《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.  (อ่าน 60217 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ตอนนี้พระเอกหาย !!!  :mew2:

ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมรู้สึกว่าพระเอกไม่มีบทบาทอะไรเลย เรื่องอีฟจบก็เพราะทีครอส ทัตรู้อะไรบ้างเนี่ย โง่โดนอีฟหลอกมาตั้งนาน พอรู้ความจริง โดนยิง พอตอนนี้หายไปจากเรื่องเลยจ้า  :z6:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
สงสารเทพทัตอะ เป็นเหยื่องของพวกตัวร้ายกาจจริง. คริสตัลอย่าใจร้ายกับเทพทัตนักน้าาา ไอ้ที่รัก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ถ้าทัต หายจากอาการบาดเจ็บ
ต้องมาตามคริสแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พวกตัวร้ายโดนจัดการง่ายไปนะ ความจริงน่าให้ล้มละลายไปเลยจะได้ไม่ต้องมีอำนาจทางการเงินอีก เพราะเงินมันบันดาลได้ทุกสิ่งนี่

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 24


 
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เช่นเดียวกับที่เทพทัตหายไปจากวงจรชีวิตเหมือนไม่เคยมีคนๆนี้อยู่บนโลก ถึงแม้มันจะเป็นการดีต่อตัวผมเองแต่สิ่งที่ห้ามไม่ได้คือสิ่งที่อยู่ภายใน ผมยังคงคิดถึงมัน ไม่ว่าจะนานแค่ไหน

“คริสตัล”

ผมหันไปมองคนเรียกซึ่งก็คือพี่ชาย วันนี้ผมมาทานมื้อเที่ยงกับพี่หลังจากที่สอบรายวิชาสุดท้ายเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เอาจริงๆช่วงสอบผมเองก็ได้แต่อ่านหนังสือและเข้าเรียนอย่างจริงๆจังๆจนไม่ได้แวะไหนต่อไหนเหมือนอย่างทุกที พอเรียนเสร็จก็กลับบ้านมาอ่านหนังสือ อ่านไปเรื่อยๆจนดึกดื่นแล้วก็นอนตื่นก็ไปเรียนถ้าไม่มีเรียนก็เข้าหอสมุดไปอ่านหนังสืออีก ชีวิตวนลูฟอยู่อย่างนี้จนกระทั่งปัจจุบันที่สอบเสร็จและกำลังเข้าสู่ช่วงปิดเทอมเล็กที่มีระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์

“ครับ?”

“เหม่อนะเรา เป็นอะไร?”

ผมยิ้มบางแล้วส่ายหัว

“แค่อึนๆนะ”

ผมตอบพลางม้วนเส้นพาสต้าสีดำเข้าปาก พี่ครอสพาผมมาทานอาหารอิตาเลี่ยนที่โรงแรมใกล้ออฟฟิศครับ เห็นบอกว่าโรงแรมนี้ก็เป็นของพี่ผมอยู่กลายๆแต่ไม่ได้บริหารเองแค่ถือหุ้นส่วนมากอยู่เบื้องหลัง

“พึ่งสอบเสร็จนี่เนอะ แล้วเอาไง จะไปอยู่กับพ่อไหม?”

“ตอนนี้พ่ออยู่ไหนอะ?”

“อิตาลี่มั่ง ไม่แน่ใจ เมื่อวันก่อนคุยกับเห็นบอกว่าจะไปร่วมงานที่อิตาลี่แต่ไม่ชัวร์วัน”

“งานสังสรรค์นะเหรอ?”

“งานเปิดตัวเที่ยวบินของบริษัท ประธานไม่ไปมันก็ใช่เรื่อง แกไปหาอาจจะโดนจับไปเข้าสังคมทางนู้นด้วยก็ได้”

ผมรีบส่ายหัวหวืดเลย

“งั้นไม่ไปละ”

“ฮ่าๆๆๆ กลัวอะไรว๊า แค่ไปปั้นหน้ายิ้มเชคแฮนด์ทักทายผู้คน”

“รำคาญ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบ...”

“รู้สิ”

ผมนิ่งไปนิดเมื่อสกิตใจอะไรสักอย่างได้แล้วช้อนตาขึ้นจ้องมองพี่ชายที่ยังคงยิ้มแป้นอย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

“มองหน้าทำไม?”

“พี่พูดเรื่องงานให้ผมฟังแบบนี้....นี่คิดจะดักทางไม่ให้ผมไปใช่ไหมละ?”

ไอ้พี่ครอสมันแผนสูงครับ ไว้ใจไม่ค่อยได้ แล้วดูสิ พอผมพูดจบมีการเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จนผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“แสนรู้ขึ้นนี่หว่า”

“นี่น้องนะเว้ย”

“หึหึ”

น่าหมั่นไส้ใช่ไหมละครับ ไอ้พี่ชายคนนี้

ผมกับพี่ครอสกินกันไปคุยกับไปจนไคเข้ามารายงานตารางที่เลขาส่งมาให้ทางเมล เห็นว่ามีคนมาขอพบเป็นการด่วนผมเลยไล่พี่มันไปทำงานส่วนตัวผมเองก็กะจะกลับบ้าน อ้อ ผมขับรถเองแล้วนะครับ ตอนพี่ชายเปิดประตูโรงรถที่เคยปิดไว้นานพร้อมยื่นกุญแจมาสด้าสองประตูสีแดงเพลิงของผมมาให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว จะบอกว่าคิดถึงก็คงใช่แต่ยังคงมีข้อสงสัยอยู่ว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่ให้ผมมาตั้งแต่แรก พอถามไปไอ้พี่ชายก็บอกว่ากลัวผมจะกลัวและฝังใจกับมันเลยไม่ให้ขับคันนี้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ผมจำทุกอย่างได้แล้วเลยถือว่าไม่เป็นไร มันผ่านไปแล้วนี่เนอะ

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังติดไฟแดงอยู่พอดี ผมหยิบมันที่แผดเสียงอยู่ที่เบาะข้างๆขึ้นมาดูเมื่อรู้ว่าเป็นใครจึงต่อเข้าลำโพงเครื่องยนต์แล้วคุย

“Hi”

/ว่าไงเจ้าดื้อ/

เห็นพี่ครอสกวนแบบนั้นแล้ว บอกเลยว่าพ่อผมยิ่งกว่านั้นซะอีก

“ผมไปดื้อตอนไหนไม่ทราบครับ”

/ไอคุยกับสิทุกวันนะเจ้าคริส/

ผมถึงกับพูดไม่ออก แม่ไปฟ้องอะไรพ่อบ้างวะเนี้ย

/เงียบเลยสิ/

“ชิ แล้วแด๊ดมีอะไรกับผมป่าว?”

/ไม่มีแล้วโทรหาไม่ได้?/

“อย่ามาทำเป็นพูด อย่างแด๊ดนะ ถ้าไม่มีคือไม่โทร”

/หึหึ ได้ข่าวว่าปิดเทอมแล้วอยากมาหาไอเหรอ?/

“แม่บอกงั้นเหรอ?”
/สิร้องไห้ฟูมฟายเลยรู้ไหม คิดแต่ว่าตัวเองทำอะไรผิดลูกถึงไม่อยากอยู่ด้วย/

ผมถึงกับขำ

“โอเวอร์”

แม่ไม่ร้องไห้หรอก ถึงจะร้องก็ไม่ถึงขั้นผูมฟายอย่างที่พ่อว่ามา ผมเปลี่ยนเกียร์หันมาขับรถต่อเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว

“แล้วแด๊ดว่าไง?”

/ไอเคยบังคัญยู?/

“เยอะแยะ”

/หึหึ อยากมาก็มา ไออยู่อิตาลี่อีกสามวันถึงจะกลับอเมริกา/

“ขอผมคิดดูก่อน”

/โอเค งั้นแค่นี้แหละ ไว้ค่อยคุยกัน/

“ครับ”

ผมไม่ได้กดตัดสายแต่ปล่อยให้อีกฝ่ายวางไป ผมนิ่งคิดอะไรอีกนิดก่อนจะตีไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางทั้งที่ผ่านแยกหน้าไปก็เป็นหมู่บ้านของผมแล้วแท้ๆ ไม่รู้สินะ ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ มันเบื่อๆแต่ก็เหมือนจะไม่อยากเจอใครไปด้วย ผมตัดสินใจขับไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่ซึ่งมีบาร์ที่เมื่อก่อนผมมาล่าเหยื่อเป็นประจำ จะว่าไปก็เป็นที่แรกที่ผมเจอทัตด้วยนี่นะ มาจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่ามันเป็นความบังเอิญหรือความจงใจกันแน่

“อ้าว ไม่เจอกันนานนะครับคุณคริสตัล”

เสียงทักเป็นภาษาอังกฤษทักขึ้นเมื่อผมเดินตรงเข้าไปยังบาร์ การพูดคุยที่นี้ผมมักใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักนะครับ

ผมยิ้มอ่อนในเชิงทักทายให้เอมเมอร์ บาร์เทนเดอร์ชายวัยยี่สิบปลายชาวออสซี่ที่มาอยู่ไทยนานนับสิบปี ที่ผมรู้ละเอียดขนาดนี้ก็เพราะผมสนิทกับเค้าในระดับหนึ่ง ถือว่าเป็นการสนิททั้งในรูปแบบเพื่อนและนายหน้าเลยก็ว่าได้ เอมเมอร์มักจะรู้ว่าผมชอบคนแบบไหนและเมื่อมีคนน่าสนใจเข้ามาเค้าก็จะแนะนำให้ผมเป็นอันดับแรก

“สบายดีไหมเอม?”

“เรื่อยๆแต่เหงาหน่อยที่ไม่ได้เจอคุณ”

“หึ”

“มาไวแบบนี้คงไม่ได้มาหาคนควงใช่ไหม?”

ผมพยักหน้า แน่สิตอนนี้พึ่งบ่ายกว่าๆเองนะ ถึงที่นี้ถึงจะเปิดบริการ24ชั่วโมงแต่ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเน้นดริ้งส์และมาในช่วงกลางคืนเสียมากกว่า ทั้งร้านเลยมีเพียงผมและพนักงานนับสิบคนรวมเอมเมอร์ด้วย

“นายเข้ากะบ่ายเหรอวันนี้?”

“ป่าวหรอก แค่ว่างๆเลยมาจัดขอรอเวลาเข้างาน”

ผมหลุดหัวเราะเสียงแผ่ว จะมีพนักงานสักกี่คนที่ขยันได้ขนาดนี้ น่าดีใจแทนเจ้าของที่นี่จริงๆ

“แล้วคุณละ?”

“หืม?”

“มาเวลานี้มันผิดปกตินะครับ”

ผมเผลอหลบสายตาเอมเมอร์จนอีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนที่จะเหยียดยิ้ม

“อกหัก?”

“แน่นอนว่าไม่”

“ว๊า ผมอุสาคิดว่าที่คุณหายไปคงไปพบรักกับใครสักคนเข้าให้ นี่ผมต้องผิดหวังซะแล้วสิ”

“อย่าเพ้อเจ้อน่าเอม ผมแค่เบื่อๆเลยมา แล้วที่หายไปคือยุ่งอยู่แค่นั้น”

“อ่าห่ะ”

“แล้วนี่ไม่คิดจะบริการกันหน่อยเหรอ?”

ผมหมายถึงพวกเครื่องดื่มที่น่าจะมีมาเสิร์ฟตั้งนานแล้วแต่กลับไม่มี

“สั่งสิครับ”

“นายจำไม่ได้เหรอว่าผมดื่มอะไร?”

“จำได้ แต่มาเวลานี้ผมกะไม่ถูกว่าควรให้อะไรกับคุณดี”

“งั้นขอน้ำแร่”

“มันคือมุกตลกใช่ไหม?”

ผมยิ้มขำ

“ขอเบียร์เย็นๆสักขวดแล้วคุณต้องไปนั่งเป็นเพื่อนผมด้วย ยังไม่ถึงเวลางานไม่ใช่เหรอ ห้ามปฎิเสธผมนะ”

“คุณนี่เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนเลยนะ”

ผมไหวไหล่แล้วผละเดินไปยังเก้าอี้โซฟานุ่มๆที่อยู่ติดกระจกบานใหญ่ สายตาทอดมองไปยังวิวเบื้องล่างที่มีรถราขับกับให้ว่อน แสงแดดทำให้ผมต้องหลี่ตาลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสบตามากนักเนื่องจากกระจกเป็นชนิดกรองแสงในตัว

“นี่ครับ”

เอมเมอร์เอ่ยพร้อมวางขาดเบียร์เย็นๆที่มีปลอกคลุมคอยซับหยดน้ำและการถือที่ถนัดมือไว้ตรงหน้าผมก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม ผมหยิบมันมายกขึ้นดื่มพลางลอบสังเกตบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่อยู่ในชุดไปรเวทแปลกตา ปกติผมเคยเห็นแต่ช่วงเวลาทำงานและแน่นอนว่าเอมต้องอยู่ในชุดบาร์เทนเดอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“มีอะไรผิดปกติเหรอ?”

เอมเมอร์คงเห็นว่าผมจ้องมากเกินไปเลยอดที่จะท้วงไม่ได้

“คุณดู...หล่อดีนะ”

เค้ายิ้ม

“ก็ได้ยินบ่อยอยู่เหมือนกัน”

ผมเผลอเหยียดปากอย่างคุ้นชินจนเอมหลุดเสียงหัวเราะ

“หัวเราะอะไรไม่ทราบ?”

“ปกติคุณมักจะปั้นหน้าแต่เมื่อกี้เหมือนเป็นตัวตนจริงๆของคุณเลย”

“อย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่สิ”

“แล้วมันดีหรือไม่ดี?”

เอมเมอร์เอนกายไปพิงเบาะด้านหลังก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบคางพลางทำสีหน้าคิดหนักจนผมอดใจแป๋วไม่ได้ อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมามันดูน่าเกลียดอยู่ตลอดนะ แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะดูจากผลลัพท์ที่ผมได้คนควบไม่ซ้ำหน้าแล้วนะน่ะ

“เอม”

“หึหึ มันดีสำหรับการหยั่งเชิงผู้มาใหม่นะ แต่มันไม่ดีสำหรับคนที่อยากจะสานสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น”

“เยอะ”

ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มต่อเลิกสนใจคนตรงข้ามทั้งที่เป็นคนบอกให้เค้ามานั่งเป็นเพื่อนแท้ๆ แต่ดูเหมือนเอมเมอร์จะรู้นิสัยผมดี เค้าเลยไม่สนใจที่จะเซ้าซี้หรือชวนคุยอะไร จนกระทั่งเป็นผมเองที่ชวนคุย

“เอม”

“ครับ?”

“คุณ…ไม่มีแฟนเหรอ?”

คนตรงข้ามผมหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

“ทำไมละ? วัยอย่างคุณไม่น่าจะโสดได้นะ หน้าตาก็ใช่ว่าจะเลวร้าย”

“ผมคงจะมีนิสัยคล้ายๆคุณละมั่ง”

“หืม ตรงไหน?”

“ตรงที่ไม่กล้าที่จะเปิดใจไง”

ผมชะงักมือที่กำลังยกขวดขึ้นกรอกปากก่อนจะเหล่ตาไปมองคนพูดด้วยสายตาที่จิกกัดพอสมควร

“ปากดี”

“หรือไม่จริง?”

“……”

ผมเลือกที่จะไม่ตอบทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ ที่มั่นใจแบบนั้นเพราะการที่มีใครบางคนให้ได้คิดถึงแทบจะตลอดเวลาแบบนี้ไงที่เป็นหลักฐานชิ้นเยี่ยม ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นบุคคลที่ไม่สมควรคิดถึงก็เถอะ พูดไปแล้วผมก็ไม่รับรู้ถึงข่าวของครอบครัวนั้นอีกเลยนะครับ จะมีแว่วมาบ้างตามข่าวสังคมในหนังสือพิมพ์หรือทีวีว่านายคเชนต์นั้นได้ล้มจมจนแทบจะล้มละลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ผมลางานมานั่งดื่มกับคุณดีไหมเนี้ย ดูท่าทางแล้วคงอยู่อีกนาน”

ผมพยักหน้าพลางส่งยิ้มไปให้ด้วยความถูกอกถูกใจ เอมเมอร์หัวเราะบอกขอตัวแล้วก็หายเข้าไปในส่วนของพนักงานปล่อยให้ผมนั่งดื่มจนหมดแล้วก็สั่งใหม่ไปเรื่อยๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความไปบอกพี่ครอสว่ามาดื่มที่ไหนก่อนจะล็อคจอแล้วทิ้งมันไว้บนโต๊ะทั้งอย่างนั้น

“รอนานไหม?”

เอมเมอร์กลับมาอีกครั้งพร้อมขวดเบียร์ในมือ และครั้งนี้เค้าเลือกที่จะมานั่งลงข้างๆผมแทนที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเหมือนเดิม

“นาน”

“ขอโทษแล้วกันครับ”

“หึ ถ้าสำนึกผิดจริงๆต้องอยู่ดื่มกับผมจนร้านปิด”

“รับบัญชาครับนายท่าน”

“เห้ย นี่ลางานจริงๆเหรอเอม?”

อดจะตกใจไม่ได้จริงๆ แค่ผมมาดื่มตามปกติไม่เห็นต้องมาใส่ใจกันขนาดนั้นเลย ก็แค่คนรู้จักที่สนิทสนมกับพอสมควรแค่นั้น

“เอาน่า ให้ผมได้ใช้สิทธิ์บ้างเถอะ รู้ไหมว่าบอสดีใจขนาดไหนที่ผมเดินเข้าไปบอกว่าวันนี้ขอหยุดงาน”

“ห่ะ? ลูกน้องหยุดงานนี่ต้องดีใจด้วยเหรอ?”

“ดีใจสิถ้าลูกน้องคนนั้นไม่เคยลางานเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา บอสเคยบอกด้วยซ้ำว่ากลัวผมเครียดจนเกินไป อยากให้หยุดแต่ผมก็ไม่หยุดสักที”

ผมพยักหน้าเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็ดูจากที่เค้ามาทำงานทั้งที่ยังไม่ถึงกะตัวเองแบบนี้สิครับ

“ถือว่าเป็นเกียรติสินะที่ทำให้ลูกน้องคนนี้ยอมหยุดงานได้”

“เพื่อคุณโดยเฉพาะเลยครับ”

เอมยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีจนทำให้ผมยิ้มตามในที่สุด

“งั้นก็…เชียส์”

กริ๊ง!

เสียงขวดชนกันเบาๆก่อนที่บรรยากาศจะค่อยๆดีขึ้นตามอารมณ์ ผมเริ่มพูดมากขึ้นในขณะที่เอมเองก็เช่นเดียวกัน เราพูดถูกคอกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วและเมื่อแอลกอฮอล์เข้าร่างกายก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูจะลื่นไหลไปได้ไวกว่าเดิม จากท้องฟ้าที่สว่างไสวก็เริ่มมืดสลัวลงและผู้คนก็เริ่มหนาตามากยิ่งขึ้นไปด้วย

“พอท้องฟ้ามือแล้วแสงไฟเบื้องล่างสว่างระยิบระยับแข่งกับดวงดาวเลยเนอะ”

เอมเอ่ยเมื่อมองออกไปที่ด้านนอก ผมมองตามด้วยสายตาที่เริ่มจะเบลอลงทุกขณะ ผมเป็นคนคอแข็งนะ แต่นี่ล่อตั้งแต่บ่ายยันเย็นมันก็ต้องมีบงมีเบลอบ้างละวะ

“อืม สวยดี”

“ที่ผมมาทำงานที่นี้ก็เพราะวิวนี้แหละ ทั้งที่งานที่เก่ามันให้เงินผมมากกว่าปัจจุบันถึงสองเท่าก็เถอะ”

“เห้~ เรื่องจริงเหรอ?”

“เห็นผมเป็นคนช่างโกหกหรือไง?”

“ก็ไม่แน่ หน้าตาคุณกะล่อนจะตาย”

เอมหัวเราะขำก่อนจะยกขวดในมือขึ้นดื่มแล้ววาดวงแขนเท้าที่พิงทางด้านหลังไปด้วย

“ใครกันแน่ที่กะล่อน”

“นี่ว่าผมเหรอ?”

เอมไหวไหล่อย่างไม่ยีหระผมเลยแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับหยิบหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือมาฟาดใส่ไปซะเต็มแรง เอมปัดได้อย่างทันท่วงทีพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ผมฟังยังไงก็เหมือนเยาะเย้ยกันอยู่ชัดๆผมเลยกระหน่ำฟาดไปอีกหลายต่อหลายทีจนโดนเอมแย่งไปจากมือชูขึ้นเหนือหัวนั้นแหละผมถึงได้เปลี่ยนเป็นฝ่ายตามไล่ล่ายืดแขนจะไปแย่งแต่ก็โดนเบี่ยงหลบจนน่าเตะ

“เอมเมอร์!”

“ตัวสั้นกว่าที่คิดจะคริสตัล”

ผมกัดฟันกรอดเลยครับ มีสิทธิ์อะไรมาว่าคนอย่างผมตัวสั้นวะ ถึงจะเตี้ยกว่าแต่ก็ใช่ว่าจะสั้นไหม แม่งเจ็บปวด

ตุบ

ในเมื่อแย่งหมอนไม่ได้ผมเลยทุบเข้าที่หน้าท้องเอมไปทีแบบไม่ออมแรงจนเอมถึงกับหลุดเสียงร้อง

“โอ้ย! เจ็บนะคริส”

“สมน้ำหน้า”

ว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่ไปอีก ทำคนอื่นเจ็บตัวได้นี่โคตรสะใจ

“ผิดกติกา”

“ไม่มีสัจจะในหมู่โจร เคยได้ยินไหมเอม?”

“ได้คริส ได้ เล่นอย่างนี้เลยใช่ไหม”

“เห้ย!”

ยังไม่ทันจะตั้งตัวเอมก็เข้ามาประชิดพร้อมกับมือที่ยุกยิกอยู่ที่เอวจนผมหัวเราะลั่นไหนจะดิ้นพล่านหนีความจักกะจี้ที่แทบจะขาดใจตาย ดีหน่อยที่โต๊ะที่เรานั่งเป็นโซนโซฟาซึ่งเป็นคล้ายๆคอกแบ่งแยกอย่างชัดเจน และคนที่โซนนี้ก็ยังไม่มากเลยไม่มีใครสนใจเราสักเท่าไหร่

ยกเว้น…

“เหี้ย!!”

อันนี้ผมอุทานอย่างตกใจโคตรๆที่จู่ๆก็โดนอุ้มจนตัวลอยจากทางด้านหลังจนเข้าสู่อ้อมกอดของใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ

“ทัต!”

เทพทัตไม่ได้สนใจเสียงเรียกของผมแต่หันไปจ้องหน้าเอมที่ลุกขึ้นยืนจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว

“อ้อ คุณลูกค้าคนนั้นนั่นเอง”

เอมเมอร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูจริงใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนตัวโตนี้ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าระดับวีไอพี ทัตไม่ตอบอะไรแต่มือที่โอบผมอยู่กลับเพิ่มแรงรัดจนผมต้องนิ่วหน้า

“เจ็บ ปล่อยนะ”

ทัตหันมามองผมด้วยสายตาที่ยังเกรี้ยวกราดอยู่ ผมพยายามแกะมือหน้าที่โอบรอบเอวแต่เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่

“ทัต บอกให้ปล่อยไง”

“ปล่อยให้ไปหาไอ้นั้นนะเหรอ?”

เสียงทุ่มติดแข็งเอ่ยถามกลับมา

“มันเรื่องของไอ”

“ผัวไม่อยู่แป๊บเดียวหาใหม่ได้ทันใจดีนะคริส”

ผวั๊ะ!

แน่นอนว่ามันเป็นเสียงหมัดหนักๆที่กระแทกเข้าหาคนปากเสียตรงหน้าแต่ไม่ใช่ฝีมือผมนะครับ เอมเมอร์เป็นผู้กระทำและฝ่ายถูกกระทำที่เผลอปล่อยมือจากการโอบผมด้วยแรงชกเลยเซถอยหลังไปเล็กน้อย ผมได้แต่ยืนมองตาค้างไม่คิดว่าร่างบางๆ(แต่ก็หนากว่าผม)ของเอมจะปล่อยหมัดได้หนักถึงขนาดนั้น

“ปากเสียจริงเชียว”

“ฟังไทยออกด้วยเหรอเอม?”

“ผมอยู่ไทยมาเป็นสิบปีนะคริส แค่ฟังออกนะน้อยไป”

ยังไม่ทันที่ผมจะตอบกลับอะไรไปทัตก็เข้ามากระชากคอเสื้อเอมเข้าไปประชิดตัวตั้งท่าจะสวนหมัดใส่เพื่อแก้แค้นแต่ผมรีบร้องห้ามไว้ซะก่อนทัตเลยได้แต่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศ

“หยุด! ถ้ายังกล้าลงมือกับเค้ายูได้เจอดีกับไอแน่เทพทัต!!”

“ทำไมต้องปกป้องมัน!”

ผมไม่ตอบแต่จ้องหน้าสบตากับคนตัวโตเขม่ง ทัตปล่อยมือจากเอมแล้วเปลี่ยนมาจับมือผมแทนแต่ผมสะบัดจนหลุด ทัตได้แต่กัดฟันกรอดแล้วจะเข้ามาใหม่จนเอมเมอร์เข้ามาแทรกอีกที

“ในเมื่อเค้าไม่ยินยอมที่จะไปกับคุณก็อย่ามาบังคับเค้าสิครับ”

“เสือก!”

“เอม เราไปที่อื่นกันเถอะ”

“ไม่ได้นะคริสตัล เราต้องไปกับพี่!”

“เสือก!!”

ผมตะคอกกลับในคำเดียวกันกับมันจนออร่าความโกรธพุ่งทยานจนผมสัมผัสได้แต่ก็ยังแข็งใจสู้

“จะเอาอย่างนี้ใช่ไหมคริส?”

“……”

“ถ้าไม่มาด้วยกันดีๆอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกัน”

จบคำพูดมันก็ชูมือขึ้นเหมือนจะเรียกใครจนผมนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นใครและมีอำนาจมากแค่ไหน

“ยูจะทำอะไร?”

“หึ”

มาแล้วรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ผมแสนเกลียด แต่กลับชวนให้คิดถึงมากพอๆกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาคิดอะไรแบบนั้น

“ห้ามยุ่งกับเอมเมอร์! ห้ามทำอะไรเอมนะ!!”

“คริส”

เอมเมอร์เอ่ยเรียกเสียงแผ่วพร้อมกับเอื่อมมือมากุมมือผมต่อหน้าต่อตาของคนตัวโตตรงหน้า ทัตกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนอย่างน่ากลัว

“ห่วงมันนักเหรอ?”

“เออสิวะ!”

“แล้วเราจะได้รู้กัน สิน!”

ผมอ้าปากเหวอเมื่อไอ้ยักษ์ตรงหน้าตะโกนเรียกลูกน้องในทันที สินเลยโผล่เข้ามาก่อนจะโน้มตัวน้อยๆรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย

“จับตัวไอ้ฝรั่งนั้นซะ”

“ทัต!!!”


TBC…

โผล่มาทั้งที มาในบทผู้ร้ายเลยนะเทพทัต
หึงก็บอกกกกกกก ไม่ต้องทำมาเป็นเข้ม อุแหม่~

 :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2017 23:28:58 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทัตเทพ กลับมาแล้ว
กลับมาหาคริสตัล
มาทวงคริสตัลกลับคืน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อย่ามาร้ายนะตัวเองยังมีความผิดติดตัวอยู่นะที่ไม่ยอมสืบเรื่องดีๆ ซะก่อนเกือบทำให้คริสตกอยู่ในอันตรายแล้วนะดีที่คริสความจำกลับมาซะก่อนไม่งั้นแย่แน่ๆ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
หึงหนักมากกกกกกกก

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 25



“หยุดนะ!”

ผมร้องห้ามสินที่เข้ามาใกล้พร้อมกับดึงเอมเมอร์ให้ถอยหลังห่างออกจากไอ้ยักษ์ตรงหน้าอีกนิด ทัตมองผมเขม่งชนิดที่ดูปุ๊บรู้ปั๊บว่าแม่งไม่สบอารมณ์สุดกู่

ก็แล้วไงวะ กูกับมึงไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ จะมาตั้งท่าเป็นหมาหวงก้างไปทำไม

ดีหน่อยที่สินหยุดเข้ามาใกล้แล้วเหลียวไปมองผู้เป็นนายเหมือนขอคำยืนยันแต่ทัตก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปจนมีผู้จัดการร้านเข้ามาแทรกเหมือนจะเห็นสถานการณ์มาสักพักแต่ไม่มีช่วงจังหวะเหมาะๆที่จะเข้ามา

“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันครับ?”

ถึงจะส่งสายตาดุๆมายังลูกน้องตัวเองอย่างเอมเมอร์แต่ก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มให้ลูกค้าอย่างผมและทัตไปด้วยเช่นกัน

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ผมต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่ม”

ผมตอบโดยจงใจเหน็บแนมทัตไปด้วย คนตัวโตเหยียดยิ้มร้ายก่อนจะหันไปหาผู้จัดการแล้วส่งการ์ดไปให้ ผมขมวดคิ้วมุ้ยไม่สบอารมณ์ทันที ก็การ์ดที่มันยื่นให้ผู้จัดการไปนั้นมันเป็นการ์ดวีไอพีของที่นี้ซึ่งคนที่จะมีมันได้ต้องอยู่ในระดับพิเศษจริงๆ

“ผมขอเปิดห้องSP1”

“ได้ครับ”

ผู้จัดการตอบอย่างนอบน้อมพร้อมโค้งตัวให้จนผมนึกหมั่นไส้ เงินบันดาลให้ได้ทุกอย่างจริงๆสินะ แต่แล้วแรงบีบที่มือของผมก็ทำให้ผมเลิกสนใจเทพทัตและหันไปหาผู้ที่ยืนกุมมือผมอยู่ข้างๆ

อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเอมหน้านิ่วคิ้วขมวด ตั้งแต่ทัตโผล่มาถึงจะมีสีหน้าไม่ชอบใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ออกอาการถึงขนาดนี้ไงครับ

“ไปที่อื่นกันเถอะ”

ผมกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ เอมเลยโน้มตัวเข้ามากระซิบเสียงเบาถึงการเปิดห้องที่ไอ้ยักษ์มันพูดถึง ห้องที่มันเปิดเป็นห้องพิเศษที่อยู่ชั้นบนมีห้าห้องซึ่งเป็นห้องไพรเวทสุดๆนอกจากจะนั่งดื่มสังสรรค์กันได้แล้วยังมีห้องนอนเล็กพร้อมห้องน้ำในตัวไว้ให้บริการอีก ไม่ค่อยจะบ่งบอกถึงจุดประสงค์ในการใช้งานเลยจริงๆ

เอมเมอร์กระตุกมือผมเบาๆเมื่อเห็นว่าผมนิ่งเงียบไปแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาสินก็เข้ามาขวางหน้าและมืออีกข้างของผมก็มีไอ้ยักษ์มาฉุดดึงจนผมถึงกับเซเข้าไปหา

“ปล่อยมือนายเดี๋ยวนี้”

ทัตกดเสียงเข้มขู่ใครอีกคน แต่เอมเมอร์ยังคงนิ่ง ผมได้แต่มองคนทั้งคู่สลับไปมาอยู่อย่างนั้น ใจหนึ่งก็อยากหนีไปให้ไกลๆแต่อีกใจก็ห่วงเอมเมอร์ด้วยเหมือนกัน เอมไม่สมควรมาโดนอะไรทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด จะผิดก็ผิดที่ไอ้ยักษ์นี่คนเดียวเลย

“เอม”

ผมเอ่ยขึ้นในที่สุด เอมเมอร์หันมามองผมด้วยสายตาที่เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เค้าพ้นลมหายใจหนักๆไปทีก่อนจะปล่อยมือที่ดึงผมไว้ในที่สุด

“หวังว่าผมจะไม่ได้ยินคุณมาคร่ำครวญถึงวีรกรรมห่วยๆของเขาในวันหลังนะ”

เอมพูดติดตลกพร้อมส่งรอยยิ้มบางมาให้ ส่วนผมทำได้เพียงยิ้มแหย่ ก่อนจะเดินตามแรงฉุกดึงของไอ้ยักษ์ออกจากบาร์ไปยังบันไดที่อยู่ข้างลิฟท์ ห้องพิเศษที่ว่าคงจะอยู่ชั้นบนนี่แหละมั้ง สินเองก็เดินตามหลังมาพลางสอดส่องสายตามองดูรอบๆเหมือนระแวงอยู่ตลอดเวลา เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนทัตพาผมเดินตรงไปยังหน้าห้องที่มีผู้จัดการบาร์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว มีการเปิดประตูโค้งรับและส่งบัตรพร้อมคีร์การ์ดคืนมาให้ด้วย

ปัง!

เสียงบานประตูปิดดังลั่นตามแรงอารมณ์ในขณะที่ผมและมันต่างก็ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น ผมเดาว่าสินคงยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องแต่ผู้เป็นนายคงไม่สนใจใครอีกต่อไปแล้ว

“มันเป็นใคร?”

ทัตหัวมาถามเสียงเข้มแต่ผมหันหน้าหนี

“อย่าทำให้พี่ต้องใส่อารมณ์มากกว่านี้นะคริส”

“ก็แล้วจะทำมะ...อุ๊ก!”

ยังไม่ทันที่จะพูดจบปากผมก็โดนปิดกั้นอย่างแรงด้วยริมฝีปากหนาของคนตรงหน้า แรงกัดที่ริมฝีปากทำให้เกิดอาการเจ็บแปร๊บอยู่เป็นระยะจวบจนลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามายังด้านใน ผมร้องประท้วงในลำคอพลางทุบตีบุคคลที่ปล้นจูบอย่างรุนแรงแต่ทัตก็ไม่สะทกสะท้าน เป็นยักษ์ยังไงก็เป็นอยู่อย่างนั้นจริงๆ ผมโดนมันผลักจนหลังชิดบานประตูก่อนจะดึงทึ่งเส้นผมจากทางด้านหลังให้ผมเผลอเงยหน้าด้วยความเจ็บไปรับบทจูบที่เจ็บแสบยิ่งกว่า

เหมือนโดนลงโทษทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด

แล้วมันใช่เรื่องที่ผมต้องมาโดนอะไรแบบนี้เหรอวะ

ว่าแล้วก็ดิ้นพล่านยกขาตีเข่ากะจะให้โดนเป้าแต่ไอ้ยักษ์แม่งก็เสือกรู้ทันกูอีก เอาวะ อย่างน้อยๆมันก็ปล่อยปากผมให้เป็นอิสระอีกครั้งก็แล้วกัน

“เจ็บนะเว้ย”

กัดมาได้ ไอ้สันขวาน

“มัน.เป็น.ใคร.”

มันถามเน้นย้ำที่ละคำแบบหนักๆชัดๆบ่งบอกเลยว่าอาการใกล้จะปะทุเต็มที่

“บาร์เทนเดอร์ที่บาร์”

“บาร์เทนเดอร์เหี้ยไรถึงมานั่งดื่มกับแขก ไหนจะได้การแตะเนื้อต้องตัวเกินความจำเป็นนั้นอีก”

“เอมเมอร์ลางานเพื่อมานั่งดื่มเป็นเพื่อนไอแล้วพวกไอจะเล่นกันยังไงมันก็เรื่องของไอป่าววะ”

“หึ จะบอกว่าพี่เสือก?”

“เยส!”

“หึ เดี๋ยวได้เอาสมใจแน่”

ผมอ้าปากค้าเลย

ไอ้เหี้ย! ไอ้โคตรพ่อโคตรแม่เหี้ย!!!

