล้วพี่ฉิ่ง จะมีคู่มั้ยเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
........
ปล. ขอแก้คำผิดนะ
กามยังปวดๆอยู่เลย ------  กราม
จะอวก ------ อ้วก
สาระภาพ ------ สารภาพ
วรรณทอง ------ วันทอง
เล้าลือ ------ เร้าหรือ
พะลุงพะลัง ------ พะรุงพะรัง
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่13 โกหกสีขาว up17/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 17-02-2017 01:07:26

ตอนที่13 โกหกสีขาว




เดือนหนึ่งเต็มๆแล้วสินะที่ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มันยังไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่ เตียงนอนเหมือนแคบลงไปเยอะ ชุดนอนตัวโปรดก็มีคนมาแย่งใส่ ผ้าห่มก็มีคนมาแย่งห่มทุกอย่างเหมือนถูกหารสอง แต่ก็ไม่ได้มานอนทุกวันหรอกนะครับ เพราะแฟนต้องช่วยงานที่โรงแรมไปๆมาๆ พอมีแฟนนะผมก็เหมือนหมาหัวเน่าของบ้านเลย มันเอาใจเก่งมากครับ เอาใจจนอาม่าลืมทศพลคนนี้ไปซะแล้วน้อยใจจริงๆ



ครอบครัวไม่ได้สนับสนุนให้มีแฟนเป็นผู้ชายหรอกนะครับ  ทุกคนขอแค่คนที่เข้าใจและดูแลผมได้ โชคดีที่ผู้ชายคนนั้นชื่อโฟร์ คนที่เป็นเพื่อนสนิทและยอมเสียสละคบกับคนป่วยประหลาดอย่างผม พวกเขาถึงไม่ว่าอะไรตอนที่เราคบกัน 



เราสองคนมีเวลาดูหนังฟังเพลง กินข้าวด้วยกันมารับมาส่ง ใช้ชีวิตร่วมกันเยอะขึ้นเหมือนย้อนกลับไปเมื่อตอนมัธยม ขอเม้าท์แฟนหน่อยล่ะกัน มันอยากจับมือผม มันกล้าจับ มันอยากกอด มันก็กล้ากอด แต่มันยังไม่กล้าจูบผมเลยสักครั้ง เชื่อไหมละครับ




นอกจากจะเป็นหนึ่งเดือนที่มีแฟนแล้วยังเป็นอีกหนึ่งเดือนที่ผมไม่เจอหน้าพี่ธันเลย ยิ่งกว่าหักดิบหายออกมาจากวงจรชีวิตพี่เขาดื้อๆ เลิกขายประกันเลิกวอแวเลิกตื้อ Twinsก็ไม่ไปเที่ยว สภาพจิตใจเกือบหายเป็นปกติ มีบ้างที่แอบคิดถึงรอยจูบ แต่พอเจอหน้าแฟนความคิดนั้นสลายไป



แล้วพี่ธันละทำอะไรอยู่ อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ ถ้าให้เดาคงไม่ต่างจากที่ผมเคยเจอมา ทำงานหนัก เที่ยวหนัก ใช้ชีวิตคุ้มค่าอย่างเคย เมียก็สามารถสั่งได้เหมือนอาหารตามสั่ง อยากอยู่กับใครขอแค่บอก  บรรดาเมียทั้งหมดพร้อมที่จะรับใช้และปรนนิบัติเป็นอย่างดี เผลอๆป่านนี้คงหาเมียใหม่มาแทนที่ไอ้บลูเป็นที่เรียบร้อยแล้วมั้ง


 
ครั้นจะถามไถ่จากไอ้ฉิ่งพี่ในไส้ของผมอย่าได้หวังพี่ชายผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องเจ้านายให้ฝังเลยสักครั้ง มันพูดเพียงแค่ว่าเรื่องที่ทำงานไม่ใช่เรื่องที่บ้าน ไอ้นี้นินทาคนอื่นไม่เป็นเสียด้วย แต่ถ้าถามว่าพี่ธันเลิกไลน์หาผมแล้วหรือยัง ยังนะครับไลน์มาเป็นพันๆข้อความ เดี๋ยวผมจะเปิดให้ดูจะหาว่าผมใส่ร้าย




December09:ตอบหน่อยสิมึง
December09:จะหนีกูให้ได้ใช่ป่ะ
December09:ไอ้ฉิ่งทำงานไม่ทันกูจะหักเงินพี่มึง
December09:กูไปกินข้าวก่อนพลอยรอ
December09:ไปกินเค้กเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม
December09:ไม่ตอบไม่เป็นไรขอแค่อ่านก็พอ





ส่วนสภาพเพื่อนสนิทยังทรงตัวไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง มันขนเสื้อผ้ามาสิงสถิตที่บ้านผมเป็นอาทิตย์ ข้ออ้างคือหาเพื่อนเชียร์บอล เชียร์บอลบ้าอะไรครับเพื่อน  มึงนั่งปรับทุกข์กับแก้วเหล้าทุกคืนเลย



 ครืด~~ ครืด~~~ครืด~~~~



“เอโทรศัพท์มึงอ่ะ” ผมเขย่าตัวไอ้เอให้รับสายที่สั้นอยู่หลายรอบ

มันกลับดึงผ้าห่มคลุมหัวมิดไม่สนใจ “อืม เดี๋ยวค่อยรับ” เสียงงัวเงียรอดออกจากผ้า

“พี่กัสโทรมา รับสายเหอะธุระด่วนป่าวมึง”

ไอ้เอโผล่หน้าออกจากผ้าห่มอย่างเซ็ง “เออๆ หยิบมา”

ผมยัดโทรศัพท์ให้เพื่อนที่ยังหลับตาปี๋ “มีไรกัส” น้ำเสียงเซ็งเหลือเกินนะเพื่อน



เสียงสูงต่ำของพี่กัสกระแทกใส่ รอดจากโทรศัพท์สลับกับอารมณ์ของคนปลายสายจับใจความสำคัญไม่ได้ แต่ดูท่าเกิดเรื่องชัวร์ๆ มันคงเป็นเรื่องที่สำคัญมากไอ้เอฟังแล้วถึงกับปล่อยโทรศัพท์หลุดมือตาแข็งเบิกกว้างไม่กระพริบ พี่กัสเงียบเสียงไปได้ยินแต่ ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด  ไอ้เอนอนแน่นิ่ง ญาติฝ่ายไหนเสียวะเอมึงถึงช็อกขนาดนี้



“มีใครเป็นไรมั้ยเอ”

“เป็น กูกำลังจะเป็นพ่อ” ตอบเสียงสั่นๆ ตากระพริบปิบๆ

“อะไรนะ มึงพูดใหม่อีกรอบดิ” มือผมฉุดตัวมันให้ลุกขึ้นนั่ง

“พี่พลอยท้อง”

“จริงป่ะเนี่ย ดีใจด้วยมึง”

ไอ้เอก้มหน้าซบเข่า “แต่พี่พลอยจะเอาเด็กออก”

“ทำแบบนี้ได้ไง มึงอาบน้ำเลยกูพาไปหาพี่พลอยเอง เป็นไงเป็นกัน”




เพื่อนหน้าเครียดมาตลอดทางตาแดงก่ำตั้งแต่ออกจากบ้านมือสองข้างกำหมัดแน่นอย่างกระวนกระวายเครียดหนักจนสั่น คิดแล้วก็อดใจเสียไม่ได้ทำไมพี่พลอยผู้หญิงหน้าสวยๆที่ผมเคยชื่นชมถึงใจร้ายได้ลงคอลูกทั้งคนจะทำร้ายได้ไง



ผมโชว์นามบัตรตามเคย เร่งฝีเท้าตรงรี่ขึ้นลิฟท์มา เลขาสาวนั่งยิ้มแฉ่งคุยโทรศัพท์ที่หน้าห้องเจ้านายแต่ต้องวางสายเมื่อเห็นผมกับเพื่อนเดินฉับๆขาแทบพันกัน




“เอ มาได้ไง” เลขาสาวหน้าเลิ่กลั่ก

ปึ๊ก! ไอ้เอวางมือที่โต๊ะทำงานเท้าแขนคุย

“พี่ทำแบบนี้ได้ไงพี่พลอย” น้ำใสๆหยดแหมะๆลงที่โต๊ะ เลขาคนสวยสะดุ้ง ด้วยความตกอก ตกใจ

“เฮ่ย! เอ ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น”

ไอ้เอเริ่มพูดไม่เป็นภาษา

“พี่หื้อ พี่หื้อ พี่หื้อ อึก อึก” สะอึกสะอื้นเสียงดังยิ่งกว่าที่ปรานบุรีเมื่อเดือนก่อน

“เข้ามาคุยให้ห้อง” พี่พลอยลุกขึ้นเคาะประตูขออนุญาตเจ้านาย

ก๊อก!ก๊อก!

“ธันขอยืมห้องหน่อยนะ” พี่ธันพยักหน้ายิ้มมุมปาก ไอ้ซอเดินไปนั่งลงที่โซฟาเมื่อเจอโจทย์อย่างพี่ธันทำหน้าเข้มใส่

“เอเป็นอะไร” พี่พลอยถามอีกครั้ง

“พี่พลอยท้องใช่มั้ยครับ” พี่พลอยดูแปลกใจนิดหน่อย

“ใช่”

“ผมไม่ให้พี่เอาลูกผมออก ยังไงก็ไม่ยอม” พลางยกแขนบาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

“ไว้คุยกันวันหลังวันนี้พี่ต้องประชุมกับธัน” ผมมองแม่ของลูกตาเขม็งที่พยามยามบ่ายเบี่ยงหนี รีบคว้าหมับที่แขนพี่พลอยก่อนที่จะเดินหนีไป

“ผมไม่ให้พี่ไปไหนทั้งแหละ พี่ต้องอยู่ประชุมกับผมให้รู้เรื่อง”

“จะรีบไปไหนพลอยอีกตั้งสองชั่วโมง ประชุมกับเอก่อนก็ได้กูไม่ว่าหรอก” พี่พลอยมองค้อนพี่ธันด้วยหางตาแล้วนั่งลงอีกครั้ง

“ถ้าพี่เอาลูกผมออก ผมจะแจ้งตำรวจจับพี่ ฟ้องมูลนิธิปวีณา แล้วก็จะฟ้องลุงตู่ให้เรียกพี่ไปปรับทัศคติซ่ะใหม่ แม่ใจร้ายลูกนะพี่พลอย อย่าทำเลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ๋าฮ่าฮ่าฮ้า” พี่ธันถึงกลับหัวเราะลั่น

พี่พลอยแอบยิ้มมุมปาก “เอแน่ใจได้ไงว่าลูกเอ”

“อย่าเฉไฉพลอยใช่ก็คือใช่” เจ้านายพี่พลอยสร้าง
กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้ผม

“ถึงผมจะเด็กกว่าแต่ผมก็พอรู้อะไรคืออะไร พี่ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ลูกผม ถ้าพี่ไม่เอา ผมขอ ผมเลี้ยงเองได้ พี่มันยักษ์ใจร้าย” ขอเป็นลูกหมาเลยเอเอ๊ย

“ใครบอกเอ พี่จะเอาเด็กออก”

“ไอ้กัส”

“พี่ไม่ได้จะเอาออก พี่แค่จะเป็นซิงเกิ้ลมัม”

“ไม่ได้!ผมยังไม่ตายพี่เป็นซิงเกิ้ลมัมได้ไง ไม่ใช่ลูกพี่คนเดียวซ่ะหน่อย ผมมีเงินเก็บมีเงินเลี้ยงลูก ถ้าลูกเข้าอนุบาลผมก็เรียนจบมีงานทำ ผมไม่ยอมให้พี่เลี้ยงลูกคนเดียวหรอกนะ พี่ใจดำเกินไปแล้วพี่พลอย”

“รับผิดชอบแต่ลูกหรอเอ” พี่ธันสอดแทรกขึ้นมา

“ธันมึงหยุดพูด” พี่พลอยมองแรงพี่ธันอีกรอบ

“พี่พลอยแต่งงานกับผมนะ”

“ห๊ะ!?” พี่พลอยอึ้งและหน้าเหวอ เพราะคนที่ขอแต่งงานคือผม ผมคือน้องชายของเพื่อนสนิท
 
“ผมพูดจริง พ่อแม่มีหลาน เขาคงไม่กล้าฆ่าผมหรอกหน่า”

“เอคือพี่ พี่..” พี่พลอยกระอักกระอ่วนที่จะตอบ

“ถึงอะไรๆจะไม่ได้เกิดจากความรักต่อจากนี้ไปมันคือความรับผิดชอบระหว่างผมกับพี่ พี่พลอยอย่างรังเกียจเด็กอย่างผมเลยนะ ขอโอกาสให้ผมได้เป็นพ่อของลูกอย่างภาคภูมิใจเหอะพี่ ผมสัญญาผมจะดูแลพี่กับลูกอย่างดี พี่เลิกใจร้ายกับผมได้แล้ว” พี่พลอยเงียบขมวดคิ้วชนกัน

“แต่งก็แต่ง มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนินะ” แม่ของลูกก้มหน้าลงมองที่ท้อง ผมลุกจากโซฟานั่งลงที่พื้นใกล้พี่พลอยยื่นมือไปแตะ

“สวัสดีครับลูก”

พี่พลอยมองเด็กอายุ19ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแววตาเหมือนมองน้องคนหนึ่ง

“ขอบใจนะคุณพ่อ”

ปากผมเริ่มขยับยิ้มหน้าที่เปียกกลับมาสดใสขึ้นทันตา พ่อ ผมกำลังจะเป็นพ่อความรู้สึกที่มันอัดแน่นในอกจ่อที่คอหอย และยากที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ ผมกำลังจะเป็นพ่อเอ
 
“ผมกอดได้ไหมพี่พลอย” เป็นคำถามที่เสียงเบามากจากลำคอ พี่พลอยพยักหน้า ผมถลาเข้ากอดเต็มอ้อมแขนด้วยความสุข พี่พลอยกอดผมเบาๆ  ไอ้ซอนั่งยิ้มแก้มเป่ง พี่ธันย้ายตัวเองจากโต๊ะทำงานมานั่งลงที่โซฟาอีกคน

“พลอยแคนเซิลประชุมนะวันนี้ มึงต้องพัก”

พี่พลอยผละตัวออก “ไม่ไปไร กูประชุมได้เสียงานหมด”

“กูเป็นเจ้านาย มึงเป็นเลขาเผื่อต้องไปเจอพ่อแม่เอ กูให้ลางานอาทิตย์หนึ่ง” ขอบคุณครับพี่ธันที่ช่วยผม

“จริงด้วยพี่พลอยไปหาพ่อแม่กัน”

“วันนี้เลยหรอเอ พี่ว่า..”

“วันนี้แหละพ่อแม่อยู่บ้าน ไอ้กัสก็อยู่ทุกคนต้องดีใจแน่”

พี่พลอยสบตากับเพื่อนเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือยันตัวเองให้ลุกขึ้น

“พี่จะติดคุกมั้ยเนี่ยเอ” ตัวผมกระเด้งลุกขึ้นตามพี่พลอยมาติดๆ

“ซอกูกลับก่อนนะ”

“กูกลับด้วย”

“เดี๋ยว! อยู่ประชุมกับกูก่อน” พี่ธันยืนขวางหน้า ไอ้เอเดินพ้นประตู เหลือแค่ผมกับพี่ธัน ความเงียบคืบคานเข้ามา ตึก ตึก ตึก อย่าเต้นดังนักดิหว่า เขาจะได้ยิน

“พี่ธันขอทาง”

“คุยกันก่อน กูมีเรื่องคุยกับมึง ได้คำตอบแล้วค่อยกลับ” พี่ธันวางมือที่ไหล่กดตัวผมให้นั่งลงที่เดิม

“พี่จะคุยเรื่องอะไร” วาระการประชุมของผมกับเจ้านายเริ่มขึ้น

“มึงกับไอ้เด็กเหี้ยนั้นเป็นแฟนกันจริงหรอ”

“..!?..พี่หมายถึงไอ้โฟร์”

“มันนั้นแหละ”

“ใช่ เราเป็นแฟนกัน เป็นตั้งแต่กลับมาจากปรานวันนั้น”

“ประชด?”

“ผมจะประชดพี่ทำไม”

“มึงรักมันหรอ” พี่ธันยื่นหน้าเข้าใกล้ ผมก็พยายามเอนตัวออกเพราะมันใกล้มาก

“รักสิไม่รักผมจะเป็นแฟนกับมันได้ไงล่ะ” ตาเล็กๆของผมไม่กล้ามองประจัญหน้าเอาแต่หนีพี่เขาท่าเดียว

“ตอบใหม่อีกครั้ง รักมันหรอ” พี่ธันเอามือมากุมแก้มผมไว้แล้วค่อยๆดึงตัวผมให้กลับมานั่งตัวตรง ลมหายใจเริ่มรวนระบบการเคลื่อนไหวเริ่มติดขัด เวลาอยู่ใกล้แล้วเป็นแบบนี้ทุกทีเลยแพ้ริมฝีปากพี่ธันจังครับ แต่ก็ยังไม่ชอบมือเย็นคู่นี้อยู่ดี

“ใช่!ผมรักโฟร์”

“โกหกตัวเอง” ผมไม่ได้โกหกตัวเอง แต่ผมกำลังโกหกความรู้สึกที่มีกับพี่อีกคนต่างหาก

“พี่จะถามผมทำไม ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว พี่มีคนของพี่ ผมมีคนของผม อย่าทำอะไรให้มันแย่กว่าที่เป็นตอนนี้เลยพี่ธัน เนสกับเบลล่ะนึกถึงมันสองคนบ้างรึเปล่า”

“พี่ไม่สนซอจะรักใคร แต่พี่อยากรู้ซอรักพี่มั้ย”  ตึก ตึ่ก ตึ้ก

“พี่ธัน ผมไม่ตอบข้อนี้”  ตึ่ก ตึ้ก ตึ๊ก ตึ๋ก

“ไม่เป็นไร พี่พอเดาได้”

“อะไรของพี่เนี่ย อย่าคิดเองเออเองดิ”

“งั้นให้ตอบอีกครั้ง ซอรักพี่มั้ย” อย่าเอาหน้ามาใกล้มากพี่ธัน 

“ไม่รัก” ทำไมใจสั่นมือสั่นแก้มก็ร้อนผ่าวๆดวงอาทิตย์ประเทศไทยอยู่ใกล้เกินไปละนะ
 
“โอเค ไปกินข้าวกันพี่หิวแล้ว”

“ถึกทักเองหมดเลย ถามผมก่อนดิ” ผมโวยวายเสียงอ่อยใส่รองประธานบริษัทที่ยืนตรงหน้า

“ร้านอยู่ตรงข้ามเดินนิดเดียวก็ถึงจะโวยวายทำไม เด็กนิสัยเสีย” นิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากผมหงายเงิบ

“ผมไม่ได้หมายถึงใกล้ไกล แต่ผมยังไม่ได้บอกเลย ผมจะไปกินข้าวกับพี่” เด็กซอต่อปากต่อคำกับผมไม่เลิก ยังคงสดใสพูดเยอะเหมือนเคย เสียงแจ้วๆนี่ไม่ได้ยินนานเหมือนกันนะ

“หรือจะหลับรอก็ได้นะ กินอิ่มแล้วจะมาปลุก” รีบเอามืออุบปากไว้เพราะคำขู่ที่รู้กันอยู่ว่าจะโดนอะไร แล้วเด็กตาเล็กลุกขึ้นหน้ามุ่ย

“เผด็จการ ฮิตเลอร์ ปูติน ศาลเตี้ย” เสียงบ่นพึมพำ

“อึ๊ย.. เดี๋ยวผมรับสายก่อน” เด็กซอก้มดูที่หน้าจอสลับกับเงยมองหน้าผม แล้วกดรับสาย

“มีอะไรป่าวโฟร์” มิน่าละทำท่าทางลังเลก่อนรับที่แท้ก็แฟนโทรมา

“กูพาไอ้เอมาทำธุระนิดหน่อย” “เลิกเรียนรึยัง” “อยู่แถวบางเขนนี่แหละ” “เจอกันตอนเย็นนะ” ยัดมือถือเก็บเรียบร้อยก็ทำหน้ามึนอย่างนิ่งๆ

“ที่นี่อนุสาวรีย์ชัย ไม่ใช่บางเขน เด็กขี้โกหก”

“โกหกสีขาวอ่ะพี่ธัน ผมไม่อยากให้มันคิดมากแล้วยิ่งอยู่กับพี่ด้วย มันโกรธแน่”

“จะโกหกสีอะไรก็คือโกหก ทีหลังก็บอกมันไปตรงๆเลย มันจะได้รู้ซออยู่กับพี่”

“พี่ไม่เข้าใจผมหรอก เพราะยังไงผมก็ห่วงความรู้สึกมัน”

“แล้วพี่ล่ะ”

“พี่ธัน”

“ล้อเล่นๆ ไปกินข้าวได้ล่ะ”





เถียงกับคนตัวโย่งเสร็จก็เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งของที่ทำงาน เป็นร้านสเต็กเล็กๆ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เสียงดนตรีเปิดคลอ พี่ธันให้ผมเลือกที่นั่ง ดังนั้นผมก็นั่งโต๊ะในสุดของร้าน ผมสั่งสปาร์เก็ตตี้ผัดขี้เมาขนมปังกระเทียมกับโค้ก ของพี่ธันเป็น พ๊อกช็อปสลัดกับกาแฟเย็น




“เชิญค่ะ” พนักงานกล่าวต้อนรับแขกใหม่ที่เพิ่งเดินเข้าร้าน ผมยังก้มหลบพี่ธันไม่สนใจคนเข้าออกในร้าน

“มึงมานี่ได้ไงซอ” เสียงคุ้นมากเงยหน้ามอง

“อ่าวฉิ่ง” พี่ชายผมยืนกับเพื่อนอีกคน
 
“นั่งด้วยกันเลย ฉิ่ง เติ้ล”  พี่ธันชวนทั้งสอง พี่ชายนั่งข้างผม เพื่อนอีกคนนั่งกับพี่ธัน

“คุณธันขอนุญาตินั่งร่วมโต๊ะนะครับ”

“เติ้ลอย่ากวนตีน” เจ้านายด่าลูกน้องอย่างคุ้นเคยสนิทสนม

“เติ้ล นี่ไอ้ซอน้องเรา”

“สวัสดีครับพี่เติ้ล” ไอ้ฉิ่งหยุดเว้นวรรคสูดลมหายใจ

“ส่วนนี่เติ้ล แฟนกู” ผมหันขวับคอแทบหักด้วยความตกใจ มองหน้าพี่เติ้ลอย่างไม่ละสายตา เป็นพี่น้องกันมานานเพิ่งรู้ว่ามันชอบผู้ชาย

“ไอ้ซอมึงจะค้างอีกนานมั้ย” มันตีหลังผมปั้กๆ

“ไม่เคยรู้เลยฉิ่ง มึงมีแฟนตอนไหน แถมยังเป็น..” พี่เติ้ลส่งรอยยิ้มหวานกลับให้ผม

“พี่กับฉิ่งเป็นแฟนกันตอนมหาลัย พอทำงานก็ทำที่เดียวกัน ไม่เคยไปหาที่บ้านเพราะพี่ไม่กล้า ขอโทษซอด้วยที่ทำให้ตกใจ”

“เออก็ตามที่เติ้ลบอก กูชวนไปบ้านนะไม่ใช่ไม่ชวน แต่ไม่ยอมไปสักทีไม่รู้กลัวอะไรป๊าม๊าใจดีจะตาย”

“เรายังไม่พร้อม” พี่เติ้ลนั่งม้วนข้างพี่ธัน

“เอาๆ รู้จักกันแล้วนะ สั่งสักที” เจ้านายเสียงดังขึ้น

“แล้วน้องผมมากินข้าวกับพี่ได้ไงพี่ธัน” ไอ้ฉิ่งเปิดประเด็นใหม่ เปลี่ยนใจเอาใส่กล่องกลับไปกินบ้านแทนได้ไหม จะถามทำไมนะเฮีย

“กูพาไอ้เอมาหาพี่พลอยแต่มันหนีกลับก่อนเลยเหลือแค่กูกับพี่ธันสองคน จริงๆมากันสี่คนนะมึง”

“แก้ตัวเป็นดาราเลยสัส กูถามพี่ธันไม่ได้ถามมึง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กเอ่ยเด็ก” แทนที่จะช่วยผมพี่ธันดันหัวเราะใส่ ใครขู่จนต้องมาด้วยแบบนี้ล่ะ

"อย่าบอกโฟร์นะฉิ่ง มันไม่มีอะไรจริงๆ" พี่ธันมองผมตาแข็งตอนที่ผมพูดกับพี่ชาย

"กูพี่มึงนะซอ"






ท้องอิ่มก็เดินมาที่ลานจอดรถเพื่อรีบกลับบ้านรอฟังข่าวของไอ้เอที่กำลังไปได้สวยกับพี่พลอย อีกอย่างป่านนี้แฟนผมน่าจะไปรอที่บ้านแล้ว



“ใช้รถมันด้วยหรอ” แน่นอนว่าพอร์ชสีขาวป้ายทะเบียนเลข4ตัวเดียวบอกถึงเจ้าของได้เป็นอย่างดี

"แปลกตรงไหนพี่ แฟนกัน"

พี่ธันมองผมเจ้าเล่ห์เดินประชิดตัวดันผมให้ถอยหลังชนกับรถแขนสองข้างเท้ารถขังผมไว้

“อยากกลับบ้านไปหามันรึอยากนอนอยู่ที่นี่” ตึกตึก  ตึกตึก

“เห้ย!พี่ธันเลิกแกล้งผมได้แล้ว”

มืออุบปากไว้แต่ตัวยังอยู่ในวงแขนหนีไงดีวะ เร็วๆคิดๆหน้าพี่ธันเลื่อนเข้าใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ใกล้มากด้วย อ่า…ไม่ทันละซอ ริมฝีปากนิ่มจูบลงที่เหม่งเรียบร้อย เสียงหัวใจหยุดเต้น แพ้พี่ธันอีกละ

“เด็กประหลาด ถ้าหลับที่นี่ก็แย่สิ พี่จะอุ้มไปนอนไหน จริงมั้ย” 

มือขยี้หัวจนฟูฟ่อง ตึก ตึก ตึก เต้นแล้ว ใจผมกลับมาเต้นแล้ว



ยิ่งหนียิ่งเจอ ยิ่งห้ามยิ่งสั่น ยิ่งใกล้ยิ่งกลัว












999999999999999999999999999999








หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 13 โกหกสีขาว up 17/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-02-2017 04:30:21
เอ พี่พลอย ตกลงกันได้แล้ว เยี่ยม  :katai2-1:
เอ เป็นสามี มีลูกเลย
พี่พลอยสุดเซ็กซี่ ทำท่าชอบหญ้าอ่อน
ไม่น่าเชื่อได้หญ้าอ่อนจริงๆ
พี่ธัน กลับมาทำให้ซอ ใจเต้นใหม่  :ling1:
พี่ฉิ่ง ม้ามืด มีแฟนตั้งแต่ยังเรียน ปิดที่บ้านได้สนิทมาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.  ขอแก้คำผิดนะ
ผะเด็ดการ ------ เผด็จการ
 
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 13 โกหกสีขาว up 17/2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-02-2017 06:04:25
เป็นเรื่องที่สนุกมากๆ ครับ
ขอบทให้โฟร์อีกนิด ตอนนี้น้ำหนักยังเทไปที่พี่ธันมากกว่าหน่อย จะได้ลุ้นได้สูสีหน่อย
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 13 โกหกสีขาว up 17/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-02-2017 06:25:31
พี่ธันชอบหยอกอ่ะ แต่ไม่มีความชัดเจนให้ จะช้อนซอไปไว้ในฮาเร็มอีกคนหรือไง
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 13 โกหกสีขาว up 17/2
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 17-02-2017 13:28:51
ไม่อยากให้พี่ธันเป็นพระเอกเลยอะ  เจ้าชู้ตัวพ่อ   ขี้อ่อย  ซออย่าหวั่นไหวเลยนะ  คนแบบนี้จะเลิกเจ้าชู้ได้เหรอ 
ซอคู่กับโฟร์ดีแล้ว  สงสารโฟร์  เฮ้อ  :z3:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 13 โกหกสีขาว up 17/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 18-02-2017 09:14:30
เป็นเรื่องที่สนุกมากๆ ครับ
ขอบทให้โฟร์อีกนิด ตอนนี้น้ำหนักยังเทไปที่พี่ธันมากกว่าหน่อย จะได้ลุ้นได้สูสีหน่อย
ขอบคุณมากค่ะ
หวานๆของโฟร์มีนะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 14 หวานกว่าแฟนผมก็มีแค่น้ำตาลแหละครับ up23/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 23-02-2017 00:10:58
ตอนที่ 14 หวานกว่าแฟนผมก็มีแค่น้ำตาลแหละครับ




หลังจากที่กินข้าวกับพี่ธันจนอิ่มแปร้ผมต้องทนนั่งติดแหงกในรถหลายชั่วโมงกว่าจะฝ่ารถติดกลับมาถึงบ้านได้ ทำเอาสเต็กที่เพิ่งกินมาย่อยพอดี ว่าแต่เย็นนี้คนในบ้านมีความสุขเรื่องอะไรกันถึงได้ยินเสียงหัวเราะลั่นดังกลบเสียงรถที่เพิ่งวิ่งเข้ามาจอด หรือเจ้ขิมถูกล็อตลี่นะ แต่ไม่น่าใช่เพราะนี่ยังไม่สินเดือน



ทว่าขณะที่ผมกำลังจะถอดรองเท้าและเดินเข้าบ้าน บทสนทนาบางอย่างที่กำลังพาดพิงถึงผมจนน้ำตาตกใน คำพูดนั้นแสดงให้เห็นว่าคนที่พูดรักผมมากแค่ไหน และผมควรทำอะไรเพื่อเขาบ้างกับปัญหาที่มันคาราคาซังในใจผมอยู่ตอนนี้





“ขอบใจมากโฟร์ จริงๆไม่ต้องซื้อก็ได้ เจ้พอมีลูกค้าเก่าๆอยู่บ้าง”

“ไม่เป็นไรเจ้ขิม ผมซื้อให้พ่อกับแม่ แต่เจ้ขิมอย่าบอกไอ้ซอนะครับ ผมไม่อยากให้มันรู้”

“อ่าว ทำไมล่ะโฟร์ ก็แกซื้อนิหน่า”

“ผมกลัวมันโกรธ มันไม่ชอบเจ้ก็รู้ แต่เจ้อย่าลืมบัตรลิเวอร์พลูนะครับ เอาให้มันด้วย”

“โอเคๆ ไม่บอกก็ไม่บอก เดี๋ยวเจ้ได้โบนัสจะโอนค่าตั๋วให้มันละกัน อย่ากลัวไอ้ซอมากนักนะโฟร์ ไม่ต้องยอมมันทุกอย่างก็ได้”

“ไม่กลัวได้ไงเจ้ขิม น้องเรามันแปลก เหมือนคนอื่นที่ไหนละ เอ๊ะอ่ะหลับ เอ๊ะอ่ะหลับ ฮ่าๆๆ”

“จริงๆผมไม่ได้กลัวนะเฮีย แค่ยอมเฉยๆ เถียงมันแล้วได้อะไร”

“นั้นแหละเขาเรียกกลัว ไอ้โฟร์เอ๊ย”

“แซวน้องอีกหละสองคนนี้ อาทิตย์หน้าม๊าจะพาหมอมารักษาน้อง เดี๋ยวก็หาย จริงไหมโฟร์”

“ม๊าครับ ม๊าไม่รักษาซอได้ไหม”

“ทำไมละโฟร์ ไม่อยากให้ซอหายหรอลูก”

“ผมก็อยากให้มันหายนะม๊า  แต่เวลาที่เห็นมันเจ็บผมก็ทนดูไม่ได้ ม๊าไม่ต้องรักษามันแล้วนะครับ โฟร์จะดูแลมันเอง”

“มึงแน่มาก โฟร์ ฮ่าๆๆๆ”

“ตามใจๆ ม๊าก็ทนเห็นไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็อยากให้ซอหายเป็นปกติเท่านั้นแหละลูก ขอบใจโฟร์นะที่ไม่เคยทิ้งซอของม๊า”

“ม๊าไม่ต้องห่วงครับ”







บทสนทนาระหว่างคนในครัวที่เล็ดรอดออกมาจากห้องนั่งเล่น ทำให้คนที่ยืนหลังประตูอย่างผมได้ยินชัดเจน มันยิ่งดีผมยิ่งรู้สึกผิด เพราะผมไม่เคยทำอะไรเพื่อมันเลยสักอย่าง ผมยืนน้ำตาซึมก้มหน้าเข้ากับประตูไม้แกะสลักแผ่นใหญ่ ทุบกำปั้น ปั้ก! ปั้ก!  ผมควรทำยังไงดี ผมจะเคลียพี่ธันออกจากใจได้อย่างไร ก่อนที่ผมจะเสียคนที่ดีที่สุดไป แต่ก่อนอื่นผมควรเช็ดน้ำตาและเปลี่ยนสีหน้าเดินเข้าบ้านแล้วยิ้มให้กับทุกคนเป็นอันดับแรก




“ป๊าม๊าหวัดดีครับ”

“เอ้า! มาตอนไหนเจ้ไม่ได้ยินเสียงรถเลย” ทุกคนมองหน้าผม เป็นสายตาเดียวกัน

“เมื่อกี้อ่ะเจ้ หัวเราะดังไปถึงหน้าบ้านคงได้ยินเสียงหรอก กินข้าวยังครับ”

“กินแล้วลูก โฟร์เอาอาหารมาจากโรงแรมม๊าเลยไม่ต้องออกแรงทำกับข้าวเลยวันนี้ ซอละกินอะไรมารึยัง เดี๋ยวม๊าตั้งโต๊ะให้มั้ย” ม๊าหันมาตอบ

“เรียบร้อยแล้วม๊า มึงอ่ะโฟร์กินแล้วใช่มั้ย” ปั้นยิ้มส่งให้แล้วนั่งลงใกล้ๆ

“อืมเรียบร้อยแล้ว”

“งั้นซอ ขึ้นห้องเลยนะครับ”





แล้วเราสองคนก็เดินขึ้นห้องมาด้วยกัน จากแปรงสีฟันที่เคยวางในห้องน้ำเพียงอันเดียวตอนนี้ก็มีสอง รองเท้าที่ผมใส่เรียนก็มีผ้าใบเก่าๆมาวางประกบอีกคู่ ชุดนักศึกษาที่มีแต่เสื้อสูทก็มีเสื้อช็อปวิศวแทรกมาอีกตัว เตียงกว้างที่เคยนอนเพียงคนเดียวก็มีอีกคนมาแบ่งครึ่ง ถึงผมจะเปิดแอร์23องศาแต่อุ่นมากเหมือนมีฮีตเตอร์ในตัวไม่เคยหนาวเลยสักวันที่มันมานอนข้างๆ คงไม่ใช่เพราะผ้าห่มสีน้ำตาลผืนหนาที่ผมกับแฟนซุกตัวหลังอาบน้ำเสร็จหรอกนะครับ




“คิดอะไรอยู่วะมึง” ไอ้โฟร์พลิกตัวนอนตะแคงเข้าถามผม ที่กำลังเอาแขนเกยหน้าผากครุ่นคิด

“ไม่มีอะไร ขอถามหน่อยดิโฟร์”

“ว่ามา”

“สมมุตินะโฟร์แค่สมมุติ สมมุติว่า ถ้ากูไม่ได้รักมึงแค่คนเดียวมึงจะรักกูอยู่มั้ย”

ผมปล่อยแขนออกจากหน้าผากแล้วตะแคงหันหน้ามองหน้าแฟนรอคำตอบ มันเงียบและถอนหายใจเฮือกยาว

“งั้น สมมุติบ้างนะ สมมุติว่ามึงไม่ได้รักกูคนเดียวจริงๆ กูขอแค่มึงรักกูมากกว่าเขาได้มั้ย

ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบที่เป็นคำถามเชิงขอร้องแบบนี้เลย น้ำตาจะไหลซะให้ได้

“พอๆ ซีเรียสกูแค่ถามเล่นๆ” พลางกุมมืออีกฝ่ายไว้
เบาๆ

“เอ่อ! วันนี้ไอ้เอโทรหากู พ่อแม่มันให้พี่พลอยย้ายเข้าบ้านนะ เดี๋ยวเราต้องไปช่วยมันขนของ” รู้สึกเหมือนมีตึกถล่มทับผมเลย มันรู้ทุกอย่าง แต่…

“มึงรู้ว่ากูโกหก ทำไมไม่ด่ากูละโฟร์” ผมมองตาคมคู่นี้อย่างสำนึกผิด

“กูจะด่ามึงทำไม ก็มึงไม่ได้ตั้งใจโกหกกูใช่มั้ยละ” ไม่ด่าสักแอ๊ะ กลับดึงผ้าห่ม ห่มให้ผมเอามือจับที่แก้ม

“=//=”

“มองหน้าทำไมนอนไม่หลับหรอ”

“กูขอโทษนะโฟร์ เดี๋ยวกูจะรีบเคลียร์”

“ค่อยๆคิด กูรอได้” แล้วมันก็ดึงผมเข้ามากอดในอ้อมแขน

“โฟร์จูบหน่อยดิ” เปล่าอ่อยแฟนนะ อยากลองจูบกับมันบ้าง

“ไม่เอา ไม่จูบ กูไม่อยากให้มึงหลับ” เอาสิครับพออยากให้จูบกลับปฏิเสธ อะไรของมันนะ

“นี่มึง ไม่อยากจูบกูเลยหรอโฟร์” มือดันตัวมันออกด้วยความสงสัย

“ไม่ต้องห่วง กูทำมากกว่าจูบแน่ แต่ไม่ใช่วันนี้”

“ไอ้ทะลึ่ง”

“จริ๊ง กูหาวีธีได้ก่อน เป็นแฟนกันทำได้มากกว่าจูบไม่ใช่หรอวะ”

“มันไม่มีทางหรอกโฟร์ ยังไงก็หลับ”

“มี! กูจะจูบมึงอย่างมีความสุขและมึงต้องไม่หลับ คอยดู”

“ฮ่าๆๆ เออๆแล้วแต่มึง”





ผมมุดเข้าอ้อมแขนอีกรอบขำไม่หยุดกับคำพูดของแฟน จะเป็นไปได้ยังไงที่ผมจูบแล้วจะไม่หลับ ไอ้โฟร์มันก็เพ้อไปเรื่อย ทุกอย่างเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้จะหลับหรือไม่หลับผมไม่สนตรงนั้นแล้ว เพราะสิ่งสำคัญคือคนที่กำลังกอดผมอยู่นี่ต่างหากละไม่ใช่จูบ ในที่สุดเพื่อนก็ทำให้ผมรักมันจนได้










ผมงัวเงียบิดเนื้อบิดตัวในผ้าห่มเพราะรู้สึกปวดแขนนิดหน่อยก็ไอ้ซอเล่นนอนหนุนแขนทั้งคืนไม่ยอมห่าง เมื่อยแต่มีความสุข ปวดแต่เต็มใจที่จะให้ใครอีกคนหลับสบาย เจ้าตัวไม่อยู่แล้วครับมันตื่นไปเรียนแต่เช้าเหลือแค่ผมที่ยังกลิ้งไปกลิ้งมา และตัดสินใจอยู่จะไปเรียนดีไหมความขี้เกียจเริ่มก่อตัวเล็กน้อย แต่พอโผล่หัวออกจากผ้าห่มก็เห็นเสื้อช็อปห้อยเตรียมไว้ให้และมีโฟสอิทเล็กๆติดที่หน้ากระจกแต่งตัว กระดาษใบนั้นมีแรงดึงดูดทำให้ผมลุกจากเตียงมาหยิบอ่านจนได้


“Morning kiss จูบแบบนี้ไม่หลับนะ”


พร้อมรอยริมฝีปากจางๆที่จูบไว้ที่กระจกเงา ชุ่มชื่นหัวใจเติมพลังงานให้ร่างกายอย่างไร้เหตุผล อาการปวดเมื่อยหายไปในพริบตา หวานกว่าแฟนผมก็มีแค่น้ำตาลเท่านั้นแหละครับ จูบทับรอยริมฝีปากเล็กๆที่กระจกแล้ว ก็ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนสักที










เรื่องเล่าเช้านี้ที่ตึกการบินคงหนีไม่พ้นข่าวดีจากไอ้เอ เพื่อนๆส่งเสียงกรี๊ดแสดงความดีใจและกำลังรุมสัมภาษณ์ไอ้เอยกใหญ่ หลังจากหมดคาบเรียนว่าที่เจ้าบ่าวเล่นประกาศอย่างเป็นทางการเชิญเพื่อนไปร่วมงานแต่งมันกับพี่พลอยที่บ้าน เสียงเฮจากเพื่อนๆดังขึ้นทั่วห้องให้กับคุณพ่อวัย19 ทั้งขวดน้ำดื่มทั้งม้วนกระดาษจ่อที่ปากไอ้เอเป็นไมค์โคโฟน





“ยังไงไอ้เอ เห็นนิ่งๆเงียบๆมีเมียซ่ะแล้วแถมลูกอีกหนึ่ง”

“ท้องกี่เดือน”

“ฟันเพื่อนพี่เลยหรอวะ”

“แก่กว่าจริงหรอ แล้วเป็นพี่กี่ปี”

“เชื้อดีโคตร”

“ซอยถี่สิมึงครั้งเดียวติดเลย”

“ดีๆคบกับผู้ใหญ่ไม่งอแงเหมือนเด็ก”

“พี่เขาย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับเอแล้วหรอ พี่เขาแพ้ท้องไหมอ่ะเราอยากรู้”

“อย่าบอกนะว่าคนที่ขับรถมาส่งมึงที่ตึกวันนี้ โคตรสวยอ่ะมึง”

ไอ้เอยิ้มรับหน้าบาน “นั้นแหละพี่พลอย”

“ให้เมียมารับมาส่งเลยหรอวะเอ” ฮิ้ววววววว!!

“สัส! พี่เขาหยุดงานจะกลับไปเอาเสื้อผ้าคอนโดเลยแวะมาส่งกูเฉยๆ พวกมึง มึง มึง เลิกแซวสักที แล้วก็เตรียมตัวไปงานแต่งที่บ้านกูด้วยนะ ใครไปไม่ถูกกูส่งแผนที่เข้าไลน์กลุ่มให้แล้ว”

“ไหนพี่พลอยบอกไม่เอาพิธีไงเอ” ผมถามบ้าง

“พ่อแม่กูไม่ยอมไงเลยจัดงานเลี้ยงเล็กๆต้อนรับหลาน ไม่มีพิธีการหรอกมึงชวนแค่เพื่อนๆ แล้วตอนบ่ายพี่พลอยจะมารับไปลองชุดกูไม่เข้าเรียนนะ ฝากงานส่งด้วย”

“อิจฉาอ่ะ เมียมารับด้วยเว้ย พามาทำความรู้จักกับเพื่อนๆหน่อยดิเอ อยากเจอ”

“พอเลยไอ้พัด ไปรู้จักวันงาน” ไอ้เอบอกปัดเพื่อนอย่างอายๆตอบบ้างไม่ตอบบ้าง กับคำถามที่มาเป็นร้อยๆ





เรื่องไอ้เอจบลงด้วยความสมหวังเพื่อนมีความสุขผมก็แฮปปี้ เห็นมันยิ้มได้แล้วสุขใจกับเพื่อนจริงๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเป็นผีตายซาก มาวันนี้ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูคงไม่ต้องขนเสื้อผ้าไปปรับทุกข์ที่บ้านผมแล้วสินะ 


“ไอ้ซอมีเพื่อนมาหา”


ไอ้พัดเรียกผมเสียงดังแล้วใครมาหาละ ก็ไอ้โฟร์บอกจะมารับเย็นๆเพราะผมมีเพื่อนไม่มากนักหรอกถ้าไม่นับเพื่อนที่คณะ เชี่ย!สบถทันใดเมื่อมองเห็นคู่เพื่อนซี้เบลเนสนั่งรอที่หน้าห้องเรียน นับตั้งแต่วันที่เห็นสร้อยของพี่ธัน ผมไม่เจอมันสองคนนานเป็นเดือนๆ




“เนสเบล มาได้ไงเนี่ยมึง” ผมลากเก้าอี้ออกมานั่งใกล้ๆ

“อ่อ ว่าจะมาหาไอ้เอ พอดีเพิ่งรู้ข่าวมันกับพี่พลอย”

“เอ มันออกไปกับพี่พลอยตะกี้ พวกมึงมาช้า” มันสองคนส่งยิ้มแปลกๆให้กัน

“งั้น กูคุยกับมึงแล้วกันซอ” ว่าแล้วมันต้องมีเรื่อง

“คุยกะกูเนี่ยนะ เรื่องไรวะมึง”

“กูโทรหาทำไมไม่รับสาย” ไอ้เนสทำท่าขึงขัง

“กูปิดเสียงวะ โทษทีไม่ได้ยิน” เห็นเบอร์ไอ้เนสนั้นแหละครับถึงไม่กล้ารับสาย

“ที่โรงอาหารกูไปดักรอก็ไม่เจอสักวัน คาบENGมึงก็ไม่เข้า ไม่ได้หนีกูสองคนอยู่ใช่ม่ะ” ไอ้เบลเริ่มซักผมอีกคน ทำหน้าไม่ถูกเลยจริงๆกระอักกระอ่วนมากตอนนี้

“เฮ้ย! งานที่คณะยุ่ง จะหนีพวกมึงทำไม”

“เข้าเรื่องเลยนะ ที่มาวันนี้พวกกูจะมาคุยเรื่องพี่ธัน คือว่า..” ในที่สุดมันก็เอ่ยเรื่องที่ผมกลัว

“กูมีเรียน อาจารย์เข้าห้องแล้วเดี๋ยวไม่ทันกูไปก่อน” ผมลุกขึ้นพรวดพราด ไอ้เนสคว้ามือผม ไอ้เบลวิ่งขวางหน้าประสานงานกันดีจริงๆ เพื่อนคู่นี้

“ซอ มึงเลิกหนีเหอะวะ”

“กูมีเรียนจริงๆ ไม่ได้หนี มีเรื่องอะไรสำคัญหรอ”  ผมนั่งลงอีกครั้ง

“เรื่องพี่ธันกับมึงไงซอ” ใจสั่น สั่นอย่างหวาดกลัว กลัวเพื่อนสองคนตรงหน้าต้องเสียใจเพราะผมอีกครั้ง

“กูกับพี่ธันไม่ได้มีอะไร มึงสองคนวางใจได้”

“จะให้พวกกูวางใจได้ไง ก็พี่ธันรักมึงแล้วซอ มึงรู้ตัวมั้ยเขารักมึงมาก” ไอ้เบลพูดจ้องหน้า แต่สายตาไม่โกรธเลยสักนิด

“กูไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย” เสียงสั่นแล้วผม

“พี่ธัน ไม่เคยรักใครเลยนะซอแต่เขารักมึง มึงเป็นคนแรก” อึ้งบวกช็อกและหน้าเหวอ บ้าหรือเปล่าเมียพี่ธันกำลังพูดว่า พี่ธันรักผม

“เป็นไปได้ไง”

“เป็นไปแล้วซอ เชื่อพวกกูเถอะ พี่ธันเปลี่ยนไปมาก ถ้ามึงรักเขาก็อย่าหนีพี่ธันเลยนะ”

“ทำไมพวกมึงพูดแบบนี้เนี่ย แล้วมึงสองคนละ เขาไม่รักหรอ”  คิ้วผมขมวดด้วยความสงสัย

“พวกกูเสียสละให้มึงได้นะซอถ้ามึงรักพี่ธันเหมือนกัน เพราะพี่ธันก็เสียสละให้พวกกูมามากพอแล้ว อยากเห็นเขามีความสุขบ้าง ส่วนเรื่องเหตุผลจะเล่าให้ฟังวันหลัง”

ไอ้เบลวางมือทับมือผม ทั้งสายตาท่าทางน้ำเสียงที่จริงใจและจริงจังนี้มันคืออะไร สองคนนี้ทำไมดีมากมายและรักพี่ธันได้ขนาดนี้

“มันไม่สำคัญว่ากูจะรักเขามั้ย แต่กูรักไอ้โฟร์มาก และอีกอย่างพวกมึงอย่าเสียสละเพื่อกูเลยวะ กูทำร้ายเพื่อนดีๆอย่างมึงสองคนไม่ได้หรอก”

“แสดงว่า มึงก็รักพี่ธันใช่มั้ยซอ” ไอ้เนสเอื้อมมือมาวางทับมือผมอีกคน

“จะรักหรือไม่รัก มันก็เป็นไปไม่ได้ กูถามมึงสองคนบ้างนะ เวลาที่จับมือกับพี่ธันพวกมึงอุ่นไหม”

“อุ่นสิ” ไอ้เนสตอบ

“แล้วกอดละอุ่นไหม”

“อุ่นมาก” ไอ้เบลตอบ

“งั้น พวกมึงสองคนก็ให้พี่ธันปกป้องเถอะ เพราะกูกอดเขาไม่เคยอุ่นเลยสักครั้งเดียว”




สองเพื่อนซี้ปล่อยมือออกได้แค่ส่งยิ้มแห้งๆก่อนจะเดินจากไป นับถือในน้ำใจของการเสียสละจริงๆ ทำไมมันถึงรักพี่ธันได้ขนาดนี้ จะด้วยเหตุผมอะไรก็ตามแต่ผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวและทำร้ายคนรอบข้างได้ และสำคัญที่สุดคือพี่ธันไม่เคยทำให้ผมใจอุ่นได้เลยจริงๆ













“เดี๋ยวชินมึงจะรีบไปไหนวะ กูกับพลอยจะล้มแล้วสัส ปล่อยก่อนดิ” ผมสะบัดมือเพื่อนทิ้ง ไอ้ชินมันลากแขนผมกับพลอยหัวแทบคะมำ

“มึงสองคนก็เดินเร็วดิห่า โต๊ะเต็มหมด” มันทำหน้าเหวี่ยงหงุดหงิด

“นี่เพิ่งสองทุ่มเองชิน ใครจะบ้าจองโต๊ะเร็วขนาดนั้น ผู้มีเยอะไม่ต้องรีบ” พลอยยืนบ่นเพื่อนที่หน้าสถานบริการแห่งหนึ่งเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน

“มึงสองคนไม่รู้อะไร ที่นี่โต๊ะเต็มแต่ทุ่มแล้ว ช้าก็อดดิ”

“เว่อละมึง” ชินเอามือวางบนไหล่

“ไม่เว่อ เด็กที่นี่จัดว่าเด็ดสุดล่ะสมราคา แพงหน่อยแต่ดีมึงลืมที่มึงเคยซื้อแดกได้เลย ไอ้ธัน”

“แล้วมึงจะรอเหี้ยอะไรค่ะเพื่อน กูอยากลองแล้วจะเด็ดอย่างที่โฆษณาไว้มั้ย”





เลขาผมเดินนำหน้าเข้าร้าน พนักงานชายหน้าตาดีเดินมาต้อนรับ พาเรามานั่งที่โซฟาด้านหน้าใกล้กับเวที ร้านแบบนี้ผมเที่ยวบ่อยไม่เห็นว่าจะแปลกตาหรือหน้าตื่นเต้นตามคำโฆษณาชวนเชื่อของไอ้ชินสักเท่าไหร่ แนวเพลงก็เพลงแดนซ์สลับกับ EDM




“ตรงไหนที่เด็ดชิน”

“แป๊ปดิใกล้แล้ว แดกเหล้ารอไป”




ด้านในร้านไม่กว้างมากนักด้านหน้ามีเวที ตรงกลางเป็นโซฟาสำหรับแขกที่มีประมาณสามสิบโต๊ะเห็นจะได้ ผนังสองข้างถูกปิดด้วยม่านสีแดงผืนใหญ่ แค่ชั่วพริบตาโต๊ะทุกโต๊ะถูกจับจองเต็ม


แสงสปอ์ตไลท์สาดส่องไปที่ด้านหน้าเวที เพลงแดนซ์เสียงเบสหนักๆเริ่มดังกระหึ่มเป็นการเปิดตัวโคโยตีชายเปลือยท่อนบนออกมาโชว์จังหวะหมุนเอวยั่วยวนแขก ภาพเหล่านี้เห็นจนชินตาไม่ได้แปลกใหม่หรืออะไร


จนกระทั้งโคโยตี้เดินกลับหลังเวที ผ้าม่านสีแดงที่ปิดผนังทั้งสองฝั่งก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆตามจังหวะดนตรี
พลอยถึงกับสะดุ้งตกใจมือปิดปากตาโตไม่กระพริบ เพราะหลังม่านคือฟิตเนสที่กั้นด้วยกระจกใสในนั้นมีผู้ชายให้เลือกอย่างละลานตา ทั้งลูกครึ่ง ไทยแท้ หน้าเกาหลี หน้าญี่ปุ่น มีทุกไซค์ทุกขนาด สายตาเชิญชวนพร้อมให้แขกชี้นิ้วเรียกใช้บริการกันทุกคน




“เป็นไงมึง เด็ดพอไหม ซ้ายเป็นรุก ขวาเป็นรับอย่าชี้ผิดตู้นะอีพลอย”

“เชี่ย! เลือกไม่ถูก ซิคแพ็คแน่นมาก ” พลอยดูตื่นตาตื่นกับผู้ชายในฟิตเนส

“มึงอยากได้อันไหนรีบชี้เลยอีพลอย เดี๋ยวโดนปาด อดนะ”

“ไม่จัดหรอธัน งานดีงานพรีเมี่ยมเด็กมหาลัยล้วนๆ ร้านเค้าเปลี่ยนเด็กทุกอาทิตย์หน้าใหม่ๆก็หลายคนนะไม่สนหน่อยหรอวะ” ไอ้ชินเริ่มเชียร์แขก

“ไม่อ่ะ มึงกับพลอยเอาเลย วันนี้กูไม่มีอารมณ์”

“จิ๊ กูพามาหาความบันเทิงเสือกทำหน้าเบื่อโลก หรือมึงอยากได้เด็กนั่งคุยที่นี่ก็มีนะ กูจัดให้”

ไอ้ชินลุกขึ้นจากโซฟาเดินตรงเข้าไปคุยกับผู้จัดการร้านซุบซิบๆ แล้วกลับมานั่งที่  ส่วนพลอยเดินไปมองที่หน้าตู้ฟิตเนต จดๆจ้องๆ

“สวัสดีครับพี่ พี่จะให้ผมนั่งตรงไหนครับ” ผมหันไปมองเด็กผู้ชายสองคนที่ใส่กางเกงขาสั้นกับผ้ากันเปื้อนสีดำปราศจากเสื้อ ส่งยิ้มมาให้

“นั่งเลยครับใกล้ๆเพื่อนพี่เลย มันชื่อธัน พี่ชื่อชิน น้องชื่ออะไรกันบ้างครับ” ชินถามน้องที่เพิ่งมา

“ผมชื่อเนส เพื่อนผมชื่อเบลครับ” ฟังจากเสียงดูกล้าๆกลัวๆ

“นั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนไอ้ธันหน่อยล่ะกัน เห็นผู้จัดการบอกเพิ่งมาทำงานวันแรกหรอ” ชินส่งแก้วให้น้องชงเหล้าให้

“ครับพี่ผมเป็นเด็กฝึกหัด ถ้าเป็นงานแล้วถึงจะได้นั่งในตู้นั้นครับ” หยิบแก้วมือยังสั่น

“สั่นขนาดนี้จะทำได้หรอน้อง” ไอ้ชินคว้าหมับเข้าที่มือ ตอนที่น้องส่งแก้วเหล้าให้

 “ได้สิพี่ ผมกับเพื่อนมาหาเงินเรียน ถ้าไม่กล้าก็ไม่ได้เรียน” เนสตอบจนผมต้องวางแก้วแล้วถามน้องกลับ

“ทำไมไม่ทำอย่างอื่น เด็กทั้งคู่อยู่เลย พาสไทม์มีเยอะเยะ” เนสกับเบลหันมองหน้ากัน

“รุ่นพี่แนะนำครับ บอกได้เงินดี ยิ่งเป็นครั้งแรกเงินยิ่งเยอะ ค่าเรียนเลยนะพี่”

แววตาอันใสซื่อตอบอย่างไม่มีเล่ห์กล แต่แฝงไปด้วยความหวาดกลัว ผิดกับเพื่อนนักเที่ยวตัวยงอย่างไอ้ชินที่ทำตาโตเป็นไข่ไดโนเสาร์ เมื่อคำว่าเวอจิ้นผ่านเข้าหู
 
“ยังจิ้นทั้งคู่เลยหรอน้อง”

เด็กทั้งสองก้มหน้าอายๆ “ครับพี่”

“ค่าเทอมน้องเท่าไหร่ พี่จ่ายให้” ผั้ว!

“ไอ้ชิน น้องเค้ากลัว มึงเอามือออกเลยสัส” มือไอ้ชินทั้งลูบทั้งคลำเข้าที่ใต้ผ้ากันเปื้อนของเบล

“เชี่ยธัน กูกำลังฝึกน้องเค้าอยู่ จะได้ชินมือไม่เขิน ผ่านกูได้ เก่งชัวร์”


เด็กสองคนยิ้มแต่แววตาเศร้าเมื่อเพื่อนผมลวนลามตามเนื้อตัว ซุกไซ้เข้าที่ต้นคอ สีหน้าเก็บความรู้สึกเอาไว้ มือจิกเข้าที่โซฟา ยิ้มปนความทุกข์ส่งมาที่ผม น้ำตาคลอแต่กลับไม่ไหลออกมา


“พอๆชิน กูเอาน้องสองคนนี้แหละ”

“ไหนบอกไม่มีอารมณ์ไงวะ”

“กูจะรับเลี้ยงน้องเค้าเอง”

ไม่เคยคิดจะเลี้ยงดูส่งเสียใครเป็นพิเศษ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็แค่จ่ายตังค์คือจบ แต่ครั้งนี้รู้สึกสงสารและเอ็นดูเด็กสองคนนี้มาก

“เอาจริงหรอธัน คนไหน” ผมมองหน้าสลับกันไปมาเด็กนั่งนิ่งสายตาอ้อนวอนเศร้า ผมตัดสินใจชี้ที่เบล อีกคนก้มหน้าลง

เบลลุกจากโซฟานั่งลงกับพื้น จับมือผม

“พี่ธันถ้าพี่จะเลี้ยงผมจริงๆ พี่ช่วยรับเราไว้ทั้งสองคนได้มั้ยครับ ผมไม่อยากให้เพื่อนนั่งในตู้นั้นเหมือนกัน”

“พี่จะรับเลี้ยงทั้งสองคนได้ไง เป็นเพื่อนกันไม่มีปัญหากันหรอ” ผมวางมือทับมือเบล

“ถ้าผมกับเพื่อนต้องผ่านคนอื่นจนนับไม่ได้ ผมยอมมีคนเลี้ยงดูคนเดียวกับเพื่อนดีกว่า พี่จะช่วยเราได้ไหมพี่ธัน”
 
“ว่าไงธัน ไหวป่าวเด็กเต็มใจขนาดนี้ กูยอมวะ ยกให้เลย”

“หรือพี่มีปัญหาเรื่องเงิน”

“ฮ่าๆๆๆ น้องครับ ไอ้ธันรับเลี้ยงอีกสิบคนยังไหว”

“ถ้าเราสองคนไม่มีปัญหาพี่ก็ไม่มีปัญหา ชินมึงไปเคลียร์ค่าเสียหายของน้องกับผู้จัดการให้กูด้วย”


 

เด็กสองคนพุ่งตัวเข้ากอดผมแน่นด้วยความดีใจขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ผมชดใช้ค่าตัวน้องทั้งสองให้กับร้านแล้วพาออกมาตั้งแต่วันที่เจอ ตอนแรกก็งงกับชีวิตที่ต้องมีคนให้ส่งเสียเลี้ยงดูถึงสองคน


ช่วงแรกแบ่งเวลายากมากเพราะมันไม่ลงตัว สามคนจึงมีการตั้งข้อตกลงขึ้นมากมายเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างไม่มีข้อผูกมัด ไม่รู้จะต้องทำอะไรกับเด็กสองคนนี้เพราะคำว่ารักไม่เคยมีในหัว ที่รับเลี้ยงคงถูกชะตาและสงสารด้วยแววตาที่ใสและอ่อนโยนทั้งสองคู่ พอผมได้เนสกับเบลมาอยู่ด้วยก็ทำให้ผมเที่ยวสถานบริการอย่างว่าน้อยลง และเลิกเที่ยวได้ในที่สุด





“เบลกูสงสารพี่ธันวะมึง เล่าความจริงให้ไอ้ซอฟังไหม”

“อย่าเลยเนส ดูไอ้ซอรักแฟนมันมากนะ”

“พี่ธันมันก็รัก กูดูออก”

“แต่มันเลือกโอ้โฟร์แล้วไง”

















999999999999999999999999999999









หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 14 หวานกว่าแฟนผมก็มีแค่น้ำตาลแหละครับ up 23/2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 23-02-2017 05:54:20
ซอเลือกโฟร์แล้วจริงๆ ใช่ไหม จะมีพลิกอะไรหรือเปล่า พี่ธันก็ดูมีพัฒนาการดีถึงจะเปิดตัวมาดูแย่ก็เถอะ แต่โฟร์ก็มั่นคงและทุ่มเทจริงๆ ยังไงก็เชียร์โฟร์นะ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 14 หวานกว่าแฟนผมก็มีแค่น้ำตาลแหละครับ up 23/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-02-2017 09:00:21
อดีตของเบล เนส  :mew2:
พี่ธัน ก็เป็นคนดีนะ
ไม่ใช่ตั้งใจมีสนมซ้าย ขวา
ซอ ตั้งใจเคลียร์กับพี่ธัน เพราะรักโฟร์
รู้ว่าโฟร์รักตัวเองโคตรๆ
ไม่อยากให้คาปัญหาต่อไป
แต่พี่ธัน ก็รักซอ เป็นรักแรกซะด้วย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 14 หวานกว่าแฟนผมก็มีแค่น้ำตาลแหละครับ up 23/2
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 23-02-2017 15:02:15
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ. "พี่ธันไม่ใช่พระเอก".    ก็ขอให้พี่ธันเจอรักแท้(ที่ไม่ใช่ซอ)

รอดูความหวานของโฟร์ซอ.  :mew1:  ขอบคุณค่ะ :3123:



หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 14 หวานกว่าแฟนผมก็มีแค่น้ำตาลแหละครับ up 23/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 24-02-2017 17:10:28
อดีตของเบล เนส  :mew2:
พี่ธัน ก็เป็นคนดีนะ
ไม่ใช่ตั้งใจมีสนมซ้าย ขวา
ซอ ตั้งใจเคลียร์กับพี่ธัน เพราะรักโฟร์
รู้ว่าโฟร์รักตัวเองโคตรๆ
ไม่อยากให้คาปัญหาต่อไป
แต่พี่ธัน ก็รักซอ เป็นรักแรกซะด้วย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เริ่มเห็นใจพี่ธันละ
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 15 น้ำตาลไหม้ up26/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 26-02-2017 12:42:38
ตอนที่15 น้ำตาลไหม้



มีผัวเป็นตัวเป็นตนสักทีนะอีพลอย รักน้องเอของกูให้มากๆ อีชะนีเพื่อน
                                                          Chin :mc4:

ยินดีด้วยเลขาคนเก่งน้องเอด้วยนะครับขอให้เป็นครอบครัวที่มีความสุขในโลก
ดูแลกันดีๆให้เหมือนวันแรกที่อยู่ด้วยกันนะเพื่อนรักมึงนะพลอย
                                               December o13

มีเมียแล้วก็อย่าเที่ยวให้มันมากเก็บเงินไว้ให้ลูกด้วย
ถ้ามันดื้อพี่พลอยจัดหนักๆเลยนะครับ
                                                            4 :z2:
ผมขอให้พี่พลอยกับเอมีความสุขมากๆ ขอให้หลานแข็งแรงเป็นเด็กดี
รักพี่พลอยมากๆอย่างที่มึงเคยพูดกับกูไว้ด้วย อย่าทำให้พี่พลอยเสียใจ ยินดีด้วยคุณพ่อเอคุณแม่พลอย
                                                          ซอ :L2:







ผมวางปากกาปิดสมุดอวยพรจับมือกับโฟร์อย่างมั่นใจแล้วเดินเข้างานเลี้ยงค็อกเทล ฉลองต้อนรับลูกสะใภ้กับหลานของพ่อแม่ไอ้เอ สวนหน้าบ้านถูกจัดตกแต่งโทนสีชมพูอ่อนสลับขาวดูเรียบๆสบายตา โต๊ะกลมๆหลายสิบตัวตั้งกลางสนามหญ้าสีเขียวดอกฟอร์เก็ตมีน็อตสีฟ้าชู่ช่อในกระถางไม้เล็กๆ และแสงนวลสีส้มจากไฟประดับสร้างความอบอุ่นรอบๆงาน  เจ้าสาวอยู่ในชุดลูกไม้ลายหวานปาดไหล่แขนยาว กระโปรงทรงซุ่มสั้นคลุมเข่าพร้อมผมบ๊อบสั้นดูน่ารักไปอีกแบบ


เจ้าบ่าวอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกนิด งานนี้พี่พลอยออกไอเดียทั้งหมดไอ้เอมีหน้าที่แค่ทำตามเมีย และพูดเป็นแค่คำเดียว คือ ครับ ครับ แล้วก็ ครับ  ดูก็รู้ใครเป็นใหญ่ในบ้าน แหย่เล่นนะเพื่อน





ครอบครัวผมกับครอบครัวโฟร์มาร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวและได้รับเกรียตินั่งร่วมโต๊ะกับพ่อแม่ไอ้เอเป็นญาติฝ่ายชาย ส่วนญาติฝ่ายพี่พลอยมีแค่น้องสาวเพราะพ่อแม่เสียหมดแล้วนอกนั้นก็เพื่อนจากที่ทำงานไม่กี่คน มาเยอะสุดก็เพื่อนเจ้าบ่าว เล่นยกโขยงกันมาทั้งรุ่นตามคำเชิญของไอ้เอเพราะอยากเห็นหน้าเจ้าสาว มองผ่านๆก็เหมือนงานเลี้ยงรุ่นไม่มีผิด ตากล้องในงานคืนก็ได้พี่แฝดทั้งสองคอยถ่ายภาพเก็บบรรยากาศในงานอย่างชื่นมื่นโต๊ะนั้นทีโต๊ะนี้ที




“ถ่ายรูปครับ ยิ้มนะทุกคน 1 2 3 กันเสีย ขอมินิฮาร์ทนะทุกคน”

“สวยครับสวย เจ้าบ่าวเจ้าสาวชิดๆหน่อย โอเคสวย ชีสสสสส” เสียงกดชัดเตอร์รัวๆสมกับเป็นช่างภาพมืออาชีพจริงๆ




ผมกับโฟร์ปลีกตัวออกมานั่งกับเพื่อนที่คณะ ทำใจยากที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มพี่ธันโดยที่มีโฟร์นั่งอยู่ข้างๆ ใจไม่แข็งแรงพอที่จะให้เขาเผชิญหน้ากันตรงๆ ปวดร้าวมากที่เห็นสองคนนี้วนมาเจอกันอีกครั้ง แต่มันก็เหลี่ยงไม่ได้ ความเข้มแข็งเริ่มอ่อนแอ ความกังวลเริ่มแผ่ซ่าน ความกลัวก็แทรกซึมจนเหงื่อที่ฝ่ามือเปียกชุ่ม ไหนจะคิ้วข้างขวาที่กระตุกไม่หยุดนี่อีกละ ขอให้ความเชื่อโบราณครั้งนี้ผิดทีเถอะ



ผมได้แต่แอบมองห่างๆอย่างสงสัย ที่จู่ๆเบลกับเนสออกงานพร้อมกันได้อย่างไร อุตส่าห์จะหาช่องว่างคืนสร้อยและบอกลาพี่ธันเป็นครั้งสุดท้าย ความรักที่สับซ้อนยุ่งเหยิงและวุ่นวายนี้ควรยุติลงสักที เบลกับเนสต้องอยู่กับพี่ธันต่อไปไม่ใช่เสียสละให้ผม ถ้ามีคนเสียก็ต้องมีคนได้และผมไม่ต้องการเป็นฝ่ายได้อยู่คนเดียว ผมเลือกโฟร์จะมีคนเจ็บแค่สองคน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเลือกพี่ธันขึ้นมาจริงๆจะมีอีกหลายคนที่สาหัสปางตาย เดาไม่ออกเลยว่าจะหนักหนามากแค่ไหนหนึ่งในนั้นคือคนที่นั่งข้างๆผมตอนนี้


เมื่อก่อนคิดแค่ว่าการมีความรักเป็นเรื่องดี แต่ความรักที่ต้องเลือกมันไม่ได้ดีอย่างที่คิด




 
“ซอมึงกินอะไรมั้ยเดี๋ยวเดินไปตักให้” ภาพใครอีกคนหายวับ เมื่อมีใครอีกคนที่สำคัญกว่าอยู่ตรงหน้า

“อ๋อ อะไรก็ได้”

“เป็นไรป่าวซอ มือเย็นมาก” แฟนผมคลี่มือออกแล้วเช็ดเหงื่อให้

“ไม่ๆ กูสบายดี”

“แน่ใจนะ”

“อืม”

“รักกันจังนะสองคนนี้” เนแซวเมื่อเห็นโฟร์เอามืออังที่แก้มผม

“เนกับฟางเอาอะไรเพิ่มไหม เดี๋ยวตักมาให้” โฟร์เอามือออกแล้วหันไปถามเพื่อนผม

“ไม่ต้องเลยไอ้โฟร์ แฟนกู กูบริการเอง มึงไปตักให้เมียมึงคนเดียวก็พอ”

“ไอ้สัสพัด”

“ไอ้พัดพูดถูก มึงอ่ะเมีย ฮ่าๆๆ”




สรุปเพื่อนที่คณะผมก็กลายเป็นพรรคพวกแฟนไปจนหมด ไม่ใช่เพิ่งเป็นนะเป็นตั้งแต่วันเฟรสชี่เดย์โน้นเชียร์กันมาตลอด เดือนวิศวดีอย่างโน่นดีอย่างนี้ พูดกรอกหูทุกวันพอเป็นแฟนกันเข้าจริงๆพวกเพื่อนก็เข้าข้างเดือนวิศวแบบสุดๆอย่างที่เห็น


ไอ้พัดกับแฟนเข้าขาหัวเราะคิกคักเดินไปตักของกินมาให้ ก็ได้เวลานั่งคุยกับถ่ายรูปอัปสเตตัสตามประสาเพื่อนผู้หญิงอาหารและเครื่องดื่มในงานคืนนี้ก็เป็นอภินันทนาการจากพ่อแม่โฟร์ที่สั่งมาให้ไอ้เอเป็นพิเศษ




แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง! พี่ชินใช้ช้อนตีเข้ากับแก้วไวน์




“เอาล่ะครับ ในค่ำคืนนี้เป็นคืนพิเศษที่เราร่วมยินดีให้พลอยกับเอใครมีคำถามอยากถามบ่าวสาวบ้าง เชิญได้เลยครับ”


หวิ้ดดดดหวิ้วววววว อร๊ายยยย เสียงแซวดังกระหึ่มจากเพื่อนการบิน  ไอ้พัดยกมือขึ้น ฟรึ๊บ


“ผมๆ ผมขอถามไอ้เอทำท่าไหนพี่พลอยถึงท้องครับ” ฮ่าๆๆๆเสียงหัวเราะลั่นเมื่อคำถามแรกดังขึ้น

“เป็นคำถามที่ดีมากน้อง เอตอบเพื่อนสิ ท่าไหน” ไอ้เอหน้าแดงก่ำเพราะเมาและตอบกลับอย่างไม่มีสติ

“เยอะครับ จำไม่ได้” เจ้าสาวยืนมองเด็กๆถามคำถามอย่างเมามันส์และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเมื่อไหร่ เสียงโห่ร้องและเสียงแซวยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ

“สุดยอดเลยเอ ใครจะถามต่อเชิญครับ” จากนั้นคำถามใต้สะดืออีกมากมายถูกถามมาเรื่อยๆ เรื่องดีๆไม่ถามสักคำ

“ไม่มีคำถามแล้วใช่ไหมครับ งั้นเรามาฟังความรู้สึกบ่าวสาวกันบ้างครับ เริ่มที่เอก่อน อยากขอบคุณหรือพูดอะไรกับเจ้าสาวมั้ย” พี่ชินถาม

“ขอบคุณครอบครัวมากครับ ผมจาร๊ากพี่พลอยให้มากๆ จาดูแลลูกเป็นอย่างดี ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่าน ขอบคุณเพื่อนๆที่มาร่วมงานและขอบคุณพี่พลอยที่มาอยู่กับเอ” เจ้าบ่าวยืนตอบตัวโยกเหยกไปมา

“เจ้าสาวล่ะครับมีอะไรจะพูดมั้ย”

“พลอยขอบคุณพ่อแม่และกัสมากที่ไม่แจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ แล้วก็ดีใจมากที่ได้ผัวเด็กค่ะ”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”  คำตอบของเจ้าสาวสร้างเสียงหัวเราะให้คนในงานจนน้ำตาเล็ด ไม่มีคำหวานๆไม่มีพิธีการมีแต่ความสุขอย่างเป็นกันเอง



ไลน์! ข้อความเด้งโชว์ที่หน้าจอ ผมละสายตาจากบ่าวสาวก้มมองที่มือถือ



December09: ไม่ยิ้มเลยนะ



อากาศหายใจเริ่มน้องลงอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“โฟร์ กูเข้าห้องน้ำแป๊ปนะ”





ขอหาที่สูดอากาศเข้าปอดสักหน่อยเผื่อจะหายใจได้สะดวกขึ้น ผมเดินออกจากสวนเหลี่ยงๆสายตา นั่งหลบมุมที่กำแพงนอกบ้าน 

“มานั่งทำอะไรคนเดียว” เจ้าของเสียงนั่งลงใกล้ๆ ผมก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตา

“พี่ธันกลับเข้าไปในงานเหอะ เดี๋ยวเนสกับเบลจะเห็นมันไม่ดี”

“ขออยู่ด้วยได้มั้ย ซอเป็นอะไร”

“เราสองคนเลิกเห็นแก่ตัวได้แล้วพี่ธัน ผมเจ็บบบ” สองมือสอดประสานกันแน่นเสียงสั่น

“ไม่เป็นไร พี่เจ็บเป็นเพื่อน” พี่ธันเอาแขนโอบตัวดึงให้ซบลงที่ไหล่

“:T^T:”

“ตาเล็กนิดเดียวทำไมร้องไห้เก่งจังนะ” มือพลางลูบหัวผมเชิงปลอบใจ

“พี่อย่าทำให้ผมเป็นตัวร้าย แฟนผมอยู่ในงาน ไหนจะเนสกับเบลก็อยู่แค่หลังกำแพงกั้น ผมไม่กล้าสู้หน้ามันสองคนแล้ว ผมเกลียดตัวเอง” ผมผละตัวออกจากไหล่พี่เขา

“พี่จะไม่ให้ซอเป็นตัวร้าย ขอแค่ซอรักพี่ และอย่าถอยห่างไปมากกว่านี้ก็พอ”

“เราควรหยุดได้แล้วนะพี่ธัน ผมรักโฟร์ รักมาก”

“พี่ละ ซอรักพี่มั้ย” มือพี่ธันปาดน้ำตาที่แก้ม

“ผมรักพี่นะพี่ธัน แต่อย่าให้ความรักของเราทำร้าย คนที่รักเราเลยนะ ผมขอเก็บพี่ไว้ในนี้” วางมือที่อกข้างซ้ายน้ำไหลออกจากตา มองเห็นหน้าพี่ธันมัวๆ

“ซอ” พี่ธันดึงผมเข้ากอด ต่างคนต่างกอด

“ผมขอคืนสร้อยพี่นะครับ” ผละตัวออกวางสร้อยใส่ฝ่ามือให้เจ้าของ

“อย่าคืนเลย สร้อยเส้นนี้พี่รักมาก และอยากให้มันอยู่กับคนที่พี่รักที่สุดเหมือนกัน” แล้วพี่ธันก็หยิบสร้อยเส้นนี้ใส่ให้ผม เศร้าใจที่สุดกับการลาใครสักคน

“พี่ธัน” มือกุมกันไว้มองตาให้นานที่สุด

“พี่จูบได้ไหม”



ผมพยักหน้า พี่ธันใช้มือปิดปากผม แล้วจูบลงบนหลังมือ ปลายจมูกสัมผัสกันและกันสายตาจ้องมองด้วยความอาลัย จากแล้วต้องจากกันจริงๆแล้ว



“ไม่ต้องร้องแล้วนะคนดี ซอเลือกถูกแล้ว พี่จะอยู่ข้างๆซอเสมอถ้าซอต้องการ ไม่ต้องรู้สึกผิด เราสองคนไม่ได้ทำร้ายใคร”

“แต่มึงสองคนทำร้ายกู” และแล้วหัวใจอีกครึ่งดวงของผมก็เข้ามา



เสียงโกรธดุดันจากคนที่ได้ชื่อว่าแฟนแทรกกลางเข้ามา พร้อมฉุดตัวพี่ธันลุกขึ้นต่อยเข้าที่ปากจนพี่เขาล้มหงายไปกับพื้น ผมรีบเอาตัวเข้าขวางกางแขนกั้น รางร้ายเมื่อตอนหัวค่ำมันเกิดขึ้นจนได้



“อย่า อย่า โฟร์ อย่า” น้ำตาผมไหลพรากๆเมื่อเห็นคนสองคนที่รักใช้กำลังตัดสินปัญหาเหมือนใจจะขาดรอนๆ

“มึงมันเหี้ย ไอ้เห็นแก่ตัว” โฟร์ชี้หน้าด่า พี่ธันยืนขึ้นเลือดซิบที่มุมปาก

“โฟร์มึงเข้าใจผิดแล้ว ฟังกูก่อน”

“กูไม่ฟัง” โฟร์ผลักผมล้มกระแทกกับพื้นปูน



จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย! เสียงเชียร์บ่าวสาวดังมาจากอีกฝั่งของกำแพงบ้านสามารถกลบเสียงทะเราะจนเงียบสนิท



“ไอ้เหี้ยเอ๊ย มึงทำกับคนที่รักมึงแบบนี้หรอ” พี่ธันง้างหมัดเตรียมสวนกลับ ขณะเดียวกันผมก็รีบลุกโผล่เข้ากอด ใช้ตัวบังโฟร์ไว้

“พี่ธันอย่าทำเพื่อนผม” ผมหลุดปาก ผมแค่หลุดปากพูดไป ไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย แต่คนฟังสิ

เพื่อน!? เพื่อนหรอซอ สุดท้ายกูก็เป็นได้แค่เพื่อนมึงใช่มั้ย” โฟร์เข่าอ่อนทรุดนั่งกองกับพื้นอย่างหมดแรง

“ไม่ใช่โฟร์ ไม่ใช่ กูรักมึงนะ มึงเข้าใจผิด” ผมขุกเข่าตาม นั่งจับมือไว้ พยายามอธิบายให้คนใจร้อนตรงหน้าได้ฟัง



จูบเลย! จูบเลย! เฮ่!!!!!! เบาๆเอคืนนี้ได้อีกเยอะ



“งั้นบอกกูสิ ที่บอกจะพยายาม มึงพยายามจะรักกูหรือมึงพยายามจะลืมมันกันแน่”

“มึงพอได้แล้วโฟร์ ซอรักมึงมากนะ” พี่ธันที่ยืนอยู่ข้างหลังช่วยพูด

“มึงแน่ใจหรอว่ามันรักกู” โฟร์ลุกขึ้นกำหมัดพุ่งเข้าหาพี่ธันอีกรอบ

“โฟร์พอได้แล้ว กูขอร้องพอได้แล้ว มึงเข้าใจผิด กูแค่ลาพี่ธัน มันจบแล้วจริงๆ”



โฟร์ฉะงักเมื่อตัวผมขวางหมัดที่กำลังพุ่งตรงเข้าหาพี่ธัน ผมถลาเอาหน้าซบเข้าที่อกของแฟนร้องไห้หนักกว่าเดิมน้ำตาไหลเป็นห่าฝน โฟร์คลายหมัดยกแขนขึ้นกอดมือลูบหลังขึ้นลงกระชับอ้อมกอดเป็นระยะ พี่ธันเองก็หยุดและยืนดูผมร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรตรงหน้า ทั้งสองคนยืนเฝ้าผมจนน้ำตาเริ่มแห้งเหลือแค่เสียงสะอื้น



“ไหวมั้ย”

“วะวะไหว”

“ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไม่น่ารักเลย เข้างานกันไอ้เอถามหาแล้วมั้ง”

ผมเงยหน้ามองคนพูดที่ไม่อาจคาดเดาความคิดกับสีหน้าที่นิ่งเฉย จนมันทำให้ผมรู้สึกกลัว กลัวผู้ชายที่โฟร์เป็นครั้งแรก โฟร์เอามือเช็ดหน้าเช็ดตา พร้อมเสยผมจัดแจงทรงให้เข้าที่ แล้วจับมือเตรียมเดินเข้างานอีกรอบ

“พี่ขอโทษ” มือพี่ธันรั้งไว้อีกข้าง

“ปล่อย!” โฟร์หันขวับเตือนพี่ธันเสียงเข้ม จนผมต้องสะบัดมือพี่ธันทิ้งก่อนที่จะมีการวางมวยรอบใหม่





ตอนนี้เวลาร่วงเลยไปเกือบตีหนึ่งแขกคนอื่นๆกลับกันจนหมดเหลือแค่คนในครอบครัวบ่าวสาวที่กำลังส่งตัวพี่พลอยกับไอ้เอเข้าหออย่างเป็นทางการอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างโฟร์กำลังจมลงในขวดเหล้าอย่างรวดเร็ว วางแก้วกระแทกกระทั่งกับโต๊ะ ปึ๊ก! ปึ๊ก! สีหน้าที่เคร่งขรึมเครียดคิ้วขมวดมีความโกรธพร้อมปะทุตลอดเวลา ตาจ้องพี่ธันเขม็ง พี่ธันก็นั่งชนแก้วกับพี่แฝดมองมาทางเราเช่นกัน



“ไงมึง เปรี้ยวกับเจ้านายกูปากแตกเลยนะสัส” พี่ชายผมย้ายมานั่งชนแก้วกับโฟร์

“หึ น้อยไปด้วยซ้ำที่มันโดน” ชน!

“ใจเย็นวัยรุ่น ทุกปัญหามีทางออก”

“ทางออกสำหรับผมตันแล้วเฮีย น้องเฮียมันไม่ได้รักผม แต่มันรักไอ้เชี่ยนั้น เฮียว่าผมควรทำยังกับน้องเฮียดี”

“ทำไมพูดแบบนี้อ่ะ กูต้องบอกมึงอีกกี่ครั้ง กูรักมึง” ผมดึงแก้วเหล้าออกจากมือแฟน

“มึงเลิกใช้คำว่ารักกับกูได้แล้วซอ จะไปไหนก็ไป” มันกระชากแก้วคืน

“มึงเมามาก ไปคุยที่บ้าน”

“กูไม่กลับ ไปไกลๆ” ครั้งแรกที่มันพูดจากับผมแบบนี้ เมื่อก่อนที่ผมพูดกับมันความรู้สึกคงไม่ต่างกัน

“ใจเย็นๆค่อยๆคุย น้องกูไม่ได้โกหกมึงหรอกโฟร์ มันรักมึง” พี่ชายวางมือที่ไหล่แฟน

“เฮียพามันกลับเหอะ ผมจะนอนกับไอ้เอ” ลูกบ้ามันมาอีกแล้ว

“มึงจะนอนได้ไง ไอ้เอมันแต่งงานแล้ว” พี่ชายผมเตือนสติแฟนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์บดบังการรับรู้เหตุผลไปซะหมด

“เฮีย ผมไม่อยากเจอหน้าไอ้ซอ”

“ถ้ามึงไม่กลับกูก็ไม่กลับ โฟร์”

“ได้ มึงเลือกเอาจะกลับดีๆหรือจะให้กูเดินเข้าไปหาไอ้ธัน” โฟร์ยืนขึ้น

“พอๆ ใจร้อนทั้งคู่ งานแต่งไอ้เอนะพวกมึง คิดเยอะๆ” ไอ้ฉิ่งดึงแขนโฟร์ไว้

“แต่…” ผมดื้อด้านไม่อยากกลับ

“ซอ ไอ้โฟร์ไม่พร้อมที่จะฟัง มึงก็ควรกลับ รอมันพร้อมแล้วค่อยอธิบาย เรื่องพี่ธันมึงเคลียร์แล้วใช่มั้ย”

“อืม เคลียร์แล้ว”

“ก็ดี กลับได้ละกูไปส่ง”





พี่ชายผมขับรถมาส่งที่บ้านและย้อนกลับบ้านไอ้เออีกรอบด้วยความเป็นห่วงโฟร์ ความกระวนกระวานอัดแน่นในใจ น้ำตาก็สั่งไม่ได้ยิ่งห้ามมันยิ่งไหล ผมชินกับการมีใครอีกคนมานอนข้างๆแล้ว เขาเป็นคนที่ทำให้ผมหลับฝันดีทุกคืนแค่ได้กอด ต่อจากนี้ถ้าคนสำคัญของผมหายไปหรือไม่กลับมา มันคงยากที่จะเรียนรู้การอยู่คนเดียวอีกครั้ง




หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้













999999999999999999999999999999999

คนเขียนเลือกไม่ถูก55

งอนก็ง้อสิเนาะ




หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 15 น้ำตาลไหม้ up26/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-02-2017 17:53:47
ก็คิดว่า วันหนึ่งมันคงจะมีเหตุการณ์อย่างนี้
ถ้าโฟร์ ไม่หึงหวง จะเป็นไปได้อย่างไร
คำพูด ที่พูดไปแล้ว มันเอากลับมาไม่ได้
มันฉุกละหุก กระทันหัน พูดว่าโฟร์เป็นเพื่อนมาสิบกว่าปี
ตอนนี้โฟร์ งอนแล้ว ทั้งที่รูว่าซอ พี่ธันจบกัน
ยังไม่ช่วยให้โฟร์ อารมณ์ดีได้เลย
ซอ ก็นอนไม่หลับ เพราะมีโฟร์ มานอนด้วยจนติด  :z3: :z3: :z3:
ซอ คงไม่ไปทนทวนตัวเอง โดยหนีโฟร์ กับทุกคนไปนะ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 15 น้ำตาลไหม้ up26/2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 26-02-2017 18:16:53
คนเขียนตอบไปทางโน้น เนื้อเรื่องดันมาทางนี้ คนอ่านสับสนก็มโนไปอีกทาง เดาไม่ถูกแล้ว ก็เป็นสีสันดี 555
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 15 น้ำตาลไหม้ up26/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 27-02-2017 17:16:25
คนเขียนตอบไปทางโน้น เนื้อเรื่องดันมาทางนี้ คนอ่านสับสนก็มโนไปอีกทาง เดาไม่ถูกแล้ว ก็เป็นสีสันดี 555

คนเขียน ก็งง นะ นึกว่าพี่ธันเป็นพระเอก55
แต่แค่ยังไม่ใช่ช่วงหวานของ โฟร์ เลยดูว่าพี่ธันมาวินมากกว่า
คนเขียนลงเรือ 4ซอ :mc4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 16 รักแบบ4D up2/3
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 02-03-2017 00:15:49
ตอนที่16 รักแบบ4D





เลขหมายที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้





นั่งกดเบอร์ตลอดทั้งวันกดอยู่เบอร์เดียว กดย้ำๆๆจนนิ้วล็อกก็ติดต่อไม่ได้เป็นแบบนี้มาอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ รอสายเรียกเข้ารอว่าโฟร์จะติดกลับมาแต่ว่างเปล่า เพื่อนในห้องเรียนเป็นเพียงอากาศที่พัดผ่านมาแล้วพักผ่านไป มองทางไหนก็เจอแต่คำว่าเหงา เพิ่งสะกดคำว่าหว้าเหว่เป็นในวันที่โฟร์ไม่อยู่ การขาดใครไปสักคนไม่มีผลดีต่อการดำเนินชีวิตเลยสักนิด ทุกอย่างรอบๆตัวล่องลอยเบาหวิวและไร้คุณค่า



ถ้าหากความคิดถึงกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้ ท้องฟ้าที่ผมกำลังนั่งมองจากหน้าต่างในตอนนี้คงเขียนไม่พอ ขอโทษที่เคยไล่ไปไกลๆ ขอโทษที่พูดอย่างไม่คิดอยู่บ่อยครั้ง ขอโทษที่ทำให้เสียใจมาตลอด ขอโทษที่เพิ่งรู้มึงคือลมหายใจอีกครึ่งของกู




“พาร์ทต่อไปเป็นพาร์ทของข้อสอบปลายภาค นักศึกษาตั้งใจนิดนึ่งนะค่ะ คะแนนจะได้ออกมาดีๆ ถ้าตั้งใจก็ง่ายนิดเดียวจะได้ไม่ต้องมาลงเรียนใหม่อีกรอบ เรามาเริ่มกันที่โครงสร้างของ ความเหงา ความเหงามีส่วนประกอบพื้นฐานอยู่สามส่วน”

“ส่วนแรกคือ เกิดจากการที่เราคิดถึงใครหนึ่งคนมากๆ เราจะสร้างจินตนาการภาพใครคนนั้นในหัวจนสลัดไม่หลุด”

“ส่วนที่สอง แยกออกเป็นสองข้อย่อยคือความผูกพันและเวลา ยิ่งใกล้ชิดยิ่งคิดถึงแค่เรามองข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้าทุกๆอย่างที่ใช้ร่วมกันก็เป็นสาเหตุหลักๆของความเหงาได้”

“ส่วนที่สาม เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ความเหงาเกิดจากความรัก เวลาที่ใครคนนั้นหายไป ความเหงาจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่าโดยที่เราไม่สามารถต้านทานหรือยับยั้งความเหงานั้นได้”




“อาจารย์ครับ แล้วมีวิธีแก้ความเหงาให้ทุเลาลงได้มั้ยครับ”


ผั๊ววว!!!!


“ไอ้เชี่ยซอ! มึงถามอะไรของมึงเนี่ย อาจารย์พูดถึงเรื่องแคทเทอริ่ง นั่งลงเลยสัส” ไอ้เอดึงแขนผมให้นั่งลง

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

“ออกไปพักก่อนไหม กนิกนันท์ อาจารย์อนุญาต”

“ขอโทษครับ อาจารย์”




โค้งตัวขอโทษอาจารย์แก้เขินแล้วค่อยหย่อนตูดนั่งที่เก้าอี้ เมื่อกี้ผมถามอะไรออกไปนะครับ ไอ้เอตบซะแรงเชียว ก้มหน้าก้มตามองหนังสือใหม่อีกรอบ อายเพื่อนในห้องที่หัวเราะเยาะเสียงดัง นี้ขนาดเพื่อนๆนั่งเต็มห้องยังเหลือที่ว่างให้ความเหงามานั่งข้างๆผมได้เลย



จะสอบอยู่แล้วนะซอยังไม่มีสติอีกนั่งเหม่อหาอะไร ผมพยายามเรียกสติกลับแล้วแต่มันไม่ยอมกลับมาผมต้องทำไง ก็โฟร์มันหายไปแบบนี้ ผมจะเอาสติมาจากไหนมาตั้งใจเรียนทั้งห่วงทั้งคิดถึง คนรอบข้างก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้เลยสักคน หลังจากงานแต่งไอ้เอแฟนผมก็หายจากชีวิตไปไม่ติดต่อกลับมาปล่อยให้ผมนอนกอดหมอนข้างมาเป็นอาทิตย์



เหงามากแค่ไหนนะหรอ เหงาถึงขนาดไม่กล้านอนที่ห้องตัวเองต้องไปนอนเบียดเฮียขลุ่ยหรือบางคืนก็เฮียฉิ่งสลับกันอยู่แบบนี้ มุมทุกมุมของห้องก็มีแต่ภาพและความทรงจำของมันปรากฏ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม มือที่กุมแก้มผมก่อนนอนก็ยังอยู่ ตามหาทุกที่ ที่โรงแรม ที่บ้าน ตึกวิศวที่ไม่เคยนั่งก็ไปดักรอเพราะหวังว่าจะเจอแต่ก็ไม่เจอ อยากปรับความเข้าใจ อยากขอโทษและอยากให้กลับมากอดเหมือนทุกคืนที่อยู่ด้วยกัน  กดใหม่อีกรอบเผื่อจะเปิดเครื่องแล้ว




เลขหมายที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้




แหว๊ะ!!!!



“เอ เป็นไร” ฟางยื่นถุงพลาสติกให้ไอ้เออ้วกใส่ พลางช่วยลูบหลังเพื่อน

“ฟาง เราขอกินมะม่วงสักชิ้นดิ มึนหัวมากสงสัยเรียนหนักจนเครียด” ไอ้เอกินมะม่วงเปรี้ยวกับเพื่อนสาวจนผมเข็ดฟันแทนร้อยวันพันปีไม่เคยแตะของเปรี้ยว

“เรามีอีกถุงกินเยอะๆ ว่าแต่พักผ่อนน้อยป่าวเนี่ยเอ หน้าซีดๆนะ” ฟางยื่นถุงมะม่วงให้ไอ้เอเพิ่ม

“หนัก จนไม่มีเวลาพักเลยหรอเอ เพลาๆหน่อยนะมึง” ไอ้พัดเริ่มแหย่เพื่อน

“ไอ้พัดไอ้จัญไร พี่พลอยท้อง ทุกวันนี้จะจับมือเมีย กูยังขออนุญาตเขาอยู่เลยสัส เลิกคิดอัปปรีย์เลยนะมึง”

“สวยขนาดนั้นปล่อยได้ไงวะ เป็นกูหน่อยไม่ได้” ไอ้พัดยักคิ้วใส่ไอ้เอ

“พัดเลิกแซวเอได้แล้ว เนว่าพัดห่วงซอดีมั้ย ดูสิใจลอยไปถึงไหนละ” เนเอ็ดแฟนทันทีที่เริ่มพูดเรื่องทะลึ่ง

“เห้ย!! เราโอเค” ผมไม่ได้เหม่อสักหน่อย ได้ยินทุกคำที่เพื่อนคุยกันนะ

“มึงไม่โอเค ซอ อั๊วกกกกก” ไอ้เอพูดไปอ้วกไป

“มึงนั้นแหละที่ไม่โอเค ไอ้เอ”

“แล้วเป็นส้นตีนอะไร เรียนก็ไม่ตั้งใจเข้าหัวบ้างป่ะเนี่ยจะสอบแล้วนะมึง” ไอ้เอยังจิ้มมะม่วงกับพริกเกลือ ปากก็ด่าผมไม่หยุด

“โฟร์ติดต่อไม่ได้เลยมึง กูเป็นห่วงมัน ไม่มีใครรู้เลยว่ามันอยู่ไหน”

“อ่อ ที่แท้ก็คิดเรื่องผัวนี่เอง ถ้ากูเห็นอย่างมัน ก็ฟิลว์ขาดนะมึง กอดกับพี่ธันตัวกลมแบบนั้น”

“เรื่องพี่ธันจบแล้วไง จะซ้ำเติมกูเพื่อ มันโทรหามึงบ้างป่ะ”

“ไม่โทร แหว๊ยะ!!!”

“ช่วยห่าอะไรไม่ได้เลยนะมึง หรือมันจะทิ้งกูวะเอ” ทิ้งร่างหมอบกับโต๊ะหงอยๆ เพื่อนคงสมน้ำหน้าผมอยู่ในใจ

“เออ กูขอให้มันทิ้งมึงจริงๆ หลายใจดีนัก”

“ไอ้เหี้ยเอ” ผมยื่นมือตบหัวไอ้เอ ข้อหาปากหมา พูดจาไม่เข้าหู




ครืด~~~ครืด~~~~ครืด~~~~~




รีบล้วงมือถือขึ้นมาดูเผื่อสายเรียกเข้าจะเป็นเบอร์ที่เมมชื่อว่า แฟน แต่ก็ไม่ใช่ เฮ่ย! ถอนหายใจทิ้งทั้งวันแหละนะ ไม่อยากกดรับเลย  Calling 0802244888 จะสไลท์รับสายหรือจะตัดสายทิ้งดีนะ  ลูกค้าเจ้ขิมโทรตามเอกสารแน่ๆ



ครืด~~~~ครืด~~~~ครืด~~~~



“รับสายเร็วๆ กูรำคาญ”


ไอ้เอกดรับสายแทนผมแล้วยัดมือถือแนบกับหู เป็นผู้หญิงโทรเข้ามาครับ เสียงกระเส่าร้องไห้สะอึกสะอื้นให้ผมคิดตามและประติดประต่อร้อยเรียงเรื่องเข้าด้วยกัน คีย์เวิร์ดสามคำที่พอจับใจความได้คือ อังกฤษ สุวรรณภูมิ โฟร์ แล้วแม่ก็วางสาย มวลน้ำมหาสารได้ไหลทะลักเอ่อล้นท้วมตาเป็นเขื่อนแตกทันที



“เห้ย! ซอเป็นไร” เพื่อนสาวผมตีที่ไหล่เรียก

“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะฟาง ไอ้เอ ไปสุวรรณภูมิด่วน ไอ้โฟร์กำลังจะทิ้งกูแล้วจริงๆ หื้อ หื้อ”

“กูอ้วก ไปไม่ไหววะมึง”

“ถือถุงไปอ้วกบนรถ ก่อนที่กูจะเสียไอ้โฟร์ไป เร็ว!”




หูตาฝ่าฟางมองเห็นป้ายบอกทางไปสุวรรณภูมิขมุกขมัว สายตาที่เคยมองอะไรต่ออะไรอย่างชัดเจนกลับเลือนรางลงมอเตอร์เวย์รถหนาแน่นคับคลั่งแต่ก็เหยียบคันเร่งไม่มีผ่อน อยากหายตัวอยู่สนามบินซะให้ได้เลยตอนนี้ ปิ๊น! ปิ๊น! ขับช้าไปวิ่งเลนซ้ายเลยไป๊ คนกำลังรีบแซงซ้ายทีแซงขาวที จับพวงมาลัยจนสั่นกลัวไปไม่ทันก่อนเครื่องออก กลัวไม่ทันเห็นหน้ากลัวโฟร์มันทิ้งผม



“ไอ้ซอ รถ!!!!!!”

“โทษที กูรีบ”

“ให้กูเห็นหน้าลูกก่อนสัส”




ไอ้เอร้องเสียงหลงเมื่อเห็นรถบรรทุกที่จ่อตรงหน้าและผมหักหลบกะทันหันลืมว่าเพื่อนนั่งมาด้วย ก็คนมันใจร้อนอยากถึงเร็วๆ บทโฟร์มันเอาจริงขึ้นมาน่ากลัวจะตายเพราะลูกบ้ามันเยอะใครจะห้ามมันได้ ผมเองยังไม่แน่ใจเลยจะห้ามมันไม่ให้ไปอังกฤษได้ไหม


 
มาถึงสนามบินผมวิ่งแหวกฝูงชนที่มีนับหมื่นหาแค่โฟร์คนเดียวสายตาต้องการเห็นแค่มัน วิ่งวนเป็นหมาบ้าทุกเคาน์เตอร์ของสายการบิน มือพลางกดโทรออกสลับกับเงยหน้ามองหา นี่มันฉากในละครหลังข่าวที่นางเอกวิ่งตามพระเอกชัดๆ



จนเรามาหยุดที่สายการบินสีม่วง ไอ้เอนั่งหมดแรงที่เก้าอี้พร้อมถุงพลาสติกในมือ ผู้ชายรูปร่างคุ้นตาที่ทำให้ใจเต้นแรง ผู้ชายที่สูง186ซม หนัก 80 โล คนที่ผมกำลังวิ่งตามหา คนที่ทำให้ผมนอนคนเดียวไม่ได้ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขากำลังยืนหันหลังในมือถือพาสปอร์ตเล่มแดง



ผมกระโจนเข้ากอดอย่างไม่กลัวผิดคน แผ่นหลังที่ผมนอนกอดทุกคืนใครจะจำมันไม่ได้จริงไหม หน้าสบเข้าแผ่นหลังมือสอดผ่านเอวกอดแน่น กลิ่นกายอ่อนที่สัมผัสได้นี้ยิ่งเตือนได้ดีว่าผมกอดโฟร์




“โฟร์อย่าไปไหนนะ”

เสียงอ้อนวอนเล็กๆที่กลั่นออกจากใจพยายามห้ามคนรักไม่ให้หายไปไหน มันออกจากก้นบึ้งของความรู้สึก ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่าน มันก็แย่มากพอแล้ว ถ้าจะต้องห่างกันคนละทวีปแบบนี้ผมคงไม่สามารถอยู่เป็นผู้เป็นคนได้เลยสักวัน

“มึงมาทำไมซอ” โฟร์ถามเสียงแข็ง พร้อมใช้มือแกะแขนผมออกจากตัว หน้าบูดบึ้งไร้ความรู้สึกท่าทีที่นิ่งเฉยและเดาความคิดไม่ได้ อย่าโกรธนานได้ไหม



หันหลังกลับมาผมแอบยักคิ้วให้ไอ้เอที่นั่งไม่ไกลมากนัก มันยิ้มตอบแล้วก็อ้วกต่อ ส่วนคนตรงหน้าร้องไห้เป็นเผาเต่า ยืนตัวสั่น กล้าๆกลัวๆ ตาดวงเล็กของมันบวมจนจะปิดและแดงก่ำเพราะร้องไห้มาหลายรอบ ไอ้เอบอกผมมาแบบนั้น



“ก็มาตามมึงกลับบ้านไง อย่าไปนะโฟร์กูขอร้อง หื้อหื้อหื้อ”

ผมโผล่เข้ากอดโฟร์อีกครั้ง เอาหน้าแนบที่หัวใจเผื่อบางทีอาจได้ยินความคิดของมันบ้าง ทำไมเย็นชาละช่วยร่าเริงเหมือนเดิมได้ไหม ช่วยกลับมากวนตีนกูเหมือนเดิมได้ไหมโฟร์



ผมยืนนิ่งๆทิ้งแขนลงแนบตัวไม่ได้กอดมันตอบ ทั้งๆที่อยากกอดมากคิดถึงที่สุดแต่ต้องนิ่งยืนฟังและปล่อยให้มันพูดไป ไอ้เอแอบมองและกลั้นขำเมื่อเห็นสภาพเพื่อนร้องไห้งอแงเป็นเด็กกลางสนามบิน


 
“กูไม่กลับ” ความเจ็บปวดเพิ่มพูนมาจากไหนกัน แค่คำว่าไม่กลับขาก็หมดแรงลงทันที มันจะไปจากผมให้ได้ใช่ไหม ผมจะเสียมันไปแล้ว

“ไหนมึงบอกจะอยู่ข้างๆกู จะดูแลกูแล้ววันนี้มึงจะทิ้งกูหรอ ไม่ให้ไปนะโฟร์ ไม่ให้ไปนะ” ผมกอดแฟนแน่นขึ้น โฟร์ไม่กอดผมเลย ไม่แม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้ ผมต้องรั้งมันให้ได้



โอ้ย! ผมจะสงสารไอ้ซอหรือขำดี มันเหมือนเด็กมากเอาหน้าซุกอกพลางมือขยำเสื้อ ไม่ให้ไป ไม่ให้ไป พูดซ้ำๆ ร้องไห้โยเยโคตรน่ารัก ง้อผมก็เป็นนี่หน่านึกว่าเหวี่ยงเป็นอย่างเดียว อยากบอกไอ้เอช่วยอัดคลิปไว้ดูจัง



“มึงเจอเจ้าชายของมึงแล้วนิ จะอยู่ทำไม ปล่อยกูได้แล้ว” 

ยังมีความโกรธอยู่เต็มเปี่ยม ที่จะไปเพราะเรื่องพี่ธันหรอ อธิบายก็ไม่ยอมฟัง ผมอาจจะผิดที่ปล่อยปัญหานั้นไว้นาน แต่ก็เคลียร์ไปแล้ว ไม่มีทางที่ผมจะอยู่กับพี่ธันได้ ทำไมมันไม่เข้าใจสักที

“กูไม่อยากตื่นมาแล้วเจอเจ้าชาย แต่กูอยากตื่นมาแล้วเจอหน้ามึงทุกวัน รักมึงนะโฟร์ กูอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว เหงามากตอนที่มึงไม่อยู่ กลับบ้านกันนะ”

ผมผละตัวเองยกแขนปาดน้ำตา โฟร์ยังคงมองด้วยสายตาที่นิ่ง แววตาไม่มีความรู้สึกอะไรแล้วผมก็ยื่นมือกุมแก้มของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยความห่วงหา

ค่อยๆเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยให้เหม่งได้สัมผัสกันและกัน ให้ลมหายใจอีกครึ่งมาเติมเต็มในส่วนที่หายไป



“กลับบ้านเรานะ”



จากนั้นซอก็เลื่อนริมฝีปากเล็กของมันมาประทับจูบผมทุกอย่างซอฟนุ่มนวลละมุนละไม อ่อนโยนน่าทะนุทนอม รับรู้ถึงความเหงาและคิดถึงที่ส่งผ่านเข้ามา แววตาใสราวกับท้องฟ้าของมันค่อยๆเคลิ้มและฟุ๊บเข้าที่ไหล่ของผม หลับกลางสนามบินเลยนะซอ ใครจะกล้าทิ้งแฟนประหลาดรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นแบบนี้ได้ลงคอนะ ผมรีบช้อนตัวอุ้มขึ้น ไอ้เอเดินเข้ามาใกล้หลังจากที่แฟนผมหลับไป




“เล่นแรงไปไหมมึง”

“ไม่หรอกน่า เบาๆ”

“เบาพ่องมึงสิ กูเกือบไม่ได้กลับไปเจอหน้าลูกเมียแล้วเชี่ย ฟาสต์แอนด์ฟิวเรียสเร็วแรงทะลุนรกมาก หลบรถพ่วงมันส์เลยสัส ปาดซ้ายปาดขวา กูนี่ใจหล่นแว๊ปป”

“ฮ่าๆๆ ขนาดนั้นหรอวะ มึงเห็นมันอ้อนกูป่าวละน่ารักโคตร คุ้มนะ”

“เอ้อ น่ารักม๊ากกก อย่าให้มันรู้ว่าเป็นแผนละกัน มึงจะเห็นความเหี้ยมันก็คราวนี้สัส”

“ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะลั่นขณะที่อุ้มแฟน เดินมาลานจอดรถ

“แล้วพ่อแม่มึงไปนานไหม” ไอ้เอถามพลางเปิดประตูรถให้ผมเอาตัวซอไว้ที่เบาะหลัง

“ก็เดือนหนึ่งแหละ กูต้องเข้าไปดูโรงแรมแทนเขา”

“อ่อ! ตอนที่มันติดต่อมึงไม่ได้ กูนึกว่ามันตายห่าซะละ ยิ่งกว่าหมาป่วยเลยนะมึง แต่ในที่สุดมันก็ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อมึงสักที เสือกสร้างกำแพงกั้นตัวเองดีนัก ถ้าไม่มีตัวแปรอย่างพี่ธันมันก็ไม่รู้หรอกว่ามันรักมึงมากแค่ไหน คงหนีอีกนาน”

“เข้าใจมันนะ ก็กูเป็นเพื่อนมันนิ คงยากแหละที่จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น”

“ใช่อ่ะนะ ก็มันกลัวความรักเพราะกลัวโดนทิ้งเลยปิดกั้นทุกคนที่เข้ามา ต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่มึงแล้วนะโฟร์”

“เออกูรู้ มึงขับรถนะเอ กูขอนั่งดูหน้ามันหน่อยโคตรคิดถึงไม่เจอตั้งนาน”

“อ๊วกกก!! หยิบถุงให้กูที อ๊วกกกก!!”





เสียงอ้วกของไอ้เอทำลายบรรยากาศดีๆหมดคนกำลังซึ้ง ผมนั่งมองหน้าแฟนที่นอนหลับปุ๋ยหนุนตักผมมาจนถึงโรงแรมและอุ้มขึ้นมานอนที่ห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารออีกฝ่ายฟื้นขึ้นมา วันนี้แหละที่จะทำให้มันรู้นอกจากการจูบยังมีอย่างที่สำคัญกว่า




“งื้ออออ” ผ้าห่มขยับตามคนดิ้นดุกดิกๆข้างใต้

“ตื่นแล้วหรอ ฝันดีไหม”

“มึงพากูมาอังกฤษด้วยหรอโฟร์”

“ตลกละมึง ดูดีๆ ที่ไหน” ผมเดินมานั่งที่เตียง

“กูไม่ได้ฝันใช่มั้ย” ผมยื่นหน้าเข้าไปจุ๊ปเหม่งมันหนึ่งที

“ฝันป่ะละ” ซอลุกขึ้นกระโดดสุดตัวเข้ากอดผม

“ขอบคุณนะที่ไม่ไป ขอบคุณที่กลับมาอยู่ด้วยกัน”

“ใครจะทิ้งแฟนตัวเองได้นะ” ผมเอามือขยี้หัวมันเบาๆ

“แล้วทำไมพากูมานอนโรงแรงละ”

มันทำหน้างง ปกติเราจะนอนที่บ้านมัน ต่อจากนี้อีกหนึ่งเดือนก็ต้องนอนที่นี้แหละครับพ่อแม่ไม่อยู่ ต้องเข้ามาดูงานแทนท่าน

“ก็เตียงที่นี้มีสปริง ที่บ้านไม่มีไง” ผมโน้มตัวเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายก็เอนตัวหนี

“อะไรของมึงเนี่ย เตียงสปริงอะไร เอาหน้าออกไปเลย” มันผลักผมออกหน้าแดงหูแดง

“แฟนครับ ขอนะ”





กระซิบข้างหูจบผมก็เริ่มรุกโดยการใช้แขนสองข้างกั้นซอไว้ เสนอหน้ายื่นเข้าไปใกล้พยายามบังคับด้วยภาษากายให้มันล้มตัวนอนราบไปกับเตียงอีกครั้ง ซอมองตาปิ๊บๆผมก้มไล่จูบที่ต้นคอช้าๆ มันสะดุ้งหันหน้าหลบเล็กน้อย จมูกฝังที่แก้มซ้ายขวาและพยายามหลีกเหลี่ยงจุดอันตราย  มือเริ่มปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ริมฝีปากผมเลื่อนลงต่ำมาหยุดที่หน้าอก จูบลงเบาๆ มือขวาเริ่มมุดเข้าในกางเกง ทว่า…




ไอ้แฟนตัวดีกลับชักมือออกแล้วดึงตัวผมให้หน้าประชิดกัน อย่านะซอ อย่าทำ กูขอร้องบ้าง และแล้วมันก็ประกบจูบผมอย่างดูดดื่มสอดลิ้นเข้ามาทักทายทำหน้าล้อเรียนกวนตีน ตาค่อยๆปิดและหลับไปพร้อมกับยิ้มหวาน



"ไม่ๆซอ อย่าเพิ่งหลับ  ลืมตาก่อน ซอ ซอ!" มือตบที่แก้ม เบาๆ



อยากเอานิ้วถ่างตาให้มันตื่นจริงๆ เล่นแบบนี้ใช่ไหมซอ คิดว่าจะรอดใช่ไหม ได้เลยครับแฟน เดี๋ยวเจอกัน

น่ารักก็ส่วนน่ารัก กวนตีนก็ส่วนกวนตีน ไม่มีทางหนีพ้น คอยดูจะนั่งเฝ้าจนกว่าจะตื่นอีกรอบ ยังไงก็ต้องสำเร็จคืนนี้เพราะน้องชายมันไม่ยอมนอนแล้วนะตื่นมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้ซอ












99999999999999999999999999999999

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่น่ารักด้วยนะค่ะ
แนะนำได้นะจะได้ปรับปรุงแก่ไข :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 16 รักแบบ4D up2/3
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-03-2017 06:49:10
อ่านตอนซอฟังอาจารย์บรรยายแล้วขำก๊าก กำลังคิดตามอยู่ว่าวิชาอะไรทำไมมีเรียนเรื่องความเหงาด้วย
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 15 น้ำตาลไหม้ up26/2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-03-2017 08:08:30
ฮ่าๆๆๆ ขำไรท์  นึกว่าพี่ธันเป็นพระเอก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ก็มีคนอ่านสองทีม เชียร์อยู่นี่นะ ทีมพี่ธัน กับ ทีมโฟร์
โอ๊ย.......ซอ ง้อโโฟร์ ได้น่ารัก น่าเอ็นดู น่ากอดมากๆ
ทั้งกอด ทั้งร้องไห้ กุมแก้มโฟร์  เขย่งปลายเท้าให้เหม่งได้สัมผัสกันและกัน
ให้ลมหายใจอีกครึ่งมาเติมเต็มในส่วนที่หายไป /  ฟินนนนน
กลับบ้านเรานะ จุ๊บปากโฟร์เสร็จ สลีปปี้เลย /โอ๊ย.....นังโฟร์ เลิกเล่นตัวได้ละ
แล้วดูนังโฟร์ พูดกับเอ "มึงเห็นมันอ้อนกูป่าวละน่ารักโคตร คุ้มนะ"  / ฮึ่ยยยยย
ส่วนโฟร์  'วันนี้แหละที่จะทำให้มันรู้นอกจากการจูบยังมีอย่างที่สำคัญกว่า'
แล้วมันอะไรล่ะ คนอ่านก็อยากรู้มากกกกก เหมือนกัน
อูยยย........โฟร์ เอาจริงและ สุดท้าย ซอ ก็กวนตีน ชิงหลับ
โฟร์ ก็'ยังไงก็ต้องสำเร็จคืนนี้
เพราะน้องชายมันไม่ยอมนอนแล้วนะตื่นมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้ซอ'
  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.  ขอแก้ที่ผิดนะ
พาทต่อไป ------ พาร์ท
โกรธอยู่เต็มเปรี่ยม ------ เปี่ยม
คนกำลังซึ่ง ------ ซึ้ง
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 15 น้ำตาลไหม้ up26/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 02-03-2017 20:20:05
ฮ่าๆๆๆ ขำไรท์  นึกว่าพี่ธันเป็นพระเอก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ก็มีคนอ่านสองทีม เชียร์อยู่นี่นะ ทีมพี่ธัน กับ ทีมโฟร์
โอ๊ย.......ซอ ง้อโโฟร์ ได้น่ารัก น่าเอ็นดู น่ากอดมากๆ
ทั้งกอด ทั้งร้องไห้ กุมแก้มโฟร์  เขย่งปลายเท้าให้เหม่งได้สัมผัสกันและกัน
ให้ลมหายใจอีกครึ่งมาเติมเต็มในส่วนที่หายไป /  ฟินนนนน
กลับบ้านเรานะ จุ๊บปากโฟร์เสร็จ สลีปปี้เลย /โอ๊ย.....นังโฟร์ เลิกเล่นตัวได้ละ
แล้วดูนังโฟร์ พูดกับเอ "มึงเห็นมันอ้อนกูป่าวละน่ารักโคตร คุ้มนะ"  / ฮึ่ยยยยย
ส่วนโฟร์  'วันนี้แหละที่จะทำให้มันรู้นอกจากการจูบยังมีอย่างที่สำคัญกว่า'
แล้วมันอะไรล่ะ คนอ่านก็อยากรู้มากกกกก เหมือนกัน
อูยยย........โฟร์ เอาจริงและ สุดท้าย ซอ ก็กวนตีน ชิงหลับ
โฟร์ ก็'ยังไงก็ต้องสำเร็จคืนนี้
เพราะน้องชายมันไม่ยอมนอนแล้วนะตื่นมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้ซอ'
  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.  ขอแก้ที่ผิดนะ
พาทต่อไป ------ พาร์ท
โกรธอยู่เต็มเปรี่ยม ------ เปี่ยม
คนกำลังซึ่ง ------ ซึ้ง

ขอบคุณค่ะ^^ :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 17 รักและห่วงใย up 17/3
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 17-03-2017 11:01:54





ตอนที่17  รักและห่วงใย





ผมวางแก้วกาแฟใบที่สามไว้ที่จานรองพร้อมกับนั่งมองเข็มสั้นนาฬิกาชี้ที่เลข3พอดี นั่งถ่างตาทำไมนะหรอครับก็นั่งรอคนที่นอนยิ้มแฉ่งอยู่บนเตียงตื่นมาอีกรอบไง มันตื่นมาแล้วรอบหนึ่งตอนตี2ผมก็ซุกไซ้บวกกับซุกซนนิดๆหวังว่าจะได้ประสานเสียงด้วย เลยลองขอฟิตเจอริ่งกับแฟนเป็นครั้งที่2ของคืนนี้ มันดูเหมือนจะยอมนะหน้าเคลิ้มเชียวแหละ แต่…ขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอารมณ์พุ่งสูงปี๊ดอยู่นั้น มันฉวยโอกาสตอนผมเผลอแอบจูบเพื่อให้ตัวเองหลับจนได้  ถามว่าใครปวดหละทีนี่ ถ้าไม่ใช่ผม



พอแฟนหลับปุ๋ยอย่างสบายใจก็ได้เวลาทบทวนคำถามตอนสอบโอเน็ต ที่บอกว่าถ้ามีอารมณ์ทางเพศให้ออกกำลังกายแล้วจะหาย ผมกระโดดตบไปหนึ่งร้อยครั้ง ลุกนั่งอีกหนึ่งร้อยครั้ง ใครออกข้อสอบครับช่วยแก้คำตอบโอเน็ตให้ด้วย ผมทดสอบกับตัวเองแล้วยืนยันนะช่วยไม่ได้ มันยังคงโดดเด้งปึงปังเหมือนเดิมเลย ไม่ใช่กาแฟที่ทำให้ตาค้างแต่ช่วงล่างมันไม่ยอมให้ผมนอนต่างหาก



คอยดูไอ้แฟนตัวแสบเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับผมแบบนี้  ผมเป็นคนความอดทนสูงซะด้วย มีหรือที่จะยอมแพ้มันง่ายๆ ตามจีบก็หลายปี ยอมให้มันด่าเป็นล้านๆครั้ง กว่าจะได้มาเป็นแฟนก็ยากแสนเข็ญ ตอนนี้ต้องมาอดทนรอให้มันตื่น บอกเลยเบๆ เอาชนะใจก็ทำได้แล้วเหลือแค่เอาชนะโรคประหลาดของมันเท่านั้นแหละ




“อ่า~~~~”

“ไอ้ตัวดี ตื่นสักทีนะมึง”

“โฟร์ นี่มึงยังไม่นอนอีกหรอ”

“เอ้อ มันค้างแบบนี้ ให้กูหลับได้ไง”  นิ้วชี้ที่ตา แต่หน้าก้มมองที่เป้า

“ไอ้หื่นโฟร์”

มันดึงผ้าห่มมาปิดหน้าอก เพราะก่อนหน้านี้เล้าโลมกันจนเครื่องร้อนไปถึงขั้นถอดเสื้อออกได้เรียบร้อยแล้ว แฟนผมมันบ้า จูบผมทั้งคืนเลยหลับแล้วหลับอีก
 
“เครื่องกูติดนานแล้วนะมึง ให้ไม่ได้หรอวะ น้อยใจชิบหาย ทีกับไอ้ธันนะทั้งจูบทั้งกอดกับกูอะไรๆยากจัง เริ่มสงสัยละนะ มึงรักกูจริงๆหรือเปล่า ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนนะโว้ย” 

หมุนเก้าอี้หนีตีหน้าเศร้า งานแสดงต้องมา ดราม่าเกินร้อย ผมนี่แหละลูกศิษย์ครูเงาะ เจอไม้นี้มันจะทำไง

“งอนอะไรนักหนา กูเป็นของมึงทั้งตัวและหัวใจนั้นแหละ”

มันลงจากเตียงเข้ากอดผมจากด้านหลังคางเกยที่หัวไหล่  ริมฝีปากจุ๊ปเข้าที่ต้นคอ น่ารักแบบนี้จะแกล้งให้ยาวเลย

“หรืออยากกลับไปหาพี่ธันของมึง” แกล้งถามเสียงเข้มใส่อีกฝ่ายที่ยังกอดผมไม่ปล่อย

“ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเค้าเลย”

“แน่จ๊าย แล้วหลับหนีกูทำไม”

“ไม่ได้หลับหนีสักหน่อย แค่จะจูบให้หายคิดถึงเฉยๆ” ซอใช้ริมฝีปากมาคลอเคลียกับแก้มของผมหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีก

“หายคิดถึงรึยังละ ถ้าหายแล้ว ขอนะ”

ผมแกะอ้อมกอดมันออกหมุนเก้าอี้กลับมามองคนที่ยืนหน้าแดง ดึงตัวให้นั่งลงที่ตักมือประสานกันไว้ที่หลังเพื่อประคองอีกฝ่าย เงยหน้ามองตาเล็กๆที่กำลังแสดงอาการเขินอาย

“หายคิดถึงแล้ว แต่กลัวเจ็บ กูไม่เคยนิ” หึหึหึ แอบขำในใจอย่างวายร้าย

“ก็ยอมซะสิจะได้เคย สัญญาว่าจะค่อยๆทำ นะๆ”

ผมกระชับอ้อมกอดดึงอีกฝ่ายเข้ามาประชิดแนบแก้มลงที่อกขาวๆจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัว และดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่าง ส่องแสงวิ๊บวั้บเข้าตา

“ยังใส่สร้อยเส้นนี้อีกหรอ”ผมผละหน้าออกจากอก
ขาวมือจับจี้ไม้กางเขนแล้วมองสลับกับหน้าซอ

“กูถอดก็ได้ถ้ามึงไม่ชอบ” ซอยกมือขึ้นกำลังจะถอดสร้อยเส้นนั้นออก

“ไม่ต้องก็ได้ เก็บมันไว้เป็นความทรงจำมึงเหอะ กูไม่คิดมากหรอก” ผมรั้งมือซอให้ไม่ให้ถอดสร้อยออก

“รักมึงนะโฟร์ รักมาก ขอบคุณๆๆๆ”

ซอกอดผมอีกครั้งด้วยความดีอกดีใจ ความทรงจำดีๆบางอย่างของแฟนผมไม่อยากให้มันลบทิ้งไป อย่างน้อยความทรงจำพวกนั้นก็ทำให้ซอมีความสุขและยิ้มได้

“เลิกหอมได้แล้ว ตกลงกูจะได้มั้ย จะสว่างละนะซอ” พูดด้วยความหมั่นเขี้ยวมือแกล้งตีที่ก้นมันหนึ่งที จนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นทันที

“อาบน้ำก่อน”






มองค้อนเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมชอบแฟนในร่างนี้มากไม่มีคำพูดแรงให้น้อยใจ ไม่เหวี่ยงไม่ออกฤทธิ์ออกเดช ดูเขินหน่อยๆนิ่มนวลนิดๆอ่อนหวานเล็กๆ น่ารักจนผมต้องนั่งสัปหงกรอทั้งๆที่ง่วงมากตาปิดไปหลายรอบแต่ก็พยายามถ่างตารอ เราน่าจะได้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว เสียดายเวลาที่ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่อย่างนั้นคงได้ใช้เวลาชีวิตร่วมกันเยอะขึ้นอีกตั้งสามปีแหนะ แต่เอาเถอะ60ปีข้างหน้าผมจะใช้ชีวิตร่วมกับซอให้มีความสุขไปด้วยกันทุกๆวันเลย



เสียงน้ำจากฝักบัว ดัง ซ่า ซ่า คงอีกหลายนาทีขอเอนตัวพักเติมแรงนะครับวันนี้เหนื่อยและง่วงพอสมควร โลวแบตเตอรี่มากของีบชาร์จพลังสักครู่จะได้ตื่นมาจัดการไอ้ตัวดีให้เคยๆสักที






อ้าว…ทำไมหลับแล้วละไหนบอกจะรอไง นอนขาเกยกอดหมอนหลับปุ๋ยซะแล้ว ท่าทางคงง่วงมากแต่ก็ฝืนร่างกายแค่จะกวนผม นิสัยขี้แกล้งเป็นตั้งแต่เด็กจนโตกับไอ้เอไม่เห็นจะแกล้งมันบ้างนะ ทีกับผมกวนตีนยังไงก็ยังคงกวนตีนได้สม่ำเสมอจนถึงทุกวันนี้ ผมเช็ดเนื้อตัวใส่เสื้อผ้า ปิดไฟ แล้วขึ้นบนเตียง ดึงผ้าผมให้โฟร์พร้อมซุกตัวเข้าในอ้อมแขน



“โฟร์ โฟร์ครับ” ลองปลุกดูก่อนเผื่อว่ามันจะไหว “โฟร์ ตื่น” เรียกอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆคืนนี้ก็กอดกันก่อนแล้วกันนะ ส่วนเรื่องนั้นเมื่อไหร่ก็ได้เพราะไม่คิดจะหนีไปไหนอยู่แล้ว “ฝันดีนะโฟร์” จุ๊ปเข้าที่แก้วนุ่มๆ



วันนี้ที่ผมจูบโฟร์จนนับครั้งไม่ได้นั้น ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะหนีหรือบ่ายเบี่ยงอะไรเลยแค่อยากจูบกับแฟน มันเป็นเรื่องที่ธรรมดาและง่ายมากสำหรับคนทั่วไป แต่ทำไมมันเป็นเรื่องยากสำหรับผมนะ เริ่มเบื่อโรคนี้ขึ้นมาอีกครั้งแล้วละ เมื่อก่อนตอนที่ม๊าหาวิธีรักษาตัวผมให้หายจากอาการป่วย ผมไม่เคยสนใจหรือคาดหวังในผลการรักษาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำใจและยอมรับกับสภาพที่ประหลาดๆของตัวเองได้



แต่พอมาวันนี้ความคิดนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ผมอยากลองฮึดสู้กับมันอีกครั้ง ผมต้องหาย ผมจะเป็นคนธรรมดาให้ได้ ขอบคุณเจ้าของกำลังใจ คน คนนั้นก็คือคนที่นอนกอดผมตัวกลมอยู่นี่ไง คนที่เป็นเหมือนลมหายใจและเป็นคนที่ทำให้ผมอยากตื่นจากความฝันมาสร้างเรื่องราวดีๆ บนโลกแห่งความเป็นจริงไม่ใช่แค่เพียงโลกในนิทานของ สโนวไวท์ ผมอยากหายจากคำสาบบ้าๆ อยากแต่งเติมความสุขให้ผู้ชายคนนี้ได้บ้าง



ขอโทษที่ตั้งกำแพงปิดกั้นตัวเองและหนีมาตลอด ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงสำคัญแค่ไหน อยากบอกมึงว่าการที่มีเพื่อนเป็นแฟนมันโคตรวิเศษเลยวะโฟร์ กอดกันไปนานๆนะ “ฝันดี”








“ซอ มึงตื่นเลย ซอ” ผมจับตัวซอเขย่าให้ตื่น เผลอหลับแค่10เอง

“อารายยย โฟร์” มันใช้มือขยี้ตาเล็กๆอย่างงัวเงียและค่อยเบิกตามองผม

“อาบน้ำเสร็จแล้วทำไมไม่ปลุก นี้กูนอนแค่แป๊ปเดียวเองนะมึง” ผมนั่งขัดสมาธิจ้องหน้าคนที่นอนอยู่

“หากตาดูก่อน นี่มันแปดโมงแล้วโฟร์” แฟนผมชี้ไปที่นาฬิกาผนังห้อง

“เฮ้ยยยย แปดโมงจริงด้วย ทำไมไม่ปลุกกูอ่ะ ทำไมอ่ะ” ผมงอแงเป็นเด็กใส่แฟน และแกล้งจี้เอว

“ฮ่าๆๆๆ โฟร์อย่า อย่า ฮ่าๆๆ กูปลุกมึงแล้ว ฮ่าฮ่า แต่มึงไม่ตื่น ฮ่าๆๆ พอแล้ว โฟร์กูจั๊กจี้ ฮ่าๆๆ” ซอหัวเราะชักดิ้นชักงอ

“ตอนนี้ได้มั้ยล่ะ” ก้มลงหอมที่ต้นคอ

“ไม่ได้ เช้าแล้ว” มันให้วิชาม้วนผ้าห่มพันตัวเป็นมัมมี่แล้วเกลี้ยงไปอีกฝั่งของเตียง

“อย่าหนีนะ มานี่เลย” ซอลงจากเตียงหอบผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตัววิ่งหนีหยอกล้อผมให้วิ่งตาม

“จับให้ได้สิ ฮ่าๆๆๆๆ” เราวิ่งเล่นไล่จับกันจนทั่วห้อง กอดรัดฝัดเหวี่ยงอย่างสนุกสนาน “จะหนีไปไหน” ผมวิ่งดักหน้าดักหลัง อีกฝ่ายทำหน้าทะเล้นเยาะเย้ย
 
“เสร็จกูล่ะ” ผมดึงผ้าห่มหลุด ล็อกตัวไว้แล้วอุ้มขึ้นเพื่อเดินไปที่เตียงอีกรอบ

“ปล่อยเลย”

“ไม่ปล่อย”

“เอาจริงดิ”

“จริงครับ”



 ก๊อก!ก๊อก!




“มีคนมาเคาะห้อง ปล่อยกูก่อน”

“ปล่อยให้เคาะไป” ผมวางซอลงบนเตียง



ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!



“ไปเปิดก่อน โฟร์” แฟนผมลุกขึ้นนั่งไล่ให้ผมไปเปิดประตู

“ใครมาเคาะตอนนี้ว่ะ เดี๋ยวไล่ออกให้หมดเลย” เดินผมเดินหน้ามุ่ยไปเปิดประตู หายใจฝึดฝัด

“ขอโทษที่รบกวนแต่เช้าค่ะ คุณศิวะ” เลขาพ่อผมยืนที่หน้าประตู

“คุณแจงมีอะไร รึเปล่าครับ”

“คุณท่าน อยากให้คุณศิวะลงไปต้องรับลูกค้าวีไอพีตอนเก้าโมงครึ่ง คุณศิวะไหวนะค่ะ” เลขามองหน้าผมแอบอมยิ้มที่มุมปาก

“อ๋อ! ไหวครับ ผมขอแต่งตัวก่อนแล้วเจอกันที่ล๊อบบี้”

ส่งยิ้มให้คุณแจง ค่อยๆปิดประตูห้อง มองแฟนที่น่าฝัดนั่งอยู่บนเตียงอย่างตาละห้อย เครื่องเริ่มร้อนแล้วนะยังมีคนมาขัดจังหวะอีกข่มใจไว้ ข่มใจก่อน

“มีงานหรอ”

“อืม ต้องลงไปต้อนรับแขกวีไอพีของพ่อ อดเลย” มือหยิบผ้าขนหนูเตรียมเข้าห้องน้ำ

“พอมีเวลานะ อีกครึ่งชั่วโมงแหนะ โฟร์ มา มะ” มันทำหน้าล้อเลียนผม ก็ได้ยินอยู่ว่าติดงานยังจะมายั่วผมอีก

“ไม่พอหรอก อย่างกูสองชั่วโมงอัป” พูดทิ้งท้ายไว้แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ

“ไอ้บ้ากาม”









อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมาหาคุณแจงที่ล๊อบบี้ เพื่อรอแขกของพ่อ คุณแจงบอกเป็นลูกค้าคนสำคัญของโรงแรม ส่วนมากพ่อกับแม่จะมาต้อนรับด้วยตัวเอง แปลกใจตรงที่ครั้งนี้ลูกค้ารีเควสให้ผมลงมาต้อนรับแทน ไม่นานนักความแปลกใจนั้นก็ปรากฏตรงหน้า เมื่อคู่ปรับหัวใจเดินตรงมาทางผมกับคุณแจง



“คุณศิวะค่ะ นี่คุณธันวาและคุณพลอยค่ะ” คุณแจงนะนำแขกวีไอพี

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขายื่นมือมากล่าวคำทักทาย

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

ผมยื่นมือไปจับ เขาก้าวขามาหนึ่งก้าวประชิดตัวผมใกล้ ดึงตัวผมเข้าไปกอดเล็กน้อย ตบที่หัวไหล่ แล้วกระซิบที่ข้างหู

“ว่างไหมกูขอคุยด้วยหน่อย”

ผมรีบผละตัวออก มองหน้าอย่าง งงๆ เขาต้องการอะไรในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดมันจบลงด้วยดีแล้วตั้งแต่งานแต่งไอ้เอ จะมาก่อกวนอะไรกันอีก

“คุณแจงผมขอคุย ส่วนตัวกับคุณธันวานะครับ” ผมหันไปบอกเลขา เธอพยักหน้าแล้วเดินหายไป

“แหมๆ น้องโฟร์ทำเหมือนไม่รู้จักกันไปได้นะ คนกันเอง” พี่พลอยพูดขึ้น

“อ่อ ครับพี่พลอย แล้วเพื่อนพี่มีอะไรกับผม ไม่ทราบ”

ไม่ได้หาเรื่องนะแต่ไม่อยากเห็นหน้าเขาและไม่อยากให้เขาเห็นหน้าแฟนผมอีก ข้อนี้ผมรู้ว่ามันยาก ก็เราเป็นเพื่อนกับไอ้เอต้องมีสักวันที่ต้องวนเวียนมาเจอกันจนได้

“โฟร์ คุยกันดีๆ กูไม่ได้มาหาเรื่อง คือมีธุระจะคุยด้วย นั่งก่อนไหม”

คู่ปรับผมชี้ไปทางร้านกาแฟ ขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าในร้าน ไอ้แฟนตัวดีดันวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา อุตส่าห์คิดในใจอย่าลงมานะ อย่าลงมา แต่...

“โฟร์ แม่มีธุระจะคุยด้วย” ซอยื่นโทรศัพท์ให้ผม โดยที่ไม่ทันมองคนข้างๆ

“หวัดดีน้อง ซอ สบายดีมั้ย”

พี่พลอยกล่าวทักจนทำให้แฟนผมสะดุ้งตกใจ  โผ๊ะ!มือถือหล่นลงพื้นและมันก็ใช้แผ่นหลังเป็นโล่กำบัง แล้วค่อยๆยื่นหน้าออกมาทักทาย เสียงสั่นๆ

“พี่ ธะธะ ธาน พี่พลอย สวัสดีครับ” ซอใช้มือกำเสื้อด้านหลังผมสั่นๆ

“ไม่ต้องหลบ” ผมก้มหยิบมือถือที่ตกอยู่แล้วดึงแขนซอให้ออกมาจากด้านหลังโอบไหล่ไว้

“นั้นสิ ซอจะหลบพี่ทำไม ไปนั่งคุยด้วยกันเลยก็ได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับซอนั้นแหละ” ซอมองหน้าผมเหมือนไม่อยากเจอพี่เขาแล้ว

“เอาหน่า กูอยู่นี้จะกลัวอะไร” สอดประสานมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน






จนเราทั้งสี่คนเดินมานั่งในร้านกาแฟของโรงแรม




 
“พี่มีอะไรก็ว่ามา” ผมยังจับมือซอแน่น และรอฟังที่เขาจะพูด

“มาหาซอ อยากเห็นหน้า” สายตาเขาจับจ้องที่แฟนผม

“ตกลงจะมากวนตีนใช่มั้ย จะไม่จบก็ได้นะ” ผมทำเสียงเข้มใส่

“ธัน มึงก็เลิกแหย่ได้แล้ว เข้าเรื่อง ก่อนจะได้เรื่อง กูไม่ห้ามนะมึง” พี่พลอยเริ่มห้าม

“ฮ่าๆ ใจเย็นก่อน คือกูมีเพื่อนเป็นจิตแพทย์ อยากให้มึงลองพาซอไปคุยดู เขาน่าจะมีวิธีรักษาแฟนมึงได้นะ”

“พี่ธัน ซอไม่ได้เป็นโรคจิตสักหน่อย” ซอหันขวับว่าพี่ธัน

“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น การไปหาจิตแพทย์ไม่ต้องบ้านะซอ” พี่ธันยื่นมือขยี้หัวแฟนผม

“เห้ย! พี่ธัน” ผมรีบเอามือปัดมือเขาออกทันที ต่อหน้าต่อตาเลยนะ

“โทษที ลืมตัววะ นี่นามบัตรเพื่อนกู พาซอเข้าไปปรึกษาดู ไม่เจ็บหรอก ไอ้หมอมันเก่งมาก อาจจะหาสาเหตุเจอก็ได้” เขาวางนามบัตรไว้ที่โต๊ะให้ผม

“แล้วพี่จะช่วยผมทำไม” ผมหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาอ่าน

“มึงไม่อยากให้ซอหายหรอโฟร์ กูถามจริงๆ”

ผมเงียบไม่ตอบอะไร อยากให้แฟนหายจากโรคนี้มากนะครับแต่ไม่อยากให้มันเจ็บตัวเพราะสงสารเห็นทีไรอยากเจ็บแทนทุกที

“พี่ธัน ขอบคุณมากที่ช่วยเรา ลองดูก็ได้ไม่เสียหายนะโฟร์ นะ” ซอลูบที่หลังมือผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ ขอแค่ได้ดูแลซอห่างๆแบบนี้ก็พอ” ไม่พูดเปล่าเสือกยิ้มระรื่น สงสัยอยากโดนกำปั้นอีก

“พี่ธัน!!!!!!” ผมต้องตะคอกเสียง

“ซอเป็นลมบ่อยถึงต้องหาจิตแพทย์เลยหรอธัน”

“ใช่ครับพี่พลอย ผมเป็นลมขั้นรุนแรง ว่าแต่พี่พลอย เป็นไงบ้าง ท้องโตขึ้นเยอะเลยนะครับ………”






สุดท้ายแล้วเราก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องมาถามชีวิตครอบครัวของพี่พลอยกับไอ้เอแทน มันไม่อยู่ก็ถูกพี่พลอยเผาจนเกรียม ผมกับซอนั่งฟังเรื่องของไอ้เอขำจนท้องแข็งแต่มือยังจับกันแน่น ช่วงแรกที่ซอเจอเขามือทั้งสั่นทั้งเกร็ง พอเวลาผ่านไปมือที่เย็นเฉียบก็เริ่มผ่อนคลายและหายเป็นปกติ



ดูท่าทางแล้ว เขาเองก็รักซอไม่น้อยกว่าผม ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักที่มีแต่การให้ มีแต่ความหวังดีซ่อนด้วยความห่วงใยไม่ได้คิดร้ายอะไร ผมว่าผมมองผู้ชายที่ชื่อพี่ธันไม่ผิดเพราะนัยน์ตาเขากับผมเหมือนกันเวลาที่มองซอ ถึงเขาจะกวนตีนหรือกัดกับผมอยู่บ่อยครั้งก็ตาม อย่างน้อยความรักของเขาก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่ได้ต้องการครอบครอง ก่อนหน้านี้ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายแต่สุดท้ายแล้วเราก็กลับมาคุยกันได้


เพียงเพราะเรารักผู้ชายคนเดียวกัน










999999999999999999999999999

มาลุ้นกันน้องซอจะหายมั้ย
ใกล้จบแล้วนะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน
ขอบคุณทุกคนมากนะค่ะ

 :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 13 โกหกสีขาว up 17/2
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 18-03-2017 14:05:47
พี่ธันชอบหยอกอ่ะ แต่ไม่มีความชัดเจนให้ จะช้อนซอไปไว้ในฮาเร็มอีกคนหรือไง
พี่ธันนางใจดีกะทุกคน
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนที่ 17 รักและห่วงใย up17/3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-03-2017 15:02:17
เป็นทางเลือกที่ดีนะ หาจิตแพทย์
ไม่เจ็บด้วย อาจเป็นการรักษาที่ถูกกับโรค
พี่ธันก็รักซอ โฟร์ก็รักซอ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ก็เห็นใจพี่ธันนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ 21/09
เริ่มหัวข้อโดย: 19919 ที่ 21-09-2017 22:45:33
ตอนจบ ฝันดีนะ




“5โมงเย็น คุณซอกับคุณโฟร์ มีนัดกับลูกค้าที่จะมาดูห้องจัดเลี้ยงนะค่ะ”





เสียงเลขาบอกเมเนเจอร์ฝ่ายจัดเลี้ยงที่มีโต๊ะทำงานในห้องเดียวกับผม  ผู้จัดการคนนี้โตขึ้นเยอะมากนับตั้งแต่เรียนจบมา  เขาทิ้งความฝันที่จะเป็นสจ๊วตตามคำขอร้องของผม หลังจากเมื่อหลายปีก่อนเราไปพบจิตแพทย์ตามคำแนะนำของพี่ธันและนั้นคือการรักษาครั้งสุดท้ายของชีวิตซอ







“ไม่ต้องหายก็ได้ เลิกร้องแล้วนะ”







นั้นคือสิ่งที่พูดไปหลังการรักษาจบสิ้นลง น้ำตาหลั่งมาเป็นสายใบหน้าบอกถึงความผิดหวัง  ซอเจ็บตัว  เจ็บใจ เสียความรู้สึกและผิดหวังซ้ำๆ กับผลการรักษา  ด้วยวิธีการต่างๆ สุดท้ายแล้วผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม



           
ซอเอาแต่โทษตัวเอง โทษเวรกรรม โทษโชคชะตา ตีอกชกตัวมาตลอดทาง นั่งร้องไห้และพรึมพรัมด่าตัวเองในรถจากโรงพยาบาลมาจนถึงบ้าน  คนในครอบครัวไม่กล้าเอ่ยปากถามสักคำ  เมื่อเห็นสีหน้าอันแสนเศร้ากับคาบน้ำตาเต็มแก้มทั้งสองข้าง




ซออยากเป็นคนปกติ  อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น  อยากจูบผมเหมือนแฟนทั่วไปที่เขาทำกัน  คนอื่นเขาแค่คนธรรมดาซอไม่รู้หรอ  ซอเป็นสเปย์เซียลวันนะ  จูบทุกครั้งก็หลับทุกครั้ง คนพิเศษแบบนี้ในหาที่ไหนอีกละ






“ไม่หายก็ไม่เป็นไร เป็นคนธรรมดาไม่ได้ เป็นคนพิเศษสำหรับกูก็พอ”






ผมนอนกอดเขาในอ้อมแขน มือพรางเช็ดน้ำตาให้ไม่ขาด ซอเงียบและซึมอยู่เป็นอาทิตย์  กว่าจะกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม 




จนกระทั้งสอบเสร็จและเจ้ขิมให้เงินซอตามสัญญา  ผมซื้อตั๋วนัดสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลของลิเวอร์พลู  พากันไปเที่ยวและพักผ่อน ให้ลืมเรื่องเศร้า  ถามว่าใช้ชีวิตกันยังไง? อยู่กันแบบเพื่อนครับ  และถ้าถามว่าแล้วมีอะไรกัน ตอนไหน อะไร ยังไง จูบได้หรือเปล่า?






“ยิ้มอะไร โฟร์” ผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงหันมาถามเสียงแข็งต่อหน้าเลขา



“ป่าว”








ผมไม่แตะต้องซอเลยเป็นปี  ทั้งๆที่อยากอมให้เหมือนเป็นลูกกวาดตั้งแต่วันแรกที่เป็นแฟนกัน  สิ่งที่ผมทำได้คือ หอมแก้ม  จูบเหม่ง  นอนกอด  วนอยู่แบบนี้มาเรื่อยๆ เพราะผมไม่อยากให้เขาคิดเรื่องปมประหลาดอีก  ผมก็อาศัยจูบส่วนอื่นแทนการจูบริมฝีปากที่ยั่วยวนนั้น




มาวันหนึ่งช่วงปีสามจะขึ้นปีสี่  ซอยื่นกล่องกระดาษ คล้ายกับกล่องทิชชู่ประมาณนั้นได้มั้งครับ  ข้างในเป็นแผ่นพลาสติกนิ่มๆ คล้ายกับที่เล็ปอาหาร  แต่มีความยืดหยุ่นมาก  เหนียวมาก  และบางเฉียบ


ถามสิ สงสัยก็ต้องถาม เอาแผ่นพลาสติก ให้ผมทำไม






“ให้กูทำไม”



“ก็ให้มึงไว้จูบกูไง”







แผ่นพลาสติกนั้นเอาไว้ปิดริมฝีปากระหว่างผมกับซอเพื่อที่จะจูบกันไม่ให้หลับ  ยังไม่ทันอ่านวิธีใช้ข้างกล่องด้วยความใจร้อน  ผมหยิบแผ่นนั้นประกบที่ปากตัวเองแล้วกระโจนเข้าหาซอทันที 



การทดสอบความยืดหยุนของพลาสติกบางใสเริ่มขึ้นเมื่อผมนั่งคร่อมร่างซอไว้  สัมพัสรักครั้งแรกของกันและกัน  ขณะที่ซอยังลืมตาคู่เล็กมองผมปริ๊บๆมันชั่งสุดแสนวิเศษจริงๆ ไออุ่นในโพลงแก้มที่มีพลาสติกบางกั้นมันชุ่มชื่นและนิ่มนวลอย่างที่ไม่เคยได้สัมพัสนานขนาดนี้มาก่อนเลย




ผมนั่งจูบซออยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง เปลี่ยนพลาสติกไปหลายแผ่นเพราะมันเปียกโชกด้วยน้ำลายผม  กล้วว่าจะพลาดทำให้ซอหลับโดยที่ไม่ตั้งใจ  มันอาจไม่เต็มร้อยในส่วนของลิ้น  แต่ผมทดแทนให้ในส่วนอื่นเกินล้านเปอร์เซ็น  เมื่อมือผมเริ่มขยับซุกซนเลื่อนไปจับส่วนอื่นของร่างกายซอ  มือคงทนเริ่มไม่ไหวเหมือนกับส่วนล่างที่มันขยับและพองตัวขยายใหญ่รออยู่นานแล้ว





 
“ให้จูบเฉยๆนะโฟร์ เอามือออก”



“มาถึงขั้นนี้แล้ว จูบคงไม่พอ”



“ไอ้โฟร์ ไม่ๆ”







ความเป็นแฟนที่แท้ทรูเกิดขึ้นคืนนั้นเช่นกัน  ถึงเราจะคบกันมาเป็นปี  นั้นก็เป็นครั้งแรกที่ซอยอมผม  ริมฝีปากเล็กๆบอกเจ็บๆ  เอวกลับเด้งตามจังหวะ  ไม่เอาๆปล่อยกูๆ  แล้วอะไรที่มันกำลังตั้งชูชันอยู่นะซอ  มันหยุดไม่ได้แล้วไง  เข้าสัมพัสเนื้อในได้แล้ว  ใครจะถอย? 




ผมผ่อนหนักเบาให้เป็นระยะ  ปลอบประโลมด้วยรอยจูบ ไม่ให้คิดเรื่องเจ็บ  อยากให้คิดแค่ว่าเรากำลังจะเป็นมากกว่าเพื่อนอย่างถาวร  เราจะกลายเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน  มันอาจไม่โรแมนติกสักเท่าไหร่กับผู้ชายสองคนกลิ้งวนไปมาบนเตียง  ขนาดเป็นแฟนกันผมกับซอยังใช้สรรพนาม มึง กู อยู่เลย ก็ผมได้เพื่อนเป็นเมียต้องทำยังไงถึงจะเรียกว่าโรแมนติก




ผมรู้ผมหวานกับซอไม่ค่อยเก่ง  เรื่องบนเตียงคืนแรกจึงไม่ได้สวยงามเหมือนดูระบำใต้น้ำ  แต่คุณกำลังดูการยิงประตูของกองหน้าที่ชื่อโฟร์  ใส่ไม่ยั้ง  ลูกโทษจ่อๆหน้าประตู  หรือจะเป็นลูกฟรีคลิกจากด้านข้างก็มี  ไม่มีใครยอมใคร  วัดพลังกันอยู่อย่างนั้น  ซอสู้ผมได้ทุกท่าสูสีเลยทีเดียว  ตอนแรกนึกว่าจะไม่กล้าตอบโต้อะไร  การันตีครับ  ซอเป็นผู้รักษาประตูที่เก่งพอตัว 




ถึงการจูบของเราจะแปลกกว่าคนบนโลกใบนี้  แต่คนบนโลกใบนี้น่าจะอิจฉาผมมากกว่านะ  ผมดึงร่างกายที่อ่อนล้าเข้ามากอดไว้  เมื่อเราถึงจุดหมายปลายทาง






“กูรักมึงนะซอ”



“กูเจ็บ”



“งั้น หลับนะจะได้หาย Goodnight”






หลังจากคืนแรกที่ได้กัน  ผมกับซอก็อาศัยจูบผ่านแผ่นพลาสติกนั้นมาจนถึงทุกนวันนี้  การจูบของเราสองคนอาจลำบากกว่าของคนอื่นมาก  พยายามแสดงความรักต่อกันในสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องพยายาม  ผมกลับได้เรียนรู้ในความพยายามนั้น  เรียนรู้ที่รักกันให้มากดูแลอีกฝ่ายและเข้าใจในความพิเศษนี้ไปด้วยกัน






“โฟร์ โฟร์ ไอ้โฟร์!!”



“ห๊ะ หะ…มีอะไร เรียกซะเสียงดัง เลขาตกใจหมด”



“คุณโฟร์นั้นแหละคะที่ตกใจ คุณซอเรียกคุณหลายรอบแล้ว แต่คุณไม่ได้ยิน เอาแต่นั่งยิ้มอยู่ท่าเดียว” 


เลขาผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงกล้าแซวผมด้วยนะ เพราะทุกคนที่โรงแรมลือไปตามๆกันว่าผมกลัวซอเป็นที่หนึ่ง



“คุณเลขา ออกไปก่อน ผมคุยกับคุณซอเอง” เลขาลุกจากเก้าอี้เดินออกไปนอนห้อง



“บอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกไอ้โฟร์ต่อหน้าพนักงาน พวกเขายิ่งแซวว่ากูกลัวเมีย อายเค้า”


ผมลุกออกจากโต๊ะทำงานตัวเองแล้วเดินไปนั่งเบียดที่เก้าอี้ตัวเดียวกันกับซอ


“แล้วมึงนั่งยิ้มอะไร เลขาพูดมึงฟังบ้างป่าว”



“ไหนบอกมาสิ ผมมีงานอะไรบ้างครับ คุณผู้จัดการซอ” เอาหัวซบที่ไหล่อ้อน ริมฝีปากเริ่มจูบที่ต้นคอ



“หยุดเลย ที่ทำงาน” ซอเอามือยันหน้าผมออกทันที



“จูบหน่อยนะๆ จะตั้งใจทำงานเลย”


ผมลุกออกจากเก้าอี้และนั่งลงกับพื้นแทรกตัวอยู่ระหว่างขา มือสอดประสานไว้ที่เอวของคนที่นั่งข้างบนเก้าอี้ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้



“พ่อโฟร์ พ่อซอคร๊าบ”


เด็กตัวน้อยวิ่งแจ่นมาหา ผมนี่ผละตัวออกแทบไม่ทัน ซอรีบวิ่งไปกอดเด็กคนนั้นทันที


“ไงครับน้องอิน พ่อซอคิดถึงจัง หอมหน่อย ๆ”  ซอหอมเข้าที่แก้มอมชมพูฟอดใหญ่ของเด็กชายที่วิ่งนำหน้าแม่เข้ามาที่ห้องทำงานเรา



“พี่พลอย สวัสดีครับ”



“พี่รบกวนหน่อยนะ เอไปบิน พี่มีประชุมที่เชียงใหม่กับไอ้ธันไม่มีใครดู ฝากสักสามสี่วันนะ เดี๋ยวเอมารับ” พี่พลอยยื่นกระเป๋าเสื้อผ้า และตระกร้าของใช้ของน้องอินให้ผม



“รบกวนอะไรพี่พลอย ผมก็พ่อน้องอินนะ”



“ขอบใจนะ พี่ไปละ น้องอินแม่ไปทำงานนะครับ ห้ามดื้อนะ”







ลูกไอ้เอกับพี่พลอยยิ่งโตยิ่งน่ารัก  หน้าก๊อปปี้ไอ้เอมาเลย  เรียนจบไอ้เอก็สอบได้สจ็วตสายการบินใหญ่  เลยไม่ค่อยมีเวลาอยู่ที่ไทยมากนัก  แต่มันก็ดูแลลูกเมียเป็นอย่างดี  เวลามันบินไปต่างประเทศนานๆ  มันก็จะเอาน้องอินมาฝากผมกับซอช่วยเลี้ยงให้เป็นประจำ  น้องอินเลยเป็นเด็กที่มีพ่อเยอะกว่าเด็กคนอื่น  วิ่งเล่นที่โรงแรมจนพนักงานเรียกคุณหนูอิน






“พ่อซอครับ น้องอินหิวข้าว”



“ได้ครับ วันนี้น้องอินอยากกินไรครับลูก” ซออุ่มน้องอินขึ้น



“พ่อโฟร์ยังไม่จุ๊ฟน้องอินเลยวันนี้ จุ๊ฟแต่พ่อซอ น้องอิน งอลเหล๊า” เด็กน้อยแกล้งงอลเอาหน้าฟุบเข้าที่ไหล่ของซอ



“ฮ่าๆๆๆ มาๆ พ่อโฟร์จุ๊ป น้องอิน แล้วน๊า” ผมก้มหอมแก้มน้องอินที่อยู่ในอ้อมของพ่ออีกคน



“ไม่ต้องมาหัวเราะ บอกกี่ครั้งว่าอย่าทำลุ่มล่ามที่ทำงาน ลูกเห็นจนได้ ตัดเงินเดือน” ดูเหมือนว่าผู้จัดการจะมีอำนาจเหนือกว่าเจ้าของโรงแรมอีกนะครับ







ซอบ่นเสร็จ  เราสามคน พ่อ พ่อ ลูก  ก็กำลังเดินไปห้องอาหารที่อยู่ใกล้ๆล็อบบี้  ขณะนั้นผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่เคยเป็นคู่กัด  คู่แข่งและเป็นเจ้าของสร้อยที่ซอใส่อยู่นั้นก็เดินมาหยุดตรงหน้า  ผมไม่เจอเขานานมากแล้วเท่าที่จำได้  ครั้งสุดท้ายคือตอนที่พี่พลอยคลอดน้องอินที่โรงพยาบาล  เขาหายออกจากวงจรชีวิตผมกับซอไปเลย เหตุผลก็คงไม่ต้องบอก  คนที่ยืนอุ้มน้องอินอยู่นี่แหละ








“อ้าว!! สวัสดีครับพี่ธัน ไม่เจอนานเลย พี่สบายดีนะ” ซอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น



“อืม พี่สบายดี แล้วเราสองคนละ สบายดีนะ” พี่ธันมองหน้าผมเอามือตีที่ต้นแขนผมเบาๆ



“สบายดีพี่ ว่าแต่พี่มีไรป่าว”



“ป่าว พลอยลืมยาน้องอิน พี่เลยเอามาให้ อีกอย่างไม่เจอนานแล้วแค่อยากเจอหน้าเฉยๆ”



ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ยอม  หรืออาจกวนตีนกลับโดยเร็ว  ตอนนี้โตแล้วผมไม่มีความคิดแบบนั้นเหลือเลย ส่วนคนข้างๆผมยิ้มตอบเมื่อได้ยินที่พี่ธันพูด



“คิดถึงก็อยู่กินกาแฟก่อน ค่อยไปพี่” ผมชวน



“นั้นสิพี่ธัน ผมจะได้ถามเรื่องเบลกับเนสด้วย เป็นไงบ้าง”



“สองคนนั้นก็ดี ซอนัดมากินข้าวได้นะ บ่นถึงซอเหมือนกัน”



“สองคนนั้นโอเค แล้วคนอื่นๆละ ตบตีกันอยู่ป่าว ได้ข่าวมีเพิ่มเยอะนิพี่”



“แซวกูนะมึง ผ่านมาแล้วผ่านไปวะ ใกล้เวลาเครื่องออกแล้ว พลอยรออยู่ ครั้งหน้านะ จะมากินกาแฟด้วย” พี่ธันเอาถุงยายืนให้ผม



“จริงนะพี่”



“ถ้ามีโอกาสนะซอ ไปนะน้องอิน”



“พ่อธัน บ๊าย บ่าย คร๊าบบ”



พี่ธันเดินหันหลังให้เราก้าวไปไม่ถึงสิบก้าวก่อนจะหยุด และหันหน้ากลับมา



“ซอพี่ขอกอดที”







งานแต่งไอ้เอผมต่อยพี่ธันเลือดกลบปาก  ที่เห็นเขาสองคนกอดกันแน่นตรงหน้า  ครั้งนี้ขอต่อหน้า  ไฟโกรธที่เคยเผาใจผมในวันนั้น  มันทำให้ทุกคนแย่  แย่ในทุกเรื่อง แย่ในทุกความรู้สึก ไม่มีอะไรดีเลย  สมองซีกซ้ายของผมหยุดการทำงาน  มันไม่ได้มีการคิดไตร่ตรอง  ขาดความเชื่อใจ  ปล่อยให้ความระแวงครอบงำ ไม่ฟังคำธิบาย  เราทั้งหมดมีแต่เสียใจ  และซอก็คือคนที่เสียใจที่สุด







“เอาลูกมาซอจะได้กอดถนัดๆ กอดได้กูไม่ว่าหรอก” ผมยื่นมือไปอุ้มน้องอินแทนซอ



“อย่าเลยครับพี่ธัน มันไม่เหมาะ”



“เฮ้ย! ไม่เหมาะอะไร พี่น้อง กูไม่ว่าจริงๆ”







ซอยืนนิ่งๆมองหน้าพี่ธัน  ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายโผลเข้ามากอดซอก่อน  กอดด้วยความห่วงหา  กอดด้วยความอาลัย  ผมเข้าใจความรู้สึกนี้นะ  ตาที่แดงกล่ำของพี่ธันมันแสดงความรู้สึกแทนคำพูดออกมาแล้ว  ถ้าเขาไม่มีไอ้เบลกับไอ้เนสอยู่ในอ้อมแขนอยู่แล้ว  ผมก็คงไม่มีซอในวันนี้เหมือนกัน






เราทั้งหมดที่สร้างเรื่องราวให้มันเกิดขึ้นมากมาย  คงตอบไม่ได้หรอกว่า  เราทำถูกหรือผิดตรงไหนบ้าง เพราะความรักไม่ใช่เรื่องที่กำหมดได้  เราไม่สามารถบอกให้คนสองคนรักกันหรือเลิกรักกันได้  ผมรวมถึงเรื่องของ พี่ธัน ไอ้เนส ไอ้เบลด้วยนะเป็นความรักที่หายาก  แต่รักก็คือรัก ไม่ต้องสรรหาหรืออธิบายก็คงเข้าใจในตัวมันเอง 



ยังไงก็ตามแต่  ขอบคุณความรักที่ทำให้ผมมองโลกสวยขึ้น  ขอบคุณคนสองคนตรงหน้าที่ทำให้รู้ว่าความรักอบอุ่นมากแค่ไหน






“ขอบใจนะซอ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตพี่ หวังว่าจะมีโอกาศได้เจอกันนะ” พี่ธันพูดท้ายน้ำเสียงเศร้าก้มหน้ามองพื้น แล้วรีบก้าวเท้าเดินฉับๆออกจากประตูโรงแรมไป



“พ่อโฟร์ครับ พ่อธันร้องไห้ น้องอินต้องโอ๋ก่อน” ความไร้เดียงสาของเด็กก็พูดตามที่เห็น  ซอกลับเป็นคนที่ยืนยิ้มและไม่ร้อง



“พ่อธันไม่ได้ร้องนะน้องอิน แมลงเข้าตา เราไปกินข้าวกันครับ พ่อซอหิวม๊าก”


“น้องอินจะกินไข่ดาว ไส้กรอก แล้วก็เค้ก”



“ครับลูก”








น้องอินนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยกับไข่ดาวลาดซอสฟองโต  คนป้อนก็ชวนคุยส่งเสียงหัวเราะดัง  ผมนั่งดูก็อดเพลอยิ้มไม่ได้  เมียและลูกที่หยอกล้อกันไปมา  ที่ผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าไม่ใช่แค่ที่ซอเล่นกับน้องอิน  แต่วันนี้ซอทำให้ผมเห็นแล้วว่า  สัญญาเมื่อหลายปีก่อนที่เคยให้ไว้เขาทำได้  สายตาที่ซอมองพี่ธันมันเปลี่ยนไปแล้ว  คงไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมมีความสุขไปมากกว่าตอนที่เห็นสายตาคู่นี้อีกแล้ว






“พ่อซอคร๊าบบ เค้กมาแล้ว พ่อซออ้ำๆๆ” น้องอินจับช้อนยื่นเค้กทำท่าจะป้อนซอ



“พ่อซอ อิ่มแล้วครับน้องอิน”



“ถ้าดื้อ น้องอินจะทำโทษ” คำนี้ไอ้เอพูดกับน้องอินบ่อยๆ


“จะทำโทษอะไรครับ”






ด้วยความที่เป็นเด็กเห็นอะไรก็จดจำและทำตามที่ผู้ใหญ่สอน  ผ้าขาวผืนน้องก็เช่น  คงจำมาจากไอ้เอ เวลาลูกดื้อมันจุ๊ปปากน้องอินถือเป็นการทำโทษ 



และตอนนี้คนที่น้องอินลงโทษด้วยการจุ๊ปแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น  ตาดวงเล็กค่อยๆเคลิ้มหลับร่างกายหมอบฟุ๊ปไปกับโต๊ะ  ดีที่ผมเอามือช้อนหัวไว้ทัน ไม่งั้นหัวคงฟาดกับแก้วน้ำเป็นแน่  หลับกลางอากาศแบบนี้นานมากแล้วนะที่ไม่เห็น





ซอก็ยังเป็นคนที่นอนหลับที่น่ารักที่สุดในโลกสำหรับผมเสมอ














“ฝันดีนะซอ”

































“พ่อโฟร์ครับ พ่อซอนอนทำไมครับ น้องอินยังไม่ได้กินเค้กเลย”

“พ่อซอง่วงครับน้องอิน พ่อโฟร์ป้อนเองนะครับ"
















...................................................................................................










           ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค่ะ ขอบคุณมากๆ














 









หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ up 21/09
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 02-04-2018 15:42:37
4 มีบทน้อยกว่าพี่ธันไปอีก 555
อ่าน ๆ ไปก็มีขัดใจบ้่าง #ทีมธัน
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง..ซอตัดสินใจได้ดีแล้วค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ up 21/09
เริ่มหัวข้อโดย: Gear77 ที่ 04-04-2018 04:18:34
ขัดใจอะไรหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งคำที่พิมพ์ผิดและการลำดัยเนื้อเรื่อง
ตอนแรกนี่ธันมาอย่างเยอะจนนึกส่าเป็นพระเอก แต่ติดเพราะมีเด็กเลี้ยงสามคน คนเลยไม่ปลื้มม
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ up 21/09
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 16-04-2018 20:31:22
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆนะคนเขียน แต่ที่ว่ามีเพิ่มนี่ยังไงอ่ะธัน
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ up 21/09
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-11-2018 07:59:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Goodnight kiss ฝันดีนะ ตอนจบ up 21/09
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:29:56
 :pig4: