[13]“แม่ฮะ ทำไมไม่โทรมาก่อน มาถูกได้ไง”
หนุ่มน้อยตรงรี่เข้าไปทักทายมารดาด้วยความดีใจ ที่จู่ๆก็มาเป็นแขกของคฤหาสน์บริเจคส์แต่เช้า
“ทำไมจะมาไม่ถูกจ๊ะ คฤหาสน์บริเจคส์ถามใครก็รู้จัก”
หญิงสาวดึงลูกชายนั่งลงข้างๆ และสวมกอดด้วยความรัก
“แม่นอนไม่หลับทั้งคืน ดีใจที่ได้พบลูก แม่บนบานไปทั่วเลยรู้มั้ยว่าขอให้มีคนผ่านไปช่วยลูกของแม่ออกจากเกาะที โอ! ไมเคิล ลูกโกรธแม่หรือเปล่า แม่ขอโทษนะจ๊ะ แม่เลิกกับลุงกฤษณ์เขาแล้ว ตอนนี้แม่กำลัง…”
“ช่างเถอะฮะ แม่..”
ไมเคิลรีบขัดคอเพราะไม่อยากได้ยินเรื่องที่แม่กำลังจะบอก เลิกกับลุงกฤษณ์แล้วแม่ก็กำลังจะมีคนใหม่ ทำไมไมค์จะไม่รู้…
“แม่ฮะ.. ผมอยากให้แม่รู้จักคุณคริส คุณคริสช่วยชีวิตผมไว้ พาผมออกมาจากเกาะและให้ที่พักอาศัยผมด้วย”
“จ้ะ แม่ก็อยากพบ อยากขอบคุณคุณคริสของลูก”
“คุณคริสอาบน้ำอยู่ เดี๋ยวลงมาครับแม่”
ไมค์มองมารดาซึ่งเริ่มสำรวจความใหญ่โตของคฤหาสน์ด้วยสายตา แม่คงตะลึงเหมือนกับตอนที่ไมค์มาเห็นใหม่ๆ แหล่ะ
“คุณคริสของลูกคงเป็นระดับมหาเศรษฐีเลยใช่มั้ย บ้านพักถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้”
“ก็ไม่ถึงขนาดมหาเศรษฐีหรอกฮะแม่ คุณคริสมีเงินมากเพราะทำงานหนักครับ จริงซีฮะแม่ ถ้าแม่ได้เห็นคุณคริสแม่จะแปลกใจว่าคุณคริสเหมือนกับผู้ชายคนแรกที่แม่รัก”
“ผู้ชายคนแรกที่แม่รัก คนไหนเหรอลูก”
หนุ่มน้อยหน้าเสียไม่อยากเชื่อว่าแม่จำผู้ชายคนแรกที่แม่รักไม่ได้ ไมค์ผละออกห่างมารดาด้วยความรู้สึกเสียใจที่แม่จำพ่อไม่ได้ เป็นเพราะแม่มีผู้ชายที่แม่รักหลายคน ถึงพ่อจะเป็นผู้ชายคนแรกก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับแม่..
“โอ! ไมเคิล อย่าทำหน้าอย่างนั้นซี แม่ล้อเล่นจ้ะ ลูกหมายถึงบิลพ่อของลูกใช่มั้ย คุณคริสเหมือนบิลมากหรือลูก เหมือนตรงไหนจ๊ะ”
หญิงสาวรีบถามเอาใจไม่อยากให้ลูกโกรธและเสียใจที่เธอลืมพ่อของเขา
“เหมือนทุกส่วนเลยครับแม่ เหมือนในรูปที่แม่ให้ผมดูเลย นั่นไงครับแม่ คุณคริสลงมาพอดี”
ไมค์ลุกขึ้นวิ่งไปหาคุณคริส ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดพร้อมจะไปทำงาน หล่อสมาร์ทเหมือนทุกวัน แต่วันนี้สีหน้าคุณคริสไม่สู้ดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้โกนหนวดหรือยังมีอาการปวดศีรษะอยู่ ไมค์สะดุ้งตื่นตอนเช้าพบตัวเองนอนอยู่บนเตียงคุณคริส คุณคริสยังหลับสนิทอยู่เลย พอไมค์ปลุกก็งัวเงียบอกว่ายังไม่อยากตื่น ยังปวดหัวอยู่
“คุณคริสค่อยยังชั่วหรือยังครับ หายปวดหัวหรือยัง”
หนุ่มน้อยถามด้วยความเป็นห่วง คริสยิ้มให้และเอ่ยถามกลับไป
“แม่มาหาหรือ ไมเคิล”
“ครับ แม่รอพบคุณคริสด้วย นั่นไงครับ แม่นั่งชะเง้อมองอยู่โน่น แม่อาจตกใจเหมือนที่ผมตกใจ ตอนเจอคุณครั้งแรก” ไมค์จูงมือคุณคริสตรงไปหามารดา
คริสฝืนยิ้ม เขาเตรียมใจไว้ทั้งคืนแล้ว อะไรจะเกิดก็เกิดเถอะ...
“แม่ครับ แม่.. แม่..” ไมค์เขย่าแขนมารดาซึ่งยืนตะลึงจ้องมองคุณคริสอยู่
“เอ่อ.. จ๊ะ ไมเคิล”
“แม่ครับ นี่คุณคริสเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณคริสช่วยชีวิตผมไว้ครับแม่”
ไมค์หันมายิ้มให้คุณคริส “แม่ผมครับ คุณคริส”
คริสยื่นมือให้หญิงสาว เนื่องจากเห็นว่าเธอคงคุ้นเคยกับการทักทายแบบสากล อย่างน้อยเธอก็เคยมีสามีเป็นฝรั่ง
“คริส บริเจคส์ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเอ่อ..”
“ลินดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณคริสที่ช่วยชีวิตลูกชายเธอไว้ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ คริสฟัง…
เช้าวันที่ 3 ของการตั้งแคมป์บนเกาะร้าง กฤษณะซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงอดีตสามีของเธอได้ชวนเธอและลูกๆ ของเขาข้ามไปเกาะฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางไปกลับไม่เกิน 3 ชั่วโมง โดยออกเดินทางกันตอนเช้ามืด เธอขอให้ปลุกไมเคิลไปด้วย แต่กฤษณะบอกว่าเกาะอยู่ใกล้แค่นี้เอง รีบไปรีบกลับ มาถึงไมเคิลยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ เธอวางใจเนื่องจากบนเกาะร้างนั้นไม่มีสัตว์ร้ายและอันตรายใดๆ แต่เมื่อขึ้นไปถึงบนเรือกว่าจะรู้ว่ากฤษณะจงใจหลอกเธอให้ทิ้งลูกชายไว้บนเกาะ เรือก็แล่นห่างออกมาจากฝั่งไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอโกรธเขามากและบอกให้เขานำเรือกลับไปรับไมเคิล แต่เขาไม่ยอม พยายามหว่านล้อมและบอกเธอว่าพรุ่งนี้ค่อยกลับไปรับ กฤษณะว่าไมเคิลเป็นเด็กผู้ชายแต่ขี้แยและใจเสาะมากไป เขาต้องการฝึกให้ไมเคิลช่วยตัวเองและเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น เธอยอมเชื่อเขาแต่พอวันรุ่งขึ้น เขากลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปรับจนเธอเหลืออด ทะเลาะกับเขาอย่างรุนแรงถึงขั้นแตกหัก เธอขอแยกทางกับเขาและออกตามหาลูกชาย
จังหวะนั้นมีพายุฝนเข้ามาพอดี ไม่มีเรือลำไหนยอมพาเธอไปกลับไปที่เกาะร้างนั้น กว่าพายุจะสงบเวลาผ่านไปอีก 3 วัน แต่เมื่อเธอกลับไปที่เกาะอีกครั้งก็ไม่พบลูกชายของเธออยู่บนเกาะ คนเรือบอกเธอว่าถ้าลูกชายของเธอติดอยู่บนเกาะนี้จริง ไม่น่าจะรอดชีวิตจากพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักตลอด 3 วันเต็มๆ
ระหว่างที่ลินดาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง คริสรู้สึกว่าเธอคอยเลี่ยงไม่ยอมสบตากับเขา เธอคงรู้สึกละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งฟังดูเหมือนเธอละเลยและไม่ใส่ใจลูกของตัวเอง ถึงขนาดยอมปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวบนเกาะร้าง แม้จะเพียงแค่ 3 ชั่วโมงก็ตาม
ขณะที่นิ่งฟังคริสหวนนึกถึงวันและเวลาที่เขาได้พบไมเคิล ตกใจเมื่อรู้ว่าลินดาเดินทางกลับไปที่เกาะร้างก่อนหน้าเขา 1 วัน แต่กลับหาลูกชายไม่พบ คริสไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมเธอจึงไม่พบลูกชาย แต่ที่เขาข้องใจคือทำไมเขาจึงเป็นฝ่ายรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของหนุ่มน้อยแทนที่จะเป็นลินดา ทั้งๆ ที่เธอเป็นแม่….
ลินดาสวมกอดลูกและพร่ำขอโทษต่อหน้าคริส
“ยกโทษให้แม่นะไมเคิล แม่สัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ลูกอย่าโกรธแม่นะจ๊ะ”
“ผมไม่โกรธแม่หรอกครับ ผมรักแม่”
“แม่ก็รักลูกจ้ะ ”
สองแม่ลูกสวมกอดบอกรักกันและกันน่าจะทำให้คริสรู้สึกยินดีด้วย แต่นอกจากจะไม่รู้สึกยินดีแล้ว เขายังรู้สึกแปลกๆ กับความรักในฐานะแม่ของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“แม่ครับ แม่ยังเก็บรูปผมไว้ในกระเป๋าหรือเปล่า”
ไมค์ถามหารูปของตัวเอง ซึ่งเป็นรูปที่ไมค์นำไปเคลือบพลาสติคให้แม่ติดกระเป๋าไว้
“มีซีจ๊ะ แม่ติดตัวไว้ตลอดเวลาเลยนะไมเคิล”
ลินดารีบคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาค้นหารูปใบที่ลูกชายถามถึง เธอคิดว่าไมเคิลคงลองใจว่าเธอยังรักและคิดถึงเขาจริงหรือเปล่า
“นี่ไงจ๊ะไมค์ รูปของลูก”
ไมค์รับรูปมาถือไว้ด้วยความตื่นเต้น ไมค์ไม่ได้ต้องการดูรูปตัวเองหรอก แต่รูปที่ต้องการเห็นอยู่ด้านหลังรูปของไมค์ต่างหาก
“นี่ไงฮะแม่ แม่ดูซี คุณคริสเหมือนแด๊ดดี้ผมมั้ย”
หญิงสาวใจหาย นึกขึ้นได้ว่ามีอีกหนึ่งรูปประกบอยู่ด้านหลัง
“เอ่อ.. เหมือนจ้ะ เอาให้แม่เก็บเถอะ” ลินดาแบมือขอรูปคืนแต่ไมเคิลชักรูปหนี
“เดี๋ยวซีฮะแม่ ขอให้คุณคริสดูก่อน”
ไมเคิลขยับไปนั่งข้างๆ คริส โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของมารดา และยื่นรูปให้คริสดู
“ดูรูปแด๊ดผมซีครับคุณคริส ว่าเหมือนคุณจริงๆ หรือเปล่า”
คริสรับรูปมาถือไว้ ถ้าลินดาไม่ได้นั่งอยู่ด้วยเขาคงสวมกอดหนุ่มน้อยไว้แล้วไม่นั่งสำรวมอยู่อย่างนี้
ลินดาพยายามทักท้วงลูกชายไม่ให้ส่งรูปให้คริสดู แต่ไม่สำเร็จ เธอนั่งนิ่งมองดูคริสเพ่งดูรูปพ่อของไมเคิลอย่างตั้งใจ ไมเคิลคิดว่ามารดาคงรู้สึกเขินหากคุณคริสได้เห็นกับตาว่าเขามีหน้าตาเหมือนกับบิลจริงๆ
ร่างเล็กขยับเข้าไปนั่งกระแซะคริสและเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
“เหมือนใช่มั้ยครับ ผมบอกแล้ว ผมไม่โกหกหรอก”
“เหมือนจริงๆ ด้วยไมเคิล เหมือนราวกับเป็นคนเดียวกันเลย” คริสเอ่ยเบาๆ สายตายังจ้องเขม็งอยู่ที่รูป ด้านล่างของรูปมีข้อความเป็นลายมือเขียนไว้ว่า
“นี่คือแด๊ดดี้บิล ของลูกจ๊ะ ไมเคิล..”
พ่อบ้านลูเดินเข้ามารายงานขัดจังหวะ
“คุณไมค์ครับ คุณแฟรงค์ให้มาถามว่าจะไปซื้อรองเท้าหรือเปล่า คุณแฟรงค์จะออกไปข้างนอกจะพาไปซื้อครับ”
ไมค์เงยหน้าขึ้น ยังไม่ทันเอ่ยตอบคุณคริสก็ตอบแทน
“ไปซีไมเคิล ให้คุณแฟรงค์พาไปซื้อเลย เดี๋ยวไม่มีใส่ไปเรียนพิเศษนะ”
“แต่ว่าแม่.. .”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะนั่งคุยกับแม่เธอไปพลางๆ” คริสหันไปขอความเห็นจากลินดา
“ใช่มั้ยครับ คุณลินดา เรามีเรื่องจะต้องพูดคุยและทำความรู้จักกัน ถ้าไม่รังเกียจผมขอรับรองคุณแทนไมเคิล”
“เอ่อ.. มิได้ค่ะ ดิฉันไม่กล้ารังเกียจ แต่จะเสียเวลาคุณเปล่าๆ”
“ไม่เลยครับ ผมหยุดพักงานสักวันก็ได้”
“ถ้างั้นผมไปซื้อของก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ แม่อย่าเพิ่งกลับนะ รอผมก่อน”
“จ้ะ แม่จะคอย”
ลินดายิ้มให้ลูกชาย ไมเคิลลุกขึ้นยืนขยับจะเดินออกไปก็ต้องหยุดชะงักเหมือนนึกขึ้นได้ ก่อนจะก้มตัวลงมาหอมแก้มคริสด้วยความเคยชิน ถึงตอนนี้คริสอดใจนั่งเฉยอยู่ต่อไปไม่ได้ เขาหอมแก้มหนุ่มน้อยกลับคืนและกระซิบเบาๆ
“บอกคุณแฟรงค์ อย่าขับรถเร็วล่ะ”
หญิงสาวรู้สึกสะท้อนใจเมื่อเห็นกิริยาที่ลูกชายปฏิบัติต่อเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์ ไมค์คงเห็นชายผู้นี้เหมือนพ่อ ก็เลยหลงรักและปฏิบัติต่อกันเช่นนี้
เป็นครั้งแรกที่คริสสบตากับหญิงสาวอย่างจริงจัง และคำถามเกริ่นนำของเขาทำให้เธอไม่กล้าหลบสายตาเขาอีก
“ผมว่าเรามาทำความรู้จักกันหน่อยดีมั้ยครับ ก่อนที่ผมจะมีคำถามบางคำถามเกี่ยวกับรูปใบนี้และแด๊ดดี้ของไมเคิล” + + fatherhood + +
คริสยืนกอดอกมองดูหนุ่มน้อยของเขานั่งขัดสมาธิบนเตียง สายตาจับจ้องอยู่ที่จอทีวีอย่างเอาจริงเอาจัง เขานึกขำกับอุปนิสัยการดูภาพยนตร์ฝรั่งของสมาชิกหนุ่มน้อยในบ้าน ภาพยนตร์ทุกเรื่องต้องเป็นซาวด์แทรคจึงจะได้อารมณ์สมจริง แต่กว่าจะรู้เรื่องต้องนั่งอ่านบรรยายใต้ภาพกันอย่างเอาจริงเอาจัง
ร่างเล็กสะดุ้ง จู่ๆ ทีวีก็ถูกปิดทั้งที่หนังกำลังมัน หันขวับไปข้างหลังก็พบคุณคริสยืนยิ้มให้อยู่ที่หัวเตียง
“ได้เวลานอนแล้ว ไมเคิล”
“เพิ่ง 3 ทุ่มเอง หนังยังไม่จบด้วย ขอผมดูจบก่อนนะครับ”
“ไม่ได้หรอก มานอนซะ เร็วๆ เข้า” คริสทรุดตัวลงบนเตียง
“แต่ผมยังไม่ง่วงนี่ครับ ผมอยากดูหนังให้จบก่อน เดี๋ยวผมเข้านอนเอง”
“หนังดูเมื่อไรก็ได้ ถึงเวลานอนก็ควรจะนอน”
คริสเอามือตบที่นอนข้างตัวเป็นความหมายให้หนุ่มน้อยขยับมานอนซะ
“ทีคุณบอยกับทิมไม่เห็นถูกบังคับเวลานอนเลย ทำไมต้องห้ามผมนอนเกิน 3 ทุ่มด้วย”
คริสส่ายหน้าเมื่อไมเคิลเริ่มต่อรองและเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
“บอยกับทิมไม่ได้เรียกฉันว่าแด๊ดดี้ เขาไม่อยู่ในฐานะที่ฉันต้องไปกำหนดเวลานอน ถ้าเธออยากจะเหมือนเขาก็ได้..”
คริสคว้ารีโมทเปิดทีวี ร่างเล็กรีบคลานมานอนข้างๆ กล่าวเอาใจเสียงหวาน
“ก็ได้ฮะ นอนก็ได้ ชักง่วงแล้ว” ไมค์ซุกตัวลงในผ้าห่มและขยับตัวลงนอนแต่โดยดี “ปิดซีฮะ ผมไม่ดูแล้ว”
คริสซ่อนยิ้ม กดรีโมทปิดทีวีและย้ำถามความต้องการของหนุ่มน้อยอีกครั้ง
“อยากจะเหมือนทิมมี่กับบอยหรือ ไมเคิล”
ไมค์รีบสั่นศีรษะทันที
“ผมไม่ได้บอกว่าอยากเหมือนซะหน่อย แค่ถามเฉยๆ”
คริสเสยผมหนุ่มน้อยไปมา การกระทำนี้ช่วยเร่งให้เกิดอาการอยากนอนหรือง่วงนอนเร็วขึ้นโดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ เด็กโตอย่างไมเคิลคงจะไม่ได้ผลแต่เขาก็อยากจะทำ
“มีใครเคยบอกมั้ยไมเคิล ว่าเธอเหมือนใคร พ่อหรือแม่”
เด็กชายขมวดคิ้ว นิ่งคิดชั่วครู่ก่อนตอบ
“ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าผมเป็นลูกของแม่ แม่เคยหลอกคนอื่นว่าเก็บผมมาเลี้ยงพวกเขายังเชื่อเลย”
ไมเคิลบอกเล่าหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่รู้สึกกลับเป็นคริส
“ถ้าไม่เหมือนแม่ก็แปลว่าเหมือนพ่อใช่มั้ย” คริสแกล้งลองใจ ไม่แน่ใจว่าไมเคิลรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองเหมือนบิลผู้เป็นพ่อ
“ผมเคยเอารูปพ่อให้ใครๆ ดู พวกเขาก็ว่าผมไม่เหมือนพ่ออีก”
ไมค์ขยับไปที่หัวเตียงหยิบรูปถ่ายของคริสมาถือไว้
“คุณช่วยดูหน่อยซิครับ ว่าผมเหมือนพ่อตรงไหนมั้ย”
คริสมองรูปถ่ายตัวเองและหัวเราะ
“นี่มันรูปฉันนะไมเคิล ไม่ใช่บิล สมิทธ์”
“ก็เหมือนกันล่ะครับ ถ้าพ่อยังอยู่พ่อต้องมีหน้าตาแบบนี้ ถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังหล่อสมาร์ทอยู่เลย”
สายตาหนุ่มน้อยจับจ้องที่รูปถ่ายของคริสและกล่าวชื่นชมพ่อด้วยความลืมตัวทำเอาคริสนิ่งอึ้งพูดไม่ออก ไมค์รู้สึกตัวเมื่อเห็นคุณคริสนิ่งไป รีบวางรูปลงและกล่าวขอโทษ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
คริสยิ้มให้ “ขอโทษเรื่องอะไรไมเคิล คิดถึงพ่อไม่ใช่เรื่องผิด”
ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งสีหน้าสำนึกผิด
“แต่ผมนึกถึงบิล ทั้งๆ ที่ผมมีคุณแล้ว”
คริสรั้งหนุ่มน้อยเข้ามากอด “ไม่เป็นไรหรอก นึกถึงบิลบ้างก็ดี เขาจะได้ไม่น้อยใจที่ลูกชายตัวเองไปรักคนอื่นเหมือนพ่อ”
“คนอื่นที่ไหนกันฮะ คุณมีพระคุณกับผม ช่วยชีวิตผมไว้ และถ้าคุณไม่เหมือนบิล ผมก็ไม่รักคุณอย่างที่รักบิลหรอก คุณอยากเหมือนพ่อผมทำไม”
คริสจับศีรษะหนุ่มน้อยซุกกับอก เคยแปลกใจมาตลอดว่าบิลเหมือนเขามากขนาดไหนวันนี้เขาได้เห็นรูปถ่ายบิลกับตาตัวเอง รู้แล้วว่าทำไมไมเคิลจึงรักและรู้สึกกับเขาอย่างพ่อจนบางครั้งเกือบจะเห็นเขาเป็นบิลเลย
“อยากรู้มั้ยไมเคิล ว่าเธอมีส่วนไหนเหมือนบิล”
ไมค์พยักหน้า เมื่อคริสบอกให้นอนลงก่อนเจ้าหนูก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
“พร้อมหรือยังไมเคิล ถ้าฉันแตะส่วนไหนของร่างกายเธอ ก็ตรงนั้นแหล่ะเหมือนบิลมากที่สุด”
“พร้อมครับ” ไมค์ยิ้มเพราะจะได้รู้ซะทีว่าตัวเองมีอะไรเหมือนพ่อบ้าง
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อถูกคุณคริสจับต้องส่วนที่เหมือนพ่อ สองมือรีบปิดป้องและถอยออกห่าง
“ขี้โกงนี่ คุณคริสขี้โกง”
ร่างสูงใหญ่ขยับตามไปกอดรัดหนุ่มน้อยไว้
“ผิดที่เหรอ.. ถ้าตรงนี้ไม่เหมือนก็ไม่มีอะไรเหมือนแล้ว จับต้องเฉยๆ ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ต้องขอดูกับตาด้วยว่าเหมือนจริงหรือเปล่า”
“ไม่ได้นะ!!.. คุณเป็นพ่อบุญธรรมของผมนะ..”
“พ่อบุญธรรม ก็เหมือนแด๊ดน่ะแหล่ะ มีสิทธิจับต้องทุกส่วนของลูกได้ ขอแด๊ดดูหน่อยซิไมเคิล ไม่ต้องอายหรอกน่า..”
คริสปล้ำกอดหนุ่มน้อยด้วยความรักสุดหัวใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนในชีวิตนี้...
++ F A T H E R H O O D ++
“เหลือเชื่อเลยคริส นี่หมายความว่าหน้าตาของบิลที่ไมเคิลจำฝังใจมาถึงทุกวันนี้ ที่จริงแล้วคือคุณงั้นเหรอ..”
คริสไม่ตอบ.. อย่าว่าแต่แฟรงค์เลยที่ไม่อยากเชื่อ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าลินดาทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
“เธอตกใจมากที่เห็นฉัน ไม่ใช่เพราะฉันเหมือนสามีของเธอ แต่เพราะฉันเหมือนชายในรูป เหมือนจนเกือบจะเป็นคนเดียวกัน”
คริสโยนรูปถ่ายเคลือบพลาสติคให้แฟรงค์ดู
“โอ! ให้ตายเถอะบิล นายเหมือนคุณคริสจริงๆ ว่ะ เหมือนราวกับฝาแฝดกันเลย มิน่าล่ะ! ลูกนายถึงหลงรักคริสหัวปักหัวปำ”
แฟรงค์กระเซ้าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เห็นแค่แว่บเดียวเขาก็รู้แล้วว่าชายในรูปถ่ายใบนี้คือคริส
“ไมเคิลเซ้าซี้เธอทุกวันว่าอยากเห็นหน้าพ่อ เธอเห็นรูปฉันในนิตยสารมีดวงตาสีเดียวกับบิล เลยบอกไมเคิลว่านี่คือรูปพ่อของเขา”
“เธอคบหานายบิลยังไง รูปถ่ายใบเดียวก็ไม่มี”
“หึ! จะมีได้ไงแฟรงค์ คบหากันแค่สองวัน เช้าวันที่สามพลทหารบิลก็หนีกลับขึ้นเรือรบหน้าหาดพัทยาแล้ว”
“อะไรนะ! นายบิลเป็นพลทหารอเมริกันยังงั้นเหรอ ให้ตายเถอะ! นี่เธอหลอกลูกชายให้หลงเชื่อว่าพ่อเป็นนักธุรกิจ แต่ที่แท้.. โอ! ไมเคิล..”
“เธอไม่อาจบอกความจริงเรื่องพ่อให้ไมเคิลฟังได้ เธอว่าไม่อยากให้ไมเคิลถูกล้อและเธอเองก็อาย ถ้าใครรู้ว่าผู้หญิงดีดีอย่างเธอทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงหากินหน้าชายหาด ฉันไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงฟรีเซ็กซ์อย่างเธอ ทำไมไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ ถ้าเธอรู้จักป้องกันก็คงไม่ต้องมาคิดหาวิธีหลอกลูกตัวเองแบบนี้”
แฟรงค์นิ่งอึ้งกับเรื่องที่ได้ยิน มิน่าล่ะ! คริสกับไมเคิลจึงมีจิตผูกพันกันได้ เจ้าหนูคงเรียกหาพ่อและนึกถึงใบหน้าของคริสมาตั้งแต่เด็กๆ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นบนเกาะทำให้จิตของหนุ่มน้อยส่งถึงคริส เรียกคริสไปช่วยจนได้ เหลือเชื่อจริงๆ…
“แล้วเรื่องไมเคิล เธอว่ายังไง จะพาลูกกลับไปอยู่ด้วยหรือเปล่า”
“ไม่รู้ซี.. ฉันไม่ได้ถาม ให้ไมเคิลตัดสินใจเอง เขาอยากอยู่ที่นี่หรืออยากกลับไปอยู่กับแม่ก็แล้วแต่ใจ…”
“แล้วแต่ใจใคร? ไมเคิลหรือแม่ ฟังนะคริส.. ถึงไมเคิลอยากอยู่กับคุณถ้าเธอไม่อนุญาตไมเคิลก็ทำตามที่ใจตัวเองต้องการไม่ได้ ผมว่าคุณควรเป็นคนพูดกับเธอเรื่องนี้ไม่ใช่ไมเคิล บอกเธอว่าคุณรักเด็ก ต้องการรับเด็กเป็นลูกบุญธรรม เธอคงยินดีและไม่ขัดข้องเพราะคุณเองก็ถูกเธอเลือกให้เป็นตัวแทนพ่อของไมค์อยู่แล้ว รีบพูดก่อนที่เธอจะเอ่ยปากขอลูกกลับไปดูแลเองเพราะความเกรงใจ”
คริสนิ่งอึ้ง ....ถ้าลินดาต้องการลูกกลับไปอยู่ด้วยจริงๆ เขาจะทำอะไรได้ แค่ลองคิดก็ใจหายแล้ว....
TBC>>>>