พูดมาได้เต็มปากเต็มคำ แถมเวลานี้มันใช้เวลาจะมาพูอะไรแบบนี้ไหมวะ ผมถามจริงๆ

“แล้วเสือกเรื่องเมียตัวเองเนี้ยมันผิดด้วยเหรอ?”

ผมจ้องไอ้คนตรงหน้าเขม่ง ยอมรับว่าใจกระตุกไปวูบที่ได้ยินคำว่า ‘เมียตัวเอง’ จากปากมันอีกครั้งทั้งที่พยายามตัดใจมาโดยตลอด แต่ผมยังเก็บอาการได้อยู่ครับ

“ใครเป็นเมียยูไม่ทราบ ได้ข่าวว่าเราเลิกกันแล้วนะ”

“ใครไปตกลงว่าจะเลิกด้วยไม่ทราบ?”

มันตอบหน้าด้านๆชนิดที่กวนตีนถึงขีดสุดจนผมอยากจะประเคนบาทาให้ฉิบหาย แต่ไม่ได้ครับ ไม่ได้เกรงกลัวหรือเกรงใจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะกูถูกมันล็อคไว้ด้วยขาแกร่งไหนจะมือทั้งสองข้างที่ถูกมันรวบไว้เหนือหัวนี่อีก

มือไวใจแรงไม่มีตกจริงๆ ให้ตายสิวะ แล้วอย่างนี้ผมจะเอาอะไรไปสู้กับมัน

“ปล่อยไอนะ”

“ไม่”

“ไอบอกให้ปล่อย!”

“ไม่มีวันซะละ”

“เห้ย!”

ผมอุทานลั่นเมื่อมันอุ้มผมพาดบ่าแล้วพาเข้าไปปล่อยลงที่เตียงกว้าง เน้นนะครับว่าปล่อยลงไม่ใช่วางแบบเบาๆอย่างทะนุถนอม สัส ไอ้ห่านี่มันไม่มีคำว่าปราณีในหัวสมองเลยใช่ไหมวะ ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากด่าอะไรออกไปไอ้ยักษ์มันก็ขึ้นมาค่อมทับพร้อมพันธนาการผมไว้ด้วยเงื่อมมือของมันเอง เออ เอาเข้าไป

“จะดื้อไปทำไม แค่จะทำอะไรอย่างที่เคยๆกันก็แค่นั้น”

“ไปทำกับตัวเองเถอะไอ้สัส ปล่อยสิวะ”

“หึ พออารมณ์เสียนี่หยาบโล้นมาเชียวนะ”

“เรื่องของไอ!”

“เดี๋ยวได้รู้กันแน่ว่าเรื่องของคริสมันก็เรื่องของพี่ด้วย”

“ไม่! ปล่อยสิวะ อ๊ะ!! อย่านะ!!!”

แล้วคิดเหรอว่ามันจะฟังผม แหกปากห้ามให้ตายมันก็ยังคงความหน้าด้านปลดเข็มขัดรูดซิปพร้อมดึงกางเกงผมลงจนร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มในเสี้ยววินาที ดีหน่อยที่เสื้อเชิตนักศึกษาด้านบนมันยังใจเย็นปลดกระดุมให้ถ้าใจร้อนหน่อยกระชากขาดคงต้องถีบกันไปข้าง ก็ลองคิดดูสิครับว่าถ้าเสื้อผมขาดแล้วผมจะเอาที่ไหนใส่กลับบ้าน

“ทัต! อื้ออออ”

ผมสะดุ้งโหย่งทันทีที่ยอดอกถูกครอบด้วยริมฝีปากหนา ลิ้นร้อนไล่เลียก่อนจะขมเม้นจนความเสียวแล่นปร๊าดไปทั่วทั้งร่าง

ไอ้ห่า ดูดอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องกัด!

มืออีกข้างของมันก็จับส่วนอ่อนไหวของผมเล่นอย่างช่ำชองซะเหลือเกิ๊น กูนี่เริ่มอ่อนเปรี้ยเพลียแรงแล้วครับ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไอ้นี้มันมือฉมังในเรื่องนี้ ลงมือฟัดกันแต่ละทีกูนี่ไปไม่เป็นตัลลอดดดดด

นี่กูต้องตกเป็นของมันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอวะ

ให้ตายสิโรบิ้น แล้วอย่างนี้กูจะตีห่างจากมันมาเพื่อ!

ไม่ได้ ในเมื่อไม่น่าจะร่วมอนาคตด้วยกันได้ก็ควรจะหยุดไว้ตั้งแต่ตอนนี้

ถึงแม้จะรู้สึกลุกซึ้งไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ลงรากฝังแน่นถึงขนาดถอนรากถอนโคนไม่ได้...ละมั่ง…

“ทัต…อืม…หยุดก่อน…”

กูจะพูด มึงอย่าพึ่งรูดดิวะ กูเสียว

“ทัต คุยกันก่อน”

ในที่สุดก็จบประโยคและไอ้ผู้กระทำมันก็ชะงักปากไปแป๊บส่วนมือนะเหรอ…เหอะ…ยังเล่นอยู่อย่างนั้นจนส่วนนั้นตั้งตรงแด่วแน่วแน่อย่างกับเคารพธงชาติอยู่ก็ไม่ปาน

“อารมณ์ดีพอจะคุยกันได้แล้วสิ”

สัส ใครกันแน่วะที่แทบระเบิดอารมณ์อยู่ร่อมล่อ

ผมเม้มปากแน่นพูดไม่ออกร้องไม่ถูกเพราะไอ้ยักษ์ยังคงแกล้งรูดเบาสลับแรงจนแทบไปไม่เป็น เหี้ยเถอะ ดูก็รู้ว่าแกล้งกูอยู่ ดีนะที่ที่นี้ไม่มีของเล่นอย่างที่มันชอบเอามาแกล้งผมไปด้วย ไม่งั้นคงอ่วมกว่านี้

“อาาา…ยะ หยุดสิ…อืมมมม…”

“หึ”

“อึ๊ก”

“กล้ามากนะที่บอกเลิกกัน”

“อ๊ะ!”

เชี่ย

อย่าแหย่รู กูบอกให้หยุดไม่ใช่แหย่แบบนี้นะไอ้ควาย!

“กล้ามากที่ไปกระหนุงกระหนิงกับไอ้บ้านั้น”

“อ๊าาาา ทัต!”

อย่าวนตรงนั้นสิวะ โอ้ย กระตุกไปทั้งตัวเลยกู

“กล้ามากที่ปกป้องมัน กล้ามากที่ขึ้นเสียงใส่กัน กล้ามากนะคริส”

“อือออ พะ อ๊ะ พอ!”

ทัตเหยียดยิ้มโดนไม่ฟังคำท้วงใดๆจากผมทั้งสิ้น ผมแทบมึนเบลอเมื่อโดนการเล้าโลมจากทางด้านหลัง ไม่รู้ว่าความลื่นนี้มาจากไหนแต่ที่แน่ๆคือมันปลดกางเกงและเอามังกรยักษ์ของมันมาจ่อที่ทางเข้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มือที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระตวัดมาจิกลงตรงลาดไหล่หนา จังหวะเดียวกันนั้นสิ่งใหญ่โตก็รุกล้ำเข้ามาโดยปราศจากการตักเตือนใดๆทั้งสิ้น ผมไม่รู้สึกตั้งแต่มันเอานิ้วออกตอนไหนแล้วสิ่งนั้นแทรกเข้ามาง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไงแต่มารู้ตัวก็ตอนที่มันก้มลงมากระซิบที่ข้างหูพร้อมกับแรงกระแทกที่ถาโถมเข้ามาไม่มีคำว่าออมแรง

“คริสเป็นของพี่ จำไว้”








- เทพทัต –

ผมนอนจ้องมองคริสที่หลับพริ้มอยู่ในอ้อมแขน ท่าทางที่หลับลึกนั้นบ่งบอกถึงอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ไหนจะรอยรักที่ผมฝากไว้บนผิวขาวแทบจะทุกอณูรูขุมขน ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่หึงแรงและมีเซ็กส์ที่รุนแรงไม่แพ้กันแต่คริสก็รับได้แถมยังตอบสนองดีในทุกครั้งถึงแม้ปากจะคอยปฏิเสธไม่หยุดหย่อน

เกือบสองสัปดาห์ที่ผมหายไปเคลียร์เรื่องบริษัทเนื่องจากอาเชนต์ได้สร้างเรื่องไว้จนต้องเรียกประชุมบอร์ดครั้งใหญ่เรียกหุ้นส่วนทั้งหมดมารับรู้จนได้ข้อยุติคือถอนทุกหุ้นของคเชนต์และไล่ออกในที่สุด แต่ถึงจะไล่ออกและถอนหุ้นมันก็ไม่สะทกเงินตราในอาณัติของคนอย่างคเชนต์สักเท่าไหร่ แต่ทว่าความซวยยังคงไม่หมดไป วันต่อๆมาหุ้นที่คเชนต์ลงทุนไปค่อยๆมอดดับจนกลายเป็นติดลบจนแทบจะล้มละลาย แน่นอนว่าผมไม่ได้มีส่วนด้วยถึงแม้ตัวเองจะอยู่ในวงการด้วยก็เถอะ เมื่อทุกอย่างสูญสิ้นอาเลยหันหน้ามาขอร้องอ้อนวอนและแน่นอนว่าผมปฎิเสธ ผมโกรธจริงๆนะ นี่ขนาดเป็นญาติกันยังตลบหลังกันได้ขนาดนี้ แล้วไหนจะเอาพี่สาวผมไปเป็นตัวหมากอีก

อีฟเองก็ใช่ย่อย รายนี้หนักหน่อยตรงที่เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่เกิดความโลภจนตกหลุมพลางของคเชนต์เข้า นี่ถ้าผมไม่เข้ามาบริหารคงไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสินะ แล้วยังเรื่องความรักความกลียดอันซับซ้อนของอีฟและทีครอสนั้นอีก บทสรุปที่ได้คืออีฟถูกส่งตัวไปอยู่ที่โรงพยาบาลด้านจิตเวชในที่สุด

และเรื่องนี้เข้าหูพ่อแม่ในที่สุดจนพวกท่านเอ่ยปากว่าจะกลับมาที่ไทยในไม่ช้านี้

“เฮ้ย~”

ผมถอนหายใจเสียงแผ่วเมื่อคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆจนเหนื่อยใจ แต่เรื่องไหนๆก็ไม่สะเทือนใจเท่าวินาทีที่คริสหายไปในวันนั้น วันที่มาส่งผมเข้าโรงพยาบาลแล้วเอ่ยตัดพ้อจนผมแทบจะบ้าตาย

เอาจริงๆก็อยากกลับมาง้อตั้งแต่วันต่อมาด้วยซ้ำแต่ยังยั้งตัวได้ทันและพอจะคิดได้ว่าควรจัดการเรื่องยุ่งๆพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมารับตัวกลับอย่างสบายใจไร้ข้อกังวล แต่ใครจะไปคิดว่าพอมาหากลับโดนกีดกันในทุกเส้นทางซะงั้น ถือว่าโชคดีที่คริสเลือกที่จะมาที่บาร์แบบไม่บอกใครเลยทำให้ผมสามารถเจอตัวเค้าได้ในที่สุด

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ที่ดังก้องทำให้ผมละสายตาจากคนตรงหน้าไปมองยังแหล่งที่มา น่าจะเป็นของคริสเพราะเสียงมันมาจากกางเกงของคนตัวบาง ผมค่อยๆเลื่อนตัวออกโดนไม่ให้คนหลับตื่นแต่คริสก็งัวเงียตื่นขึ้นมาจนได้

“นอนต่อเถอะ”

ผมก้มลงไปจูบหน้าผากมลในเชิงกล่อมนอน คริสไม่หือไม่อือแต่ค่อยๆหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

ถึงขนาดตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองแบบนี้ ท่าจะเหนื่อยจริงอะไรจริงแฮะ

ผมลุกไปควานหาโทรศัพท์ที่เสียงตัดขาดไปแล้วรอบหนึ่งก่อนจะดังขึ้นมาใหม่ภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที เมื่อเจอก็อ่านดูรายชื่อผู้โทรเข้าแล้วเหยียดยิ้ม เป็นเพื่อนของคริสที่ผมคิดว่ามันน่าจะคิดไม่ซื่อกับเพื่อนตัวเอง

“ฮัลโหล”

ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำอะไรไร้มารยาทอย่างนี้เลยสักครั้ง

/…มึงเป็นใคร?/

“หึ”

เหมือนอารมณ์หึงที่พึ่งเบาบางกำลังจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ช่วยไม่ได้แหละนะ ก็คนมันรักไปแล้วด้วยนี่

/กูถามว่ามึงเป็นใคร!? แล้วคริสอยู่ไหน!?!/

“คริสตัลหลับอยู่ แล้วนายมีธุระอะไรเหรอถึงได้โทรหาดึกๆดื่นๆ?”

ผมถามกลับเมื่อเห็นเวลาคร่าวๆบนหน้าจอบ่งบอกว่าใกล้จะห้าทุ่มในอีกไม่กี่นาที

/เทพทัต?/

“หึ”

/เชี่ย! มึงโผล่ไปอยู่กับคริสได้ไงวะ!?!/

“ผมอยู่กับแฟนผมมันผิดตรงไหน?”

/พวกมึงเลิกกันไปแล้ว และคริสไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับมึงอีก/

“ไม่รู้หรอกนะว่านายจะได้ยินอะไรมา แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตรงนี้และตอนนี้นั้นคือความจริง คริสอยู่กับผม เราพึ่งจบบทรักที่ค่อนข้างจะเร้าร้อนไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนและคริสเพลียจนหลับลึกถึงขนาดโทรศัพท์ดังอยู่ข้างๆยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ชัดเจนไหมครับ?”

/ไอ้!!!!/

“อ้อ แล้วก็ช่วยเลิกหวังลมๆแล้งๆได้แล้ว คริสไม่มีวันหันไปหานาย นายก็รู้ดีแก่ใจ ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ”

/สัสเอ๊ย!!! แกร๊ก…ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด/

ผมเอาโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายมามองด้วยรอยยิ้มเยาะก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะด้านข้างแล้วล้มตัวลงนอนดึงคริสตัลเข้ามมกอดพลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงไหล่

“ฝันดีครับที่รักของพี่”

หวังว่าพอตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างจะดีขึ้นนะ คริสตัล


TBC…
อีเฮียมันร้าย
แต่นังคริสร้ายยิ่งกว่า ใครไม่เชื่อ รอดูตอนต่อไปได้เลย หุหุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 09:15:58 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เคมีต้องกัน
ทัต พยายามหน่อย ให้คริสเชื่อใจใหม่
ต้องใช้ความจริงใจสู้สินะ สู้ๆๆ
คริส เสน่ห์แรง คนชอบเยอะ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทัตไม่สำนึกเลยว่าทำอะไรไปบ้าง -*- เกลียดจริ๊งงงง ทำผิดแต่ไม่รู้สึกผิดเนี่ย เฮ้ออออ ผู้ชายแบบทัตนี่ถ้าไม่เกิดเรื่องก็คงไม่รู้สินะว่ากำลังทำอะไร

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เกิดเป็นพระเอกแบบอีทัตนี่ก็ดีเนอะ ไม่ต้องทำห่ะอะไรก็ได้ของดีๆไปแบบสบายๆ สันดานชั่วๆ แถมโง่อีกต่างหาก เพลีย เป็นนี่จะเอาผัวใหม่

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รู้ว่าหึงแต่ตอนนี้มีสิทธิอะไรมาทำกับคริสแบบนี้ เกลียดว่ะคริสเอาคืนให้หนักเลยนะคนที่ไม่สำนึกถึงความผิดของตัวเองแบบนี้อ่ะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เอ้ยยยคริสอย่าใจร้ายกับพี่เทพทัตมากน้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 26


 
ตุ๊บ!


เหี้ย!!


ใครถีบกู!?!


ผมลืมตาโพล่งเมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวตกลงสู่ความแข็งของพื้นเบื้องล่างในยามเผลอ ไม่เผลอได้ไงก็ผมหลับอยู่นี่ พอยันตัวลุกขึ้นนั่งดีๆก็มองไปเจอตัวการที่ยังคงนั่งกอดผ้าห่มพลางยู่หน้าเหมือนจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

เดี๋ยวสิ คนที่เจ็บควรเป็นผมนะ

แต่พอจำได้ว่าเมื่อคืนเผลอหนักไปขนาดไหนก็ได้แต่เงียบกริบ ถ้าตื่นมามีแรงถีบผมที่ยอมรับอย่างจำทนว่าตัวใหญ่มากลงจากเตียงได้แสดงว่าต้องกลับมามีเรี่ยวแรงมากพอสมควรแหละนะ

ฤทธิ์เยอะตั้งแต่หัววันเลยนะที่รัก

“เจ็บไหมละนั้น”

ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืน คริสใช้สายตาบลือที่รื้อน้ำนิดหน่อยจ้องมองผมเขม่ง ดวงตาสีฟ้าใสบัดนี้แดงระเรื่อเหมือนกำลังจะร้องไห้แต่มันจะใช่เหรอ อย่างคริสตัลเนี้ยนะร้องไห้


แผละ!


อ้าวเห้ย!

ร้องไห้จริงๆด้วยเว้ย

“คริสเป็นอะไร!?!”

ผมรีบรุดเข้าไปกะเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มขาวด้วยมือของตัวเองแต่พอเข้าไปใกล้ไอ้ตัวขาวนั้นก็ถกหนีในทันทีแถมยังแสดงทาทีเหมือนรังเกียจจนผมชะงัก

หรืออาจจะไม่ได้รังเกียจแต่โกรธจนไม่อยากให้สัมผัสตัว

แค่คิดก็ใจแป๊วแล้วกู

ผมผ่อนลมหายใจแล้วนั่งลงหมิ่นๆที่ขอบเตียงตรงข้ามกับเจ้าตัวดื้อ(ชักจะมีหลายฉายาให้เรียกจนเกินไปแล้วแฮะ)

“โกรธพี่เหรอ?”

หน้าตาเหวี่ยงๆตอบกลับมานั้นทำให้ผมเผลอยิ้มนิดหน่อย ถึงจะเหวี่ยงแต่คราบน้ำตานั้นไม่ได้ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาเลยนะครับ

“คริสตัล”

“……”

“พูดกับพี่สิ”

“……”

ดื้อยังไงก็ดื้ออยู่อย่างนั้นจริงๆ ให้ตายสิ แต่ก็น่าปราบดีชะมัด

“คริสครับ”

คราวนี้ทั้งเรียกทั้งขยับเข้าไปหาแต่แน่นอนว่าเด็กดื้อไม่ยอมง่ายๆแน่


อุ๊ก!


โดนตีนอีกแล้วกู

คราวนี้โดนมาเต็มๆอกจนต้องนิ่วหน้าแต่ยังไม่ถึงกับถกถอยหลัง เป็นคริสที่ถอยหลังไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็สุดขอบเตียง ผมยกยิ้มเมื่อคนตรงหน้าสิ้นทางหนีแต่ใครจะไปคิดว่าคริสจะยังถอยต่อจนร่างล่วงลงไปกองกับพื้นนั้นแหละ

“คริส!”

ผมก็รับไว้ไม่ทันซะด้วย เวรของกรรม

“เจ็บมากไหม?”

ผมถามเมื่อลงมาพยุงตัวเด็กดื้อให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ แรกๆก็ผ่อนตามแรงดึงอยู่หรอกแต่พอรู้ว่าเป็นผมแม่งสะบัดมือทิ้งอย่างไวไหนจะลุกขึ้นถอยหลังจ้องหน้าตาไม่กระพริบทั้งที่ผมดูยังไงสังขารก็ไม่เอื้อต่อการหนีเลยสักนิด ขาสั่นขนาดนั้นจะเดินไปถึงไหนกันเชียว

“คริสอย่าดื้อ”

ผมเอ่ยเสียงอ่อน จะว่าไปตัวคริสก็แดงจนดูผิดปกติอยู่นะ แล้วตอนจับแขนเมื่อกี้ก็…

“ไม่สบายเหรอ?”

คริสตัลไม่ตอบและยังคงจ้องหน้าผมนิ่งๆ ตอนนี้เจ้าตัวเดินไปยืนพิงตู้เสื้อผ้าที่ผมแขวนชุดของเราที่ส่งทางโรงแรมซักรีดมาเรียบร้อยแล้ว อ้อ เราอยู่ในชุดคลุมนะครับ กึ่งโป๊กึ่งไม่โป๊นั้นแหละ เมื่อคืนก่อนหลับผมเช็ดตัวให้คริสไปรอบหนึ่งแล้วค่อยเอามาสวมให้ไง จะให้นอนเปลือยก็กลัวใจตัวเอง กลัวทนไม่ไหวลากคนหลับมาปลุกปล้ำไม่ได้ไรงี้ ฟังดูหื่นๆแต่ถ้าอยู่กับคริสแค่นั่งข้างกันผมก็ตั้งได้นะครับ สารภาพไว้ตรงนี้เลย

“คริส”

ผมเรียกอีกครั้งพลางเดินเข้าไปหาเพราะคนตรงหน้าเริ่มจะหายใจผิดปกติแล้ว

“ถอยไป”

เสียงแหบเชียว โคตรแย่เลย

“มันใช่วลามาดื้อไหม? มานี่”

ผมดุ แต่เด็กดื้อก็ยังไม่ยอม

“บอกให้ถอยไปไงวะ! แค่กๆ”

ขึ้นเสียงเองแล้วก็ไอเอง ผมใช้จังหวะนี้พุ่งเข้าไปหากำลังจะช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแต่คริสที่ตกใจพอสมควรเลยฟาดมือไปมาจนโดนหน้าผมเข้าเต็มแรง


เพี๊ยะ!


เจ็บไปอีก

ผมหน้าหันตามแรงตบจนคนฟาดงวงฟาดงาเมื่อครู่ชะงักไปนิดก่อนจะออกแรงผลักผมอีกแต่ผมไม่ยอมปล่อย ผมจัดการช้อนร่างนั้นขึ้นทั้งที่คริสยังดิ้นพล่านเสียงแหบๆพ้นคำด่าสลับกับการไอค๊อกแค๊กจนไปถึงเตียงนั้นแหละ

“อยู่เฉยๆ”

ผมจับเด็กดื้อที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กไม่หยุดให้นอนลงดีๆแต่ก็ยากเสียยิ่งกว่ายาก ไอ้ข้างหลังก็ดูเหมือนจะเจ็บแล้วเอาแรงที่ไหนมาดิ้นวะ

“จะฝืนร่างกายตัวเองทำไมห่ะ บอกให้นอนดีๆไม่สบายอยู่ไม่ใช่รึไง”

ผมเริ่มขึ้นเสียงจนคนโดนดุเม้มปากแน่น ดวงตาแดงฉานมากกว่าเก่าพอๆกับอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้นจนผมสัมผัสได้

“อย่ามายุ่ง! แค่กๆๆ”

แค่เรื่องที่โดนไปเมื่อคืนไม่น่าจะทำให้ป่วยขนาดนี้นี่นา ไอ้การโดนแรงๆแบบนั้นใช่ว่าคริสจะไม่เคยโดน แล้วทำไมถึงพึ่งมาเป็นเอาตอนนี้

“คริส ขอร้องละอย่าพึ่งดื้อจะได้ไหม ไม่สบายก็พักผ่อน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลย โอเค?”

คริสตัลหยุดการดิ้นแล้วเงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่ยังไม่ยอมลงให้ง่ายๆ แรงหายใจหอบหนักขึ้นทุกขณะจนผมเริ่มจะใจไม่ดี

“พกยามาด้วยรึเปล่า?”

“...บ้าน...”

“ห่ะ?”

“จะ แค่กๆ จะกลับบ้าน”

พูดพร้อมกับเอามือกุมคอไหนจะหอบหายใจไปด้วยอีก

“ไปหาหมอกันก่อนดีกว่า”

“ไม่ จะกลับ แค่กๆๆๆ จะกลับบ้าน กลับบ้าน”

“คริส”

“พี่ครอส แค่กๆๆ โทรหาพี่ครอส”

ผมส่ายหัวให้เด็กดื้อที่เริ่มจะงี่เง่า พึ่งรู้ว่าถ้าคริสป่วยแล้วจะง่องแง่งงี่เง่าแถมยังดื้อเป็นทวีคูณก็คราวนี้แหละ ผมลุกจากเตียงกะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้คนบนเตียงแล้วค่อยพาไปหาหมอแต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ของคริสก็ดังขึ้นมาซะก่อน คริสตัลเงยหน้าไปมองแล้วหันไปคว้ามาอย่างรวดเร็ว

“พี่ครอส แค่กๆๆ มารับที”

อีกเรื่องที่พึ่งรู้คือพี่น้องคู่นี้มันส่งกระแสจิตถึงกันได้ด้วยวะครับ เชื่อเลยจริงๆ

“คริส ไปโรงพยาบาลก่อน เดี่ยวพี่ไปส่ง”

ผมท้วงแต่ดูเหมือนคริสตัลจะไม่ฟังเลยสักนิด

“อยู่ที่XXX...อืม...แค่กๆ...ครับ”

แล้วก็เอาโทรศัพท์ออกจากหูแต่ยังกำไว้แน่นพร้อมนอนคว่ำก้มหน้าลงกับหมอนไปอีก

“คริส เดี๋ยวหายใจไม่ออก”

ผมจับแขนกะดึงให้กลับมานอนหงายดีๆแต่คริสก็ยังปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี

“คริส”

“หุบปาก”

ผมถึงกับยกมือกุมขมับ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับเด็กดื้อคนนี้ดีแต่ที่รู้ๆคือพี่ชายมันกำลังจะมารับในอีกไม่ช้า เผลอๆอาจจะเร็วกว่าที่ผมคิดซะด้วยซ้ำ แต่ว่า...คริสไม่สบายเพราะผม ผมก็ควรจะเป็นคนดูแลป่าววะ

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำหยิบผ้าผืนเล็กที่พับอยู่บนชั้นเหนือตู้กระจกไปชุดน้ำบิดหมาดแล้วออกไปหาเด็กดื้อที่ยังคงนอนคว่ำอยู่บนเตียง พอจะเดาได้ว่าที่นอนคว่ำนั้นอาจจะเจ็บก้นและสะโพกแต่ในเมื่อไม่สบายการหายใจก็ผิดปกติมันก็ไม่ควรจะนอนในท่านี้นานๆนะครับ

“คริส หันมานอนหงายดีๆ หายใจไม่ออกไม่ใช่รึไง?”

พูดพร้อมกับจับแขนเรียวยกขึ้น คริสหลับตาแต่สีหน้าเหมือนจะอึดอัดมาแถมยังไม่แผงฤทธิ์อะไรแล้วด้วย ผมค่อยๆพยุงร่างบางให้นอนดีๆก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ คริสสะดุ้งจะถกตัวหนีก็หลายรอบแต่ผมดึงไว้ ปากบ่นหนาวอยู่เรื่อยๆจนผมต้องเดินไปเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้อุ่นขึ้นไปอีก

“อย่ามา…แค่ก…ยุ่ง”

ผมหลุดยิ้มเมื่อคนอ่อนปวกเปียกยังคงพูดจาแบบนี้ทั้งที่สังขารไม่เอื้อเลยสักนิด ผมจัดการจับคนป่วยใส่เสื้อผ้าจนเสร็จทั้งผมทั้งมันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ ชื่อที่โชว์นั้นคือทีครอส ผมพ้นลมหายใจก่อนจะรับสายแทนเพราะดูเหมือนคริสจะเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ไฮ”

/มึง…เทพทัต!?!/

ควรดีใจดีไหมครับที่ว่าที่พี่เมียจำเสียงผมได้แม่นขนาดนี้

“หึ”

/ทำไมมึงถึงอยู่กับน้องกูได้?! มึงทำอะไรคริส!?!/

“คิดว่าผมจะทำอะไรเมียตัวเองละ?”

/ใครเมียมึง?! น้องกูไม่ใช่เมียมึงไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน!?!/

ประกาศศักดามาแบบนี้ ท่าจะงานหินแล้วสิครับ ได้เมียทั้งทีทำไมถึงได้ยากได้เย็นขนาดนี้วะ

“ขอโทษทีที่เป็นไปแล้ว แถมยังเป็นไปนานแล้วด้วย”

/สัส! อย่ามาเล่นลิ้นกับกู คริสอยู่ไหน? ให้มารับสายเดี๋ยวนี้!?!/

ไม่รู้ว่าจะตะคอกทำไม แต่ก็ช่างมันเถอะ

“หลับไปเมื่อกี้ ตอนนี้อยู่ที่ห้องSP1ชั้น14 ดูเหมือนจะไม่สบาย ผมจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม”

/มันร้องแต่จะกลับบ้านใช่ไหม?/

ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยที่คนปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วลงและเจือความกังวลอยู่บางๆ

“ใช่”

/งั้นมึงอุ้มมันมาหากูเลย กูจะสตาร์ทรถรออยู่หน้าโรงแรม/

“โอเค”

ผมวางสายแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเข้าไปช้อนร่างบางขึ้นอุ้ม เมื่อไปถึงประตูก็เรียกสินให้ใช้คีย์การ์ดเปิดจากด้านนอกให้แล้วจึงรีบตรงไปยังลิฟท์เพื่อลงไปยังชั้นกราวนด์

“ให้ผมอุ้มให้ไหมครับ?”

สินเสนอตัวตามประสาลูกน้องที่ค่อยข้างจะอวยนายอย่างผมพอสมควร สินอยู่กับผมมานานและแทบจะทำให้ผมทุกอย่างไม่เว้นแต่การเฝ้าหน้าห้องทั้งคืนอย่างเมื่อคืนนี้ ผมไม่เคยสั่งให้เฝ้าทั้งคืนแบบนั้นนะครับ ออกจะปล่อยให้เปิดห้องข้างๆพักได้ถ้าผมค้าง แต่สินไม่เคยทำอย่างนั้นเลย

“ไม่ละ ทีครอสรออยู่ข้างล่างแล้ว”

สินเงียบก่อนจะพยักหน้ารับแต่ผมก็รู้นะว่าเค้าห่วง ในสายตาสินทีครอสยังคงเป็นศัตรูกับทางผมอยู่ไงครับ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่แล้ว

“ไม่ต้องห่วงน่า มันไม่ฆ่าฉันหรอก”

“ยังไงก็ระวังตัวไว้ดีกว่านะครับ”

“รู้แล้ว”

พอดีกับที่ลิฟท์มาถึงชั้นที่จะลงเราเลยยุติการพูดคุยไว้เพียงเท่านี้ ผมก้าวยาวๆออกจาดลิฟท์ตรงไปยังประตูหน้ามาพนักงานโรงแรมมองตามด้วยความตกใจตลอดทางแต่ผมไม่สน ผมมองเห็นรถยุโรปสีดำติดฟิล์มทึบจอดติดเครื่องอยู่ทางด้านหน้าก็พุ่งไปหาทันที ทีครอสลงมาจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านหลังให้จนผมนำตัวคริสเข้าไปนอนดีๆที่เบาะหลังจนเรียบร้อยแล้วนั้นแหละไอ้คนพี่มันถึงหันมาผลักผมออกจากรัสมีน้องชายตัวเอง

“อะไรวะ!?”

“กลับไปอยู่ในที่ของมึงซะ แล้วอย่ามาให้คริสเห็นหน้าอีก”

“แต่ผมรักเค้า”

“ก็แล้วยังไงละ น้องกูเจอมึงทีไรมีแต่เรื่องให้ต้องเจ็บตัวทุกที”

“พี่ครอส”

ระหว่างการถกเถียงเสียงอันแหบพร่าและแผ่วเบาก็ดังขัดขึ้นมา เราทั้งคู่หันไปหาคนเรียกที่อยู่ในรถก่อนที่ทีครอสจะก้มลงไปหาน้องชาย

“ว่าไงคริส?”

“กลับบ้าน”

“อืม รู้แล้ว นอนพักซะ”

คริสตัลพยักหน้ารับแล้วหลับตาลงอีกครั้ง หน้าที่แดงระเรื่อทำให้ผมอึดอัดใจในทุกครั้งที่มอง อยากจะเข้าไปกอดเข้าไปช่วยเข้าไปกล่อมและคอนดูแลจนกว่าจะหายแต่ก็ทำไม่ได้

“หลีก”

ทีครอสเอ่ยค้อนเสียงเข้มพลางปิดประตูรถไปด้วย

“ขอละ อย่างน้อยก็ขอดูแลจนกว่าจะหายป่วยนะ”

“ไม่! น้องกู กูดูแลเองได้”

“ดื้อทั้งพี่ทั้งน้อง”

“หลีกสิวะ กูจะกลับบ้าน”

“ไปโรงพยาบาลเหอะ”

“ไม่ได้ยินรึไงว่ากูจะกลับบ้าน หลีก!”

ยังไม่ทันทีผมจะพูดตอบกลับก็โดนมันผลักจนแทบเซ สินที่อยู่ไม่ไกลกำลังจะก้าวเข้ามาช่วยแต่ผมชูมือห้ามไว้ปล่อยให้ทีครอสเดินกลับไปยังตำแหน่งคนขับแล้วขับออกไปในที่สุด

“ผมว่าถ้านายจะไปต่อมันค่อยข้างยากเอาการเลยนะครับ”

ผมนิ่งเงียบ เข้าใจดีว่ามันหมายความว่ายังไงเพราะตัวเองก็ทำใจในเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว แต่ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นมันค่อนข้างเหนือความคาดหมายไปนิด ผมกะจะมาง้อคริสไม่ได้ไปตอกย้ำเค้าแบบนั้น แต่ด้วยอารมณ์ที่มันแทบปะทุจึงเผลอจัดไปโดยไม่สนใจคนรองรับสักเท่าไหร่

ให้ตายสิ นี่ผมต้องทำผิดซ้ำๆซากอยู่แบบนี้นะเหรอ

ทุกเรื่องที่ว่ายากผมมักจะคุมไว้ได้หมด แต่ทำไมเรื่องของหัวใจมันถึงเหลวเป๊กได้ถึงขนาดนี้

เกลียดตัวเองฉิบหายเลยวะ

“ไปเอารถมา”

“จะไปที่ไหนครับ?”

“ไปบ้านคริสตัล”

แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอมแพ้ง่ายๆนะครับ โดนแค่นั้นแล้วถอยมันใช่นิสัยผมซะที่ไหนกันละ


TBC....

ทดความแสบสันของคริสตัลไว้ตอนหน้านะ ตอนนี้อยากให้กระหน่ำพระเอกกันต่อไป คือพี่ทัตเหมือนจะเท่ห์ๆคูลๆดูเป็นผู้ใหญ่มาดเนี้ยบแต่เอาเข้าจริงแม่งโคตรกาก ฮ่าๆๆๆ เขียนไปก็สงสารไป แต่นางกากแค่เรื่องของหัวใจนะ เรื่องอื่นนางเก่งไปหมด คริสต้องทำใจนะลูก ถึงหนูจะไม่ใช่ช้างเท้าหน้าแต่หนูคือควาญช้างค่ะ หุหุ
 :katai2-1: :katai4: :katai5:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เรา fcท่านพี่เทพทัตน้าาาา  อิอิ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อย่างเทพทัต มันต้องโดนน้องคริสเมิน พี่เมียขวาง ถึงจะสาสมกับที่ใช้กำลังกับคริส

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มันต้องมีอะไร
ที่ทำให้คริส ร้องจะกลับแต่บ้าน
ทีครอส ก็รู้รหัสกลับบ้านอันนี้
ทัต จะง้อยังไงล่ะเนี่ย
       :L1: :L1: :z10:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ไม่อยากให้เทพทัตมีความสุขง่ายๆอะ
คนโง่ๆต้องรับผลกรรมหน่อย เลวมาเยอะละนี่
ขอให้คริสใจแข็งมากๆ ให้พี่ครอสกระทืบพระเอกเล่นๆ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 27


 
ผมรู้สึกตัวก็ตอนที่รู้สึกเหมือนกำลังถูกอุ้มจนตัวลอย เมื่อลืมตาและปรับสายตาที่โดนแสงสว่างจ้ารอบทิศทางทำร้ายจึงได้รู้ว่าเป็นพี่ครอสที่กำลังอุ้มผมขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของผม

“ตื่นมาทำไม?”

”อื้ออออ”

ผมครางในลำคอตอบแทนการพูดเพราะเจ็บคอจนไม่อยากจะอ้าปากส่งเสียงมากมาย อาการแบบนี้ผมมักเป็นเวลาผมป่วยนะครับ ประมาณว่าพอไข้ขึ้นมากๆแล้วต่อมทอมซิลจะอักเสบไปด้วยเลย ส่วนเรื่องปวดหัวนั้นไม่ค่อยเป็นแล้วตั้งแต่ผมจำความได้ในวันนั้น อ้อ แล้วที่ผมไม่ไปหาหมมอแล้วร้องจะกลับบ้านลูกเดียวก็แค่ความเอาแต่ใจเวลาป่วยนะ คนในครอบครัวผมรู้ดีในเรื่องนี้

“แม่เรียกอาหมอแล้ว อีกสักพักคงมาถึง”

“ไม่ แค่กๆ ไม่อยากฉีดยา”

“อย่าพึ่งมาดื้อตอนนี้จะได้ไหม กูยิ่งหงุดหงิดๆอยู่”

ผมขมวดคิ้วทำหน้างงจนพี่ครอสมันถอนหายใจมาทีแต่ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเพราะมาถึงห้องพอดี มันวางผมลงเตียงที่มีแม่บ้านยืนคลี่ผ้าห่มรอท่าอยู่ก่อนแล้วอย่างเบามือแล้วจึงเอื้อมมือมาทาบหน้าผากวัดไข้ไปด้วยอีก

“ตัวร้อนขนาดนี้ต้องฉีดอย่างเดียว ห้ามแย้ง”

ผมไม่หือไม่อือแต่พอไอ้พี่ครอสจะผละออกไปผมก็ดึงมือไว้พลางจ้องหน้าอยู่อย่างนั้น มันกรอกตาหน่อยๆก่อนจะลงมานั่งอยู่ริมเตียงแล้วลูบผมสีบลอนด์ทองของผมไปด้วย

“ไอ้นั้นมันตามมา”

ผมชะงัก

“แต่กูให้ไคกันไว้อยู่ ตอนนี้เลยยังอยู่ที่ด้านนอก”

“แล้วแม่ แค่กๆ”

“กูรู้ว่ามึงกลัวแม่รู้เรื่องที่มึงเป็น กูถึงได้ให้กันไว้ด้านนอกไง แม่ไม่เห็นหรอกน่า”

ถึงงั้นผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ยิ่งกับไอ้ยักษ์ด้วยแล้ว

“แล้วมึงละ จะเอายังไงกับมัน?”

ผมหลุบตาลงต่ำก่อนจะส่ายหัวเบาๆมือกำแขนพี่ชายแน่นอย่างเผลอตัว แต่ไอ้พี่ครอสมันก็ไม่ได้ออกอาการเจ็บอะไรให้ผมเห็นเลยสักนิด

“โอเค กูรู้แล้ว นอนพักไปเดี๋ยวกูจะลงไปจัดการมัน”

ผมพยักหน้ารับแล้วปล่อยมือจากแขนของพี่ชายก่อนจะหันหน้าหนีหลบสายตาจนได้ยินเหมือนเสียงประตูห้องปิดนั้นแหละถึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมกวาดตามองรอบห้องอีกครั้งเห็นมีแม่บ้านยืนเตรียมน้ำอุ่นใส่กระติกขนาดพกพาไว้ให้ก็พาลทำให้รู้สึกหิวน้ำขึ้นมาในทันที

“ผมขอน้ำ แค่ก ขอน้ำดื่มหน่อย”

“ได้ค่ะคุณหนู”

เกลียดการถูกเรียกว่าคุณหนูจริงๆให้ตายสิ

รอไม่นานก็ได้น้ำอุ่นมาดื่มหนึ่งแก้วใหญ่ๆ ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูตามมาด้วยร่างบางของผู้เป็นแม่และอาหมอที่เดินตามเข้ามาติดๆ ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วปล่อยให้อาหมอตรวจไปโดยที่มีแม่ยืนกำกับอยู่ไม่ห่าง อาการก็เป็นไปตามที่ผมคาดและก็โดนฉีดยาไปตามคาดเช่นกัน

“เรียบร้อยแล้วนะครับ ทีนี้ก็พักผ่อนให้มากๆพยายามอย่าหักโหมจนร่างกายทรุดแบบนี้อีกก็พอ”

“ขอบคุณมากนะค่ะหมอจตุพล”

“ไม่เป็นไรครับ มันหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

“น้องคริสนี่ก็ช่างดื้อไม่เปลี่ยน พึ่งหายจากอาการหนึ่งก็กลับมาเป็นอีกอาการหนึ่งซะงั้น”

“วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละครับ ชอบทำอะไรเกินกำลัง นี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเพราะงดยาระงับมาสักพักแล้วใช่ไหม?”

ผมพยักหน้ารับ ก็มันจำได้แล้วนี่จะไปกินยากดมันไว้เหมือนเดิมทำไมละ

“ที่ภูมิคุ้มกันต่ำลงก็เป็นหนึ่งในรีแอคชั่นจากยานั้นนะครับ ผมถึงบอกว่าไม่อยากให้กินเป็นเวลานาน นี่ขนาดเปลี่ยนมากินแค่ช่วงที่ปวดหัวยังมีผลกระทบขนาดนี้เลย”

“เลิกเด็ดขาดแล้วค่ะ ใช่ไหมน้องคริส?”

ไม่ต้องกดเสียงขู่ขนาดนั้นก็ได้มั่งครับ

“ครับ”

“ดีมาก งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปส่งอาหมอ น้องคริสก็นอนพักไปนะลูก”

ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ผู้เป็นแม่ส่งยิ้มมาให้ขยับผ้าห่มขึ้นคลุมให้อีกนิดก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับอาหมอในที่สุด

“ออกไปเถอะ ผมจะนอน”

ผมเอ่บบอกกับแม่บ้านที่ยังคงนั่งประจำการเฝ้ายามอยู่ที่เดิม

“ไม่ได้ค่ะ คุณทีครอสสั่งว่าต้องอยู่ด้วยตลอดเวลา”

ผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“ออกไป”

ผมกดเสียงต่ำลงอีกและนั้นก็ทำให้ผมระคายคอพอสมควร แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นคือคุณเธอยังคงนิ่งเฉยถึงแม่สีหน้าจะดูลำบากใจก็เถอะ

“บอกให้ออกไปไงวะ! แค่กๆๆ”

“คุณหนูอย่าใช้เสียงมากสิค่ะ”

“ไม่อยากให้ แค่กๆ ใช้ก็ออกไป!!”

“ค่ะๆ ออกไปแล้วค่ะ”

ให้ตาย ต้องให้ใช้บทโหดตลอด

ทันทีที่เหลือแค่ผมเพียงคนเดียวในห้องผมก็พ้นลมหายใจก่อนจะเปลี่ยนท่านอนแล้วพล็อดหลับไปด้วยฤทธิ์ยา มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้รับสัมผัสเย็นๆชื้นๆที่ลำคอ

“อื้อออ”

ผมเบี้ยงตัวหนีด้วยความรำคาญเมื่อโดนรบกวนการนอนทั้งที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นดู ก็พอจะรู้ว่าสัมผัสนี้เป็นการโดนเช็ดตัวและก็คงเป็นหนึ่งในบรรดาแม่บ้านหรือไม่ก็แม่ของผมเอง แต่เดี๋ยวนะ เช็ดตัวงั้นก็ต้องถอดเสื้อผ้า และถ้าถอดก็ต้องเห็นพวกรอยต่างๆนั้นนะสิ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็แทบจะลืมตาพรึบในทันที มือรีบคว้าเอาผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาคลุมตัวโดยที่ไม่สนใจบุคคลที่ยังคงถือผ้าค้างอยู่ในมือ

“ยังเช็ดไม่เสร็จเลย”

หืม...

เสียงแบบนี้...

“ทัต!!!”

เหี้ย!

มันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงวะเห้ย

ไหนไอ้พี่ครอสบอกจะลงไปจัดการแล้วไหงถึงได้....

“เอาผ้าห่มออกก่อน”

ผมชักสีหน้าในทันที

“ไม่”

ไอ้ยักษ์พ้นลมหายใจ

“ทำไมชอบดื้อ”

“ดื้อเหี้ยดิ แล้วมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ใครให้เข้ามาไม่ทราบ”

“แม่เราไง”

ห่ะ?

“หึ ก็พี่บอกว่าเราลืมโทรศัพท์ไว้เมื่อคืนแล้วก็อยากมาดูอาการด้วย แม่เราเลยให้เข้ามาอย่างที่เห็น”

ง่ายๆงี้เลยเหรอวะ

โถ่ แม่นะแม่

“แล้วพี่ครอส....”

“ไม่อยู่ ถ้าอยู่พี่คงไม่ได้เข้ามา”

อ้อ อาศัยจังหวะช่วงที่พี่กูไม่อยู่แล้วเข้าทางแม่นี่เอง ไอ้เจ้าเล่ห์

ก๊อกๆๆ

ทั้งผมทั้งไอ้ยักษ์หันไปมองยังผู้มาใหม่พร้อมๆกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคุณสิริกิตหรือแม่บังเกิดเกล้าผู้ใจอ่อนกับบุคคลไปทั่วทั้งโลกแม้แต่บุคคลอันไม่น่าไว้ใจอย่างไอ้ยักษ์นี่ยังกล้าให้เข้าบ้านมาหาลูกชายที่นอนเปื่อยเป็นผักต้มอยู่ตามลำพัง

“น้องคริสตื่นแล้วเหรอลูก?”

ลืมตานั่งจ้องหน้าอยู่แบบนี้คงหลับอยู่มั่งครับพระมารดา ผมแค่คิดในใจนะครับไม่ได้พูดออกไปหรอก ขืนพูดไปดิ คุณนายได้เทศนายาวแน่

“ครับ”

ตอบไปอย่างเจี๋ยมเจี้ยมสัสๆ ไอ้ทัตถึงกับหัวเราะพรืดกันเลยทีเดียว ก็แล้วไงวะ กูคุยกับแม่กูคีย์นี้ตลอดแหละมึงจะทำไม

“หิวไหมครับ? แม่เอาข้าวต้มขึ้นมาให้ เห็นพี่เค้าบอกว่าเรายังไม่กินอะไรตั้งแต่เช้า เรานี่ก็จริงๆเลย ทำไมไม่บอกแม่”

ผมตวัดสายตาไปมองบุคคลที่สามในทันที ไอ้ยักษ์เหมือนจะรู้ตัวว่าผมไม่ชอบใจเลยแซ้งทำทีไม่รู้ไม่ชี้แบบโคตรน่าถีบ

“แม่ให้มันเข้ามาทำไม?”

“เอ๊ะ เด็กคนนี้นี่พูดจาไม่น่าฟังเลย”

“มันอันตรายนะแม่ที่ให้ใครก็ไม่รู้เข้าบ้านมาง่ายๆ”

แม่วางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะก่อนจะเกินไวๆเข้ามาตีเพี๊ยะตรงแขนผมไปสองสามทีจนผมต้องถกตัวหลบเป็นพันลวัน

“โอ้ยแม่ ตีคริสทำไม”

“ก็ดูพูดจาสิ พี่เค้าอุสาเอาโทรศัพท์มาคืน แล้วเมื่อคืนก็ไปรบกวนพี่เค้าด้วยใช่ไหม อย่าให้แม่พูดเรื่องที่เคยเอารถมาขับนะ อย่างนี้จะเรียกว่าใครก็ไม่รู้อยู่อีกไหม”

ผมได้แต่ยู่ปากหมั่นไส้แบบกูเถียงไม่ออกไงครับ ขืนเถียงไปสิเรื่องได้เข้าตัวชนิดยาวเหยียดแน่ๆ

“แล้วนี่กำลังทำอะไรกันอยู่จ้ะ?”

อันนี้แม่หันไปถามไอ้ยักษ์ครับ มันก็ปั้นหน้ายิ้มกว้างแสดงความตอแหล่เป็นคนดีที่น่าคบได้โคตรจะเนียน

“กำลังเช็ดตัวให้น้องอยู่นะครับ”

เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะมึง

“อ้าว ไข้ยังไม่ลดเหรอลูก?”

“ลดแล้วครับ แต่ผมเห็นว่าเหงื่อออกมาก คิดว่าน่าจะนอนไม่สบายตัวเลยถือวิสาสะเช็ดให้ ถ้ามันละลาบละล้วงไปก็ขอโทษด้วยครับ”

มากเลยแหละ

“ไม่เลยจ้ะ ดีซะอีก เด็กคนนี้เค้ายิ่งดื้อๆอยู่ด้วย ถ้าไม่เช็ดให้อาจจะลุกไปอาบน้ำแล้วไข้กลับก็ได้ ขอบใจมากนะจ้ะเทพทัต”

“เรียกทัตเฉยๆก็ได้ครับ”

“จ้ะ”

แหมะ รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินยังไงยังงั้น ถึงแม้เรื่องที่คุยจะเป็นเรื่องของผมก็เถอะนะ คำว่าหมาหัวเน่ามันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง

“น้องคริส”

เหอะ เห็นหัวลูกในไส้แล้วเหรอ งอลครับงอล

“ครับ”

“ทานข้าวทานยาแล้วนอนพัก พรุ่งนี้ห้ามออกไปไหนเข้าใจไหม?”

“แต่ผมหายดีแล้ว”

“หายก็ช่าง แม่จะให้อยู่ ถือเป็นการลงโทษด้วย ดีเท่าไหร่แล้วที่แม่ไม่เคอร์ฟิวเราเหมือนอย่างที่พ่อชอบทำ”

“แม่ห้ามบอกพ่อนะ”

“เอ…เอาไงดีน๊า”

“โถ่ แม่ครับ น่านะอย่าบอกพ่อน๊า”

“แต่ถ้าน้องคริสดื้อ…”

“ผมไม่ดื้อครับ”

“สัญญา?”

“สัญญาครับ”

“ดีมากเจ้าลูกชาย งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปข้างล่างแล้ว อยู่กันไปนะเด็กๆ”

“เห้ย! ไม่เอาดิแม่ แม่อยู่กับคริสนะ”

“แม่ต้องไปเตรียมมื้อเย็น ทัตอยู่ทานด้วยนะจ้ะ”

ห่ะ

“ได้ครับ”

อ้าวเห้ย

“งั้นเดี๋ยวตอนถึงมื้อเย็นแม่จะให้คนขึ้นมาตาม น้องคริสทานข้าวต้มรองท้องไปก่อนเลย เข้าใจไหมค่ะ?”

แล้วผมจะไปตอบอะไรได้ นอกจาก…

“ครับ”

แม่ยิ้มหน้าแป้นแล้วจึงเดินหายออกไปจากห้องในเวลาต่อมา พอเสียงบานประตูปิดลงเท่านั้นแหละครับ มีอะไรใกล้มือกูจับปาใส่ไอ้ยักษ์แม่งหมด ฟังดูเหมือนจะโหดร้ายนะครับแต่ไอ้ที่ปาไปนะ มีแต่หมอนกับตุ๊กตุ่นก็แค่นั้น โว๊ะ สงสารตัวเองชิป

“ใจเย็นๆดิคริส”

“ไม่ยงไม่เย็นแม่งละ ออกไปจากห้องไอเดี๋ยวนี้!”

“แต่แม่ให้อยู่…”

ผมหันควับไปจ้องหน้ามันเลย

“ใครอนุญาตให้เรียกว่าแม่!!”

“หึหึ โอเค แต่คุณน้าให้พี่อยู่นี่”

“แต่ไอไม่ให้อยู่”

“แต่พี่จะอยู่”

“เชี่ยเอ๊ย!”

ทำได้แค่สบถแล้วก็ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโป่งโดยปราศจากหมอนให้หนุน ก็ผมโยนใส่มันไปหมดแล้วไงครับ แต่ก็ช่างมันเถอะ

“คริส”

เสียงเรียกดังเหมือนมันจะเข้ามาใกล้ผมกว่าเดิมจนผมรู้สึกถึงแรงยุบที่ด้านหลังนั้นแหละ ขาผมมีปฎิกิริยาในทันที ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่…

พลั๊ก!

“โอ้ย!!”

แค่เหยียดแข้งเหยียดขาแล้วโดนมันไปเต็มๆแบบเน้นๆชนิดที่มันเซถอยหลังแทบจะล้มลงกับพื้นซะด้วยซ้ำ

“วันนี้หลายรอบแล้วนะดื้อ”

“ใครดื้อวะ?”

ถามพร้อมเหยียดยิ้ม ยอมรับแหละว่าสะใจมิใช่น้อย

“เห็นแก่ว่าป่วยอยู่หรอกนะถึงยอมปล่อย ลุกมากินข้าวต้มดีๆจะได้นอนพัก”

“ไม่”

“ไหนบอกจะไม่ดื้อ”

“ไอพูดกับแม่ไอ ยูไม่เกี่ยว”

“งั้นพี่ลงไปตามแม่มาหาดีกว่า”

“ดี ไปเลย แล้วยูก็กลับไปด้วยเลยไอจะอยู่กับแม่”

ไงละ นิ่งไปเลยสิมึง มาไม้ไหนผมตอกกลับได้หมดอะ รู้ฤทธิ์คริสตัลน้อยไปซะแล้ว

“คริสตัล”

“กลับไปซะ แล้วจะดีมากถ้าเราจะตัดขาดกับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”

“ไม่”

ผมจ้องหน้ามันเขม่งในขณะที่มันเองก็จ้องมองผมด้วยสายตาที่ดุดันเช่นกัน สักพักมันก็ถอนหายใจแล้วยกชามข้าวต้มมาหาผมที่เตียงซะงั้น ตอนมึงจะปรับโหมดกรุณาบอกกูล่วงหน้าสักห้านาทีได้ไหม กูตามไม่ทันวะ

“กินสักหน่อยนะ”

มันนั่งลงริมเตียงหมิ่นๆก่อนจะตักข้าวต้มในชามแล้วหันมาป้อนจ่อปาก ผมหันหน้าหนีไม่สนใจแต่มันยังด้านครับ ผมหันไปทางไหนมันก็ตามไปป้อนทางนั่นเอาซะผมถกตัวจนชิดหัวเตียงหมดสิ้นทางหนีเลยนั้นแหละ

“ไม่กิน”

“ต้องกิน”

ยังมีการมาสั่งอีกนะครับ

“บอกว่าไม่กินไงวะ!”

เพล้ง!

เฮือก

ผมหดแขนกลับในทันทีที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ผมเผลอปัดมือไปโดนชามในมือมันจนตกพื้นดังสนั่นและคราบยังเลอะตัวมันไปอีกด้วย เทพทัตยังคงมองผมนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทีเกรี้ยวกาจแต่อย่างใด

ก๊อกๆๆ

“เกิดอะไรขึ้นค่ะคุณหนู ว้าย! ตายแล้ว!!”

ใครตายวะ

ผมหันหน้าหนีมันมานั่งกอดอกปล่อยให้แม่บ้านที่เข้ามาจัดการไปตามหน้าที่

“เลอะเสื้อผ้าคุณด้วยนี่ค่ะ ถอดชุดออกก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวจิ๋วจะเอาไปซักแห้งให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีเสื่อเปลี่ยนนะ”

เหอะ แค่เสื้อเชิตแป๊บๆก็แห้งไม่เห็นต้องซัก

“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวต้องอยู่ทานมื้อเย็นอีกใช่ไหมค่ะ งั้นเดี๋ยวจิ๋วไปถามคุณนายให้ว่าพอมีชุดให้เปลี่ยนไหม?”

บ้านนี้มันจะเป็นคนดีเกินไปแล้วนะเว้ย

“ไม่ต้อง”

แต่ถ้าแม่รู้เรื่องนี้อีกผมนี่แหละที่จะลำบาก

“แต่คุณหนูค่ะ”

“เสื้อผมมี หาเอาในตู้”

ถือว่าทำบุญทำทานไปแล้วกัน แต่มึงจะยิ้มทำไมไม่ทราบครับไอ้ยักษ์เชี่ย

“เปลี่ยนเสร็จแล้วก็ออกไปซะ ถ้าไม่ออกไอจะเป็นฝ่ายออกไปเอง”

ไอ้ยักษ์ชุมือทั้งสองข้างขึ้นในเชิงยอมแพ้ก่อนจะถอดเสื้อออกต่อหน้าต่อตาทั้งผมและแม่บ้านกันเลยทีเดียว ผมได้แต่เบ้ปากใส่ก่อนจะลุกจากเตียงกะไปหยิบเสื้อมาให้มันเพราะแม่บ้านรับเสื้อมันแล้วรีบรุดออกจากห้องไปแล้ว

“เห้ย!”

เกือบสะดุ้งเมื่อจู่ๆมันก็อุ้มผมขึ้นซะงั้น

“ปล่อยไอนะ!”

“อยู่นิ่งๆสิ”

“แล้วจะมาอุ้มทำไมไม่ทราบ!?”

“ไม่เห็นเหรอว่าชามแตก เดี๋ยวก็เหยียบเศษแก้วเข้าให้หรอก”

เออวะ ลืมคิดไปเลย แต่ไอ้ยักษ์มันใส่สลีปเปอร์อยู่ไงครับเลยไม่เป็นไร

“งั้นปล่อยลงตรงนู้นก็ได้”

“ไม่ได้ เผื่อเศษแก้วมันกระจาย”

“เอ๊ะ งั้นก็ปล่อยลงเตียงนี่แหละ แล้วก็ไปหาเสื้อใส่เองอยู่ในตู้ทางนั่น”

“ไปด้วยกันดีกว่า”

“เรื่องเยอะ!”

“ก็อยากเยอะกับคริสคนเดียว”

“ไม่ต้องมาหยอด”

“งั้นใส่เลยได้ไหม ขี้เกียจหยอดแล้วเหมือนกัน”

“ไอ้สัส! ใส่เส่ยอะไรวะ!?!”

“หึหึ”

โคตรเกลียดเลยวะ ทั้งคนทั้งเสียงหัวเราะไหนจะรอยยิ้มร้ายๆแบบนี้อีก

“ปล่อยสิวะ”

“ขออีกสักพักได้ไหม?”

ผมขมวดคิ้วเลย ทำไมมันถึงอยากจะอุ้มผมนักวะ หนักก็หนัก

“ไม่ต้องงง ก็ถ้าขอกอดคงไม่ให้กอด แต่ถ้าอุ้มมันก็เหมือนกอดอยู่กลายๆเพราะงั้นขออุ้มอีกสักพักได้ไหม กำลังชื้นใจได้ที่เลย”

ฟังจบปุ๊บจับใจความได้ปั๊บกูนี้ดิ้นพล่านแทบไม่ทัน ไอ้ยักษ์มันก็หัวเราะชอบใจมันสิครับ

ชักอยากให้พี่ครอสมาอยู่ด้วยแล้วสิ

รีบๆกลับมาซะทีไอ้พี่บ้าเอ๊ย!


Tbc…

น้องคริสดื้อเนอะ นางไม่ยอมง่ายๆแน่คราวนี้ พี่ทัตเตรียมกระอักเลือดได้เลยเพราะน้องมือตีนหนักใช้ได้แถมไวอีกต่างหาก 5555+

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ยังคงเกลียดพระเอกต่อไป ขอให้ไม่สมหวังง่ายๆรำคาญคนโง่ๆ คริสตัลอย่าใจอ่อนง่ายๆนะ
เอาให้แม่มช้ำใจตาย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดูท่า คริส หนีทัตไม่พ้นนะ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
อ่านแล้วเหนื่อยนักเขียน ใช้ คะ ค่ะ ผิด TT

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด