《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.  (อ่าน 60320 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 35


/นายท่านยังไม่มีคำสั่งหรือการกระทำที่เกี่ยวโยงไปถึงคุณทัตหรือคุณคริสเลยครับ/

คำตอบจากปลายสายผู้เป็นลูกน้องคนสนิททำให้ทัตพอคลายใจได้บ้าง ที่พ่อขู่ไว้ใช่ว่าเค้าจะไม่หวั่นใจเลยต้องโทรให้สินคอยเป็นหูเป็นตาจับสังเกตพ่อตัวเองอยู่อย่างนี้

“ก็ดี แล้วพ่อทำอะไรอยู่?”

/เข้าบริษัทไปเคลียร์เรื่องคุณคเชนต์กับบอร์ดบริหารเตรียมจะลื้อผังองค์กรมาตรวจสอบใหม่ ส่วนเรื่องคุณอีฟมีคำสั่งให้เตรียมย้ายไปรักษาตัวที่เยอรมันพร้อมท่านครับ/

ทัตพยักหน้ารับรู้ สินทำงานดีเสมอ ทั้งละเอียดและครบถ้วน

“โอเค คอยดูสถานการณ์ต่อไป ถ้ามีคำสั่งเกี่ยวกับฉันหรือคริสตัลเมื่อไหร่ให้รีบโทรมาบอก เข้าใจนะ?”

/รับทราบครับ/

“ทัต!”

เสียงของคริสร้องเรียกดังก้องมาจากทางบึงขนาดใหญ่ ทัตเงยหน้าขึ้นไปหาจนเห็นคนน้องชูมือโบกอยู่บนเครื่องเจ็ทสกีเลยส่งยิ้มไปให้ บนเจ็ทสกีอีกคันข้างๆกันนั้นคือเจ้าของกิจการทางน้ำนี้และยังเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของทัตสมัยที่อยู่เมืองนอกอีกด้วย

ทัตกดวางสายในขณะที่จ้องมองคนตัวบางกระโดดโหย่งลงมาจากเครื่องยนต์บนน้ำไม่มีการรอให้พวกพนักงานเข้าไปช่วยเลยสักนิด คริสลูบเส้นผมที่เปียกลู่ไปกับกรอบหน้าก่อนจะถอดแว่นแล้วเข้ามารับขวดน้ำดื่มที่ทัตยื่นไปให้พร้อมผ้าผืนเล็กสำหรับเช็ดหน้าเช็ดผม

“สนุกไหม?”

“มาก แต่ก็โคตรร้อน”

“ใกล้เที่ยงแล้วไง พอก่อนไหมเดี๋ยวค่อยเล่นอีกทีตอนเย็น”

คนน้องพยักหน้าก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นกรอกปากอีกครั้ง

“เด็กๆนี่มันมีแรงล้นเหลือจริงๆวุ้ย”

เสียงบุคคลที่สามแทรกเข้ามาเรียกความสนใจของทั้งคู่ เป็นบอสที่เดินเข้ามาหาด้วยสภาพเปียกไปทั้งตัวเพราะตกน้ำไปซะหมดสภาพ บอสถอดเสี้อพาดไหล่โชว์มัดกล้ามและซิกแพคเป็นลอนหนาไหนจะผิวสีเข้มขับกับเรือนผมสีดำสนิท ถึงจะหล่อไม่สู้เทพทัตแต่ก็ดูเท่ห์ไม่หยอกแถมยังตัวโตพอๆกันอีกต่างหาก

“คริสตัล”

ชะอุ้ย

“อะไรเล่า”

“ออกนอกหน้าเกินไปไหม?”

คริสจิ๊ปากแยกเขี้ยวใส่คนขี้หวงจนโดนทัตดึงให้เข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างขาพร้อมผ้าที่โป๊ะบนหัวแล้วขยี้เบาๆ

“เป็นไงละ สนุกพอไหม ถ้ายังไม่พอก็ให้ไอ้ทัตมันไปเล่นด้วยนะ พี่พอละ”

“ไหงงั้นอะพี่บอส?”

“เหนื่อยเว้ย ล่อไปกี่ชั่วโมงแล้วละห่ะ”

“ทำเป็นบ่น ตัวเองก็บิดเอาๆเหมือนกันละว๊า”

“หึหึ”

“ผมว่าพอก่อนเหอะพี่ จะเที่ยงแล้วแดดมันแรงเดี๋ยวคริสไม่สบายเอา”

ทัตสรุปแทรกคนทั้งคู่ บอสเองก็เห็นด้วยเลยตกลงพากันกลับไปที่บ้านพักของบอสที่อยู่อีกด้านของบึงซึ่งทัตได้พาคริสไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเช้านั้นเอง เรียกได้ว่ามาปลุกบอสเลยก็ว่าได้ 

“คนนี้จริงจังเหรอวะ?”

บอสเอ่ยถามพลางยื่นกระป๋องเบียร์เย็นๆให้ทัตที่นั่งดูทีวีรออยู่ที่โซฟากลางห้อง ตอนนี้คริสกำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนของเจ้าของบ้านส่วนเจ้าของที่แท้จริงต้องระเห็ดตนออกมาอาบที่ห้องน้ำสำหรับแขกซะงั้น ทัตรับมาบอกขอบคุณแล้วเปิดฝาชนกับคนเอามาให้ไปอีกทีก่อนจะยกขึ้นดื่ม ชื่นใจชะมัด

“ไม่ตอบกูอีก”

ทัตยิ้มขำ

“ก็ตามที่เห็น”

“เอาจริงๆนะ กูก็เห็นมึงเป็นเพลย์บอยเลวๆคนหนึ่งแต่ไม่เห็นว่ามึงจะนึกสนใจผู้ชายด้วยกันเลยสักนิด แล้วคิดไงถึงกลายมาเป็นแบบนี้วะ ได้หลังแล้วลืมหน้าไง?”

ทัตหลุดหัวเราะพรืดจนแทบสำลักเบียร์ซะด้วยซ้ำ

“ขำสัส”

“หึหึ ก็ไม่เชิง แรกๆก็แนวติดใจไปๆมาๆก็ติดหนึบแกะไม่ออกจนเป็นอย่างที่เห็น”

“ตกม้าตายผู้ชายด้วยกันซะงั้นน้องกู”

“มันก็ไม่ได้แย่นะพี่ หลังๆมานี่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องเพศซะด้วยซ้ำ ของแค่เป็นมันไม่ว่าจะเพศไหนก็ได้อะ”

“ลึกซึ้งสัส น้ำเน่าเป็นละครหลังข่าวไปซะงั้น”

“ชีวิตมันยิ่งกว่าละครเว้ยพี่”

“ยังจะเล่นต่อนะมึง”

ทัตยิ้มรับยื่นกระป๋องเบียร์ไปชนอีกรอบแล้วจึงยกขึ้นดื่มต่อ ทั้งคู่คุยเล่นกันไปเรื่อยๆสักพักคริสก็ออกมาด้วยชุดใหม่พร้อมร่างกายที่หอมฟุ้ง

“ง่วงอะทัต”

คนน้องเดินบลือตามานั่งแหมะอยู่บนตักคนพี่แล้วเอนหลังพิงอกซบหน้าลงพลางปิดเปลือกตา ทัตก้มลงหอมหัวคนอ้อนเบาๆสูดดมกลิ่นแชมพูที่หอมยังไม่จางไปจนพอใจแล้วค่อยผละออก

“อย่าพึ่งนอนครับ ไปกินข้าวก่อน”

“ไหนอะ?”

ถามทั้งที่ยังไม่ลืมตาหรือแม้แต่ขยับตัว

“ที่โต๊ะทานข้าวไงครับ พี่อุ่นไว้ให้แล้วไปกินก่อนแล้วค่อยมานอน”

“แล้วทำไมยูถึงดริ้งส์เบียร์ได้ กินข้าวแล้วเหรอ?”

“ยัง”

“งั้นไปกินด้วยกันเลย เอาแต่สั่งคนอื่นทีตัวเองละไม่สนใจเลยว่างั้น”

“สนใจพี่ด้วย?”

“ไม่สนแล้วจะ…เดี๋ยว นี่หลอกถามกันนี่!?!”

ไม่ทันแล้วมั่ง หน้าเหวอๆที่ลุกมาจ้องหน้าคนถามทำเอาทั้งทัตและบอสได้แต่หัวเราะขำ

“ไอ้เหี้ย! ไอ้ยักษ์นี่!!”

“หึหึ ไปๆไปกินข้าวกัน พี่บอสไปกินด้วยกันไหม?”

“ไม่ละ ยังไม่หิว เชิญตามสบายแต่อย่าแดรกมากเดี๋ยวเบาหวานขึ้นแล้วจะหาว่ากูไม่เตือน”

ทัตยิ้มรับแล้วพาคริสไปยังโต๊ะทานข้าวโดยที่ปล่อยให้เจ้าของบ้านนั่งดื่มเบียร์ต่อไป มื้อเที่ยงของพวกเค้าก็คือข้าวมันไก่ที่แวะซื้อระหว่างทางมา เอาเข้าจริงทั้งคริสและทัตต่างก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายเหมือนกันแบบนี้ เท่าที่ดูจากตอนอยู่กรุงเทพแล้วมันเหมือนกลายเป็นอีกคนทั้งที่ก็เป็นคนๆเดียวกันนั้นแหละ ทั้งคู่กินกันไม่นานก็ออกมานั่งเล่นกับบอสที่ห้องเดิม ทัตยังคงดื่มเบียร์เป็นเพื่อนเจ้าของบ้านส่วนคริสนั้นหลับคาอกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ไม่เอาน้องไปนอนดีๆละวะ พาไปนอนที่เตียงในห้องนอนก็ได้”

บอสท้วงเพราะเห็นท่านั่งตักพิงอกซบไหล่แล้วคงนอนไม่สบายสักเท่าไหร่ ทัตเองก็เห็นด้วยเลยขยับตัวจะอุ้มคนน้องเข้าไปนอนในห้องแต่คนหลับกลับงัวเงียตื่นขึ้นมาซะงั้น

“ไปนอนในห้องดีๆ จะได้หลับสบาย”

คนน้องส่ายหัวแล้วลุกไปนั่งข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักซบหน้าเข้ากับหน้าท้องแกร่งยกมือขึ้นกอดอีกต่างหาก ทัตอมยิ้มให้กับความช่างอ้อนของคนรัก ดีนะที่เค้านั่งโซฟายาว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเด็กดื้อแสนดื้อคนนั้นเวลาสงบแล้วจะช่างอ้อนมากขนาดนี้ จากที่ว่าหลงอยู่แล้วคงยิ่งโงหัวไม่ขึ้นเลยนะสิ

“ฟินเลยสิมึง”

“หึ”

“กูต้องรีบหาเมียบ้างแล้วสินะ อิจฉาสัส”

“อย่างพี่ชี้นิ้วเรียกก็มีได้แล้วมั้ง”

“พูดอย่างกับกูหล่อเหมือนมึง ไอ้ห่า คาสโนว่าสิ้นท่าไปอีกคนแล้วสิ”

พูดแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ก่อนตัวเองก็ใช่ย่อยอย่างที่ผู้พี่บอกจริงๆนั้นแหละนะ

คริสตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตกเย็นย่ำเข้าให้แล้ว เค้าลุกขึ้นนั่งยีหัวตัวเองพลางปรับสายตาก่อนจะเมียนมองไปโดยรอบ ไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามานอนในห้องนอนนี้ได้ยังไงแต่ก็คงหนีไม่พ้นทัตที่น่าจะอุ้มเค้ามา ความทรงจำสุดท้ายคือตัวเองนอนหนุนตักมันอยู่แท้ๆกัว่าจะหลับแต่นิดหน่อยพอเอาแรงแต่ไหงถึงได้ลากยาวมาถึงขนาดนี้เนี้ย

ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลงลุกลงจากเตียงเดินไปยังประตูห้องจนเปิดออกมองไปยังโซฟาตัวเดิมแต่กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน

หายไปไหนกันนะ

“ทัต”

ลองเรียกดูเผื่อจะอยู่ไม่ไกลแต่ทว่ากลับไม่มีการตอบรับใดๆจากบุคคลที่เรียกหา

“ทัต!”

ทั้งเพิ่มเสียงและเดินวนไปดูที่โซนครัวแต่ก็ไม่เจอ เดินไปจนถึงหน้าบ้านเปิดประตูไปดูที่จอดรถก็ยังมีรถคันเดิมจอดอยู่

หรือจะไปที่บึง

หนีไปเล่นไม่ปลุกกันงั้นสินะ

ว่าแล้วก็รีบสาวเท้าไปยังสถานที่ๆตัวเองพึ่งไปเล่นมาเมื่อเช้านี้ ตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นเวลาพลบค่ำคนงานต่างก็แยกย้ายกันกลับเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังติดลมหรือเข้างานกะกลางคืน เมื่อเดินไปจนถึงสะพานท่าเทียบเครื่องคริสก็เห็นเครื่องยนต์สองเครื่องกำลังขับเคี่ยวกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ฝีมือการหักหลบตีวงเลี้ยวหรือแม้กระทั่งจังหวะการผ่อนการเร่งต่างก็อยู่ในระดับมืออาชีพ คริสเข้าไปยืนรวมกับพนักงานที่เหลือโดยแทบละสายตาจากใครบางคนไม่ได้เลยสักวินาทีเดียว ทัตอยู่บนเครื่องสีดำตัดแดงดูเข้ากับบุคลิกเหมือนเป็นเครื่องของตนในขณะที่บอสอยู่บนเครื่องเดิมสีดำเหลืองดั่งที่เล่นกับตน

มีอะไรที่ผู้ชายคนนั้นทำไม่ได้บ้างนะ อยากจะรู้จริงๆ

เสียงปรบมือดังขึ้นบอกถึงการจบการแข่งขัน  ทัตชนะตามคาด แต่ทิ้งห่างผู้เป็นพี่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก

“คนนั้นใครวะพี่ แม่งโคตรเก่ง ชนะบอสเราได้นี่ไม่ใช่ขี้ๆน๊า”

หนึ่งในพนักงานถามพนักงานด้วยกันซึ่งคริสเองก็ได้ยินเต็มสองหูเพราะมันคุยกันอยู่ข้างๆเค้านั้นเอง

“เพื่อนเฮียบอส ชื่อเทพทัต เป็นคนเดียวกับคนในรูปที่ถือถ้วยรางวัลคู่กันอยู่ในออฟฟิศนะ”

“อ้อ”

“ถึงว่า ฝีมือเฉียบชิปหาย”

คริสฟังไปก็อมยิ้มไป เค้าอดรู้สึกดีไม่ได้ที่คนๆนั้นคือคนเดียวกับที่ติดเค้าอยู่ตอนนี้ อารมณ์เหมือนภูมิใจที่ได้แฟนดีมีคนชม แต่ไม่อยากจะยืดมากเดี๋ยวเจ้าตัวจะหัวเราะเอา

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

อ้าว มาโผล่อยู่ต่อหน้าต่อตาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ มิน่าละไอ้ที่ซุบซิบกันอยู่ถึงได้เงียบกริ๊บ

“สักพักละ มาเล่นก็ไม่ปลุกกันเลยเนอะ”

“หึ ก็เห็นว่าหลับสบายดีเลยให้นอนต่อ แล้วเป็นไง ปวดเนื้อปวดตัวรึเปล่า?”

ปากถามแต่มือยกขึ้นมาอังหน้าผากคนน้องเป็นที่เรียบร้อย

“มือเย็นแบบนี้คงวัดไข้ได้อยู่หรอก”

“อ้าวเหรอ งั้นคงต้อง…”

พูดจนก็ดึงคนน้องเข้ามาหาก่อนจะก้มแล้วใช้หน้าผากแนบกับเล่นเอาอ้าปากค้างกันทั้งแถบ คงมีเพียงเจ้าของสถานที่ๆดูจะเริ่มชินเลยได้แต่ยกยิ้มและเจ้าตัวที่ยังคงตีหน้าตาย

“โอเค อยู่รอดปลอดภัยหายห่วง”

ผละออกมาสรุปผมแล้วยีหัวคนหน้าแดงเถือกไปอีกที นึกขำกับอาการเขินค้าง ใช่ว่าอยากจะแกล้งอะไรมากมายแต่อาการเขินของคนๆนี้มันน่ารักน่าเอ็นดูจนอยากจะเห็นบ่อยๆนี่นะ

“เชี่ยนี่”

“พูดไม่เพราะ”

“แล้วไง?”

มีการกอดอกยืดหน้าชูคอท้าทายไปอีก ทัตกดยิ้มยกมือลูบเส้นผมที่เปียกชื้นให้คนมองได้ใจเต้นเป็นรีแอคชั่น

“อยากรู้เหรอ?”

ชักไม่อยากรู้เท่าไหร่แล้วสิ

“อุ๊บ!”

นั้นไงละ

“เชดดดดด”

“วิ๊ดวิ๊ววววว”

เสียงโหแซวดังขึ้นให้แซดทันทีที่คนน้องโดนดึงไปรับบดจูบจากคนพี่เป็นการลงโทษ ยังดีที่แค่ปากแตะปากถึงจะขบอยู่นานแต่ก็ไม่ได้แทรกลิ้นเข้ามาให้ได้ถลำลึกยิ่งกว่าเดิม เมื่อคนพี่ผละถอยคนน้องเลยได้สติแล้วผลักตัวคนพี่ออกแรงๆก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งหนีไปยังทางเดิมในทันที ปล่อยให้คนหน้าด้านอยู่ไปแล้วกัน เชี่ย ทำอะไรไม่อายคนอื่น

“เล่นแรงไปไหมวะทัต ดูดิ เขินจนวิ่งหนีไปละ ฮ่าๆๆ”

ทัตยิ้มแต่ไม่ตอบ นอกจากการแกล้งคนช่างยั่วแล้วยังเป็นการตัดปัญหาแมลงหวี่แมลงวันไปในตัว ตั้งแต่เมื่อเช้าเค้ารู้มาโดยตลอดว่ามีพนักงานหลายๆคนสนใจคริส แล้วคนขี้หึงขี้หวงอย่างเค้าต้องทำยังไงละ ก็ต้องประกาศศักดิ์ดาให้รู้ๆกันไปเลย

“กลับกันเหอะพี่ วันนี้ขอบคุณมากไว้มีโอกาสจะมาเล่นด้วยใหม่”

“ว่างให้มันไวๆหน่อยนะไอ้น้อง กูอยากแก้มือ”

“พี่ต่อให้ผมทำไมผมจะไม่รู้”

“อย่ามา กูต่อแค่รอบแรก นอกนั้นคือมึงเร่งเองล้วนๆ”

“หึหึ”





“เราจะไปไหนกันนะทัต?”

คริสอดที่จะถามไม่ได้เพราะตอนนี้เค้ากำลังแต่งตัวเต็มยศด้วยชุดสูทสีกรมเชิตขาวเนคไทสีอ่อนกว่าสองเฉดและรองเท้าหนังขัดเงาอย่างดี ทัตเองก็ไม่ต่างกันแต่ทัตเน้นสีเข้มทั้งสูททั้งเชิตและรองเท้ามีเพียงไทที่เป็นสีชมพูแดงเลือดหมูดูหรูไปอีก ไปรู้ไปหาซื้อมาตอนไหน ตั้งแต่กลับจากบ้านบอสจนถึงบ้านตัวเองทัตก็ไล่คริสอาบน้ำใหม่เปลี่ยนชุดใหม่โดยที่ตัวทัตเองไปใช้อีกห้อง เมื่อเรียบร้อยก็พาขับรถออกมาโดยไม่ได้บอกอะไรจนต้องเอ่ยปากถามเองนั้นแหละ

“ดินเนอร์”

“จำเป็นต้องหรูขนาดใส่สูทเลยเหรอ?”

“ใช่ เพื่อความสมบูรณ์แบบ”

“สมบูรณ์แบบอะไร?”

“เดี๋ยวก็รู้”

ใช่ว่าคริสจะไม่เคยไปทานดินเนอร์หรูๆเสียที่ไหน แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าความสมบูรณ์แบบอย่างที่ทัตบอกนั้นมันคืออะไร

ทัตพาคริสไปนังโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในตัวเมือง เค้าจอดรถที่ด้านหน้าเอากุญแจให้เด็กรับรถแล้วจึงจับมือคนน้องย่างก้าวเข้าไปยังด้านใน

“สวัสดีค่ะคุณเทพทัต”

พนักงานที่ดูตามเครื่องแบบแล้วคงเป็นผู้จัดการ

“เรียบร้อยดีใช่ไหม?”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญที่ด้านบนได้เลย”

“คริสหิวรึยัง?”

“ยังไม่เท่าไหร่”

“ดี งั้นเดี๋ยวจะพาไปเที่ยวก่อนแล้วกัน”

คริสขมวดคิ้วมุ้ยในขณะที่ทัตยิ้มร่า เค้าโดนคนตัวโตพาไปยังลิฟท์ก่อนที่เจ้ากล่องสีเหลี่ยมจะพาไปยังชั้นบนสุด คริสยิ่งงงหนักกว่าเดิมเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกจนเห็นว่าตนนั้นถูกพามายังชั้นดาดฟ้าซึ่งไม่เห็นจะมีโต๊ะอาหารหรืออะไรที่เป็นของกินเลยสักอย่าง จะมีก็แต่เฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำและพนักงานอีกสองคน

อย่าบอกนะว่า…

“ไม่ได้กลัวความสูงใช่ไหม?”

คนพี่ถามเมื่อเห็นคนน้องหันมาจ้องตนเอง ดวงตาสีฟ้าใสส่อแววตื่นตกใจแต่ไม่นานมันก็กลายเป็นความตื่นเต้นที่น่าดีใจพร้อมรอยยิ้มกว้างจนแก้มปริ

“อืม!”

“งั้นไปบินชมเมืองสักรอบสองรอบก่อนแล้วค่อยมาทานดินเนอร์กัน”

คนน้องพยักหน้ารับทั้งที่ยิ้มไม่หุบ เป็นครั้งแรกที่ตนจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เลยก็ว่าได้ น่าตื่นเต้นชะมัด ทัตพาคนระริกระรี้ไปให้พนักงานช่วยเตรียมตัวรัดเข้มขัดและใส่อุปกรณ์อย่างอื่นให้ในจณะที่ตนเองจัดการได้ด้วยตัวเอง ทัตมีใบอนุญาตขับเจ้าเครื่องนี้ตามนิสัยลูกคนรวยผู้ไฮเปอร์ เมื่อทุกอย่างพร้อมตนจึงเริ่มเปิดระบบปฏิบัติการ คริสดูตื่นเต้นจนทัตอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ คนที่แลดูเย่อหยิ่งและยากจะเข้าถึงในครั้งแรกที่เจอกันบัดนี้ได้กลายเป็นลูกแมวน้อยที่แสนน่ารัก ยิ่งเครื่องไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆคริสยิ่งดูชอบอกชอบใจ ทัตไม่ได้จะพาไปไหนไกลแค่วนๆอยู่แถวนี้พอให้ได้เห็นวิวในมุมสูงสักสิบยี่สิบนาทีก็จะพาลงแล้ว

“โคตรสวยอะ!”

คนน้องชมไม่หยุดปากในขณะที่ทัตพาวนเป็นรอบสุดท้าย

“อ้าว จะลงแล้วเหรอ?”

“ใช่”

“อยากไปอีกอะ”

“ไว้คราวหน้าครับ เดี๋ยวเลยเวลาดินเนอร์”

“จองโต๊ะไว้เหรอ?”

“ใช่”

“คราวหน้าไปไกลกว่านี้ได้ไหม?”

“ได้สิ”

“จริงนะ!?!”

“ครับ”

“โอเค ถือว่าเป็นคำสัญญาห้ามผิดคำพูดด้วยละ”

ทัตปล่อยมือจากการบังคับมาบีบแก้มเนียนเบาๆอย่างนึกหมั่นเขี้ยว คนน้องร้องโอ้ยก่อนจะปัดมือคนพี่ออกแล้วลูบแก้มตัวเองปอยๆ

“ขี้แกล้งวะ”

“น่ารักวะ”

“ชิ๊!”

ก็พูดเรื่องจริง

เมื่อเอาเครื่องลงจอดสนิมพนักงานก็เข้ามาช่วยเหลือและจัดการต่อตามหน้าที่ ส่วนทัตก็พาคริสเดินกลับไปยังตัวอาคารโดยที่คนน้องยังคงอาลัยอาวรกับเจ้าเฮลิคอปเตอร์นั้นไม่เลิก เล่นเอาทัตถึงกับคิดหนักเมื่อกลับกรุงเทพคงต้องวางแพลนพาคนน้องไปขับเล่นบ่อยๆซะแล้วสิ เรื่องเอาใจเค้าไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

“ยินดีต้อนรับค่ะ”

ทันทีที่พ้นขอบประตูห้องอาหารพนักงานหลายสิบที่ยืนเรียงแถวรอท่าก็เอ่ยทักอย่างพร้อมเพียง เล่นเอาคริสเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจไปไม่น้อย เวอร์วังซะไม่มี

ทัตขำปฏิกิริยาของคนข้างกายแต่ก็ยกมือขึ้นดันหลังเบาๆก่อนจะเลื่อนไปโอบเอวโดยไม่บอกกล่าว พวกเค้าเดินไปจนถึงด้านในสุดซึ่งมีโต๊ะจัดเตรียมไว้เพียงโต๊ะเดียว รอบข้างไร้ซึ่งผู้คนและการจัดเตรียมเหมือนไม่พร้อมให้บริการ

“นี่อย่าบอกนะว่าเหมาหมดร้าน?”

เมื่อนั่งเรียบร้อยก็เอ่ยปากถามคนตรงข้ามในทันที

“ใช่ ไม่ชอบเหรอ?”

“เวอร์ไปป่ะ แค่กินข้าวไม่เห็นต้องเปลือง”

บ่นคนสิ้นเปลืองแต่ปากกลับยิ้มไม่หุบ เจอคนมาทำดีด้วยขนาดนี้ไม่ปลื้มก็ไม่ใช่คนแล้วละ

“หึหึ เพื่อเราพี่ทำให้ได้มากกว่านี้อีก”

“พอเลย เลี่ยน”

“หึหึ”

อาหารมื้อนี้เป็นสไตล์ตะวันตกที่ไม่ได้กินมาสักพักใหญ่ๆ ถึงแม้จะไม่ได้เรียนรู้กริยามารยาทบนโต๊ะอาหารตามแบบฉบับแต่การใช้ช้อนมีดหรือส้อมคริสต่างก็ทำได้ดีไม่แพ้ทัตที่ดูจะคุ้นชินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไวน์ราคาแพงถูกนำมาดื่มหลังมื้ออาหารหลักและตามด้วยของหวานเบาๆอย่างชิฟฟ่อนเค้กนมสดเนื้อนิ่มและวิปปิ้งครีมนุ่มละมุนลิ้น แสงไฟถูกหลี่ลงจนเหลือเพียงแสงเทียนและโคมตามพนัง วิวด้านนอกยังพอมีแสงไฟระยิบระยับสุดสายตานั้นคือท้องทะเลอันกว้างใหญ่

จะว่าไป พนักงานหายไปไหนกันหมดแล้วละ

“ถามจริง แค่วันนี้วันเดียวหมดเงินไปเท่าไหร่?”

คริสจิ้มเนื้อเค้กเข้าปากเอ่ยถามติดตลกอย่างคนอารมณ์ดี ทัตที่ไม่ทานเค้กวนแก้วไวน์ในมือไปมาก่อนจะยกขึ้นจิบ

“อย่าไปสนใจเลย”

“ก็มันอยากรู้”

“เท่าเงินค่าขนมพี่สองเดือน”

“ห่ะ? โตขนาดนี้แล้วยังขอตังค์ค่าขนมพ่อแม่อีกเหรอวะ?”

“พี่หมายถึงเงินเดือน”

“แล้วมันเท่าไหร่กันละ?”

คนพี่วางแก้วแล้วสบตาคนตรงข้ามเหมือนจะจริงจังจนคริสชะงัก เค้าทำอะไรผิดอีกวะ

“หึหึ กลัวเหรอ?”

“เชี่ย! แกล้งอยู่ได้ ไม่ได้กลัวเว้ยแค่…คิดอะไรนิดหน่อย…”

พูดแล้วก็จิ้มเนื้อเค้กไปตักเนื้อเค้กเข้าปากแก้เก้อ จนกระทั่ง…

กึก!

หือ…

ทัตยิ้ม

“รวมไอ้นั้นด้วยก็…เกือบสองแสนได้”

คริสคายของแข็งที่เคี้ยวโดนเมื่อครู่ออกมาและก็ต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นและคำตอบที่ได้ยิน

เหี้ยละ

เหี้ยแน่ๆ

ใจเต้นเหี้ยๆเลยด้วย

แหวนทองคำขาวเกลี้ยงเกลานอนนิ่งอยู่ในมือเค้า ทัตลุกขึ้นจากที่นั่งเดินอ้อมมาด้านข้างของคนรักหยิบแหวนมาจากมือเรียวแล้วคุกเข่าชันขาเหมือนองครักษ์ ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองด้วยความประหลาดใจทั้งที่ภายในยังคงเต้นโครมครามไม่มีแววว่าจะสงบเลยสักวิ

ทัตจับมือน้องมาลูบเบาๆ ใบหน้าหล่อเข้มเงยขึ้นสบตากับคนด้านบน ริมฝีปากคลี่ยิ้มอบอุ่น ดวงตาที่จ้องมองสะท้อนความหมายภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี

“คริสตัล…”

“มุขโคตรเก่าเลยวะทัต”

แซวทั้งที่น้พตาปริ่มๆ ทัตยังคงฉีกยิ้ม

“สัญญาว่าต่อจากนี้จะมีเพียงกัน จะมีเพียงเรา จะฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายเพียงเพื่อให้คำว่าเรายังคงอยู่ จะทำทุกวิถี่ทางเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้…ว่าพี่รักคริส…ว่าพี่รักเรา…ว่าเราเป็นของพี่และพี่ก็จะเป็นของเรา ของคริสตัลเพียงคนเดียว เพราะงั้น…”

“……”

“รักกันนะครับ?”

“……”

“เป็นคนรักของพี่นะครับ?”

ไม่ใช่คำสั่งหรือน้ำเสียงสั่งการอย่างทุกที ไม่ใช่การขอร้องอ้อนวอนแต่เป็นการขอความรัก ขอคนรัก ขอสิ่งที่รักดั่งดวงใจ

แหวนสีขาวยังคงรอท่าอยู่ที่ปลายนิ้วนาง ทัตยังไม่ใส่มันหากคนตรงหน้าไม่ยอมรับถึงแม้มันจะเป็นของคริสเพียงคนเดียวก็ตาม

“คริสตัล”

“ทำไมต้องเวอร์”

น้ำเสียงดูสั่น แววตาดูไหวระริก ปลายจมูกเริ่มแดงก่อนจะลามไปถึงแก้มจนทั่วทั้งหน้าลามลงคอในเวลาต่อมา

“คำตอบเดิม เพื่อเราพี่ทำให้ได้มากกว่านี้อีก”

“ไอ้จอมเผด็จการเอ๊ย ไอ้บ้า ไอ้ยักษ์ ไอ้บ้าอำนาจ วันๆเอาแต่สั่งเกิดผีเข้าอะไรถึงมาทำเสียงอ่อนชวนขนลุกแบบนี้ห่ะ!?!”

ด่าไปก็น้ำตาไหลไป ทัตเลยต้องเอื้อมมืออีกข้างไปเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มนวลอย่างเบามือ

“ช่างกล้าถามเนอะคนเรา เอากันมาจนนับไม่ถ้วนยังจะไม่ใช่ของกันและกันอีกรึไง”

“ไม่เกี่ยวกับเอาดิ นี่ถามถึงใจ”

“ก็ถ้าไม่มีใจจะยอมให้ขนาดนี้ไหม ไอ้ควายเอ๊ย!”

“เขินแล้วปากจัดอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆนั้นแหละนะ”

ยังจำได้จากการตามตื้อเด็กดื้อในช่วงแรก โดนด่ามาก็เยอะแต่ทัตกลับไม่ยักกะล่าถอย แหวนถูกส่งเข้าสู่นิ้วเรียวด้วยขนาดที่พอดีอย่างไม่น่าเชื่อ คริสเม้มปากแน่นข่มอาการบางอย่างจนคนพี่เงยหน้ามามองนั้นแหละถึงได้หมดความอดทน เค้าก้มลงไปโอบรั้งรอบคอแล้วประทับจูบกับทัตในทันที ถือว่าเป็นการเริ่มเองในรอบหลายเดือนที่รู้จักกันมาเลยก็ว่าได้ ทัตเองก็จูบตอบด้วยความนุ่มนวลไม่ใช่แรงอารมณ์อย่างที่ผ่านๆมา ความอ่อนหวานและอ่อนโยนนั้นแทรกซึมเข้าไปถึงความรู้สึกเบื้องลึกของใครอีกคน คริสผละถอยถอนริมฝีปากออกก่อนที่จะเตลิดไปยิ่งกว่านี้ ที่นี้มันไม่ใช่บ้าน ต้องสงบจิตสงบใจไว้ก่อน และทัตเองก็ดูเหมือนจะรู้ทันความคิดคนรักดี

“วันนี้เราจะค้างกันที่นี่ พี่เปิดห้องไว้แล้ว…”

“……”

“เราไปกันเลยไหม?”

คนอยากเม้มปากก่อนจะพยักหน้ารับ ทัตยันตัวขึ้นมาหอมแก้มนวลไปอีกฟอด

“เราไปรักกันเถอะ”

มันคนละ ‘รัก' ไหมวะ

เอ๊ะ หรือจะรวมเป็น ‘รัก' เดียวกันแล้ว

ช่างมันเถอะ ยังไงก็ ‘รัก' ไปแล้วแหละนะ


TBC…

รักกันไหม หัวใจมันอยากเสนอ รอแต่เธอ เมื่อไรถึงจะสนอง รักๆกันไหมหัวใจเราอยากจะตีตราจอง ถ้าได้ลองๆๆแล้วเธอจะรู้ๆๆ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โอ้ยยยยยยยยยยย หวาน น้ำตาลเรียกพี่ อิจนายเอกแรง  :hao7:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อื้อหือ เวอร์สุดอะไรสุด ตอนหน้าคุณพ่อจะมาหรือยัง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อยากเห็นอุปสรรคแล้วรีบมาเร็วไวเลย

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 :o8:  ไปรักกันแล้ววจ้า อิอิ ขอแอบส่องไต้เตียงได้ไหมอะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ uri uri

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
 :impress2: :-[ :กอด1: :katai5:

มีความรุนเเรง  เเต่สนุกมากกกกกกกกกกกก

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 36



อะไรบางอย่างยุกยิกอยู่แถวก้นกลมทำให้คริสต้องตื่นจากภวังค์ฝันในที่สุด คนง่วงนึกหงุดหงิดไหนจะปวดเนื้อปวดคัวแทนที่จะได้หลับยาวนอนสบายกลับโดนกวนแต่เช้าโดยยักษ์ที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“อื้อออ อย่ากวนคนจะนอน”

“หึหึ ก็นอนไปสิ”

“กวนอยู่แบบนี้ใครมันจะไปหลับลงละ”

ไม่อยากหงุดหงิดแต่เช้าเลย แต่แทนที่ตัวการจะหยุดกลับยันตัวลุกขึ้นค่อมเหนือร่างบางที่ยังคงเปลือยเปล่า ทัตจ้องมองคนขี้เซาด้วยสายตาประกายวาวระยับ ความเต็มตื้นภายในอกที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงตรงหน้า ความจริงที่ว่าคนน้องได้กลายมาเป็นของเค้าโดยสมบูรณ์แบบแล้ว เอ๊ะ หรืออยากจะยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ แต่ช่างมันเถอะ แค่เชื่อมสายสัมพันธ์ทางใจกันได้ก็ถือว่าที่สุดแล้วแหละนะ

“ไม่เอาทัต ไม่ทำแล้วนะ เมื่อคืนทำจนเกือบเช้าไม่เหนื่อยบ้างรึยังไง”

คนซุกไซ้ซอกคอขาวหัวเราะหึก่อนจะตอบเสียงแผ่วข้างๆหูให้สะยิวเล่น

“ก็รู้นี่ ว่าพี่แรงเยอะ”

เออ! ไอ้แรงช้างแรงม้า!!

“แต้ไอเหนื่อยเว้ย ง่วงด้วย จะนอนได้ยินไหมว่าจะนอน”

ทัตขำคนเริ่มงอแงเลยยอมเลิกกวน เค้าก้มไปหอมแก้เนียนฟอดหนึ่งแล้วจึงลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวหมิ่นๆแล้วจึงหันไปดึงผ้าห่มขึ้นหลุมให้คนน้อง เด็กดื้อชอบถีบผ้าห่มตอนนอน ไม่รู้ว่าเพราะขี้ร้อนหรือขี้รำคาญ แต่ถ้าวันไหนเหนื่อยจัดๆก็จะหลับลึกและแน่นิ่งไปจนถึงเช้า

ทัตปล่อยคนง่วงนอนต่อไปส่วนตัวเองก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ จริงๆเมื่อกี้ก็อยากต่อแหละ แต่เห็นคนงอแงแล้วทำไมลง เมื่อคืนก็หนักไปมากเรียกได้ว่าสติหลุดไปพักใหญ่ๆเลยต้องให้เวลาพักฟื้นร่างกายแก่คนรับบทหนักอย่างคริสบ้าง ทัตยิ้มกริ่มภายใต้สายน้ำเย็นๆที่รดผ่านร่าง ภาพช่วงเวลาที่แสนหวานฉายซ้ำเข้ามาในหัวเหมือนกรอเทปกลับ อยากหยุดเวลาไว้ชะมัด ความเจ็บแสบที่หลังทำให้ทัตรู้ว่ากรงเล็บของคริสมีพิษสงมากขนาดไหน แต่ตนไม่ถือโทษโกรธเคืองเลยสักนิดแม้ว่าจะเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาทิ้งรอยไว้กันตัวเองก็ตาม เหมือนกฎทุกอย่างที่ตัวเองสร้างจะละเว้นไว้เฉพาะคริสเพียงคนเดียว

แบบนี้มันนี่เข้าขั้นโงหัวไม่ขึ้นแล้วสินะ

ทัตอาบน้ำเสร็จภายในเวลาไม่นานแต่ถึงจะออกมาคริสก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ทัตถอนหายใจยิ้มๆเสมองนาฬิกาเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงจึงจะถึงมื้อเที่ยงเลยเปลี่ยนไปนั่งมองคนหลับที่โซฟาเมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว สัญญาณไฟที่มือถือส่องสว่างมาสักระยะแต่ทัตพึ่งจะเห็น เค้าปิดเสียงไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะไม่อยากให้มีอะไรมาขัดจังหวะเช่นเดียวกับเครื่องของคริสที่อยู่ข้างๆกัน ทัตหยิบเครื่องตัวเองมาเปิดดู ส่วนมากเป็นรายงานของสินถึงสถานการณ์ทางกรุงเทพฯแต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนเรื่องงานในส่วนของตนก็มีพ่อเข้าไปดูถือว่าสลับหน้าที่กันชั่วคราว ทุกอย่างดูสงบเงียบจนน่าแปลกใจ เหมือนผืนทะเลที่นิ่งสงบแต่ซ้อนไว้ด้วยอันตรายที่จะถาโถมเข้ามาได้ทุกเมื่อ

ใจไม่ดีเอาซะเลย

แต่ถ้าเป็นเรื่องพ่อแม่ของตนเองทัตก็พอจะจัดการได้ ถึงแม้จะโดนขู่แต่ทัตรุ้จักพ่อของตัวเองดี พ่อแข็งนอกแต่อ่อนใน ดูเหมือนดุร้ายแต่ใจจริงก็ช่างโอ๋

แล้วทางคริสละ?

แม่คริสไฟเขียวแล้วก็จริงแต่ในส่วนของพ่อที่ทัตแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรมากด้วยแล้ว ถือว่าเข้าขั้นน่ากลัวมากกว่าเป็นไหนๆ

คาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค คือบุคคลทรงอำนาจของฝั่งอเมริกา แต่ด้วยความที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงจึงทำให้รายละเอียดส่วนปลีกย่อยของเค้าเล็ดลอดออกมาได้น้อยมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องงานคาร์เตอร์ทุ่มทุนสร้างด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจะธนาคารที่มีหลักทรัพท์ที่สูงเฉียดจุดสูงสุดของพีระมิดอเมริกา โฮมทาวส์และอสังหาฯในหลายๆประเทศ ล่าสุดนี้มีคอนเน็คกับสายการบินของทางอิตาลีโดยไปเข้าไปถือหุ้นส่วนใหญ่จนกลายเป็นที่ฮือฮาทั่วทั้งทวีป ถือว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลของโลกเลยก็ว่าได้

แต่ไม่รู้ทำไมบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นถึงไม่พาลูกชายทั้งสองไปอยู่ด้วยตามแบบฉบับตระกูลดังเงินหนากิจการเยอะ แต่กลับให้ทำกิจการในไทยซึ่งเป็นเพียงประเทศเล็กๆทางทวีปเอเชีย ถึงจะบอกว่าเป็นประเทศของผู้เป็นภรรยาก็เถอะนะ
ทัตเงยหน้าขึ้นมองไปยังหนึ่งในทายาทตระกูลเฟรงเบิร์คที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ถึงแม้สิริกิตจะไฟเขียวแต่ถ้าคาร์เตอร์บอกว่าไม่…มันคงเป็นงานหยาบสำหรับเค้าเลยทีเดียว…








/ตอนนี้เราอยู่กันที่สนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย เวลาท้องถิ่นคือ 11:50 น. ซึ่งเป็นเวลาแลนดิ้งของไฟท์ที่เราได้รับแจ้งมาว่าคาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค บุคคลมหาอำนาจได้โดยสารเพื่อมายังประเทศไทยอย่างเงียบๆ แต่ถึงจะบอกว่าเงียบก็เถอะนะ ดูจากปริมาณนักข่าวที่กระจายกันไปทั่วแบบนี้ท่าจะไม่เงียบซะแล้วละคะ/

ปิ๊บ!

ทีครอสกดปิดทีวีในห้องทำงานทันที ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วมุ้ยก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับแขกที่ขอเข้าพบเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน จะบอกว่าเป็นแขกก็คงไม่ถูก ต้องบอกว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้าเลยต่างหาก ทีครอสพ้นลมหายใจในขณะที่คาร์เตอร์ยังคงยิ้ม ผมสีบรอนซ์ทองต้นแบบของสองพี่น้องถูกเซ็ตขึ้นลวกๆ ใบหน้าหล่อเข้มตามสไตล์ชาวตะวันตกแย้มยิ้มจนเห็นริ้วรอยแห่งช่วงวัย ถึงแม้ความแก่จะเข้าครอบงำแต่สำหรับคาร์เตอร์มันกลับไม่ได้ทำให้เค้าดูดีน้อยลงไปเลยสักนิด แต่ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้เค้าแลดูมีเสน่ห์จนหญิงสาวหลายๆนางต่างพยายามจะครอบครองโดยที่รู้ๆกันอยู่ว่าคาร์เตอร์นะ ขึ้นชื่อเรื่องรักครอบครัวมากและยกให้เป็นที่หนึ่งเสมอถึงแม้จะไม่ค่อยได้เจอหรืออยู่ด้วยกัน เค้าก็ไม่มีวอกแวกเหมือนผู้ชายคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย

“สนุกนักเหรอครับที่ปั่นหัวคนอื่นเค้าแบบนี้?”

ทีครอสถามเสียงเหนื่อยหน่าย ก็พอจะรู้นิสัยขี้เล่นที่ผิดกับรูปลักษณ์และจะมีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่รู้ถึงนิสัยนี้

“ช่วยไม่ได้ ยูก็รู้ว่าไอเกลียดพวกนักข่าว”

เลยแกล้งให้เข้าใจผิดเรื่องเที่ยวบินในขณะที่ตัวเองใช้เครื่องบินของเพื่อนอีกคนเดินทางมาจนถึงก่อน

“ทั้งที่ต้องออกงานและเจอแทบทุกวัน ถามจริง แด๊ดยังไม่ชินอีกเหรอ?”

คนพ่อไหวไหล่ยกขาไขว่ห้างแล้วกอดอกมองลูกชายคนโต

“ยูดูสบายดีนี่”

ทีครอสพยักหน้ารับ

“แล้วคริสตัลละ?”

“ก็สบายดีครับ”

“สิบอกว่าน้องป่วยบ่อย นั้นคือสบายดีของยูเหรอ?”

ทีครอสกรอกตา เอาเข้าจริงก็ไม่อยากให้คนๆนี้มาสนใจเรื่องยุ่มยิ่มแต่ก็นะ เค้าก็เป็นพ่อคนหนึ่งจะห่วงลูกก็คงไม่แปลก

“แล้วคิดไงถึงมาก่อนกำหนดครับ ตารางงานว่างถึงขนาดนั้นเลย?”

“ใช่ ฉันทนคิดถึงภรรยาและลูกชายสุดที่รักไม่ไหวเลยรีบเคลียร์งานแล้วได้เวลาพักมาหนึ่งสัปดาห์ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรละก็นะ”

ถือว่าเป็นเวลาว่างที่มากที่สุดของนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลอย่างคาร์เตอร์ ปกติตารางงานเค้าแน่นเอี๊ยดจนบางวันต้องกินแซนวิชบนรถแทนมื้ออาหารแบบเต็มมื้อซะด้วยซ้ำ

“แล้วคุณมิเกลล่า…”

“อ้อ จะตามมาทีหลัง ไอบอกไปว่าขอกลับมาเคลียร์เรื่องบางเรื่องก่อน”

“เรื่อง? เรื่องอะไร?”

คาร์เตอร์คลายมือแล้วหันไปหยิบกระเป๋าเอกสารด้านข้างก่อนจะล้วงเอาซองสีน้ำตาลค่อนข้างหนาออกมาวางแหมะอยู่ที่โต๊ะกระจกด้านหน้า ทีครอสตีหน้าสงสัยไม่นานก็เดินมานั่งโซฟาเล็กด้านข้างแล้วหยิบขึ้นมาดู ทันทีที่เห็นว่ามันคืออะไรดวงตาก็เบิกกว้างจนคนพ่อหลุดหัวเราะหึ

“ยูรู้อยู่แล้วใช่ไหม?”

เค้าพูดไม่ออก

“ตอนนี้คริสตัลอยู่ที่ไหน?”

ถึงจะถามแต่เอาเข้าจริงเค้าก็พอรู้อยู่แล้ว ทีครอสเสมองคนพ่อที่ยังคงยิ้มแต่บรรยากาศผิดกับเมื่อห้านาทีก่อนลิบลับ จะว่าไปเลขาคนสนิทของคาร์เตอร์หายไปไหน ปกติจะตามติดเสียยิ่งกว่าเงาตามตัว

“เมสันหายไปไหน?”

คาร์เตอร์เหยียดยิ้ม

“เขาไปทำงานให้ไออยู่ ส่วนยู…โทรเรียกคริสตัลให้กลับมาบ้านและให้ทันมื้อเย็น อ้อ ไม่ต้องไปบอกละว่าไอมา”






“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?”

ทัตเดินเข้ามาในห้องนอนเอ่ยท้วงเมื่อเห็นคนรักนั่งหันหลังอยู่บนที่นอน เมื่อกี้ตนออกไปรับอาหารจากรูมเซอร์วิสและคุยโทรศัพท์อีกนิดหน่อยจนคิดว่าจะเข้ามาปลุกคนรักให้ตื่นมาทานมื้อเที่ยงนี่แหละ

“มีอะไรรึเปล่าคริส?”

ถามเมื่อเห็นคนน้องนั่งนิ่งตีหน้าเครียด ในมือมีโทรศัพท์กำแน่นอยู่

“พี่ครอสบอกให้กลับบ้าน”

“หืม? วันนี้เหรอ?”

“ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่เป็นเดี๋ยวนี้เลยด้วย”

ทัตหมุนหัวคิ้ว

“ทำไม?”

“นั้นสิ”

คริสเองก็อยากจะรู้ แต่ลางสังหรณ์เค้าบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

“ทัต”

เรียกคนพี่ด้วยเสียงที่สั่นเครือไหนจะดวงตาที่ไหวระริก ทัตเข้าไปกอดคนรักแล้วลูบปลอบเบาๆ เค้าเองก็สังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนกัน

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว”

พูดแล้วกดจูบที่กระหม่อม คนน้องเพิ่มแรงกอดรัดเข้าไปอีก

“ไปอาบน้ำจะได้กินข้าวแล้วกลับไปเก็บเสื้อผ้ากัน”

คริสพยักหน้ารับแล้วผละถอยปล่อยมือจากคนพี่ก่อนจะลุกโดยมีทัตคอยช่วย ตลอดเวลาที่คริสอาบน้ำกินข้าวจนกระทั่งกลับบ้านพักไปเก็บของเค้าเอาแต่คิดหนักถึงลางสังหรณ์ที่ตัวเองมี

“อย่าทำหน้างั้นสิ เดี๋ยวก็แก่ก่อนวัยหรอก”

ทัตเอื่อมมือมากุมคนน้องก่อนจะพูดแหย่ คริสจิ๊ปากหน่อยๆแล้วตวัดสายตาไปมองดุๆ

“ทุกอย่างต้องโอเค เชื่อพี่สิ”

“อาเมน”

ทัตขยี้หัวคนกวนไปทีด้วยความหมั่นไส้จนโดนคริสด่ามาอีกตามประสาคนปากไว ทัตแหย่จนน้องคลายใจและหัวเราะได้ค่อยรู้สึกดีขึ้น อีกไม่กี่นาทีเครื่องก็จะลงที่กรุงเทพฯแล้ว เค้าจ้องมองออกนอกหน้าต่างด้วยใจที่จดจ่อ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละนะ






“ส่งแค่นี้แหละ”

คริสบอกขณะที่ทัตขับมาส่งถึงหน้าประตูรั้วบ้าน

“พี่เข้าไปส่งดีกว่ามั่ง”

“ไม่อะ แค่นี้แหละ ขอบใจที่มาส่งแล้วก็…เออ…”

“หืม?”

“ขอบใจที่พาไปเที่ยว”

ทัตยิ้มรับ

“แล้วชอบไหม?”

คนถูกถามพยักหน้าตอบ

“งั้นเดี๋ยวพาไปบ่อยๆ ครั้งหน้าเปลี่ยนเป็นภูเขาดีไหม?”

“ก็ดีนะ อยากไปเก็บสตอเบอรี่สดๆลูกโตๆ”

“หึหึ ยังไม่ถึงหน้ามันเลย”

“ก็ถึงแล้วค่อยไปดิ”

ทัตยิ้มกริ่ม ไม่รู้คนพูดจะรู้ตัวรึเปล่าแต่สิ่งที่พูดออกมามันสื่อได้ว่าพวกเค้าจะยังคงอยู่ด้วยกันไปจนถึงช่วงเวลานั้นแน่นอน แค่นี้ก็รู้สึกดีจนหัวใจพองโตแล้ว

“มาจูบทีสิ”

คริสเบ้ปากเหมือนจะไม่ยอมแต่ก็ปลดสายเบลแล้วโน้มตัวเข้ามาหา ริมฝีปากบางประกบเข้ากับปากเค้าอย่างนุ่มนวลและอ้อยอิ่ง ทัตปลดสายเบลของตนแล้วเลื่อนมือไปรั้งท้ายทอยคนน้องให้ล็อคอยู่กับที่ ทัตเอี้ยวหน้าหันรับการบดจูบที่ลึกซึ้ง ถึงแม้จะไม่ใช่ดีพคิส แต่มันคือเลิฟคิสจากใจถึงใจ

“อื้อ พอแล้ว”

คนหน้าแดงท้วงพร้อมทุบอกหนาไปอีกที ทัตเลยหันไปหอมแก้มแดงๆทั้งสองข้างเป็นการเอาคืน คริสเปิดประตูลงจากรถในขณะที่ทัตเองก็ลงไปถือเอากระเป๋าของคนน้องมาวางไว้ใกล้ๆประตู

“ถ้าถือกระเป๋าไม่ไหวก็เรียกเด็กออกมาถือให้นะ”

“ไอก็ผู้ชายไหมวะ”

“หึหึ”

“จิ๊ หมั่นไส้”

“ครับๆ ตอนเย็นเดี๋ยวโทรหา”

คริสยกนาฬิกาข้อมือในแขนทัตขึ้นมาดู พึ่งจะ16:30 พี่ครอสบอกให้กลับมาก่อนมื้อเย็นซึ่งก็ถึงก่อนจริงๆ

“เค บาย”

ทัตพยักหน้ารับแล้วกลับเข้าไปในรถ เค้ารอจนคริสไขกุญแจรั้วเข้าไปยังด้านในแล้วค่อยออกรถมุ่งหน้าสู่บ้นใหญ่เพื่อเคลียร์เรื่องในส่วนของตน

“คุณคริส!”

ทันทีที่เดินพ้นประตูรั้วเข้าไปได้ไม่ไกลเสียงทักของลุงคนสวนก็ดังเรียกความสนใจเค้าซะงั้น

“ผมช่วยถือให้ครับ”

“ไม่เป็นไรครับลุง แล้วนี่พี่ครอสกลับมารึยังครับ?”

“กลับมาแล้วครับ”

คริสพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตรงเข้าบ้าน  อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นบรรยากาศภายในบ้านดูเงียบๆพิกล ปกติต้องมีแม้บ้านเดินกันให้ควักหรือเดินเข้ามารับเวลาที่เค้ากลับมาแล้วนี่ เมื่อตนเดินเข้าไปจนชะงักที่หน้าทางเข้าห้องนั่งเล่นเค้าก็ได้คำตอบ บรรดาแม่บ้านทั้งหลายต่างก็นั่งออกันอยู่ที่พื้นโดยที่มีนายทั้งสามนั่งอยู่ที่ด้านบน เมื่อคริสปรากฎตัวทุกสายตาก็หันมาจับจ้องเค้า

“กลับมาแล้วเหรอ”

คาร์เตอร์เป็นผู้เอ่ยทัก

“แด๊ด! ไหนว่าจะมาอาทิตย์หน้าไง?”

“ก็คิดถึงลูกเลยรีบมาก่อนกำหนด”

คริสเหยียดปาก ตอแหลชัดๆ

“มานั่งนี่สิลูก เมย์ไปเอาน้ำหวานมาให้คุณหนูแล้วฝนกับจอยเอากระเป๋าคุณหนูขึ้นไปเก็บให้เรียบร้อย”

“ค่ะ”

 คริสเอากระเป๋าให้เด็กไปจัดการส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งข้างๆผู้เป็นแม่

“เป็นไงบ้าง สนุกไหมหืม?”

“ก็สนุกดีครับแต่ก็เหนื่อยด้วย”

พูดอ้อนไปตามประสาไหนจะโอบกอดแล้วเข้าไปหอมแก้มมารดาไปอีกฟอดสองฟอด

“ขี้ประจบ”

“พี่ครอสว่าคริสอะแม่”

“ตาครอส”

“ใช่สิ ไม่มีใครเข้าข้างผมอยู่แล้วนี่”

สิริกิตส่ายหัวระอากับความง่องแง่งของลูกชายทั้งสอง ส่วนคาร์เตอร์ก็ได้แต่มองยิ้มๆก่อนจะสั่งให้แม่บ้านออกจากห้องไปเหลือเพียงสี่พ่อแม่ลูกอยู่คุยกันตามประสา

“ยูไปเที่ยวไหนมา?”

“ภูเก็ต แด๊ดเคยไปไหม ทะเลสวยดีนะ”

“เคย ตั้งแต่สมัยยูยังไม่เกิดละมั่ง”

“โห คนอย่างแด๊ดมีเวลาว่างเที่ยวด้วยเหรอ”

“ตั้งแต่สมัยยังไม่รับช่วงงานเลยว่างเยอะ”

คริสพยักหน้ารับรู้

“เหมือนยูในตอนนี้....”

คริสเริ่มนึกเอะใจ

“แด๊ดอยากจะพูดอะไรกันแน่”

คาร์เตอร์เหยียดยิ้ม

“ไอจะให้ยูไปอยู่กับไอที่อเมริกาแล้วเข้าฝึกรับช่วงงานไปในตัว”

คริสดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางจ้องหน้าผู้เป็นพ่อเขม่ง

“แด๊ดพูดอะไร ไอเรียนยังไม่จบนะแล้วไหนบอกว่าให้พี่ครอสเป็นคนรับช่วงต่อ”

“ก็ตอนนี้ไอเปลี่ยนใจแล้ว ทีครอสกำลังขยายค่ายอำนาจในแถบเอเชีย เพราะงั้นฝั่งนู้นแกต้องเป็นคนดูแล”

คริสส่ายหัวเป็นระวิง

“ไม่เอาอะ ผมไม่อยากไป จะให้ทำงานก็ได้แต่ผมจะอยู่ที่ไทย”

“ทำไมถึงไม่อยากไป?”

“ก็...ผมห่วงแม่”

“ห่วงทำไมทีครอสก็อยู่”

“พี่งานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลามาอยู่กับแม่หรอก”

“แล้วถ้าแกทำงานคิดว่าแกจะยุ่งไหมละ”

“ก็....”

“หรือมีคนไม่อยากให้ไป?”

จากที่หลบตาก็ต้องหันไปจ้องคนพูดอีกครั้ง

“ป่าว”

“หึ”

คาร์เตอร์หันหยิบซองสีน้ำตาลซองเดิมที่เคยให้ทีครอสดูโยนไปตรงหน้าลูกชายคนเล็ก คริสตีหน้าฉงนรับมาเปิดในขณะที่ทีครอสหันหน้าหนีไปอีกทาง

คริสเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายในซอง มันเป็นรูปภาพแอบถ่ายและจุดโฟกัสของภาพทุกแผ่นล้วนก็คือคริสตัลกับเทพทัต คริสไล่เปิดดูแต่ละรูปจนเริ่มหน้าเสีย มันมีแม้กระทั่งภาพฉากสวีตที่ไม่น่าจะมีใครเห็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนในรูปมีความสัมพันธ์แบบไหน

“คาร์...”

สิริกิตเรียกผู้เป็นสามีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือลูกแต่คาร์เตอร์ยกมือห้ามไว้เสียก่อน

“คุณอย่ายุ่ง เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

“แต่ว่า...”

“สิ”

สิริกิตได้แต่นิ่งเงียบถึงแม้หล่อนจะไม่ชอบใจก็ตามที

คริสไล่ดูรูปจนหมดและเอกสารอีกชุดที่แนบท้ายคือข้อมูลเชิงลึกของทัตนั้นเอง นี่ถึงขึ้นจ้างนักสืบมาสืบข้อมูลและแอบถ่ายกันเลยเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งๆที่อยู่คนละทวีปแล้วทำไม...

“เลิกยุ่งเกี่ยวกันซะ แล้วไปอยู่กับไอที่อเมริกา”

เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ คริสทำเอกสารร่วงลงจากมือทั้งที่ทุกสิ่งชะงักค้างแม้แต่ลมหายใจ

“ไอคงปล่อยปะละเลยยูมากจนเกินไปถึงทำให้ยูเอาแต่ใจจนเบี่ยงเบนถึงขนาดนี้”

“แด๊ด”

คาร์เตอร์ส่งสายตาห้ามไปยังทีครอสจนทีครอสได้แต่กัดฟันกรอด

“ยูเป็นทายาทของไอและอนาคตยูก็ต้องสร้างทายาทรุ่นต่อไปเหมือนกัน”

“แด๊ด! เรื่องนั้นผมบอกแล้วไงว่าผมจะเป็นคนจัดการเอง ทั้งเรื่องแต่งงานทั้งเรื่องมีทายาท”

“หุบปาก”

“แต่แด๊ด...”

“เพราะให้ทายกันอย่างนี้นะสิ คริสตัลถึงได้ถลำลึกไปถึงขนาดนี้”

ทีครอสกัดฟันแน่น ถึงแม้เค้าจะไม่ชอบใจที่คริสคบกับเทพทัตแต่เค้าก็ไม่อยากให้พ่อเข้ามาบงการชีวิตน้องอยู่ดี สำหรับตัวเค้านะเค้าชินเสียแล้วแต่กับคริส เค้ากลัวน้องจะเตลิด กลัวน้องจะช็อค กลัวจะประชดชีวิตแบบต่างๆนานา เค้ากลัวไปหมด

“คริสตัล ไอให้โอกาสยูเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เลิกกับเขาซะ เข้าใจไหม?”

“แด๊ด”

คริสเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อโดยที่ยังไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง

“ว่าไง?”

“แด๊ดไม่รักผมเหรอ?”

“รักสิ ทำไมไอจะไม่รักลูกของตัวเอง”

“รักของแด๊ดมันคือการได้เห็นคนที่รักเสียใจหรือไม่มีความสุขเหรอ?”

“........”

“ถ้าผมบอกว่าเขาคือหัวใจของผม แด๊ดยังจะพลากมันไปจากผมอยู่ไหม?”

“หึ ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบความรู้สึกชั่วคราว”

“แด๊ดรักแม่ชั่ววูบชั่วคราวไหมละครับ?”

“มันไม่เหมือนกัน”

“ยังไง? มันไม่เหมือนกันยังไง? มันก็คือความรักเหมือนกัน”

“แต่ยูเป็นผู้ชายเหมือนกัน!”

“ก็แล้วยังไงละ!? ผู้ชายเหมือนกันไม่มีสิทธิ์จะรักกันเลยรึไง!?! แด๊ดใจร้ายเกินไปแล้วนะ!!!”

“คริสตัล!!!”

ทัตทีที่คาร์เตอร์ตะคอกดังลั่นพลางลุกขึ้นยืนจ้องหน้าลูกชายคนเล็กเขม่งสิริกิตก็รีบเข้าไปดึงแขนรั้งตัวสามีไว้พร้อมๆกับทีครอสที่เข้าไปดึงคริสเข้ามากอดและเบี่ยงตัวบังคนน้องไว้กับอก คาร์เตอร์แสยะยิ้ม นี่คิดว่าเค้าจะทำอะไรลูกชายตัวเองรึไง

“พาคริสขึ้นไปบนห้องและห้ามคริสออกไปไหนจนกว่าไอจะอนุญาต”

ทีครอสพาน้องขึ้นห้องตามที่พ่อบอก ระหว่างที่จะพ้นขอบประตูเค้าได้เหลียวกลับไปมองบิดาและได้สะดุดกับสายตาที่เปลี่ยนไป เหมือนพ่อกำลังสนุกและพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไม สนุกนักเหรอที่ทำให้ลูกตัวเองเสียใจ ให้ตายสิ


TBC....

ในที่สุด...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สงสัยจะเป็นแผนลองใจของขุ่นพ่อ
แล้วอีกฝั่งเป็นยังไงบ้างล่ะนี่

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
แผนพิสูจน์รักของลูกเขยสินะ อย่าดราม่ามากางน้าาาคุงแด๊ด

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เอาให้หนักๆ เลยค่ะคุณพ่อขาาาาาา ให้ทัตมันกระอักเลยนะคะ จะได้รู้ชัดๆ ว่าพ่อลูกเขยเขามีความอดทนซะแค่ไหนค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แผนพิสูจน์รักของลูกเขยสินะ อย่าดราม่ามากางน้าาาคุงแด๊ด

ก็ว่างั้น

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 37

 
ทัตมาถึงบ้านใหญ่ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงทั้งๆที่บ้านของตนและบ้านของคริสอยู่กันคนละฟากฝั่งเมือง ปกติทัตก็เป็นคนขับรถเร็วตามสไตล์คนหนุ่มผู้แสนไฮเปอร์แถมรถยังเป็นสปอร์ตคาร์เครื่องยนต์ 4308 C.C. V8 DOHC 400แรงม้าอัตราความเร็ว 310km/h อีกต่างหาก ถ้าไม่ใช่คนรักหรือชื้นชอบในความเร็วจะเอารถแบบนี้มาทำไม แต่ทว่าเมื่อตุ๊กตาหน้ารถคือคริสตัลความเร็วนั้นก็มลายหายไปแล้วเปลี่ยนเป็นความใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยจนตัวเองยังนึกกลัว กลัวการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองยังคาดไม่ถึง

ตัวบ้านขนาดใหญ่ลายหินอ่อนสีขาวมุกตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนสวยที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีถึงแม้ผู้เป็นเจ้าของจะไม่ค่อยอาศัยอยู่ก็ตาม พ่อกับแม่มักอยู่เมืองนอก ทัตก็ชอบอยู่คอนโด เลยกลายเป็นอีฟที่ต้องอาศัยอยู่กับเหล่าแม่บ้านและคนสวน ทันทีที่เฟอร์รารี่คันงามจอดเทียบที่หน้าบันไดหินอ่อนเหล่าลูกจ้างก็วิ่งมารับกันอย่างพร้อมเพียง ไม่รู้ว่าที่รีบเพราะตื่นเต้นที่เห็นนายมาหรือกลัวการโดนว่าหากมารับช้าหรืออาจจะทั้งสองอย่างรวมกันก็ได้

“มีใครอยู่บ้านบ้าง?”

ทัตเอ่ยถามเด็กรับรถที่ชื่อปอนด์ ปอนด์เป็นลูกของป้ามะลิและลุงชาติที่เป็นแม่บ้านและคนสวนมาตั้งแต่สมัยที่เค้ายังไม่เกิดซะด้วยซ้ำ

“คุณหญิงครับ คุณท่านไปบริษัทตั้งแต่เช้ายังไม่กลับ”

ทัตยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เวลานี้ก็เย็นพอตัวแล้วแต่พ่อยังไม่กลับแสดงว่าคงยังไม่พ้นช่วงยุ่งๆของบอร์ดบริหารสินะ

“อืม ด้านหลังมีประเป๋าเดินทางอยู่ใบหนึ่ง เก็บรถเสร็จก็เอาขึ้นไปไว้บนห้องให้ด้วย”

“ครับ”

ทัตปล่อยให้ปอนด์ทำหน้าที่ต่อไปโดยที่ตัวเองหันไปเดินเข้าบ้านและตรงไปยังห้องนั่งเล่นอย่างคุ้นเคย ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปก็เห็นใบหน้าของผู้เป็นแม่กำลังนั่งจิบน้ำผลไม้สายตาจ้องมองไปยังหน้าจอเขม่งเหมือนมีอะไรสำคัญนักหนา

“แปลกนะที่เห็นแม่อยู่บ้านได้”

หญิงผู้เป็นมารดาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองค้อนลูกชายตัวเอง

“มันควรเป็นคำพูดของแม่มากกว่านะ คิดยังไงถึงกลับบ้านมาได้จ้ะ พ่อหนุ่มนักรัก”

ทัตกระตุกยิ้มแล้วเดินเข้าไปหอมแก้มคนแม่ฟอดใหญ่ๆทั้งสองข้างก่อนจะนั่งลงข้างๆกัน

“แม่ดูไม่แก่ขึ้นเลยนะ ไปฉีดโบท๊อกที่ไหนมาบอกผมบ้างสิ”

“เอ๊ะ ลูกคนนี้นี่”

ทัตหัวเราะขำคนแม่ที่ตีแขนเค้าเบาๆ แม่ของเค้าเป็นชาวต่างชาติที่มีทักษะด้านภาษาไทยเป็นเลิศแถมยังเป็นถึงอดีตซุปเปอร์โมเดลระดับท๊อปของอิตาลี่อีกด้วย

“ดูอะไรอยู่เหรอครับ?”

“ก็งานสังคมทั่วไป คนไทยนี่ชอบออกงานแล้วใส่ชุดอย่างกับนกยูงจังเลย”

ภาพงานการกุศลที่โชว์หลาอยู่ที่หน้าจอทำให้ทัตเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นแม่เอ่ย คุณหญิงคุณนายต่างก็แต่งตัวใส่เพชรนิลจินดาอวดร่ำอวดรวยกันสุดฤทธิ์สุดเดช ทรงผมอมตะคือกระบังลมสูงๆที่เค้าก็ไม่เข้าใจว่ามันสวยตรงไหน แต่ก็นะ มันเป็นความชอบส่วนบุคคลเค้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์อะไร

“ว่าแต่เราเถอะ ทำไมถึงโผล่มาบ้านได้ ไหนพ่อบอกว่าลูกไปเที่ยวกับคนรักไม่อยากแม้แต่มารับพ่อกับแม่ที่สนามบิน”

“เค้ามีธุระด่วนเลยต้องกลับมาก่อนกำหนดนะ”

“แสดงว่าถ้าเค้าไม่มีธุระลูกก็อาจจะไม่มาหาว่างั้น?”

“ก็อาจมาแต่สักสัปดาห์หน้าไงครับ”

“จ้ะ พ่อลูกบังเกิดเกล้า”

“หึหึ”

“แล้วหิวรึยัง?”

“ยังครับ ไว้รอทานมื้อเย็นพร้อมพ่อกับแม่เลยดีกว่า งั้นผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ”

“โอเค ถึงเวลาเดี๋ยวแม่ให้คนขึ้นไปเรียก”

“โอเคครับ”

พูดจบทัตก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินดุ่มๆออกจากห้องนั่งเล่นแล้วตรงไปยังชั้นสองอันเป็นสถานที่รวมห้องนอนของเค้าและพี่สาว ชั้นนี้จะมีห้องนอนใหญ่ๆอยู่สองห้องและอยู่ตรงข้ามกับส่วนชั้นสามจะมีห้องของพ่อและแม่อยู่ห้องเดียวแถมติดกับดาดฟ้าที่มีสระว่ายน้ำขนาดเล็กอีกด้วย

ภายในห้องนอนของเค้ายังคงมีสภาพเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ความสะอาดที่สัมผัสได้บ่งบอกว่าที่นี่ถูกทำความสะอาดบ่อยครั้งถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของห้องจะกลับมาพักเมื่อไหร่ก็ตาม ถึงแม้ระเรียกว่าห้องนอนแต่ก็กว่างใหญ่และแบ่งแยกโซนด้วยฉากกั้นขนาดใหญ่จนดูเหมือนเป็นห้องๆหนึ่งในคอนโดเลยก็ว่าได้ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นโซนครัวที่มีเคาร์เตอร์กาต้มน้ำชากาแฟแก้วเซรามิกถ้วยจานนิดหน่อยและตู้เย็นขนาดเล็ก เดินตรงเข้าไปด้านในเป็นโซฟาเตี้ยทรงกลมสองตัวบนพื้นพรมหันหน้าไปที่ผนังซึ่งมีทีวีจอยักษ์แปะอยู่ข้างฝาและด้านล่างเป็นชุดเครื่องเสียงโฮมเทียเตอร์ครบชุด ด้านซ้ายเป็นผนังที่กรุด้วยกระจกเต็มบานมีผ้าม่านผืนหน้าถูกจัดเก็บอยู่ตรงริม ด้านซ้ายเป็นฉากกั้นลายเลขาคณิตสีทึบเมื่อเปิดเข้าไปก็เป็นตียงนอนหลังใหญ่พร้อมตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำประตูกระจก

ทัตล้มตัวลงนอนที่เตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อมาเห็นที่พักความเหนื่อยล้าที่ข่มไว้จึงฝุดขึ้นมาจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาซะดื้อๆ ดวงตาสีเข้มปิดลงก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด ขณะที่เค้าหลับ ใบหน้าของคนรักก็ผุดขึ้นมาในความฝัน มันเป็นภาพของคริสที่ยืนหันหลังแล้วเหลียวมองมาทางตน ใบหน้านั้นดูเศร้าสร้อยและพร้อมจะหลั่งน้ำตาได้ทุกเมื่อ

‘คริส เป็นอะไร’

เค้าถามด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้เอื้อมมือจะไปสัมผัสคริสกลับเดินหนีไป

‘คริส’

เจ้าของชื่อหันหลับมายิ้มบางแต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ทัตใจกระตุก

‘คริสตัล’

คนถูกเรียกหันหนีแล้วก้าวเดินต่อไปโดยที่เค้าก้าวตามยังไงก็ไม่ทัน

‘ขอโทษ’

เสียงคริสตัลตอบกลับมาจากสักแห่งและนั้นก็ทำให้ทัตสะดุ้งตื่นในที่สุด หยาดเหงื่อไหนซึมไปทั่วร่างทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ทัตผุดลุกขึ้นนั่งเสยผมตัวเองช้าๆพิจารณาสิ่งที่พึ่งฝันไป

ใจไม่ดีเอาเสียเลย

ว่าแล้วก็ควานหาโทรศัพท์ตัวเองมาต่อสายหาคริสทันที ทัตฟังเสียงสัญญาณอยู่นานจนกระทั่งมันตัดไปเองนั้นแหละเค้าถึงได้หมุนหัวคิ้วด้วยความสงสัย เค้ากดโทรอีกครั้งและอีกครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการตอบกลับจากคนที่โทรหา

“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ?”

พึมพำคนเดียวเบาๆ ก็ไม่ได้อยากจะคิดมากหรอกแต่ไอ้ความฝันบ้าๆเมื่อกี้มันทำให้อารมณ์ตอนนี้แทบจะติดลบ

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูเรียกสติของทัตให้กลับมา เค้ามองไปยังนาฬิกาในห้องแล้วก็ถอนหายใจ ได้เวลามื้อค่ำแล้วสินะ

“คุณหญิงให้มาเชิญไปที่ห้องอาหารค่ะ”

ทันทีที่เปิดประตูออกไปดูแม่บ้านคนหนึ่งก็เอ่ยบอก เค้าพยักหน้ารับบอกว่าจะตามลงไปในอีกสามนาทีก่อนจะปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เมื่อกี้ก็ลืมถามว่าพ่อกลับมารึยัง แต่ก็ช่างมันเถอะ

“ว่าไงไอ้ลูกชาย”

ไม่ต้องถามแล้วละว่าคนพ่อจะกลับมารึยังก็ในเมื่อโผล่เข้ามาในห้องอาหารก็ได้รับการต้อนรับซะดังลั่นห้องขนาดนี้

“พ่อกลับมานานแล้วเหรอ?”

ถามพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผู้เป็นพ่อซึ่งจะตรงข้ามกับผู้เป็นแม่ สรุปง่ายๆคือหัวโต๊ะเป็นที่ของเจ้าของบ้านนั้นแหละ

“สักพัก พ่อไปรื้อบอร์ดบริหารใหม่เลยยุ่งๆ”

ทัตพยักหน้ารับก่อนจะเอี้ยวตัวหลบให้ป้าแม่บ้านตักข้าวสวยร้อนๆเสิร์ฟจนครบหมดทุกจาน อาหารบนโต๊ะเป็นอาหารไทยที่ทัตคุ้นเคยดี

“แล้วเป็นไงบ้าง?”

ทัตพึ่งทานไปได้ไม่กี่คำผู้เป็นพ่อก็เอ่ยถามขึ้น

“หืม?”

“ก็เรื่องที่คุยก่อนหน้านี้”

ทัตไม่ตอบและทำทีทานข้าวต่อไปไม่ได้สนใจคนถาม

“มีเรื่องอะไรกันเหรอคุณ?”

“อ้อ ผมบอกให้ลูกเลิกกับแฟนมันนะ”

เคร้ง!

นอกจากแม่จะตกใจแล้วทัตยังวางช้อนส้อมทันทีที่ได้ยิน เค้าเบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่และนั้นก็ทำให้ผู้เป็นพ่อจ้องมองมาด้วยสายตาที่ออกจะดุๆผิดจากปกติ

“ผมอิ่มแล้ว”

ว่าแล้วก็ผุดลุกขึ้นแต่โดนห้ามไว้ซะก่อน

“นั่งลงแล้วกินต่อไป”

“.........”

ทัตยอมนั่งแต่ไม่ได้กินต่อตามที่โดนสั่ง

“เออ ทำไมคุณถึงไปพูดกับลุกแบบนั้นละ?”

“หึ ไม่ถามมันดูเองละ”

แม่หันไปมองยังเค้าทันทีที่พ่อเอ่ยจบ ทัตจิ๊ปากเบาๆก่อนจะตอบ

“แฟนผมเป็นผู้ชาย”

เคร้ง!

คราวนี้เป็นแม่ที่ช้อนส้อมร่วงลงจากมือ

“...เทพทัต...”

ดุนลิ้นในกระพุ่งแก้มให้กับสีหน้าตกตะลึงของมารดา

“ครับ”

“ไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่ไหม?”

ทัตพ้นลมหายในหน่อยๆ

“เปล่าครับ”

“ใคร? เค้าเป็นใคร?”

ตุ๊บ!

ทัตมองไปที่ต้นตอของเสียงซึ่งก็เป็นซองสีน้ำตาลที่พ่อโยนลงข้างๆแม่ แม่มองงงๆก่อนจะนำมาเปิดดูและทัตเดาได้ไม่ยากเลยว่ามันคืออะไร นี่ถึงขนาดต้องสืบกันเลยเหรอ ชักไม่สบอารมณ์มากกว่าเมื่อกี้แล้วสิ

“เกินไปไหมพ่อ?”

“อะไร? ไอ้นี่นะเหรอ? เกินไปตรงไหน?”

“มันละเมิดความเป็นส่วนตัวของเค้าไหมละ”

“ไม่นี่ แค่สืบอยู่ห่างๆไม่ได้เข้าไปยุ่มยามด้วยเลย”

เกลียดความหน้ามึนของผู้เป็นพ่อจริงๆ

“ผมขอละ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ถ้ามีอะไรก็มาลงที่ผมคนเดียว”

คนเป็นพ่อแสยะยิ้มแล้วรวมช้อนส้อมไว้อย่างใจเย็น

“ปกป้องกันขนาดนี้ รักมากเลยสินะ”

“ไม่รักสิแปลก แฟนทั้งคน”

“แค่แฟนจะอะไรนักหนา”

“เมียก็ได้งั้น”

“โฮ่ ขนาดนั้นเลย?”

ทันนั่งกอดอกจ้องมองสบตาผู้เป็นพ่อกลับอย่างไม่เกรงกลัว การทานอาหารมื้อนี้คงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้และกลายเป็นสนามอารมณ์ของคนทั้งคู่แล้วสินะ

“ไม่ยอมเลิกว่างั้น?”

ทัตพยักหน้า

“ถึงแม้จะต้องตัดขาดจากพ่อจากแม่จากทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเคยมีและเคยได้รับ”

“ผมหาเองได้ ไม่มีก็หาใหม่จะไปยากอะไร”

“ยากแน่ในเมื่อแกเหลือแต่ตัวเปล่าๆ ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าแกเหลือแต่ตัวแล้วเค้าอาจจะไม่สนแกแล้วก็ได้”

“ไม่มีทาง คริสไม่ใช่คนแบบนั้น”

“อ้อ ฉันลืมไปว่าทางนั้นเค้าก็รวย ถึงแกเหลือแต่ตัวแต่เค้าก็เลี้ยงได้นี่เนอะ”

“ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่”

คนเป็นพ่อเหยียดยิ้ม

“แกจะทำยังไงเทพทัต จะเริ่มจากไหนละ เริ่มจากสมัครงานร้านฟาสฟู๊ดก่อนเหรอ หืม?”

“นี่พ่อกำลังท้าผม?”

“ถ้าบอกว่าใช่ละ”

“พอเถอะค่ะ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย”

คนแม่เริ่มทนฟังไม่ไหว หัวอกคนเป็นแม่จะไปทนได้ยังไงถ้าลูกของตัวเองต้องไปตกระกำลำบาก คนพ่อนี่ก็อะไร ห่วงลูกก็ห่วงแต่กลับแสดงออกมาตรงกันข้ามซะงั้น

“นี่ใช่แฟนลูกไหมทัต?”

ทัตมองไปยังรูปถ่ายที่แม่เลื่อนมาตรงหน้าก่อนจะพยักหน้ารับ

“หน้าตาดีจัง เข้าวงการได้สบายเลยนะเนี้ย แม่อยากเจอตัวจริงจังเลยลูก เรียกเค้ามาให้แม่เห็นหน่อยได้ไหม?”

ทัตถึงกับสะดุด เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ยังตกตะลึงกับการได้รู้ว่าตนคบกับผู้ชายอยู่เลย แล้วไหงถึงปรับอารมณ์ได้ไวอย่างนี้วะ

“หึหึ”

“หัวเราะอะไรคุณ เห็นอย่างนี้ก็ถูกใจคุณไม่น้อยหรอก”

คนเป็นพ่อไหวไหล่และนั้นก็สร้างความประหลาดใจให้ทัตมากพอสมควร

“หมายความว่ายังไง?”

“ก็หน้าตาดีไง ถามแปลกๆ”

“ไม่ใช่งั้นดิ ผมหมายถึง...”

“เออ...ก็แค่อยากแหย่แกเล่น แต่แม่แกดั๊นเบรกไวเกิ๊น”

ลืมไปว่าพ่อเป็นหัวหน้าสมาคมบุคคลเกลียมัวแห่งชาติ ว่าแล้วก็หลุดหัวเราะจนพ่อส่งสายตาดุๆมาให้ไปอีก

“ขำอะไรนักหนาวะ เดี๋ยวแกก็เป็นเหมือนพ่อ เชื่อดิ”

“ผมป่าวกลัวเมียนะ แค่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

“ก็เหมือนกันแหละ เหอะ”

คิดแล้วก็อยากขำ พ่อเล่นใหญ่มากอะบ่องตรง แต่ที่ใหญ่กว่าคงต้องเป็นแม่เพราะตั้งแต่เห็นรูปคุณท่านเล่นจ้องไม่วางตาจนตอนนี้ก็ยังไม่เลิกจ้อง

“แม่ครับ”

“หืม ว่าไงครับ?”

“เลิกจ้องอย่างนั้นสักที ถึงเป็นแค่รูปแต่ผมก็หวงนะ”

คุณนายกรอกตาก่อนจะพ้นลมหายใจ คนพ่อหัวเราะขำกับท่าทีขี้หวงที่เหมือนกันอย่างกับแกะ จะเหมือนใครละก็เหมือนเค้าเองนี่แหละ

“งั้นก็พามาให้แม่เจอเลย พรุ่งนี้นะ ไม่งั้นแม่งอล”

อื้อหือ มันใช่เรื่องไหมเนี้ย ถึงจะคิดงั้นแต่ทัตก็ยิ้มรับ

“ผมขอโทรคุยกับเขาก่อนนะ แล้วจะบอกอีกที”

“โอเคครับ เอาละๆ ทานข้าวต่อเถอะจ้ะ”


 
 
 
 
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

ตั้งแต่ทานมื้อเย็นเสร็จทัตก็กลับขึ้นมาบนห้องและต่อสายหาใครอีกคนแต่ก็ยังคงไม่มีคนรับจนเข้าสายที่สิบเห็นจะได้ ทัตขมวดคิ้วมุ้ยพยายามไม่คิดไปในแง่ลบเพราะพักหลังคริสไม่ค่อยจะสนใจโทรศัพท์ของตัวเองสักเท่าไหร่ เค้าตัดสินในถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้หัวโล่งแล้วจึงค่อยโทรอีกครั้งแต่พอออกมาเสียงโทรศัพท์เค้าก้ดังขึ้นจนต้องรีบถลาไปคว้ามารับสาย

“ฮัลโหล”

/อืม/

เสียงแหบและแผ่วจนรอยยิ้มก่อนหน้าค่อยๆหุบลง

“ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้นละคริส?”

/ไม่สบายนิดหน่อย โทษทีที่ไม่ได้รับสาย พอดีทิ้งโทรศัพท์ไว้บนห้องนะ/

ทัตถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีนะที่ไม่ฟุ้งซ่านจนขับรถไปหาด้วยตัวเอง

“แล้วกินข้าวรึยัง?”

/อืม/

“บอกได้ไหมว่ามีเรื่องอะไร ทำไมพี่ชายถึงให้รีบกลับ?”

ออกจะเป็นคำถามที่ละลาบละล้วงหน่อยแต่คนมันอยากรู้จริงๆนี่หว่า อยากรู้ว่าสำคัญจริงๆหรือแค่อยากกวนตีนกีดขวางความสุขของเค้าเหมือนอย่างเคย

/แด๊ดกลับมาก่อนกำหนดนะ/

หืม พ่อของคริสนะเหรอ?

“ไหนแม่บอกว่ากลับอาทิตย์หน้าไง”

/ก็มาก่อนกำหนดไง/

ทัตขมวดคิ้ว แทนที่จะเหวี่ยงกลับมาอย่างเคยแต่กลับตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ

“โอเคไหมครับ?”

/อืม/

“แต่เสียงแย่จัง”

/แค่เหนื่อยนะ/

“งั้นนอนเลยไหม จะได้พักผ่อนเต็มที่หน่อย ห้ามเล่นโทรศัพท์แล้วนะปิดไฟนอนไปเลย”

/อืม/

“หึ ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่คิดถึงเรานะ”

/ทัต.../

“ครับ?”

/ที่พูด...ที่สัญญานะ เอาจริงใช่ไหม?/

“ให้ตายสิ พี่จะโกรธเราดีไหมเนี้ย คนเค้าจริงจังขนาดนั้นยังจะกล้าไม่เชื่อกันอีกนะ”

/อืม ขอโทษ/

“ทำไมวันนี้ขอโทษง่ายจัง ไม่สิ ทั้งง่ายทั้งบ่อย น้องคริสแสนดื้อของพี่เป็นอะไรไปครับ บอกพี่มาสิ”

/เปล่า...แค่อยากพูด/

“เอาจริงๆ”

/ทัต..../

“ครับ?”

/....อยากกอด/

ตึกตึก

เวร หัวใจเต้นแรงไปไหม

“ให้พี่ไปรับไหม? มานอนนี่ก็ได้ พ่อแม่พี่อยากเจออยู่พอดี”

/ไม่ต้องมา เดี๋ยวนะ พ่อแม่เหรอ?/

“ใช่”

/พ่อแม่รู้เรื่องแล้วเหรอ?/

“ใช่ครับ”

ยิ้มออกเพราะเสียงที่ดูตื่นเต้นของคนจากปลายสาย

/แล้ว...พวกท่านรับได้เหรอ?/

“ใช่ แค่เห็นรูปเราท่านก็แทบจะให้พามาหาเลยด้วยซ้ำ หึหึ”

/เวอร์/

“ความจริงครับ แล้วเอาไง จะมาให้พ่อแม่สามีดูหน้าหน่อยไหม?”

/........../

“คริส”

/หือ อ้อ โทษที แค่นี้ก่อนนะ/

ว่าแล้วก็วางสายไปในทันทีปล่อยให้ทัตมองโทรศัพท์ด้วยความงงงวย แต่ก็ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยโทรไปใหม่ก็ได้ ทัตวางดทรศัพท์ไว้ที่เตียงแล้วหันกลับไปแต่งตัวต่อ โชคดีที่ตลอดทั้งคืนทัตไม่ได้ฝันร้ายเหมือนเมื่อช่วงหัวค่ำ เลยทำให้ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอาการสดชื้น

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ทัตเอ่ยกับผู้เป็นพ่อและแม่ที่นั่งประจำที่อยู่ในห้องอาหาร พ่อละสายตาจากไอแพดมาพยักหน้าให้ลูกชายส่วนแม่ก็ยิ้มหวานตอบกลับมาแทน ทันทีที่ทัตนั่งลงป้าแม่บ้านก็นำกาแฟและแซนวิชร้อนๆมาเสิร์ฟเหมือนของพ่อ

“วันนี้ไม่เข้าออฟฟิศกับพ่อเหรอทัต?”

คงเห็นว่าลูกชายแต่งตัวด้วยชุดไปรเวทสบายๆเลยต้องเอ่ยปากถาม

“ไม่อะ พ่ออยุ่พ่อก็ดูไปสิ ผมรับหน้าที่แค่ตัวแทนยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการซะหน่อย”

“ปากดีเจ้าลูกชาย อีกหน่อยมันก็เป็นของแกไหมละ”

“ก็รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วกัน”

“เจ้านี่นิ”

ทัตไหวไหล่แล้วกัดแซนวิชเคี้ยวตุ้ย คนเป็นแม่ส่ายหัวหน่อยๆแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงใดๆ จบมื้อเช้าพ่อออกไปบริษัทส่วนทัตและแม่พากันย้ายสาระร่างมาที่ห้องนั่งเล่นโดยที่ทัตโดนผู้เป็นแม่ซักพอกเรื่องคริสตัลแทบจะทุกรายละเอียด ตั้งแต่ออกจากวงการเจ้าหล่อนเลยผันตัวมาเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าไฮคลาสที่มีสาขาอยู่ทุกเมืองใหญ่แทบจะทั่วโลก นอกจากแฟชั่นที่หล่อนรักแล้วยังมีความชื่นชอบที่จะคัดเลือกบุคคลที่จะมาเป็นแบบให้แบรนด์ด้วยตัวเอง หรือพูดง่ายๆคือชอบที่จะเสาะแสวงหาคนเข้าตาผู้ที่มีแววเจิดจรัสด้วยตัวเอง ถ้าเจอคือต้องได้และเมื่อเข้าตาคือต้องเอา นิสัยแบบนี้ฟังดูคุ้นๆเนอะ

“ให้น้องมาเป็นแบรนด์เอมบลาสเตอร์ให้แม่ได้ไหมลูก แม่อยากได้มาก”

ทัตได้แต่ยิ้มขำ นึกย้อนไปในช่วงที่โดยพวกแฟนคลับตามตื้อแล้วเจ้าตัวยังทำทีไม่ชอบใจขนาดนั้นแล้วนี้เป็นถึงนายแบบ เจ้าตัวคงยอมหรอกนะ

“เค้าไม่ชอบเป็นจุดสนใจนะแม่ ทำใจไว้ได้เลย”

“แต่หน้าตาแบบนี้ รูปร่างอย่างนี้ อยู่เฉยๆก็ตกเป็นจุดสนใจแล้วด้วยซ้ำ”

ก็จริงนะ

“แล้วผมละ ผมก็หล่อนะ”

“โอ้ย อย่างลูกนะแม่เบื่อหน้าละ”

“อ้าว อย่างนี้ก็ได้เหรอแม่”

“ฮิฮิ ว่าแต่ บอกน้องรึยังว่าแม่อยากเจอ?”

“บอกแล้วครับ แต่เหมือนเขาจะยังไม่พร้อมมานะ”

“อ้าว ทำไมละ บอกไปสิว่าพ่อแม่ไม่ดุไม่กัดฉีดยาแล้วด้วย”

“โถ่แม่ ไปได้มุขนี้มาจากไหนเนี้ย”

“ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกจ้ะ หึหึ”

ครืน ครืน

ทัตล้วงเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงแรงสั่นครืน พอเห็นชื่อคนโทรมาเค้าถึงกับหมุนหัวคิ้ว พ่อน่าจะถึงบริษัทตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วนี่ แล้วจะโทรมาทำไม?

“ครับ?”

/เข้ามาบริษัทเดี๋ยวนี้เลย/

“ห่ะ?”

/ฉันบอกให้แกเข้ามาบริษัท-เดี๋ยว-นี้/

เมื่อเน้นทีละคำจนจบแล้วก็ตัดสายไปในทันที อะไรของเขาวะ

“มีอะไรรึเปล่าลูก?”

“อ้อ พ่อบอกให้เข้าบริษัทนะครับ งั้นผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”

“จ้ะๆ”

ทัตกลับขึ้นห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อเชิตแขนยาวสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์พอดีตัวสีดำรองเท้าหนังปลายแหลมขัดเงาเซ็ตผมนิดหน่อยเป็นอันเสร็จ จริงๆก็ไม่อยากหล่อสักเท่าไหร่กลัวทำให้คนอื่นหลงแล้วคริสจะคิดหนัก แต่ก็นะ ให้หนีความจริงข้อนี้คงยากอยู่ หึหึ

ทัตใช้เวลาไม่มากในการบึ่งรถไปยังตึกสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพเพราะไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนของเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ระหว่างที่ขับเข้าไปจอดยังที่จอดรถของบริษัททัตก็ไปสะดุดตากับรถหรูคันหนึ่งที่ไม่น่าจะมีคนใช้เพราะราคาไม่ใช่เล่นๆแม้แต่เค้ายังคิดว่าแพงเลยด้วยซ้ำ

สงสัยพ่อคงมีลูกค้ารายใหญ่มาหาแล้วอยากแนะนำเค้าให้รู้จักละมั่ง

เมื่อสรุปความได้ก็กรอกตาแทบไม่ทัน ถ้าแนะนำในฐานะทางธุรกิจอย่างเดียวก็ไม่ว่าอะไรหรนอกแต่ถ้าแนะนำในเชิงจับคู่...คงต้องลองมีเรื่องกันสักตั้งข้อหาไม่ฟังความลูกชายบังเกิดเกล้า...

“คุณทัต”

ทันทีที่ย่างก้าวเข้าไปภายในตัวตึกทัตก็เจอสินยืนรอท่าอยู่ที่หน้าเคาร์เตอร์ต้อนรับ คงรู้จากพ่อแหละว่าเขาจะมา

“ว่าไง พ่อมีแขกคนสำคัญเหรอ?”

“ครับ”

ตอบรับเพียงแค่นั้นแล้วเดินนำไปยังลิฟท์พร้อมกดเรียกให้เสร็จสรรพ ทัตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาคนที่คิดถึงในระหว่างที่รอ เค้าขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะคริสไม่รับสายอีกแล้ว พอดีกับที่ประตูลิฟท์เปิดเลยต้องเดินเข้าไปยังด้านในพร้อมกับสิน มือหนากดโทรซ้ำจนเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมพาขึ้นมาถึงชั้นผู้บริหารคริสก็ยังไม่รับสายเค้าอยู่ดี ทัตถอนหายใจแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าตามเดิม เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่ติดต่อคนรักยากแต่ก็พอโอเคที่รู้ว่าน้องอยู่ที่บ้านไม่ได้หายไปซะดื้อๆ

ประตูลิฟท์เปิดออก ทัตก้าวนำออกไปด้านนอกแล้วมุ่งตรงสู่ห้องทำงานใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของบริษัท

“สวัสดีค่ะคุณเทพทัต”

ทัตยิ้มรับคำทักทายของเลขาแล้วเคาะประตูครั้งสองครั้งรอสัญญาณว่า ‘เข้ามาได้’ แล้วจึงเปิดประตูเข้าไปพร้อมๆกับสินที่เดินตามหลังมา ทัตชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขกกับพ่อของตน คนๆนี้เค้าเห็นหน้าคร้าตาบ่อยๆตามข่าวธุรกิจทั้งอินเทอร์เน็ตหนังสือพิมพ์หรือในทีวี ผู้ชายชาวต่างชาติร่างใหญ่ผู้มีใบหน้าเข้มแลดูน่าเกรงขามดวงตาสีฟ้าครามจ้องมองมายังตนเหมือนกำลังประเมินตัวตนของเค้าอยู่กลายๆ ผมสีบรอนด์ทองถูกเซ็ตเสริมใบหน้าและการแต่งกายที่ดูมุมไหนก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าทัตนิ่งไปหลายนาที

“นั้นเทพทัต ลูกชายผม ส่วนทัตคนนี้คือ....”

“คุณคาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค”

คาร์เตอร์ลุกขึ้นยืนแล้วหันมามองหน้าทัตตรงๆ

“รู้จักผมด้วย?”

“แน่นอนครับ”

“อ่า งั้นคงคุยกันง่ายขึ้นหน่อย”

“..........”

“ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนักเพราะฉะนั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”

“……”

“…ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับลูกชายของผม คริสตัล เฟรงเบิร์ค”

เกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วขณะทันทีที่คาร์เตอร์พูดจบ ดวงตาสีครามจ้องมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีเย้ยหยัน ทัตเผลอกำมือแน่นทั้งที่เม็ดเหงื่อผุดขึ้นจนชื้น เกิดเสียงสั่นครืนของโทรศัพท์ตัดความหมุนเคว้งภายในอากาศ แต่เครื่องที่สันครืนคือเครื่องของสิน สินพงกหัวขออนุญาตออกไปคุยข้างนอกในขณะที่พ่อของทัตคือคนรับรู้เพียงผู้เดียว

“ขอโทษครับ ผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้”

ทัตตอบอย่างหนักแน่นและแววตาที่จริงจังจนผู้เป็นพ่อที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังกระตุกยิ้ม มันเอาจริงแฮะ

“หึ อย่าพึ่งตอบมาง่ายๆอย่างนั้นสิ ผมมีข้อเสนอมาให้ด้วยนะ”

“……”

“ถ้าคุณเซย์เยส ผมจะถอนกิจการในเครือของผมและลูกชายคนโต ทีครอส เฟรงเบิร์คออกจากประเทศไทยและเส้นทางธุรกิจของคุณทุกทาง คุณจะสามารถเจิญเติบโตยิ่งขึ้นโดยที่ไร้ซึ่งคู่แข่งตัวบิ๊กอย่างผม อ้อ ผมยินดีแนะนำบริษัทคุณให้แก่ลูกค้าของเราทั้งหมด…”

สิ่งที่ได้ยินนั้นคือข้อเสนอแบบหักดิบสุดๆ การถอนกิจการจากประเทศไทยมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แถมยังเป็นบริษัทใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศอีกต่างหาก

“แต่ถ้าคุณเซย์โน…”

เสียงของคาร์เตอร์กดต่ำลงกว่าปกติรอยยิ้มหายไปจากใบหน้าและดวงตาจ้องเหม่งเหมือนเหยี่ยวที่รอจู่โจมเหยื่อ

“ผมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ”

“……”

“ผมให้เวลาคุณตัดสินใจสัก…สามวันแล้วกัน ถ้าได้คำตอบแล้วก็ติดต่อผมมาได้ทุกเมื่อ”

พูดแล้วก็ล้วงเอานามบัตรมาวางไว้บนโต๊ะกระจก ทั้งทัตและพ่อมองตามแต่ไม่ได้ปริปากอะไรสักคำ

“ผมขอตัวกลับเลยแล้วกัน หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ฉลาดพอในเร็ววันนะครับ ขอบคุณสำหรับกาแฟ”

ทัตยังคงยืนนิ่งจนกระทั่งคาร์เตอร์พ้นบานประตูออกไปแล้วนั้นแหละ พ่อของเค้าเลยขยับมาหยิบเอานามบัตรไปอ่าน กดยิ้มนิดหน่อยที่เห็นว่าเป็นนามบัตรเฉพาะตัวที่มีเบอร์ส่วนตัวสำหรับติดต่อโดยตรงอยู่ด้วย ปกติคนระดับคาร์เตอร์จะแจกแค่นามบัตรในนามนักธุรกิจที่ต้องติดต่อผ่านเลขาหรือคนอื่นก่อน

“เอาไงละทีนี้ จะเอาเมียทั้งทีล่อของลิมิเต็ดเลยนะแก”

ทัตถอนหายใจเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งแล้วยกมือกุมขมับ

“ผมก็คิดไว้แล้วว่าต้องงานหยาบแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้”

“หึ เกิดกลัวขึ้นมารึไง?”

“ถ้าเค้าพุ่งเป้ามาที่ผมคนเดียวผมจะไม่อะไรเลย แต่นี่…”

“ห่วงบริษัท?”

“ก็ใช่”

“เลยจะยอมเลิก?”

“…ไม่”

“หึ แล้วแกจะทำยังไง เค้าต้องการให้แกเลือกแค่ช้อยเดียวนะ”

ยิ่งคิดยิ่งเครียด ภาพฝันร้ายเมื่อวานฉายซ้ำเข้ามาในหัวจนทัตแทบสิ้นเรี่ยวแรง ถ้าคริสรู้เรื่องนี้ต้องถอยห่างอย่างที่ฝันแน่ๆ ถึงจะรักแต่ก็ไม่อยากให้คนรักต้องเดือดร้อน คริสไม่ชอบให้ใครมาเดือดร้อนเพราะตน นั้นคือความน่ารักอีกอย่างหนึ่งของคนที่เค้ารัก

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะห้วงความคิดของคนทั้งคู่ ทัตเป็นคนเอ่ยปากอนุญาตให้เข้ามาและเป็นสินที่เดินไวๆด้วยใบหน้าปั้นยาก

“มีอะไร?”

“หุ้นเราร่วงดำดิ่งเลยครับ”

พูดพร้อมยื่นไอแพดมาให้เจ้านาย ทัตรับมาดูแล้วก็ต้องกัดฟันกรอด หุ้นในส่วนนี้เป็นส่วนที่เค้าดูแล มันค่อนข้างเสถียนถ้าจะลงกฌไม่ต่ำไปกว่าห้าจุดแต่นี่…

“เกิดเหี้ยอะไรขึ้นวะ!?!”

ไม่อยากจะอารมณ์เสียแต่คงหยุดไม่อยู่แล้วจริงๆ ทัตกัดฟันกรอดพยายามกู้สถานการณ์เต็มที่แต่สิ่งที่ได้ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เหี้ยเอ๊ย

ติ๊ดๆ

หืม…ข้อความ?

‘นี่คือคำเตือน’

เป็นเบอร์แปลกที่ไม่มีชื่อแต่ข้อความมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าใครคือคนที่ส่งมาและใครที่เป็นตัวต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น

คาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค พ่อตาตัวแสบ!


TBC…

มาแล้วๆๆๆ ไรท์ทีมคุณพ่อตานะ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 38




“แด๊ด! นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”

คาร์เตอร์ลดหนังสือพิมพ์ในมือลงหลังจากที่ได้ยินลูกคนโตยิงคำถามใส่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อ้าว ไอนึกว่ายูออกไปทำงานแล้วซะอีก”

“ออกไปแล้ว แต่กลับมาใหม่”

ตอบคำถามพ่อก่อนจะโยนซองสีน้ำตาลลงตรงกลางโต๊ะ คาร์เตอร์ขมวดคิ้วก่อนที่จะหยิบมาเปิดออกดูเมื่อรู้ว่ามันคืออะไรก็ได้แต่แย้มยิ้ม

“เรื่องที่แด๊ดไปบุกบริษัทของเทพทัตเมื่อวานยังไม่เท่าไหร่แต่นี่มันออกจะเกินไปหน่อยไหมครับ”

คาร์เตอร์แสยะยิ้ม

“ถ้าเรื่องแค่นี้จะทำให้เกิดรอยร้างฉานได้ แสดงว่าความรักของพวกมันเปราะบางจนเกินไป อยู่ไปก็เหมือนยื้อเวลารอวันจบอยู่ดี”

“แต่คริสตัลเคยได้รับความกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจมาก่อนนะแด๊ด”

“เพราะงั้นไอถึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไง”

ทีครอสถึงกับเม้มปากแน่น ห่วงน้องก็ห่วงแต่ขัดพ่อก็ไม่เคยจะได้ คาร์เตอร์ยกกาแฟขึ้นดื่มอีกอึกแล้วจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือคว้าซองสีน้ำตาลไปด้วย

“แกไม่ต้องตามมาทีครอส”

เมื่อเห็นว่าลูกชายคนโตตั้งท่าจะตามไปก็เอ่ยห้ามขัดไว้ซะก่อน

“ทำไม?”

“เดี๋ยวแกก็ใจอ่อนอีก อยู่นี่แหละดีแล้ว”

“แต่คริสไม่ได้ออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะแด๊ด ผมสงสารน้อง”

“ถ้าปล่อยให้ออกมาก็มีแต่จะหนีไปหามัน”

“แต่ใช่ว่าพ่อจะขังน้องไว้แบบนี้ได้ตลอดนี่ครับ มันมีวีอื่นอีกตั้งเยอะ”

“แค่สามวันน่า ไอให้เวลามันสามวัน แล้วทุกอย่างจะจบลงในที่สุด”

พูดทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินออกจากห้องอาหารไปในที่สุด ขณะที่กำลังก้าวขึ้นบันไดก็สวนกับสิริกิตที่ถือถาดอาหารลงมาพอดี มองดูในถาดแล้วก็ต้องถอนหายใจ ผู้เป็นภรรยาเองก็ตีหน้าเศร้าเช่นเดิม

“ลูกไม่แตะอาหารเลยค่ะ”

คาร์เตอร์พยักหน้ารับ

“คุณคะ”

“มันทำตัวมันเอง ไอไม่ได้ปิดปากมัดมือมัดเท้ามันไว้นะสิ”

“แต่ว่า...”

คาร์เตอร์ชูมือขึ้นในเชิงห้าม

“ไอจะขึ้นไปคุยกับลูกเอง”

“คุยดีๆนะค่ะ ฉันขอละ”

“ไม่แน่ใจ”

พูดแล้วก็ก้าวขึ้นไปยังชั้นบนทันที ไม่อยากเห็นสายตาอ้อนวอนของภรรยาสักเท่าไหร่เพราะกลัวจะใจอ่อนไปอีก เห็นอย่างนี้เค้าก็เป็นคนที่ให้เกียรติภรรยาพอสมควร

ก๊อกๆๆ

“บอกว่าไม่กินไงละ!”

เสียงตะคอกดังมาจากด้านในบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นของคนด้านในได้เป็นอย่างดี คาร์เตอร์ไขกุญแจที่ใช้ล็อคห้องจากด้านนอกให้คลายแล้วเปิดประตูเข้าไปยังด้านในจนเห็นลูกชายนอนคุมโป่งอยู่กลางเตียงใหญ่

ให้ตายสิ ทำไมห้องเละเทะอย่างนี้นะ

“คริสตัล”

ทันทีที่ได้ยินเสียงบิดาคริสเด้งตัวขึ้นนั่งแทบไม่ทันแต่ดวงตาที่แดงก่ำไหนจะบวมจนน่าใจหายนั้นทำให้คาร์เตอร์ต้องขุ่นหมองในอก

ร้องไห้หนักขนาดนั้นเลยเหรอ กะอีแค่ไม่ให้ไปเจอมันเนี่ยนะ

“แด๊ดจะมาอะไรกับผมอีก ฆ่าผมให้ตายไปเลยไหม จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว!”

ถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ให้กับความสิ้นคิดของลูกชาย จะมีพ่อคนไหนที่ฆ่าลุกในไส้ได้ลงคอ นี่คริสตัลเห็นเค้าเป็นคนยังไงกัน

“ไอแค่มาส่งข่าว”

คริสตัลหลี่ตามองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาไม่เชื่อใจเท่าไหร่จนกระทั่งคาร์เตอร์ทิ้งซองเอกสารลงตรงหน้า คริสคว้ามาเปิดดูแล้วก็เบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น มันเป็นรูปในมุมแอบถ่ายที่คนในรูปคือเทพทัตแน่นอนและข้างๆนั้นเป็นผู้หญิงสวยหยดชนิดที่คริสยังอดชมในใจไม่ได้ มันไม่ได้มีแค่รูปเดียวด้วยสิ แต่ทุกรูปนั้นเป็นรุปคู่หมด ทั้งท่าคล้องแขน มองตาหวานเยิ้ม เช็ดปากให้กัน หัวเราะให้กัน ยิ่งดูคริสยิ่งเม้มปากแน่นอย่างไม่รู้ตัว และนั้นก็ทำให้คาร์เตอร์ค่อยๆคลี่ยิ้มพอใจ

“เมื่อวานไอไปหามันที่บริษัท ไปยื่นข้อเสนอว่าให้เลิกยุ่งกับยูแลกกับการการันตีว่ากิจการของมันจะเติบโตโดยไร้ซึ่งคู่แข่งตัวบิ๊กอย่างไอและทีครอส แล้วดูเหมือนมันคงจะเลือกได้แล้วละมั่งถึงได้มีรูปโชว์หลาให้เห็นแบบนี้”

คริสถึงกับปัดรูปทุกใบที่อยู่ในมือและบนเตียงทิ้ง

“ไม่จริง!”

ปฎิเสธสิ่งที่ได้เห็นเสียงแข็งทั้งที่ในใจกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง

“หึ อย่าหนีสิคริสตัล หวั่นไหวก็แสดงออกมา”

หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มแต่ดวงตายังคงดื้อรั้นไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

“ไม่จริง แด๊ดเมคมันขึ้นมาใช่ไหม มันเป็นแผนของแด๊ดใช่ไหม?!”

“ลองดูดีๆสิ”

“ทัตมันแค่ดูแลลูกค้าทั่วไปตามหน้าที่”

“หืม แต่ดูจากสายตาและความสนิทสนมแล้ว...”

“ผมไม่เชื่อ!”

คาร์เตอร์ถอนหายใจให้ความดื้อของลูกชาย ไม่รู้ว่าที่รั้นไปเพราะเชื่อใจในตัวคนๆนั้นหรือพยายามสะกดตัวเองให้เชื่อกันแน่

“เอาที่สบายใจเลยแล้วกัน ไอไปละ อ้อ ถึงแม้ไอจะไม่ให้ยูออกไปไหนแต่ไอก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ยูเอาอะไรลงท้องนะ ถึงจะไม่ห่วงตัวเองก็คิดถึงคนที่เป็นห่วงยูบ้าง สิเครียดมากนะที่ยูไม่ยอมกินข้าวกินปลา”

คริสตัลเม้มปากแน่นจนรู้สึกเจ็บแปร๊บ ข้อนี้เค้าไม่มีอะไรมาเถียงเลยสักนิด คาร์เตอร์เห็นลูกชายคนเล็กสงบลงเมื่อเอ่ยถึงแม่จึงเผลอยิ้มและเข้าไปจับไหล่บางให้หันมามองหน้ากันตรงๆ

“ไอก็เป็นห่วงยู พ่อเป็นห่วงลูกเสมอไม่ว่าลูกจะเป็นคนยังไงก็ตามแต่ เข้าใจไหมคริส?”

คริสตัลพยักหน้ารับทั้งที่ปากยังเม้มแน่นในใจยังสับสนและดวงตายังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา คาร์เตอร์ปล่อยมือจากลูกชายแล้วเดินออกจากห้องไปแล้วลงไปบอกภรรยาให้นำอาหารมาให้ลูกชายใหม่ คริสตัลยังคงนั่งซึมอยู่บนเตียงกว้างจนผู้เป็นแม่เข้ามาพร้อมถาดอาหารชุดใหม่ เค้ายอมกินทั้งที่แทบกลืนไม่ลง สิริกิตเห็นรูปที่กระจัดกระจายจึงเข้าไปเก็บและชะงักไปนิดเมื่อเห็นว่ามันเป็นรูปอะไร ผู้เป็นแม่เงยหน้ามองลูกชายของตนด้วยความห่วงที่ทวีคูณขึ้นมาเดิม ทั้งห่วงทั้งสงสาร การที่ลูกเธอจะมีความรักทั้งทีทำไมมันถึงได้เจอแต่เรื่องให้เครียดและเศร้าแบบนี้ด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่แต่คนที่โดนผลกระทบของมันก็คือคริสตัล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ

“อิ่มแล้วครับ”

สิริกิตมองดูอาหารที่พร่องไปเพียงนิดแล้วก็ส่ายหัว

“กินอีกหน่อยสิลูก”

“ผมกินไม่ลง”

“แค่สามคำก็ยังดี นะครับ”

คริสเหลียวมองมารดาแล้วจึงพยักหน้าและหยิบช้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหมดสามคำตามที่ขอคริสก็หยุดแล้วหยิบแก้วน้ำมากระดกทีเดียวหมดแก้วเป็นอันสิ้นสุดอาหารมื้อนี้โดยทันที สิริกิตมองลูกแล้วก็ยอมแพ้ เธอยกถาดขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องปล่อยให้คริสอยู่กับตัวเองต่อไปในขณะที่คาร์เตอร์ยังคงยืนรออยู่ที่หน้าประตู

“กินแล้วใช่ไหม?”

สิริกิตพยักหน้ารับ คนถามแย้มยิ้ม

“แต่ลูกดูเครียดมากเลย”

“คุณอยู่เฉยๆไปเถอะ อีกไม่นานก็จบแล้ว”

“จบแบบดีรึไม่ดีคะ?”

“ก็ต้องดีอยู่แล้วสิ”






“ว่ายังไงนะ!?!”

ทัตถึงกับเผลอตะคอกถามเต็มเสียงจนคนโทรมาคงหูอื้อไปแล้วละมั่ง

/จะตะคอกหาเตี่ยแกไงวะ แก้วหูกูเกือบทะลุแม่ง/

พอรู้สึกตัวก็รีบขอโทษขอโพยคนปลายสายไปเสียยกใหญ่ ตอนนี้ทัตอยู่ที่บริษัทและกำลังคุยกับพ่อถึงข้อเสนอที่คาร์เตอร์ยื่นให้เมื่อวานนี้ ตนนะได้ข้อสรุปที่แน่แก่ใจแล้วแต่ก็ต้องวางแผนตั้งรับในสิ่งที่จะตามมาโดยที่มีพ่อเป็นฝ่ายสนับสนุนเนื่องจากเกิดอาการหมั่นไส้คาร์เตอร์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ยังปรึกษากันไม่เท่าไหร่โทรศัพท์ของทัตก็แฝดเสียงดังลั่นขึ้นพร้อมกับความแปลกใจที่เห็นชื่อผู้โทรเข้า

ทีครอส เฟรงเบิร์ค

แน่นอนว่าการโทรมาครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่

/ก็อย่างที่บอกไป ป่านนี้ไม่รู้คริสตัลจะคิดไปถึงขั้นไหนแล้วด้วยสิ/

“แต่ก็น่าจะรู้นี่ว่ารูปนั้นมันเป็นรูปเก่า”

ใช่ มันเป็นรูปตั้งแต่สมัยที่ตนมาไทยใหม่ๆและไปงานเลี้ยงเปิดตัวโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ของบริษัทเค้าที่ร่วมหุ้นกับอีกบริษัทหนึ่ง ตอนนนั้นยอมรับว่ามีแอบแต๊ะลูกสาวของบริษัทคู่ค้านั้นจริงตามประสาผู้ชายเจ้าชู้เจอคนสวยทั่วๆไปแต่มันเป็นเรื่องก่อนที่จะกลับไปหาคริสตัลนะ

/ก็ไม่รู้สิ แต่เปอร์เซ้นต์ความเข้าใจผิดมีสูง แถมแด๊ดน่าจะพูดยุด้วยแหละ ถ้ามึงรักน้องกูจริงมึงต้องรีบมาเคลียร์ได้แล้วนะเว้ย กูทนเห็นน้องตัวเองทรมานไปกว่านี้ไม่ไหวแล้วนะ/

ก็พอรู้ว่าทีครอสรักน้องและครอบครัวมากแต่พอมาได้ยินคนพี่เป็นเดือดเป็นร้อนกับคนน้องขนาดนี้ก็แอบรู้สึกดีใจแทนคนน้องไม่ได้

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะเข้าไปหาวันนี้เลย”

/ดี งั้นเดี๋ยวกูรออยู่บ้าน/

“โอเค”

เมื่อตกลงกันได้จึงวางสายไปในที่สุด

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

ทรงพลทักลูกชายเมื่อเห็นทัตเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

“ทางนั้นเล่นงานผมอีกแล้วนะสิ”

“พ่อตาแกนะเหรอ?”

ถามพร้อมยิ้มแหย่

“จะเป็นใครซะอีกละครับ”

“คราวนี้ทำอะไร?”

“เอารูปผมกับคุณสารินไปให้คริสดู คงจะมีพูดยั่งยุด้วยนั้นแหละ”

“ฮ่าๆๆ แผนเด็กๆ”

“แต่คริสเครียดแน่นอน ยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่แล้วด้วย”

“แล้วแกจะเอาไง? ไปหาเลยเหรอ?”

“ใช่ ผมจะไปให้คำตอบวันนี้และเดี๋ยวนี้เลยด้วย”

ผู้เป็นพ่อยิ้มพอใจกับความเด็ดเดี่ยวของลูกชาย ในจุดนี้ต้องยอมรับว่าทัตมันได้มาจากเค้าเต็มๆ ใครจะมาแหย่มกับเค้าไม่ได้เป็นอันขาด คนจริงเค้าไม่ต้องพูดเยอะเลยด้วยซ้ำ ว่าแล้วเทพทัตก็ลุกขึ้นคว้ากุญแจรถและมุ่งตรงลงไปยังล่างในทันทีปล่อยให้ผู้เป็นพ่อคอยดูแลอยู่ที่นี้เผื่อมีการผิดพลาดอย่างหุ้นที่ร่วงนั้นจะได้มีคนคอยคุมสถานการณ์ได้ทัน ไม่ถึงชั่งโมงรถสปอร์ตหรูคนเดิมก็มาจอดเทียบที่หน้าประตูรั้วบ้านหลังใหญ่ที่เคยแวะเวียนมาบ่อยในช่วงก่อนหน้า ทัตลงจากรถไปกดกริ่งเรียกใครสักคนมาเปิดประตูไม่นานก็มีเด็กคนสวนวิ่งออกมาเปิด

“มาหาใครครับ?”

“คุณคาร์เตอร์อยู่บ้านรึเปล่า?”

“อยู่ครับ ได้นัดไว้รึเปล่าครับ?”

“ไม่ แต่ไปบอกว่าเทพทัตมา”

เด็กคนสวนหยิบโทรศัพท์ที่ติดอยู่ข้างประตูด้านในออกมากดรอไม่นานปลายสายก็อนุญาตและเปิดทางให้ทัตเข้าไปยังด้านใน

แลดูโดนกีดกันเต็มที่เลยแฮะ ดูจากที่ไม่ได้ให้เอารถเข้าแถมยังต้องโทรไปรายงานผู้เป็ฯเจ้าของบ้านก่อนอีกต่างหาก

คาร์เตอร์ที่ออกมายืนต้อนรับที่หน้าประตูบ้านถึงกับยิ้มพร่ายเมื่อเห็นเทพทัตเดินจากประตูรั้วมาจนถึงเชิงบันไดด้านหน้าเค้า ใบหน้าหล่อเหลาแลดูขัดใจยิ่งกว่าวันที่ตนไปหาและยื่นข้อเสนอซะอีก

“สวัสดียามบ่าย”

ทักทายได้หน้าชื้นตาบานมาก ถึงจะบอกว่าบ่ายแต่ด้วยสภาพอากาศที่มืดครึ้มเหมือนฝนจะตกนี้กลับทำให้บรรยากาศดูมืดและเยือกเย็นดั่งช่วงเวลาหัวค่ำก็ไม่ปาน แต่ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคนทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย ทัตพนมมือไหว้คนอาวุโสกว่าตามมารยาทแต่คาร์เตอร์ไม่ได้รับไหว้แต่อย่างใด

“ที่มาหานี่ คงมีคำตอบที่ชัดเจนแล้วใช่ไหม?”

เปิดประเด็นไปซะดื้อๆกันเลยทีเดียว

“แน่นอนครับ”

“หวังว่าจะเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจนะ”

“มันก็อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าครับว่าจะพึงพอใจกับสิ่งที่ผมตัดสินใจไหม สำหรับผมมันน่าพึงพอใจมากทีเดียว”

คาร์เตอร์แสยะยิ้มเมื่อเห็นกิริยาโต้ตอบที่แข็งขืนมากกว่าวันวาน

“แด๊ด!”

“คุณค่ะ อ้าว เทพทัต”

ทัตหันไปไหว้สิริกิตเมื่อหล่อนเดินออกมาพร้อมกับทีครอส

“ทำไมไม่พากันเข้ามาข้างใน ฝนจะตกอยู่แล้วนะคุณ”

สิริกิตรับไหว้แล้วหันไปพูดกับสามี

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเขาก็กลับแล้ว”

สิริกิตหันไปมองคนรักของลูกชายแต่ทัตยังคงนิ่งเฉยไม่หือไม่อือผิดกับทีครอสที่พอจะเดาสถานการณ์ได้

“แต่การมายืนคุยกับข้างนอกมันออกจะ...”

“เงียบไปเลยทีครอส ยูเอาอะไรไปบอกมันอย่างคิดว่าไอไม่รู้นะ”

ทีครอสถึงกับอ้าปากค้าง นี่ขนาดตนแอบแล้วนะ พ่อยังจะรู้ทันได้อีก

“มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกครับ”

ทัตเอ่ยขึ้นบ้าง

“ใช่ มันเป็นความผิดของคุณทั้งหมด ถ้าคุณไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับพวกเราตั้งแต่แรก ป่านนี้พวกเราคงอยู่ดีมีสุขกันยิ่งกว่านี้ อ้อ รวมทั้งพี่สาวและอาชายอันเป็นที่รักของคุณด้วย”

ได้ยินอย่างนี้เทพทัตก็รู้ได้ทันทีว่าคาร์เตอร์คงไปรู้ถึงเรื่องราวก่อนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และดูจากการขัดขวางเหล่านี้ก็แสดงได้ถึงความไม่พอใจจนยากจะลบล้าง

“ผมต้องขอโทษแทนพวกเขาทั้งสองคนด้วย”

“หึ คิดว่าแค่ขอโทษก็จบเรื่องได้อย่างนั้นเหรอ?”

“แด๊ด”

“แกก็เหมือนกันทีครอส ดูน้องยังไงน้องถึงได้เจ็บตัวอยู่เรื่อย”

เป็นอีกครั้งที่ทีครอสเถียงอะไรไม่ออกพูดอะไรไม่ถูก เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อแล้วอำนาจทุกอย่างที่มีอยู่ในมือเค้าแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด

“เอาละ ไออยากฟังคำตอบจากปากคุณแล้ว”

ทัตจ้องมองสบตาคาร์เตอร์อย่างแน่วแน่ก่อนที่จะเอ่ยปากตอบออกไปอย่างชัดเจนและหนักแน่น

“ผมเลือกคริสตัล”

คำตอบนั้นทำให้สิริกิตชื้นในใจรวมทั้งทีครอสที่แอบยิ้มให้เล็กน้อย

“คิดมาดีแล้วใช่ไหม?”

“ผมไม่จำเป็นต้องคิดด้วยซ้ำ ผมแค่ใช่ใจเลือก ธุรกิจมันเป็ฯเรื่องภายนอกถึงจะล้มแต่ก็ยังสร้างขึ้นมาใหม่ได้แต่คนของใจ ผมไม่สามารถที่จะรับใครเข้าแทนที่คริสได้ ผมรักคริส”

คาร์เตอร์แสยะยิ้ม

“ผมรู้ว่าทางผมเคยทำผิดกับเขาไว้มาก เคยทำร้ายมาเยอะ แต่ผมพร้อมที่จะแก้ไขและทดแทนในส่วนนั้นให้เต็มที่ ผมรู้ว่าแค่ลมปากคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่คริสตัลก็เหมือนคุณ เค้าเชื่อในเรื่องพวกนี้ยาก กว่าผมจะพิสูจน์ตัวเองและทำให้เรารักกันได้อย่างทุกวันนี้...ผมบอกเลยว่ายากมาก...แต่ในวันนี้ที่เค้าเชื่อใจผมแล้ว เค้ายอมยกใจให้ผมได้ดูแลแล้ว ผมก็อยากจะขอโอกาสจากคุณ ผมอยากพิสูจน์และดูแลคริสตัลให้ดีที่สุด ผมจะทำให้คุณเห็น...”

“พล่ามพอรึยัง?”

คาร์เตอร์เอ่ยขัดทั้งที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

“ไอถามอย่างหนึ่งสิ ถ้าแกเป็นพ่อคนแล้วลูกของแกโดนทำร้ายจนเกือบถึงแก่ชีวิตแกจะยังให้อภัยคนที่ทำร้ายลูกของแกไหม?”

สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างก็ตกอกตกใจกันทั่วหน้า ไม่บ่อยที่คาร์เตอร์จะพูดภาษาไทยและยิ่งเป็นภาษาไทยในแนวหยาบคายอีกด้วย

“ผม...”

“ไอแทบอยากจะยิงทิ้งให้มันหายๆไปจากโลกซะด้วยซ้ำ”

ว่าแล้วก็คว้าเอาปืนกล็อก 17 ขนาดพอดีมือมาจ่อปลายกระบอกไปยังคนตรงหน้า

“แด๊ด!”

“คุณ!”

“ถอยออกไป ทั้งคู่เลย”

คาร์เตอร์สั่งเสียงเข้มเพิ่มความตึงเครียดให้แก่ทุกคนได้อย่างทั่งถึงรวมไปถึงเทพทัตที่ยังคงจ้องมองนิ่งกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก

“รู้ไหมว่าหากย่างกรายเข้ามาในอาณาเขตบ้านหลังนี้แล้ว สิ่งที่เรียกว่ากฎหมายมันก็ไม่สามารถปกป้องแกได้อีกต่อไป”

“.........”

“ไอให้โอกาสตอบเป็นครั้งสุดท้ายว่าแกจะหายไปเองหรือต้องให้ไอทำให้หายไปด้วยมือของไอเอง”

ทัตกำมือแน่นในชั่วขณะ อาการกลัวปืนนะเค้าไม่มีอยู่หรอก แต่ที่กลัวคือคนตรงหน้า กลัวการไม่ชอบใจของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของคนรัก ถ้าอยากจะยิงเค้าก็ยินดียืนนิ่งเป็ฯเป้าตายถ้ามันแลกกับการได้ความรักกลับคือเค้ายอมหมดทุกสิ่งอย่าง แต่คริสจะร้องไห้เพราะเค้าอีกแล้วเหรอ

“ว่าไงละ? เริ่มลังเลขึ้นมาแล้วละสิ”

“ผมไม่เคยลังเล”

“หืม งั้นก็ตอบมา”

“ผมเลือกคริสตัล”

คาร์เตอร์หัวเราะเสียงต่ำ

“ผมเลือกหัวใจของผม และจะเลือกแบบนี้ไปจนวันตาย”







แปะ แปะ แปะ

เสียงหยาดฝนกระทบบานกระจกทำให่คริสเหลียวไปมองยังต้นตอของเสียง ผ้าม่านที่ถูกเปิดไว้ทำให้คริสสามารถมองไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้มด้านนอกได้อย่างชัดเจน หยาดฝนค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นสีขาวคล้ายหมอกหนา อากาศภายในห้องที่เย็นเป็นปกติเริ่มที่จะทวีความเย็นขึ้นจนเกือบหนาว คริสลุกจากเตียงนอนใหญ่แล้วเดินไปสัมผัสบานกระจกใหญ่ที่กรุไว้จนเต็มฝั่ง ประตูระเบียงยังคงเปิดไม่ได้เพราะผู้เป็นพ่อมาล็อคไว้เหมือนประตูทุกบานที่จะทำให้ตนย่างก้าวออกไปด้านนอกได้

ขังไว้เหมือนเป็นผู้ต้องหาทั้งๆที่เป็นลุกในไส้

คริสขมวดคิ้วเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่หางตา ถ้าไม่มีหยาดฝนที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกเค้าคงจะเห็นได้ชัดกว่านี้แต่พอเพ่งสายตามองดีๆจึงรู้ว่าเป็นรถ

รถของเทพทัต!

ทำไมรถของทัตถึงมาจอดอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้านได้ละ

หรือว่าจะมาหา

คริสรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วหมุนลูกบิดอย่างบ้าคลั่งแต่ทว่าสิ่งที่รับรู้ได้นั้นก็คือการล็อคจากภายนอกเหมือนเช่นเดิม

ปึกๆๆ!!!

“ใครอยู่ข้างนอกบ้างนะ มาเปิดประตูให้ที!?!”

ไร้ซึ่งวี่แววของผู้ช่วยเหลือ

สังหรณ์ใจไม่ดีเลย

แด๊ดจะทำอะไรกับทัตรึเปล่านะ

ปึกๆๆๆ!!!

“เฮ้! มีใครอยู่...”



ปัง!



เฮือก!!

คริสตัลสะดุ้งโหย่งก่อนที่ประสาทรับรู้จะประมวลผลในสิ่งที่ได้ยินจนตัวเริ่มชาว๊าบไปทุกส่วน

นั้นมัน...

เสียงปืน...

“ทัต!!!!”


TBC....
ใจเย็นๆกันหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมคนหล่อชอบใจร้อนกันจังนะ  :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ลุ้นกันจนเหนื่อย

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 39



คริสตัลแทบทรุดลงกับพื้นเมื่อไร้ซึ่งวี่แววของผู้ที่เรียกหาหรือแม้แต่ใครสักคนที่จะมาช่วยเค้าได้ ตอนนี้ใจเค้ากระวนกระวายจนแทบคลั่ง จากที่เห็นรถก็หวาดหวั่นในระดับหนึ่งนี่ยิ่งมีเสียงปืนดังขึ้นมาให้ใจสั่นเข้าไปอีก คริสมั่นใจว่าคนที่เหนี่ยวไกรไม่ใช่เทพทัตอย่างแน่นอน ส่วนพี่ครอสก็จบปัญหากับทัตไปเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็แต่พ่อที่ยังมึนตึงไม่เปลี่ยนแปลงแถมยังชอบทำอะไรโอเวอร์เป็นทุนเดิม พ่ออาจไม่ได้ตั้งเป้าให้ถึงตายแต่นั้นคือปืนนะ พลาดนิดก็เสียชีวิตได้ในทันที

ปัดโถ่เอ๊ย!

คริสกัดฟันกรอด เค้าเขย่าประตูจนโครงเครงแต่ก็ไม่มีแววว่าสลักกลอนจะคลายเลยสักนิด เหลียวซ้ายแลขวามองหาทางหนีทีไล่

นั้นไง บานกระจกที่กั้นระหว่างห้องกับระเบียง

ถึงแม้มันจะเป็นกระจกหนาที่กรุเต็มบานแทนผนังทั้งด้านแต่มันก็มีโอกาสแตกได้อยู่ดี มันต้องลองดูสักตั้ง ว่าแล้วคริสก็เข้าไปเขย่ากลอนที่ประตูกระจกดู แน่นอนว่าไม่มีทางหลุดง่ายๆ งั้นก็คงต้องทำลาย คริสเหลียวมองดูข้าวของที่น่าจะเอามาเป็นอุปกรณ์การทุบทำลายบานกระจบหนานี้ไปเรื่อยๆ เจอแจกันใบโตแถมหนาใช่ย่อยลองเอามาขว้างดูหน่อยแล้วกัน

เพล้ง!

ปรากฎว่าแจกันแตกแต่กระจกไม่มีแม้รอยขีดข่วน

ต้องใช้อะไรที่แข็งกว่านี้…

เสมองไปโดยรอบและก็พบกับโต๊ะตั้งแจกันข้างหัวเตียงนั้นแหละ โต๊ะเป็นทรงเหลี่ยมทำด้วยไม้เนื้อแข็งขัดเงาหนักเอาการเพราะฉะนั้นมันคงจะทำให้กระจกหนาๆนี่แตกได้อย่างแน่นอน ว่าแล้วคริสก็รีบเข้าไปเคลียร์ของและยกไอ้โต๊ะไม่ที่หนักแสนหนัก คริสวางมันลงใกล้ๆบานกระจกเพื่อฮึบเอาแรงอีกเฮือก คราวนี้เค้าพยายามยกให้สูงแล้วโยนให้สุดแรงจนเกิดเสียงดังลั่น ในที้สุดก็เกิดรอยร้าวที่กระจก แต่ยังไม่แตก คริสกดยิ้มด้วยใจที่ชื้นขึ้นมาอีกนิดก่อนจะเข้าไปจับโต๊ะตัวเดิมแล้วจับกระแทกใส่แรงๆอีกครา ไม่เกินสามครั้งบานกระจกก็แตกและร่วงกร่าวเต็มพื้นที่ด้านล่าง คริสใช้โต๊ะตัวเดิมกระแทกเกลี่ยพวกเศษแหลมๆให้หลุดเป็นวงกว้างพอที่ตัวเองจะโผล่ออกไปได้

แกร๊กๆ

คริสชะงักเมื่อได้ยินเหมือนเสียงคนไขประตูเข้ามา ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่าจะเข้ามาห้ามเข้ามาจับตัวไปขังไว้อีก คนอุสาหาทางหนีได้แล้วเชียว ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบออกไปยังระเบียงทั้งที่หยาดฝนยังคงโปรยปราย

“คริสตัล!”

คนที่เข้ามาคือคาร์เตอร์ตามคาด คริสมองลงไปยังด้านล่างที่มีเพียงพื้นสนามหญ้าโล่งๆ ตอนนั้นทัตมันปีนขึ้นมาหาเค้าได้ยังไงกันนะ

“เข้ามาข้างในเดี๋ยวนี้นะ”

คาร์เตอร์รีบเข้าไปดึงแขนลูกชายไว้แต่คริสกลับสะบัดจนหลุดแล้วถกตัวถอนหนีไปอีก

“คริส!”

ทีครอสที่ตามหลังเข้ามาเองก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นไม่น้อย

“ยูคิดจะทำอะไร?”

ผู้เป็นพ่อถามเสียงเข้ม คริสเองก็ยืนนิ่งจ้องมองพ่อเขม่งท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำและสายลมอันเย็นยะเยือก

“ไอถามว่ายูคิดจะทำอะไร!?!”

“ก็ทำให้ตัวเองหายไปจากแด๊ดไง!”

“สิ้นคิด! กะอีแค่ผู้ชายคนเดียวยูถึงกับลดความเป็นคนของตัวเองลงถึงขนาดนี้เลยเหรอ แค่ผู้ชายที่ทำร้ายยูจนเกือบตายมาแล้วนะน่ะ!?!”

“แต่เค้าก็รักผมจริง! เค้าอยู่ข้างผมเสมอในขณะที่แด๊ดแทบไม่สนใจ!!”

คาร์เตอร์แสยะยิ้มยกมือขึ้นลูบผมที่ลู่ลงมาปิดกรอบหน้าก่อนจะกอดอกมองจ้องลูกชายหัวดื้อที่ยังคงยืนตัวสั่นอยู่ที่เดิม คงหนาวละสิ ตัวบางๆไหนจะขี้โรค ข้าวปลาก็กินไปนิดเดียวอีกไม่เกินยี่สิบนาทีคงเป็นลมล้มพับอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“ยูรู้ได้ยังไงว่าไอไม่สนใจแล้วมั่นใจเหรอว่ามันรักยูจริง?”

ถึงน้ำเสียงที่ามจะฟังดูเรียบนิ่งแต่กลับแหลมคมจนคริสเจ็บแปร๊บ เค้าสะบัดหัวเบาๆเรียกสติก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่นังคงยืนมองสถานการณ์อยู่ที่ด้านใน แม่ไปไหน ทำไมไม่เห็นแม่ขึ้นมา แล้วทัตละ…

“แด๊ดยิงทัต…”

ไม่เชิงว่าเป็นคำถามแต่ก็ไม่ใช่ประโยคบอกเล่าซะทีเดียว มันเหมือนเป็นการพึมพำที่ดังพอประมาณและคาร์เตอร์เองก็ได้ยินไปด้วย

“ใช่ ไอยิงมัน ยูต้องเห็นตอนเลือดสดๆและแดงฉานไหลเปรอะพื้น หึ คงเจ็บมากเลยแหละนะ”

“แด๊ดยิงเขา!!!”

“ก็อย่างที่ได้ยิน”

คริสเสียววูบไปทั้งตัวจนเผลอยกมือขึ้นกอดตัวเองสั่นๆ มันเป็นอาการกลัวปนหวาดหวั่นจนเหมือนจะช็อค

“แด๊ดยิงเขา”

“……”

“แด๊ดทำอย่างนั้นทำไม…แด๊ดยิงทัตทำไม…ถ้าทัตตายไป…ถ้าทัตตาย….”

“คริสตัล”

“อย่าเข้ามาใกล้ผมนะ!!!”

คริสถอยหนีเมื่อเห็นคาร์เตอร์ขยับเข้ามาใกล้ คนเป็นพ่อหมุนหัวคิ้ว ไม่คิดว่าลูกชายจะเป็นถึงขนาดนี้เลยจริงๆ

“คริส”

“พี่ครอสไม่ต้องพูด พี่เองก็ขัดแด๊ดไม่ได้ใช่ไหมละ”

“คริส ฟังพี่ก่อน…”

“ไม่ฟัง!”

“คริสตัล”

“บอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ผมไงเล่า!!”

คาร์เตอร์ไม่สนใจที่ถูกห้ามและย่างก้าวเข้าไปหาจนคริสตกใจและถลาถอยหลังไปขนชิดขอบระเบียง หมดทางไปและคนตรงหน้าก็เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“ถ้าไม่หยุดผมจะโดดลงไปจริงๆนะ!”

คาร์เตอร์ชะงัก แต่พอมองผ่านม่านน้ำฝนเห็นอาการไหวสั่นของลูกชายจึงต้องจำทนรีบรุกเข้าไปหาเพื่อคว้าตัวเข้าไปยังด้านในก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี ตอนนี้ในหัวคาร์เตอร์กลัวแค่ลูกชายจะช็อคเพราะอาการหนาวสั่น แต่สำหรับคริส เค้ากลัวการถูกจับกุมและกักขังไว้เหมือนก่อนหน้าและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการตายของเทพทัต จนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววของรถพยาบาลหรือรถของหน่วยอาสาสมัครกู้ภัยใดๆเลย

นี่คงคิดจะปล่อยให้ตายอยู่ที่นี้เลยใช่ไหม ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนคิดจะช่วยงั้นเค้าจะลงไปช่วยเอง!

“คริสตัล!”

คาร์เตอร์อุทานเป็นชื่อลูกด้วยความตกใจที่เห็นเจ้าตัวปีนขึ่นไปยังราวระเบียง เค้าจับแขนลูกชายไว้ได้ทันและอีกข้างกำลังเข้าไปดึงตัวเข้ามาทว่าคริสก็สะบัดแขนแรงๆไหนจะขยับหนีไปอีก ฝนที่ยังคงโปรยปรายทำให้พื้นเปียกแฉะและนั้นก็ทำให้คนดิ้นเสียการทรงตัวจนเซหงายหลังไปในที่สุด คาร์เตอร์เบิกตากว้างท่ามกลางเสียงร้องของลูกชายคนโต เค้ารีบเข้าไปคว้าเอาตัวลูกชายแต่มันช้าจนเกินไป เค้าคว้าไว้ไม่ทัน คริสร่วงหล่นลงจากชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ที่เบื้องล่างมีเพียงสนามหญ้าและ…เทพทัต!

ตุบ!

“อุ๊ก!”

คริสอุทานทั้งที่ยังคงหลับตา ภาพสุดท้ายที่เค้าเห็นก่อนตกคือใบหน้าตื่นตกใจของผู้เป็นพ่อ หลังจากนั้นตนก็หลับตาเตรียมรับกับความเจ็บที่จะตามมาแต่ทว่า…ทำไมมันไม่เจ็บอย่างที่คิดละ ไม่มี มีเจ็บบ้างแต่น้อยจนน่าแปลกใจ คริสลืมตาขึ้นก่อนจะสำรวจดูโดยรอบและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบุคคลที่มาเป็นเบาะให้เค้านอนทับแทบจะทั้งตัว

“ทัต!”

“หึ ดื้อไม่มีเปลี่ยนเลยนะเรา”

โถ่เอ๊ย มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ไหมเล่า!

คริสรีบลุกออกจากตัวคนพี่ก่อนจะสำรวจดูร่างกายทัตอย่างละเอียดจนไปสะดุดอยู่ที่รอบเลือดที่ต้นแขนข้างขวา ทัตยังคงนอนแผ่อยู่กับที่ด้วยอาการจุกแต่มืออีกข้างที่ว่างกลับเอื้อมมาจับมือคนรักไว้

“แต่ถึงจะดื้อยังไง พี่ก็รักของพี่อยู่ดี”

คริสถึงกับน้ำตาไหลพราก เค้าก้มลงไปจูบปากหนาที่ยกยิ้มกริ่มท่ามกลางสายฝนที่ซาลงบ้างแล้ว

“ไปโรงพยาบาลกันนะทัต อดทนไว้ก่อนนะ”

ทัตไม่ตอบแต่จับมือคนน้องแน่นขึ้น คริสเหลียวไปทางหน้าบ้านที่ทุกคนลงมาออกันอยู่เต็มไหนจะรถที่ขับออกจากโรงจอดรถเหมือนจะเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว

“แส่หาเรื่องไม่มีหยุดหย่อนจริงๆให้ตายสิ”

ทีครอสเข้ามาช่วยพยุงเทพทัตบ่นอุบให้น้องชายจอมดื้อ

“ผมขอโทษแต่ช่วยพาทัตไปหาหมอก่อนได้ไหม”

“ก็กำลังจะพาไปนี่ไงละ”

ว่าแล้วก็พยุงกันไปยังรถในทันที คริสตัลนั่งด้านหลังกับทัตในขณะที่ทีครอสเป็นคนขับ คริสเหลียวไปมองที่ด้านหลังเมื่อรถออกตัว คาร์เตอร์และสิริกิตยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน คาร์เตอร์ยังคงตีหน้าขรึมแต่สิริกิตดูกระวนกระวายใจพอสมควร คริสตัลไม่เข้าใจความนึกคิดของคาร์เตอร์เลยสักนิด เค้ามองอยู่อย่างนั้นจนรถขับพ้นรั้วบ้านออกมาในที่สุด

“ให้ตายสิ ถ้าแกเลิกดื้อแล้วหัดฟังคนอื่นพูดให้มากขึ้นเรื่องคงไม่วุ่นขนาดนี้หรอก”

ทีครอสยังบ่นไม่เลิก

“ก็สถานการณ์มันบังคับไหมละ ใครจะไปทนรอฟังอยู่ได้”

“ก็เลยโดดลงมาเลยว่างั้น”

“ผมลื้นเหอะ”

“อย่าให้เกิดขึ้นอีกนะคริสตัล แค่นี้คนทั้งบ้านก็ห่วงแกจนจะบ้าแล้ว”

คริสตัลได้แต่เม้มปากแน่นแล้วเสมองไปยังคนเจ็บที่นอนเปื่อยอยู่ข้างๆ ทัตหายใจหอบๆเหมือนจะเหนื่อยทั้งที่ไม่ได้ไปวิ่งรอบสนามมาซะหน่อยแต่ก็คงเพราะการเสียเลือดมากละมั้ง

“ทัต”

“ครับ”

“เลือดหยุดไหลรึยัง?”

ถามน้ำเสียงสั่นเครือจนคนฟังเผลอยิ้ม รู้สึกดีที่เห็นคนน้องห่วงตนถึงขนาดนี้แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าคนน้องไม่ทำอย่างที่ทำไปก่อนหน้า ตนเองแค่โดนกระสุนถากๆที่ต้นแขนขวาแต่ถ้าออกไปรับคริสไม่ทันนั้นมีสิทธิ์หัวฟาดพื้นได้เลยทีเดียว

“ไม่มั่นใจ แผลน่าจะฉีกมากกว่าเดิมเพราะแรงกระแทกเมื่อกี้”

ถึงสิริกิตจะห้ามเลือดและทำแผลให้คราวๆแล้วแต่การออกมารับตัวคริสตัลที่หล่นลงมาเต็มๆถึงขนาดล้มทั้งยืนนั้นมันไม่ใช่ยิบย่อยเลยไหนจะโดนน้ำฝนจนชุ่มไปอีก

“ขอโทษ”

พูดไปน้ำตาก็พาลจะไหล

“ถ้าสำนึกผิดจริงๆก็อย่าทำแบบนั้นอีก มันอันตรายรู้ไหม”

“อืม ขอโทษ”

“แหมะ พี่พูดจนปากเปียกปากแฉะไม่ยักกะโอนอ่อนตามอย่างนี้บ้างวะ หมั่นไส้แม่ง”

คริสหันไปตวัดสายตาจ้องพี่ชายดุๆแต่หน้าขาวกลับเริ่มแดงระเรื่อจนทัตที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา ดวงตาที่บวมแดงเพราะพึ่งผ่านการร้องไห้มาหลุบลงต่ำสบตากับคนด้านล่าง

“ตัวรุมๆนะคริส เข้าไปให้หมอตรวจด้วยละ”

คริสตัลพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย

“หึ คราวนี้ไม่ยักกะดื้อแฮะ”

“ไอไม่ดื้อแล้ว”

“จริงเหรอ?”

“อืม”

“แล้วรักกันรึยัง?”

“ตั้งนานแล้วเหอะ”

“โอ้ย! ถึงสักที กูละอยากอ้วกชิปหาย”

“พี่ครอส!!”

“หึหึ”






ปัง!!!

ทุกคนตกตะลึงกับการลั่นไกรของชายผู้ที่เป็นเจ้าบ้านและผู้มีอำนาจที่สุดของครอบครัว คาร์เตอร์ลดปืนลงก่อนจะแสยะยิ้มร้ายสายตามองจ้องไปที่คนเบื้องหน้าซึ่งกำลังกดฟันทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ เลือดสดๆไหลจากช่วงแขนแกร่งลงมายังนิ้วและหยดแหมะลงบนพื้นปูน

“เทพทัต!”

สิริกิตอุทานด้วยความตกใจก่อนจะรีบตรงหลี่เข้าไปหาคนรักของลูกชาย

“ต้องรีบห้ามเลือด เข้าไปข้างในก่อนเถอะจ้ะ”

พูดด้วยอาการตื่นตระหนกชนิดที่ไม่สนหน้าอิฐหน้าพรมอะไรทั้งสิ้น แม้แต่สามีที่ลั่นไกรไปเมื่อครู่ก็ตาม ทัตเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้าเมื่อเห็นแววตาอ่อนลงจากเมื่อครู่จึงยิมที่จะก้าวเดินตามแรงดันของคุณนายของบ้าน สิริกิตให้แม่บ้านนำอุปกรณ์ทำแผลและผ้าชุบน้ำอุ่นมาจัดการห้ามเลือดและทำแผลขั้นพื้นฐานท่ามกลางสายตาของทีครอสและคาร์เตอร์ที่เดินตามหลังเข้ามา
 
“เสร็จแล้ว ถึงจะเป็นแผลถากๆแต่น่าจะไปให้หมอดูอีกรอบด้วยนะจ้ะ แม่กลัวว่าจะต้องเย็บด้วยนี่สิ”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ส่วนคุณ…”

พูดด้วยรอยยิ้มกับทัตแต่ปลายประโยคกลับหันไปตีหน้าขึงใส่ผู้เป็นสามี คาร์เตอร์ไหวไหล่หันไปบอกแม่บ้านให้นำน้ำเย็นมาให้จิบอย่างสบายใจจนทัตหัวคิ้วชนกันเป็นรอบที่ล้าน

อะไรของเค้าวะ

“งงไปดิมึง”

ทีครอสพูดขำๆ ทัตเองก็พยักหน้ารับซะดื้อๆ

“หึ โง่พอกันทั้งคู่อย่างนี้จะกันไปได้สักกี่น้ำ”

“แด๊ดก็ทำเกินไปจริงๆแหละ ผมงี้ยังหวั่นเลยว่าแด๊ดทำจริงหรือแค่แกล้ง”

“แกล้งอย่างนั้นเหรอ?”

ทัตแทบกัดลิ้นตัวเองซะให้ได้ ไม่อยากจะเชื่อ ที้ทำไปทั้งหมดนั้นอย่าบอกนะว่า…

“เออ ไอแกล้งเล่น”

“เหี้ย!”

“เห้ยๆ ที่มึงด่านะพ่อกูนะ”

“ขอโทษครับ ผมแค่อุทานเพราะตกใจนะ”

“หึ ถึงไอจะบอกว่าแกล้งแต่จริงๆก็แอบใส่ความรู้สึกนึกคิดของจริงลงไปด้วยอยู่แหละนะ ไอไม่ชอบยูที่ทำร้ายคริสตัล ไอห่วงคริสตัล แต่ไอก็…พยายามจะให้โอกาสยูพิสูจน์ตัวเองอย่างที่ยูบอก…”

ทัตเริ่มคลายสีหน้าเมื่อได้ยิน

“ถ้าไอได้ยินว่ายูทำลูกชายใจเจ็บอีกเมื่อไหร่ ยูเตรียมตัวลงนรกของจริงได้เลย”

“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่ครับ”

“หึ ให้มันจริงเถอะ”

แต่ทว่าความจริงแล้ว…บทพิสูจน์ได้จบลงแล้วด้วยซ้ำ

บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเมื่อคาร์เตอร์คลี่คลายเรื่องทั้งหมด แต่ยังไม่ทันจะหายใจหายคอโล่งนักแม่บ้านคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานว่าได้ยินเสียงกระจกแตกจากห้องคริสตัล

“ไม่ ยูไม่ต้องไป นั่งลงรอที่นี้ซะ ไอยังไม่ได้จัดการในส่วนของคริสตัล”

คาร์เตอร์เอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าทัตกำลังจะลุกขึ้น ทัต้ลยได้แต่นิ่งงันปล่อยให้คาร์เตอร์และทีครอสขึ้นไปแต่ด้วยความห่วงตนจึงอยู่เฉยไม่ได้ ทัตแอบตามไปห่างๆคอยฟังสถานการณ์อยู่ข้างนอกอยากจะรีบตรงหลี่ไปให้คนิสเจอแต่ก็กลัวพ่อตาหาว่าไม่ฟังคำสั่งห้ามเลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นด้านล่างเผื่อเด็กดื้อจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาจริงๆ แล้วก็เป็นไปตามคาด

“ทัต!”

อา…ทั้งจุกทั้งเจ็บเลยแฮะ

แต่ว่า…เค้าสามารถสัมผัสคริสตัลได้แล้ว เค้าคว้าตัวคนของใจเค้าไว้ได้แล้ว

รอยยิ้มฝุดขึ้นบนใบหน้าในทันที


TBC…

ตอนหน้าจบแล้วน๊าาาาาา บอกแล้วว่าไม่ดราม่าหรอก พ่อเค้าแค่หยอกเล่นเอ๊ง คริคริ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คริสหลงผัวแรงมากอะ ไม่สนละแด๊ดละพี่ เออเนาะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกลียดคนหลงผัวว่ะ ไม่คิดจะฟังแด็ดหรือพี่เลยนะ แบบนี้ซินะที่เขาเรียกว่าความรักบังตาอ่ะ

ออฟไลน์ jagkree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • Facebook
สนุกมากจร้าาาา
อ่านรวดเดียวมาจนถึงตอนล่าสุดเลย แต่พบว่าตอนหน้าจะจบแล้ว แอ๊กกกก มาเจอเรื่องนี้ช้าไปหรือเนี่ย
อยากให้คนเขียนแต่งเรื่องแนวพระเอกโหดๆอีกกกก ชอบ 555 :mew1:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สนุกมากจร้าาาา
อ่านรวดเดียวมาจนถึงตอนล่าสุดเลย แต่พบว่าตอนหน้าจะจบแล้ว แอ๊กกกก มาเจอเรื่องนี้ช้าไปหรือเนี่ย
อยากให้คนเขียนแต่งเรื่องแนวพระเอกโหดๆอีกกกก ชอบ 555 :mew1:

พระเอกโหดๆ มีอยู่ที่ธัญฯค่ะ ไรท์ไม่ได้เอามาลงที่นี่เพราะมันเป็นเรื่องเก่าแถมยาวแต่กระแสดีใช้ได้เลยนะ ลองไปอ่านดูนะค่ะ

ออฟไลน์ jagkree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • Facebook
พระเอกโหดๆ มีอยู่ที่ธัญฯค่ะ ไรท์ไม่ได้เอามาลงที่นี่เพราะมันเป็นเรื่องเก่าแถมยาวแต่กระแสดีใช้ได้เลยนะ ลองไปอ่านดูนะค่ะ


ขอบคุณครับ รบกวนขอลิ้งค์หรือชื่อเรื่องได้ไหมครับ พอดีหาไม่เจอเลยครับ แหะๆ :mew2:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
พระเอกโหดๆ มีอยู่ที่ธัญฯค่ะ ไรท์ไม่ได้เอามาลงที่นี่เพราะมันเป็นเรื่องเก่าแถมยาวแต่กระแสดีใช้ได้เลยนะ ลองไปอ่านดูนะค่ะ


ขอบคุณครับ รบกวนขอลิ้งค์หรือชื่อเรื่องได้ไหมครับ พอดีหาไม่เจอเลยครับ แหะๆ :mew2:

http://www.tunwalai.com/story/93360/little-devil-ปีศาจน้อยที่รัก-nc18-end

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 40



 
ก๊อกๆๆๆ

คริสตัลลืมตาโพล่งขึ้นหลังจากที่หูได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาเคาะประตูแล้วเสมองไปยังแขนใครบางคนที่พาดอยู่ตรงเอวคอด

“ทัต”

เรียกใครอีกคนที่ยังคงไม่ยอมตื่นทั้งที่ปกติทัตจะตื่นก่อนคริสแต่หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บและต้องกินยาอย่างต่อเนื่องทัตเลยหลับลึกกว่าปกติจนกลายเป็นคนขี้เซาไปซะอย่างนั้น

“อืม”

“มีคนมาเคาะประตูอะ”

“อืม”

“อืมอะไรเล่า”

“ปล่อยไป”

“ได้ไงวะ ลุกเลย”

ถึงจะบาดเจ็บแต่ก็เป็นที่แขนไม่ใช่ขา เพราะงั้นการเดินเหินย่อมเป็นปกติไม่ควรมาสำออยนอนกอดเค้าทั้งวี่ทั้งวันแบบนี้

“ปล่อยไปเหอะน่า”

พูดแล้วก็หนีบคนในอ้อมแขนให้แนบชิดเข้าไปอีก

“ฮือออ ปล่อยยยย”

ทั้งบอกทั้งดิ้นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนกอดโอดครวญขึ้นมา

“โอ้ย”

“เห้ย! โทษๆ เจ็บมากไหม?”

ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วลุกลี้ลุกลนกับแขนคนพี่ที่ยังคงพันผ้าก๊อตไว้อย่างแน่นหนา ถึงจะดูไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ตามคำบอกเล่าของทีมแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แต่คนน้องก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

“อืม สงสัยแผลจะปริ”

“ไปหาหมอกัน”

“หึหึ ใจเย็นๆครับ พี่ล้อเล่น”

คริสตัลที่ตั้งท่าจะลงจากเตียงถึงกับชะงักก่อนจะค่อยๆเหลียวหลังกลับมามองคนพี่ที่ตีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยอยู่บนที่นอนกว้าง

“มันใช่เรื่องไหมทัต!”

ว่าพร้อมกับจับหมอนมาฟาดใส่หน้าไปเต็มๆ คนพี่หัวเราะร่วนแล้วแย่งหมอนไปจากมือโยนทิ้งไปอีกทางก่อนที่จะดึงคริสให้กลับเข้ามาหา

“โถ่ อย่าทำหน้างั้นสิ พี่แค่ชอบเห็นตอนเราห่วงพี่เอง”

“เหรอทัตเหรอออออ”

นับวันยิ่งทำตัวน่ารักขึ้นเป็นทวีคูณ ว่าแล้วก็อดฟัดแก้มขาวไปด้วยไม่ได้

“อื้อออ ทัตมันจักกะจี้”

“หึหึ”

ยิ่งโดยห้ามก็เหมือนยิ่งยุ คนพี่รู้ว่าที่น้องจักกะจี้นั้นเพราะไรหนวดที่เริ่มผุดขึ้นเป็นตอเล็กๆ พอครูดไปกับผิวขาวๆเลยทำให้เกิดอาการแต่ที่ไม่ชอบคือมันทำให้เกิดรอยแดงๆตามมาด้วยนี่สิ

ก๊อกๆๆๆ

ทั้งคู่ชะงักแล้วเหลียวไปยังทิศทางที่เป็นต้นตอของเสียง ตอนนี้ทั้งคู่กำลังพักอยู่ที่บ้านของทัตเพราะทัตต้องพักรักษาตัวและทั้งพ่อและแม่ของเค้าไม่ยอมให้ไปอยู่คอนโดจนกว่าจะหายดี ส่วนคริสก็โดนหว่านล้อมให้อยู่ดูแลทัตที่นี้ด้วยเช่นกัน

“ใครวะ”

ทัตสบถเสียงแผ่วแล้วลุกขึ้นยีผมตัวเองด้วยท่าทีหงุดหงิด เมื่อร่างใหญ่เดินหายไปกับฉากกั้นห้องคริสเลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามออกไปบ้าง

“ลูกจะนอนก็เรื่องของลูกสิ แต่น้องคริสต้องลงไปทานข้าวกับแม่”

อ้อ เป็นคุณนายนาตาลีนั้นเอง

“อุ๊ย อรุณสวัสดิ์จ้ะน้องคริส หลับสบายดีไหมลูก?”

ทัตถึงกับกรอกตาให้ความลำเอียงของผู้เป็นแม่ ส่วนนาตาลีนั้นยิ้มหวานเดินเข้ามาจับมือถือแขนแฟนลูกชายอย่างหน้าชื้นตาบาน คริสตัลถูกใจคุณนายท่านมากพอควร ไม่สิ ต้องบอกว่ามากๆเลยต่างหาก ตอนพามาที่บ้านหลังจากกลับมาจากโรงพยาบาลคุณเธอก็แทบไม่สนใจลูกชายเลยด้วยซ้ำ จนพ่อท้วงถึงสาเหตุที่พันผ้าก๊อตนั้นแหละคุณนายถึงรู้สึกตัว

“หลับสบายดีครับ”

“ดีแล้วจ้ะ รีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเลยนะ วันนี้แม่ทำอาหารเช้าเองกับมือ รีบลงไปทานด้วยกันนะลูก”

อื้อหือ กลิ่นหมาหัวเน่ามันน่าเศร้าอย่างนี้นี่เอง

“แม่ครับ”

“อะไรยะ?”

น้ำเสียงแข็งกระด้างมาเชียว เกินไปไหมเนี้ย

“ได้ข่าวว่าผมเป็นลูกบังเกิดเกล้าของแม่นะ”

“อุ๊ย ซอรี่จ้ะ แม่ลืม”

“อย่างนี้ก็ได้เหรอแม่”

คริสหัวเราะเสียงแผ่วให้กับความขี้เล่นทั้งแม่และลูก ยอมรับว่าตอนแรกก็เกร็งๆแต่พอกลายมาเป็นคนโปรดแทนลูกแท้ๆก็ชักจะเริ่มชอบขึ้นมานิดๆแล้ว

“เอาละๆ ไปอาบน้ำอาบท่ากันทั้งคู่เลย แต่อย่านานนะ ทัตห้ามแกล้งน้องด้วย ถ้าพี่ทัตแกล้งอะไรมาบอกแม่ได้นะน้องคริส เดี๋ยวแม่จัดการให้”

“ครับ”

สิ้นเสียงคริสตัลตอบรับคุณนายนาตาลีก็ยิ้มแป้นออกจากห้องลูกชายไปในที่สุด ทัตเกิดหมั่นไส้ลูกรักคนใหม่เลยพุ่งเข้าไปกอดคนน้องแล้วฉกหอมแก้มซ้ายแก้มขวาไปอีกทีสองที

“ทัต! บอกแล้วไงว่ามันจักกะจี้”

“เทพทัต! แม่บอกแล้วไงว่าอย่าแกล้งน้อง!!”

ชะงักกึกก่อนจะมองคนเป็นแม่ที่เปิดประตูพรวดเข้ามาตะหวาดว่าคนพี่แล้วก็ปิดกลับหายไปอีกรอบซะดื้อๆ

“อะไรวะ ทำไมพี่โดนตลอดเลยอะ”

“สมควร แล้วก็ปล่อยได้ละ จะไปอาบน้ำ”

“อาบด้วยกันสิ จะได้ประหยัดเวลา”

“จะช้ากว่าเดิมนะสิไม่ว่า ปล่อยเลยนะทัต”

“ไม่เอาน่า อย่าดื้อสิครับ ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อกับพี่แล้วไง”

“ไม่ได้ดื้อ คนที่ดื้อนะคือยูต่างหาก”

“นี่ก็อีกเรื่อง ตกลงกันแล้วใช่ไหมว่าจะเปลี่ยนการเรียกกันนะ”

คริสได้แต่จิ๊ปากเบาๆ หน้าหวานเริ่มเห่อแดงเมื่อคิดถึงคำพูดที่ได้สัญญากันไว้

“ไหนเรียกให้ได้ยินหน่อยสิ”

“ไม่เอาอะ”

“อย่าดื้อครับ เรียกหน่อยเร็ว”

“ไม่...”

“อายเหรอ?”

“ก็....”

“อายที่เราเป็นคนรักกันเหรอ?”

คริสตัลถึงกับถอนหายใจเมื่อคนพี่เข้าสู่โหมดน้อยใจอย่างกับเด็กน้อยวัยกระเตาะ แขนแกร่งหดกลับไปกอดอกตัวเองแล้วตั้งท่าจะเดินหนีทว่าคนน้องก็ดึงแขนไว้ซะก่อน

“งอลเป็นเด็กไปได้ ตัวโตอย่างกับควาย”

ทัตยังคงเงียบ

“เออๆ เรียกก็ได้”

“ถ้าไม่สบายใจที่จะเรียกก็ไม่ต้องเรียกก็ได้นะ”

“ไม่งอแงงี้ดิ โตแล้วน๊า”

“ไปอาบน้ำเถอะ”

พูดแล้วก็หันหลังตั้งท่าจะเดินหนีอีกรอบ

“ทัต”

“.....”

“ที่รักครับ ไม่งอลเนอะ”

คนพี่ถึงกับชะงักค้างไหนจะหูที่เริ่มเห่อแดงลามลงมาจนถึงคอ คริสเห็นแล้วก็อดยิ้มพอใจไม่ได้ จากที่เขินอายไม่กล้าพูดกลายมาเป็นความชอบใจไปซะงั้น

“ที่รักครับ หันมานี่หน่อยสิ”

แน่นอนว่าคนพี่ยังคงนิ่ง แหมะ ถึงกับแข็งค้างกันเลยทีเดียว ใครกันนะที่กระเซ้าให้พูดอยู่แหม็บๆ

“ที่รัก”

“พอแล้ว”

“ทำไมอ่า หันมาคุยกันดีๆก่อนสิ”

ทัตถึงกับถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ๆก่อนจะหันมาหาตามคำเรียกร้อง คนน้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเข้มยังคงแดงจัดไหนจะฟันที่ขบกัดกันจนเกร็งแถมยังมีการหลบตาเสมองไปทางอื่นอีก คริสนึกสนุกจึงยกมือขึ้นโอบรอบคอคนพี่จนบางสิ่งที่ทั้งแข็งและใหญ่โตด้านล่างสัมผัสถูกขาของเค้าเต็มๆ

หืม...เป็นถึงขนาดนี้เชียว ชักไม่ได้การแล้วสิ

“เออ ไอว่าไอไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ”

ถกมือกลับด้วยความไวแสงแต่ก็ยังช้ากว่าใครบางคนที่เปลี่ยนท่าทีอย่างกับพลิกฝ่ามือ ทัตยิ้มกริ่มแล้วดึงเอวคนน้องให้เข้ามาประชิดก่อนจะก้มลงหอมแก้มเนียนไปอีกฟอด

“ทะ ทัต แม่รอกินข้าว”

“หิวเหรอ?”

ยังมีการมาย้อนถามอีก คริสเหลือบมองดวงตาสีเข้มที่หรี่ลงเหมือนจะอ้อนวอน ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากเค้าไม่ถึงคืบ ปลายจมูกโด่งเป็นสันยังคงวนเวียนอยู่กับใบหน้าหวานที่เริ่มจะมีสีแดงฝาดๆขึ้นทุกขณะ บางอย่างด้านล่างถูไถไปกับง่ามขาจนอุณหภูมิเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ที่รัก”

เสียงเอ่ยเรียกที่แผ่วเบาคล้ายกระเซ้าอยู่ข้างหูจนคนฟังแทบทนไม่ไหว คริสตัลโอบกอดคนพี่แล้วซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งซ่อนอาการเขินจนแทบระเบิด พอมาโดนเองถึงได้รู้ว่าทำไมทัตถึงมีรีแอคชั่นรุนแรงถึงขนาดนั้น โคตรเขินเลยเว้ย ยิ่งเป็นคนที่ตัวเองรักพูดด้วยแล้วยิ่งใจเต้นตูมตาม โอ้ยยยยยย

“หึ”

ทัตกระชับอ้อมกอดก้มลงหอมหัวคนรักไปอีกทีแล้วจึงพากับไปอาบน้ำอาบท่าแต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่การอาบแบบธรรมดา

“ทัต!”

คริสสะดุ้งเมื่อโดนคนพี่จับอุ้มขึ้นบนเคาเตอร์ล่างหน้า ตอนนี้ร่างกายคนทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์จะมีก็เพียงผ้าก๊อตที่พันอยู่รอบแขนแกร่ง ทุกครั้งที่ทัตใช้แรงมากคริสจะนึกหวั่นว่าแผลจะโดนผลกระทบและคอนปรายตามองอยู่ตลอดจนทัตยิ้มพรายก่อนก้มลงจุมพิศที่ริมฝีปากบาง

“อื้อออ เดี๋ยวแผลก็ปริหรอก”

“ช่างมัน”

“มันใช่เรื่องไหมทัต”

“หึหึ”

คิดว่าคนอย่างเทพทัตกลัวซะที่ไหนละ เมื่อมีอาหารอันโอชะอยู่ต่อหน้าก็ต้องรีบกินให้หนำนั้นคือสิ่งที่อยู่ในหัวเค้าตอนนี้ ทัตไล่เล้าโลมตัวบางจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ ส่วนกลางกายของทั้งคู่ชูชันแข่งกันจนทัตต้องเอื้อมมือไปจับให้คนตัวบางสะดุ้งเล่นเบาๆ

“อืออ...เร็ว”

ทัตยิ้มกริ่มเมื่อรู้ว่าคนน้องเริ่มจะร้อนลุ่มจนทนไม่ไหว คนไวต่อสัมผัสเป็นทุนเดิมอย่างคริสมีเหรอจะทนได้เมื่อโดนเล้าโลมโดยคนเจนจัดอย่างเค้า ทัตขบกัดที่ยอดอกจนน้องหลุดเสียงครางพร้อมๆกับเพิ่มจังหวะการรูดรั้งของมือให้ไวยิ่งขึ้น คริสบิดเร้าร่างกายตามแรงกระสันจนร่างแทบหมุนเป็นเกรียว มือเรียวตวัดไปทั่วจนโดนข้าวของล้มระเนระนาด

ทัตสบโอกาสเหมาะตอนคนตัวบางอารมณ์กระเจิงและเริ่มทนไม่ไหวจึงหันไปคว้าขวดเจลที่มีสต๊อคไว้อยู่หลังเคาเตอร์มาชะโลมที่ช่องทางเล็กก่อนจะสอดแทรกเรียวนิ้วเข้าไปช้าๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“อึ๊ก!...อาส์...”

ทัตแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ด้านใน การตอดรัดไม่หยุดหย่อนนั้นทำให้เค้าอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเปลี่ยนจากนิ้วเป็นส่วนนั้นของเค้ามันจะรู้สึกดีมากขนาดไหน ทัตหาจุดอ่อนไหวไม่นานก็เจอ คริสตัวกระตุกเกร็งปลดปล่อยทันทีที่นิ้วจี้ไปโดนเพียงไม่กี่ครั้ง

“หึหึ ทำไมไปไม่รอพี่อย่างนี้ละ”

คริสเลือกที่จะยกมือขึ้นมาบิดบังหน้าตาระคนเขินอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ทัตหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วแทนที่นิ้วด้วยส่วนนั้นของตนจนคริสสะดุ้งทันทีที่สัมผัสได้ มือเล็กรีบโอบรอบคอในขณะที่ขาโดนจับแยกกว้างเพื่อการสอดใส่ที่สะดวก ทัตกัดฟันแน่นจนกรามโปกนูน ด้านในร้อนฉ่าและตอดรัดจนแทบทนไม่ไหว ให้ตายสิ ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่ทีคริสตัลก็เป็นที่สุดของเค้าจริงๆ

“อ๊าาาาา”

เสียงเล็กครางหวานเมื่อแกนกายใหญ่ยักษ์แทรกเข้าไปจนสุดทาง ทัตก้มลงจูบขมับปลอบคนน้องที่ตัวสั่นน้อยๆ ทัตจัดท่าให้ใหม่โดยรวบขาน้องให้ขึ้นมาก่ายอยู่บนไหล่แล้วจึงถอนกายและกระแทกเข้าไปใหม่อีกรอบและอีกรอบอย่างต่อเนื่อง

“อ่า...อึ๊ก...ทัต...เบา”

“เบาไป?”

“บ้า!...อาส์...”

“หึหึ”

มือหนากระชับบั้นท้ายคนน้องให้แน่นขึ้นแล้วเร่งจังหวะไม่สนคำทักท้วงใดๆ เสียงร้องครางหวานดังก้องไปทั้งห้องประสานกับเสียงผิวเนื้อที่กระทบกันดังระงม คริสบลือตาฉ่ำน้ำขึ้นมองคนตรงหน้าในขณะที่ทัตก้มลงมาประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม

 


 
 
 
 
“ช้า!”

ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปที่ห้องอาหารผู้เป็นแม่ก็เอ็ดตะโรขึ้นทันที คริสได้แต่ก้มหน้างุดในขณะที่ทัตไหวไหล่แล้วโอบเอวคนรักที่เดินไม่ค่อยสะดวกไปนั่งที่เตรียมทานมื้อเช้า ไม่สิ ต้องเรียกว่ามื้อสายถึงจะถูก

“แม่ทานรึยัง?”

“ยะ! ใครจะไปทนรอไหว”

ทัตส่งยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาให้ผู้เป็นแม่ ดูหมือนจะมีเพียงคริสคนเดียวละมั่งที่รู้สึกผิด

“ผมขอโทษครับ”

“อุ๊ย ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะลูกคริส แม่รู้ว่าหนูโดนพี่เค้าแกล้งมาใช่ไหม ดูสิหน้าแดงเชียว”

นอกจากจะตกใจกับกับสรรพนามที่ใช้เรียกว่า ‘หนู’ แล้วยังต้องเขินหนักกับการรู้ทันของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอีกต่างหาก คริสตวัดสายตาไปจ้องคนด้านข้างดุๆ ปากหมุบหมิบประมาณว่า ก็บอกแล้วว่าอย่าทำๆก็ไม่เชื่อ ทัตเบ้ปากไม่สนใจพอดีกับที่แม่บ้านนำอาหารมาให้เลยพากันกินในทันที

“พ่อละครับ?”

“ไปบริษัทแต่เช้าแล้ว เห็นว่าจะโอนให้ลูกเต็มขั้นแล้วด้วย”

“ผมจะมีเวลาดูเหรอ เดี๋ยวก็เปิดเรียนแล้วนะ”

“ก็ให้น้องคริสเข้ามาช่วยดูสิ”

คริสตัลถึงกับสะดุ้ง

“หึ ไม่ไหวหรอก คริสไม่ชอบงานบริหาร ถ้าเค้าจะทำเค้าคงทำช่วยที่บ้านเค้าไปนานแล้ว”

“นั้นสินะ งั้นน้องคริสชอบด้านไหนจ้ะ?”

“เออ ก็...พวกฟรีแลนส์ละมั้งครับ ผมไม่ค่อยชอบงานที่มันจำกัดอิสระ”

“งั้นก็มาช่วยงานคุณแม่ได้นะสิ!”

ทัตส่ายหัวเนืองๆในขณะที่คริสกระพริบตาปริบๆ

“งานอะไรเหรอครับ?”

“นายแบบ”

คริสอ้าปากเหวอก่อนจะหันไปหาตัวช่วยอย่างทัตที่กำลังหัวเราะเสียงต่ำ

“ผมบอกแล้วไงว่าคริสไม่ชอบเป็นจุดเด่น”

“แหมๆ ไม่ต้องมาทำทีหวง น้องยังไม่เห็นปฎิเสธอะไรเลย”

คริสถึงกับพูดไม่ออก เค้าก็ไม่ชอบเป็นจุดเด่นจริงๆนั้นแหละ แต่ว่า...

“ว่าไงจ้ะน้องคริส มาช่วยเป็นนายแบบให้คอเล็คชั่นใหม่ของคุณแม่หน่อยนะคะ”

“กะ ก็ได้ครับ”

“เห็นไหมตาทัต น้องคริสออกจะว่าง่ายแถมน่ารักอีกต่างหาก”

เทพทัตหมุนหัวคิ้วในทันที

“คริส”

“อะไรเล่า?”

“รู้ไหมว่าคอเล็คชั่นใหม่ของคุณนายนาตาลีเป็นแบบไหน?”

คริสตัลส่ายหน้าเนืองๆ

“งั้นกินเสร็จแล้วก็ไปดูกับคุณแม่ที่ห้องนั่งเล่นนะจ้ะ แม่มีแฟ้มงานติดมือมาด้วย”

“อ่า ครับ”

ทัตพ้นลมหายใจในขณะที่คุณนายของบ้านกระดี๊กระด๊าเต็มขั้น คริสได้แต่งุนงงแล้วลงมือทานต่อไปจนกระทั่งทั้งสามย้ายสาระร่างพากันมาสิงสถิตอยู่ที่ห้องนั่งเล่นอันแสนกว้างขวาง ทัตกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมาพลางตีหน้าบึ้งในขณะที่คริสตัลเหงื่อแตกซกแต่คุณนายของบ้ากลับยิ้มหน้าบานเสียยิ่งกว่าจานดาวเทียม

“เออ...คือ....”

“เป็นไง สวยไหมจ้ะ? แม่ได้ไอเดียมาจากสภาพอากาศของเมืองไทยที่มีอุณหภูมิสูงแทบจะตลอดทั้งปี ถ้าเป็นที่เยอรมันก็เป็นอีกแบบ การที่เราจะสร้างผลงานให้โดนใจคนประเทศหรือซีกโลกนั้นๆต้องศึกษาถึงสภาพอากาศด้วยนี่เนอะ”

พูดเป็นการเป็นงานจนคริสไม่กล้าทักท้วง ถึงจะไม่กล้าก็เถอะ แต่ชุดแต่ละชุดนี้มันค่อนข้างจะเนื้อ(ผ้า)บาง เว้าลึกคอกว้าง สีสว่างบางตัวเป็นแนวตาข่ายมาเลยด้วยซ้ำ มิน่าละทัตถึงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์จนถึงตอนนี้

“ทัต”

“ว่า?”

มีเหรอที่พูดจาขวางแบบนี้ใส่เค้า

“ทัตครับ”

คนถูกเรียกหันมามองด้วยความแปลกใจแต่ก็ต้องเก็บอาการบางส่วนไว้แล้วหลี่ตามามอง คริสส่งสายตาอ้อนวอนไปให้คนคนขี้ใจอ่อนพ้นลมหายใจแล้วดึงเอาแฟ้มในมือคนรักไปพับเก็บวางลงโต๊ะต่อหน้าต่อตาคนเป็นแม่

“อะไรกันยะเจ้าลูกคนนี้”

“ผมไม่ให้ถ่าย”

“นี่มันเรื่องของแม่กับน้องคริส ทัตไม่เกี่ยว”

“แต่ผมเป็นคนรักของคริส เพราะงั้นผมมีสิทธิ์ในตัวเค้ามากกว่าแม่”

“เทพทัต”

“ไว้ถึงคอเล็คชั่น ฤดูหนาวแล้วผมจะพิจารณาอีกทีนะครับ แต่ตอนนี้พวกผมขอตัว”

“เอ๊า จะไปไหนกันนะ?”

“ขึ้นห้อง ผมต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอครับ”

“จะพักก็ไปพักคนเดียวสิ แม่ยังอยากคุยกับน้องอยู่เลย”

“คริสตัลก็ต้องพัก”

“หืม?”

“ก็เมื่อคืนแล้วก็เมื่อเช้า...อุ๊บ!”

ยังพูดไม่ทันจะจบมือเรียวก็อุดปากคนช่างจ่อไว้ได้ทันซะก่อน คริสหน้าแดงจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ถ้าทัตพูดจบเค้าไม่ต้องอยู่บนโลกนี้กันละ ทัตหัวเราะขำเมื่อรู้ถึงปฎิกิริยาของคนน้อง ส่วนผู้เป็นแม่ก็ได้แต่จิ๊ปากขัดใจ

“พวกเราขอตัวเลยแล้วกันครับ เดินไปสิทัต”

พูดเสียงหวานบอกผู้ใหญ่ก่อนจะหันไปแว๊ดใส่คนพี่ที่ยังยิ้มระรื้น หมั่นไส้มันวะ

“ถามจริงๆนะ ถ้าไอไม่ห้ามยูจะพูดออกไปจริงๆเหรอทัต คำว่าอายนะรู้จักไหมห่ะ”

ทัตเบ้ปากไหวไหล่แล้วโอบคนรักขึ้นบันไดไปยังห้องนอนฃของตน

“ถ้าอายคงไม่ได้เมียอย่างคริสตัล เฟรงเบิร์คหรอก จริงไหม?”

จะว่างั้นก็คงได้ เพราะถ้าไม่หน้าด้านหน้าทนจีบทั้งที่โดนเค้าตอกกลับไปสารพัดก็คงไม่ได้มายืนอยู่ด้วยกัน ณ จุดๆนี้ คริสยิ้มให้กับบทสรุปง่ายๆที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะมี เห็นทีเปิดเทอมคราวนี้เค้าคงโดนล่อจนแทบอ้าปากเถียงไม่ได้แหง่งๆ

“ยิ้มอะไรครับ?”

“ยิ้มให้กับอนาคต”

“รู้แล้วเหรอว่าอนาคตจะเป็นยังไง?”

“แน่นอน ก็ต้องสดใสสมชื่อคริสตัลอยู่แล้ว”



~♡~♡~♡~ FIN ~♡~♡~♡~

โปรดอย่าท้วงว่าจบแบบดื้อๆ 55555+

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ เรื่องนี้จะมีตอนพิเศษ(ช่วงเปิดเทอมและเปิดตัวอย่างเป็นทางการ) อีกอยู่นะ แต่ไม่ชัวร์ว่าจะ1หรือ2ตอน
และ
ที่สำคัญไปกว่านั้น ไรท์จะต่อเรื่องของพี่ครอสในเรื่องนี้เลยนะจ้ะ
ดราม่าแน่นอนบอกไว้ก่อนเลย คริคริ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2017 14:36:47 โดย MyMinT1990 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด