[4]คริสนั่งเอกเขนกบนโซฟา สายตาจับจ้องเด็กชายซึ่งกำลังคร่ำเคร่งกับแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษที่เขาให้ทำในคืนนี้ เขาให้ไมเคิลขึ้นมาหาที่ห้องทุกคืนเพื่อสอนภาษาอังกฤษให้วันละ 1-2 ชั่วโมง เพราะหลังจากที่เด็กชายเริ่มคุ้นเคยและไว้ใจเขามากขึ้น คริสจึงเลียบเคียงถามเรื่องราวส่วนตัว ซึ่งเจ้าหนูก็ยอมเล่าให้ฟังแต่โดยดี คริสบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงเป็นผู้รับกระแสจิตที่ไมเคิลส่งถึงพ่อบนเกาะร้างนั้น…
- F a t h e r h o o d -
… ตั้งแต่จำความได้… ไมค์ไม่เคยเห็นตัวจริงของพ่อเลย แม่บอกว่าพ่ออยู่บนสวรรค์ พ่อของไมค์เป็นนักธุรกิจชาวแคนาดาหน้าตาดีมาก ไมค์จึงเป็นลูกครึ่งที่น่ารัก ใครเห็นก็อดหยิกแก้มและจับหัวไม่ได้
... แม่เล่าว่า…พ่อไม่ใช่ผู้ชายที่แม่แต่งงานด้วย พ่อกลับประเทศของพ่อไปโดยไม่รู้ว่าแม่มีไมค์ แต่พอไมค์อายุได้ 2 ขวบ แม่ก็ติดต่อกลับไปหาพ่อบอกว่าแม่มีไมค์ซึ่งเป็นลูกชายของพ่อ พ่อเงียบหายไปหลายเดือนไม่ยอมส่งข่าวตอบมา แม่เข้าใจว่าพ่อคงไม่เชื่อที่แม่บอกหรือไม่ก็คงไม่อยากรับผิดชอบไมค์ แต่แล้วแม่ก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะเดินทางมารับไมค์ไปอยู่ด้วย พ่อเสียชีวิตบนท้องฟ้าจะไม่ให้ไมค์คิดว่าพ่ออยู่บนสวรรค์ได้ยังไง
... ตั้งแต่ไมค์รู้ว่าตัวเองมีพ่อเป็นฝรั่ง เวลาเดินไปไหนมาไหนทุกครั้งที่เห็นผู้ชายต่างชาติที่เป็นฝรั่ง ไมค์จะมองจนเหลียวหลังเลย อยากรู้จังว่าพ่อมีหน้าตายังไง ไมค์เซ้าซี้ถามแม่ตั้งแต่จำความได้ว่าอยากเห็นหน้าพ่อ จนเมื่อไมค์อายุ 5 ขวบ แม่ก็ยื่นรูปใส่มือและบอกว่าเป็นคนที่ไมค์อยากรู้จัก วินาทีแรกที่ได้สบตากับผู้ชายในรูปไมค์เห็นดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั้นส่องประกายแวววับให้ ไมค์หลงรักชายในรูปจับใจ หลับฝันถึงทุกวันทุกคืนเลย….
... สามีคนปัจจุบันของแม่คือลุงชาติ ต่อหน้าแม่จะทำดีกับไมค์ แต่ลับหลัง เขาแอบกระซิบกับไมค์บ่อยๆ ว่าเขาเกลียดคนต่างชาติและเด็กลูกครึ่ง
... ลุงชาติพาแม่และครอบครัวไปพักร้อนทางทะเลและตั้งแคมป์ผจญภัยบนเกาะร้าง ไมค์หลงกับทุกคนในวันสุดท้ายขณะลัดเลาะป่าเพื่อข้ามไปขึ้นเรืออีกฟากหนึ่งของเกาะ กว่าจะหาทางออกมาที่ที่เรือจอดอยู่ได้ก็กินเวลานานหลายชั่วโมง พอมาถึงก็ไม่พบใคร เห็นเรืออยู่ลิบๆ กลางทะเลไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า.. ไมค์พยายามปลอบใจให้เข้มแข็งไม่คิดว่าตัวเองถูกทิ้งเพราะมีแม่ไปด้วย จึงนั่งคอยโดยหวังว่าทุกคนจะย้อนกลับมารับ… ไมค์นั่งคอยนานมาก… นานเป็นวันๆ นานจนลืมไปเลยว่าตัวเองนั่งคอยอะไรอยู่…
- F a t h e r h o o d -
“ภาษาอังกฤษยากมั้ยครับ คุณคริส”
“สนใจเหรอ ไม่ยากหรอกถ้าเธอตั้งใจ ภาษาไทยของเธอยากกว่าเยอะ ฉันยังพูดได้”
“จริงด้วยครับ คุณคริสเก่งจัง ผมอยากพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง”
“จะไปพูดกับใครหรือไมเคิล”
“ผมอยากคุยกับพ่อเป็นภาษาอังกฤษ ทุกครั้งที่ผมเจอพ่อในฝันเราพูดกันคนละภาษาแต่เราก็เข้าใจกัน จริงๆ นะครับ ถ้าผมพูดภาษาของพ่อได้ พ่อต้องดีใจแน่ๆ ”
คำตอบที่ได้รับทำให้คริสถึงกับอึ้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมสละเวลาคืนละ 1 - 2 ชั่วโมง สอนภาษาอังกฤษให้
- F a t h e r h o o d -
“เสร็จหรือยังไมเคิล เลยเวลาแล้วนะ”
“จะเสร็จแล้วครับ เหลืออีกข้อเดียว” เด็กชายกล่าวตอบโดยไม่ยอมเงยหน้า
ไมเคิลยื่นแบบฝึกหัดให้คริส และทรุดตัวลงนั่งที่พื้นแต่ถูกมือใหญ่ฉุดให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ
“วันนี้ทำไมทำนานจัง ยากเหรอ”
ไมเคิลพยักหน้าหงึกๆ และยิ้มเขิน ชะเง้อมองคริสตรวจแบบฝึกหัดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ คริสมีสีหน้าเคร่งเครียดตรวจเสร็จก็ส่งสมุดคืนให้
“ทำคะแนนไม่ดีเลย เปิดหน้าถัดไปแล้วทำใหม่”
ไมค์เหลือบดูเวลาที่หัวเตียง 4 ทุ่มแล้ว
“แต่มันเลยเวลาแล้วนะครับ รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณด้วย ผมเอาลงไปนั่งทำที่ห้องนะครับ”
คริสลุกขึ้นยืน
“รบกวนที่ไหนกัน ฉันจะเข้านอนอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว เธอนั่งทำที่นี่แหล่ะ ทำเสร็จแล้วค่อยกลับลงไปนอน พรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นขึ้นมาตรวจ กู๊ดไนท์ ไมเคิล..”
คริสตื่นขึ้นกลางดึกก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นแสงไฟส่องสลัวอยู่ด้านนอก หันดูเวลาที่หัวเตียง ตี 2 กว่าแล้ว…
ไมเคิลฟุบหลับคาโต๊ะเขียนหนังสือ คริสส่ายหน้าและอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นมือขวาของเจ้าหนูยังจับดินสอคาไว้ที่แบบฝึกหัดข้อสุดท้ายแต่ยังไม่ได้ทำ คงจะง่วงมากจนฟุบหลับไปก่อน เขาดึงดินสอออกจากมือและอุ้มเด็กชายไปที่ห้องนอน
- F a t h e r h o o d -
ประตูห้องนอนถูกเคาะขณะที่คริสเดินออกจากห้องน้ำพอดี หนุ่มโอในชุดพร้อมจะออกจากบ้านยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
“กู๊ดมอร์นิ่งครับ คุณคริส..”
“มอร์นิ่ง โอ.. มีธุระอะไรแต่เช้า”
“ผมจะมาขอติดรถไปมหา’ลัยด้วยฮะ”
คริสพยักหน้ารับทราบ “แจ๊คไปด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ฮะ วันนี้แจ๊คไม่มีเรียน ”
คริสพยักหน้าอนุญาตและบอกให้ลงไปรอข้างล่าง หันหลังกลับก็ถูกเด็กหนุ่มเรียกไว้
“เอ่อ.. คุณคริสฮะ”
“อะไรอีก...” คริสหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
โอหน้าเสียไม่ใช่เพราะท่าทีหรือน้ำเสียงของคริส แต่เพราะเห็นร่างเล็กงัวเงียลุกขึ้นจากที่นอน สีหน้าโอสลดลงด้วยความน้อยใจเพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่คริสจะยอมให้ใครนอนอยู่เคียงข้างจนถึงเช้า ส่วนใหญ่จะถูกปลุกกลางดึกให้กลับลงไปนอนที่ห้องเสมอ
“ว่าไงโอ... ถ้าไม่มีอะไรก็ลงไปคอยข้างล่าง ทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย ฉันจะเข้าไปแต่งตัว” คริสขยับจะถอยกลับเข้าห้องก็ถูกเด็กหนุ่มสวมกอดและตัดพ้ออย่างนึกไม่ถึง
“ผมคิดถึงคุณฮะ คุณคริส.. ผมไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดคุณเป็นเดือนแล้ว ให้ผมขึ้นมารับใช้คุณบ้างนะฮะ ได้โปรด..”
โอส่งสายตาอ้อนวอน กลิ่นน้ำหอมที่คริสชอบโชยกรุ่นอ่อนๆ ทำให้อารมณ์ของเขาอ่อนไหว อดไม่ได้ที่จะก้มลงจุมพิตริมฝีปากเด็กหนุ่มเบาๆ
“คืนนี้ค่อยเจอกัน ลงไปคอยข้างล่างไป”
โอผละออกด้วยความดีใจ ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรเสียงหนุ่มน้อยที่อ่อนวัยกว่าดังขึ้นด้านหลัง
“กู๊ดมอร์นิ่งฮะ คุณคริส..”
คริสหันไปเห็นเด็กชายยืนงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิง
“มอร์นิ่งไมเคิล รีบตื่นทำไมล่ะ ยังง่วงอยู่ไมใช่เหรอ”
“ผมขอโทษฮะ คุณคริส.. เมื่อคืนผมทำไม่เสร็จ”
คริสเสยผมยุ่งเหยิงของหนุ่มน้อยด้วยความเอ็นดู
“ช่างเถอะ ฉันไม่ดีเองให้เธอหักโหมเกินไป คืนนี้ค่อยทำต่อแต่ต้องตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมนะ กลับไปนอนต่อเถอะยังเช้าอยู่เลย”
คำพูดและการกระทำของคริสทำให้อารมณ์ของหนุ่มโอพลุ่งพล่านด้วยความริษยา เข้าใจว่าเมื่อคืนคุณคริสคงพยายามสอนบทเรียนบางอย่างให้กับเจ้าหนู
“ผมกลับไปนอนที่ห้องนะฮะ”
คริสพยักหน้า ไมเคิลหันมายิ้มให้โอและกล่าวทัก แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชอบหน้าตัวเอง
“กู๊ดมอร์นิ่งครับ คุณโอ”
“มอร์นิ่ง” โอทักตอบตามมารยาท เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคุณคริสหรอก
ไมเคิลออกจากห้องไปโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกยิ้มเยาะ
“ยืนทำอะไรอยู่อีกล่ะ ลงไปซะที ฉันจะแต่งตัว”
คริสเดินกลับเข้าไปในห้องนอน โอเดินตามเข้ามาด้วยอารมณ์กระฟัดกระเฟียด
“คุณคริสรับปากผมแล้วนี่ฮะ ว่าคืนนี้จะให้ผมอยู่ด้วย”
“แล้วไง.. เธอก็รู้นะโอ ฉันไม่ชอบคนเซ้าซี้” คริสเลือกชุดที่จะสวมและดึงออกจากตู้
“แต่คุณนัดไมเคิลคืนนี้อีกแล้ว คุณจะให้ผมกับไอ้หนูนั่นอยู่กับคุณพร้อมกันเหรอฮะ”
คริสหัวเราะ
“ทำไมต้องพร้อมกันด้วย ให้ไมเคิลขึ้นมาหาฉันก่อนตอน 2 ทุ่ม 3 ทุ่มครึ่งเธอค่อยขึ้นมา..”
โออ้าปากหวอก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ไม่ใช่เพราะคำพูดที่ได้ยินแต่เพราะเห็นหนุ่มใหญ่เจ้าเสน่ห์อย่างคริสกำลังสวมกางเกงในต่อหน้าต่อตา
“ได้ยินมั้ยโอ.. ถ้าเข้าใจแล้วก็ลงไปได้”
“ทำไมฮะ คุณคริส”
“ทำไมอะไร!!..”
“คุณไม่เจอไมเคิลหนึ่งคืนไม่ได้หรือฮะ ไอ้เปี๊ยกนั่นมันมีอะไรดี คุณถึงเรียกหามันทุกคืนจนลืมพวกเราไปเลย”
คริสรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญเต็มที่ เสียงเขียวใส่โจอย่างไม่สบอารมณ์
“ฟังนะโอ ห้ามเรียกไมเคิลว่า “มัน” อย่าเรียกไมเคิลว่าไอ้เปี๊ยก..หรือไอ้หนู.. ฉันกับไมเคิลต้องเจอกันทุกคืน ถ้าเธอหรือใครๆ ต้องการพบฉันก็ต้องหลังจากที่ฉันเสร็จธุระกับไมเคิลแล้ว ถ้าเธอมีปัญหาและไม่เข้าใจก็ยกเลิกที่ฉันพูดเมื่อสักครู่ซะ”
“ไม่ฮะ.. ไม่นะฮะ.. ผมขอโทษ”
โอทรุดตัวลงคุกเข่าเป็นกิริยาสำนึกผิดที่หนุ่มแสบทั้ง 4 คน บางครั้งรวมถึงแฟรงค์ด้วยจะทำเมื่อเห็นว่าคริสโกรธมากจริงๆ
“ผมจะไม่เรียกไมเคิลว่ามันอีกแล้ว ผมขอโทษฮะ คืนนี้ 3 ทุ่มครึ่งผมจะขึ้นมารับใช้นะครับ คุณคริส..”
คริสยืนนิ่งไม่พูดอะไร โอลุกขึ้นยืนโน้มตัวขึ้นหอมแก้มคริสก่อนวิ่งออกจากห้องไป ร่างสูงส่ายหน้าด้วยความระอา
- F a t h e r h o o d -
ไมเคิลนอนลืมตาอยู่บนเตียง ไม่สามารถข่มตาหลับต่อได้ทั้งที่ยังง่วงอยู่ รู้สึกสับสนกับกิริยาที่คุณคริสปฏิบัติกับโอที่หน้าประตู ถ้าโอเป็นผู้หญิงไมค์ก็คงไม่แปลกใจอะไรอย่างมากก็แค่เขินเท่านั้นที่ออกมาเห็นพอดี คุณคริสเองก็เคยจูบและหอมแก้มไมค์หลายครั้งแต่ไม่ใช่แบบที่ทำกับโอเมื่อสักครู่นี้ ไม่ใช่แน่นอน….
- F a t h e r h o o d -
ห้องพักผ่อนคฤหาสน์ “บริเจคส์”
วันนี้เป็นวันหยุดสมาชิกในบ้านอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครออกไปไหนเพราะฝนตกเกือบตลอดวัน โฮมเธียเตอร์วันนี้ถูกจองคิวกันคนละเรื่อง 2 เรื่อง โดยเฉพาะทิมชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ
คริสนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาตัวโปรดที่มุมห้อง โดยมีไมเคิลนั่งคุกเข่าบีบนวดอยู่ข้างๆ แฟรงค์นั่งคุยโทรศัพท์เป็นชั่วโมงแล้วโดยไม่สนใจกับระบบเสียงเซนเซอร์ราวด์ของหนังแอคชั่นสุดมันส์ที่หนุ่มแจ๊ค บอย และทิม นั่งเรียงแถวบนโซฟายาวจ้องเขม็งตาไม่กระพริบ ในขณะที่โอนั่งที่โซฟาเดี่ยวตามลำพัง สายตาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่จอทีวีเหมือนเพื่อนๆ แต่คอยชำเลืองมองที่คริสและไมเคิลตลอดเวลา
ความรู้สึกของโอขณะนี้ไม่ใช่ความหึงหวงแต่เป็นความอิจฉา เขาไม่เข้าใจว่าไมเคิลมีอะไรดีคุณคริสจึงหลงมากขนาดนี้ คุณคริสไม่เคยปฏิบัติกับใครแบบนี้มาก่อน แม้แต่ทิมซึ่งคุณคริสเคยหลงอยู่พักใหญ่ถึงขนาดเรียกหาเกือบทุกคืน แต่เพียงแค่ 2 สัปดาห์ก็เบื่อ
ก่อนที่ไมเคิลจะเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้าน พวกเขาสี่คนผลัดกันขึ้นตามเวรในวันที่คุณคริสเรียกหา คุณคริสจะไม่เอ่ยชื่อใครแต่จะบอกว่าใครว่างให้ขึ้นไป
สองเดือนที่ผ่านมานี้คุณคริสไม่เรียกหาพวกเขาเลยนอกจากไมเคิลคนเดียว ถ้าวันนั้นเขาไม่เป็นคนเอ่ยขอเองก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้คุณคริส แต่แม้จะได้เข้าใกล้คุณคริสก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิม กลับให้นั่งบีบนวดเหมือนอย่างที่ไอ้หนูไมเคิลกำลังทำอยู่ตอนนี้ หลายวันมานี้โอจึงรู้สึกหงุดหงิด และยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อพรรคพวกในกลุ่มไม่มีใครสนใจเลยว่า มีกระป๋องมาวางดักอยู่ตรงหน้าเพื่อให้พวกเขาเดินตกลงไป
โอสะดุ้งเมื่อถูกหอมแก้มโดยไม่รู้ตัว เสียงคุณแฟรงค์กระซิบข้างหู
“เสียมารยาทนะโอ.. แอบมองอยู่ได้ อิจฉาล่ะซี..”
โอหน้างอเมื่อแฟรงค์พูดแทงใจดำ แฟรงค์เข้าใจจิตใจและรู้จักนิสัยหนุ่มน้อยทั้งสี่คนดีกว่าคริส
“ไหนคุณเคยบอกไงฮะ ว่าคุณคริสไม่เคยหวงพวกเรากับคุณ ไมเคิลมาอยู่ที่นี่ 2 เดือนแล้ว คุณยังไม่ได้แอ้มเลยใช่มั้ยฮะ”
แฟรงค์สะอึกเมื่อถูกเด็กหนุ่มย้อนแทงใจดำเข้าบ้าง…
เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่า…เด็กหนุ่มทุกคนที่เข้ามาอยู่ในความอุปการะและพักอาศัยในคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ นอกจากจะต้องเป็นเด็กดีรักการเรียนแล้วยังต้องเข้าใจและรับสภาพที่เป็นอยู่ได้ และไม่ใช่ธุระของคริสที่จะมาทำความเข้าใจกับหนุ่มน้อยเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของแฟรงค์… ตั้งแต่ดูแลเรื่องการเรียนและความเป็นอยู่ตลอดจนสอนบทเรียนในการปรนนิบัติต่อเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าแฟรงค์จะสอนให้หนุ่มน้อยแต่ละคนเข้าใจและยอมรับ เขาต้องใช้วาทะศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมสมาชิกใหม่แต่ละคนไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะทิมเขาต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกว่าหนุ่มน้อยจะหายตกใจและยอมเรียนรู้จากเขา แต่ถึงกระนั้นเมื่อทิมขึ้นไปหาคริสในคืนแรกก็ถูกไล่กลับลงมาเพราะความไม่พร้อม คริสไม่ชอบการบังคับ แค่รู้สึกว่าเด็กตื่นกลัวหรือไม่เต็มใจเขาก็จะไม่แตะต้อง อย่างมากให้บีบนวดสักพักก็ไล่กลับห้อง
แต่สำหรับเด็กชายวัย 13 ปีคนนี้ คริสไม่ได้ออกปากให้เขาดูแลเหมือนเด็กคนอื่นๆ ซึ่งเขาเข้าใจว่าคริสอาจต้องการดูแลและฝึกสอนทุกอย่างให้กับเจ้าหนูเอง และเมื่อคริสไม่ออกปากเขาจึงไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายกับไมเคิล และจริงอย่างที่โอว่า… ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้คริสอยู่ใกล้ชิดเด็กชายเกือบทุกคืน น่าจะเบื่อได้แล้วแต่กลับไม่เบื่อ….
เมื่อโอพูดแทงใจดำเหมือนรู้ ทำให้แฟรงค์อดไม่ได้ต้องเดินไปหาคำตอบเพื่อคลายความข้องใจ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ไมเคิลซึ่งกำลังบีบนวดที่ขาของคริสแต่สายตาจับจ้องที่ทีวี
“ทำไมนวดเก่งจัง หัดมาจากไหนหรือไมเคิล”
หนุ่มน้อยละสายตาจากทีวี หันมายิ้มให้
“ตอนเด็กๆ ผมต้องนวดให้แม่ทุกวันฮะ”
“อิจฉาคุณคริสจัง จองคิวเธอมาเป็นเดือนๆแล้ว เมื่อไรจะว่างนวดให้ฉันบ้างล่ะไมเคิล”
“เอ่อ.. ครับ เมื่อไรก็ได้”
แฟรงค์ขยับเข้าไปกระซิบถามเด็กชายเบาๆ
“จริงเหรอ คืนนี้เลยได้มั้ย”
ไมเคิลพยักหน้า กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเบาลงเช่นกัน
“ได้ครับ.. แต่ต้องดึกหน่อย กว่าผมจะออกจากห้องคุณคริสก็เกือบ 4 ทุ่ม บางทีก็ดึกกว่านั้น”
เรื่องที่คริสสอนภาษาอังกฤษให้กับไมเคิล เขาสั่งเด็กชายให้ปิดเป็นความลับเพราะเขาไม่เคยเสียเวลาในเรื่องนี้กับใครมาก่อน จึงไม่อยากให้เด็กคนอื่นเห็นว่าเขาลำเอียง
“ดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ฉันคอยได้ เธอเสร็จธุระจากคุณคริสเมื่อไรก็ลงมาหาฉันที่ห้องเลยนะ โอเค..” แฟรงค์รีบนัดแนะกับเจ้าหนูด้วยความยินดี
“อะแฮ่ม!!!! ” เสียงคริสกระแอมขัดจังหวะ แฟรงค์สะดุ้งเล็กน้อยขยับตัวออกห่างจากเจ้าหนู
“มีอะไรหรือไมเคิล..”
“คุณแฟรงค์อยากให้ผมนวดให้บ้างฮะ ให้ผมไปหาที่ห้องคืนนี้”
คริสปิดหนังสือพิมพ์โยนไปที่ชายหนุ่ม
“คุณแฟรงค์เขาล้อเล่นน่ะไมเคิล เขาเส้นตื้น ไม่ชอบให้ใครมาบีบนวดให้ ใช่มั้ย… แฟรงค์”
แฟรงค์ยิ้มแห้งๆ คำถามที่ย้อนกลับมาเป็นคำตอบแล้วว่าคริสไม่ต้องการให้เขายุ่งเกี่ยวกับเจ้าหนูไมเคิล แฟรงค์พยักหน้าและยิ้มให้หนุ่มน้อยซึ่งกำลังจ้องมองและถามเขาด้วยสายตา
“ฉันล้อเล่นน่ะ ไมเคิล.. อยากรู้ว่าเธอมีน้ำใจหรือเปล่า” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและพูดเปรยๆ
“ไม่เป็นไรหรอก… รอให้เบื่อก่อนก็ได้…”
แฟรงค์เดินเลี่ยงออกจากห้องไป โอลุกขึ้นวิ่งตามไปติดๆ
“คุณแฟรงค์หมายถึงอะไรครับ ทำไมต้องให้เบื่อก่อน”
“ไม่มีความหมายหรอกไมเคิล อย่าใส่ใจเลย ไปนั่งดูหนังเถอะไม่ต้องนวดแล้ว”
“ครับ” ไมค์รับคำและลุกขึ้นไปหาที่นั่งหน้าจอ
….คอยไปเถอะแฟรงค์ อย่าหวังเลยว่าฉันจะเบื่อ….
นับวันคริสยิ่งหลงรักเด็กชายมากขึ้นและมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ เป็นความสุขที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนไม่ว่าจะกับโอ แจ๊ค บอย หรือทิมมี่ ความสุขที่เขาได้รับจากหนุ่มน้อยเหล่านี้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวและเฉพาะเวลาที่อยู่ใกล้เท่านั้น แต่กับไมเคิลเหมือนเจ้าหนูอยู่ในหัวใจเขาตลอดเวลา ทั้งรักและห่วง คริสบอกตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้ไมเคิลคืออะไรกันแน่...
- F a t h e r h o o d -
คืนนี้ไมเคิลไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพราะคริสโทรมาบอกว่าจะกลับดึกมากให้เข้านอนเลยไม่ต้องคอย หลังอาหารเย็นเด็กชายจึงกลับมาที่ห้องนั่งทบทวนแบบฝึกหัดที่ทำไป และฝึกอ่านออกเสียงตามที่คุณคริสสอน
เสียงเคาะประตูทำให้ไมค์ต้องรีบเก็บสมุดซ่อนไว้ใต้ที่นอนเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ตามที่คุณคริสสั่งไว้
“ทำอะไรอยู่ไมค์..”
แจ๊คถามด้วยความสงสัยเพราะไมเคิลชอบเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว ไม่ค่อยมาเข้ากลุ่มเอะอะเฮฮาด้วยกัน ทั้งๆ ที่รู้จักคุ้นเคยกันนานพอสมควรแล้ว
“อ่านหนังสืออยู่ เอ่อ.. เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไร”
ไมค์ตกใจที่พูดความจริงออกไป แจ๊คขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าไมเคิลอ่านอะไร ไม่ได้เรียนหนังสือซะหน่อย สายตามองไปที่โต๊ะเขียนหนังสือเห็นนิตยสารรถที่ไมค์เคยขอยืมเขามา
“โธ่เอ้ย! นายชอบดูรูปรถเหรอ ฉันมีอีกหลายเล่มเลยเดี๋ยวเอามาให้ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ อย่าเพ้อฝัน… ถึงแม้ตอนนี้นายกำลังเป็นคนโปรดของคุณคริส แต่อย่าคิดเอ่ยปากอยากได้เป็นอันขาด เพราะนอกจากจะข้ามหน้าข้ามตาพวกเราแล้ว นายเองก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะขับรถ ฉันพยายามไม่มีอคติกับนายนะไมเคิล อย่าให้ฉันรู้สึกไม่ชอบหน้านายเหมือนนายโอ คุณคริสเคยรับปากกับฉันว่าจะซื้อรถให้เมื่อถึงเวลา ถ้าฉันต้องอดได้เพราะนายเป็นต้นเหตุ นายเจ็บตัวแน่ ไมค์..”
แจ๊คกล่าวจบก็เดินกลับออกไปอย่างไม่สบอารมณ์กับเรื่องที่คิดและเข้าใจไปเอง จนลืมไปว่าตัวเองมาหาไมเคิลทำไม ไมค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยความงุนงง ร่างเล็กถอยกลับเข้าห้องก็ต้องหยุดชะงักกับเสียงเรียกของแจ๊คอีกครั้ง
“เฮ้! ไมเคิล คุณแฟรงค์ให้มาตามนายไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้เลยนะ”
เป็นครั้งแรกที่ไมค์ได้มีโอกาสเข้ามาในห้องของคุณแฟรงค์ พบสมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าในห้องนี้ ไมค์เดินเข้ามาในห้องแต่เพียงแค่ 2 ก้าวก็ต้องหยุดชะงักกับภาพที่เห็นในจอทีวี คุณแฟรงค์ โอ แจ๊ค และทิมมี่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่บนเตียงจ้องดูตาไม่กระพริบ ราวกับดูหนังแอคชั่นมันส์ๆ อย่างนั้นล่ะ
“เอ่อ.. ขอโทษครับ” ไมค์รีบหันหลังเดินกลับไปที่ประตูแต่บอยยืนขวางไว้
“จะไปไหน ไมเคิล..” แฟรงค์ร้องถาม
“ผมขอตัวก่อนครับ เดี๋ยวค่อยมาใหม่” ไมค์ตะโกนตอบโดยไม่หันไปมอง ขยับจะเดินออกจากห้อง แต่บอยขวางไว้ไม่ยอมให้ออก
“ขอตัวไปไหนล่ะ มานี่ซี มานั่งดูด้วยกัน” แฟรงค์พยักหน้าให้บอย
“เอ่อ.. ไม่ฮะ ผมไม่ดู ผมขอตัวก่อน ผมไม่อยากดูฮะ ปล่อยผม…”
บอยฉุดกระชากไมเคิลมาจนได้เพราะตัวใหญ่กว่าเยอะ แฟรงค์ฉุดมือเด็กชายให้นั่งลงบนเตียง ไมค์ตกใจหันหลังให้จอทีวี ก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองมองจนแฟรงค์อดหัวเราะไม่ได้
“อะไรกันไมเคิล.. ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วย นี่เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเพศศึกษานะ”
“ผมไม่อยากศึกษาวิชานี้ ให้ผมกลับออกไปเถอะครับคุณแฟรงค์..”
แฟรงค์จับหนุ่มน้อยให้หันหน้าไปหาทีวี ไมเคิลตกใจกับภาพที่เห็นจนหัวใจเต้นแรง ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีการกระทำแบบนี้ด้วย ทำไมทุกคนนั่งดูกันเฉยเหมือนนั่งดูรายการทีวีปกติเลย
“คุณคริสทำอย่างนี้กับเธอหรือเปล่าไมเคิล หือ..”
แฟรงค์กระซิบถามเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันทำให้ไมค์สะดุ้งและใจหายวาบ
“ไม่ครับ ไม่… คุณคริสไม่เคยทำ..” ไมค์เบือนหน้าหนีไม่สามารถทนมองภาพในทีวีได้อีก รู้สึกกลัวจนตัวสั่น ขยับจะลุกก็ไม่ได้เพราะคุณแฟรงค์ใช้ขาหนีบตัวไมค์ไว้
“อะไรกันสองเดือนกว่าแล้วนะ คุณคริสยังสอนเธอไม่ถึงบทนี้อีกเหรอ นี่ถ้าให้ฉันสอนป่านนี้ได้ขึ้นสวรรค์กันไปแล้ว เขาให้เธอทำอะไรบ้าง หือ..”
แฟรงค์ขยับขาหนีบร่างหนุ่มน้อยแน่นขึ้นเมื่อเจ้าหนูพยายามจะลุกหนีให้ได้
“ปล่อยเถอะฮะคุณแฟรงค์ ผมจะกลับห้อง”
“ไม่ปล่อย ฉันหวังดีกับเธอนะไมเคิล เธอไม่อยากรู้วิธีปรนนิบัติคุณคริสของเธอให้มีความสุขหรอกเหรอ เขาช่วยชีวิตเธอไว้ เธอควรจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณเขานะ ไมค์”
ไมเคิลรู้สึกตกใจและตื่นกลัวกับเรื่องที่ได้ยิน คำพูดของคุณแฟรงค์กำลังจะตอบข้อสงสัยของพฤติกรรมและคำพูดแปลกๆ ที่ไมค์เคยเห็นและเคยได้ยินในบ้านหลังนี้
“ไม่ฮะ คุณคริสไม่ทำแบบนี้กับผม ผมอยากให้คุณคริสมีความสุข ผมทำทุกอย่างที่คุณคริสสั่งแล้วแต่ไม่ใช่แบบนี้หรอกฮะ ปล่อยเถอะครับคุณแฟรงค์ ผมจะกลับห้อง” ไมเคิลขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณคริสไม่ทำกับเธอไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการนะไมเคิล แต่เขาบังคับและฝืนใจใครไม่เป็น เธอต้องเป็นฝ่ายปรนนิบัติคุณคริสรู้มั้ย ไอ้หนู”
“ใช่!! ตั้งแต่นายมาอยู่ที่นี่ คุณคริสไม่เคยเรียกหาพวกเราเลย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณคริสไม่ได้ทำอะไรกับนายแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขาไม่หลงนายจนลืมพวกเราหรอก”
โอกล่าวแทนเพื่อนๆ ด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นจริงด้วย
ไมเคิลตกใจจนพูดไม่ออกได้แต่ส่ายหน้า แฟรงค์รีบปล่อยเด็กชายเมื่อเห็นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไมเคิลลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียงและวิ่งหนีออกจากห้องไป
ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจไล่หลัง
- F a t h e r h o o d -
กลับเข้ามาในห้องนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วไมเคิลก็ยังไม่หายตื่นตกใจ ไม่ใช่ภาพที่เห็นในจอทีวีหรอกที่ทำให้ไมค์ตกใจมากขนาดนี้ แต่เพราะเรื่องของคุณคริสที่ไมค์รับรู้มาจากคำบอกเล่าของคุณแฟรงค์ต่างหาก
ดึกมากแล้วแต่ร่างเล็กยังนอนกระสับกระส่ายไปมา ในสมองมีแต่คำพูดของคุณแฟรงค์
….คุณคริสไม่ทำกับเธอ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการนะไมเคิล.. คุณคริสช่วยชีวิตเธอไว้เธอควรทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของเขา……
….คุณคริสไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร เธอต้องเป็นฝ่ายปรนนิบัติเขา ไมเคิล..